รักฤาสิรานร้าว - นิยาย รักฤาสิรานร้าว : Dek-D.com - Writer
×

รักฤาสิรานร้าว

ความรักที่มีอุปสรรคของภัชชานินกับ กัฐวีร์

ผู้เข้าชมรวม

464

ผู้เข้าชมเดือนนี้

9

ผู้เข้าชมรวม


464

ความคิดเห็น


1

คนติดตาม


2
จำนวนตอน : 5 ตอน
อัปเดตล่าสุด :  17 มิ.ย. 56 / 05:34 น.

อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

 

รักฤาสิรานร้าว

 

บทที่ 1

 

ร่างะหงที่ก้าวมาหยุดและทรุดนั่งบนเก้าอี้หวายใหม่เอี่ยมสะอาด บริเวณภายรอบนอกเรือนพักแห่งนี้

เป็นบ้านใหญ่โตหลังโอ่อ่า

ที่ เจ้าของบ้านนั้น ก็สามารถเปรียบฐานะได้กับคหบดี

และท่าน ชื่อ คุณสมิทธิ์กับคุณเพาลำภาเป็นเจ้าของบ้าน

หญิงสาวผู้ที่กำลังเริ่มตั้งครรภ์อ่อนเป็นลูกสาว เธอมีชื่อว่า ภัชชานิน

ในบ้านที่แสนสุข สงบเงียบ ประดับไปด้วยแมกไม้ที่ให้ร่มเงาครื้มและไม้เถาว์เลื้อย ผลิดอกออกช่อในยามเช้าสดใส

ภัชชานินเดินออกไปรับลมเย็นๆ และเธอใช้สายตามองไปยังภาพของดอกไม้ในแปลง ดอกกุหลาบ ดอกสร้อยอินทนิล

แม้แต่ดอกราชาวดีที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ

มีเสียงที่เอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงของมารดา

เมื่อเห็นลูกสาวเดินไม่ระมัดระวังตัวเอง เหยียบไปในพื้นดิน ซึ่งอาจจะมีเศษก้อนหินอยู่แถว

นั้น

ระวังหน่อยลูกนิน กำลังท้องกำลังไส้ ”

 

ที่ห้องพักส่วนตัวของภัชชานินกับสามี มารดาได้ซื้ออาหารบำรุงสุขภาพและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์สำหรับคนตั้งครรภ์

วางไว้ในห้องซึ่งหญิงสาวแกะเปิดออกมาดื่มบ้างแล้ว อย่างเช่นน้ำลูกพรุนกับโยเกิร์ตสำหรับคนท้อง ที่เหลือเก็บแช่ไว้ในช่องเย็น

แต่ที่ภัชชานินชอบดื่มคือนมจืด เธอมีความคิดว่าอกจากผิวจะสวยแล้ว ยังส่งผลต่อลูกในท้องซึ่งผิวพรรณดีด้วย

 

กัฐวีร์สามีของเธอออกไปทำงาน เสียงเตือนด้วยคำพูดของมารดาดังขึ้นอีก

ขึ้นไปพักผ่อนบนตึกเถอะลูกนิน แดดก็ร้อนลูก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้ง ไม่สบายไปอีกเหมือนคราวก่อน ”

ภัชชานินเคยล้มป่วยเป็นไข้ เพราะร่างกายอ่อนแอ เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา

ตอนที่เธอไปตรวจอัลตร้าซาวน์กับสามีว่าได้ลูกสาวคนแรก เพาลำภาผู้เป็นมารดารู้แล้วว่าได้หลานสาว ดีใจยิ่งนัก

 

เห็นตระเตรียมชุดสำหรับเด็กหญิงของเล่นของใช้ขนซื้อมาเตรียมไว้รอสารพัด

ไม่นึกว่านางจะเห่อหลานสาวคนแรกอย่างนี้

 

สมิทธิ์บิดาของหญิงสาวเมื่อรู้ก็เพียงแค่ดีใจที่จะได้อุ้มหลานสาว

ริมฝีปากที่ดูซีด ซ้ำเดินก็ช้าลง

บางครั้งรู้สึกจะผะอืดผะอม ทานอะไรไม่ค่อยลง ทานไม่ได้ จะต้องคายออกมา

 

เหมือนว่าเธอเกิดอาการแพ้ ตั้งแต่ครั้งที่อยากกินผลไม้เปรี้ยวๆ

บางครั้งก็อาเจียน ต้องรีบหากระโถนมารองไว้

เหมือนว่านี้คืออาการแพ้ แพ้ท้อง เดือดร้อนมารดาและบิดาต้องพาไปหาคุณหมอบ่อย

 

สำหรับสามี กัฐวีร์จะไปโรงพยาบาลในช่วงตอนบ่ายๆ เพราะเขาต้องลางานที่บริษัท

และค่ำของวันนั้น วันนี้กัฐวีร์กลับมาจากที่ทำงานเร็ว ภัชชานินเห็นสามีมาทรุดนั่งกับพนักหลังบ้าน

มุมที่เขาชอบมานั่งเล่นและชอบนั่งมองเหม่อ

มานั่งเหม่ออีกแล้ว นะคะคุณวีร์ คิดถึงใครกัน “

คิดถึงเมีย สิครับ ถามได้ จะไปมีเวลาคิดถึงคนอื่นได้ยังไง ”

เขาตอบด้วยคำพูดที่ปากหวาน แม้ว่าตนเองจะเหนื่อยล้าจากการทำงาน แต่การที่ได้ตอแยเมียเล่นๆก็มีความสุขเหมือนกัน

ให้มันจริง อย่างที่ปากพูดเถอะค่ะ คุณวีร์ขา ”

เขาปากหวานใส่หล่อน ทำให้ภัชชานินนึกดีใจ ที่สามียังไม่ออกนอกลู่นอกทาง

 

หิวไหมคะ มาเหนื่อยๆ”

ภัชชานินถามอีก

ยังไม่หิวเลยจะ ที่รักจ๋า ”

แล้วกัฐวีร์ก็มองไปที่ท้องของหญิงสาว ท้องแรกและเพิ่งเดือนกว่าเท่านั้นเอง จึงยังไม่นูน

ลูกดิ้นบ้างหรือเปล่าจ๊ะ นินจ๋า ”

มีดิ้นบ้างคะ ”

 

แล้วคุณล่ะ ทานอะไรมาแล้วหรือยัง ”

แม้จะกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย เขาก็ยังถามภรรยาด้วยความห่วงใย

นินทานอะไรไม่ลงตั้งแต่เช้าเลยค่ะ เลยไม่นึกหิว ถ้าทานแล้วจะอาเจียนออกมาดื้อๆ ”

เขาตกใจรีบประคองร่างของเธอมานั่งบนพนักนุ่มถามเบาๆ

แพ้หรือเปล่าจ๊ะ แบบนี้ต้องไปหาคุณหมอให้ตรวจดูอาการ “

คงไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ กัฐวีร์แค่อาการแพ้ธรรมดา “

ทำเก่ง กว่าหมอ อย่าดื้อกับผมสิ ที่ผมบอก ผมห่วงทั้งลูกห่วงทั้งคุณ”

ค่ะ นินจะไปหาหมออีกครั้งกับคุณแม่ “

ไม่ต้องรบกวนคุณแม่หรอก ไปกับผมก็ได้ ผมจะลาหยุดงานสักวัน ให้กับครอบครัวเต็มที่ ”

ทำให้ภัชชานินหันมายิ้ม

อย่างน้อยเขาก็สามารถที่จะลาหยุดงาทั้งๆที่เขาเป็นคนบ้างาน สนใจงานมากกว่าเรื่องครอบครัว เพื่อหล่อน

ยิ้ม ทำไมจ๊ะ ”

กัฐวีร์มองเห็นภัชชานินยิ้ม ยิ้มแบบภูมิใจลึกๆ

ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นินดีใจ ที่คุณทำเพื่อนินและลูก ”

คุณคงจะพูดว่าผมบ้างานมานานแล้วใช่ไหม ควรที่จะใส่ใจกับครอบครัวมากกว่านี้ เพราะคุณกำลังท้อง ”

เธอไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายงานของเขาอย่างที่เขาบอก

แต่วันนี้เขาพูดเอง จะให้เธอพยักหน้าก็กระไรอยู่

แต่ถึงอย่างไร เขาก็เข้าใจแล้วนี่

 

ตั้งแต่สี่โมงครึ่งของวันนี้ นายสมิทธิ์พ่อตาของกัฐวีร์ มีนัดกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ไปเล่นกอล์ฟที่สนามไดร์ฟประจำแถวถนนศรีนครินทร์

จนกระทั่งเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ยังไม่กลับ

คุณเภาลำพาผู้เป็นภรรยายืนชะเง้อมองจากหน้าต่างห้อง ก็ยังไม่เห็นกลับ

 

 

ผมรื้อหยิบเอกสารที่บนโต๊ะทำงานปัดเศษฝุ่นเล็กน้อย ที่เกาะอยู่กระดาษและแฟ้มภายในห้อง

กลางวันผมไม่ได้อยู่บ้าน ไปทำงาน ไม่ทราบว่าภรรยาจะจัดการกับเรื่องพวกนี้อย่างไร

แต่ผมก็ไม่อยากจะพูดมาก วันๆหนึ่งเธอคงเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเต็มที

แต่ผมจะบอกคนใช้ให้เข้าไปทำความสะอาดในห้อง

หางานให้พวกเขาทำ ปัดกวาดเช็ดฝุ่น เอาผ้าม่านไปให้ร้านซักก็ยังดี

 

ทำไมภรรยาของผมไม่สนใจในเรื่องนี้เลย

ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่อยากจะจู้จี้เซ้าซี้ถามเธอมาก

ในช่วงหลัง เพราะรู้ดีว่าภาวะอารมณ์ความรู้สึกของคนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่เป็นอย่างไร

ภัชชานินยิ้มให้ผม ยิ้มของภรรยาดูเซียว

ไม่สบายใจหรือเปล่าค่ะ ”

กัฐวีร์ยิ้มตอบให้

นิดหน่อยครับ”

เรื่องที่ ทำงานหรือเปล่าคะ ”

เธอถามอีก ผมไม่อยากจะตอบเธอสักเท่าไหร่

ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจเลย แต่ว่า มันไม่มีปัญหาอะไรหรอกที่รัก นิดเดียวเอง ปัญหาแค่นี้สำหรับผมจิ๊บจ๊อย ”

ผมพยายามยืนยันคำนั้น

แต่ว่า คุณต้องห่วงสุขภาพของตัวเองด้วยนะคะ ไม่ใช่กลับมาถึงบ้านแล้วทำงานต่อ”

เป็นต้นว่า ”

เขาต่อคำพูดพร้อมกับยิ้มให้เธอ

ห่วงฉันกับลูก ”

ห่วงอยู่แล้ว กับเมียแล้วก็ลูกนี่ ทั้งห่วง ทั้งหวงอยู่ทุกคืน ”

เธอทวงคำพูดอีก

เขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน ครั้นจะหงุดหงิดใส่ภรรยาก็ไม่ถูก

และเขาพยายามเข้าใจความรู้สึกของเธอว่า ที่เป็นอย่างนี้ เพราะห่วงใยเขามาก รักเขามากจนเกินไปนั่นเอง

ไม่เป็นไรหรอกน่า คุณ จะให้ผมห่วงยังไง คุณเป็นคุณแม่ที่ออกจะเก่งอยู่นี่ ”

ก็คุย พูดถามฉันกับลูกบ้างสิคะ”

ได้เลยงั้นสามชั่วโมงจากไปนี้ ผมจะขลุกอยู่กับลูกกับเมีย พอพ้นเวลาแล้วผมขอกลับมาทำงานเหมือนเดิม “

บ้างานอีกแล้วคุณนี่ เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เป็นไปตามเคย ”

เธอบ่นให้เขาได้ยิน

 

แต่เขากลับหัวเราะ

โธ่ คุณ ถ้าไม่ทำงานนี่ ผมจะเอาอะไรเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียล่ะ อีกหน่อยเจ้าหนูอีหนูมันก็จะลืมตาออกมาดูโลกแล้ว ผมกับคุณ พ่อแม่เตรียมอะไรไว้ให้แกล่ะ อีกอย่างมันก็เป็นหน้าที่ของผมนะ ในเมื่อพ่อแม่ก็ยกคุณให้กับผมแล้ว ผมต้องหาทางสร้างอนาคต ปูทางในอนาคตให้กับครอบครัวของผม ”

ฟังเท่าที่เขาพูดแล้ว คนเป็นเมียอย่างเธอรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งนัก

 

แต่ว่า เงินของนินก็มีนี่คะ”

คุณจะทำให้พ่อตาแม่ยายค้อนผมหรือไง ที่ยกลูกสาวให้แล้ว ยังคิดจะเกาะแกอีก ผมไม่ทำอย่างนี้หรอก มันเสียศักดิ์ศรีของผมเหมือนกัน เรื่องให้ใครดูถูกดูผิดอย่ามาทำใส่ผมเลยก็แล้วกัน “

ค่า คนหยิ่งในศักดิ์ศรี ”

เธอยิ้มหวาน อดประชดให้เขาเบาๆไม่ได้

ภัชชานินคิดว่า วันๆหนึ่งผ่านไป เธอทำประโยชน์อะไรให้กับสามีหรือเปล่า

หล่อนคิดเหมือนกัน ก็ในเมื่อเขาต้องทำงานเลี้ยงตัวเธอกับลูกทุกวัน

เธอรู้ว่า กัฐวีร์ต้องมีเรื่องเครียด

 

แต่เธอรู้ว่า เขาเก็บความรู้สึกเก่ง อดทน

บิดามารดาจะนิยมชมชอบอุปนิสัยของเขาแค่ไหนเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน

 

บางครั้งเธอเห็นว่าบิดามารดาของเธอทำแบบปากอย่างใจอย่างเหมือนกัน

ถ้าสิ่งนี้มันกระทบกับกัฐวีร์ ต้องทำให้เขาไม่สบายใจ

ยิ่งกัฐวีร์เป็นคนที่ขี้เกรงใจ พ่อกับแม่ของเธอ ยังมองหาใครที่เป็นเป้าหมายที่ดีกว่า

ลูกเขยคนนี้อีกหรือ เพื่ออะไร จุดประสงค์ของท่าน

กัฐวีร์อาจจะเป็นลูกเขยที่ไม่เข้าตา

แต่หล่อนรักเขา ความรักมันหมายรวมไปถึงความห่วงใย ความปลอดภัย

ซึ่งมันก็คือความผูกพันทั้งหมดกับเขา

จนกระทั่งถักทอสายใยร้อยโซ่รักมาเป็นโซ่ทองคล้องใจคือลูกในปัจจุบันนี้

 

ภัชชานินไม่รู้ว่า ใครกำลังแนะนำหรือชักจูงบิดามารดาไปในทางที่ไม่ดี

เพราะรู้ว่า ท่านรักและชอบ กัฐวีร์สามีของเธอไม่สนิทใจเลย

กัฐวีร์เองก็รู้สึก เพราะเขาอึดอัด

ถ้าจะย้ายบ้านไปจากหลังนี้ คงไม่ได้หรอก

เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัว พ่อกับแม่ท่านไม่อนุญาต

และที่นี่ก็เป็นบ้านของเธอ เป็นบ้านหลังใหญ่

แม้ว่าจะแยกเรือนสร้างใหม่เป็นเรือนหอเฉพาะของภัชชานินกับสามีแล้วก็ตาม

แต่เรื่องเหล่านี้ก็ทำให้ภัชชานินไม่สบายใจ

 

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หล่อนพาตัวเองไปนั่งเล่น ทรุดตัวลงนั่งกับชิงช้าที่ไกวไปมา

ท่ามกลางสวนดอกไม้และเถาวัลย์กลีบดอกเกสรของดอกไม้ที่ผลิบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอวลอยู่ริมจมูก

ภัชชานินยังมีความรู้สึกว่าอาการเพลียยังคงค้างในตัวตนของหล่อน

ตั้งแต่เมื่อคืนก่อน ใช่กลางวันหล่อนรู้สึกว่าตัวเองทำงานอย่างหนักมาก

มีความรู้สึกว่าอยากทำงาน ไม่อยากทำตัวง่อยเปลี้ย นอนอยู่กับที่นอน

 

จะมีใครรู้ไหม ที่แน่ๆ คุณเพาลำภาผู้เป็นมารดาไม่เห็นหรอก ถ้าเห็นคงห้ามแล้ว

ยิ่งแล้วพวกคนใช้ด้วย ถูกหล่อนสั่งให้ออกไปซื้อข้าวของข้างนอก

กับอีกคนให้อุ้มลูกไปอยู่บ้านคุณเพาลำภาผู้เป็นมารดา

และให้ช่วยดูแลอยู่ที่นั่น จนว่าหล่อนจะกลับไปรับตาหนูเองในตอนเย็น ทั้งๆที่เพิ่งคลอดได้สามเดือนเท่านั้นเอง

 

ภัชชานินมีความรู้สึกว่า อยากอยู่คนเดียวมากที่สุด เงียบที่สุดก็ยิ่งดี

จึงโหมเรี่ยวแรงทำงานเองทุกอย่าง เป็นการออกกำลังกายในตัวด้วย

เพราะอึดอัดตัวเองเต็มที่ กับการนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียว เป็นเวลานานกว่า สามเดือน

หล่อนนั่งเงียบอยู่กับเบาะ

ในที่สุดก็โทร.หากัฐวีร์ยังที่ทำงาน

คุณทำอะไรอยู่คะ ”

ทำงาน สิครับ ถามได้”

เขาตอบหล่อนแบบยั่วเย้า ไม่จริงจังนัก เหมือนมีรอยยิ้มและอารมณ์ขัน

 

แค่หล่อนถามแค่นี้ เขาหัวเราะหรือ ปลายเสียงจากภัชชานินเลยเงียบ

แล้วคุณล่ะ ทำอะไรอยู่ ”

เขาถามกลับ แต่หล่อนกลับเงียบ

อ้าว เงียบเสียนี่ ผมไม่ได้คิดจะยั่วคุณนะ แค่เย้าพอหอมปากหอมคอ คิดถึงเหมือนกันนะครับ ตอนเย็นๆ เลิกงานแล้วจะรับออกไปทานข่าวนอกบ้าน เปลี่ยนบรรยากาศไปสักวัน ”

เขาบอกแก่หล่อน

ซึ่งภัชชานินได้ยิน หล่อนก็ยิ้มด้วย

มิเสียแรงที่คิดถึงเขา ในเมื่อเขาพูดถึงบรรยากาศโรแมนติค พาหล่อนไปทานอาหาร

หล่อนไม่ได้ออกไปข้างนอกหลายวันแล้ว

แค่นั้นล่ะ หล่อนวางสาย เขาเป็นงงทันที

ไม่ได้ทันถามให้รู้เรื่อง

แล้วสายก็หลุดไปเลย ช่างเถอะ เขาไม่ได้หัวเสีย กำลังอารมณ์ดี ยิ้มเสียด้วย

เมียโทร.มากวน โทร.มาแหย่ ก็ดีเขาจะได้รู้ว่า หล่อนทำอะไรอยู่

 

ฐวีร์เฝ้ารอคอยวันนี้เหมือนกัน ลูกของเขาและลูกของหล่อน

เขาจะตั้งชื่อให้ลูกยังไงดีหนอ ชื่อพ่อกับแม่รวมกันดีกว่า

เขานึกออกแล้ว ตั้งใจจะบอกคนรักอย่างภรรยาในตอนเย็น

ว่า ให้ลูกชื่อ กัฐชนินทร์ ดีกว่า มันรวมความหมายสองคำของพ่อ กัฐวีร์ แม่ ภัชชานิน

เขาเห็นว่า เหมาะสม และก็ดี ยังไงต้องถามหล่อนด้วยดีกว่า

 

 

ใกล้เที่ยงแล้ว กัฐวีร์นึกหิว เพื่อนร่วมงานจึงชวนเขาไปทานอาหารข้างล่าง

ความรักเมื่อมันมีอุปสรรคต้องต้อสู้ฝ่าฟัน

กัฐวีร์ถือว่ามันเป็นคติประจำใจเขานั่นเอง

เกี่ยวกับเรื่องครอบครัว ที่มีคุณพ่อตาแม่ยายอยู่ในสภาพแวดล้อม ครอบครัวของเขาที่ไม่พ้นจากสายตามองของทั้งสอง

 

กัฐวีร์เป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขาไปก็อีกอย่าง แต่นี่เขาทำงาน

และไม่ได้คิดจะเกาะชายกระโปรงเมียกิน อย่างที่สายตาดูแคลนของใครๆ ที่คนแถวนั้นคิดพร้อมด้วยญาติสนิทชิดเชื้อของหล่อน

เขาถูกดูถูกมาก แบบนี้เขาก็ไม่ยอม

ให้มันรู้ไปสิว่า คนอย่างเขามีเลือดมีเนื้อ มีความเจ็บ ความปวด ไม่ใช่ก้อนหินหรือว่าเหล็กเพชรมาจากไหน ที่จะมีความทานทนทระนง

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เมีย ความแคร์จากหล่อนเท่านั้น

คิดกับเขายังไง เพราะว่า ความรู้สึกนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

เป็นความรู้สึกที่เกิดจากใจของหล่อน

เพราะว่า หล่อนจะได้ให้คำตอบแก่เขาได้ ว่า หวงแหนอาทรรักหรือว่าผลักไสทิ้งขว้าง

 

กัฐวีร์คิดว่า ชีวิตของเขายอมจำนนอยู่ใต้ชายคาหัวใจของผู้หญิงคนนี้คนเดียว

เขาหึงน่ะหรือ

มันก็ มีส่วน ผู้ชายที่ได้เมียสวย ก็ย่อมที่จะต้องหึงเป็นธรรมดา

และภรรยาของเขาเองก็ต้องหึงเขาเป็นธรรมดาเช่นกันลึกๆในใจ

 

เพราะตอนนี้เขาทำงานอยู่ข้างนอก หล่อนอยู่แต่ในบ้าน หลังจากที่อุ้มท้องนั้นครบเจ็ดเดือน

คลอดลูกออกมา ก็ต้องเลี้ยงดู

แว๊บ หนึ่ง จากความระแวงของหล่อน เขาคิดว่าต้องมีแน่

 

แต่ถ้า หากมันมีแรงผสมจากแม่ยายของเขาด้วย

มันก็จะยิ่งหนักหนาไปจากเดิม เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ผู้เป็นแม่ยายของเขา

เขารู้ตั้งแต่ทีแรกแล้วว่า ไม่อยากจะต้อนรับเขานัก ถ้าหากเขาไม่ได้เป็นผัวของลูกสาว

 

ภัชชานินช่วยเขาได้ในระดับหนึ่ง แต่พ่อตาของเขาท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร

อาจจะเป็นเพราะผู้ชาย เข้าใจจิตใจของผู้ชายด้วยกันดี

ไม่เหมือนคุณเภาลำพาแม่ยายของเขา ที่เจ้ายศเจ้าอย่าง เจ้าหยิ่ง ไว้ตัวอีกต่างหาก

ธรรมดาของชนผู้เกิดมาในฐานะชนชั้นผู้ดีเขาคิด

 

งานที่เขาทำ จะต้องกลับดึกทุกวัน เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลเทคนิคการถ่ายทำและตัดต่อโฆษณา

บางทีเป็นก้าวใหญ่ที่บริษัทของเขา ซึ่งทำธุรกิจในด้านวงการบันเทิงจนครอบคลุม

งานทุกอย่าง จะขยับตัวเองเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ คือการสร้างหนัง

 

เพราะในช่วงนี้มีการประชุมกันเขียนผลิตบทหนังขึ้นเพื่อที่จะสร้างหนัง

กัฐวีร์เข้าประชุมในฐานะหัวหน้าฝ่ายคนหนึ่ง

รับรู้เรื่องนี้ดี เขาคิดว่า เขาจะต้องกลับดึกกว่าเดิมเป็นอย่างแน่

 

คุณสุมนตรา คงพูดง่าย ท่านเป็นภรรยาของท่านประธานของบริษัท

ส่วนบุตรชายของท่านที่ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร ดูแลด้านกิจการทั่วไป คงยาก

ชานุคงไม่รับฟังแน่ นอกจากรับฟังและเข้าใจแต่ผลประโยชน์ของตนเอง

 

ซึ่งเขาเคยพบเจอมาแล้ว เคยขอครั้งก่อน ในวันที่งานหนัก เขาไม่อยากทำงานเพิ่ม

แต่ชานุพูดว่า คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง ห้ามบิดพลิ้ว คนอื่นยังทำงานได้ เขาก็ต้องทำงานได้

 

เมื่ออยู่ในสภาพที่บังคับใจอย่างนี้เขาก็ต้องยอม

แต่ดีที่มันเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นอย่างนี้ตลอด

เมื่อพ้นจากช่วงนี้ไปแล้ว เขารู้สึก สบาย และโล่งใจ

 

เมื่อบริษัทคิดดำริจะสร้างหนัง เขาคิดว่า ระบบงานแบบเดิมๆคงจะกลับมาอีกแล้ว

ถ้าให้เขาทำงานจนดึกดื่น จนไม่มีเวลาให้ลูกเมีย เขาก็ต้องคิดพิจารณาอีกที ว่าจะอยู่ที่บริษัทนี้อีกนานไหม?

 

ซึ่งบริษัทอื่นยังมีที่ต้องการตัวเขา อาจจะให้ค่าจ้างเงินเดือนแพงกว่าที่นี่อีก

แต่ที่เขาไม่อยากจะทำอย่างนั้น เพราะนับถือ และบุญคุณติดค้างกันอยู่

 

ที่บริษัทแห่งนี้ให้โอกาสครั้งแรกในชีวิต และเขาก็อยู่มานานถึง จวนจะครบสี่ปีแล้ว

รู้สึกผูกพัน

ถ้าออกจากงานนี้ แล้วโผไปหาบริษัทอื่น

คนเขาจะได้คิดว่า เขาเนรคุณ

 

โดยเฉพาะบริษัทสองบริษัทนี้ ไม่ถูกกันเสียด้วย เป็นไม้เบื่อไม้เมา

ถ้าภาษาในวงการ เขาก็ว่า เป็นคู่แข่งศัตรูทางการค้ากัน

 

เขาจึงพยายามคิดให้รอบคอบ ถ้าตัดสินใจจะเอาอย่างนั้น

มันหมายความว่าเขาจะต้องถูกบีบคั้นให้ออก

ไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากออก

ตัวเขาไม่อยากจะออก เพราะทำงานมีความสุขดี คุ้นและชินกับมันแล้ว

แต่ทว่าถ้าเขาไม่มีเวลาให้ลูกกับเมีย เขาก็ไม่สนใจสิ่งนั้น

มันอยู่ที่ว่า ชานุ จะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร?

 

ชานุเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ฝีมือยังอ่อนนัก

ถ้าขืนรับงานไปบริหารเองทั้งหมด เขาคิดว่าล้มแน่

เพราะไม่มีประสบการณ์และไม่มีเชิงทางด้านการค้า ไม่รู้กลยุทธของคู่แข่ง

เหมือนท่านผู้อำนวยการและภรรยาของท่าน ทั้งคู่เป็นประธานใหญ่ของบริษัท

 

กัฐวีร์รู้สึกหนักใจไม่น้อยในระยะหลัง ที่คนดูแลเขา เปลี่ยนสายงานไปดูแลทางอื่น

โดยให้ชานุ ลูกชายขอท่าน

ซึ่งเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ มาบริหารในด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ เรียกว่าเป็นผู้จัดการภาค

เท่าที่ดูแล้ว ชาณุเหมือนคนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

และชานุ ก็ไม่กล้าที่จะลงทุนมาก ไม่กล้าอัดโปรโมชั่นเต็มที่ เหมือนอย่างที่แล้วมา

ทำให้ชานุลืมไปว่า บริษัทที่ผลิตเกี่ยวกับเพลงและซีดีในประเทศ

นั้นมีไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะที่เป็นคู่แข่งก็สองสามราย

 

การที่ชานุทำเองเออเอง ทั้งๆที่ฝ่ายการตลาดก็มีอยู่แล้ว

กลับไม่ทำตาม ถ้าไม่เชื่อ คอยดูเถอะความล่มจมจะต้องเกิดกับบริษัท

ดูๆแล้วในสายตาของกัฐวีร์ เขาคิดว่า ชานุเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงจริงๆ

 

ถ้าบริหารงานให้ถูก เขาสามารถต่อยอดบริษัท และดำเนินธุรกิจกิจการของตระกูล ให้ไปไกลรุดหน้าได้

ถ้าไม่ติดการทำอะไรตามใจตัวเอง แต่นี่เหมือนชานุมากดดันเขาด้วย ท้าทาย

รู้ทั้งรู้ว่า กัฐวีร์ เป็นคนเก่า ทำงานคล่องและเก่ง

เพราะมารดาของชานุซึ่งเป็นคนดูแลเขามาก่อนรู้ดี

นางออกปากฝากฝังชานุไว้กับเขาด้วย

 

แต่ชานุดื้อ เหมือนจะประกาศอยู่ภายในใจว่า จะไม่ยอมแพ้คนอย่างเขา

กัฐวีร์จึงได้มานั่งคิดในใจของตนเองว่า การทำงานบริหารบริษัทของตระกูลตัวเอง ไม่ใช่การเล่นขายของนะ

เขาจึงมาคิดว่า วินาที ในแวดวงธุรกิจบันเทิงทุกแขนง อย่างบริษัทแห่งนี้รวมอยู่ด้วยนั้น

มือสมัครเล่นอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับอาชีพนี้เลย

ต้องมืออาชีพอย่างเดียว มือโปร ไม่งั้นจะมีแต่แตกและพังยับเพียงอย่างเดียว

 

เขามาทะเลาะกับทายาทของผู้บริหาร กลับไปบ้านเขาต้องมาทะเลาะกับเมียอีก เขาค่อนข้างเซ็งและเบื่อขึ้นมาก

ทั้งๆที่ลูกของเขาคลอดออกมาแล้ว หน้าตาน่ารักมาก

คนเพิ่งคลอดลุกเป็นอย่างนี้เอง หงุดหงิดง่าย ขี้โมโห ขี้น้อยใจ สารพัด

เขาคิดว่าจะต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าของครอบครัวให้ดีที่สุด อดทนและเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของหล่อนไปก่อน

และยอมรับตรงๆว่าทำงานนี้เครียดมาก เกี่ยวกับการาควบคุมดุแลงานผลิต และรวมทั้งศิลปินของบริษัท อีกทั้งต้องแข่งขันกับคู่แข่งต่างหาก

จึงทำให้กัฐวีร์ เขาตระหนักดี

กลับถึงบ้านเขาถึงแสนเหนื่อย

บางทีกัฐวีร์ไม่ได้ทานข้าว แต่เขาตรงไปอาบน้ำเพื่อเข้านอนเลย

แต่เวลานี้ก็เป็นห่วง เพราะลูกยังเล็ก

ประการสำคัญ เขามีความรู้สึกที่ขัดแย้งกับมารดาของภรรยา

รวมทั้งท่านไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่

เรื่องนี้ไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะภัชชานินลูกสาวของคุณเพา เป๋นคนเลือกตัวเขา

มาเป็นสามี ไม่ทราบว่าเป็นเพราะปรารถนาลุ่มหลงในตัวเขาหรือเปล่า

แต่เขาก็เชื่อว่า มันเป็นความรัก

เพราะภัชชานินรักเขามาก

จึงทุ่มเททุกอย่างให้เขา

 

ถึงแม้ว่าวัยของหล่อนจะมากกว่าเขาอยู่ก็ตาม

ยิ่งในเวลานี้ มีลูกที่เป็นเหมือนโซ่ทองคล้องใจ

เขาจึงทุ่มความรักไปให้ลูก แทบจะไม่สนใจใคร

แต่กัฐวีร์ เขายังมีความคิดที่จะแยกบ้านอยู่ กับครอบครัวพ่อตาแม่ยาย

เพราะอยากหอยู่กันเป็นส่วนตัว ระหว่างสามีและภรรยา ด้วยครอบครัวเล็ก

จะมีความสุขมากกว่า อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่โต ที่มีแต่ความอึดอัด

เพราะอย่างเขานั้น บอกได้เลยว่า คับที่มันอยู่ได้ ส่วนถ้าคับใจจะอยู่ยากสักหน่อย

แต่ภัชชานินไม่ยอมย้ายไปด้วยเพราะว่าเธอห่วงพ่อกับแม่

และเขาก็เข้าใจคำนี้ จึงอยู่แบบทนอยู่

อยู่เพื่อสองชีวิต ที่มีลูกและภรรยา

 

 

 

 

 

 

 

&nb

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

คำนิยม Top

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

คำนิยมล่าสุด

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

ความคิดเห็น