ดอกไม้แห่งศรีอาริย์ - นิยาย ดอกไม้แห่งศรีอาริย์ : Dek-D.com - Writer
×

    ดอกไม้แห่งศรีอาริย์

    บทความเกี่ยวกับแนวทางกุศลคือคุณงามความดี

    ผู้เข้าชมรวม

    1,156

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    1.15K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน : 1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  23 เม.ย. 53 / 20:35 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ดอกไม้แห่งศรีอาริย์ ถามตอบ(คั่นนิยายเรื่องสวรรค์บนพื้นพสุธามนตราปาริชาติ ถ้ามีเวลาเขียนผู้เขียนจะแบ่งเขียนเพราะเก็บสะสมข้อมูล ยังมีไม่เพียงพอ ก็เลยต้องลงบทความนี้ไปก่อน หวังว่าผู้อ่านคงจะเข้าใจ)

     

     

     

    ขอถามว่า  ทุกวันนี้มนุษย์เรามีความเป็นอยู่อย่างไร

    ตอบ ตามสภาพ ยากดีมีจน ตามวิถี  สิ่งที่เป็นเช่นนี้ไปตามกุศลผลกรรม

    ถ้าถามถึงพระศรีอาริย์คงไม่ต้องถามอะไรมาก เพราะคนทั่วไปส่วนมากก็รับรู้ประวัติของพระองค์มากแล้ว ค้นหาตามอินเตอร์เน็ตหรือในหนังสือ

    ว่ากล่าวถึงศาสนาของพระองค์ เป็นศาสนาที่ชาวโลกเฝ้ารอคอยมาเนิ่นนานแล้วตั้งแต่ยุคบรรพกาล บรรพบุรุษหรือว่ามนุษย์เราในปัจจุบันที่ได้เคยเกิดมาแล้วนับถ้วนชาติไม่ครั้ง.. มีการอธิษฐานบนบานบอกกล่าวว่าปรารถนาให้เกิดทันศาสนาพระศรีอาริย์

    เมื่อสัญญากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงสุด อย่างนี้เอาไว้ต้องเร่งกระทำเร่งเพื่อมีบารมีเท่าเทียม เพื่อที่จะได้บรรลุผลตรมที่เราปรารถนาในอดีต  นอกจากนั้นเราศึกษาอ่านประวัติของพระองค์ มีความเชื่อศรัทธาว่าพระองค์เคยเสด็จมาบังเกิดในโลกมนุษย์ที่หลายครั้งหลายครา  เพราะเนื่องจากต้องการสร้างบำเพ็ญบารมีให้พอกพูนมากยิ่งขึ้น  16อสงไขย กับอีกแสนมหากัปป์ถือว่า เป็นพระพุทธเจ้าระดับวิริยาธิกะซึ่งมีความเพียรเป็นเลิศ

    ศาสนาของพระอาริย์ ขึ้นต้นด้วยการปฏิบัติอย่างไร

    ก็คือ ขึ้นต้นด้วยคำอธิษฐาน  และจบลงด้วยคำอธิษฐาน  พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์เมื่อบังเกิดมาแล้วมีเอกลักษณ์คุณลักษณะเฉพาะตัว  ตรัสสั่งสอนเทศนาโปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลายด้วยธรรมเฉพาะพระองค์  เป็นธรรมใหม่ที่ค้นพบได้โดยพระองค์  เพราะเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ธรรมะของพระพุทะเจ้าองค์เก่าเราพระสมณะโคดมต้องดับสูญและอันตรธานหายไป

    จะว่าไปวิถีธรรมการปฏิบัติก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพระพุทธเจ้าองค์อื่นหรือองค์ก่อนมากนัก  เนื่องจากมีรากธรรมคำสั่งสอนมาจากต้นแบบเดียวกัน  คือการตรัสรู้เป็นพระอนุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยโพธิญาณของพระองค์  ตรัสรู้อริยสัจจ์  มีพระธรรมคำสั่งสอนแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์  สิ่งที่แปลกแตกต่างคือสิ่งน้อยนิดเดียวอันเรียกว่าข้อปลีกย่อยทางปฏิบัติที่ลัดนำไปสู่หนทางนิพพาน  วิถีแต่ละพระองค์จะไม่เหมือนกัน

    ศาสนาพระศรีอาริย์เมื่อบังเกิดและมาเยือนถึงแล้วจะทรงคุณประเสริฐให้แก่ชาวโลกนี้เป็นอย่างมาก

     ใช่นับว่าถูกต้อง เพราะว่าเมื่อถึงกาลนั้นแล้ว โลกมนุษย์อย่างเราๆนี่ล่ะ กลายเป็นสวรรค์ขนาดย่อมขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที อานิสงส์การเผื่อแผ่การทำบุญสร้างกุศลมหาศาลของมนุษย์ในยุคนั้น จะทำให้มีความอยู่เช่นเดียวกับนางฟ้าเทวดาดินแดนทิพย์ 

    ที่มาการกินอย่างทิพย์ อยู่อย่างทิพย์   เป็นอย่างทิพย์ รักอย่างทิพย์จึงได้บอกกล่าวแล้วว่า สิ่งเหล่านี้ เกิดนับตั้งแต่ยุคสมัยใหม่ที่ชาวโลกผู้นั้นเกิดมาแล้วเร่งสะสมสั่งสมบุญกุศลด้วยการขึ้นต้นด้วยอธิษฐานและจบลงด้วยอธิษฐาน 

    การปฏิบัติตามแนวทางของพระศรีอาริย์ถือว่าเป็นฝ่ายมหายาน

    การบังเกิดมาแล้วของพระศรีอาริย์เอนกอนันตชาติเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ตามตำนานชาดกที่กล่าวไว้  อยากให้ลองไปค้นดูก่อน ผู้เขียนเองก็ทราบเท่าที่หนังสือตำราบอกกล่าว  นอกจากนั้นแล้วไม่อาจจะทราบ  แต่การบำเพ็ญเพียรของพระองค์ ตั้งแต่อยากที่จะเป็นพระพุทธเจ้าก็ตั้งความอยากจะเป็นพระพุทธ  คือตั้งไว้ในใจเท่านั้น ก็ผ่านพ้นไปเนิ่นนานพบพระพุทะเจ้าที่มาบังเกิดในโลกนี้เป็นแสนๆพระองค์  แล้วต่อมาระดับแค่เปล่งวาจาที่จะเป็นพระพุทธ ก็พานพบพระพุทะเจ้ามาเป็นล้านๆพระองค์

     คำว่ากัปป์หนึ่ง มันยาวนานนักอุปมาอุปไมยเปรียบที่พอจะมองออกได้คือ เม็ดทรายในท้องสมุทร..  ดังนั้นไม่อาจนับได้ แต่ประมาณได้เท่านั้น เพราะมันเกินปัญญามนุษย์  ใครจะไปนับเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรได้  นั่นล่ะ นานเท่าไหร่ชั่วเวลาเหล่านั้นก็คือคำตอบ

    นี่แค่กัปป์เดียว แล้วถ้าเป็นสิบหกอสงไขยกับอีกแสนมหากัปป์ล่ะมันจะนานแสนนานนานนานนานนานสักเท่าใดกัน ก็เป็นเรื่องไม่ควรคิดหรอก เพราะคำว่าอจินไตยเป็นเรื่องที่ไม่ควรถามและควรคิด ถือว่าปล่อยให้เป็นไปตามสภาวะของสิ่งทีเป็นธรรมชาติอย่างเดิมดีกว่า  หรือปล่อยให้เป็นเช่นสภาวธรรมอย่างนั้นปรากฏ 

    ที่พูดผ่านมาก็แค่ตั้งจิตอยากจะเป็นพระพุทธเจ้า กับเปล่งวาจา  แล้วถ้าอธิษฐานระดับการได้ผ่านทำนานทายทักในลักษณะของหน่อเนื้อพุทธางกูรคือเชื้อวงศ์พระพุทธเจ้า พระองค์ทมรงผ่านพบพระพุทธเจ้ามาเท่าใด ก็เช่นเดียวกัน

    การปรารถนาตัวเป็นพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง เยี่ยมยอดเพราะไม่ค่อยมีบุคคลใดปรารถนาเพราะมันเป็นเรื่องและการกระทำที่ยาก

    แต่ก็ยังมีบุคคลที่ปรารถนา  เหตุผลเพราะมีจิตใจที่มักคิดแตกต่างไปจากคนอื่นมนุษย์ทั่วไปนั่นเอง  ถึงเป็นที่มาของเหตุผล  ผู้เขียนเองอยากเขียนเล่าธรรมะในวิธีการปฏิบัติของตนเองเข้าใจง่ายแบบภาษามนุษย์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่อิงวิชาการหรือศัพท์แสงที่สูงเกินไปนัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ท่านผู้รู้หลายท่านก็ปฏิบัติและนำมาเขียนแล้ว..  จึงเรียกได้ว่าการปฏิบัติธรรมแบบธรรมชาติของตนเองก็แล้วกันเรียนรู้ศึกษาและวิธีค้นแบบเฉพาะตัวเอง 

    เพราะเรื่องราวเหล่านี้ลอดเกี่ยวทอดเนื่องกับพระศรีอาริย์ล้วน เหตุนี้ด้วยเช่นเองจึงให้ชื่อเรื่องว่า ดอกไม้แห่งศรีอาริย์  ผู้เขียนก็จะเก็บสะสมข้อมูลตรงนี้เอง เพื่อเขียนเรื่อง  ศรีอาริย์ ทิพย์มนตราปาริชาติสวรรค์  ที่มีอีกเรื่องหนึ่งค้างอยู่ในเด็กดี  ซึ่งผู้เขียนเขียนได้ แต่ไม่ได้ปลีกเวลาไปเขียนเรื่องนี้เพราะมัวแต่รับผิดชอบเรื่องอื่น..

     ดังกล่านั้นจะทำให้ท่านทราบว่าพระศรีอาริย์เป็นใคร แล้วผู้ที่จะปรารถนาเป็นพระพุทะเจ้านั้นมีน้อยนิดนัก หายากยิ่ง เพราะคนเหล่านี้คิดแตกต่างจากมนุษย์อื่น ตรงที่เขามีความเพียรรู้จักรอคอย อดทน อยากเป็นพระพุทะเจ้าเพราะอยากช่วยเหลือมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ที่มีมากมายยิ่งนัก คืออยู่เคียงข้างคนเหล่านี้ ความสงสารไม่ยอมเห็นแก่ตัวที่ละทิ้งพวกเขาไป ไม่ใช่เฉพาะแต่โลกมนุษย์  แต่เป็นโลกที่ทุกข์ทรมานมากกว่านั้นเช่นนรก

    แบบไหนอีกล่ะที่คนเหล่านั้นปรารถนาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้า

    นอกจากนั้นคือการสร้างบารมีสูงส่งของตนเองบังเกิดความดีใจปลื้มใจดังนั้นบุคคลประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นผู้มีความคิดแตกต่างไปจากบุคคลอื่นในสังคมโลก คือจิตใจมีความเสียสละ ตัดละออกพ้นจากความเห็นแก่ตัว การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่และใหญ่หลวงนี้เองบันดาลให้นำทางมาสู่การปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า 

    เพราะท่านเหล่านั้นท่านคิดว่าทำได้ เกิดมาทุกชาติก็มีสิ่งนี้อธิษฐานกลางจิตใจ ท่องบ่นคำว่าจะเกิดมาเพื่อคนอื่นเสียสละกระทำทุกอย่างที่เป็นทางไปสู่การเป็นพระพุทะเจ้า เมื่อได้รับการทำนายปุริสลักษณะก็บำเพ็ญเพียรตามแนวทางพระโพธิสัตว์  คือสร้างบารมีสิบทัศน์ให้เต็มเปี่ยม

    พระศรีอาริย์ต่อมา

    บารมีสิบทัศน์ สิบข้อ เร่งความเพียร ทานศีลเนกขันติขัมมะวิริยะสัจจะอธิษฐานปัญญาจาคะ จวบจนสุดท้ายไปสิ้นสุดที่การให้ทาน จาคะเช่นเดียวกับพระเวสสันดร  นี่เป็นพระชาติสุดท้าย เช่นเดียวกับ พระพุทธเจ้าสมณะโคดมของเรา

    คนที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า

    ถือว่ามีความสุขอยู่กับการช่วยเหลือมนุษย์โลกและพิภพโลกอื่นที่มีความทุกข์ยากลำบากทรมาน เพราะฉะนั้นจิตใจโพธิสัตว์หรือผู้ปรารถนาบารมีขั้นสูงสุดในประเภทนี้ก็สุดที่จะนิ่งดูดายไม่ได้  เห็นความทุกข์ทรมานจิตใจบังเกิดความสงสาร  เมตตาบังเกิดขึ้น   

    ความอยากช่วยเหลือคนเหล่านั้นมีมากแทบไม่คิดถึงเรื่องส่วนตัวหรือปัญหา การเสียสละอย่างที่สุดซึ่งจะหามนุษย์คนใดทำได้เท่าเทียมนี่ล่ะคือพระโพธิสัตว์

    ดังนั้นความปรารถนาในสิ่งเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนแปลงถือว่าเป็นวาจาสัตย์วาจาศักดิ์สิทธิ์  ที่โลกทั้งสาม เทวดา ฟ้าดินย่อมรับรู้และอวยพรให้สมประสงค์ เพราะเหล่าเทวดาอินทร์พรหมเองก็ค้นหาเสาะแสวงหาผู้ที่มีความปรารถนายากจะหาใดเหมือนเช่นปรารถนาในโพธิสัตว์เยี่ยงนี้  เพราะพรหมเทพทั้งหลายก็กราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า  เป็นสิ่งประเสริฐสูงสุดเป็นมงคลชีวิต

    พระพุทธเจ้า

    เพราะการอุบัติของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องที่แปลกมหัศจรรย์  เรียกว่าเป็นเนื้อนาบุญของโลกที่หาได้ยาก  และจะหาใดเทียมเท่าไม่ พระองค์ทรงอุบัติมาจากผลบุญบารมีที่สั่งสมไว้ บำเพ็ญเพียรมานับไม่ถ้วนพบมนุษย์พบพระพุทะเจ้าพระอรหันต์ มีเจตจำนงตั้งปณิธานไว้ในใจกระทำอย่างที่เรียกว่าอดทนถึงอดทนที่สุด   เหตุนี้เองจึงเรียกว่ายาก ดุตัวอย่างพระศรีอารย์ 

    พระองค์บำเพ็ญบารมีมาช้านานนานแสนนาน  ถ้าปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระพุทะเจ้าของเราคือสมณะโคดมก็ย่อมเป็นได้ เพราะบารมีสูงกว่า  อันเป็นเหตุให้เกิดเนื้อเรื่อง  ดอกบัวเสี่ยงทาน ของใครบานก่อนของใครบานหลัง การเกิดและอุบัติของโลกนี้อีกครั้งเป็นไปตามคำทำนายครั้งนั้นด้วยล่ะ..อันนี้ถือว่าธรรมชั้นสูง เราอย่าได้คิดตำหนิติเตียนพระพุทะเจ้าเด็ดขาด  ถือว่าเป็นเวรกรรมของพระพุทธองค์

    พระพุทธเจ้าก็ยังมีกรรมเวรอยู่  การลักขโมยเปลี่ยนสับดอกบัวครั้งนั้น ทำให้พระศรีอาริย์ซึ่งถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่คงมั่นในความเมตตาและเป็นสัตย์ยิ่งคือไม่เคยกล่าวพูดคำมดเท็จโกหกหรือหลอกลวงอยากได้ของผู้อื่น

    วาจาสิทธิ์ของพระศรีอาริย์

    โอ สหายท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนเราก็จริง แต่ว่าในศาสนาของท่านจะมีแต่พวกขี้ลักขี้ล่าย(ขี้โขมย) และไม่ตั้งมั่นอยู่ในสุจริตธรรม มีแต่คนคดโกงเบียดเบียนซึ่งกันและกัน สาเหตุเพราะบาปที่ท่านก่อในการลักขโมยสับเปลี่ยนดอกบัวในครั้งนี้  เมื่อเป็นอย่างนี้จึงเข้าใจแล้วสินะ ว่าทำไม..โลกของเราณปัจจุบันจึงได้เป็นไปอย่างที่พบเห็น  เพราะเรื่องราวเหล่านี้มันนับเนื่องจากอดีตกาลแล้วอย่าไปเคืองตำหนิกล่าวว่าพระพุทธเจ้าเรื่องมันผ่านมาแล้ว มันเป็นบาปหนัก เพราะพ้นหลังจากนั้นแล้วพระพุทธเจ้าของเราก็ชดใช้กรรมเหล่านั้นที่กระทำต่อพระศรีอาริย์

    ยังติดค้างอยู่ในศาสนาพระศรีอาริย์

    ที่บอกกล่าวว่าเป็นดินแดนสวรรค์บนพื้นมนุษย์โลกถือว่าเป็นครั้งแรก ที่สวรรค์จะมาอุบัติในโลกมนุษย์   ยุคของความเจริญทุกอย่างทั้งศีลธรรมจริยะธรรมวัตถุซึ่งมีความรุ่งเรืองขีดสุด คนแทบไม่ต้องทำมาหากินเพราะกินอยู่อย่างทิพย์

    สุขสบายอย่างเทวดานางฟ้าจนรู้สึกน่าเบื่อ  ใครเพลิดเพลินใจในการบริโภคกามคุณ..ปรารถนาสิ่งใดก็ได้ตามใจ  ส่วนคนที่คิดได้ว่ามันเป็นเรื่องน่าเบื่อก็ค้นเสาะแสวงหาแนวทางดับทุกข์  ซึ่งในสมัยนั้นพระศรีอาริย์จะเป็นผู้นำ ทรงเป็นประมุขที่เป็นเพียงหนึ่งเดียว

    พระพุทธเจ้าแต่ละยุคจะเกิดพร้อมกันมิได้ เพราะไม่เช่นนั้นก็ไม่ได้แปลว่าผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ดังนั้นพระพุทธเจ้าย่อมมีหนึ่งเดียว อุบัติมาพร้อมกับรัตนะสมบัติจักรแก้วม้าแก้วขุนพลแก้ว นางแก้ว ซึ่งถือว่าเป็นจอมไตรย ที่ไม่มีผู้ใดเหนือกว่าสิ่งนี้แล้ว

    เมื่อครั้งอยู่ในโลกมนุษย์กระทำอย่างไร

    แน่วแน่เจตจำนงในหลักคำสอนของพระองค์ ใช้ชีวิตมนุษย์ให้เป็นไปในทางวิถีธรรมเรียบง่าย คือขณะที่เป็นมนุษย์มีการงานรับผิดชอบจำเป็นจะต้องเสาะแสวงหาการปฏิบัติธรรมควบคู่สิ่งเหล่านี้ด้วย หมายถึงว่าการปฏิบัติทางด้านวัตถุต้องเทียบเท่ากับจิตใจคือทำงานทำการปล่อยตัวไปตามหน้าที่ที่ปฏิบัติแต่มีใจระลึกที่จะทำบุญทำกุศลในแต่ละวันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นแผ่เมตตา ทำทาน

    นอกจากนั้นสิ่งที่พระศรีอาริย์ปรารถนาให้มนุษย์โลกกระทำ

    สำคัญที่สุดศีลห้าต้องบริบูรณ์  กระทำอย่างไรให้ตนเองบริบูรณ์  กระทำอย่างไรให้ตนเองเป็นสัตบุรุษ  ซึ่งหมายความว่าเป็นคนดี ดีอย่างเดียวไม่มีชั่วปะปน  เหมือนใจพระศรีอาริย์ที่ตรงเหมือนไม้บรรทัดจะเบี้ยวหักงอแหว่งก็เป็นไปเสียมิได้ ตรงอย่างไรก็ตรงอย่างนั้นคือวาจาสัตย์พูดอะไรออกมาแล้วต้องรับผิดชอบ

    นอกจากนั้นล่ะ

    ปฏิบัติธรรมให้ครอบคลุมและเป็นไปตามสภาพของตนเอง

    เป็นอย่างไร

    ไม่ต้องเกร็ง  มีจิตใจอยากช่วยเหลือคนอื่นเริ่มต้นที่บ้านที่ครอบครัวของตนเองก่อน

    พิจารณาถึงทุกข์สามประการ

    คืออะไร

    โรคภัยไข้เจ็บ การทะเลาะวิวาทบาดหมาง ความยากจน

    คำตอบก็คือเพราะอะไรสิ่งเหล่านี้เป็นการขัดขวางทางไม่ให้ก้าวไปสู่เอื้อมถึงศาสนาพระศรีอาริย์

    ถ้าเป็นอย่างนี้มนุษย์โลกปัจจุบันส่วนมากส่วนใหญ่หลักของประเทศก็เป็นอย่างนี้ คือเต็มไปด้วยความยากจน  วิธีการปฏิบัติอย่างไรล่ะ

    ยากจนไม่ได้เถียงเพราะมันจนกันทั้งประเทศทั้งโลกนี่ล่ะ ต้องยอมรับอย่างหนึ่ง

    ว่ากลียุคที่เราเกิดมานั่นน่ะ มันตรงกับยุคของกลียุค ถ้าเป็นศาสนาพระศรีอาริย์ไปแล้วจะเรียกว่ากตยุค คือยุคแห่งความรุ่งเรืองเจริญศิวิไลซ์ 

    หมายความว่าเป็นยุคที่มนุษยชาติปรารถนาพึงพอใจสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น แต่กลียุคมันตรงกันข้าม  นอกจากอัตคัดขาดแคลนยังต้องเบียดเบียนข้าวยากหมากแพงมนุษย์เอารัดเอาเปรียบเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความโลภในทางค้าขายและธุรกิจจนลืมนึกไปถึงจิตใจและความเป็นคนด้วยกันเอง เมื่อธรรมเหล่านี้ไม่เกิดกลียุคจึงเต็มไปด้วยรบราฆ่าฟันมนุษย์กระหายเลือดกระหายสงครามที่จะเข่นฆ่ากัน

    ไม่ต้องมองอะไรมากหรอกรายรอบตัวเราบ้านเมืองเรานี่ล่ะ แจ่มชัดที่สุด..  เข้าใจหรือยังคำว่ากลียุคกับกตยุค  ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าเหตุที่เป็นไปอย่างนี้เพราะโลกทั้งสามดลบันดาลให้เป็น เป็นเรื่องที่จะต้องเกิด  เป็นอุบัติสวรรค์ที่มีมาช้านานทำนายทายทักว่าจะต้องเกิด เป็นโครงการของเบื้องบน  จึงฝืนจึงฝ่าคำลิขิตเหล่านี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นมนุษย์เราควรรู้จักพอเพียง ควรรู้จักตนและผู้อื่นในการประมาณตนในการปฏิบัติตัวต่อกันและกัน

    ที่บอกว่ายากจนนั้น

    เราจนกายก็จริงแต่อย่าให้ใจจนกุศล เราสั่งสมกองบุญกุศลไว้ในใจนี่เอง  เป็นบารมีที่เรากักเก็บไว้เพื่อที่จะได้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเกิดทันศาสนาพระศรีอาริย์

    คนที่จะเกิดทันศาสนาพระศรีอาริย์นั้นคือ

    เมื่อตายละชีวิตจากโลกนี้แล้ว จะต้องไปบังเกิดบนสวรรค์เท่านั้นโดยเฉพาะระดับกลางและระดับสูง อันมี  ดาวดึงส์ ดุสิต กับยามาเป็นต้น เพราะว่ากาลระยะที่เสวยสุขในสวรรค์เหล่านี้ยาวนาน เพราะว่าสิ้นสุดที่พ.ศ.ห้าพันตามที่พุทธทำนายใช่ว่าพระศรีอาริย์จะเสด็จมาอุบัติ ก็ถือว่าเป็นการก้าวสู่ยุคของพระองค์ ยังต้องรออีกไปสักระยะ ไม่ใช่แค่ระยะเวลาสั้นหรอกแต่ผ่านไปเป็นกัปป์เป็นกัปป์นั่นล่ะ

     ต่อมามีกัปป์หนึ่งซึ่งว่าเปล่า มีธรรมชาติอุบัติปรากฏ มีแม่น้ำลำธารภูเขา บ้านเรือนของประชาชนไปมาหาสู่สัญจรสะดวก  ฝนตกในทุกๆเจ็ดวัน จนน้ำเต็มบริบูรณ์เช่นนั้น น้ำในลำคลองมีรสหวานดุจเกสรดอกไม้   แม่น้ำไม่ไหลย้อนสายไม่มีน้ำขึ้นน้ำลง เส้นทางตรงดิ่งไม่มีคด  ต้นข้าวสาลี เพียงเมล็ดเดียว    เป็นต้นเติบโตขยายใหญ่เท่าต้นไผ่ให้ผลผลิตเป็นเกวียน  เป็นการจำแนกบอกว่า นี่คือการเข้าสู่ยุคของพระศรีอาริย์

    ไม่รู้ว่าอีกกี่กัปป์ ส่วนท่านผู้มีชื่อเสียงมีคุณูปการต่อเชื้อชาติไทยและราชวงศ์ของไทยหรือสยามนับตั้งแต่อดีตและปัจจุบันบุคคลที่เสวยสุขสมบัติในดาวดึงส์ชั้นนี้ยกตัวอย่างเท่าที่ทราบ พระแม่นางเสืองพระราชมารดาของ พ่อขุนรามแห่งแหง เจ้าแม่จามเทวีแห่งลำพูน   สมเด็จพระพันวษาอัยยิกาเจ้าของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน   ท่านทั้งสามมีวิมานประทับอยู่ใกล้เคียงกัน  และก็คงเช่นเดียวกับสมเด็จย่าของชาวไทยเรา   แล้วสมเด็จพระเพทราชา กษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา  พระเจ้าพังคราชหรือพิงคราช กษัตริย์สมัยโยนก     พระเจ้าเม็งรายหรือพ่อขุนเม็งราย  กษัตริย์แห่งล้านนา

    ที่บอกว่าจนกาย

    จะว่าไปทุกๆคนในมัยนี้ก็จนกายฐานะยากจนอัตคัดขาดแคลนเงินทองเช่นกัน จบสูงมีเงินเดือนแพงก็ใช่ว่าจะได้ใช้เงินสุขสบาย ทำงานใช้จนคุ้ม  ความเดือดร้อนสาหัวสารพัดเช่นนี้เอง คือสิ่งที่เรายอมรับคำว่ากลียุค ความสุขจะไม่มีในหมู่ชีวิตมนุษย์ทุกหย่อมหญ้า ล้วนแต่ได้รับความเดือดร้อนทุกข์ทรมานใจเท่าเทียมกัน ฉะนั้นเมื่อเราเข้าใจแล้วก็จงปล่อยวาง

    เพราะว่ากลียุคอุบัติทำให้มนุษย์ยุคนี้ต้องพบพานกับความเดือดร้อนแสนสาหัสอย่างที่เป็นและพบเห็น โทษใครไม่ได้เพราะมนุษย์เราจำเป็นต้องเกิดเวียนว่ายตายเกิดหากไม่ทำความจริงให้รู้แจ้งละกิเลสหมดสิ้นเป็นระดับพระอรหันต์และเข้าสู่นิพพาน  สิ่งที่เรียบกว่าการเกิดจะไม่มาเยือนความเป็นมนุษย์  พระพุทธองค์จึงมักเอ่ยกล่าวว่า นิพพานเป็นบรมสุข

    นั่นไง

    ถึงบอกว่าทุกคนยากจนหมด กายน่ะช่างมันขออย่าให้ยากจนจิตใจในการให้ธรรมแนะนำผู้อื่นช่วยเหลือผู้อื่น  นี่คือบุญเล็กน้อยเมื่อกระทำแล้วสิ่งที่บังเกิดนั่นเรียกว่ากุศล  เราจึงต้องเกี่ยวหรือกอบโกยเอาสิ่งนี้ไว้หรือเราจะต้องไม่เป็นคนที่ยากจนในผลกุศล สิ่งที่เอ่ยเรียกว่าทุกข์สามประการก็เช่นกัน

    โรคภัยไข้เจ็บ  การทะเลาะวิวาท บาดหมาง  ความยากจน

    ใช่ สิ่งนี้ขจัดให้ออกไปจากจิตใจมนุษย์ เป็นต้นเราทราบเพียงว่าคนที่ร่ำรวยนั้นเขาบังเกิดมาเพราะผลกุศลที่ทำไว้ ใช่เมื่อเราทราบเช่นนี้อย่าไปอิจฉาถือว่าบุญใครบุญมัน แต่ว่าความร่ำรวยเหล่านี้ใช่ว่าจะไม่เกิดแก่เรา ก็เราหมั่นปฏิบัติประพฤติบุญทานสร้างกุศลไว้ซี อนาคตข้างหน้าความร่ำรวยจะมาเยือน

    แต่ความร่ำรวยมันก็เป็นทุกข์

    ก็ไม่มีอะไรที่จะไม่เป็นทุกข์หรอกในโลกนี้  ทุกข์เท่าเทียมกัน การเกิดของมนุษย์ก็นับและถือได้ว่าเป็นทุกข์  เพราะว่าเราต้องเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมที่กระทำในปางชาติที่แล้ว และชาติก่อนๆนั้น

    ส่วนการทะเลาะวิวาทบาดหมาง

    หากปรารถนาให้เกิดทันศาสนาพระศรีอาริย์ ต้องขจัดสิ่งเหล่านี้ออกจากตัวเองออกจากสังคมประเทศชาติ  การทะเลาะวิวาทบาดหมางจะไม่มีบังเกิดขึ้นในศาสนาพระศรีอาริย์  ผู้ที่เราทราบว่าเป็นบุคที่โลกธาตุทั้งหลายบริสุทธิ์ความชั่วหยาบใดก้าวผ่านไม่ได้จิตใจคนในยุคนั้นจึงมีแต่คนดีมีศีลธรรรมบังเกิด  เมื่อมีคนดีมีศีลธรรมบังเกิดอยู่ด้วยกัน ก็มีแต่ความสุข  เพราะความชั่วไม่มี บาปมันจึงไม่เกิด

    โรคที่เกิดในยุคพระศรีอาริย์

    คนในยุคพระศรีอาริย์มีอายุยาวนานเป็นหมื่นๆปีก็มีแต่เพียงโรคหลงใหลในอาหารทิพย์กับบริโภคกามลุ่มหลงจนทำให้ถึงกับตาย กินอาหารมากเกินไปก็จุกท้องท้องแตกตายประมาณนั้น ส่วนโรคอื่นๆอย่างในยุคนี้มะเร็ง หัวใจ โรคตับ ไตวาย  ไม่มีบังเกิด

    การทะเลาะวิวาทบาดหมาง

    พระศรีอาริย์ไม่ปรารถนาการประหัตประหารมนุษย์ทำร้ายซึ่งกันและกัน  เข่นฆ่าแย่งชิงริษยากัน  เพราะบุคคลชนิดนี้จะไม่มีทางได้เกิดทันศาสนาพระศรีอาริย์

    สวรรค์เป็นอย่างไรหรือ

    แต่ละชั้นแตกต่างกันมีระดับสูงระดับกลางและระดับต่ำ สวรรค์เป็นหนึ่งในฉกามาพจรที่ข้องอยู่ในการเวียนว่ายตายเกิดตั้งแต่ชั้นกามภพ รูปภพ อรูปภพ ไล่เฉพาะสวรรค์ชั้นแรก  จาตุมหาราชิกา ถือว่าความเป็นอยู่ใกล้เคียงกับมนุษย์เราในปัจจุบันอย่างมาก คือเสื้อผ้าอาภรณ์เหมือนชาวบ้านชาวช่องทั่วไป แต่แตกต่างจากสถานที่ตรงทีมีปราสาทราชวิมานวิจิตรหรูหราตระการตา กับผิวกายที่เปล่งรัศมี 

    สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มนุษย์เมื่อกระทำบุญกุศลไว้ตั้งแต่มีชีวิตอยู่ มารับเอากุศลนี้ไป เรียกว่ากุศลสวรรค์  มีการทำนาทำไร่เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง พุดคุยเฮฮาเหมือนบ้านเราคนชนบท  แต่ก็ยังดีกว่ามนุษย์ตรงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเทวดา แม้จะเป็นชนชั้นเทวดาที่มีบารมีน้อยก็ตาม ชั้นนี้ผู้เป็นใหญ่ได้แก่ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่นั่นเอง เป็นเหตุให้ท่านต้องรับผิดชอบดูแลชีวิตมนุษย์ตรวจตราบาปบุญที่มนุษย์แต่ละคนกระทำ เพื่อส่งไปยังสวรรค์และยมโลก

    ดังนั้นเมื่อสถานที่เป็นทิพย์จึงมีความสวย บ้านแต่หลังก็แตกต่างระดับชั้น ก้เนื่องมาจากสร้างบารมีมากสร้างบารมีน้อยของเทวดานางฟ้าเหล่านั้นเมื่อครั้งเป็นมนุษย์  บางท่านก็เป็นบ้านธรรมดาหลังคามุมจั่ว  หรือทรงจตุรมุขคล้ายศาลาเหมือนบ้านเรือนทรงไทย

    ขยับมาอีกชั้น  คือชั้นที่สอง

    มีความเป็นอยู่วิจิตรการตายิ่งขึ้น ผิวพรรณวรรณะขชองเทวดานางฟ้าก็ผุดผ่องเรืองรองรัศมีดุจเลื่อมประภัสสรของอัญมณีที่ส่องประกายวูบวาบ  การแต่งกายเป็นเทพนางฟ้าเนรมิตรปราณีตและรัศมีเรืองรองมากกว่าชั้นแรก ส่วนที่เล่ากล่าวงบอกว่าใครเป็นเทพเจ้าสูงสุดปกครองในชั้นนี้หลายท่านทราบว่าแล้วรวมทั้งพระมเหสีของของท่าน ก็คือ มฆะมานพในสมัยอดีตที่ชักชวนเพื่อนสร้างถนนหนทาง ก่อบารมีจนได้เป็นเทพดาปกครองสวรรค์ชั้นนี้ชื่อท้าวสักกะ

     มีแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์  ก็คือยามที่มนุษย์โลกมีพิษภัยเดือดร้อน  แท่นที่เคยอ่อนนุ่มตรงนี้จะแข็งขึ้นมาทำให้เทวดาและท้าวสักกะรับทราบว่าจะต้องเกิดเหตุในโลกมนุษย์จึงให้เทวดาผู้ช่วยเหลือส่งทิพยเนตรไปตรวจตราดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น  นอกจากนั้นยังมีสวนดอกบัวหรือสระโบกขรณี  ของพระมเหสี  อันมีชื่อเรียกตามองค์ว่า   สุจิตรา  สุธรรมา  สุชาดา สุนันทา

    ระดับความเป็นอยู่ของเทวดาชั้นสูงก็งดงามราวกับปราสาทราชวิมานวิจิตรตระการของแสงแห่งรัตนะพวยพุ่งรัศมีมากกว่าชั้นแรกประดับมาจากเพชรแก้วโมราไพลินเงินทอง ทุกหนทุกแห่ง  มีสายลมพลิ้วโชยชายไปมาตลอดเวลา ยามต้องการอยากให้หนาวก็หนาว

    ยามที่ต้องการอุ่นสบายก็อุ่น เรียกว่าเป็นเรื่องเทวดานางฟ้านิมิตปรารถนาตามอำเภอน้ำใจ เพราะเป็นด้วยกุศลสวรรค์บันดาลสวรรค์ชั้นนี้แทบทุกหนแห่งประดับประดาด้วยวนอุทยานภูเขาธารน้ำตกที่อยู่ห่างออกไป

     แม้ดูห่างและไกลจากสายตาแต่ก็ดูไม่ไกลอย่างที่คิด เพราะว่าก้าวเดินไปแทบจะลัดมือเดียวถึง ดอกไม้ทิพย์เช่นต้นคล้ายมะม่วงแต่มีดอกคล้ายดอกสลิดหรือคล้ายดอกทานตะวัน แต่ดอกไม้เหล่านี้กลับมีกลิ่นหอมแปลกประหลาดที่เมืองมนุษย์ไม่มี บางต้นคล้ายต้นมะขาม แต่ให้ดอกอยู่ที่โคนต้นและตามกิ่งคล้ายดอกบัว   บางต้นคล้ายต้นมะกอก แต่มีใบคล้ายใบมะม่วงรูปทรงหอก  กลับมีดอกคล้ายดอกพิกุล   ต้นไม้ในสวรรค์ชั้นนี้ต้นไม่สูงมากนัก ดอก นั้นสัมผัสได้ แต่มนุษย์ห้ามเด็ด  ต้องขออนุญาตก่อนเพราะมีเทวดารักษา  จะมีเสียงขู่คำรามจากบรรดาเทวดาผู้มีหน้าที่รักษาบุญกุศลของมนุษย์ทุกคน

     บางต้นมีลักษณะคล้ายต้นโพธิ์แต่มีดอกที่โคนต้นและตามกิ่งคล้ายดอกจำปี กับการเวกหรือกระดังงาบานคละเคล้ากัน  จึงเป็นอะไรที่แปลกประหลาดและมักคาดคิดไม่ถึงเสมอในสวรรค์ชั้นนี้  ซึ่งไม่ทราบว่าเรียกดอกไม้อะไร และที่ทราบก็มีเพียงต้นเดียวที่เด่นชัดลักษณะใบกิ่งก้านเป็นต้นไม้ที่คล้ายโลกมนุษย์ทุกอย่างคือต้นมณฑาหรือมณฑาทิพย์  หรือมณฑาสวรรค์ดอกไม้ประจำตัวพระศรีอาริย์ก็อุบัติในสวรรค์ด้วยเช่นกัน  ดอกหอมมากฟุ้งกระจายอบอวลเย็นไล่ไปตามสายลมส่งกลิ่นเกสรฟุ้งอวลพัดเอาดอกหอมไปไกลเป็นโยชน์ 

    สิ่งเหล่านี้สำหรับเทวดานางฟ้าเป็นเรื่องปกติ  แต่มนุษย์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนี่สิ ตื่นตกตลึงกับความประหลาด ไม่เคยสูดดมดอกไม้ชนิดไหนหอมหวนยวนใจอย่างนี้เลย แปลกประหลาดหอมที่เรียกได้ว่าในโลกมนุษย์ไม่เคยมีดอกไม้ชนิดนี้ปรากฏ 

    ลักษณะดอกอยู่ในสกุลดอกจำปี ดอกโตกว่าสีเหลือง สีครีม สีชมพูอมครีมแกมม่วง  กลีบน่าจะคล้ายแบบดอกสาละ  มีเกสรสีเหลืองอยู่ตรงกลาง ดอกมีตั้งแต่หุบไปจนถึงบาน แล้วก็ร่วงโรย แต่ว่าหอมเย็นมากที่สุดเกินจะพรรณา  ถ้าจะมองให้เห็นภาพก็เป็นดอกไม้ตระกูลแมกโนเลีย ดอกมณฑาสวรรค์ที่ขึ้นในธรรมชาติและอากาศทีมีความเยือกเย็นภูมิอากาศต่ำปกคลุมด้วยหิมะอย่างเช่นประเทศจีนและต่างประเทศ  ที่สำคัญสวรรค์บนพื้นแห่งนี้ ย่างก้าวไม่ติดพื้น   คือเทวดานางฟ้าเดินไม่ติดพื้น ไม่มีพื้นหญ้า  

    ถนนหนทางสะอาด ร่มรื่นประกอบด้วยแมกเงาไม้ที่อุบัติขึ้นตามธรรมชาติของสวรรค์ชั้นนี้ ต้นไม้ทีไม่เหมือนในโลกมนุษย์เกิดขึ้นแล้วห่างกันพอประมาณ ไม่ได้เบียดชิด และเพราะว่าสวรรค์ชั้นนี้พระอาทิตย์บนพื้นผิวโลกสาดส่องมาไม่ถึงเหมือนสวรรค์ชั้นแรก ความเป็นอยู่นั้นแสงที่สาดสว่างไสวของมณีรัตนะดุจอัจกลับแก้วทิพย์ในชั้นนี้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างทุกกาลเวลาสว่างไสวไร้ความมืดมน  อันมาจากแสงทิพย์ของรัตนะที่มีประกายส่องอยู่ตลอดเวลาและประกายรัศมีที่พวยพุ่งจากทวยเทพนางฟ้า 

    สวรรค์ชั้นนี้ก่อให้เกิดความบันเทิงรื่นรมย์ใจยิ่งนัก มีบรรยากาศที่เยียบเย็น ส่วนมากเต็มไปด้วยเทวดาชนชั้นนักบวช ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ   พระเกจิอาจารย์ที่บวชเพื่อพากเพียรความรู้ในการตัดละกิเลส  ทุกท่านส่วนมากในประเทศไทยสถิตกันอยู่ในชั้นนี้ตั้งแต่อดีตกาลเวลาที่ผ่านมาแล้วเป็นร้อยๆหรือพันปี   และมีการไปมาหาสู่กันตลอด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเสกสร้างด้วยอำนาจทิพย์ อิ่มทิพย์ อยู่ทิพย์  

    แต่ท่านที่เป็นสมณะภิกษุสงฆ์ ท่านก็ปฏิบัติตัวตามวัตรปฏิบัติที่เคย สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิอยู่ในวิมานนี่เองคือภาพของฟากฝ่ายชีวิตในส่วนของเทวดาผู้ปฏิบัติธรรม  จึงมีความเป็นอยู่อย่างเรียบเรียบสมถะ  ในวัตรปฏิบัติอย่างพระภิกษุสงฆ์ต้อนรับแขกใครไปมา และที่สำคัญเทวดานางฟ้าในชั้นนี้มีภาษาพูดของเทพที่คล้ายกับภาษาบาลี บางทีก็เกิดจากภูมิลำเนาเดิมของเทพและเทวดาเมื่อครั้งยังอยู่ในโลกมนุษย์ เช่นพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจากดินแดนทางภาคเหนือหรือล้านนา สะล่าหรือมัคทายกวัดเพื่อยื่นมือเข้าช่วยเหลือในการฌาปนกิจศพ หรือเรียกว่าสัปปะเหร่อ

     เมื่อบุญกุศลถึงพร้อมให้บังเกิดมาเป็นเทวดาในชั้นนี้ก็ด้วยลักษณะรูปทรงหุ่นแบบเดิมที่มีชีวิตอยู่  เพียงแต่มีรัศมีของเทพที่พวยพุ่งและจิตใจที่แผ่เมตตาการปฏิบัติตัวแบบสำรวมด้วยศีล  คำพูดจาของท่านเหล่านี้จะคลับคล้ายไปทางภาษาเหนือโบราณ

     ดังนั้นเทวดานางฟ้าหรือเทพที่จะอุบัติไปบังเกิดในสวรรค์ซึ่งเป็นภาษาเฉพาะของเทพ มีบางคนที่นำเอาภาษาเดิมเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่มาใช้พูด  น่าจะเป็นการติดชินคุ้นกับสำนวนเหล่านั้นและเมื่อเอ่ยสนทนาทักทายกับเทพหรือเทวดาที่มีภูมิลำเนากำเนิดเดิมมาในถิ่นแถบเหนือเช่นเดียวกัน  แต่ว่าความเป็นจริงแล้ว  เทพนางฟ้าเทวดาทุกองค์ในชั้นนี้มีหูทิพย์ตาทิพย์ระลึกย้อนชาติภพได้แม้ระลึกถึงภาพเบื้องหน้าอนาคตที่ยังมาไม่ถึงหรือย้อนกลับไปหาอดีตที่ผ่านมาแล้วตั้งแต่ตนเองได้ปฏิสนธิเกิดใหม่ในชาติที่หนึ่งก็ตาม และพูดเข้าใจภาษาได้หลากหลายทุกภาษา 

    เป็นเหตุให้พวกเราทั้งหลายสามารถสื่อรับทราบได้ว่าในโลกสวรรค์แต่ละชั้นเป็นอย่างไรก็เนื่องด้วยจากความมีมหาเมตตาปราณีจากทวยเทพองค์เหล่านั้นที่เผื่อแผ่มายังมนุษย์โลกด้วยความรักสงสารในฐานะที่พระองค์เคยเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมาก่อนที่มีจิตใจรักต่อชาติพสกนิกรของพระองค์ 

    ซึ่งบางคนหลายคนส่วนมากเคยเกิดร่วมชาติพระองค์ เป็นขุนทหารคู่ใจ เป็นข้าทาสบริวาร    ดังนั้นสวรรค์ชั้นนี้จึงนับได้ว่าเป็นสถานที่รองรับบุคลชั้นสูงชั้นเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ให้พระองค์ท่านเหล่านั้นเสวยบุญกุศลที่กระทำไว้อย่างยิ่งยวด

    พวกเราเองได้รับทราบและเข้าใจความเป็นอยู่ของเทพนางฟ้าเทวดาในชั้นนี้เพราะท่านเหล่านี้เอง  แม้แต่ผู้เขียนเองก็ตาม

    มนุษย์โลกเราปัจจุบันนี้เกิดมานับไม่ถ้วนชาติบางคนเป็นร้อย เป็นพันหมื่นปี หมื่นครั้ง  พันครั้ง

    เรามักไม่รู้ตัวหรอก เพราะเนื่องมาจากเกิดใหม่แต่ละครั้ง ต้องผ่านการดื่มน้ำลืมชาติคำสาบาน  จึงทำให้จดจำชาติภพเดิมไม่ได้

    ทำไมโลกใบนี้จึงรอคอยการอุบัติมาจุติเกิดในโลกมนุษย์ของพระศรีอาริย์ แต่ทำไมเล่าพระองค์ถึงต้องให้มนุษย์ต้องพบกับคำว่ารอคอย..และนานแสนนานกว่าที่พระองค์จะยอมและทำตามความปรารถนาของมนุษยชาติได้  มนุษยชาติหมายถึงคนทุกชาติทั่วไปในโลกใบนี้ โดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ศาสนา

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น