ตอนพิเศษ....เรื่องราวหลังจากนั้น....
ปลายดาบคมเฉียดแก้มขาวผ่องเรียกเลือดสีสดให้ไหลซึมแต่กระนั้น เพลงดาบของเขากลับมิหยุดยั้งแต่อย่างใด การรุกที่ทวีคูณความรุนแรงยังคงโจมตีร่างเล็กของเธออย่างไม่หยุด แม้การปัดป้องของดาบซาเทียน่าจะช่วยให้เธอไม่บาดเจ็บ แต่ก็มิได้มากเท่าใด เพราะบัดนี้แขนเสื้อสีนวลกลับขาดวิ่นไปเสียแล้ว
“ยอมแพ้ซะเถอะ เรย์”
“งั้นเจ้าก็ยอมแพ้เสียก่อนสิ”
แม้สถานการณ์จะเสียเปรียบแต่รอยยิ้มกลับยังฉาบกว้างบนใบหน้าหวานของท่านหญิงเรซิน่าแห่งอาซาเรสซึ่งนิสัยกลับไม่เปลี่ยนไปเสียแต่อย่างใด มือเรียวติดด้านตวัดปลายดาบปัดอาวุธสังหารที่เฉียดเข้าใกล้ตนได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้งและอีกหลายครั้ง
“ว้าว หมดแรงแล้วหรอ ท่านอดีตหัวขโมย” เสียงเยาะดังขึ้นเมื่อดวงตาสีน้ำตาลเข้มโตจับจ้องไปยังใบหน้าพราวหยาดน้ำ “อ่อนการฝึกฝน มั่วแต่ทำอะไรอยู่หึ ท่านชายแห่งแวมไพร์ ไนท์”
เสียงหัวเราะหึดังลอดลำคอแข็งแกร่งก่อนปลาบดาบที่ไขว่อยู่กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์จะกดลงหนักขึ้น “เรื่องพวกนี้อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย เจ้าหญิงเรซิน่า อ้อ ไม่สิต้องเป็นว่าที่ราชินีแห่งโนเวียสินะ”
เวกัส เกย์ มองใบหน้าแดงซ่านพลางหัวเราะขัน แต่มีหรือท่านหญิงจะยอมรับ
“บ้า! ใคร๊ ใครกันจะเป็นว่าที่ราชินีแห่งโนเวีย อย่าบอกนะว่าลูเครียสมันนอกใจเจ้าทั้งๆที่เพิ่งผ่านคืนน้ำผึ้งพระจันทร์”
เคร้ง
รังสีอำมหิตของคนถูกนอกใจแผ่ซ่านทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีนิลเยี่ยงมัจจุราชเปี่ยมด้วยความโกรธายิ่ง ก่อนรอยยิ้มเหยียดน่าสยองจะปรากฏบนใบหน้าคมของท่านผู้ครองแผ่นดินแห่งรัตติกาล
“ปากเจ้ายังเน่าไม่เปลี่ยนเลยนะเรย์ และถ้าสิ่งที่เจ้ากล่าวเป็นจริง งั้นก็แสดงว่าคีตามีใจให้คนอื่นนอกจากเจ้างั้นสิ”
ร่างบางพุ่งเข้าประชิดเจ้าของเสียงโดยพลัน ไอสังหารกระจายพุ่งพร่าสนอย่างรวดเร็วกับคำพูดที่ถูกย้อนจนเรียกเส้นโลหิตให้พุ่งพล่าน
“ปากเจ้าก็เช่นกัน เวส”
.............................................................................
ช่อดอกไม้สีสวยถูกวางลงบนแท่นบูชาหม่นสลักนามของนักดนตรีหนุ่ม ใบหน้าหวานคลอเคลียเรือนผมสีเงินวาวรับเข้ากับดวงตาสีเข้มกำลังสั่นระริกอย่างเศร้าสร้อย
“หวังว่าเจ้าจะยังสบายดีนะ มาริก”
มือหนาอุ่นเอื้อมแตะไหล่บางเล็กเชิงปลอบก่อนส่งยิ้มเศร้า “มาริกคงผิดหวังแน่หากรู้ว่าทำให้ท่านราชินีแห่งแวมไพร์ไนท์ถึงกับเสียน้ำตา”
ลูเครเซียสบใบหน้าคมเจ้าของดวงตาสีฟ้าใสและเรือนผมสีทองพลางยิ้มตอบรับ ทั้งคู่เดินลงจากเนินเขาเตี้ย อดีตชาวนานักปราชญ์หันกลับทอดมองแท่นบูชาสลักชื่อซึ่งมีร่างของนักดนตรีและราชครูหลับใหลอยู่อย่างอาวรณ์พลางก้าวเดินตามหนุ่มร่างสูงโปร่งมุ่งหน้ากลับปราสาทแห่งอาซาเรส
“เมื่อคืน...หนักหน่อยนะ” เจ้าสาววันวานถึงกับชะงักเมื่อชายข้างตัวกล่าวย้อนถึงคืนวันวิวาห์
“ก็อ่านะ.... ถึงข้าจะรู้อยู่ก่อนแล้วก็เถอะ แต่ข้ากลับหยุดรั้งเขาไม่ได้”
“แล้ววันนี้ไหวรึเปล่า ดูเจ้าเพลียๆชอบกล” ใบหน้าซีดติดหวานเงยขึ้นเผยยิ้มบางพลางกล่าวเสียงอ่อนแรง
“อืม... ก็นิดหน่อย เมื่อคืนหนักไปหน่อยแทบไม่ได้นอนเลย”
“อย่าหักโหมนักสิ มันไม่ได้ต่อสุขภาพ เจ้าก็รู้ อย่าบอกนะว่าเวสมันก็ไม่ยอมให้เจ้านอน”
“ไม่ใช่เช่นนั้น... คนอย่างเขาห่วงข้าจะตายไป” ว่าถึงคำนี้หน้าที่ซีดขาวก็ถึงกับขึ้นสีระเรื่อ “แต่พระราชวังกว่าครึ่งเสียหายไปเพราะกองทัพไทรนอส เจ้าจะให้ข้าซึ่งเป็นราชินีองค์ใหม่กลับเข้าห้องไปนอนทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วทิ้งสวามีให้จัดการคนเดียวได้อย่างไรกัน”
(เฮ้ย! เมื่อกี้คนอ่านคิดอะไรกันอยู่!!)
แต่แล้วบทสนทนาระหว่างทางเดินกว้างก็เป็นอันชะงักไปเมื่อพบภาพอดีตเจ้าบ่าวกับว่าที่เจ้าสาวกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาโดยในมือของหญิงสาวนั้นกอบกุมลูกไฟยักษ์เตรียมปลิดชีพคนถูกล่าทุกเมื่อ
“ลูเครเซีย~ช่วยข้าด้วย!!” ว่าแล้วร่างโปร่งของท่านราชาก็วิ่งไปหลบเอาพระมเหสีของตนเป็นโล่ ปากที่บวมม่วงจากการถูกต่อยขยับฟ้องแฟนสาวไม่หยุด “คนบ้าสติแตกกำลังจะฆ่าข้า!”
“เวกัส เฟมาราสไอโจรกระจอก แน่จริงอย่าเอาชายกระโปรงของผู้หญิงมาบังหน้าสิวะ!”
“ข้าไม่ได้หลบหลังผู้หญิงเว้ย! ข้าแค่เอาตัวรอด!!”
คำแก้ตัวช่างขัดแย้งกับการกระทำเสียนี่กระไรแต่ด้วยความรัก...ในประชาชนชาวแวมไพร์เกรงบ้านเมืองจะขาดราชา สาวผมเงินวาวในชุดฟูสวยจึงได้แต่กล่าวปรามคนเป็นเจ้าหญิง
เรซิน่าคงจะได้ตัดเอาลิ้นของเวกัสออกจากปากหมาๆของชายหนุ่มไปนานแล้วหากไม่ติดดวงตาสีน้ำสมุทรที่ส่งอ้อนวอนมายังเธอ มือบางกำหุบก้อนพลังก่อนยกขึ้นขยี้ผมสีเข้มอย่างเซ็งๆ
“เห็นแก่เจ้า แต่ไม่มีคราวหน้าแน่ ไอเวส”
“ท่านป้าพูดไม่เพราะ” เสียงเล็กแหลมที่ดังก้องเรียกความสนใจของทุกคนได้ชะงัด คนถูกเรียกว่าป้าหันขวับมองอย่างกินเลือดเนื้อใส่เจ้าตัวเล็กที่ปากกล้าเหมือนบิดาขึ้นทุกวัน
“วินเทอร์ ข้าอายุน้อยกว่าพ่อเจ้าเสียอีกนะ ให้เกียรติ์คนเป็นครูหน่อยสิ!”
“ท่านพ่อบอกว่าควรให้เกียรติ์แก่สตรี แต่กับท่านข้าว่าคงไม่จำเป็น”
“ทำไม?”
ใบหน้าเล็กๆกลมๆคลอเคลียผมสีทองส่งยิ้มแป้นให้กับราชครูคนเก่งก่อนกล่าวคำตอบเสียงหนักแน่น
“ก็ท่านเรย์ไม่ใช่ผู้หญิงหนิขอรับ!”
.................................................................
“เรย์ เจ้านี่เหลือเกิน ทำกับหลานเยี่ยงนี้แล้วแม่จะไปบอกวินเซนต์อย่างไร เขาอุส่าห์ฝากหลานไว้กับแม่”
“ก็... บอกให้มันฆ่าหมาในปากลูกชายซักตัวสองตัวสิเพคะ ท่านแม่”
เฟเมลองค์ราชินีเห็นอาซาเรสได้แต่มองหน้าบูดของลูกสาวอย่างเหนื่อยใจก่อนจะหันไปทายาบนศีรษะบูดโปนบนหัวของเด็กน้อยที่ได้แต่น้ำตาซึมด้วยความเจ็บปวดและเจ็บใจ เขาอุส่าห์วิ่งเร็วแล้วแต่ท่านเรย์กลับขายาวกว่าเป็นไหนๆ โชคยังดีที่ท่านคีตาช่วยห้ามไว้ทันแล้วส่งมาหาท่านยายเฟเมล ไม่เช่นนั้นรอยปูดบนหัวคงไม่มีเพียงหนึ่งเป็นแน่
ดวงตาสีชมพูเยี่ยงมารดาค้อนใส่คนผมสีน้ำตาลผู้โหดร้าย ปากเล็กเบ้หนัก “ท่านเรย์ใจร้าย ข้าจะฟ้องท่านพี่โร”
“เดินถัดไปอีกสามห้อง ฟ้องได้เลย ตามสบาย”
เด็กน้อยยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปอีกเมื่อคนเป็นครูยักคิ้วใส่ไม่ยี่ระต่อคำขู่ น้ำตาที่คลอดวงตาสีหวานพรายจะไหลริน...ด้วยความเจ็บแค้น
แอ๊ด
“เรย์” เสียงทุ้มดุของคนมาใหม่ฉุดให้เจ้าของชื่อหันรับอย่างรวดเร็ว “มานี่เลย”
ดวงตาสีทองที่ส่อประกายดุใส่เล่นเอาคนถูกเรียกเริ่มตีหน้าสลดยิ้มแหยะกลับ แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะสะใจให้กู่ก้องแก่หัวใจของวินเทอร์นัก
“จัดการหนักๆเลย แม่อนุญาต เอารวบยอดที่ไล่ปาลูกไฟอัดท่านชายแวมไพร์ด้วยเลยยิ่งดี”
“ท่านแม่อ่ะ! ทำแบบนี้กับลูกได้ไงเพคะ!”
.........................................................................
ปัง
ประตูไม้โอ๊คบานหรูถูกปิดลงเบาด้วยมือบาง เรซิน่ามองแผ่นหลังคนรักที่ชักดุขึ้นทุกวันอย่างหวาดเสียวก่อนริมฝีปากบางของท่านหญิงจะเริ่มทำงาน
“แห๊ะๆ เจ้าก็เห็นนะว่าเจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั้นมันมาว่าข้า”
ชายหนุ่มหันใบหน้าจ้องเขม็งใส่คนไม่รู้จักสำนึกอย่างถอดใจ
“ทั้งๆที่ข้ากับลูเครเซียอุส่าห์ปลีกตัวจากงานเพื่อมาหาเจ้าแท้ๆ”
“ก็...ไม่มีใครเชิญหนิ” แต่อย่างว่านิสัยของเรซิน่าก็ยังคงเป็นเช่นเดิม องค์กษัตริย์คีตาแห่งโนเวียได้แต่ทอดสายตามองหญิงสาวหน้าหวานเจ้าของหัวใจที่เชิดหน้าหนีอย่างเหนื่อยใจ
“เรย์ เจ้าย่อมรู้ว่าภาระของข้าในยามนี้มันต่างจากฐานะนักฆ่ามากเพราะบัดนี้จากการสังหารกลับต้องแปรมาเป็นการปกป้อง” มือหนาเชยคางมนให้เงยสบ ดวงตาสเข้มและดวงเนตรสีฟ้าใสสบประสานนิ่ง
“แต่ที่ข้าอ่อนแรงนั้นไม่ใช่ภาระของแผ่นดินไม่ หากเป็นการปวดใจเพราะคิดถึงเจ้า”
เจ้าหญิงเรซิน่าผู้ไม่เคยชินย่อมหลบสายตาอบอุ่นเป็นธรรมดา ดวงหน้าเนียนคลอเคลียผมสีโอ๊คติดแดงซ่าน ปากน้อยๆสีสดก็ขยับงุบงิบ
“แล้วใครว่าเจ้าคิดถึงเป็นคนเดียวล่ะ... อุ๊บ”
ริมฝีปากอุ่นที่แสนโหยหาประทับแทบชิดเรียวปากบางหยุดเสียงหวานให้กลับหายคืนลงไปในลำคอระหง ความหวานซึ้งที่ไม่ได้สัมผัสถึงเกือบเดือนสามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดไปในหัวใจของทั้งสองได้ดีนัก
คนบ้าที่อยู่ๆก็หายไปส่งข่าวมาอีกทีก็กลายเป็นราชาแห่งดินแดนวารีไปเสียได้ ทิ้งให้เธอรอไม่นึกเลยว่าความผูกพันในช่วง 5 ปีจะส่งผลถึงจิตใจเพียงนี้ รอเกือบเดือนจึงพบหน้ากันในคืนวันวิวาห์ของเจ้าสาวเมืองแวมไพร์ แต่ดันเกิดเรื่องยุ่งจนไม่ได้พูดคุยกันเสียแต่น้อย ครั้นเรื่องราวสิ้นสุด ชายหนุ่มกลับต้องรีบเดินทางกลับไปจัดการเอกสารที่โนเวียต่อ เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวเพียงใด
“ตาบ้า”
เสียงเล็กกล่าวเบาหวิวคล้ายเคืองโกรธหากแต่แก้มนวลกลับแนบชิดแผงอกคุ้นเคยเอาเสียดื้อๆ คีตาลูบเรือนผมนุ่มของเรซิน่าอย่างอ่อนโยน
“ลงโทษเด็กดื้อ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงฉวยความหอมจากแก้มนิ่มของหญิงสาวทันควัน “ขอรวบยอดที่เมื่อคืนยังไม่ได้ขอรางวัล”
“เดี๋ยว” นิ้วเรียวห้ามริมฝีปากอุ่นที่ทำท่าจะโน้มแนบชิดโอษฐ์งาม “รางวัลอะไรมิทราบ”
“ก็... รางวัลที่อุส่าห์ขึ้นเป็นราชาเพื่อเอาใจท่านพ่อตาอย่างไงล่ะ ยอมลำบากเพื่อเจ้าคนเดียวนะเลยเนี่ย”
“ข้าเปล่าทำเจ้าลำบากนะ ปากเจ้าต่างหากที่ทำตัวเองลำบาก อยากบอกเองว่าจะหาวีธีเอาชนะพ่อข้า”
“ก็เจ้าว่าให้ข้าชนะใจท่านไธรัสให้ได้ก่อนเจ้าถึงจะยอมแต่ง ข้าก็อุส่าห์บึ่งกลับโนเวียไปขึ้นครองราชหวังเอาใจแท้ๆ เจ้ายังจะบอกว่าข้าไม่ได้ลำบากเพราะเจ้าอีกงั้นรึ”
“ไม่รู้ เรื่องนี้ถือว่าข้าไม่เกี่ยว” หญิงสาวสลัดกายออกจากอกกว้างพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “หาเหาใส่หัวเอง สมน้ำหน้า”
ชายหนุ่มราชาคนใหม่ถึงกับมองแฟนสาวของตนตาค้างก่อนปากเรียวจะสถบเบา “เจ้า!มันน่านัก!”
“น่ารักน่ะหรอ อ๊ะ นั่นมันของแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกล่าวหรอก”
มือหนายกขึ้นกุมขมับพลันนวดเบาๆ “หน้าด้าน ไม่มีเปลี่ยนสิไม่ว่า” ลมหายใจถูกปล่อยออกมาหนักหน่วง “ข้าคงต้องคิดทบทวนความคิดของเวกัสจริงๆสินะ”
คีตาชักมาดครึมมือกุมคางอย่างครุ่นคิดจนเจ้าหญิงอดสงสัยเสียมิได้
“ความคิดอะไร?”
“ก็ความคิดที่ว่าหากแต่งงานกับเจ้าแล้วชีวิตข้าจะมีความสุขแน่รึ”
“เห๊อะ! ของมันแน่นอนอยู่แล้ว!! ใครๆก็อยากแต่งกับข้าทั้งนั้น” คนฟังเริ่มหรี่ตาต่ำมองคนหลงตัวเองไม่เลิกอย่างพินิจ “ดูมั่นใจเชียวนะท่านหญิง”
“แน่นอนอยู่แล้ว” เรซิน่าประกาศก้อง “ไม่งั้นป่านนี้เจ้าคงไม่มานั่งเฝ้าคิดถึงข้าหรอก จริงม่ะ?”
ซึ่งก็ถูกของนาง... แม้คำกล่าวจะว่าอย่างไรแต่ในใจเขายามนี้ก็คงไม่มองหญิงอื่นยกเว้นเจ้าหญิงคนเก่งตรงหน้า เรซิน่ายิ้มชอบใจเมื่อเห็นสีหน้ายอมแพ้ของคนรักก่อนจะเดินเข้าใกล้ชายหนุ่ม
“แล้วก็รู้ไว้ซะด้วย ว่าเจ้าบ่าวของข้านั้นคือเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”
เห็นมั้ย? ก็นางน่ารักเสียขนาดนี้แล้วจะให้เขาไม่หลงรักได้อย่างไร
คีตามองใบหน้าหวานติดระเรื่อพลางลอบยิ้ม อ้อมกอดอบอุ่นถูกสวมรอบเอวคอดก่อนแขนแกร่งจะโอบแนบร่างบางให้ชิดใกล้จนได้กลิ่นหอมจากเรือนผมสีน้ำตาลโอ๊ค “งั้นก็แต่งกับข้าเสียสิ้นปีนี้เลยมั้ยล่ะ?”
ปัง!
“มันจะไม่เร็วไปหน่อยรึ ท่านชายแห่งโนเวีย!”
.........................................................................
ราชาหนุ่มไม่ยอมชรามองภาพตรงหน้าพลางควันออกหู ทันทีที่ได้ยินว่าชายหนุ่มผมทองผู้ซึ่งขึ้นครองแคว้นโนเวียแวะเวียนมาหาบุตรี เขาก็แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้หรูของที่ประชุม จนในที่สุดก็ห่วงความปลอดภัยของเจ้าหญิงเรซิน่าไม่ไหว แล้วพอมาถึงก็กลับสายเกินไป...
“ถวายบังคม ท่านไธรัส” คีตาผละออกจากร่างบางก่อนโค้งตัวลงอย่างสง่า ขณะที่เจ้าหญิง...
“ท่านพ่อ ทำไมไม่เคาะประตูก่อนเข้าห้องคนอื่นเพคะ!”
ใบหน้าหวานแดงซ่าน แม้มันจะไม่ใช่การมีสักขีพยานครั้งแรก แต่อย่างไรเธอก็ไม่ชินอยู่ดีนั่นแหละ!
“เจ้าคงไม่คิดจะแต่งกับลูกสาวของเราจริงๆหรอกใช่ไหม”
น้ำเสียงเย็นเรียบที่หายไปจากพระราชวังแห่งอาซาเรสครั้งเนินนานกลับกำลังดังกึกก้องขึ้นอีกครา ดวงตาไร้แววจ้องเขม็งไปยังหนุ่มผมทองที่ตามติดลูกหญิงของเขามาตลอด 5 ปีด้วยความไม่พอใจเป็นที่สุด
“เรซิน่าพึ่ง 22 เจ้าไม่คิดว่าจะเด็กไปสำหรับเจ้าหน่อยรึ”
“ท่านพ่อ!!” คนเป็นลูกถึงกับอุทานตกใจกับคำกล่าวซึ่งหมายตัดรอนความสัมพันธ์
“กระหม่อมเองอีกไม่นานก็จะ 25 กระหม่อมจึงเห็นว่าการที่ชายหญิงอายุห่างเพียง 2 ปีคิดจะแต่งงานกันนั้นคงไม่เป็นเรื่องเสียหาย ข้ากระหม่อมยังคิดว่าทางโนเวียและอาซาเรสคงจะยินดียิ่งที่จะเฉลิมฉลองการกำเนิดบุตรแห่งสองแผ่นดิน”
เรซิน่าตีสีข้างของคีตาเบาอย่างเขินอายกับคำพูดแอบแฝงของคนรัก แต่ท่านไธรัสกลับมีอารมณ์ที่ขัดกับเธอโดยสิ้นเชิง
“ปากกล้าสมตระกูลนักเร่ร่อนเสียจริงท่านชาย แต่เสียใจด้วยที่ข้าไม่ต้องการให้หลานของข้าต้องมีพ่อที่ฝ่ามือนั้นเคยเปรอะเปื้อนโลหิตของผู้คนเพียงเพราะเงินตรา!”
“มันจะเกินไปแล้วนะท่านพ่อ!”
เสียงหวานตะคอกดังใส่คนเป็นพ่อ ก่อนที่หันกลับมองชายหนุ่มข้างตัว มือเรียวไล่สัมผัสโครงหน้าซึ่งแสดงอาการเหนื่อยล้าจากการเสียสละอันไร้ประโยชน์ แต่กระนั้นรอยยิ้มอบอุ่นที่ฟื้นก็ยังมีให้แก่เธอได้เสมอ
“จงจำไว้ ท่านชายคนใหม่แห่งโนเวีย ไม่ว่าเจ้าจะพยายามแก้ไขตัวเองอย่างไร แต่สิ่งที่เคยผ่านมาในอดีตนั้นเจ้าย่อมรู้ดีว่ามันไม่สามารถแก้ไขได้”
“ออกไปจากห้องลูกได้แล้วเพคะ!”
ดวงตาสีน้ำเงินครามของบิดาแห่งแคว้นลอบมองใบหน้าหวานที่โกธรานั่นอย่างปวดใจ ก่อนวรองค์สูงโปร่งจะมุ่งเดินออกจากห้องไปตามคำกล่าว ทิ้งไว้แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มใสที่จ้องมองร่างซึ่งพึ่งลับออกไปจากประตูไม้โอ๊คอย่างไม่เข้าใจ
“คีตา...ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย พ่อข้าแค่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น”
เรซิน่าทำตัวร่าเริงหมายคลายความตรึงเครียดแก่ชายหนุ่มแต่กลับได้ประสบเพียงดวงตาสีฟ้าใสซึ่งประกายเศร้าอย่างที่เห็นได้ยากยามเขาทอดมองเธอ ใบหน้าคมคายของราชาคีตาส่ายเบาก่อนรอยยิ้มขมขื่นกลับฉายชัดบนใบหน้าของเขา
“เรย์ ท่านไธรัสพูดถูก หากชาวเมืองอาซาเรสรู้ว่าอดีตนั้นข้าเคยเป็นมือสังหารมาก่อน พวกเขาจะวางใจในข้าได้อย่างไร”
“ทีชาวเมืองโนเวียยังเชื่อใจ แล้วทำไมชาวเมืองของอาซาเรสจะไม่เชื่อใจเจ้ากันล่ะ”
“คำตอบนั้นเจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ...”
ใช่... ถูกของเขาเพราะทุกคนต่างย่อมรู้ดีว่าการเมืองของดินแดนแห่งวารีนั่นกระสับกระส่ายจากการใช้ชีวิตเสเพลของท่านกษัตริย์ซีต้าราชาองค์ก่อนมาเพียงใด พวกชาวเมืองเหล่านั้นเพียงแค่ต้องการใครสักคนที่สามารถมีอำนาจที่เท่าเทียมและสามารถกอบกู้ความเป็นอยู่ของชาวเมืองให้กลับมาเพียงเท่านั้น
หากนำมาเปรียบเทียมกับอาซาเรสซึ่งมีแต่ความเงียบสงบ ความอุดมสมบูรณ์ ประชาชนย่อมให้ความสำคัญกับกษัตริย์ผู้ที่นำความสุขมาแก่พวกตน ดังนั้นมันย่อมเป็นการยากที่พวกเขาจะยอมรับให้อดีตมือสังหารมามีเกี่ยวพันกับเชื้อพระวงศ์อันสูงศักดิ์ของแคว้น แม้ยามนี้ชายตรงหน้าคนนี้จะมีฐานะเปลี่ยนไปก็ตามที
คีตาก้มมองพื้นพรมอย่างสะกดกั้นความปวดร้าวจากเสียงเย็นชาที่ยังคงสะท้อนก้องอยู่ในหู นั่นสินะ เขามันมองการณ์แคบเสียเหลือเกิน เพราะอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะได้หญิงสาวคนรักมาครอบครอง อยากให้นางมีความสุขจึงนำมาซึ่งการกระทำเพื่อเอาใจพ่อตา หาได้อยากที่จะปกป้องบ้านเมืองเกิดไม่
“เห็นทีกระหม่อมคงต้องลากลับเสียก่อน กระหม่อมยังมีภาระอีกมากที่ค้างคาอยู่”
“คีตา?” คิ้วโก่งงามถึงกับขมวดเข้าพลันกับคำกล่าวที่แสนห่างเหินของชายหนุ่มผมทอง “เจ้าอย่าพูดเยี่ยงนี้สิ เจ้าก็รู้ว่าข้าเกลียดคำราชาศัพท์ ฟังแล้วมันชวนขนลุก”
ว่าแล้วหญิงสาวก็ทำท่าทะเล้นลูบแขนตนเหมือนขนในกายมันพากันลุกกรู หากแต่นัยน์ตาใสนั่นกลับไม่ส่อแววระริกขบขันเสียแต่น้อย
เจ้าแห่งแคว้นโนเวียโค้งกายลงแก่เรซิน่าก่อนจะเงยพระพักตร์สบใบหน้าเนียนที่แสนโหยหา อ้อมกอดอุ่นพร้อมรอยจุมพิตหวานซึ้งตราประทับเบา หัตถ์หนาลูบไล้เบาไปตามเรือนผมตรงนุ่ม
“ลาก่อน”
เสียงทุ้มแหบพร่าของชายหนุ่มดังกระซิบข้างหูแผ่วเบา หากกลับทำให้หัวใจของหญิงสาวเบาหวิวด้วยความตกใจอย่างประหลาด ท่านอดีตนักฆ่าส่งยิ้มให้ก่อนเขาจะปลีกตัวจากห้องบรรทมของพระนางไป
มือบางทาบหน้าอกซ้ายของตนเบา ความรู้สึกใจหายและรอยยิ้มของเขานั่นมันหมายความว่าอย่างไรกัน
คีตา...คำจากลาของเจ้าเมื่อครู่มันหมายถึงสิ่งใดกัน?
……………..…………………………………..
“ฮัดชิ้ว~”
เสียงหวานจามดังอีกระรอกท่ามกลางบรรยากาศหวานเหน็บและหิมะปรายของช่วงฤดูหนาว เจ้าหญิงสาวเท้าเร็วขึ้นตรงไปยังรั้วประตูสูงก่อนเอ่ยถามยามผู้เฝ้าธรณี
“ไม่มีขอรับ ท่านเรย์”
คำตอบที่ได้เรียกใบหน้ามีความหวังให้สลดลงอย่างรวดเร็ว ปากเรียวเอ่ยขอบใจเบาก่อนเรซิน่าจะหมุนตัวกลับเข้าสู่ปราสาทงามที่บัดนี้หลังคาทรงสูงนั้นประดับไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวแพรวพราวรับกับแสงอรุณอ่อนๆในยามเช้า
เสื้อคลุมขนสัตว์ถูกถอดโยนให้เหล่าข้าราชบริพารทันทีที่ร่างบางก้าวสู่ความอบอุ่นของพระราชวัง เรือนผมสีน้ำตาลโอ๊คสะบัดเบาตามแรงเดินที่ว่องไวผ่านเหล่านางสนมอย่างไม่ใส่พระทัยเช่นแต่ก่อน
ร่างโปร่งในห้องทรงอักษรเงยพักตร์ขึ้นพบร่างไวๆเจ้าของฝีเท้าปึงปังที่เดินอารมณ์บูดผ่านหน้าห้องไปด้วยความเหนื่อยใจ มือหนาวางปากกาขนนกสีขาวนวลลงก่อนชายหนุ่มจะลุกขึ้นเดินไปหยุดที่หน้าต่างกว้างของห้อง
ดวงตาสีครามเข้มเยี่ยงบิดาทอดมองเหล่าหิมะที่พราวระยับกับเจ้านกน้อยที่บินออกหากินในฤดูเหมันต์พลางครุ่นคิด
หลังจากวันนั้นที่ท่านพ่อบุกเข้าไปในห้องบรรทมของท่านพี่ ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มทะเล้นก็ไม่ปรากฏกายในพระราชวังแห่งความอุดมสมบูรณ์อีกเลย มีเพียงข่าวคราวเรื่องการจัดระเบียบสังคมและการปราบเหล่ากองกบฏอย่างอาจหาญของเขาเท่านั้นกระมังที่ส่งมาให้พี่สาวได้รับรู้ว่าเขายังไม่ตาย
โรเซวาสหนุ่มที่ไม่น้อยอีกต่อไปได้แต่ถอนหายใจแผ่วเบา ท่านราชาแห่งโนเวียจะรู้รึไม่ว่าทำให้เจ้าหญิงแห่งอาซาเรสต้องกระวนกระวายใจเอาแต่เฝ้ามองรั้ววังสูงตระง่าและเฝ้าถามถึงเขามาโดยตลอดมิขาดสาย การกระทำที่ท่านพี่ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน
“เฮ้อ ท่านคีตากลับมาเร็วๆสิขอรับ” เด็กหนุ่มผู้ฝึกอักษรเตรียมรับตำแหน่งอันสูงส่งได้แต่ขยี้ผมสีครามน้ำทะเลลึกอย่างจนปัญญา ร่างสูงที่แก่เกินอายุจริงไป 3 ปี ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้บุหนังชั้นยอดพลางลอบมองแสงรำไรของดวงตะวัน
ท่านพี่อาการหนักขึ้นทุกวัน...
ใบหน้าหวานแนบอิงหมอนใบโตของเตียงนุ่มด้วยท่าทางที่หาได้ยาก ดวงตาโตทอดมองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย สีฟ้าใสของนภายิ่งทำให้เธอนึกหวนถึงคนใจร้ายที่มีดวงตาสีฟ้าซึ่งสะท้อนแต่ภาพเธอ
4 เดือนที่ผ่านมา เขาไม่ได้ติดต่อเธอเลยเสียครั้งเดียว ครั้นจะให้เธอไปหาเขานั้น... ท่านพ่อก็กลับแบ่งภาระให้โรเซวาส น้องชายของเธอรับทำเสียครึ่ง ส่วนเหตุผมก็คงไม่ต้องบอกหรอก
“เรซิ่น ไปเล่นหิมะกันมั้ย”
นั่นไง...มาตรงเวลาเชียว
“ท่านพ่อไม่เบื่อบ้างรึเพคะที่เอาแต่ตามติดลูกทุกวันแบบนี้”
คนเป็นพ่อกลับยังยิ้มร่า “เบื่อได้ไง เจ้าออกจะน่ารัก มาวันนี้เราไปเล่นหิมะกัน”
แต่แล้วน้ำเสียงร่าเริงกลับต้องหยุดกึกพลันเมื่อพบนัยน์ตาของบุตรสาวที่ทอดมองอย่างเย็นชา ร่างบางล้มตัวลงนอนพลันไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงเสียนิด
“เมื่อครู่พึ่งออกไปเดินเล่นมา ข้ารู้สึกเวียนหัวอยากพักเพคะ”
ไธรัสได้แต่จับจ้องเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่แผ่ยาวสยายไปทั่วเตียงนอนกว้างพร้อมความปวดร้าวที่ดุจถูกเข็มพันเล่มจู่โจม ร่างสูงโปร่งเดินคอตกไปทางประตูก่อนเสียงทุ้มเศร้าจะเอื้อนเอ่ย
“ข้าทำเพื่อเจ้านะ เรซิน่า”
แอ๊ด...ปัง
เรซิน่าถลึงตัวลุกจากเตียงโดนพลัน หยาดน้ำที่ไม่อ่อนไหวกลับกำลังพรั่งพรูไม่หยุดจนมือบางได้รับสัมผัสชื้นเจ้าหญิงชันเข่าขึ้นก่อนซบหน้าลงหวังไล่ความเหงาซึ่งเกาะกุมในหัวใจ โดยที่เธอนั้นหารู้ไม่ว่าเสียงสะอื้นเบาของเธอจะทำให้หัวอกคนเป็นพ่อต้องหวั่นไหวเพียงใด
สิ่งที่ข้าทำนี่มันถูกต้องรึไม่? พระเป็นเจ้าโปรดตอบข้าที
…………………………………………………
“โธ่เว้ย!”
เสียงสบถดังลั่นพาเอาเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ถึงกับสะดุ้งตัวก้มหน้างุดหนีดวงเนตรคมแววโรจน์กันยกใหญ่ ขุนนางหน้าใหม่บางคนถึงกับตัวสั่นงกด้วยความเกรงกลัวต่อนายเหนือหัวคนใหม่
“โปรดลงอาญาในความผิดพลาดของข้ากระหม่อมด้วยเถอะพะย่ะค่ะ!”
ปราชญ์ผู้เสนอความคิดได้แต่ก้มหน้าแนบพื้นหลังการรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของตน เส้นผมสีขาวตามวัยแนบสนิทชิดพื้นพลางร้องขอความเป็นธรรม แต่กระนั้นองค์ราชากลับได้แต่ถอนพระทัยเบา
เห็นอย่างงี้แล้ว...เขาโกธรไม่ลงจริงๆ
“อย่าโทษตนเองเลย ข้าเข้าใจว่าท่านราฟพยายามแล้วและมันเป็นเหตุสุวิสัย”
เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังเอ่ยขึ้นเบา ร่างโปร่งใต้ผ้าคลุมขลิบเงินวาวราคาแพงเอื้อมมือพยุงร่างชราตรงหน้าขึ้น ทำเอาคนผิดพลาดถึงกับสบพระพักตร์คมคายเยาว์วัยด้วยความซาบซึ้ง
ท่ามกลางสายตาตะลึงกับความเมตตาของพระองค์ นักปราชญ์ชราราฟมัว เดอเมียก็เร่งเอ่ยต่อโดยไว
“จะเป็นเกียรติ์อย่างยิ่งถ้าพระองค์จะลงอาญากระหม่อมในหายนะครั้งนี้”
“งั้นข้าขอลงโทษให้ท่านหยุดพักงานจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิมาเยือนและขอให้ท่านกลับมารายงานความเป็นอยู่ของหลานท่านให้ข้าฟัง”
คนผมเทาได้แต่ชะงักงันกลับน้ำพระทัยของท่านราชาที่มีต่อเขาและบุตรสาวผู้ซึ่งให้กำเนิดหลานชายตัวน้อย
“เป็นพระมหากรุณาอย่างยิ่งพระเจ้าค่ะ ท่านคีตา!”
กษัตริย์หนุ่มได้แต่ส่งยิ้มบาง ข่มใจไม่ให้โกธราก่อนเรียวโอษฐ์งามจะเอื้อนเอ่ย “จัดเตรียมม้า เห็นทีงานนี้ข้าคงต้องจัดการด้วยตนเอง!!”
มือหนาขยับจัดเตรียมอานม้าให้เข้าที่ก่อนวรองค์สูงสง่าจะกระโดดพรึบขึ้นทรงอาชา โครงหน้าหล่อเหลาฉายแววเหนื่อยใจเป็นที่สุดกับเรื่องราวมากมายที่ประเคนเข้ามาไม่ยั้ง หลังจากครานั้นที่ท่านพ่อตาไม่ยอมรับเขา หนุ่มผมทองใบหน้าทะเล้นจึงได้แต่เดินหงอยกลับโนเวีย
พอมาถึงยังไม่ทันได้ลงจากเกวียนม้าดี เหล่าข้าราชบริพารก็แจ้งเรื่องพบกลุ่มกบฏแถวชานเมืองเสียนี่ เขาในฐานะราชาคนใหม่แทนเจ้าชายเทียมที่กลายเป็นเจ้าชายนิทราจึงได้แต่ปลงตกก่อนเข้าควบคุมสถานการณ์แล้วไหนจะเรื่องพ่อค้าโกงราคาสมุนไพร แม่บ้านค้ายาเถื่อนกับเด็กเหลือขอที่ขี้ขโมยนั่นอีก ชายหนุ่มจึงไม่มีเวลาปลีกตัวออกจากดินแดนของตนเลยเพราะจำเป็นต้องทำการจัดระเบียบสังคมให้เข้าล่องเข้ารอย
เมื่อสามวันก่อนกองกำลังทหารแห่งโนเวียก็สามารถนำข่าวดีมามอบแก่ประชาชนให้หายตื่นกลัวได้เมื่อเหล่ากบฏผู้ต่อต้านนั้นถูกจับกุมได้หมด สิ่งสุดท้ายที่จะนำความสงบสุขมาก็เหลือเพียงส่งพวกนั้นเข้าห้องขัง เขาจึงยกเรื่องนี้ให้ชายชรานามราฟมัวจัดการแต่ใครจะไปคาดคิดกันว่าเหล่าทหารจะเหนื่อยอ่อนถึงขนาดเปิดช่องทางให้พวกนั้นหลบหนีไปได้
รายงานที่ทำให้คีตาถึงกับหัวเสียนั้นก็ไม่พ้นความตายของทหารมือดี 3 คนที่ถูกเจ้าพวกกบฏบ้านั่นสังหาร! เมื่อเป็นเยี่ยงนี้หากเขายังปล่อยให้คนอื่นจัดการ เห็นทีจะต้องเกิดความสูญเสียมากขึ้นกว่าเก่าเป็นแน่
เกศาสีทองวาวสว่างพลิ้วไหวไปตามแรงลมหนาวของเดือนสิบสอง ดวงตาสีฟ้าใสเงยสบก้อนเมฆสีขาวนวลและแสงอาทิตย์อ่อนๆที่สาดส่องกระทบหิมะและลำธารน้ำแข็งของแคว้น
เรย์ เจ้าจะคิดถึงข้าเหมือนที่ข้าคิดถึงเจ้าหรือไม่? หรือเจ้าจะเกลียดข้าคนนี้ไปเสียแล้ว?
มือหนากำบังเหียนอาชาสีนิลแน่นก่อนราชาคีตาจะเหลือบพระเนตรมองกองทหารซึ่งกำลังทำการเตรียมพร้อมพร้อมออกคำสั่งกร้าว
“ห้ามผู้ใดติดตามข้ามาเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะต้องโทษอาญาหนัก!”
ฮี๊
บังเหียนฟาดแรงลงบนม้าสีนิลสนิทส่งผลให้เจ้าสัตว์ทรงนั้นเคลื่อนที่ไปอย่างว่องไว ดวงตาสีฟ้าใสจ้องเขม็งไปยังทิศตะวันตกของเมืองตามคำคาดการณ์และพยานโดยเหล่าทหารที่เหลือรอด
เขาจะไม่ยอมให้ใครต้องสูญเสียอีกต่อไป...
.....................................................................
“เรย์?”
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนลอบมองบุตรีที่นั่งก้มหน้าอยู่หน้าหม้อปรุงยามาเกือบค่อนวันจนพระนางอดเป็นกังวลเสียมิได้ “ลูกกำลังทำอะไรอยู่?”
ราชินีเฟเมลจับจ้องเจ้าฟองปุดๆสีม่วงเข้มที่อยู่ในหม้อนิ่ง คิ้วโก่งงามขมวดพลันเมื่อพระนางได้ยินเหมือนเสียงร้องของสัตว์ดังออกมาจากหม้อ แล้วพระนางก็ถึงกับอุทานลั่นเมื่อลูกน้อยของเธอกำลังจะหย่อนตุ๊กแกลงไปในหม้อ
“เรย์! อย่า!!”
ฟู่
แต่ก็สายเกินไปเมื่อเจ้าตัวเขียวลายเหลืองอ๋อยนั้นได้จมหายไปในน้ำสีม่วงชวนสยองนั่นเสียแล้ว ส่วนคนทำน่ะหรอ
“อย่าอะไรเพคะ ท่านแม่” เรซิน่าละจากการเช็ดมือกับผ้าขี้ริ้วพลางส่งสายตาสงสัยไปยังมารดาที่หน้ามุ่ยบูดบึ้ง
“เจ้ามันใจร้าย!! ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ด้วย ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว!”
เสียงตวาดของท่านหญิงเล่นเอาคนใจร้ายถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ดวงตาสีเข้มมองแผ่นหลังบางที่คลอเคลียผมสีน้ำตาลอ่อนๆนั่นอย่างฉงน
“ท่านแม่เป็นอะไรไปเนี่ย?”
แต่มีหรือที่เธอจะสนใจ มือซ้ายยก‘ตำราต้องสาป’ปกสีนิลขึ้นอ่านก่อนดวงตาสีน้ำตาลโตจะไล่ตัวอักษรไปพลางมือขวาก็หยิบเจ้าหนอนตัวกลมโยนลงหม้อตามสูตรที่เขียนไว้ ไม้พายหนาถูกนำมาคนส่วนผสมให้เข้ากันแต่ก็ใช้ได้ไม่นานเพราะเพียงครู่เดียวเมื่อเจ้าหญิงยกขึ้นมันกลับเหลือเป็นเพียงซากไหม้ดำ
คิ้วสีเข้มมุ่ยลงตาก็กลับมองหนังสือในมือ ส่วนมืออีกข้างก็โยนซากไม้ไปกองอยู่กับเพื่อนซึ่งถูกกระทำมาก่อนพลางควานหาไม้อันใหม่
“เอ...ขาดก็แค่...อ๊ะ!”
หญิงสาวผู้ผันตัวจากการเป็นเจ้าหญิงกระโดดเข้าตระคลุบสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารที่กำลังคลืบคลานหนี เจ้าตัวเล็กสีน้ำตาลปนดำดิ้นตะเกียบตะกายเต็มทีเมื่อพบรอยยิ้มบางเหยียดชัดของแม่มด(?)ผู้ซึ่งมือบางกำลังจับหนวดมันแน่น นางแม่มดใจทราม(??)ทอดมองสิ่งมีชีวิตในมือพลางยิ้มกว้างขึ้นพร้อมส่งเจ้าแมลงสาปน้อยลงหม้อไปด้วยแววตาเปล่งประกาย
“ฮิ...ฮิ สุดท้ายก็...ลาร์ก!!”
สัตว์อสูรที่ตัวไม่น้อยเยี่ยงแต่ก่อนปรากฏกายตามเสียงเพรียกหวานของเจ้านายสาวโดนพลัน ราชสิงห์ตัวเขื่องสีฟ้าซึ่งประดับปีกค้างคาวสีนิลนั่งลงข้างนายสาวอย่างเรียบร้อยแต่หางพวกกลับขยับอย่างยินดี
สาวผมน้ำตาลโอ๊คเอื้อมมือลูบแผงคอหนานุ่มเรียกเสียงครางของมิวเมิฟยักษ์ได้ดีนัก แม้เสียงนี้จะไม่เหมือนลูกแมวเช่นแต่ก่อนก็ตามที แต่แล้วดวงตาสีนิลกลับต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นถึงของมีคมในมือของหญิงสาว
“ลาร์ก.... ข้าอยากได้ขนเจ้านิดนึง เจ้าคงไม่ว่าอะไรหรอกใช่มั้ย” ใบหน้าแสนสยดสยองโน้มเข้าใกล้สัตว์เลี้ยงที่เริ่มหวาดกลัวนายสาวเป็นครั้งแรก ปากใหญ่แสยะยิ้มแห้งจนเห็นเขี้ยวยาวดุจสัตว์ร้าย
“เอ่อ... ไม่ขอรับ”
เท่านั้นแหละ ลาร์ก อสูรมิวเมิฟก็ถึงกับอยากกัดลิ้นฆ่าตัวตายเป็นครั้งแรก... กับไอ้คำว่านิดนึงของนายหญิงที่ล่อเอาแผงคอที่แสนภูมิใจไปจนแหว่งแลน่าเศร้าเป็นที่สุด!!
เรซิน่าโบกมือขาวไวๆเป็นเชิงไล่เมื่อมันสิ้นประโยชน์ ลาร์กอสูรมิวเมิฟได้แต่เดินน้ำตาซึมออกไปทันทีตามบัญชาแต่ไม่ลืมส่งความน้อยใจไปให้หญิงสาว แต่พอพบดวงตาคมที่เหล่มองกลับ มันก็ถึงกับเร่งกระพือปีกสีนิลหนีฉับพลันก่อนที่แผงคอสีฟ้านุ่มอีกครึ่งจะถูกเจือนออกไป
ไม่เอาแล้วคร๊าบบบ~
ท่านหญิงผู้โค-ตระ-ระใจร้ายถอนหายใจพลางคิดขอโทษถึงสัตว์อสูรเจ้าของเสียงทุ้มน่าฟังนั่น ส่วนเหตุผลที่จู่ๆมันก็พูดได้นั้นเพราะอะไร? เรื่องมันก็ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่เมื่อ 3 ปีก่อนที่เจ้าตัวฟ้ามันเริ่มเปลี่ยนขนาดจนน่ากลัว เธอกับเวกัสเลยรวมหัวกันหาวิธีย่อขนาดมัน แต่ที่ไหนได้ พอจับมันกรอกยาเสร็จ ก็ได้เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังออกจากปากสิงห์นั่นแทน
เสียงที่ขัดกับหน้าโหดๆของมันโดยสิ้นเชิง...
และก็เป็นเสียงที่ทำเอาวังแห่งอาซาเรสถึงกับนอนไม่หลับเพราะเสียงสรวลของท่านหญิงและเพื่อนชายหัวแดงซึ่งดังไม่หยุดไปตลอดคืนพวงเสียงทุ้มที่ร้องห้ามนั่นอีก คนที่อยากนอนก็ได้แต่เอาหมอนปิดหูไปตามๆกัน
รอยยิ้มอ่อนโยนเป็นต้องชะงักไปเมื่อหญิงงามตั้งสติได้ เธอละความสนใจกลับมามองตำราในมือพลางโยนขนสีฟ้าของสัตว์เลี้ยงลงหม้อ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอดน้ำเมือกเหนียวสีม่วงเข้มนิ่งก่อนมองตำราในมืออย่างหนักใจ
ปากเรียวปล่อยลมหายใจบางก่อนร่างเพรียวจะลุกพรวดข่มตาลงอย่างทำใจ สูดลมหายใจเข้าลึกพลางท่องคาถาเสียงกึกก้อง
“โอมมะลึกกึกกึ๊ย~ มะลึกกึกกึ๊ย~ ด้วยพลังอำนาจแห่งมหาเทพตุ๊กแก แมลงสาปตัวน้อย ปลาหมึกดองเค็ม ขากบทอดเกลือ ขนอสูรกายสีฟ้าและอึ่งอ่างพิษพองลม! ข้าในนามเจ้าหญิงแห่งอาซาเรส ขอให้ลูกแก้วน้อยแสนน่ารัก จงปรากฏขึ้นต่อหน้าและเชื่อฟังคำสั่งของข้าด้วยทีเถอะ”
แสงสว่างวาวเจิดจ้าขึ้นจากหม้อยาพิษทันที แสงจ้าที่เร่งให้เรซิน่าถึงกับหลับตาพลัน ขาเรียวถอยหลังโดยอัตโนมัติก่อนเสียงประหลาดจะเกิดขึ้น เปลือกตานวลหรี่เปิดเล็กก่อนจะเบ่งกว้าง
ลูกแก้วสีใสลอยขึ้นเหนือหม้อสีนิลแสงวาบที่เล็ดรอดเหลือเพียงเบาบาง คนปรุงยาเอื้อมมือเข้าคว้าอย่างว่องไว ริมฝีปากชมพูเผยยิ้มกว้างที่ห่างหายไปจากใบหน้าตลอด 4 เดือน
“ในที่สุด ข้าก็ทำสำเร็จ ลูกแก้วจ๋า ขอดูหน้าคีตาหน่อย!”
...............................................................................
ทางด้านคู่ใหม่ปลามัน...
“ว่างมากรึไร เจ้าถึงไปได้หาเรื่องทะเลาะเยี่ยงนั้น”
“ง่า... ลูเครเซียเจ้าจะให้ทนเห็นผู้ชายอื่นมองภรรยาตัวเองได้ยังไงล่ะ... ใครจะไปทนได้” ดวงตาสีครามดุจอัญมณีมองชายหนุ่มข้างตัวที่กำลังใช้นิ้วชี้จี้ไปมาเหมือนน้อยใจ
สำหรับสาวๆ คำพูดนี้อาจจะส่งผลให้หัวใจละลายไปกับคารมแต่กับเธอผู้เคยใช้ชีวิตเยี่ยงบุรุษมาร่วมสองปีก็คงได้แต่สายหน้าระอาเพียงเท่านั้นกระมังเพราะภูมิที่มีต่อบุรุษที่มันตายด้านมานานกลับยิ่งเฉื่อยชามากขึ้นเมื่อมาร่วมชะตากับอดีตเด็กหนีออกจากบ้านคนนี้
ลูเครเซียมือมือบางขึ้นกุมขมับพร้อมนวดเบาก่อนจะฉวยเสื้อคลุมหนาจากมือนางสนมมาสวมใส่ไม่มีทีท่าสนใจดวงตาสีนิลที่ออดอ้อนของสวามีแต่อย่างใด
“อยู่วังดีๆนะ ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว”
คนตัวโตกอดอกเบ้ปาก “รออีกซักชั่วโมงไม่ได้หรือ?”
“อย่าคิดแม้แต่จะเบี้ยวเชียวนะเวส การประชุมนี้เป็นงานใหญ่เจ้าจำเป็นต้องรับฟัง”
เสียงเฉียบขาดดุยิ่งกว่าแม่ ทำเอาหนุ่มผมแดงผู้หลงรักทายาทแวมไพร์ถึงกับสะอึกเถียงไม่ออก เวกัสมองแผ่นหลังบางซึ่งเดินลุ่นๆไปทางประตูวังโดยไม่ลืมกล่าวคำบอกลาที่แสนน่ารัก
“อ้อ....แล้วอย่าลืมจดใส่สมุดด้วย ข้าจะกลับมาอ่าน ถ้าเบี้ยวล่ะก็เจอดีแน่”
ปากของอดีตโจรเตรียมค้านทันควันหากทว่ากลับต้องค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อพบสายตาคมกริบพร้อมรังสีอาฆาตสีม่วงเข้มซึ่งแพร่ออกมาจากร่างบางของคนรัก ว่าแล้วประตูวังที่อยู่ไม่ห่างก็เปิด ลมหวานกระทบใบหน้าคมทันควัน ไม่ลืมหอบเอาละอองหิมะให้เข้าไปสถิตอยู่บนใบหน้าคมเหลอหลานั่น
ให้ตายเถอะ! เขาหลงยัยปีศาจนี่ได้อย่างไรกัน!!
ดวงตากลมโตจ้องมองแก้วใสในมือพลางคิ้วขมวด มือเจ้าก็เริ่มเขย่าแก้วตามที่สมองสั่นและไม่นานปากบางซึ่งเหยียดตรงก็เปล่งเสียงแหลม
“ไอ้ลูกแก้วซังกะบ๊วย! ทำงานสิว่ะ”
สบถหยาบคายแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น... เหมือนเคย
รอยปูดบนขมับเริ่มชัดขึ้นมือเรียวกำลูกแก้วซังกะบ๊วยของตัวเองแน่นดวงตาสีน้ำตาลดุจเพลิงบรรลัยจ้องเขม็งกับสิ่งที่เธอเสียเวลาปรุงปั้นไปเกือบค่อนวัน สมองน้อยๆสั่งการให้แขนเรียวขยับด้วยความโกธรที่อัดแน่น มืออีกข้างก็พรานหยิบหนังสือบ้าขึ้นมาสาดส่อง
“ก็ไม่ผิดนี่หว่า โว้ย!ไอหนังสือไม่ได้เรื่อง”
เจ้าหญิงเรซิน่ากล่าวโทษเสียงก้องปาหนังสือทิ้ง ใบหน้านางปีศาจเหลือบมองลูกแก้วใสๆดูไร้พิษสงนิ่งและ…
“ไม่ได้ดั่งใจซักอย่าง!”
เคร้ง
ลูกแก้วน่าอันน่าสงสารกระแทกเข้ากับพรหมหรูอย่างจังพร้อมกลิ้งคลุกๆไปตามพื้น แต่นั้นกลับทำให้ดวงตาสีโอ๊คหวานต้องเบิกกว้างพร้อมจ้องมองแสงวาวๆซึ่งปรากฏภาพสลัวไม่วางตา ความโมโหโกธราแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ภาพของชายหนุ่มเครื่องประดับเต็มยศพร้อมผ้าคลุมยาวสีครามขลิบเงินบนอาชานิลกำลังอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์เขียวขจี เกศาสีทองแสนนุ่มกำลังพลิ้วไปตามแรงม้าส่วนหัตถ์อุ่นนั้นกุมบังเหียนแน่นพลางตวัดเป็นเชิงเร่งรีบหากแต่ดูสง่านักกำลังสะท้อนออกจากเจ้าลูกแก้วไม่ได้ความที่เกิดรอยร้าว
นัยน์เนตรมุ่งมั่นและใบหน้าคมคายเคร่งขรึมประดับไรหนวดเขียวครามเหมือนคนไม่มีเวลาใส่ใจสุขภาพเร่งให้มือบางของหญิงสาวยกกุมริมฝีปากงามพลางกั้นเสียงสะอื้น ความดีใจที่เพียงพบว่าเขาปลอดภัยมันตื้นขึ้นมาอย่างที่ท่านหญิงเรซิน่ามิเคยคาดคิด
ลูกแก้วน้อยถูกหยาดน้ำใสกระทบเบายามมันตกอยู่ในอ้อมอกของสาวผมเข้ม คนไม่เคยหวั่นไหวกลับกำลังแสดงอาการอ่อนแออย่างไม่เคยเป็น และเหตุผลก็คงมิพ้นราชาหนุ่มเจ้าของดวงตาอ่อนโยนที่มอบแด่เธอเพียงผู้เดียว
คนผมทองกระโดดพรึบลงจากอาชาหลังจากเดินทางจนเกือบค่อนเมือง ดวงตาคมสีท้องนภาลอบมองซ้าย ขวาอย่างระแวดระวังเมื่อปลอดคน...
“อูย~” คีตาครางขึ้นเมื่อมือหนานั่นแตะต้องส่วนที่ปวดระบม
ควบม้าจนปวดบั้นท้าย... อนาถจริง
แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาเกิดมาเป็นนักฆ่าไม่ใช่ลูกกษัตริย์นี่หว่า ต้นตระกูลก็เป็นแค่นักเดินทางเร่ร่อนไม่มีตังค์พอจะผูกมือกับม้าโว้ย!!
แต่แล้วใบหน้าเซ็งเป็ดกลับต้องเหล่มองพุ่งไม้ไหวอย่างรวดเร็ว มือหนาทำทีลูบแผงคอสัตว์เลี้ยงพลัน ขณะที่ดวงตาเรียวคมนั่นสอดส่ายทั่ว
เฟี้ยว เคร้ง!
เสียงโลหะปะทะดังเมื่อชายหนุ่มหยิบอาวุธออกจากสาบเสื้อคลุมยาว กริชคมอาบพิษถูกปัดไปได้อย่างทันท่วงทีโดยมีดสั้นอาวุธประจำกายของพระองค์
“จะขลาดเขลาไปทำไมกัน ออกมาลูกแบบลูกผู้ชายเสียสิ” เสียงเรียบพร้อมรอยยิ้มเหยียดฉาบบนใบหน้าคมก่อนดวงตาจะจับจ้องเหล่าผู้ลอบปลงพระชนม์ที่เดินออกมาจากต้นไม้สูง
“ใจอาจหาญมากท่านคีตา แต่อีกไม่ช้าท่านก็จะได้รู้ว่าความกล้านี้มันช่างโง่เขลายิ่งนัก”
เขาจำใบหน้านั้นได้...ใบหน้าของหัวหน้ากองกบฏซึ่งถูกป่าวประกาศไปทั่วแคว้นโนเวีย!
ดวงตาโตใสจับจ้องการต่อสู้ของอดีตนักฆ่าอย่างไม่วางตา มือหนาฉวยอาวุธออกจากร่างที่พึ่งหมดลมพร้อมยกขึ้นป้องกริชที่จู่โจมทั้งจากซ้ายก่อนหัตถ์ขวาซึ่งกุมอาวุธจะฟาดฟันใส่ เรียกโลหิตของบุรุษได้ไหลทะลักก่อนร่างนั้นจะทรุดกายลงแน่นิ่งกับพื้น
นัยน์ตาคมของคีตาเหลือบมองศัตรูอีกสามซึ่งรายล้อมเขาอยู่แล้วหัวหน้ากองโจร(?)ก็ส่งสัญญาณไม่นานไอ้บ้าสามคนนั้นก็วิ่งเข้ารุมคีตาและ!
“เรย์ เจ้าอยู่ไหน”
อ๊าก! เสียงท่านพ่อ
เป็นครั้งแรกที่เรซิน่าคิดอยากจะสังหารบิดาของตนให้รู้แล้วรู้รอด มือบางซ่อนลูกแก้วใส่ไว้หลังหม้อใบยักษ์ที่บัดนี้ว่างเปล่าก่อนหญิงสาวจะรีบถลึงตัวออกจากครัวพร้อมดัดเสียงหวานโดยพลัน
“ข้าอยู่นี่เพคะ”
คนผมไพลินหันสบก่อนเผยยิ้มอบอุ่น หัตถ์หนาของผู้เป็นเจ้าแผ่นดินยกขึ้นไล้เกศานิ่มของบุตรสาวเบา
“ทำอะไรอยู่รึ”
“ข้าคิดว่าจะทำเค้กเสียหน่อยเพคะ” ว่าพลางแกล้งหยิบส่วนผสมที่วางอยู่ก่อนมาเทลงชามใบโตเตรียมผสม คนผมน้ำเงินครามลอบมองด้วยรอยยิ้ม
“ให้พ่อช่วยเจ้ามั้ย”
ได้ยินดังนั้นเรซิน่าก็ถึงกับส่ายหัวเป็นพัลวัน ที่ไม่อยากให้ยุ่งมิใช่เพราะเกรงพระองค์จะรู้ว่าเธอแอบสร้างลูกแก้วต้องสาปหรอก... ท่านราชาพอเห็นลูกปฏิเสธก็ถึงกับหน้าจ๋อยได้แต่บอกลาแล้วเดินคอตกออกไป
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองแผ่นหลังของคนเป็นพ่อพลางถอนใจ ใครก็ว่าพระองค์นั้นเก่งกล้าเสียทุกเครื่องแต่คนเหล่านั้นหารู้ไม่ว่ามนุษย์เฟอร์เฟ็คคนนี้ได้เคยทำห้องครัวต้องระเบิดมาแล้วถึงสองครั้งสองคราและถ้าจะถามเรื่องรสชาติล่ะก็...แค่เธอคิดถึงสีหน้าก็แสดงประสงค์อยากอาเจียนเต็มประดา
พอร่างโปร่งลับตา เจ้าหญิงก็เร่งหยิบลูกแก้วขึ้นทอดพระเนตรพลันและสิ่งที่ปรากฏก็ทำเอาดวงตาเข้มถึงกับเบิกโพลง ชายหนุ่มที่เธอมักบอกปัดยามเขาพลอดรักกำลังทรุดกายลงใต้ลำต้นไม้สูงใหญ่ท่ามกลางศพของเหล่ากองกบฏทั้งแปดด้วยหายใจรวยรินเพราะคมธนูซึ่งปักอยู่กลางอก โลหิตข้นไหลซึมจนชุ่มย้อมอาภรณ์เป็นสีเลือด!
“ไม่นะ คีตา!”
.....................................................................................
ให้ตายสิ...
ชายหนุ่มกรอกดวงตาสีใสขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีโอรส งานเข้าแระไง คนติดตามก็ไม่มีแถมหลงมาอยู่กลางป่าไกลผู้คนอีกนั่น
เมื่อหลุบตาลงทอดมองบาดแผล คีตาก็ถึงกับข่มตาทำใจ มือซึ่งรู้สึกชาพยายามกุมเข้าที่ด้ามของธนูและกระชากมันออกมากอย่างรวดเร็ว เสียงร้องครางทรมานและโลหิตอุ่นสีนิลเป็นพิษทะลักอาบร่างกายเหนื่อยอ่อนของเขาจนชุ่ม ลมหายใจรวยรินเริ่มติดขัด
“แค๊กๆ”
รสคาวของเลือดไหลซึมทั่วช่องปากก่อนไหลรินออกจากมุมข้างหนึ่งด้วยพิษร้ายของนูสนอสงูเพชฌฆาตซึ่งอาบทั่วคมธนูนั่น แต่กระนั้นรอยยิ้มกลับฉายขึ้นบนใบหน้าเรียวของเขา!
ตายไปก็คงดีเหมือนกัน... เบื่อซะแล้วสิกับชีวิตที่วุ่นวายเยี่ยงนี้ ชายหนุ่มยิ้มเยาะเขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเวกัสมันถึงได้หนีออกจากบ้านของมัน แต่พอนัยน์เนตรสีใสปรือลงดวงหน้าของเจ้าหญิงเรซิน่ากลับเด่นชัดในภวังค์
ขอโทษด้วยเจ้าหญิงของข้า....เพราะเราสองคงมิได้พบกันอีกต่อไป แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้เหลือเกินว่าแม้แต่ลมหายใจทุกท้ายนี้ เจ้ายังอยู่ในดวงใจข้ามิเสื่อมคลาย
เปลือกตาเลื่อนลงอย่างอ่อนแรงก่อนปิดลง ร่างโปร่งไอกระอักน้ำขุ่นข้นออกมาอีกครั้งและในที่สุดลมหายใจสุดท้ายของเขาก็ดับลงใต้ต้นไม้สูงแห่งป่าโนเวีย...
ภาพสะท้อนของชายผมทองแปรกลับเป็นสีดำสนิท ลูกแก้วน้อยล่วงหล่นบนพื้นพรหมพร้อมหยาดน้ำตาของเจ้าหญิงแห่งอาซาเรส ดวงตาสีเข้มงามสะท้อนสดใส บัดนี้คงเหลือเพียงความว่างเปล่าเช่นเดียวกับดวงฤทัยอันแตกสลายของพระนาง
...................................................................................
ลมหายใจถูกระบายออกหนักหน่วงขณะดวงเนตรคมนั้นทอดมองหญิงสาวร่างซูบซึ่งประทับอยู่ริมหน้าต่างของห้องบรรทม
ใบหน้านั้นเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนดวงตานั้นก็เหม่อลอยทอดมองออกนอกหน้าต่างกว้างเรียกสีหน้าเจ็บปวดของพระองค์ได้ทุกคราที่พบเจอซึ่งนี่ก็เป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้ว
ภาพหญิงสาวคุกเข่าอ้อนวอนขอออกไปช่วยชายหนุ่มผมทองนั่นยังติดตาเขาไม่จางหาย หากแต่ท่านพ่อกลับไม่ยินยอมแม้ว่าดวงตาสีเข้มนั่นจะหลั่งหยาดน้ำใสออกมาพลั่งพลูก็ตามที ไม่นานร่างบางของท่านพี่ก็ถลาเข้าซบอกของเขาเป็นครั้งแรกในชีวิต ปากบางของท่านพร่ำกล่าวโทษแต่ท่านพ่อและพวกกบฏแห่งโนเวียด้วยคำหยาบคาย และแล้วเขาก็ได้รู้ว่าท่านพี่ของเขานั้นแอบสร้างลูกแก้วต้องสาปขึ้นมา
กษัตริย์ไธรัสทรงกริ้วเป็นที่สุดที่องค์หญิงเรซิน่าพยายามหลบหนีออกจากปราสาทเพื่อมุ่งหน้าไปยังป่าแห่งโนเวียโดยไม่ยอมฟังถึงเรื่องเล่าขานอันน่าสะพรึงของป่านั้นเสียแต่น้อย เป็นผลให้พระองค์ทรงสั่งกักบริเวณท่านหญิงมิให้ออกจากเขตราชวังเป็นอันขาดและไม่มีกำหนดยกเลิก แม้ว่าองค์ราชินีแห่งเมืองรัตติกาลจะช่วยกล่าวขอร้องแล้วก็ตามที
เจ้าของพระเนตรคมกร้าวดุดันซึ่งหันไปตวาดใส่องค์ราชินีผู้เป็นที่รักนั้นยังติดตาเขาไม่ลืมเลือน เพราะหลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของบิดาอีกเลย
ส่วนเรซิน่าเจ้าหญิงสาวผู้ต้องโทษก็มิยอมแตะต้องอาหารใดๆเสียนิด อย่าว่าแต่อาหารเลย เพราะเพียงนางหายใจ มันกลับดูยากลำบากยิ่งกว่าการต่อสู้กับนายทหารทั้งกองเสียอีก เขาไม่นึกเลยจริงๆว่าความสัมผัสระหว่างชาย หญิงทั้งสองในระยะเวลาห้าปีมันจะส่งผลให้เกิดเรื่องวุ่นวายถึงเพียงนี้
หัตถ์นุ่มดุจสตรีได้แต่ขยี้เรือนผมสีครามเข้มเยี่ยงบิดาอย่างต้องการระบายความอัดอั้นในหทัย การเข้าข้างฝ่ายใดก็ล้วนแต่ทำให้เหตุการณ์ยิ่งเลวร้าย ยามนี้เขาจึงได้แต่เป็นฝ่ายกลางที่พร่ำปราณีประนอมทั้งสองให้คืนดีกันโดยไว
ร่างโปร่งเดินลัดไปตามทางเดินกว้างเมื่อประตูห้องทรงงานเปิดกว้าง ร่างของมหาดเล็กคนสนิทก็เร่งโค้งคำนับโดยพลัน
“ข่าวคราวของท่านคีตา...”
“ยังไม่มีผู้ใดพบเช่นเดิมขอรับ”
คำตอบเดิมๆลอยเข้าหูดุจเครื่องอัดแผ่นเสียงที่ถูกเล่นซ้ำ เจ้าชายโรเซวาสผู้สำเร็จราชกาลแทนบิดาเมื่อสามวันก่อนได้แต่ปลงพระทัยก่อนประทับลง ณ เก้าอี้นวมซึ่งทรงเอกสารดังเดิม มือหนาโบกเบาเพียงเท่านั้นร่างผอมเกร็งของคนสนิทก็ลาลับไปจากห้องอย่างรู้งาน
ดวงตาสีไพลินละจากกองเอกสารที่ชายเมื่อครู่นำมาจัดวางก่อนเสมองไปยังแสงอาทิตย์ยามสายแก่ๆ
ท่านคีตา โปรดกลับมารับมือท่านพ่อสียทีเถอะครับ มิเช่นนั้นท่านเองจะได้พบความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่กว่านี้นัก
.............................. ...............................................
“เป็นไงบ้างลูเครียส”
เสียงหวานเร่งของหญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมดวงตาที่จับจ้องไปยังดวงหน้านวลซึ่งหลับตาแน่นพลางคิ้วขมวด ก่อนเปลือกตานวลจะเผยดวงตาสีครามแววเศร้าสร้อย
“ว่าไง?”
“ข้ามองไม่เห็นอนาคตของเขา...” เสียงหวานแม้เบาหวิวแต่มันช่างดังกึกก้องนักในความคิดของเธอ
“ข้าเสียใจเรย์”
“555+ อย่ามาอำกันซะให้อยากเลยลูเครียส ข้ารู้ว่าเจ้าหยอกข้าเล่น แต่มันจะไม่แรงไปหน่อยหรือถึงกับเอาเพื่อนเก่าของตัวเองมาพูดซะขนาดนี้”
เสียงหวานที่กล่าวมิใช่เป็นการต่อว่าแต่หากเป็นการปลอบใจตัวเองของเจ้าหญิงเรซิน่าเสียมากกว่า...
“การไม่เห็นซึ่งอนาคตนั่นหมายถึงบุคคลผู้นั้นมิได้อยู่บนโลกใบนี้ โดยปกติเพียงข้านึกถึงชื่อและใบหน้า เรื่องราวของคนผู้นั้นจะเข้ามาอยู่ในความทรงจำเสมอ แต่นี่มันต่างกัน ข้ามิเห็นสิ่งใดเลยนอกจากความว่างเปล่า”
พระพักตร์จริงจัง สงบนิ่งตรงหน้าตอกย้ำความจริงที่ยากต่อการยอมรับ ใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มแห่งความอวดดี บัดนี้กลับมิเหลือสิ่งนั้นไว้จารึกอีกต่อไป
สาวผมเข้มได้แต่กลั้นหยาดน้ำที่คลอดวงตาคู่หวานเศร้ามิให้มันไหลรินออกมา ในช่วงตลอดหลายเดือนมานี้เธอเสียน้ำตาไปมากแล้ว เขาจะรู้มั้ยว่าการหายไปตัวไปของเขานอกจากจะสร้างความวุ่นวายแก่ชาวเมืองโนเวียแล้วยังสร้างความวุ่นวายแก่ใจเธออีกต่างหาก
หนาว...หนาวชะมัด ตลอดครึ่งปีข้ารู้สึกหวานเหลือเกิน คีตาข้าคิดถึงไออุ่นของเจ้ามากนะ กลับมาซะทีเถอะ ไอนักฆ่าปัญญาอ่อนของข้า...
ก๊อกๆ
“เข้ามา” เสียงหวานเร่งให้นางสนมเปิดบานประตูห้องบรรทมอย่างรวดเร็ว หญิงในชุดฟู่ฟ่องย่อกายลงตรงหน้าท่านหญิงทั้งสอง
“เรียนท่านเรย์ ท่านฟรานยาส ขุนนางแคว้นพาราไดซ์เสด็จมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
สาวชุดหวานถอยปลีกตัวออกจากห้องอย่างรวดเร็วตามคำสั่งจากหัตถ์บางของท่านหญิง คนเป็นเจ้าหญิงยักไหล่เบาเมื่อพบสายตาสงสัยของอดีตเพื่อนชาย
“แต่เรย์นี่มันก็ 2 เดือนแล้วนะ พ่อเจ้ายังไม่เลิกสรรหาคู่ครองให้เจ้าอีกรึนี่”
“พ่อข้ามีความสามารถกระมัง ไม่รู้ไปขุดมาจากไหน พวกท่านดยุคเอย ท่านชายเอยไหนจะขุนนาง เล่นเอามาประเคนให้อยู่นั่นแหละ เมื่อวานมาตั้งสองคนข้าล่ะเบื่อชะมัด”
“แต่เจ้าก็ทำเอาเหล่าบุรุษเหล่านั้นคางเหลืองไปตามๆกันมิใช่รึ?” เรซิน่าแยกเขี้ยวใส่เพื่อนจอมรู้ดีไปเสียหมด จากหน้าเศร้ากลายเป็นปากกล้าทันควัน
“แล้วเจ้าจะให้ข้าเอาคนที่แพ้แม้กระทั้งผู้หญิงมาเป็นสวามีรึอย่างไร”
“ก็เจ้ามันสตรีธรรมดาเสียที่ไหนกัน ชายใดที่ประมือด้วยมีแต่ต้องฝ่ายไปตามๆกัน หรือเจ้าว่ามีบุรุษใดบ้างที่เคยชนะเจ้า”
“อืม...ก็มีเจ้าเวสนี่แหละที่ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว....”
“เวสไม่เกี่ยว!!” สาวผมน้ำตาลเข้มหรี่ตาลงมองเจ้าของเสียงขัดดังก้องซึ่งมีใบหน้าแดงซ่านอย่างขำๆก่อนหลุดเสียงสรวลดัง
“ข้าไม่หน้ามืดแย่งเจ้าบ่าวของเจ้าหรอกน่า โธ่! ไม่เห็นต้องถึงกับประกาศซะดังลั่นเลย ฮ่ะฮ่าฮ่า”
ท่านราชีนีแห่งแวมไพร์ไนท์ได้แต่อับอายจนใบหน้าขาวแปรเป็นแดงระเรื่อ ดวงตาสีครามไพลินมองท่านหญิงเรย์ผู้ซึ่งกำลังหัวเราะร่าสะใจยกใหญ่ การหัวเราะที่ห่างหายไปเสียนาน
สาวผมเข้มยาวกลางหลังลุกขึ้นพลางจัดเสื้อผ้าเยี่ยงบุรุษให้เข้าทีก่อนยืนมือพยุงให้ท่านหญิงเพื่อนซี้ลุกตาม สาวผมเงินยวงมองรอยยิ้มกว้างกว่าปกติซึ่งเรียกแววตาตระหนักของเธอได้ชะงัด
รางไม่ดีแล้วสิ...
“ลูเครียส งานนี้ข้าขอแรงเจ้าหน่อยแล้วกัน”
นั่นไง…ว่าแล้วเชียว
...............................................................................................
“ยินดีตอนรับท่านฟรานยาสสู่บ้านหลังน้อยของข้า” ชายสูงร่างสูงในเครื่องแต่งกายเต็มยศเผยยิ้มกว้างรับเสียงใส หากแต่รอยยิ้มกลับหุบลงอย่างว่องไวเมื่อพบบุรุษใบหน้าคมเจ้าของแว่นไร้กรอบผู้เดินเคียงข้างมากับหญิงสาวผู้ที่ตนใฝ่ฝัน
“ถวายบังคมพะย่ะค่ะ เจ้าหญิงเรซิน่า”
“อย่ามากพิธีเลย เรียกข้าว่าเรย์เถอะ”
“เป็นเกียรติ์ยิ่ง... เอ่อ กระหม่อมมีเรื่องจะทูลถามได้หรือไม่พะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มลูกขุนนางชั้นสูงสอดสายตามองบุรุษรูปงามชั่วครู่ “ไม่ทราบว่าท่านผู้นี้คือ..”
“อ้อ! ข้านี่เสียมารยาทเสียจริง” ว่าแล้วรอยยิ้มหวานก็ประทับอยู่บนใบหน้างามดุจเทพธิดา แขนเรียวเอื้อมคว้าชายหนุ่มมาดนิ่งเข้าประชิดพลางเอ่ยพร้อมรอยสรวล
“นี่ลูเครียส เจ้าชายแห่งแวมไพร์ไนท์ คนรักของข้าเอง”
..........................................................................................
ลูเครเซียในร่างหนุ่มนามลูเครียสได้แต่ทอดมองชายร่างสูงโปร่งผู้กำลังเดินคอตกออกไปทางประตูวังก่อนนัยน์เนตรสีสมุทรจะเหล่มองตัวการซึ่งยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี
“ไม่สงสารเขาบ้างรึไร?”
แต่เรซิน่ากลับส่งยิ้ม “ขอบคุณมากเจ้าทำให้อารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง”
คนผมวาวสีเงินได้แต่ส่ายหน้าระอากับนิสัยที่แก้ไม่หายของท่านหญิงตรงหน้า นิสัยที่ว่าขอให้นางสนุกก็เพียงพอแล้ว(คนอื่นไม่สำคัญ)
ลมหายใจซึ่งถูกผ่อนออกเรียกเสียงหัวเราะจากสาวที่บัดนี้ตัวเล็กกว่าลูเครียสเป็นกอง คนใต้กรอบแว่นสบเสี้ยวหน้าประดับยิ้มก็ถึงกับโกธรไม่ลง เพราะอย่างน้อยก็เรียกรอยยิ้มที่หายไปของนางกลับมาได้...แม้จะแค่เพียงครู่เดียวแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
“อีกแล้วงั้นรึ”
ดวงตาคมละจากกองเอกสารด้วยแววโรจน์จนทำเอาหนุ่มผู้รายงานถึงกับสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบโค้งกายวิ่งแจ้นออกจากประตูตามแรงไหวของผู้บัญชาอย่างรวดเร็วปล่อยทิ้งไว้แต่เจ้านายตนผู้ซึ่งไม่เหลือเค้าอ่อนโยนอีกต่อไป
องค์กษัตริย์ไธรัสวางมือจากเอกสารที่แบ่งมาจากบุตรชาย ในยามนี้ดวงใจของพระองค์อึดอัดอย่างไม่เคยเป็น แผ่นหลังอุ่นเอนอิงเก้าอี้ตัวสูงพร้อมลมหายใจรอดออกจากเรียวโอษฐ์
ลงโทษลูก ทะเลาะกับเมีย โยนงานให้คนอื่น.... นี่คือสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในขณะนี้ ราชินีเฟเมลหนีไปอยู่กับท่านพ่อตาที่นาซีลตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน โรเซวาสเจ้าชายหนุ่มอายุ 24 พรรษาซึ่งตามจริงควรจะอายุเพียง 19 แต่กลับต้องมานั่งประชุมเรื่องบ้านเมืองในสภาแทนเขาจนไม่มีเวลาว่าง สุดท้ายเจ้าหญิงเรซิน่าผู้ประลองฝีมือกับคู่ดูตัวไม่เว้นวัน
เพียงเพราะเรื่องราวในวันนั้นมาเขาก็ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของครอบครัวอีกเลย อย่าว่าแต่คนอื่นเลย เพราะรอยยิ้มของเขาเองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
..........................................................................
“ต้องขอโทษจริงๆ ทั้งๆที่คิดว่าจะอยู่ค้างซักวันสองวันแต่กลับมีเรื่องซะได้” ท่านราชินีแห่งแวมไพร์กุมมือบางไว้แน่น
“ไม่ต้องห่วง เจ้ารีบกลับไปช่วยเวสมันจัดการเถอะ ป่านนี้คงหัวแทบจะระเบิดแล้วมั้ง เงินท้องพระคลังเล่นหายไปกว่าครึ่ง อย่างงี้จะเอาอะไรไปเล่นพนัน~”
ลูเครเซียหลุดหัวเราะเสียงใสกับคำกล่าวของเจ้าหญิงผมสีโอ๊คเข้ม หัตถ์ซีดปล่อยหัตถ์นุ่มติดสากลงก่อนดวงหน้าหวานงามจะส่งยิ้มให้กำลังใจ
ปัง
ดวงเนตรสีน้ำตาลกลมโตมองบานธรณีซึ่งปิดลงไล่หลังร่างบางของเพื่อนสนิท และฉับพลันรอยยิ้มจางๆบนดวงหน้าก็หายไปดุจไม่เคยปรากฏมาก่อน เรซิน่าสาวเท้าเร็วมุ่งเข้าห้องบรรทมที่สิงสถิตของพระนางพร้อมลงกลอนประตูโดยไวโดยมีสายตาของเหล่านางสนมมองด้วยความห่วงใยมิห่าง
นานวันท่านเรย์ก็ยิ่งเข้าไปกดดานให้ห้องบรรทมนานขึ้นทุกที...
เรซิน่าทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มดุจคนไร้เรียวแรง ใบหน้าเนียนกดลงกับหมอนหนุนพยายามข่มตาให้หลับและไม่คิดถึงหนุ่มซึ่งมองไม่เห็นอนาคต แต่ก็ทำมิได้ สาวผมเข้มยันกายขึ้นพลางขดตัวกลมหมายไล่ความเหงาและความกลัวที่ก่อขึ้นในจิตใจ ปลายนิ้วเรียวสัมผัสริมฝีปากตนอย่างแผ่วเบา พร้อมหวนถึงชายหนุ่มผู้สามารถมอบความอบอุ่นแก่เธอได้เสมอมา
เจ้าบ้า...
มือเรียวปาดหยาดน้ำที่เสียให้กับเขาทุกครั้งที่นึกถึง
ไหนเจ้าว่าจะไม่ยอมให้ข้าต้องเสียใจอีกแล้วไง คีตาเจ้ามันผิดสัญญา...
……………………………………………………..
“โว้ย! ทำงานอย่าอืดอาดสิ เร่งเข้าเดี๋ยวก็ไม่ทันการเสียหรอก!!” คำสั่งของหัวหน้าช่างไม้ดังก้องไปทั่วชายป่าแห่งโนเวียหรือก็คือสถานที่ทำงานของกลุ่มช่างมีฝีมือ
ดวงตาดุดันมองลูกน้องซึ่งกำลังแบกขนไม้สีน้ำตาลเข้มพลางคิ้วขมวดเมื่อเห็นเจ้าคนแบกกำลังจะโยนสินค้าลงกับพื้น “เฮ้ยๆ ไม้นั่นของหายากทำกันระวังหน่อยสิ!” เมื่อไล่สายตาไปอีกนิด “เย้ย! นั่นสำหรับทำเก้าอี้เจ้าจะขนไปทิ้งทำไม” และพอเหล่ไปทางซ้ายหน่อย “อ๊าก! พวกเจ้าจะบ้าเร๊อะ ไสไม้อย่างนั้นได้อย่างไร ราคาตกหมด ข้าอยากจะบ้าตาย”
และนี่ก็คือวิถีชีวิตของหนุ่มช่างไม้เหล่านี้ซึ่งทุกคนต้องโดนด่าวันละครั้ง (เป็นอย่างต่ำ) แม้จะถูกด่าแต่หากขาดชายผมเกรียนผู้บัญชาไป พวกเขาก็คงไม่มีทางประสบความสำเร็จถึงจุดนี้ไปเช่นกัน
ครืดๆ
หัวหน้าคนงานเหลือบมองหนุ่มร่างสมส่วนผู้กำลังสลักไม้อย่างขันแข่ง ดวงตาคมสีประหลาดที่โผล่พ้นผ้าคลุมใบหน้าฉายแววจริงจังยิ่ง มือที่ดูคล้ายไม่เคยลงงานช่างมาก่อนกำอุปกรณ์แกะไม้พร้อมไสไปมาดูเชี่ยวชาญนัก ชายผิวสีแทนย่างเข้าใกล้หมายดูเนื้องานของเจ้าหนุ่มตรงหน้าซึ่งก็...
“ห่วยบรม”
คนถูกวิจารณ์ส่งดวงตาไม่พอใจทันควัน มือขวาปาเหล็กแกะสลักลงบนพื้นพร้อมกระชากผ้าปิดหน้ากั้นฝุ่นละอองออกจากใบหน้าตนอย่างหาเรื่อง “ใครใช้ให้เจ้ามาวิจารณ์ไม่ทราบ”
“ข้ารับเจ้ามาทำงาน มิใช่ให้เจ้ามาเล่นแกะไม้ฝีมือห่วยแตกแบบนี้”
“ฝีมือข้ามันห่วยแตกตรงไหนกัน”
คนตัวสูงกำยำมองไม้ที่ถูกขีดเป็นเส้นทับกันไปมาเหมือนเด็กวาดรูปก่อนมองใบหน้าหล่อเหลาของคนสร้างผมงาน “แล้วเจ้าดูอย่างไงว่ามันไม่ห่วย”
ผัวะ
เท่านั้นแหละ คนตัวโตกว่าก็ถึงกับลงไปนอนไม่ได้สติกับพื้นพร้อมเลือดกกปากด้วยเพราะหมัดเจ้าประคุณของหนุ่มผมทองที่อัดใส่ครั้งเดียวจอด เหล่าคนงานรีบปฐมพยาบาลเจ้านายใหญ่ด้วยความพยายามสุดความสามารถ หากแต่เขาก็ยังไม่ได้สติ ร้อนถึงส่งเข้าโรงยาเลยทีเดียว
บุรุษนัยน์ตาสีฟ้าสดใสพร้อมผมทองสั้นระต้นคอเดินออกจากโรงยาอย่างหัวเสียหลังจากที่ถูกรองหัวหน้าคนงานตะคอกไล่เขาออกจากงานเมื่อครู่ เมื่อเดินไปได้ไม่นาน ร่างเล็กคุ้นตาก็วิ่งเข้ากระชากเสียงใส่เขาทันที
“เจ้าโง่! ข้าอุส่าห์ฝากเจ้าทำงาน แล้วทำไมเจ้าถึงไปหาเรื่องเขาแบบนี้กันห๊ะ!!” เด็กสาวแทบจะวิ่งเต้นเมื่อเห็นคนตรงหน้าเพียงไหวไหล่เบาๆพลางเคาะขี้หูทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“เรย์ เจ้าได้ยินที่ข้าพูดมั้ย!”
“คร้าบๆ ได้ยินครับท่านเทียร์” ชายหนุ่มตอบเสียงเหนื่อยๆ มือหนาเกาะมือเล็กของคนตรงหน้าออกจากชายเสื้อของตนก่อนเดินผิวปากตรงเข้าป่าแห่งโนเวีย
“เฮ้อ~ ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดีล่ะเนี่ย” เซเทียร์ได้แต่กุมขมับกับร่างสูงที่เดินฉับๆตรงไปยังบ้านของเธอและเขา เจ้าสมาชิกใหม่ที่น่าปวดหัว
เมื่อ 6 เดือนก่อน
“เรย์!!” ชายหนุ่มร่างโปร่งเด้งตัวขึ้นจากเตียงไม้พร้อมแผดเสียงก้อง ดวงตาเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนก และไม่นานเสียงร้องครางเจ็บปวดก็ดังตามมาอีกระรอกเพราะบาดแผลจากอกที่ปวดระบม ผมสีทองเอนลงทับหมอนอิงแข็งอีกครั้งหมายบรรเทาความเจ็บปวดแม้จะช่วยได้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
“ร้องซะลั่นเชียว” ดวงตาสีฟ้าใสดุจท้องนภาเหล่มองยังต้นเสียงโดยพลัน ครั้นเมื่อพบร่างเล็กของเด็กสาวอายุประมาณ 10 ขวบ คิ้วสีทองนั่นก็ถึงกับขมวดเข้า
“พึ่งรู้ตัวหรอว่าไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง” เสียงใสฉุดให้ดวงตาที่กำลังสาดส่องห้องแคบๆละความสนใจมายังเธออีกครั้งก่อนเสียงแหบทุ้มจะเอ่ยเบา
“ขอน้ำหน่อย”
เด็กน้อยถอดใจเฮือกใหญ่เดินวกออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมน้ำแก้วโตในมือเล็กๆ คนบาดเจ็บรับแก้วมาดื่นอย่างรวดเร็วด้วยความกระหายท่ามกลางดวงตาคู่โตที่จับจ้องใบหน้าคมไม่ห่าง
“ข้าบริการเจ้าแล้ว ครานี้เจ้าช่วยไขขอสงสัยให้ข้าที เจ้าเป็นใครไปทำอะไรในป่าลึกทำไมถึงถูกฆ่าแล้วที่สำคัญค่าตอบแทนที่ช้าช่วยเจ้าไว้อยู่ไหนกัน?”
คนฟังขมวดคิ้ว พยายามระลึกถึงเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า “ข้าไม่รู้” เขาตอบเสียงเครียดพลางช้อนตามองเด็กสาว
“ข้าจำไม่ได้”
เท่านั้นเด็กสาวก็ถึงกับเอามือเล็กๆตีหน้าผากตัวเองดังเพียะ นี่จะต้องเป็นผมข้างเคียงของเครื่องยาและเวทย์รักษา(ที่ยังอ่อนหัด)เป็นแน่ถึงทำให้เขาความจำเสื่อม!
“เฮ้อ~ งั้นข้าแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ข้ามีนามว่า เซเทียร์เป็นแม่มดปรุงยาฝึกหัด เมื่อวันก่อนข้าไปพบเจ้านอนตายอยู่ในป่าลึก เห็นร่างเจ้ายังอุ่นข้าจึงทำการชุบชีวิตและรักษาให้”
“ข้านอนอยู่คนเดียว??”
“เปล่าหรอก นอนตายกันเกลื่อนเลยแหละ แต่ข้าเห็นว่าเจ้าแต่งตัวดีกว่าเขาเพื่อน ข้าคิดว่าคงจะได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ถ้าเจ้าไม่ความจำเสื่อมไปก่อนน่ะนะ”
“พูดง่ายๆคือเจ้าเป็นคนชุบชีวิตข้า??”
“ถูก! อันที่จริงข้าแค่ลองเล่นๆแต่ไม่นึกเลยว่าจะได้ผล ช่างเป็นความบังเอิญเสียจริง...เฮ้ย ไม่สิ เพราะความเก่งของข้าต่างหากที่ช่วยเจ้าไว้”
“งั้นข้าคงต้องขอบใจเจ้ามาก เด็กน้อย”
‘เด็กน้อย’ ถึงกับกรี๊ดลั่น
“เรียกผู้มีพระคุณอย่างนี้ไปอย่างไร! ต้องเรียกท่านเทียร์สิย่ะ แล้วอีกอย่างข้าอายุ 50 ปีแล้วนะเว้ย ไม่ใช่เด็กน้อย เข้าใจม่ะ!?”
ชายหนุ่มได้แต่ขยับหัวขึ้นลงไม่อยากเถียงพร้อมหลับตาลงแต่เขาก็ต้องลืมตาเสมองคนพูดอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถาม
“แล้วเจ้าจะให้ข้าจะเรียกเจ้าว่าอะไร”
“ไม่รู้สิ” แม่มดน้อยอายุ 50 กุมปลายคางอย่างครุ่นคิดและแล้ว
“เรย์...ตอนเจ้าเจ้าหลับเจ้าพูดแต่ชื่อนี้ งั้นเจ้าก็ชื่อเรย์ไปก่อนแล้วกัน”
“เรย์งั้นรึ....”
ทำไมถึงได้รู้สึกโหยหานามนี้นักนะ
“เอาล่ะเรย์ เห็นทีเจ้าคงต้องอยู่กับข้าไปเสียก่อนจนกว่าข้าจะหาวิธีเรียกความทรงจำของเจ้ากลับมาและได้ค่าตอบแทนจากเจ้า!!”
ร่างเล็กเตรียมก้าวออกจากบานประตูแคบแต่เท้าน้อยก็ต้องชะงักไปชั่วครู่ก่อนใบหน้าหวานรับเข้ากับเรือนผมสีนิลและดวงตาสีเขียวประกายจะหันกลับมาหาเขา
“จริงสิ ช่วงนี้เห็นว่ามีทหารยามมาตามหาตัวกษัตริย์บ้าอะไรไม่รู้อยู่แถวๆบริเวณที่เจ้านอนอยู่ อย่างไรเจ้าก็อย่าออกไปเผ่นพล่านล่ะ เดี๋ยวเขาจะคิดว่าเจ้าเป็นพวกคนร้ายไปซะเปล่าๆ หน้าเจ้าตอนไม่ทะเล้นดูโหดอย่างกับอะไรดี”
“อืม เข้าใจแล้ว...”
……………………………………………………..
ปึงๆๆ
เสียงเคาะประตูอย่างกับฟ้าถล่มส่งผลให้ร่างบางเด้งตัวขึ้นจากหมอนนุ่มฉับพลันก่อนพระนางจะเหวอกกลิ้งตกเตียงเมื่อเสียงเคาะประตูนั่นดังขึ้นอีกหน คนงัวเงียพุ่งเข้าหาประตูและกระชากมันอย่างรุนแรง
“หมาตัวไหนบังอาจปลุกข้า!”
“ท่านพี่! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” เรซิน่ามองใบหน้าตื่นของน้องชาย คิ้วเรียวขมวดเข้าอย่างฉงน
ทายาททั้งสองแห่งอาซาเรสเดินมุ่งตรงไปยังห้องทรงอักษรของพระบิดาทันทีที่เจ้าหญิงออกจากห้อง และ
ปัง!
“ท่านพ่อคิดจะทำสิ่งใดกันเพคะ!!” เสียงเกรี้ยวกราดส่งผลให้ใบหน้าเรียบสงบเงยขึ้นสบ “เหตุใดเจ้าจึงอุกอาจเข้ามาเช่นนี้ เจ้าหญิงเรซิน่า”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเพคะ ที่ท่านคิดจัดงานเลี้ยงนั่นจริงรึเพคะ” องค์ไธรัสวางปากกาขนนกฟินิกส์ลง
“ใช่แล้ว ข้าจะจัดงานเต้นรำเพื่อเลือกคู่ครองให้แก่เจ้า และเจ้าจะต้องเลือกเหล่าบุรุษเหล่านั้นมาเป็นสวามี มิใช่เอาแต่พร่ำเพ้อถึงคนที่ตายไปแล้วเยี่ยงนี้”
กระแสรับสั่งนิ่งเย็นยะเยือกตอบกลับเรียกความหวาดกลัวแก่ผู้ร่วมเหตุการณ์นัก หากแต่มิใช่กลับเขาทั้งสองไม่
“คีตายังไม่ตาย! ท่านพ่ออย่าพูดเช่นนั้น”
“แม้แต่ท่านหญิงแห่งแวมไพร์ยังไม่ทราบเลยมิใช่หรือ ลูกข้า”
เจ้าหญิงถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธา “พระองค์ดักฟังลูกตลอดเวลาเลยหรือเพคะ”
“ข้าทำเพื่อเจ้า ทหารเชิญท่านหญิงเรซิน่ากลับห้องบรรทมได้แล้ว ส่วนเจ้าชายโรเซวาสข้าขอลงโทษให้เจ้าเอาเอกสารเหล่านี้รวมกับเอกสารซึ่งอยู่บนโต๊ะเจ้าจะต้องถูกจัดการให้เรียบร้อย มิฉะนั้นเจ้าจะไม่ได้รับการปล่อยตัวจากห้องทรงงาน เจ้าทั้งสองไปได้แล้ว”
“ท่านพ่อ! ท่านทำแบบนี้กับลูกมิได้นะเพคะ!พวกเจ้าปล่อยข้า ข้าบอกให้ปล่อย ปล่อยข้า”
ดวงเนตรคมวาวที่สะท้อนภาพของหญิงสาวผู้ดิ้นรนจากการจับกุมไม่นานร่างทั้งหมดก็ออกจากห้องไปทิ้งไว้แต่พระองค์พร้อมดวงหทัยที่เจ็บชา
“เรย์ พ่อขอโทษ...”
หากเสียงเอ่ยนี้ได้ยินไปถึงบุตรสาวของเขาก็คงดี
……………………………………………
พรึ่บ
ชายหนุ่มซึ่งกำลังนั่งเล็มข้าวโพดคว้าม้วนกระดาษที่โยนเกือบกระแทกจมูกคมสันไว้ได้อย่างรวดเร็วก่อนดวงตาสีใสจะช้อนขึ้นมองแม่มดน้อยซึ่งยืนเท้าสะเอวมองอย่างไม่สบอารมณ์
หนุ่มผมทองมองม้วนกระดาษในมือเล็กๆแล้ววางลงเล็มข้าวโพดเหลืองรสหวานต่อ เป็นภาพที่เร่งให้เซเทียร์หยิบม้วนกระดาษปากระแทกหน้าของเข้าอีกคราซึ่งเจ้าบ้าตรงหน้าก็ยังสามารถรักษาสวัสดิภาพของจมูกคมไว้ได้เช่นเดิม
เจ้าหมอนี่คงมีดีแค่ประสาทสัมผัสที่ดีเลิศกับหน้าตาที่หล่อเหลาเท่านั้นกระมัง
“ให้อ่านเฟ้ย ไม่ใช่ให้วาง”
แก้มซึ่งนูนเพราะอาหารในปากขยับหมุบหมิบไปมาและหายหลุดเข้าท้องไปอย่างว่องไว มือก็เช็ดกับขากางเกงหวังให้สะอาดพร้อมคว้าเอาม้วนกระดาษนั่นขึ้นอ่านอย่างเคร่งขรึม ดวงตาสีใสไล่ไปจนสุดม้วนแล้วใบหน้าคมก็ละขึ้นมองร่างเล็กของคนยื่นเอกสารพร้อมยิ้มแห๊ะๆส่งกลับ
“อ่านไม่ออกอ่ะ ข้าลืมไปแล้วว่าวิธีอ่านมันเป็นยังไง”
เด็กน้อยเซเทียร์แทบจะหยิบคทามาสาปคนตรงหน้าให้กลายเป็นอึ่งอ่างให้รู้แล้วรู้รอด มือเล็กๆฉวยม้วนกระดาษมาฟาดให้หัวทองๆนั่นอย่างหัวเสีย
“ง่า~ เจ็บนะคร้าบ”
“อย่ามาสำออยไอ้บ้า! ที่เมื่อกี้ล่ะอวดเก่งทำเป็นอ่านออก”
“ก็มันคงดูเท่ห์ดีนี่ ถ้าอ่านออก”
“เว้ย! เดี๋ยววันนี้เจ้าเข้าเมืองกับข้า ข้าจะไปซื้อหนังสือเวทย์จะได้หาวิธีเรียกความทรงจำของเจ้า แล้วเจ้าจะได้ออกจากชีวิตข้าเสียที”
ชายผมทองได้ฟังก็ถึงกับหน้ามุ่ย นี่มันบอกรังเกียจกันทางอ้อมชัดๆ
“ในนี่เข้าบอกว่าองค์หญิงอาซาเรสกำลังต้องการคู่ครองขอเชิญชายหนุ่มทุกถิ่นแคว้นเข้าร่วมงานเพื่อให้เจ้าหญิงทรงเลือกสวามีเฟ้ย”
*นี่คือสิ่งสำคัญที่ยัยคนแต่งดั้นลืม*
“องค์หญิงไม่มีปัญญาพอจะหาเองรึไง ถึงได้จัดงาน” ว่าพร้อมยิ้มขบขัน
“ไอ้บ้าระวังคำพูดหน่อย องค์หญิงท่านเป็นถึงบุตรีแห่งองค์ไธรัส อดีตรัชทายาทแห่งพาราไดซ์ดินแดนปีศาจเชียวนะ แถมข้ายังได้ข่าวมาอีกว่าองค์หญิงเนี่ยมีแต่คนตามจีบแต่ท่านกลับปฏิเสธทุกราย”
“คงคิดว่าตัวเองสวยเลือกได้สินะ...” ใบหน้าเล็กส่ายเบาๆ
“ไม่ใช่หรอก แต่ข้าได้ข่าวว่าพระองค์กำลังรอคอยคนรักซึ่งหายตัวไป ได้ยินในตลาดแว่วๆกันมาว่าเป็นกษัตริย์ของแคว้นเรานี้แหละ”
“หือ? กษัตริย์โนเวียเลยรึ อ้าว! แล้วทำไมไม่ติดป้ายประกาศหาซะล่ะ”
“ก็... ท่านพึ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานมานี้เองขนาดประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เคยเห็นพระพักตร์ท่านเลยด้วยซ้ำ แล้วเขายังลือกันมาอีกว่ากลัวดินแดนอื่นจะรู้ว่าเราขาดกษัตริย์ เลยพยายามเหยียบเรื่องนี้ให้เงียบที่สุดแล้วก็คอยส่งทหารวังออกตามหาเรื่อยๆ”
“ซึ่งก็ยังไม่ได้ข่าว” ดวงตาสีเขียวใสสบเจ้าของเสียงขัดเล็กน้อยก่อนพยักหน้า
“ถูก ข้าลือที่ได้ยินก็มีเพียงเจอศพของพวกกองกบฎอะไรเนี่ยแหละ แต่ข้าว่าป่านนี้เขาคงนอนตายอยู่ใต้ต้นไม้สักทีในป่านี้ล่ะมั้ง”
“ข้าว่าป่านนี้เขาคงตายไปแล้วล่ะม้าง.... ไม่แน่อาจเป็นฝีมือเจ้าก็ได้นะเรย์”
เซเทียร์ยกมือเล็กติดป้อมสมรูปร่างขึ้นกุมคางเก็กขรึม “น่าคิดไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่แน่ศพพวกนั้นอาจเป็นท่านราชาก็ได้ เจ้าว่าอย่างนั้นมั้ย เรย์”
แต่คนตัวสูงกลับไหวไหล่ไม่แสดงความเห็น(ข้าไม่สน) “เอาเถอะ” เซเทียร์ถอนใจเบา “มันจะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่เจ้าหญิงเลือกเจ้าก็พอเพราะเจ้าก็จะเสวยสุขอยู่ในวัง ส่วนข้าก็ได้รับผลตอบแทน เจ้าว่าดีมั้ยล่ะ?”
“นี่เรื่องของท่าน ท่านอยากได้ท่านก็ไม่ดูตัวเองสิ ข้าไม่เกี่ยว”
แม่มดน้อยผู้มอบโอกาสรวยทางอ้อมให้หนุ่มหน้าหล่อความจำเสื่อมถึงกับกุมขมับแน่น
“ข้ากำลังช่วยให้เจ้าสบายไปทั้งชาติอยู่นะ!!”
“ไม่เอาอ่ะ ข้าจะเกาะท่านกินอยู่อย่างนี้แหละ สบายดี” ว่าแล้วหนุ่มผู้จะเกาะแม่มดในร่างเด็กอายุ10 ขวบก็เอนกายลงนอนตามอัธยาศัยของตน การกระทำที่หนูน้อยผมนิลแทบจะน้ำตาอาบหน้า
เธอช่วยมันทำไม๊ เธอช่วยมันมาได้ไง สงสัยนอกจากเวทย์ฝืนความจำ เธอคงต้องหาตัวราย้อนเวลาด้วยเสียแล้วกระมัง เธอจะได้ย้อนกลับไปห้ามตัวเองไม่ให้ชุบชีวิตไอหัวทองนี่ขึ้นมา!!
แต่แล้วความคิดหนึ่งก็บรรเจิดขึ้นในหัว...
“ในวังมีของกินหรูๆเยอะเลยนะ...” คนนอนเริ่มหูผึ่งเล็กๆ
“มีทั้งไวน์เลอค่า ไข่ปลาคราเซีย กุ้งเล็กเตอร์อบซอส ซีเลงป่าของหายากแล้วยังโอ๊ย สารพัด” หูนั่นเริ่มขยายกว้างอย่างเห็นได้ชัด
“แต่ถ้าเจ้าไม่อย่างไปงานในคืนนี้ ข้าก็คง...”
“งานเริ่มคืนนี้ยังรึ งั้นเราต้องรีบเตรียมตัวแล้วล่ะ”
ก็เท่านั้น
แม่มดกระหยิ่มยิ้มให้ใจกับความฉลาดเก่งกล้าของตัวเอง ขณะที่ดวงตาสีเขียวจะทอดมองชายหนุ่มซึ่งกำลังเก็บข้าวของเข้าที่พร้อมจะออกไปจ่ายตลาดกับเธอ
..........................................................................
“นี่จ๊ะเงินทอน... แหม๊นี่คงพาน้องสาวมาจ่ายตลาดด้วยสินะ”
เรียวปากของหนุ่มร่างโปร่งที่ปิดใบหน้าด้วยเสื้อฮู๊ดเพียงโค้งยิ้มบางแต่มิได้ตอบรับพลางรับถุงผักสดและเงินทอนจากแม่ค้ามากุมพร้อมเดินจูงมือเล็กๆนั่นหายเข้าไปกับฝูงคนจำนวนมากมายที่มาจับจ่ายมื้อเย็นสำหรับคืนนี้
เมื่อพ้นร้านขายผักไปไม่นานเซเทียร์น้อยก็เริ่มบ่นงุบงิบ
“ให้ตายสิ ข้าล่ะเบื่อเสียจริง ชอบเข้าใจผิดอยู่เรื่อย”
“เข้าใจผิดก็ดีแล้วไม่ใช่หรอครับ อายุลดไปตั้งหลายปีเชียวน้า”
“ไม่เอาอ่า ข้าอยากอายุ 200 ปีไวๆจะได้มีรูปร่างแบบพวกนั้นอ่ะ” นิ้วเล็กๆชี้ไปยังกลุ่มสาวๆซึ่งยืนจับกลุ่มกันไม่ห่าง ชายหนุ่มผู้ปิดหน้าจึงเปิดฮู๊ดออกเพื่อให้มองเห็นได้อย่างถนัด ดวงหน้าคมขบคิดเล็กๆก่อนเรียวแขนแกร่งจะช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มพร้อมรอยยิ้ม
“แต่ถ้าท่านโต ข้าจะอุ้มท่านแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปน้า คิดในแง่ดีหน่อยสิท่าน”
เซเทียร์หน้าแดงซ่านก่อนแลบลิ้นแบร่ใส่ซึ่งก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มของชายหนุ่มให้ดังขึ้นเบาๆ โดยพวกเขานั้นหารู้ไม่ว่าพวกเขาได้สร้างภาพซึ่งน่ามองนักแก่ตลาดแห่งนี้
“อย่ามัวแต่หัวเราะสิ ไปร้านหนังสือได้แล้ว” หนุ่มผมทองร่างสูงทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะมุ่งไปทางร้าน BooKs oF Novia แต่แล้วรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าคมกลับหายไปฉับพลันเมื่อดวงตาฟ้าใสเหลือบไปพบกับถาดกบทอดที่วางขายอยู่ข้างทาง ขาเรียวหยุดลงหน้าร้านจ้องมองเนื้อสีน้ำตาลนั่นอย่างครุ่นคิดก่อนเขาจะใช้มือซ้ายกุมหัวด้วยสีหน้าเจ็บปวด ร่างน้อยบนแขนขวามองชายหนุ่มอย่างงุนงง
“เรย์ เจ้าเป็นอะไร”
แต่เขาเพียงแค่ปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า มือดึงอู๊ดขึ้นปิดบังใบหน้าก่อนจะก้าวเท้าเดินตรงเข้าร้านหนังสืออย่างรวดเร็ว เซเทียร์ถูกวางลงอย่างแผ่วเบา
“เข้าไปหาหนังสือเถอะ ข้าขอรออยู่หน้าร้าน”
หนุ่มความจำเสื่อมนามสมมุติเรย์ยืนอิงผนังร้านอับผู้คน สมองก็ครุ่นคิดถึงภาพซึ่งแว๊บเข้ามาในหัวเมื่อครู่ ภาพของสาวผมน้ำตาลเข้มแต่ดวงตากลับมองมิเห็นคล้ายมีเงาปิดไว้ ในปากเคี้ยวเนื้อกบตุ้ยๆท่าทางน่าอร่อย
เธอเป็นใครกัน? หรือว่าเธอคนนั้นจะเกี่ยวข้องกับความทรงจำของเขากัน?
..........................................................................
“เอาล่ะ เรามาลองกันใหม่....” เด็กสาวผมนิลหลับดวงตามรกตลงพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก “เวเซีย เมทาเอ เวอร์มาเรน่าเวส อากิม ซี เพทูส ข้าแต่มนตราอันศักดิ์ ข้าขอเรียกความทรงจำของชายผู้นี้ให้กลับมาด้วยเทอญ”
วงแหวนวาบขึ้นบนพื้นรอบร่างสูง ชายหนุ่มมองอักขระเวทย์มากมายที่หลั่งไหลรอบตัวและพึ่งเข้าหาเข้าอย่างรวดเร็ว แล้วทุกสิ่งก็สงบลงดังเดิม
“เป็นไงบ้าง? เจ้าจำอะไรได้บ้างรึยัง”
เสียงใสร้องถามหากแต่เขากลับเพียงส่ายหน้า เรียกให้มือเล็กขยี้ผมยาวๆจนฟูไม่เป็นทรง
“โว้ย! แล้วจะให้ข้าทำอย่างไรเล่า ก็ในนี้มันบอกว่าให้กล่าวชื่อนามสกุลของเจ้าด้วย แล้วอย่างนี้ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่า”
“บ่นใส่ข้าแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นมาล่ะครับ” คนตัวโตกล่าวบ้าง ก่อนหย่อนก้นลงนั่งบนพื้นหลังจากยืนมาเสียงนาน
“โว้ย! ช่วยไม่ได้ยังไงคืนนี้ก็ไปกินของฟรีให้สะใจก่อนแล้วกัน”
“เห็นด้วยอย่างยิ่ง” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมทันที เด็กสาวปิดหนังสือเยินๆเก่าๆที่พึ่งซื้อมาลง พร้อมเดินเข้าจับผมฟูๆของหนุ่มหน้าคมซึ่งนั่งหาวอยู่กลางห้องรับแขกแคบๆ
“เอาล่ะ งั้นเรามาจัดการคนบ้าให้หน้าหล่อกันเถอะ” กรรไกรคมพุ่งเข้ามือตามเวทย์มนต์ทันควัน ดวงตาของชายหนุ่มเหล่มองคนร่างเล็กซึ่งยืนคร่อมหัวผู้กำลังเผยยิ้มน่าสยองจนเหงื่อเริ่มไหลซึม
“เอ่อ... จะทำอะไรหรอครับ ท่านเทียร์”
“ก็ตัดผมเจ้าไง พ่อหนุ่ม หึหึ”
“อ๊ากกกกกกก!!”
ฝูงนกพากันบินแตกตื่นด้วยเพราะเสียงร้องโหยหวนซึ่งดังก้องออกจากเรือนหลังน้อยใจกลางป่าลึก เสียงร้องอันน่าอดสูของชายหนุ่มผู้ถูกเปลี่ยนแปลง....
ห้วงทำนองไพเราะถูกขับกล่อมให้ดังทั่วห้องโถงกว้างโออ่าแห่งวังอาซาเรส ท่านหญิงใส่ชุดฟูฟ่องพากันแนะนำบุตรชายของตนให้ท่านหญิงจากต่างแคว้นลูกจัก เหล่าบุรุษหลายคนจับมือทักทายพร้อมกระทบแก้วไวน์ทรงสูงอย่างเปรมปรีย์
ในขณะที่เจ้าของงานกำลังนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกโดยมีท่านหญิงลูเครเซียทรงจัดแต่งทรงผมและใบหหน้าหวานให้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหรี่ลงอย่างเบื่อหน่ายมองเงาสะท้อนของหญิงสาวใบหน้าบึ้งตรงหน้าด้วยความเซ็งสุดจะทน
“ไม่ต้องแต่งหรอก ออกไปแบบยัยเพิ้งแล้วประกาศตัวเป็นคนบ้าแค่นี้ก็พอแล้ว เปลื้องเครื่องสำอางเจ้าเปล่าๆ”
มือวซีดเรียวตีเพี๊ยะใส่แขนเรียวจนเรียกเสียงร้องและดวงตาบึ้งตึงให้เงยสบเธอได้ดีนัก หญิงผมเงินวาวในชุดสีนวลตกแต่งหรูหราสวยงามมุ่ยปากลง “ข้าอุส่าห์ทำให้ เจ้าจะบอกข้าทำไม่สวยสินะ”
“ไม่ใช๊” เรซิน่าปฏิเสธเสียงสูง “ง่า เจ้าแต่งสวย จำไม่ได้หรอที่เมื่อ 4 ปีก่อนที่เจ้าแต่งให้ข้า ผู้ชายงี้มองกันเหลียวหลังเลยไง”
เมื่อได้รับฟังดังนั้น ใบหน้างามเจ้าของดวงตาสีครามก็ยิ้มกว้างก่อนลงมือจัดแต่งผมนุ่มสีเข้มต่อ ท่ามกลางความหนักใจของเพื่อนสาว
เสียงแตรสีทองวาวดังขึ้นยุติเยงพูดคุยทั้งมวล ยอดบันไดสูงปรากฏร่างสง่าของชายหญิงในอาภรณ์หรูงดงามตระการตา แต่ที่เป็นที่จับตามองเสียงมากกว่าก็คงไม่พ้นดาวเด่นของค่ำคืนนี้
เรือนผมทีน้ำตาลเข้มถูกก้าวม้วนขึ้นปล่อยเรือนผมเล็กให้คลอเคลียดวงหน้าหวาน ดวงตาโตใสสว่างน่ามองราวดวงดาราสาดส่องไปทั่วห้องโถงซึ่งถูกประดับประดาด้วยของมีค่ามากมาย ชุดวาบหวิวเปลือยแผ่นหลังนวลและเลยให้เห็นเนินอกเล็กๆช่างน่าถนอมนัก ขาเรียวสวยโผล่พ้นชายกระโปรงสีขาวแสกกลางย่างกรายลงจากขั้นบันไดที่ละก้าว ช้าหากสง่านัก มือเรียวใต้ปลอกแขนสีสะอาดตาข้างหนึ่งคล้องเข้ากับแขนแกร่งของบุรุษผมครามเข้มข้างกาย ภาพที่ตราตรึงให้เหล่าบุรุษหยุดหนึ่งคล้ายลืมหายใจกับึวามงามของพระนาง
“ท่านพี่...” เจ้าชายโรเซวาสกระซิบเบาอย่างเป็นห่วง หากแต่หญิงงามคนเป็นพี่กลับส่งยิ้มให้ดุจต้องการแสดงความเข้มแข็งของน ทั้งๆที่ในความจริงจิตใจของหญิงสาวนั้นกำลังสั่นคลอนเป็นที่สุด
‘หากเจ้าปฏิเสธ เจ้าก็อย่าหวังเลยว่าข้าจะย่อมให้เจ้าชายโรเซวาสได้อภิเษกสมรส’
คำประกาศิตที่ลากเอาคนที่นางรักมาเกี่ยวข้องยากที่จะขัดขืน นางรู้ดีน้องชายคนนี้มีสาวซึ่งแอบหมายปลองไว้นานแล้ว ซึ่งจะเป็นใครอีกล่ะหากมิใช่หญิงสาวร่างบอบบางเจ้าของใบหน้าหวานและดวงตาคมสีทอง บุตรีของท่านมาร์สองค์รักษ์เก่าซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อครั้งนานมาแล้ว
เมื่อรองพระบาทสูงก้าวลงสู่พื้นพรหม เจ้าชายโรเซวาสยื่นกุหลาบแสงจันทร์ให้พี่สาว เรซิน่ารับอย่างรู้งานพร้อมปล่อยเรียวแขนออกจากน้องชาย รอยยิ้มขอบใจถูกส่งให้แก่โรเซวาสก่อนเขาจะปลีกตัวออกจากเจ้าหญิงเรซิน่าพร้อมเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มดังกึกก้องห้องอันเงียบสงัด
“เจ้าหญิงเรซิน่า เสด็จ”
.............................................................................
“ซ้ายๆ อ๊าก! ขวาซิ เย้ย! ขึ้นเร็วจะชนต้นไม้ โว้ย! ต่ำหน่อยสิ เดี๋ยวผมข้าติดใบไม้กันพอดี เฮ้ยๆ จอด จอดเถอะท่าน เราเดินไปกันเถอะนะท่าน”
“โว้ย เจ้าทำข้าเสียสมาธินะเรย์!” เด็กสาวหันใบหน้าซึ่งแต่งอ่อนไปด่าคนซ้อนท้ายไม้กวาดด้ามเล็กที่ปกติจะแบกรับเพียงเด็กสาวร่างจ๋อยเพียงคนเดียว แต่วันนี้กลับพวงชายหนุ่มรูปงามมาด้วยอีกคน และมีเหรอที่มันจะบังคับได้เหมือนเดิม
เด็กสาวพยายามอย่างยิ่งที่จะเอนทิศไปมาเพื่อหลบกิ่งไม้มากมาย จะให้บินสูงเช่นแต่ก่อนก็ไม่ได้เพราะน้ำหนักที่เกินมามากกระมัง
ไม่นานนักดวงตาสีเขียวมรกตก็มองเห็นแสงสว่างจากปราสาทงามของดินแดนอาซาเรส เสียงใสกล่าวก้องพลัน “ใกล้ถึงแล้ว เรย์”
“จริงรึ?”
“เอาล่ะ ข้าจะเร่งเครื่องล่ะน้า” ปากน้อยพึมพำชั่วครู่ไม่นานนักอักขระเวทย์มากมายก็รายล้อมไม้กวาดจิ๋วและพวกเขาไว้พร้อมพุ่งตรงหวืดมุ่งสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยเสียงร้องโวยวายลั่นของชายหนุ่มคนซ้อนท้ายที่หลับตาปี๋ เอาหน้าแอบกับแผ่นหลังของเด็กสาวร่างเล็ก
เอวัง~
“ยินดีตอนรับท่านสู่วังแห่งอาซาเรสพะย่ะค่ะ” หนุ่มผมทองโค้งกายตามเหล่าทหารฝึกงานหน้าใหม่แต่มือเล็กกลับดันให้เขาเข้างานไปอย่างรวดเร็ว
“จะไปโค้งทำไม เจ้าเป็นแขกนะ”
“อ้าว…อย่างไรก็ควรมีมารยาทมีใช่หรือ” หนุ่มผมทองวาวหันส่งดวงตาสีฟ้าใสเชิงคำถาม ใบหน้าหล่อเหลาแม้มิได้จัดแต่งสิ่งใดมากมายกลับเด่นเป็นสง่านักเมื่อร่างสมส่วนอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตาราวกับท่านชายต่างเมือง ยิ่งทำท่าสงสัยน่ารักแบบนี้ไม่ว่าหญิงใดเห็นคงอ่อนระหวยไปตามๆกัน แต่ว่ามันไม่ใช่กับแม่มดร่างเด็กอายุ 10 ขวบอย่างเธอเสียหน่อย
“ยังมาถามอีก เข้างานได้แล้ว”
แอ๊ด....
ประตูบานกว้างที่ปิดไปถูกเปิดอ้าแผ่วเยาเพื่อรับบุรุษผมทองและเด็กน้อยดวงตามรกตให้เข้าสู่งาน วรองค์สูงสวมแต่งด้วยชุดหรูแม้มีขายทั่วไป แต่หากกลับเด่นนักเมื่อชายผู้นี้สวมใส่ ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ เกศาซอยสั้นเสริมให้ดูหล่อเหลาคมคาย ดวงเนตรสีนภายามเช้านั่นเหลือบมองเหล่าผู้คนมากหน้าหลายตาพี่ส่งเสียงพูดคุยกันอย่างออกรส คนมาสายพอเห็นดังนั้นจึงรีบจูงเด็กสาวน่ารักตรงไปยังมุมอาหารทันที
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกได้ถึงสายตามากมายที่จับจ้องมายังเขา ราวกับเขานั้นเป็นตัวประหลาดก็มิปานหรือว่า...
“ท่านตัดผมข้าจนแหว่งใช่มั้ย ท่านเทียร์”
คำกระซิบเป็นเพียงสายลมเพราะเด็กน้อยหาได้สนใจไม่ เซเทียร์เพียงแค่เอื้อมมือขึ้นสู่โต๊ะสูงแล้วพยายามหยิบก้อนขนมปังนุ่มที่ดูน่ากลิ่น เท้าเล็กๆเขย่งขึ้นเพิ่มความสูงแต่แขนสั้นๆนั่นก็ยังไม่ถึงอยู่ดี แลดูน่าสงสัยจนคนมองแอบให้กำลังใจไปตามๆกัน
อีกนิดเดียว เซเทียร์ร้องในใจ นิ้วเล็กเกือบถึงแล้ว แต่ก็ช้ากว่ามือใหญ่ที่เอื้อมคว้าหมับไปเสียก่อน ดวงตากลมโตสีเขียวช้อนมองคนต้วสูงซึ่งย่อกายต่ำพร้อมยื่นก้อนขนมปังที่เธอหมายตาไว้ให้พร้อมเรียวปากได้รูปประดับยิ้มขบขำ
“บอกข้าก็ได้ ท่านนี่ดื้อรั้นเหมือนเด็กจริงๆ”
“ใครขอให้เจ้าช่วย แสจริงๆ” ว่าไปแต่มือน่ะฉวยเอาขนมปังมาครองไว้เป็นที่เรียบร้อย
ชายหนุ่มคนอยากกินฟรีมองลอบด้านอย่างสำรวจ แต่แล้วมือหนากลับกุมขมับคล้ายปวดร้าวเมื่อภาพห้องโถงแห่งนี้ยามไร้ผู้คนเข้าแทรกในความคิด
“เรย์??” เจ้าของนามสมมุติล้มต่ำเมื่อพบดวงตาแห่งความเป็นห่วง มือหนาก็เพียงปัดเบาๆที่มือเล็กๆซึ่งกำชายเสื้อเขาไว้พลางส่งยิ้มทะเล้นให้
“ในนี้อึดอัดชอบกล ข้าขอออกไปสูดอากาศเสียหน่อยนะท่านเทียร์”
“อ๊ะ...เดี๋ยวก่อนสิเรย์”
มือป้อมที่พยายามเอื้อมคว้าชายเสื้อสีขาวสะอาดกลับไปไม่ถึงเพราะขายาวๆที่ก้าวทิ้งห่างอย่างรวดเร็ว เซเทียร์ได้แต่มองหาคนผมทองร่างโปร่งที่หายไปในกลุ่มคนอย่างเป็นกังวล
ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ
ท่านหญิงเรซิน่าบัดนี้ถูกลายล้อมด้วยบุรุษหนุ่มมากมายที่พากันพูดคุยทักทายหญิงสาวจนเธอไม่มีแม้แต่เวลาจะจิบน้ำสักแก้ว จนในที่สุดเธอก็ต้องงัดไม้ตายออกมาด้วยคำที่ว่า...
“ข้าขอไปทำธุระส่วนตัวสักครู่ ข้าสงสัยวาอาหารจะเป็นพิษ”
เหอะๆ ไม่รู้ด้วยความเข้าใจหรือความเห็นใจก็ตามอย่างน้อยมันก็ช่วยให้เธอปลีกตัวออกจากกลุ่มผู้ชายบ้าๆเหล่านั้นได้แล้วกัน
ร่างสูงกุมศีรษะแน่ทันทีเมื่อขาเรียวก้าวพ้นบานประตูกว้างซึ่งไร้ทหารยาม เขาเดินโซซักโซเซไปเรื่อยพร้อมความเจ็บปวดที่ก่อขึ้นจากภาพความทรงจำ ภาพผู้คนซึ่งไม่รู้จักกำลังฉายชัดเข้ามาในดวงตาของเขาสร้างความเจ็บปวดให้เกิดยิ่งนักและทุกความทรงจำก็เกี่ยวข้องกับสาวปริศนาเจ้าของเรือนผมน้ำตาลที่ไร้ซึ่งดวงตาทั้งสิ้น
“อ๊าก!” เสียงทุ้มแผดลั่นเมื่อเรื่องราวมากมายรุมเร้าเข้าแต่เขากลับนึกไม่ออก ทุกสิ่งรุมจู่โจมจนคล้ายกะโหลก เขารู้สึกเหมือนหัวแทบระระเบิดเต็มทีกับภาพของร่างบางนั่นที่ทำทำสิ่งต่างๆมากมายร่วมกับเขา หัวใจดุจบีบรัด ความรู้สึกโหยหา คิดถึงทำให้หัวใจของเขาเต้นถี่รั่ว ลมหายใจเริ่มติดขัดมากขึ้นทุกที
ขอเพียงเขาระลึกถึงดวงตาของเธอเท่านั้นแต่เขากลับนึกไม่ออกเสียนิด ความทรงจำตามมันบัดนี้กำลังระดมใส่สมองเขา ส่งผลให้ใบหน้าคมฉายแววทรมานนัก
“ปวดเหลือเกิน...ข้าทนไม่ไหวแล้ว ออกไป...ออกไปจากหัวของข้าเสียที!!”
ก๊อกๆๆๆ
เสียงรองเท้าส้นสูงระดับหนึ่งกำลังกระแทกกับพื้นพรหมดังอย่างไม่ขาดสาย ร่างบางของเจ้าหญิงเรซิน่าวิ่งตรงไปจนถึงทางแยกและเมื่อเลี้ยวตรงหัวโค้ง สิ่งที่เห็นนั้นดุจทำให้ร่างของเธออ่อนระทวย
หนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีขาวกำลังกุมศีรษะแน่นคล้ายทรมานเต็มที ดวงตาเรียวที่เบิกเพียงเล็กจากความเจ็บปวดนั้นเหลือบมองมายังเธอ
ใบหน้าที่เฝ้าหา ดวงตาซึ่งทอประกายอุ่นเสมอ รอยยิ้มอ่อนโยนที่มีให้ตลอดมาและร่างกายอุ่นที่แสนคิดถึง บัดนี้เขามาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เรียวปากบางที่สั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ลอดเสียงครางบางเบาราวกระซิบที่ออกจากหัวใจซึ่งเคยแตกร้าว
“คีตา....”
...............................อัพ.......................................
“เฮือก!”
“คีตา!!”
เรซิน่าถลาเข้าหาร่างโปร่งซึ่งทรุดลงไปกับพื้นทันที มือที่กุมเส้นผมสีทองนุ่มลดต่ำเป็นหน้าอกซ้ายพลัน หัวใจของเขากำลังเต้นถี่รั่ว รั่วเร็วดุจเรียกร้องให้เขาจำให้ได้
“คีตา เป็นอะไรไป! เจ้าเจ็บตรงไหนกัน!?” เสียงถามร้อนรนพร้อมมือบางที่เอื้อมสัมผัสไหหล่กว้างสร้างความอบอุ่นและร้าวรานได้อย่างน่าประหลาด ใบหน้าพราวหยาดเหงื่อทอดมองหญิงตรงหน้า แล้วจู่ๆภาพของหญิงปริศนาก็ทาบทับร่างของเธอ
“อ๊ะ!”
เจ้าหญิงหลุดอุทานอย่างตกพระทัยเมื่อมืออุ่นนั่นกลับปัดมือเธอออกจากไหล่ของเขาอย่างไม่ใยดี แม้ลมหายใจจะติดขัดแต่เขาก็เพียรจะยืนขึ้น ด้วยความห่วงใย มือบางก็ยื่นเข้าช่วยอีกครั้ง หากครานี้เขากลับไม่ปฏิเสธเพียงกระการทำ
“เจ้าเป็นใคร? มายุ่งอะไรกับข้า”
นัยน์ตาคู่โตเบิกกว้างสบกับใบหน้าคมของคนรักที่เธอรอคอยเขามาถึงครึ่งปี ภาพของชายหนุ่มอดีตนักฆ่าสีหน้าทะเล้น ผู้มอบรอยยิ้มอบอุ่นเพียงเธอพร้อมดวงตาสีสะท้อนภาพของเธอ หากแต่ยามนี้กลับไม่มีอีกแล้ว ในดวงตาสีสว่างนั่นกลับฉายชัดถึงความเย็นชาที่ความว่างเปล่า ดวงตาที่บอกว่าเธอคือคนแปลกหน้าสำหรับเขา
“คีตา นี่ข้าเอง เจ้าจำข้าไม่ได้หรือไง!”
“ข้าชื่อเรย์มิใช่คีตา....” เขาเว้นระยะด้วยเพราะลมหายใจซึ่งติดขัด “ข้าไม่รู้จักเจ้า”
ติ๋ง
หยดน้ำตาหลั่งไหลออกจากดวงเนตรสีน้ำตาลโอ๊คไม่หยุดหย่อน ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น ดวงเนตรหวานเศร้าสบมองเจ้าของน้ำเสียงเย็นกับดวงหน้าไร้มิตรนิ่งงัน
นี่เขาลืมเธอไปแล้วหรือ เขาลืมเรื่องราวการผจญภัย ลืมถ้อยคำหวาน ลืมคำสัญญาของเขาไปหมดแล้ว งั้นเขาก็ลบเธอออกจากหัวใจด้วยสินะ...
หนุ่มความจำเสื่อมมองหยาดน้ำมากมายที่พรั่งพรูนั่นดุจหัวใจกำลังจะแตกสลายหัตถ์บางทั้งสองกำเข้าแน่นจนปวดร้าวหากแต่เจ็บมิเท่าหัวใจ
ทั้งๆที่เขานั้นไม่รู้จักแม้กระทั้งชื่อ ไม่สามารถนึกถึงเรื่องราวของเธอได้เสียนิด แต่เหตุใดหัวใจของเขากลับกำลังเรียกร้องที่จะเข้าไปหาเธอ อยากดึงร่างบางของเธอเข้าแนบกายและปลอบเธอว่าอย่าร้องไห้
ทำไมกัน?อึก… ใจเขาถึงได้พร่ำเรียกร้องให้น้ำตาเหล่านั้นหยุดหลั่งไหลเพราะเขาเสียที
“หยุดเสียที หยุดร้องเสียที!!”
เรซิน่าถึงกับสะอื้นฮักกับเสียงกระชากก้องที่ตวาดใส่เธอ ชายหนุ่มร่างโปร่งงอตัวต่ำ มือทั้งสองขยุมเสื้อสูทสีขาวจนยับเยินด้วยความอยากจะให้หัวใจนั่นหยุดร่ำร้องเสียทีและอยากให้เธอไปไกลๆจากเขา เขาจะได้ไม่ต้องเห็นใบหน้าเนียนหวานซึ่งเปอะเปื้อนคราบน้ำตาเพราะเขาอีกต่อไป
หากแต่.... เรซิน่าในชุดเจ้าหญิงกลับยกแขนเรียวซึ่งปาดน้ำตาออกจากดวงหน้าพร้อมสาวเท้าเข้าใกล้ชายหนุ่มโดยพลัน มือขวาที่กำแน่นนั่นคลายออกและชูขึ้น
เพี๊ยะ!!
ร่างสูงเอนชนกำแพงดังอักพร้อมซีกแก้มซ้ายซึ่งเกิดรอยแดงระเรื่อบางจากมือเรียวชื้นเปรอะหยาดน้ำที่ตวัดกระทบหน้าเขาอย่างจัง ดวงตาสีฟ้าที่เบิกกว้างฉายแววว่างเปล่าอีกครั้งขณะทอดมองเจ้าหญิงผู้ประทับฝีมือลงบนแก้มของเขา
“เจ้าคงรำคาญน้ำตาข้ามากใช่มั้ย! ไอนักฆ่าปัญญาอ่อน” จมูกติดแดงนั่นเชิดขึ้นตามนิสัย
“นักฆ่าปัญญาอ่อน?”
“อ้อ... ใช่สินอกจากปัญญาอ่อนแล้วยังความจำเสื่อมด้วยสิเนอะ ข้าพูดถูกมั้ย”
“นี่เจ้าพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย” ชายหนุ่มขึงกายขึ้นเดินเข้าประชิดหญิงผมโอ๊คที่ยืนเท้าสะเอวมองเขาอย่างสมเพศ!
“อ้อไม่ชอบให้เรียกชื่อเก่า งั้นอยากให้ข้าเรียกชื่อไหนล่ะ ท่านคีตาราชาแห่งโนเวีย หรือ ไอ้คีย์คนรักของเรซิน่าดีล่ะ ห๊ะ?!”
เสียงที่กระชากยิ่งทำให้เขาฉงนเป็นร้อยพันเท่า ความเจ็บปวดหายสิ้นแปรเป็นความสงสัยกับการกระทำของหญิงดู(ท่าทาง)มีสกุลตรงหน้าแทน นิ้วเรียวยกขึ้นจิ้มอกตัวเองพลางลอดเสียงหลง “ข้าเนี่ยนะ คนรักเจ้า?”
“ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วจะใครล่ะ!” เส้นประสาทบูดโบนบนขมับทันทีพร้อมความแค้นมากมายที่ปะทุพร้อมเอ่อล้น!
“ในเมื่อเจ้าไม่ได้รักข้าจริงแล้วเจ้าจะมาบอกรัก จะมาสัญญากับข้าไว้ทำไมล่ะห๊ะ! รู้งี้ข้าไปรับรักมาริกซะะไม่ดีกว่ารึไง”
“ไม่ได้นะ!!” ชายหนุ่มตระคลุบปากตัวเองพลัน นี่เขาพูดอะไรออกไปเนี่ยชื่อมาริก มาเริกที่ไหนไม่ยักจะจำได้แต่ทำไม่จู่ๆเข้าถึงได้ร้องห้ามไปซะล่ะ!!
“แล้วเจ้าจะเอายังไง รำคาญข้าแต่ก็ไม่ยอมปล่อยข้าไป เจ้าคิดว่าเรื่องนี้มันสนุกนักรึไง เจ้าสนุกมากใช่มั้ยที่เห็นข้าเสียใจ”
“ไม่ใช่นะ” ชายหนุ่มครางเบากับเสียงตัดพ้อที่ดังก้อง
“เจ้าคิดว่าตัวเองเจ๋งมากนักรึไงกัน ได้! ในเมื่อเจ้ารำคาญข้านักอยากไล่ข้าออกจากชีวิตมากนัก ข้าก็จะทำให้เจ้าสมปรารถนา!”
ชายหนุ่มออกวิ่งตามร่างเล็กที่ก้าวกระโดดไปตามทางเดินด้วยความรวดเร็วก่อนเรซิน่าจะหยุดและใช้มือเรียวเล็กจะกระชากประตูห้องโถงปึงปังเรียกความสนใจของผู้ร่วมงานได้ดีนัก
มือเล็กลวงเข้าเสื้อเกาะอกของตัวเองพลางคว้านไปมาอย่างไม่อายใครโดยหารู้ไม่ว่าทำให้อกชายใจสามศอกถึงกับหวั่นไหวไปมากมายเพียงใดและเมื่อพบสิ่งที่หาซึ่งซ่อนไว้ในเสื้อกล้ามอีกชั้นเธอก็ก็ถึงเอามันออกมาโดนพลัน ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่สิ่งใดนอกเสียจากกุหลาบแสงจันทร์ตัวกำหนดเจ้าบ่าวในคืนนี้
“ข้าเจ้าหญิงเรซิน่าแห่งอาซาเรสขอประกาศ! หากชายใดรับเอาดอกกุหลาบนี้ไปได้ ชายผู้นั้นจะเป็นคนที่ข้าพร้อมใจจะอยู่กับเขาชั่วชีวิต!!”
“หา?”
เสียงเหวอซึ่งหลุดรอดดังลั่นคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากท่านชายเวกัสแห่งแวมไพรืที่หยุดบริการอาหารเข้าปากท่านหญิงลูเครเซียตั้งแต่ร่างบางของเพื่อนสาว(?) เข้ามาในงานพร้อมชายหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยในชุดขาวสะอาด แม้ผมจะสั้นกว่าเก่าไปเสียหน่อยหากแต่เขาจำได้ดี
“เฮ้ย นั่นมันคีย์ไม่ใช่หรอ!?” เมื่อหันมองคนข้างตัวเขาก็ได้พบเพียงแต่แฟนสาวที่ปากพะงาบๆอย่างพูดไม่ออก
“เจ้าจะทำอะไรของเจ้า เจ้าไม่คิดถึงจิตใจตัวเองเลยรึไง ความรักมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงนะ!” มือหนาอุ่นคว้าเข้ากับแขนเรียบเนียนพร้อมคิ้วขมวด
ดวงตาสีเข้มของไธรัสถึงกับเบิกกว้างมองเจ้าของเสียงทุ้มเมื่อครู่อย่างตกใจ
นั่นมัน! คีตา โนวิเซล!!
“อะไรของเจ้า เจ้าเองไม่ใช่รึที่รำคาญข้า ไม่อยากเจอหน้าข้าเองหนิ นี่ข้าก็กำลังช่วยให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงอยู่นี่ไง”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ดวงตาสีฟ้าใสทอประกายอ่อนลงแต่ท่านหญิงเรซิน่าซะอย่างมีหรือจะสนใจ
“เรย์!” เรซิน่าและคีตาต่างหันมองต้นเสียงร้องใสของเด็กสาวตัวน้อยซึ่งเดินแหวกฝูงชนออกมาทันที สาวน้อยในชุดกระโปรงฟู่หลายชั้นแลคล้ายตุ๊กตาเดินเข้าคว้ามือชายหนุ่มพลัน
“ก่อเรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย กลับบ้านเดี๋ยวนี้” แม่มดปรุงยาฝึกหัดว่าเสียงดัดเข้มแต่กลับน่าเอ็นดูเสียมากกว่า ก่อนคนตัวเล็กจะย่อตัวต่ำลงแก่เจ้าหญิงสูงศักดิ์ ปากเล็กขยับไปมา
“หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยแก่เจ้าหญิงเรซิน่าเป็นอย่างยิ่งที่คนของหม่อมฉันไปก่อความเดือดร้อนแก่พระองค์”
“คีตา.... ที่เจ้าบอกว่าลืมข้าเพราะเจ้าหวังจะเลี้ยงต้อยเจ้าเด็กคนนี้ใช่มั้ย!!” (เลี้ยงต้อย = เลี้ยงให้โตเพื่อหวังจะจับทำภรรยา =. , =”)
“เฮ้ย! ท่านหญิงท่านเข้าใจผิดแล้วเพคะ” เซเทียร์ถึงกับร้องเสียงหลงปฏิเสธเลิกลั่น แต่คนเป็นเจ้าหญิงกัลบไม่สนใจ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มประกายกร้าวจ้องชายหนุ่มผมทองอย่างเอาเรื่อง
ว่าแล้วดอกไม้นั่นก็ถูกขว้างไปกลางดงเหล่าชายหนุ่มซึ่งยืนเรียงรายอยู่ทันทีและ!
หมับ
“อ้าวเฮ้ย!” เสียงอุทานคุ้นหูดังขึ้นหลังจากมือของใครบางคนรับดอกไม้ไปได้ และช่างเป็นความบังเอิญเสียจริงที่ชายผู้นั่นคือ...อดีตเด็กหนีออกจากบ้านแห่งไทรนอส
เวกัสมองดอกกุหลาบสีเหลืองนวลนิ่งก่อนขนในกายจะพากันลุกซู่เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตสีม่วงจากคนรัก คนผมแดงก็ถึงกับสีหน้าเลิกลั่น ดวงตาสีนิลตื่นตระหนกเป็นที่สุด
“ข้ามีภรรยาแล้ว ข้าไม่เอาด้วยหรอกเว้ย!”
ดอกไม้ลอยละลิ่วไปตามแรงที่ขว้างส่งผลใส่มันไปตกอีกฝากหนึ่งซึ่งก็ไปตกอยู่ในมือของท่านชายแห่งอาซาเรสพอดี
โรเซวาสเดินแหวกกลุ่มคนตรงเข้าหาพี่สาวและชายหนุ่มคนรักพลันพลางยื่นเจ้าดอกไม้เจ้าปัญหาให้แก่ชายหนุ่ม
“ดอกไม้แสงจันทร์มันคงคิดว่าท่านคีตา โนวิเซล กษัตริย์ผู้สาบสูบไปแรมปีเป็นผู้เหมาะสมที่สุดที่จะได้ครอบครองมันล่ะมั้งครับ มันถึงได้ไม่ย่อมตกอยู่ในมือของคนอื่น”
หนุ่มผมทองมองคนแปลกหน้าหากคุ้นเคยในความรู้สึกนิ่งก่อนส่งยิ้มบางและรับดอกไม้งามมาถือครอง แต่แล้วร่างโปร่งก็กลับทรุดหนักลงอีกครั้ง มือข้างหนึ่งกุมกุหลาบแนบอกซ้ายแน่น ส่วนอีกนั้นกุมขมับอย่างปวดร้าว เพียงเท่านั้นเจ้าหญิงเรซิน่าก็หมดความเย่อหยิ่งในบัดดล เซเทียร์ก้มลงตรวจอาการของชายหนุ่มด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะเงยขึ้นสบกับหญิงสาวใบหน้าซีด
“เจ้าหญิงเรซิน่า หากท่านรู้จักเขาก็โปรดบอกนามชายผู้นี้แก่ข้าด้วยเถอะ!”
“มันเกี่ยวอะไรกัน?”
“ตามจริงชายคนนี้ได้ตายไปแล้ว แต่ข้าเองแหละที่เป็นคนชุบชีวิตเขา แต่ด้วยความผิดพลาดเขาจึงมีอาการความจำเสื่อม และด้วยเวทย์ที่ข้าร่ายไม่ดีพอ เมื่อความทรงจำของเขาถูกกระตุ้นมันจึงเป็นเสมือนพิษร้ายที่ทำลายหัวใจ เขา...กำลังจะตาย....อีกครั้ง ขอเพียงเขาสามารถฟื้นความทรงจำเท่านั้น เจ้าหญิงบอกนามเขาทีเถอะ!”
“คีตา โนวิเซล”
เสียงทุ้มจากบุรุษบนบังลังก์สูงเอ่ยก้องเป็นคำตอบ “ นามของเขาคีตา โนวิเซล ราชาแห่งโนเวียและราชบุตรเขยแห่งอาซาเรส”
..................................................................................
ลมเย็นผสมกลิ่นบุปผาที่บานสะพรั่งพัดนำความหอนอ่อนโยนเข้าผ่านทางหน้าต่างบานกว้าง ผ้าม่านสีเข้มพลิ้วตามแรงลงแผ่วเบาพร้อมแสงอรุณยามเช้าที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องบรรทม แสงสีเหลืองทองอ่อนๆแยงเข้ากระทบใบหน้าของคนซึ่งนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงกว้าง ความสว่างส่งผลให้เปลือกตานั่นปรือขึ้นเล็กๆก่อนปิดลงอีกครั้งและพลิกตัวเพื่อหนีแสงแดด
มือบางเอื้อมหมายหาหมอนข้างแต่กลับสัมผัสถึงบางสิ่งที่อบอุ่น ด้วยความงัวเงียใบหน้าเนียนจึงซุกหาหมอนข้างที่อุ่นเป็นพิเศษพลางยกเรียวแขนขั้นกอดแน่น เจ้าหมอนข้างก็ทำหน้าที่ของมันอย่างดีเยี่ยมโดยการพลิกตัวเธอขึ้นย้ายไปอยู่อีกฝั่งแล้วทำหน้าที่บังแสงแดดให้แทน
แต่เอ๊ะ? หมอนข้างมันขยับเองได้ซะทีไหนล่ะ เพียงเท่านั้นเปลือกตาประดับแผขนตาสีเข้มก็เบิกกว้างพลันแล้วก็แทบอยากจะกรีดร้องเมื่อไอ้เจ้าหมอนข้างอุ่นที่เธอซุกหน้าลงไปกลับเป็นแผงอกอุ่นใต้เสื้อเชิ้ตบางเสียนี่
เรซิน่าทำท่าจะเด้งตัวขึ้นหากแต่เจ้าของแผงอกกลับเอามืออุ่นๆของเขากดหัวเธอให้แนบชิดอกเช่นเดิมแถบยังใช้แขนอีกข้างรั้งร่างของเธอเข้าใกล้อีก
“งืม... นอนต่ออีกหน่อยน้า” เสียงพึมพำดังลอดออกจากเรียวปาก แต่เจ้าหญิงกลับได้แต่ตัวแข็งทื่อจมอยู่กับออมกอดของคนรัก
อีตาบ้า...ยังเป็นแค่ราชบุตรเขยแท้ๆ เธอครางในใจ
เมื่อไม่สามารถข่มตาให้หลับได้หญิงสาวผมเข้มจึงทำการสำรวจคนตรงหน้าแทน มือบางไล้ปลายคางเรียบซึ่งไร้หนวดครามเพราะเธอเคยบอกเขาว่าไม่ชอบ ไล้สูงขึ้นไปยังจมูกโด่งสันน่าอิจฉา นิ้วเรียวตวัดเรือนผมสีทองวาวไปทัดหลังหูพลางเผยยิ้ม
เห็นตอนนอนน่ารักอย่างนี้ แต่พอตื่นขึ้นมานี่กลายเป็นคนปากหมาไปได้อย่างไร
เรซิน่าพินิจมองคนตรงหน้านิ่งก่อนดวงตาโตสีน้ำตาลเข้มจะไปหยุดที่ริมฝีปากบาง นิ้วเล็กๆขยับไปมาสองสามผ่านตาคนตรงหน้าพอไร้การตอบสนองใบหน้าหวานจึงยื่นเข้าใกล้ปากเรียวนั่น
“ปล่อยให้เป็นห่วงเสียแทบแย่” เสียงกระซิบหวานที่ไม่ค่อยพบเจอดังแผ่วเบาก่อนเธอจะกดริมฝีปากของตนแนบชิดกับคนตรงหน้าเพียงเบาบาง หากแต่ความสุขกลับเอ่อล้นหัวใจ
“ข้ารักเจ้า.... คีตา และจะรักตลอดไป”
เจ้าหญิงผู้ลักหลับก้มตัวลงซุกเข้ากับอกอุ่นอีกครั้งเพียงครู่เดียวก็เข้าสู่นิทราโดยเธอนั้นหารู้ไม่ว่า....
“ข้าก็จะรักเจ้าตลอดไปเช่นกัน เรซิน่า...”
.......................................จบบริบูรณ์..............................................
จะแต่งงานกันหรือเปล่าเค้าไม่รู้ = =
รู้แต่ว่ามันจบแล้ว.... แค่นี้ก็พอใจมากมาย
**ไม่ต้องถามหรอกค่ะว่ามันรับมือพ่อต่อยังไง
เพราะยัยคนแต่งก็ไม่รู้เหมือนกัน**
ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย ไปปั่นการบ้านก่อน
ยังไงก็รักมากถึงมากที่สุด
ขอบใจน้องๆที่น่ารักอย่างนุ๊กและเฟริน่า
รักเธอนะ ขอให้ทุกคนตั้งใจอ่านหนังสือล่ะค่ะ
ขอลาไปก่อน บะบาย >//// <
สวัสดี ตรุษจีน >O<
....................................24/01/09.........................................
อัพไม่ขึ้น..... เลยเปิดเป็นบทความใหม่
ขอโทดด้วยจริงๆ TT TT
……………………..…18/01/09…..……………….
เปลี่ยนชื่อตอน
ขอลาไปนอนก่อน ช่วงนี้หวัดที่เป็นมาครบเดือนกำลังจู่โจมขึ้นเทพ
ปวดหมองจริงๆ
ขอบคุณที่ท่านมากติดตามอยู่ (หรือหลงอ่านหว่า 55)
เอาเถอะอย่างไรก็คงจะมาอัพต่อ ถ้าทำฟิสิกส์กับเลขเสดแล้วอ่านะ = =
ขอให้ทุกคนฝันดี บะบาย~
…………………………17/01/09….…………………..
แก้คำผิดเยอะมาก แนะให้อ่านอีกที~ >[]<
เง้อ เม้นแรกก็โดนด่าซะแล้ว
น้องเฟริน่าอย่าว่าพี่สิ T T
เอาล่ะไปทำการบ้านก่อนแล้วเจอกันใหม่~
………………………11/01/09…………………………
ย้ายที่อยู่ อัพแระ คาดว่าอีกนิดจาจบ
เข้าใจว่าออกจะงงๆ นิยายบ้าอะไรว่ะให้พระเอกตาย...
กรี๊ดดด! (โดดหลบรองเท้าเบอร์ 38)
พรุ่งนี้อาจแวะมา แต่ยังไงก็เสาร์หน้าถึงจะอัพต่อ
ถ้าไม่ตายคากองหนังสือไปก่อนน่ะนะ = =*
ขอบคุณมากมายที่ยังติดตามกันไม่เสื่อมคลาย
อยากบอกว่ารักท่านมาก
ห่วงสุขภาพทุกคน ขออยากเป็นหวัดแบบข้าน้อยเลย
และถ้าพรุ่งนี้ไม่มาลั่นล้า นั่นแสดงว่าข้าน้อยนอนซม...
มีแนวโน้มจะโดนจับฉีดยาเย็นนี้ Y Y
(เฮ้ย...อย่ายิ้มสะใจสิว่ะ)
เอาเป็นว่า miss u ทุกคน ขอให้โชคดีนะ บาย~
……………………10/01/09………………..…….
เปิดเป็นบทความใหม่
555+ เพื่อความสบายใจของคนแต่ง~
เรื่องนี้คือเรื่องต่อของอาซาเรสเจ้าค่ะ >__<
จิ้มเพื่อเข้าอ่านเน้~
http://my.dek-d.com/ch_patt/story/view.php?id=358082
ขอบคุณมากค่ะที่หลงเข้ามาอ่าน >O<
ปลื้มจริงๆน้า ด้วยรัก... >///<
พรุ่งนี้วัยจันทร์ ตายแน่!!+O+
ป.ล.อ๊ากก!ท่านพี่Misstyใจร้ายให้คีตาความจำเสื่อมได้ไง
อ๊าก~ความจำเสื่อม ใจร้ายที่สุด จำได้เร็วๆนะค้า เอ่อ ข้องใจกับตอนพิเศษนิดหน่อย วิธีรับมือพ่อตาตรงไหนหรอคะTT^TTแต่ก็อัพไวๆน้าคะ
ปล.รักษาสุขภาพนะคะ ช่วงนี้อากาศแปรปรวนหายป่วยไวๆนะคะ^O^
เปิดใหม่เพราะอัพอันเก่าไม่ขุ้นอ่าคร้า (เฮ้อ...ชีวิตเจอแต่ปัญหา T^T)