สู้สุดใจยัยหนอยแน่ - นิยาย สู้สุดใจยัยหนอยแน่ : Dek-D.com - Writer
×

    สู้สุดใจยัยหนอยแน่

    เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งมาถึงวัยหนึ่งที่ต้องมีลูกเธอผมว่าเป็นนิยายชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่อยากจะให้วัยรุ่นนักอ่านลองติดตามกันครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    182

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    182

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่ 1 เช้าวันไหนก็เหมือนๆเดิม
    อะแฮ่มๆๆๆๆ!!!!
    เสียงกระเอ็มของแม่ดังอยู่ที่ปลายเท้าของฉันทำให้สะดุ้งโหยงลุกจากฟูกแทบไม่ทัน 
    5 นาฬิกา ของช่วงต้นปีใหม่ ปีพุทธศักราช 2517 
    ไม้ขัดหม้อถูกแม่เหวี่ยงมาสลับกับการกระโดดหลบของฉัน
    "อะไรกันแม่"
    "นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วทำไมเอ็งไม่ลุกหุงข้าว เดี๋ยวพี่เอ็งก็ไปทำงานสายหรอก"
    "พี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆถ้ารีบมากนักก็ให้พี่มันมาหุงเองสิ"
    "เอ๊!!!!!!! อีนังลูกคนเนี้ย"
    เพี๊ยะ! แล้วในที่สุดความพยายามของแม่ก็เป็นผล ขาฉันเป็นรอยไม้สมใจ จะรอยที่เท่าไหร่ไม่ได้นับหรอกค่ะแต่ที่รู้มันเป็นเหมือนลายแทงบนขาของฉันทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน
    ฉันชื่อหนอยแน่ค่ะ เป็นลูกคนสาวคนที่4 ของครอบครัว มีพี่ชาย2พี่สาว1 น้องสาว1 น้องชาย2 ถูกต้องค่ะ บ้านเรามีพี่น้อง 7 คน 
    ไม่มีเช้าวันไหนที่แม่ไม่ดุด่า ต่อให้ไม่ทำอะไรผิดก็ถูกด่า รอยไม้ที่ถูกหวดลงที่ขาจะว่าไปก็เหมือนกับยาที่ทำให้ไวรัสเกินภูมิต้านทานจนดื้อด้านต่อการรักษา ฉันร้องไห้จนหมดน้ำตาแล้วละค่ะ 
    เฮ้อ!ช่วงเช้าๆของต้นปีที่เชียงใหม่นี้หนาวชะมัด ฉันอาบน้ำไป ตัวสั่นไป แสบขาไป(เพราะรอยหวดไม้ที่แม่ลงเอาไว้เมื่อสักครู่ก่อนหุงข้าว)พลางคิดถึงเรื่องที่จะเจอเนช้าวันนี้กับวีรกรรมเมื่อวานที่ได้ก่อเอาไว้ช่วงเย็น"
    "มาสิหัวแดงมากินข้าวกัน"
    หัวแดง อีกนามหนึ่งของฉันค่ะ ครอบครัวนี้มีกสาวสามคนดิฉันคือหนึ่งเดียวที่มีสีผมไม่เหมือนคนอื่นคือเหลืองทองทั้งหัว แต่โชคดีที่เป็นคนเหนือโดยกำเนิดค่ะ เลยผิวขาว 
    "กินกันเถอะ เดี๋ยวจะไปห่อข้าวไปโรงเรียนล่ะ"
    เห็นข้าวตัวเองแล้วละเหี่ยใจ 
    ห่อข้าวที่มองไปพบกับข้าวเหนียวสามปั้น ผัดผักและไข่ต้ม พร้อมเงินอีก 50 สตางค์ ที่พ่อวางเอาไว้ให้
    ฉันทำได้แค่เบื่อแต่ก็ชินค่ะ ดีกว่าไม่มีอะไรกิน
    เดินเท้าลัดป่าหน้าบ้านประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วละค่ะ
    "โรงเรียนบ้านแม่สูนหลวง"
    โรงเรียนที่ห่างจากวัดเพียงแค่เส้นถนนกัน กับสีสันของเสื้อกันหนาวที่เด็กๆต่างใส่มาอวดกัน
    แต่ฉันก็ภูมิใจกับเสื้อกันหนาวตัวนี้นะค่ะเพราะเป็นเสื้อที่พ่อซื้อให้ครั้งแรกในงานสลาก(งานบุญของชาวล้านนา)แม้มันจะนานมากว่า 5 ปีแล้วก็ตาม
    แม็งๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!
    เสียงระฆังดังขึ้น เด็กๆกรูไปที่หน้าลานเสาธง
    สิ้นเสียงเพลงชาติและการสวดมนต์ ครูไสว เดินออกไปหน้าแถวของเด็กนักเรียนพร้อมไม้เรียวยาวราวศอกครึ่ง
    "ยุพาห้องป.4 ออกมาหน่อยสิ"
    เสียงฮือฮาเกรียวกราวต้อนรับฉันออกไปพบครูหน้าเสาธง
    "ค่ะ"
    "กอดอก ทำไมเธอไม่จำนี่มันครั้งที่ 5 แล้วนะ"
    "ค่ะ"
    ตุบๆๆๆๆ!!!!!
    ไม้เรียวด้ามดังกล่าวกระหน่ำรัวมาที่ก้นของฉันจนฝุ่นที่กระโปรงสีกากีฟุ้งกระจายพร้อมกับจังหวะการลงไม้
    เหตุที่ทำให้ฉันถูกทำโทษครั้งที่5 ก็เพราะว่า
    ทุกๆเย็น โรงเรียนของฉันจะให้เด็กๆเดินกลับบ้านพร้อมกันโดยมีพี่ชั้นป.6เป็นผู้ดูแล 
    คนที่ทำหน้าที่ดูแลจะมีไม้ธงแดงเป็นสัญลักษณ์
    เส้นทางอื่นฉันไม่รู้หรอกค่ะว่ามันเป็นยังไง
    แต่เส้นทางที่ฉันเดินกลับพี่ที่ดูแลชื่อธนชาติ เรียกย่อๆว่าเจ้าชาติละกัน
    เจ้าคนๆนี้เป็นรุ่นพี่ที่ทะนงในอำนาจมาก ทั้งที่เป็นแค่คนคุมแถวดูแลน้องๆกลับบ้าน เด็กแค่แตกแถวนิดหน่อยก็เขกหัวๆ
    ฉันคิดในใจถ้ามาเขกหัวกูละมึง....ง......ง 
    โป๊ก!
    "เดินเหม่ออยู่นั่น อีหัวแดง"
    เท่านั้นแหละค่ะ ลืมไปเลยว่าใส่กระโปรงและต่อยกับผู้ชาย เล่ยเอาธนชาติวิ่งเจ้นร้องไห้ไปฟ้องแม่แทบไม่ทัน
    พอตอนเช้าฉันก็ถูกไปเรียกหน้าเสาธง หาว่ารังแกรุ่นพี่(ผู้ชาย)ไม่เชื่อฟังคำสั่ง
    พอตกตอนเย็นก้นั่นแหละค่ะ ทำกร่างนึกว่ามีครูให้ท้ายฉันก็จัดการอีก พอตอนเช้าไปฟ้อง ตอนเย็นฉันก็จัดการอีก
    และเย็นวันนี้..................คงไม่รอด
    ฮึๆๆๆๆๆๆๆๆ


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น