Fic SNSD In a mirror [Yuri] - Fic SNSD In a mirror [Yuri] นิยาย Fic SNSD In a mirror [Yuri] : Dek-D.com - Writer

    Fic SNSD In a mirror [Yuri]

    บางที...ในกระจกเก่าแก่ที่อาจดูธรรมดาๆ.. อาจจะพบสิ่งที่ตามหามาตลอดทั้งชีวิตก็เป็นได้ (yoonseo) The End

    ผู้เข้าชมรวม

    3,682

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    3.68K

    ความคิดเห็น


    25

    คนติดตาม


    13
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ม.ค. 55 / 21:53 น.

    แท็กนิยาย

    snsd yuri yoonseo HBD Seohyun



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    แวะมาเปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว หาเรื่องใส่ตัวจนได้อ่ะค่ะ ก็เดือนนี้วันเกิดซอฮยอนออนนี่
    ขอแก้ไขเรื่องค่ะ เพราะว่าเจ็ดวันถูกไวรัสกินไปเรียบร้อยแล้ว เลยเอาเรื่องนี้ลงแทนค่ะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       


      บางที......ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีแค่ประตูกับหน้าต่างอย่างละบาน อาจจะพบสิ่งที่ตามหามาตลอดทั้งชีวิตก็เป็นได้

       

                      ฉันเชื่อมั่นกับคำพูดนี้ของตนเองอยู่เสมอ เพราะตลอดทั้งชีวิตของฉัน เกือบสิบปีที่ผ่านมาฉันได้แต่อยู่ในห้องนี้เสมอ ไม่ออกมาเจอกับโลกภายนอกเลย แต่ฉันก็ชอบนะ ที่จะได้ไม่ต้องออกไปไหน อยู่แบบเงียบสงบแบบนี้ในห้องสีขาวเล็กๆของฉันน่าจะดีกว่า

       

                      ในห้องเล็กๆ สีขาวในคฤหาสน์หรูเป็นพันล้านบาท ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหราสวยงามมากมาย ตรงริมหน้าต่างมีดอกกุหลาบสีขาวที่เหี่ยวแห้งโรยรา รอวันแห่งความตายที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

       

      คฤหาสน์ของฉัน ฉันเห็นผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาทางหน้าต่าง มากมายพากันมอง ชี้นิ้ว ตาเป็นประกายและชื่นชมผู้ที่สร้างมันขึ้นมาได้อย่างสวยงาม ราวกับเนรมิตจากสรวงสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น.... ในเวลาเดียวกัน ผู้คนเหล่านั้นกลับไม่เคยมองเห็นฉันได้แม้แต่คนเดียว  ภายใต้ความสวยงามของคฤหาสน์หลังนี้ ฉันกลับมองเห็นมันเป็นความเคยชิน เสียมากกว่า ความเหงา ความโศกเศร้า ที่เป็นเพื่อนคู่กับฉันมาตลอดเกือบสิบปี

       

                      ฉันใช้มือไล้เปียโน เพื่อนคู่หูของฉันอย่างแผ่วเบา มันอยู่เคียงข้างฉันมาตลอดเวลา ในวันที่ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจไยดีในตัวฉัน ในวันที่ฉันอ่อนแอ ร้องไห้ มีน้ำตา เป็นที่ระบายอารมณ์ให้เมื่อยามที่ทุกข์หนัก ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่ได้แตะต้องสัมผัสมัน เพราะทุกวัน.... ฉันก็ต้องคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ เมื่อวันวานที่ผ่านมาอยู่ดี

       

       

       

                      ซออยากได้อะไรเพิ่มไหมลูก เดี๋ยวพ่อจะซื้อให้นะครับ

       

                  พ่อของฉันพลางมองฉันที่นั่งอยู่กระจกด้านหลัง ฉันยิ้ม....วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน....อยากได้อะไรดีหนอ??? จะเป็นตุ๊กตาสิบโท หรือ จะหนังสือปรัชญาดีสักสามเล่มดี ตุ๊กตาสิบโทเต็มบ้านจนพี่เลี้ยงเก็บไม่ไหวแล้ว สงสารพี่เลี้ยง  ส่วนหนังสือปรัชญามันก็ดีนะ แต่ว่า.... ตัวหนังสือมันลายจนเวียนหัวไปหมด อ่านไม่ไหวหรอก

       

                  เอาทั้งสองอย่างเลยได้ไหมคะ คุณพ่อ

       

                      ฉันถามยิ้มๆ ทำให้พ่อกับแม่ถึงกับหัวเราะเบาๆ พลางแย่งกันเอามือลูบศีรษะฉันอย่างเอ็นดูอยู่ในที ฉันมองพวกท่านอย่างมีความสุข ฉันรักพวกท่านมาก....และพวกท่านก็คงจะรักฉันเหมือนกัน 

       

       ไม่มีอะไรที่ฉันอยากได้แล้วไม่ได้........ พ่อกับแม่หามาให้ฉันได้เสมอ

       

       ไม่มีสิ่งไหนที่ฉันอยากจะทำแล้วไม่ได้ทำ........... พ่อกับแม่จะให้ฉันทำด้วยทุกครั้ง

       

      ฉันโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของท่าน เกิดมาท่ามกลางผู้คนมากมายที่รายล้อมรอบตัวไปหมด ฉันคงทำบุญมาดีสินะ......

       

      คุณคะ....ระวัง!!!!!”

       

      เสียงกรี๊ดร้องของแม่ ทำให้ฉันที่เผลอหลับไปตื่นขึ้นมา ก่อนจะพบว่า.....

       

      รถบรรทุกสิบล้อขับเข้ามาในเลนส์ของรถของฉัน พ่อรีบหักพวงมาลัยเพื่อหลบ ทำให้รถเสียหลัก แล้วตกถนนไป ฉันตกใจจนร้องไห้ เมื่อได้เห็นว่า พ่อสลบคาพวงมาลัย ที่ศีรษะเต็มไปด้วยเลือด ส่วนแม่นั้นก็แน่นิ่งไปเหมือนกับพ่อ

       

      คุณพ่อ คุณแม่!!!!”

       

      ฉันเรียกพวกท่าน แต่พวกท่านก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมา ผ่านไปได้ เกือบชั่วโมง ก็ได้มีรถของหน่วยกู้ภัยมา พวกเขารีบลงมาดูทันที....ฉันพยายามจะเรียกแล้ว แต่ตอนนี้เสียงมันหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้

       

      ชะ...ช่วยด้วย

      ฉันพยายามเปล่งเสียงออกมา พวกเขารีบเปิดประตูออกมา น้ำตาของฉันไหลออกมา พวกท่านจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้ว

       

      เฮ้ย มีเด็กอยู่ด้วยว่ะ เร็วเข้า รีบช่วยก่อน

       

      ผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัย ใช้เครื่องมือเปิดประตูรถออกมา พร้อมๆกับลูกน้องอีกประมาณเกือบสิบคน

       

      โทรเรียกรถพยาบาลด่วน มีผู้ประสบอุบัติเหตุสามราย

       

      เขาว่าก่อนจะค่อยๆพยุงฉันที่ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนออกมา แต่แล้ว  ฉันก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ.....เจ็บเหลือเกิน ทำไมถึงเจ็บขาขนาดนี้

       

      เฮ้ย พี่ น้องเขาเลือดออกที่ขาด้วยครับ ตายแล้วๆ

       

      คนที่แบกฉันอยู่หันไปบอกหัวหน้าของเขา หัวหน้าของเขาก็รีบมาดูฉันทันที

       

      ต้องเร่งรถพยาบาลซะแล้วสิ มาเร็วๆสิโว้ย

       

      อีกเกือบหนึ่งชั่วโมงต่อมา รถพยาบาลจึงมาพร้อมกับพาเราสามคนพ่อแม่ลูกไปโรงพยาบาล ส่วนฉันก็ได้แต่ภาวนาขอให้พระเจ้าช่วยคุ้มครองพวกท่านให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยเถิด

       

                  หนูชื่อ....ซอฮยอน ใช่ไหมครับ

                     

      ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมามอง....ที่นี่คงเป็นโรงพยาบาลสินะ มองไปที่ต้นเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ ก็พบหมอ อายุกลางคน ท่าทางใจดียิ้มให้

                 

      คุณหมอคะ พ่อกับแม่หนูเป็นอย่างไรบ้างคะ

       

                  ฉันรีบถามคุณหมอทันที ส่วนหมอก็ได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ฉันคิดว่า เป็นยิ้มที่เศร้ามากกว่า........

       

                  ฟังหมอดีๆนะ หนูซอฮยอน คุณพ่อกับคุณแม่หนูท่าน......ท่านไปอยู่กับพระเจ้าบนโน้นแล้ว

       

                  หมอชี้นิ้วไปที่บนฟ้าอันแสนกว้างใหญ่ อยู่กับพระเจ้างั้นหรอ แล้วทำไมท่านต้องพาพ่อแม่ของฉันไปด้วยล่ะ ทำไมไม่พาคนอื่นไป แสดงว่า...........

       

                  ไม่จริงใช่ไหมคะ คุณหมอ ฮึกๆๆ

       

                  น้ำตาของฉันไหลออกมาช้าๆ ฉันพยายามกลั้นอย่างสุดกำลัง แต่มันก็ทำไม่ได้ ทำไม....ทำไมกัน ทำไมฉันถึงเข้มแข็งได้ไม่พอ.....ทำไมฉันต้องร้องไห้.....ทำไมฉันช่างอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้.....

       

                  ส่วนหนู......เส้นประสาทที่ขาตาย.....ต้องนั่งวิลแชร์ตลอดชีวิต

       

                   เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะอีกรอบ..... ทำไมกันนะ เพียงแค่วันเกิดของฉันผ่านไปนิดเดียว  ความสุขเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน กลับมีความทุกข์เข้ามาอย่างแสนสาหัส เพียงแค่ไม่กี่วัน ฉันสูญเสียบุคคลที่ฉันรักไปถึงสองคนในคราวเดียว แล้วเหมือนพระเจ้าจะซ้ำเติมไม่พอ....กลับนำความพิการมาสู่ตัวฉันอีกต่างหาก

       

                หนูต้องเข้มแข็ง และอดทนรู้ไหม พ่อกับแม่ที่มองเราอยู่บนโน้นจะได้สบายใจ

       

                   หมอพูดถูก....ใช่ ฉันต้องเข้มแข็ง จากนี้ไปฉันต้องอยู่ได้ด้วยตัวของฉันเอง พ่อแม่จะได้สบายใจที่ฉันสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองแบบนี้

       

       

       

                      จากนั้นมาฉันก็อยู่คนเดียวมาโดยตลอด....ถึงแม้ว่าจะมีญาติพี่น้องมาหามากแค่ไหนก็ตาม  แต่ก็ทำได้แค่ส่งเงินมาเท่านั้น มรดกของพ่อ พวกผู้ใหญ่ก็จัดการกันหมด ไม่เหลือให้ฉันเลยแม้แต่สักนิดเดียว.....ก็อย่างว่า ตอนนั้นฉันยังเด็ก ฉันเลยไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้  แล้วฉันก็อยู่ห้องสีขาวเล็กๆในคฤหาสน์หลังนี้ตลอดมา  อาจจะมีญาติมาหาบ้างในตอนแรก แต่พอช่วงหลังๆมา ประมาณ 3 ปี ก็ไม่เห็นจะมีใครมาหาฉันสักคน

       

                      นอกจากเปียโนที่เป็นเพื่อนแล้ว....ฉันก็ยังมีหนังสืออีกมากมายไว้อ่านเล่น ฉันไม่ได้เรียนหนังสืออีกเลยนับจากที่ประสบอุบัติเหตุครานั้น ความจริงแล้ว   ฉันก็ไปเรียนได้นะ แต่ว่า....ไม่มีใครสนใจจะมาดูแลไยดีเด็กกำพร้าอย่างฉันหรอก  จาก ลูกเศรษฐีผู้ดี กลายเป็น เด็กกำพร้าพิการ

       

                 ในเมื่อไม่มีอะไรทำแล้ว ท้องก็เริ่มหิว ฉันค่อยๆเข็นวิลแชร์เข้าไปในครัวในห้อง ทำอาหารง่ายๆกินเอง  ลืมบอกไป คฤหาสน์หลังนี้ฉันอยู่คนเดียวก็จริง  แต่ว่า....ก็จะมีแม่บ้านที่ญาติของพ่อจ้างมา ซื้อกับข้าว อาหารแห้งมาเก็บตุนไว้ในตู้เย็น ถึงเวลาฉันก็อุ่นกินเองได้ ก็โตแล้วนี่นา....

       

                      น่าแปลก......ฉันก็ไม่ค่อยออกกำลังกายมากนัก กินมากกว่าออกกำลังด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ แต่เหมือนฉันจะมีสารต่อต้านความอ้วนภายในร่างกาย กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนสักทีหนึ่ง พลางจับขาของตัวเองที่ตอนนี้.....มันด้านชาไร้ความรู้สึกไปเสียแล้ว

       

                      ฉันนั่งหลับตาเบาๆ ทำใจให้สงบๆ ก่อนจะค่อยๆลืมตาออกมา

       

                      ที่นี่ที่ไหนกัน....ฉันได้แต่แปลกใจกับตัวเอง  เราต้องอยู่ในคฤหาสน์บ้านเราสิ แล้วทำไมถึงมาอยู่กลางเขาลำเนาไพรแบบนี้ล่ะ แล้วทำไมเราถึงยืนได้ เดินได้ด้วย

       
                    
      ฉันค่อยๆเดินไป สำรวจต้นไม้ใหญ่น้อยมากมาย เพิ่งจะได้เห็นต้นไม้จริงก็วันนี้ เหมือนรูปต้นไม้ที่เจอในหนังสือเลย กลิ่นอายของธรรมชาติที่ฉันไม่เคยได้สัมผัส แต่มันรู้สึกร่มเย็น สดชื่นเหลือเกิน ...เดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ....เรื่อยๆ...และเรื่อยๆ..... แต่แล้วฉันก็เห็น......

       

                      กวางทองเขาสีขาวบริสุทธิ์  สง่างาม ดูเหมือนมันจะยิ้มให้ฉันด้วย...ฉันค่อยๆเดินไปหามัน และเหมือนมันก็จะเดินเข้ามาหาฉันเช่นกัน

       

                      ทั้งฉันทั้งกวางต่างก็เดินเข้าหากัน  จนหยุดที่ต้นไม้ต้นไม้หนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางป่าตามความคิดของฉัน เจ้ากวางนั้น ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา

       

                ยินดีที่ได้รู้จักนะ ซอฮยอน ฉันชื่อ ยุนอา แต่อย่าตกใจไปเลย ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกนะ

       

                ทำไมกวางถึงพูดได้ล่ะ

       

                ก็ฉันเป็นกวางพิเศษไง เธอมีเวลาที่นี่อีกไม่นานหรอกนะ อยู่แต่ในคฤหาสน์ไม่เบื่อบ้างหรือไง

       

                 เจ้ากวางทองถาม ส่วนฉันก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ

       

                   ไม่เบื่อหรอก ก็ฉันอยู่คนเดียวมาตลอดเกือบสิบปีแล้วนี่   เปียโนก็มี หนังสือก็มี

       

                   ถ้าเธอเห็นที่นี่  เธอจะไม่อยากกลับไปที่คฤหาสน์เงียบเหงาแบบนั้นอีก เชื่อฉัน

       

                 ไม่พูดเปล่า  เจ้ากวางทองก็ให้ฉันขึ้นขี่หลัง ก่อนจะวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูง  ทำให้ฉันตกใจเป็นอย่างมาก ก็มันกลัวตกนี่นา ผ่านไปสักพัก ฉันก็เริ่มคุ้นเคยกับการวิ่งประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของเจ้ากวางทอง  แล้วมันก็พาฉันมาที่ที่สวยงามแห่งหนึ่ง ซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต

       

                  เจ้ากวางทองพาฉันไปสถานที่หลายๆแห่งที่ฉันไม่เคยไปมาก่อนในชีวิต  ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งแปลกๆใหม่ๆที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส มันรู้สึกดี....รู้สึกสนุก ไม่น่าเบื่อ

       

                 ชอบใช่ไหมล่ะ  เห็นไหมว่าดีกว่าอยู่ในคฤหาสน์เงียบเหงานั่นคนเดียวอีก

       

                เจ้ากวางทองพูด ก่อนจะหยุดพักเดิน พลางทอดสายตามองไกลออกไปยังต้นไม้สีเขียวขจีนับล้านต้นที่ขึ้นตามธรรมชาติอย่างเป็นระเบียบ

       

                   แล้วยุนไม่เบื่อหรอ  เป็นกวาง ทำอะไรก็ไม่ค่อยได้เหมือนที่มนุษย์เขาทำกัน

       

                 ไม่เบื่อหรอก ชีวิตกวางไม่ได้วุ่นวายแบบมนุษย์สักหน่อย  ตื่นขึ้นมาก็ออกหาอาหารกับฝูง เสร็จแล้วก็ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน  บ่ายก็หาอาหารอีก  เสร็จแล้วก็กลับเข้าบ้านนอน  ชีวิตมีอยู่แค่นี้เองจริงๆ ไม่เหมือนกับมนุษย์ ที่วุ่นวาย วุ่นวายกับตัวเองยังไม่พอ ยังไปวุ่นวายกับคนอื่นอีก  ปวดหัว

       

                 บางทีฉันก็คิดว่า....ฉันไม่อยากเป็นมนุษย์เลย ฉันอยากเป็นอย่างอื่นมากกว่า

       

                  ไม่อยากเป็นมนุษย์ก็เป็นนางฟ้าสิ  เธอเหมือนนางฟ้าที่คอยดูแลพิทักษ์ป่านี้มากจริงๆนะ ฉันเคยเห็นด้วย  นางสวยมากๆ แต่ฉันว่า เธอก็มีความงามไม่แพ้นางหรอก

       

                 คำพูดของเจ้ากวางทองทำให้ฉันรู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาแบบแปลกๆ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน  ไม่เคยเห็นมีในหนังสือที่อ่านมาเลย

       

                 เป็นอะไรนะเธอ หน้าแดงเชียว  พักพอแล้ว  ฉันจะพาเธอไปสถานที่ที่สำคัญที่สุดที่อยู่ในป่าแห่งนี้กัน  ไปกันเถอะ มีเวลาไม่มากแล้ว

       

                  เจ้ากวางทองพาฉันมาสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ฉันคิดว่า เป็นสถานที่ที่สวยที่สุดที่ฉันไม่เคยพบมาก่อนเลยจริงๆ              

                     

                   ที่นี่เป็นแม่น้ำอยู่ใจกลางป่าแห่งนี้  เขาว่ากันว่าเป็นแม่น้ำแห่งความศักดิ์สิทธิ์  ถ้าเราอธิษฐานอะไรไว้ แล้วดื่มเข้าไป ก็จะได้สิ่งนั้นสมปรารถนา

       

                  เจ้ากวางทองกล่าว ก่อนจะหันมายิ้มสดใสให้กับฉันอีกครั้ง  รอยยิ้มแบบนี้ที่ให้เป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจ....เป็นความคุ้นเคยที่ไม่ได้รับมาเป็นเวลานานมากแล้ว...นานมาก...นานจนลืมไปแล้วว่า  เวลาคนยิ้มกัน เขาต้องทำอย่างไร

       

                  รีบๆขอสิ อยากได้อะไรก็ขอเลย ฉันรู้นะ ว่าเธออยากได้หลายๆสิ่งหลายๆอย่าง

       

                  ไม่น่าจะมีนะ ฉันคิดว่าฉันมีทุกอย่างพร้อมแล้ว

       

                   ฉันกล่าวพร้อมกับมองลงไปที่น้ำแห่งนั้นใกล้ๆ  แม่น้ำนั้นใสจนเห็นเงาของฉันอย่างชัดเจน  เป็นเงาที่ฉันไม่ชอบเอาเสียเลย  ใบหน้าที่เรียบเฉย  เต็มไปด้วยความเศร้า  ไม่มีรอยยิ้ม  ไม่มีความสุข....นี่คือตัวฉันจริงๆหรือนี่?

       

                 อย่าคิดว่าเธอมีพร้อมทุกอย่าง...ซอฮยอน  เธอลองคิดดูให้ดีๆสิ  ว่าเธอยังขาดอะไรอยู่  ไม่มีใครเกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่าง... บางคนเกิดมาเต็มไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง แต่ก็พิการ แต่บางคนเกิดมาครบ แต่ก็ยากจน มันต้องมีสิ่งที่ขาดไปในชีวิต อย่างน้อยก็หนึ่งอย่างอ่ะนะ

       

                  เจ้ากวางทองพูด.... ทำให้ฉันจมอยู่กับความคิดของตนเองอยู่สักพัก

       

                 ก็จริงอยู่  ฉันเกิดมาบนกองเงินกองทอง พ่อแม่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี  แต่หลังจากอุบัติเหตุทั้งนั้น ฉันก็กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครสนใจ  อีกทั้งยังขาพิการ อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆคนเดียว  มีประตูกับหน้าต่างอย่างละบาน แต่สามารถเห็นโลกภายนอกได้

       

                  คิดอะไรอยู่ล่ะ ซอฮยอน  รีบๆขอสิ

       

                  อื้มๆ กำลังจะขออยู่นี่ไง

       

                  ฉันหลับตาอธิษฐาน หลายๆสิ่งหลายๆอย่างผ่านเข้ามาในหัว  ภาพพ่อแม่ที่ยิ้มให้ในครั้งวัยเยาว์ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจมิรู้ลืม...ภาพทีได้วิ่งเล่นกับเพื่อนๆอย่างมีความสุข  ภาพที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ  ความทรงจำดีๆที่ยังคงเก็บไว้ในลิ้นชักส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจ....ที่ไม่มีวันจะได้เห็นมันอีกแล้ว

       

                   อธิษฐานขอสิ่งที่ปรารถนางั้นหรอ  จะขออะไรดีล่ะ  หรือว่า..........

       

                  ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา  ก่อนที่จะพบว่า....ตนเองกลับมาที่คฤหาสน์ในห้องเล็กๆของตนเองเหมือนเดิม ในท่านั่งเดิม  ป่ากับเจ้ากวางทองยุนอาหายไปไหน?

       

                  คำอธิษฐานที่ฉันขอเมื่อกี้  มันเป็นแค่ความฝันจริงๆหรือ  แล้วมันจะเป็นความจริงได้ไหม  ฉันพยายามลุกขึ้นมาจากวิลแชร์ที่นั่งอยู่ แต่แล้ว.....

       

                      โอ้ย...เจ็บจัง

       

                  สะโพกลงไปกระแทกพื้นอย่างจัง สร้างความเจ็บปวดให้ฉันได้ไม่น้อย  แต่ที่ขาไม่เจ็บหรอก เส้นประสาทที่ขามันตายไปนานมากแล้ว  อยากให้หัวใจมันเป็นแบบที่ขาบ้างจัง  จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจ  เจ็บปวดอีก  สุดท้ายก็คือสิ่งที่ฉันได้พบเจอ  ก็คงเป็นได้แค่ความฝัน  ไม่มีวันที่จะเป็นความจริงไปได้  เจ้ากวางทองยุนอาโกหก แย่จริงๆ

       

       

       

                     เสียงประตูดังขึ้นในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาดังขึ้น  ทำให้ฉันที่นั่งอยู่บนพื้นต้องพยายามช่วยตนเองให้ลุกขึ้นมาให้ได้  แต่ไม่ว่าจะพยายามอีกสักกี่ครั้ง  แต่มันก็ไม่สามารถทำได้ เสียงเคาะประตูเงียบหายไป ก่อนที่แม่บ้านจะวิ่งเข้ามาช่วยฉันที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอยู่

       

                    ตายแล้ว  คุณหนู ทำไมถึงได้ลงไปนั่งที่พื้นแบบนั้นล่ะค่ะ  มาค่ะ ป้าช่วย

       

                    ป้าแม่บ้านวัยกลางคนรีบผยุงฉันขึ้นมานั่งที่วิลแชร์เช่นเดิม  ก่อนจะเดินไปใส่ของในครัวที่ตู้เย็นให้ แล้วก็เดินกลับมานั่งคุยกับฉัน

       

                     คุณหนูคะ  คุณท่านฝากให้มาบอกคุณหนูว่า  ต่อไปนี้คุณหนูจะไม่ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว คุณท่านสงสารคุณหนูเลยให้หลานบุญธรรมของท่านมาอยู่ด้วย น่าดีใจจังเลยนะคะ

       

                       ป้าแม่บ้านบอกยิ้มๆ ส่วนฉันก็พยักหน้านิ่งๆเช่นเคย  แล้วยังไงล่ะ...ฉันคิดว่าอยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว จะต้องมีคนมาอยู่ด้วยทำไมกันนะ วุ่นวายจะตาย  แล้วคนที่มาอยู่ด้วยจะนิสัยเป็นอย่างไร  จะเข้ากันได้ดีกับฉันไหม คิดไปคิดมาก็ป่วยการ เลยเลือกที่จะนั่งหลับตา นิ่งๆดีกว่า

       

                      คิดมากจังนะคะ คุณหนู กว่าหลานบุญธรรมของคุณท่านจะมาก็เดือนหน้าโน้นแหละ ไม่มีอะไรแล้ว งั้นป้าไปก่อนนะคะ แล้วอย่าลืมทานข้าวให้ครบตรงเวลาด้วย

       

                       เมื่อป้าแม่บ้านออกไปแล้ว  ฉันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ  เบื่อจังเลย ถ้ามีใครสักคนจะต้องมาอยู่กับฉันจริงๆ แล้วความเป็นส่วนตัวของฉันก็จะต้องหมดลง  มันไม่ควรที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น  ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน

       

                      มาอยู่ที่นี่อีกแล้ว ฉันคิดในใจ ก่อนจะเห็นเจ้ากวางทองยิ้มร่าให้ฉัน

       

                      วันที่ห้าแล้วที่เธอได้เจอกับฉัน  ในป่ายังมีอีกหลายที่ที่เธอยังไม่ได้ไปเลย วันนี้ฉันจะพาเธอไปตั้งหลายที่ รีบขึ้นมาเร็วๆสิ

       

                       เจ้ากวางทองหันหลังให้ฉัน  แล้วฉันก็ขึ้นขี่หลังอีกเช่นเคย ผ่านสถานที่ที่ผ่านมาแล้วตลอดสี่วันที่ผ่านมา ช่วงนี้ฉันเจอเจ้ากวางทองบ่อยมาก ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นความฝันก็เถอะ แต่มันก็เป็นความฝันที่....สนุก ตื่นเต้น ดีกว่าอยู่ในห้องเล็กๆที่แสนน่าเบื่อของคฤหาสน์เป็นไหนๆ  ฉันเริ่มจะรู้สึกชินกับที่นี่เหมือนที่เจ้ากวางทองบอกฉันจริงๆแล้วกระมัง  แต่ว่ายังมีอีกคดีที่ยังไม่ได้สะสางกับเจ้ากวางทอง เรื่องแม่น้ำอันศักดิ์สิทธ์นั่นเลย เห็นหน้าเจ้ากวางทองยิ้มทีไร มีอันต้องลืมทุกที...

       

                      ที่นี่ที่ไหนอีกละเนี่ย  ว่าแต่ทำไมมันคุ้นๆแปลกๆ

       

                      ฉันค่อยๆเดินสำรวจสถานที่แห่งนั้นไปรอบๆ เป็นปราสาทหลังงามตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเดี่ยวในป่าลึก โดยมีเจ้ากวางทองคอยเดินตามมาด้วย  จะเดินตามตลอดเลยหรือไง  เดี๋ยวเถอะ

       

                  ที่นี่มันก็น่าจะคุ้นสำหรับเธอนะซอฮยอน  ลองนึกดูดีๆสิ

       

                  เจ้ากวางทองบอก ชอบพูดว่า ลองนึกดูดีๆสิ อีกแล้ว  พูดแบบนี้ทีไร ฉันนึกไม่ออกทุกทีเลย... ให้ตายสิ

       

                  นึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร....เดี๋ยวก็นึกออกเอง  ที่ฉันพาเธอมาที่นี่ก็เพราะว่า มันเป็นสถานที่ที่สำคัญมากที่สุดของฉัน  มันเป็นที่ๆฉันพบเจอกับรักแรกของฉันเป็นครั้งแรก

       

                  เจ้ากวางทองพูด ฉันหันไปมองใบหน้าของเจ้ากวางที่ตอนนี้ แววตายิ้มแย้มเป็นประกาย กลับมีน้ำตาคลออยู่  กวางร้องไห้...ร้องไห้ได้ด้วยหรือนี่ โอ้

       

                 ฉันนึกว่ากวางจะร้องไห้ไม่เป็นเสียอีก

       

                  ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ ต่างก็มีความรู้สึกกันทั้งนั้น  เพียงแต่ว่า ความรู้สึกของสัตว์ไม่ซับซ้อนเท่ากับความรู้สึกของมนุษย์ก็เท่านั้นเอง

       

                  ฉันคิดในสิ่งที่เจ้ากวางทองพูด  ก็ถูกนะ มนุษย์น่ะ  ความรู้สึกซับซ้อนจริงๆ จากการสังเกตเห็นมนุษย์ที่ผ่านไปผ่านมาทางหน้าต่างจากห้องที่อาศัยอยู่มาเกือบสิบปี  บางคนที่เดินผ่านไปผ่านมา บ้างก็หัวเราะ  บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็โมโหทำลายข้าวของ และอีกมากมายที่เห็นมา ไม่สามารถบรรยายได้หมด

       

                  เธอจะเชื่อไหม ซอฮยอน ว่าครั้งหนึ่ง ฉันก็เคยเป็นมนุษย์เหมือนกับเธอ

       

                  สิ่งที่หลุดออกมาจากปากของเจ้ากวางทอง  ทำให้ฉันถึงกับอึ้ง... มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน  ที่กวางจะเป็นมนุษย์ได้  มีแต่ในเทพนิยายที่ฉันเคยอ่านเท่านั้นแหละ

       

                  ฉัน....เชื่อก็ได้  แต่เชื่อแค่ในความฝันเท่านั้นล่ะนะ  เพราะเธอก็แค่อยู่ในความฝันของฉันเท่านั้น

       

                  เจ้ากวางหันหน้ามาหาฉัน ก่อนจะยิ้มอีกเช่นเคย

       

                  แค่ในความฝัน ฉันก็ดีใจแล้ว เพราะอย่างไรเธอก็คงไม่เชื่อฉันอยู่ดีในโลกแห่งความเป็นจริง เอาเป็นว่าฉันอยากจะเล่าเรื่องของฉันให้เธอฟัง เผื่อว่าเธอจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง

       

                  แล้วเรื่องของฉันไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเธอด้วยล่ะ ฉันเริ่มงงแล้วนะ

       

                 เอาน่า ฟังๆไป เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ  จะเริ่มเล่าแล้วนะ


                   เมื่อนานแสนนานมาแล้ว มีหญิงสาวแสนสวยได้ถูกกักขังอยู่บนหอคอยในป่าลึก ท่ามกลางความอ้างว้าง โดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่มีใคร แต่กิติศัพท์ความน่ารัก และความงามของเธอก็ได้แผ่ขจรขจายไปถึงเมืองที่อยู่ไกลออกไปจากป่าลึกแห่งนี้นับพันลี้  ที่ที่แห่งนั้น มีเมืองๆหนึ่งปกครองด้วยองค์จักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่ผู้มีเมตตา จิตใจดี ทำให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข  แต่แล้ววันหนึ่ง.....

       

                  ข้าแต่องค์จักรพรรดินี หม่อมฉันได้ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆมากมายต่างเมืองออกไป หม่อมฉันก็ได้พบว่า ในป่าลึกไกลจากเมืองของเราไปประมาณหนึ่งพันลี้  มีหอคอยที่สูงที่สุดที่หม่อมฉันเคยพบมาตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางป่าลึก เขาลือกันว่า มีหญิงสาวรูปงามอยู่  งามทั้งกาย งามทั้งใจอาศัยอยู่บนหอคอยนั้นแต่เพียงผู้เดียว หม่อมฉันคิดว่า นางต้องเป็นเนื้อคู่กับพระองค์แน่

       

                  นักเดินทางที่ได้มาขอเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดินีได้เล่าเรื่องราวที่เขาได้ไปมาให้องค์จักรพรรดินีฟัง รวมไปถึงเรื่องหญิงสาวรูปงามผู้นั้นด้วย ทำให้องค์จักรพรรดินีอยากจะเห็นรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวผู้นั้น จึงได้ตัดสินใจออกเดินทางตามคำบอกของนักเดินทางเพื่อหวังจะได้เจอกับเธอ........

       

                  แต่การเดินทางออกไปไกลนับพันลี้ย่อมมีอุปสรรคต่างๆมากมายให้พิสูจน์ องค์จักพรรดินียอมสละทุกอย่าง ต่อสู้กับสัตว์ร้าย เพื่อหวังจะได้เห็นหน้าหญิงสาวที่พระองค์นึกรักทั้งๆที่ยังไม่ได้เห็นหน้ากันมาก่อน

       

                  จนในที่สุดการเดินทางอันยาวนานก็ได้สิ้นสุดลง องค์จักรพรรดินีก็ได้มาอยู่หน้าหอคอยพร้อมกับบรรดาอัศวินที่ตามมาคุ้มครองพระองค์ องค์จักรพรรดินีไม่รอช้ารีบขึ้นไปที่หอคอยทันที......

       

                  แต่สิ่งที่พระองค์ได้พบเจอก็บนหอคอยก็คือ....ซากกระดูกกับเศษผ้าของหญิงสาวรูปงามที่พระองค์รักในสภาพที่ไม่น่าดู พระองค์เสียใจ...เสียใจกับสิ่งที่ตนเองตามหามาหลายปี แต่เมื่อได้มาพบก็พบแต่เพียง....ความว่างเปล่า ซากกระดูกที่ไม่เหลือความงามของมันให้ได้เห็น ทำให้องค์จักรพรรดินีค่อยๆถอยหลังออกไปจากปราสาท.......

       

                  แต่แล้วองค์จักรพรรดินีก็ไปสะดุดตากับกระจกใหญ่ๆบานหนึ่ง....ราวกับต้องมนต์สะกด พระองค์จึงเดินเข้าไปเรื่อยๆ มาหยุดที่หน้ากระจก   พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น หญิงสาวนางหนึ่งในกระจก ดวงตากลมโตเป็นประกาย นั่งเก้าอี้วิ่งได้ กำลังเล่นเครื่องดนตรีที่พระองค์ไม่รู้จัก เสียงดนตรีที่นางเล่น ทำให้พระองค์หลงใหล...จะด้วยความไพเราะของเสียงดนตรี หรือความงามของผู้เล่นก็มิทราบได้ รู้ตัวอีกที องค์จักรพรรดินีก็ไม่สามารถบังคับจิตใจของตนให้อยู่เฉยได้ เอาพระหัตถ์ของพระองค์ไปแนบกับกระจกเบาๆ

       

                  ว้าบบ!!!!”

       

                  แสงไฟจากกระจกทำให้ องค์จักรพรรดินีรู้สึกเบา สบาย เหมือนตนเองล่องลอยอยู่บนอากาศกว้าง มีปุยเมฆขาวรายล้อมรอบตัว แล้วพระองค์ก็เห็นหญิงสาวยิ้มให้กับพระองค์อย่างอ่อนหวาน  เป็นรอยยิ้มที่พระองค์คิดว่า ไม่มีนางในปฐพีนี้ ที่ทำให้พระองค์หลงรักเท่ากับนาง...รอยยิ้มของนางผู้นี้อีกแล้ว

       

                  แต่แล้ว ภาพของนางก็ได้หายวับไป พร้อมกับผลลัพธ์ที่พระองค์ไม่คาดคิด นั่นก็คือ.....ภายในกระจกนั้น ไม่มีภาพของหญิงสาวอีกแล้ว มีแต่กวางสีทองอยู่ตัวหนึ่งหน้ากระจก มีเขาสีขาวงาม เด่นกว่ากวางทั่วไป องค์จักรพรรดินีจะเอื้อมมือลูบใบหน้าของตัวเอง แต่......

       

                  ไม่จริง...ไม่จริงใช่ไหม

       

                  องค์จักรพรรดินีก้มมองดูตัวเองที่ตอนนี้ได้แปรสภาพจากองค์จักรพรรดินีเป็นกวางเป็นที่เรียบร้อย...ก้มมองดูเศษผ้ากับซากกระดูกที่ยังคงอยู่ที่เดิม บ้าที่สุด ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...

       

                  แล้วกวางทองก็รีบวิ่งลงจากหอคอยเข้าไปในป่าที่ลึกเข้าไปอีก ทิ้งเสียงและความวุ่นวายของคนติดตามขององค์จักรพรรดินีที่ตามหาองค์จักรพรรดินีกันให้วุ่นไว้เบื้องหลัง

       

                  งั้นก็หมายความว่า .....

       

                      ใช่ ฉันคือองค์จักรพรรดินีผู้นั้นเองนั่นแหละ ส่วนหญิงสาวที่เห็นเป็นภาพลวงตาก็คือ...เธอ

       

                      แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่เธอจะเห็นฉันในอนาคต ในเมื่อเธออยู่ในโลกแห่งอดีต

       

                      ฉันถามอย่างสงสัย...ก็มันน่าสงสัยอยู่หรอก ว่าอยู่ดีๆเจ้ากวางสมัยที่เป็นองค์จักรพรรดินีซึ่งอยู่ในอดีตเมื่อนานมากๆแล้ว จะมาเห็นฉันตอนที่นั่งเล่นเปียโนในคฤหาสน์บ้านของฉันได้อย่างไร คิดแล้วก็เริ่มงง เริ่มปวดหัวเอง

       

                      ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอก...รู้แค่ว่า กระจกบนหอคอยนั่น ทำให้ฉันกลายสภาพเป็นกวางทองแบบนี้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันรู้อีกก็คือ....กระจกนั่นสามารถติดต่อกับโลกอีกโลกหนึ่งได้ ทางผ่านก็คือ คฤหาสน์บ้านของเธอไงล่ะ ซอฮยอน

       

                      เจ้ากวางทองอธิบาย ตอนนี้ฉันก็เริ่มจะถึงบางอ้อนิดๆ แต่ก็ยังไม่หมดซะทีเดียวหรอก เพียงแต่ว่า...ในเมื่อกระจกนั่นสามารถทำให้องค์จักรพรรดินีกลายร่างเป็นกวางได้ แล้วอะไรล่ะที่จะเป็นตัวทำให้เจ้ากวางทองนี้กลายร่างเป็นองค์จักรพรรดินีดังเดิม

       

                      ฉันเลยพยายามทำให้เธอเห็นฉันบ่อยๆด้วยพลังจิตของฉันที่ยังพอหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ตอนนี้ ฉันอยากจะกลับไปเป็นองค์จักรพรรดินีดังเดิมแล้ว เพราะฉะนั้นเธอต้องช่วยฉัน

       

                      แล้วจะให้ฉันช่วยอะไรล่ะ

       

                      พาฉันขึ้นไปบนยอดหอคอย ไปที่กระจกนั่น ด้วยอำนาจพลังแห่งความบริสุทธิ์ ความรักของเธอเท่านั้นที่จะทำให้ฉันกลับกลายเป็นร่างเดิมได้นางผู้เป็นที่รักขององค์จักรพรรดินี


                     ฉันค่อยๆเดินตามเจ้ากวางทองขึ้นไปบนหอคอยอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่ไม่ไว้ใจเจ้ากวางทอง เพียงแต่ว่า ฉันแค่รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...บรรยากาศภายในหอคอยค่อนข้างเงียบ ถึงฉันจะชินกับความเงียบสงบก็ตามที แต่ว่ามันไม่เหมือนกัน...เพราะที่นี่มีเสียงสัตว์ที่น่าเกลียดน่ากลัวจำพวก หนู อีกา และอีกมากมายที่ฉันไม่ค่อยชอบเอาเสียเลย

       

                      และแล้ว เราก็เดินมาถึงยอดหอคอยในปราสาท....ดูเหมือนว่าเจ้ากวางทองตอนนี้กำลังสำรวจหากระจกวิเศษอะไรนั่นอยู่ แต่ยิ่งเดินไปรอบๆ ก็หาไม่เจอสักที

       

                      ซอฮยอน เธอช่วยฉันหาหน่อยสิ

       

                      เจ้ากวางทองส่งสายตาเป็นการบอก แต่ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม ฉันก็จะช่วยเจ้ากวางให้ดีที่สุดล่ะนะ ฉันก็เดินหากระจกนั้นไปเรื่อยๆเช่นเดียวกัน แต่ยิ่งหาเท่าไรก็หาไม่เจอ แล้วจะทำอย่างไรกันทีดีล่ะทีนี้

       

                      ฉันรู้แล้วๆ เรื่องนี้เธอสามารถช่วยฉันได้

       

                      ให้ช่วยอย่างไรล่ะ ยุนอา

       

                      เธอต้องบอกรักฉันก่อน เจ้ากระจกนั่นถึงจะปรากฏขึ้นมาได้

       

                      เงียบ....ไม่มีสัญญาณตอบรับ จะให้ฉันทำอย่างไร เจอกันแค่ห้าวัน แถมเจอกันในความฝันด้วย มันจะกลายเป็นความรักได้อย่างไร ฉันไม่ใช่คนที่จะหลงรักใครได้อย่างง่ายๆ เพียงแต่ว่า...ฉันอ่อนไหวต่อความรู้สึกได้ง่ายเพราะการที่ไม่มีใครคอยเคียงข้าง อยู่คนเดียวมาโดยตลอด แล้วจู่ๆ เจ้ากวางทองในความฝันก็ให้ฉันมาบอกรัก ฉันคิดว่า.....ฉันทำไม่ได้

       

                      ฉันว่า ฉันทำไม่ได้ ยุนอา

          
                       
      ทำไม...ทำไมเธอถึงทำไม่ได้

       

                      น้ำตาของเจ้ากวางทองไหลพรากออกมาอีกครั้ง...อยากเป็นมนุษย์มากสินะ ฉันรู้..รู้ดีที่สุด แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อฉันยังไม่ได้รักเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

       

                      ฉันคงผิดเองสินะ ที่หลงรักเธอตั้งแต่ยังไม่ได้พบหน้า...จนกระทั่งได้เห็นเธอหน้ากระจกในวันนั้น...และเวลาผ่านไปที่ฉันได้เจอเธออีกครั้ง ทำให้ฉันก็เลือกเธอเข้ามาในความฝัน..เข้ามาช่วยแก้ไขคำสาปของฉันที่ยังค้างคา ฉันผิดเอง

       

                      มะ..ไม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ว่า มันเร็วเกินไปในการทำความรู้จักของเรา...เธอเข้าใจใช่ไหม ว่าฉันอยู่คนเดียวมาตลอด เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น แม้แต่กับเธอ

       

                      ฉันเข้าใจ...แต่ฉันไม่สามารถจะรักใครได้อีกแล้วนอกจากเธอ ไม่ว่าจะด้วยโชคชะตาหรือพรหมลิขิตที่ทำให้เราได้มาพบกันก็ตาม...ฉันคิดว่า ต่อไปนี้ ฉันจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีก  ลาก่อนนะ ซอฮยอน ..สุดที่รักของฉัน

       

                      แล้วร่างของเจ้ากวางทองก็หายวับไป แล้วฉันก็พบว่า ตนเองได้กลับมาอยู่ในห้องดังเดิม...ห้องที่อาศัยอยู่คนเดียวมานาน  ห้องที่คุ้นเคย...แต่มันจะคุ้นเคยอีกไหม...ฉันก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

       

       

       

                      ผ่านมากี่วันแล้ว...ฉันไม่ได้นับ รู้เพียงแต่ว่า ฉันก็อยู่คนเดียวอีกเช่นเคย อ่านหนังสือ....เล่นเปียโน....ทำอะไรต่างๆต่อมิอะไรอีกมากมาย เหมือนเดิม  ชีวิตประจำวันเดิมๆที่หมุนไปเรื่อยๆ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า อย่างไม่มีวันหยุด

       

                      แต่มันกลับเริ่มรู้สึกแปลกๆตรงนี้....ตรงที่หัวใจของฉัน เธอคงไม่มาให้ฉันเห็นหน้าแล้วใช่ไหม?เจ้ากวางทอง เธอจะทำตามคำพูดของเธอจริงๆเหรอ...น่าแปลกที่ฉันอยู่คนเดียวได้มาเป็นสิบๆปีโดยไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อได้เจอกับเธอแค่เพียงไม่กี่วัน กลับทำให้ฉัน....อยากเห็นหน้าเธอ  อยากเจอเธอในทุกๆวัน แม้จะเป็นเพียงในความฝัน แต่ก็เป็นความฝันที่สวยงาม...ดีที่สุด และตราตรึงในหัวใจอย่างมิรู้ลืม

       

                      ฉันคงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...ที่อยากเจอเธอ เจ้ากวางทอง พยายามนึกถึงเธอ ส่งจิตไปหาเธอหวังเพียงให้เธอได้รับรู้ แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันจะทำอย่างไรให้เธอมาหาฉันอีกครั้ง


                     
      ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ ต่างก็มีความรู้สึกกันทั้งนั้น  เพียงแต่ว่า ความรู้สึกของสัตว์ไม่ซับซ้อนเท่ากับความรู้สึกของมนุษย์ก็เท่านั้นเอง

       

                      นึกถึงคำพูดของเจ้ากวางทองในวันนั้น...มันทำให้ฉันได้นึกถึงอะไรบางอย่างได้  ความรู้สึกของสัตว์ไม่ซับซ้อนเท่าความรู้สึกของมนุษย์....ใช่แล้ว ความรู้สึกของมนุษย์เป็นเรื่องที่ซับซ้อนยากแท้หยั่งถึงจริงๆ มนุษย์บางคน ความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองยังไม่รู้เลย มนุษย์จำพวกนั้นคงจะรวมฉันอยู่ด้วยกระมัง  เพราะฉันยังไม่รู้เลยว่าความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอนั้น....มันเป็นอย่างไรกันแน่

       

                      ฉันมองไปที่กระจกบานใหญ่ภายในห้องเล็กๆของฉัน...ฉันคิดว่าฉันซูบผอมลงไปจากเมื่อหลายวันก่อนพอสมควร จะด้วยสาเหตุอะไรนั้นฉันไม่รู้

       

                      พลันกระจกที่ฉันนั่งส่องอยู่นั้นก็มีแสงสว่างขึ้นมา.....ฉันนึกออกอีกเรื่องแล้ว กระจกที่เจ้ากวางทองบอก มันสามารถติดต่อกับห้องของฉันได้นี่นา ฉันค่อยๆเข็นวิลแชร์เข้าไปใกล้กระจกเรื่อยๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่หน้ากระจกด้วยระยะห่างไม่ถึงเมตร

       

                      ฉันจะช่วยหรือไม่ช่วยเธอดี  เจ้ากวางทองยุนอา...จะช่วยให้เธอกลับเป็นองค์จักรพรรดินีเหมือนเดิม ทั้งๆที่ฉันยังไม่รู้เลยว่าความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอ...คืออะไร อย่างนั้นหรือ?



                    เหมือนมีแรงอะไรบางอย่างจากกระจกนั้น ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไป ความรู้สึกเศร้า อึดอัด ได้ถูกรวมไว้ในตัวฉันทั้งสิ้น อยากจะปลดปล่อยมันออกมาข้างนอกจัง....แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้มันออกมาอย่างไรดี

       

                      ตุ้บ!!!

       

                      ปวดขา....ความรู้สึกนี้  เหมือนก่อนที่ฉันจะประสบอุบัติเหตุในครานั้น  ฉันค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ สถานที่แปลกๆ อีกแล้ว ฉันคิดว่าคราวนี้คงไม่ได้ฝันไป ตบแก้มตัวเองสองสามที หยิกหน้าขาแรงๆอีกสักครั้ง รู้สึกถึงความเจ็บได้ในทันที มันเป็นอะไรที่วิเศษที่สุด อยากให้ความรู้สึกทางใจถูกปลดปล่อยออกมาเช่นเดียวกับทางกายเหมือนกันจัง

       

                      เสียงเพลงที่แสนนุ่มทุ้มสบายลอยเข้ามาในหู เหมือนเพลงที่ฉันชอบเล่นไม่มีผิด แต่เสียงมันดังมาจากตรงไหนกัน...ฉันเดินเข้าไปใกล้เสียงนั้นทุกที...ทุกที

       

                      อ๊ะ !!!”

       

                      รู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนมาจับแขนฉันไว้แน่น แน่นจนฉันรู้สึกระบมไปหมด หันไปมองก็พบว่า....

       

                      ชายหนุ่มรูปงามหน้าตาดี กำลังส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ดูไม่เหมาะกับมือของเขาที่จับแขนของฉันไว้จนระบมไปหมด เขาเป็นใครกันละทีนี้

       

                      อย่าตกใจไป สาวน้อย ข้าชื่อ โจว คยูฮยอน ข้าเป็นองค์จักรพรรดิผู้ปกครองที่นี่ ว่าแต่ แม่นางเข้ามาที่ปราสาทของข้าได้อย่างไร

       

                      จะให้ตอบว่าอะไรล่ะ ให้บอกว่าเข้ามาทางกระจกงั้นหรอ...มันก็ดูเหลือเชื่อเกินไป ถ้าเขาฟังก็อาจจะหัวเราะเยาะฉันได้

       

                      พอดีว่าฉันผ่านมาแถวนี้นะคะท่านได้ยินเสียงดนตรีก็เลยเผลอเดินมาแถวนี้ โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยนะคะ เอาเป็นว่าหม่อมฉันขอลาก่อน

       

                      ยังไม่ทันที่ฉันจะเดินออกไป เขาก็เดินเข้ามากอดฉันจากทางด้านหลัง เอ๊ะ!! ทำไมถึงทำอย่างนี้

       

                      ไม่เอาสิ สาวน้อย มากับข้าก่อน ข้าสัญญา ข้าจะทำให้สาวน้อยมีความสุขที่สุด

       

                      แล้วท้ายที่สุดฉันก็ต้องเดินตามเขาไป แม้จะรู้สึกอึดอัดใจมากแค่ไหนก็ตาม อย่างไรก็ขัดขืนเขาไม่ได้อยู่แล้ว เป็นถึงองค์จักรพรรดินี่นา แต่...ที่นี่มันเป็นเมืองเดียวกับองค์จักรพรรดินีที่เจ้ากวางทองเคยเล่าหรือเปล่านะ ถ้าใช่..แล้วทำไมถึงเป็นองค์จักรพรรดิคนนี้ปกครองล่ะ

       

                      ในสถานที่ๆฉันคิดว่าคงจะเป็นพระตำหนักขององค์จักรพรรดิ เขาพาฉันขึ้นมาบนหอคอยที่สูงที่สุดก่อนที่จะหันมามองฉันด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ฉันรู้สึกแปลกๆพิกล

       

                      สาวน้อยรู้ไหม เธอเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา

       

                      เขาบอก พลางค่อยๆขยับเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ สมองสั่งการให้ฉันถอยหนี ฉันไม่ชอบท่าทีที่เขาแสดงใส่ฉัน เหมือนกับว่า เขาต้องการฉันมาก   ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ออกมาเจอโลกภายนอกมานานนม แต่ฉันก็ไม่ได้โง่พอที่จะเดาไม่ออกว่า เขารู้สึกอย่างไรกับฉัน

       

                      จะกลัวอะไร สาวน้อย แค่นิดเดียว เธอก็จะได้ไปสวรรค์แล้ว

       

                      ไม่พูดเปล่า เขาค่อยๆ ล็อกแขนฉันเอาไว้แนบกับผนังห้อง ก่อนจะพยายามกดริมฝีปากลงไปในตำแหน่งเดียวกันกับฉัน ฉันพยายามปัดป้องอย่างสุดกำลัง ในยามนี้ ฉันทำได้แค่อธิษฐานขอความช่วยเหลือ เพราะถึงจะร้องให้ตายยังไง ก็คงไม่มีใครช่วย เธออยู่ไหนนะ เจ้ากวางทอง...มาช่วยฉันที

       

       

       

                      โอ้ย!!!”

       

                      เสียงร้องขององค์จักรพรรดิที่ดังขึ้นมาก่อนจะเอามือมากุมท้องของตัวเอง ฉันเห็นเลือดสดๆไหลทะลักออกมาจากช่องท้องของเขา ณ เวลานี้ ฉันเห็น......

       

                      ยุนอา

       

                      ฉันร้องออกมาด้วยความดีใจ ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปกอดคอเจ้ากวางทองอย่างโหยหา ดูเหมือนว่าเจ้ากวางจะยิ้มให้ฉันด้วยล่ะ

       

                      หึหึ มากันพร้อมหน้าพร้อมตาก็ดีเหมือนกันนี่ จะได้ฆ่าไปทีเดียวพร้อมๆกันเลย

       

                      อย่าทำอะไรผู้หญิงคนนี้นะ คยูฮยอน  นางไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วย

       

                      หึ องค์จักรพรรดินีผู้ใสซื่อ หลงรักหญิงสาวที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของนาง อีกทั้งยังออกตามหานางอีกต่างหาก ไม่เรียกว่า โง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไร

       

                      หยุดนะ องค์จักรพรรดิ ท่านไม่มีสิทธิ์มาว่ายุนอาแบบนี้

       

                      สาวน้อย ถามจริงเถอะ เจ้าก็โง่ไปอีกคนหรืออย่างไรกัน ไปหลงรักเจ้ากวางทอง สัตว์ต้องคำสาป เป็นแค่สัตว์ ธรรมดาๆ สู้มารักมนุษย์อย่างข้าจะดีกว่าไหม

       

                      ฉันกัดฟันแน่น ความรู้สึกในทุกๆอย่างตอนนี้ที่สะสมมาเป็นเวลาหลายๆปี เหมือนจะค่อยๆทะลุขึ้นมาแล้ว ฉันกลัวว่า หากมันแตกออกมา คงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ

       

                      ซอฮยอน คนผู้นี้มันไม่ใช่จักรพรรดิ แต่มันเป็นพ่อมดที่เชี่ยวชาญในด้านคาถาเวทมนตร์ และมันนั่นแหละ ที่เป็นคนวางแผนเรื่องราวทั้งหมด

       

                      ฉลาดดีนี่ องค์จักรพรรดินีกวาง ใช่แล้ว ทุกๆอย่างข้าวางแผนไว้ทั้งหมด ข้าสะกดรอยตามตั้งแต่ออกเดินทางไปปราสาทบนหอคอยใจกลางป่านั่น เสกกระจกที่เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นสัตว์ได้พร้อมเศษผ้า เศษกระดูก เมื่อเจ้าได้สัมผัสกับกระจกนั่น เจ้าก็เลยกลายเป็นสัตว์นั่น

       

                      เรื่องราวทั้งหมดนั้น  ทำให้ฉันรู้แล้วว่า... ฉันควรต้องทำอย่างไรกับมันดี

       

                      เลว เจ้ามันเลวที่สุด พ่อของข้าอุตส่าห์ชุบเลี้ยงเจ้ามา แต่เจ้ากลับหากตัญญูไม่ กลับเนรคุณไปเรียนอวิชชา เสกยาให้พ่อของข้าทาน ทำให้พ่อของข้าต้องตาย

       

                      ก็พ่อของเจ้ามันโง่เองนี่ อยากจะมาชุบเลี้ยงข้าซึ่งเป็นลูกโจรทำไมกัน

       

                      ฉันไม่อยากทนฟังเรื่องของเขาอีกต่อไป ฉันจึงสะกิดเจ้ากวางทองยุนอาเป็นเชิงหนี ก็เป็นที่รู้ๆกัน ต้องรอให้เขาเผลอก่อน  ไม่รอช้า ฉันจับเขาเจ้ากวางทอง ก่อนที่เจ้ากวางทองจะใช้อิทธิฤทธิ์ที่มีกระโดดลงจากหอคอยนั้น


                     
      นึกว่าจะไปไหนพ้น องค์จักรพรรดินี

       

                      น้ำเสียงที่ทำให้เราต้องหันมา ก่อนที่จะเห็นไม้คทานั้นชี้ไปที่ยุนอา

       

                      ไม่นะ !!!!”

       

                      แล้วไม้คทาก็มีแสงวาบออกมา ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นลูกธนูอาบยาพิษปักเข้าตรงกลางหัวใจของเจ้ากวางทองทันที

       

                      ยุนอา!!!!”

       

                      ฉันรีบปรี่เข้าไปหาเจ้ากวางทองพลางกอดเจ้ากวางทองเอาไว้แนบแน่น ราวกับว่า มันจะหายจากฉันไปตลอดกาล เจ้ากวางทองยิ้มให้ฉันอย่างเศร้าๆ พลางพูดเสียงกระซิบเบาๆให้ฉันได้ยินเพียงสอง

                     

                      ซอฮยอน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้เธออยากจะช่วยฉันหรือยัง แต่ลูกธนูอาบยาพิษนี้มันช่างร้ายแรงเหลือเกิน เกินกว่าที่ฉันจะต้านมันไหว

       

                      อย่าเป็นอะไรนะ ยุนอา ฮึกๆ

       

                      น้ำตาจากดวงตาของฉัน ค่อยๆไหลออกมาเป็นทาง นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันร้องไห้ให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่า....ฉันรักเธอ...รักเธอที่สุด...และจะไม่มีทางหยุดรักได้เลย

       

                      ล่ำลากันพอหรือยัง หึหึ ส่งสาวน้อยมาให้ข้าสักทีสิ มัวชักช้าอะไรอยู่เล่า

       

                      พ่อมดผู้ชั่วช้ากล่าวขึ้นมา เจ้ากวางทองยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกล่าวออกมา

       

                      ถึงแกจะฆ่าฉันได้ แต่แกก็หนีไม่พ้นความเลวที่แกทำเอาไว้หรอก

       

                      ฉันหันไปหาเจ้ากวางทองที่ตอนนี้ดูท่าว่ากำลังจะไม่ไหวแล้ว...ฉันต้องช่วยเจ้ากวางทองให้ได้ ในฐานะ....ที่เจ้ากวางเคยช่วยฉันมาหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ที่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ในความฝัน

       

                      องค์จักรพรรดิ คยูฮยอน ตกลงค่ะ ฉันจะไปกับพระองค์

       

                      หึหึ ดีมาก อย่างนี้สิ ค่อยน่ารักหน่อย ไปกันเถอะ

       

                      ฉันค่อยๆเดิมตามหลังเขาอย่างว่าง่าย....ซะที่ไหนล่ะ ว่าแล้ว...ฉันก็เอาสิ่งที่ไม่คิดจะติดตัวมาก่อนในชีวิต แต่วันนี้มันติดมาด้วย ติดมาตอนไหนก็ไม่รู้ มันคือ...คัตเตอร์กระดาษธรรมดาๆ เท่านั้น วิธีนี้เป็นวิธีเดียวเท่านั้น ถ้าพลาดก็คือ..จบเกม

       

                      ใช้คัตเตอร์แทงเข้าไปตามรูที่เจ้ากวางทองทำเอาไว้แล้ว ถึงแม้เจ้าพ่อมดจะสามารถหยุดเลือดได้ก็เถอะ แต่รูที่แทงมันไม่สามารถปิดได้หรอก จากนั้น จึงใช้คัตเตอร์แทงเข้าไปที่หัวใจจดมิดด้ามคัตเตอร์

       

                      อ๊ากก

       

                      พ่อมดผู้ชั่วร้ายร้องออกมาด้วยเสียงอันดังสนั่น พร้อมๆกับที่ทหารมาถึงพอดี แล้วต่างก็กรูกันเข้ามาจับพ่อมดผู้ชั่วช้ารอให้องค์จักรพรรดินีของพวกเขาตัดสินโทษ ฉันรีบวิ่งกลับไปหาเจ้ากวางทองที่ตอนนี้คงกำลังใกล้จะหมดลมเข้าไปทุกทีแล้ว

       

                      ยุนอา ฉันทำสำเร็จแล้ว เห็นไหม ฉันทำสำเร็จแล้ว

       

                      ฉันเข้าไปกอดเจ้ากวางทองไว้อีกครา เจ้ากวางทองยิ้มออกมาให้ฉันอย่างเช่นเคย แต่เป็นยิ้มที่ฉันรู้สึกว่า มันช่างฝืนๆไม่เป็นธรรมชาติอย่างไรก็ไม่รู้  ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนเจ้ากวางก็จะยิ้มตลอด ต่างกับฉัน...ที่ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหนก็ไม่เคยมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเลยสักครั้ง....เราต่างกัน....แต่เราก็รักกัน

       

                      ฉันรักเธอนะ ไม่ว่าเธอจะเป็นนางในกระจก หรือ ซอฮยอนที่อยู่กับฉันตอนนี้ก็ตาม

       

                      เจ้ากวางทองพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเต็มที่ ฉันค่อยๆกระชับอ้อมกอดเจ้ากวางทองให้แน่นขึ้นไปอีก

       

                      ฉันก็รักเธอนะ ยุนอา เจ้ากวางทอง

       

                      แล้วฉันก็ทำสิ่งที่ตัวเองไม่คาดคิดมาก่อน...ค่อยๆโน้มตัวลงไปจูบหน้าผากเจ้ากวางทองเบาๆ แต่เนิ่นนาน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร พลันก็มีแสงสว่างขึ้นมาจากเจ้ากวางทอง  กว่าจะรู้ตัวอีกที ฉันก็เห็นหญิงสาวร่างสูง แต่ใส่ชุดที่ค่อนข้างดูทะมัดทะแมง เสื้อผ้าชั้นสูง ใช่แล้ว....องค์จักรพรรดินีแน่นอน

       

                      แต่ก็สายไปเสียแล้ว ฉันถูกดูดเข้าไปในบางสิ่งบางอย่าง ได้ยินเสียงที่คิดว่าน่าจะเป็นเหล่าทหารขององค์จักรพรรดินีเข้ามาดูอาการขององค์จักรพรรดินีผู้เป็นที่รักของพวกเขา น่าจะเป็นเสียงแห่งความดีใจกระมัง ฉันช่วยเธอได้สำเร็จแล้วนะ เจ้ากวางทอง แล้วชีวิตฉันล่ะ...ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดีเมื่อไม่มีเธอ

       

       

       

                      คุณหนู ตื่นสิคะ คุณหนู

       

                      น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่ทำให้ฉันต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง คุณป้าแม่บ้านยิ้มให้ฉันเหมือนเคย แต่ฉันรู้สึกว่า....ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่บ้าน พอก้มมองดูรอบๆตัวก็พบว่ามีสายระโยงระยางเต็มไปหมด

       

                      คุณหนูสลบไปตั้งหนึ่งอาทิตย์ ตอนแรกหมอคิดว่าคุณหนูจะไม่รอดแล้วเสียอีก

       

                      ฉันไม่ตายง่ายๆหรอกค่ะ ป้า ว่าแต่เราจะกลับบ้านกันเลยไหมคะ ฉันไม่ชอบอยู่ที่โรงพยาบาลเลย

       

                      น่าจะวันนี้นะคะ ถ้าคุณหมอบอกว่า ร่างกายคุณหนูปกติ

       

                      เมื่อร่างกายกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ฉันก็สามารถกลับบ้านได้ตามปกติ....วันนี้ฉันได้ออกมาดูโลกภายนอกเป็นครั้งแรก อาคารตึกสูงๆ สวยๆเต็มไปหมด นึกแล้วก็ขำกับตัวเอง อยู่เมืองหลวงมาตลอดทั้งชีวิตแล้ว แต่ทำตัวเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงไม่มีผิด

       

                      ฉันนั่งวิลแชร์เข้ามาในคฤหาสน์ เพิ่งรู้สึกได้ว่า มันดูแปลกหูแปลกตาไปหมด...ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่คิด มีพวกบอดี้การ์ดตัวดำล่ำถึก อยู่เกือบสี่สิบคนที่มายืนรอต้อนรับฉันกลับบ้าน ฉันก็ได้แต่ตีสีหน้าเรียบอีกเช่นเคย ก่อนจะเดินเข้าในตัวคฤหาสน์ไป

       

                      แล้วฉันก็กลับเข้ามาในห้องเดิมของฉันอีกครั้ง แต่รู้สึกได้ถึงความแปลกๆ ฉันมองไปยังกระจกอันโบราณบานใหญ่ แต่ก็พบว่า...มันหายไปแล้ว

       

                      โอ้ย! เจ็บ

       

                      ฉันร้องออกมาเบาๆ เศษแก้วกระจกมันบาดขาฉัน ค่อยๆสำรวจหาต้นตอของมัน ก่อนที่จะเห็นมือของใครบางคนล้วงเข้าไปใต้เตียง แล้วหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา ทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

       

                      ยุนอา ใช่ ยุนอาจริงๆ

       

                      หญิงร่างสูงที่หน้าเหมือนกับเจ้ากวางทองตอนแปรสภาพจากกวางเป็นคน เหมือนกันราวกับแกะ ไม่มีส่วนไหนที่ผิดเพี้ยนกันเลยสักนิดเดียว

       

                      หากระจกอยู่ใช่ไหมล่ะ ฉันทำมันแตกแล้วล่ะ

       

                      หญิงร่างสูงชูกระจกขึ้นมาให้ฉันดู มันเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ในมือของเขา ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงโกรธมาก แต่ตอนนี้คงไม่..เพราะว่า คนทำคือ ยุนอา

       

                      ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ คนเรามันก็ซุ่มซ่ามกันได้ อิอิ

       

                      ฉันหัวเราะด้วยเสียงอันสดใสเป็นครั้งแรกในโลกแห่งความเป็นจริง แล้วดูเหมือนว่า ยุนอาคงจะไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่า อยากจะแกล้งอีก

       

                      นี่ หยุดเลยนะซอฮยอน ฉันไม่ใช่คนซุ่มซ่ามสักหน่อย ฉันเป็นถึงองค์จักรพรรดินีเชียวนะ

       

                      เธอว่า พลางทำหน้ายู่ใส่ ไหนบอกว่าเป็นองค์จักรพรรดินีไง ทำไมถึงทำหน้าขัดใจเหมือนเด็กอย่างนั้นล่ะ

       

                      เธอนี่ตลกจัง...ว่าแต่ เธอทำลายกระจกแล้วเธอจะกลับไปโลกของเธอได้อย่างไรกันล่ะ

       

                      ฉันถามอย่างสงสัย แล้วก็ได้รับคำตอบอันแสนกวนจากปากองค์จักรพรรดินี จอมกระล่อน ทะเล้น ขี้เล่นจริง องค์จักรพรรดินี

       

                      แล้วใครบอกว่าฉันจะกลับไปล่ะ ในเมื่อ...หัวใจของฉันอยู่ที่นี่

       

                      ตอบแบบได้น่าตบมาก นี่ถ้าไม่ใช่คนที่ฉันรักแล้ว อยากจะเอาอะไรก็ได้ตบปากให้ปากฉีกไปเลย

       

                      อย่าเล่นสิ ยุนอา เธอต้องกลับไปปกครองบ้านเมืองของเธอ ดูแลไพร่ฟ้าราษฎร และต้องทำ....อุ๊บส์

       

                      รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลที่กระทบกับริมฝีปาก มันช่างอ่อนหวาน เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยรู้สึกถึงมันมาก่อนเลยสักนิด ตัวเบาหวิว ล่องลอยไปไกล เนิ่นนาน...กว่าเธอจะละริมฝีปากของเธอออกจากริมฝีปากของฉันได้

       

                      คงต้องสอนบทเรียนนี้กันอีกมากเลยนะ สาวน้อย ฮ่าๆ

       

                      บ้า!!!”

       

                      ฉันยิ้มอย่างเขินอาย ไม่เคยรู้สึกเขินอายใครเท่านี้มาก่อนเลย...ให้ตายสิ เธอนี่มันจอมกระล่อนขี้เล่นจริงๆ

       

                      ฉันไม่ห่วงทางโน้นหรอกน่า เพราะฉันลาทุกคนแล้ว รู้ไหมวันนั้นฉันเกือบตาย แต่เพราะกระจกที่เชื่อมกับห้องนี้นี่แหละที่ทำให้ฉันรอด

       

                      ยังไง

       

                      ก็ตอนที่เธอถูกดูดเข้าไปในกระจก ฉันก็พยายามจะไปหาเธอ แต่ติดที่แผลนั่น แถมทหารก็ยังรุมกันเต็ม ฉันก็เลยบอกให้ทหารทั้งหมดไปเก็บสมุนไพรมาให้ฉัน พวกนั้นก็เชื่อ ไปกันหมด เลยเหลือฉัน ฉันก็เลยค่อยๆพยุงตัวเองไปให้ใกล้รัศมีแสงจากกระจกมากที่สุด แล้วก็ถูกดูดเข้ามาในห้องนี้ แถมแผลก็ยังหายไปอีกด้วย ดีใช่ไหมล่ะ

       

                      ก็ดีนะสิ ต่อไปนี้เธอต้องอยู่กับฉันคนเดียวนะ ยุนอา

       

                      เธอรั้งฉันเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นที่ฉันชอบนัก ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูเบาๆ ทำให้ฉันรู้สึกเขินอายอย่างช่วยไม่ได้

       

                      ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว สาวน้อย ก็บทเรียนเมื่อกี้มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเองนี่นา



       

      บางที การที่ฉันอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆนี้มาตลอด ก็ทำให้ฉันจินตนาการไร้สาระและขอบเขตไปมาก แต่ก็ต้องขอบคุณโชคชะตา ที่ทำให้สิ่งที่อยู่ในความฝันและจินตนาการอันไร้ขอบเขตของฉัน ได้กลายเป็นความจริง ขอบคุณกระจกโบราณบานใหญ่ ที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆสิ่งหลายๆอย่างจากโลกอีกโลกหนึ่ง และสุดท้าย ขอบคุณเธอ ที่เข้ามาทำให้ฉันรู้ว่า....ฉันไม่สามารถอยู่คนเดียวได้บนโลกใบนี้ หากไม่มีเธอ....ยุนอา

       

      The End

                                                          .................................................................................


      จบแล้วค่ะ ทุกคน เรื่องนี้ยาวได้อีก ฮ่าๆ
      เอาเป็นว่าก็จบแบบตามที่ทุกคนอยากให้เป็น
      ถึงแม้จะเป็นจินตนาการที่แสนเวิ่นเว้อ
      ของมิลค์เองก็ตาม เป็นเรื่องแรกที่ทุ่มเทตั้งใจ
      พัฒนาตัวเองแบบสุดๆ และก็คิดว่า ยังคง
      ต้องพัฒนาตัวเองต่อไป^ ^

      ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ แล้วเจอกันในเรื่องยาว
      นครแห่งความตาย กับเจ้าหญิงแสนซน น่าจะประมาณวันที่
      เก้าหรือสิบ ของเดือนนี้ ส่วนผลงานเรื่องต่อไป
      เอาไว้เจอกันปลายเดือนนี้ค่ะ 

      ปล.ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะรีดเดอร์ทุกคน
      ไปก่อนนะคะ บายๆ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×