Th€ H - นิยาย Th€ H : Dek-D.com - Writer
×

    Th€ H

    นักล่าค่าหัว เหล่าบุคคลที่คอยลากอาชญากรเข้าตาราง ในยุคที่มีดินเเดนปีศาจ เเละมนุษย์อยู่ด้วยกัน เพื่อป้องกันการรุรานซึ่งกันเเละกันจึกมีสภากลางคอยควบคุม โดยจัดการสอบนักล่าค่าหัวปีละครั้งเพื่อช่วยกำจัดอาชญากร

    ผู้เข้าชมรวม

    176

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    176

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ผจญภัย
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    นักล่าค่าหัว

     

    Part 1 เกรแฮม มอนเซอร์กับท่าเรือสุดวิเศษ


    ในยุคที่มนุษย์และปีศาจอยู่ร่วมกันกันโดยมีกฎเกณฑ์ของ เอเดน เดม่อนเป็นข้อปฏิบัติ ความสงบสุขจึงเกิดขึ้นในหลักเกณฑ์น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งพามนุษย์และปีศาจต่างก็ต้องพึ่งพากันและกัน หากแต่เกิดการทะเลาะวิวาทไม่ลงรอยของทั้งสองเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้ตั้งตนเป็นคนแห่งแสงสว่างจึงได้รวมพลขับไล่เหล่าปีศาจออกไปจากดินแดนแห่งนี้ เป็นต้นเหตุของสงครามครั้งใหญ่อาจจะเรียกว่าสงครามแห่งยุคมืดเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ดินแดนแห่งนี้แบ่งออกเป็นสามอาณาจักร

     

    ฝั่งซ้าย Holy Light อาณาจักรที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น พืชพรรณธรรมชาติงอกงาม ธารน้ำใสสะอาดแต่งต่างกับ Dark Deva ซึ่งอยู่ฝั่งขวา อาณาจักรที่เต็มไปด้วยความมืด แต่ดินแดนแห่งนี้ไม่ค่อยมีข้อมูลมากนักเพราะค่อนข้างเป็นเอาณาจักรปิด อาณาจักรกลาง Dark Holy เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ตรงกลางกลั้นระหว่างสองเมือง จัดว่าเป็นสภากลาง ไม่ขึ้นตรงต่อดินแดนใดทั้งสิ้น

    ดินแดนทั้งสองได้เกิดการทะเลาะพิพาทก่ออาชญากรรมกันบ่อยครั้ง จึงทำให้สภากลางได้ผลิต นักล่าค่าหัวขึ้นเพื่อเป็นการปราบปรามอาชญากร โดยจัดอาชญากรเป็น สี่ระดับจัดตามความอันตรายโดยเริ่มตั้งแต่หัวเหลือง ส้ม และแดงตามลำดับ แต่การเป็นนักล่าค่าหัวไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องผ่านการคัดเลือกหมาโหดที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยต้องผ่านผู้คุมสอบทั้งเจ็ดของสภากลาง เมืองที่จะจัดขึ้นในปีนี้คือเมืองยอร์คแฮม เมืองแห่งสายลมในอาณาจักรกลาง

    บนเนินเขาที่มีทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล ลมพัดผ่านร่างของหนุ่มน้อยร่างเล็กที่มีใบหน้าส่อแววเกรียจคร้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมสีน้ำผึ้งอ่อนครอเครียลับกับใบหน้าและริมฝีปากสีสด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลไหม้ส่อแววซุกซนทั้งๆที่ใบหน้ายังคงความเกรียจค้านไว้เช่นเดิม ริมฝีปากยักยิ้มพร้อมกับมองไปยังเมืองท่าที่อยู่ข้างล่างเมืองท่าที่แสนวุ่นวายผู้คนต่างขนของจำนวนมากและแห่กันมาที่เมืองท่าแห่งนี้

    - เเกรแฮม มอนเซอร์ ท่าเรือวิเศษแห่งดาร์คโฮลี่

    ร่างบางวิ่งลงมาจากเนินเขาอย่างรวดเร็วด้วยความดีอกดีใจ หลังจากผ่านการข้ามผ่านเขตเมืองอันมีระยะเวลายาวนานหลายสิบวัน เสื้อสีน้ำตาลมีรอยปักชุนอยู่หลายที่ ทำให้บ่งบอกฐานะของเจ้าของกับความสมบุกสมบรรณที่ต้องเจอเป็นอย่างดียิ่งมาพร้อมกับกางเกงขาสั้นที่ดูสภาพแล้วไม่ต่างกับเสื้อซักเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องสงสัย เด็กคนนี้ดูมีฐานะปานกลางถึงกับขั้นจนเลยทีเดียว  เกรแฮมมองบุคคลตรงหน้าอย่างพิจารณา ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยปากถาม คำถามเดิมๆที่เค้าจะต้องเอ่ยออกมาทุกวันจนเป็นกิจวัตร


    "ท่าเรือเกรแฮมขอต้อนรับ ไม่ทราบว่าน้องชายจะไปที่ไหนรึ" ร่างบางมองคนตรงหน้าที่ดูหมือนยักษ์รุ่นลุงด้วยแววตาสนุกสนาน ยามเมื่อเกรแฮมเอ่ยคำพูดออกมา ฟันซี่สีเหลืองแหว่งๆก็จะโผล่ออกมาด้วย .. สงสัยลุงคนนี้ไม่เคยแปลงฟันซะหละมั๊ง

     

    "ว่าไงน้องชาย ตอบช้าระวังไม่ทันเที่ยวเรือประจำเมืองนา"

     

    "เอ่ออ..ผมกำลังจะไปเมืองยอร์คแฮมครับ ไม่รู้ว่าค่าโดยสารเท่าไหร่"ร่างบางมองถุงเงินอย่างชั่งใจ ถุงเงินที่เขาหยิบออกมาจากถุงผ้าใบใหญ่ๆ ถุงเงินที่เป็นของดูต่างหน้าของพ่อแม่ และเงินก้อนสุดท้ายที่เค้าจะทุ่มมันให้กับการทดสอบในครั้งนี้

     

    "อืม.อ่า ยอร์คแฮมช่วงนี้อยู่ในเทศกาลทดสอบซะด้วย จะเดินทางก็คงจะใช้เวลาซักสองวันละมั๊ง ว่าแต่น้องชายจะมาสมัครสอบเป็นนักล่าค่าหัวรึ"เกรแฮมมองหนุ่มน้อยอย่างสงสัยอีกครั้ง ตัวเล็กแค่นี้จะรอดการทดสอบมหาโหดมั๊ยหล่ะนั่น

     

    "ครับ ผมจะมาทดสอบเป็นนักล่าค่าหัว มันเป็นความฝันของผมเชียวนา"เกรแฮมจ้องคนตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู

     

    "ฮ่าๆๆ ชักถูกใจนายเข้าซะแล้วชั้นเกรแฮม มอนเซอร์เจ้าของเมืองท่าเรือแห่งนี้ ว่าแต่นายหล่ะชื่ออะไรแล้วจะมาสมัครสายอะไรหล่ะจะได้แนะนำถูก เห็นอย่างนี้ชั้นเคยเป็นนักล่าค่าหัวมาก่อนนะจะบอกให"

     

    "จิงเหรอลุง โห ผมพอลเซ่ เกรอเดอแรงด์ ผมจะเป็นนักล่าสายอโคซิส"

     

    "โหยยย ยากไม่ใช่เล่นนะสายนี้"

     

    "ใช่มั๊ย มันยากไงผมถึงจะต้องพยายาม"

     

    "โฮ่ โฮ่ๆ ผ่านให้ได้เถอะพ่อหนุ่ม แล้วเรื่องเลือกสายค่อยว่ากันเอาหล่ะขึ้นเรือได้แล้ว จนป่านนี้ยังไม่ไปกันอีกเดี๋ยวจะไม่ทันวันสอบเอา" เกรแฮมโอบไหล่ของพอลเซ่ไว้อย่างเป็นกันเอง ก่อนจะมุ่งหน้าสู่เรือไม้ขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้ถึงพันกว่าคนและทั้งคู่คงเข้าไปในเรือแห่งนี้แล้วหากไม่มีเสียงของพอลเซ่ที่ทำให้เกรแฮมหยุด ชะงัก

    "เดี๋ยวก่อนลุง แล้วค่าโดยสารล่ะ เผื่อแพงมากมากผมจะได้กะแผนใหม่"

     

    "เอาวะฮ่าๆๆ เห็นถึงความมุ่งมั่นจะลดให้แล้วกัน ถ้าปกติชั้นดาดฟ้าราคาราวๆ เจ็ดพันเจนนี่แต่จะลดให้แค่พันเจนนี่" พอลเซ่ตาโต โหยพันเจนนี่

     

    "นี่พ่อหนุ่ม ชั้นลดให้สุดๆแล้วนะ ราคานี้หน่ะหาที่ไหนไม่ได้นะเว่ย เป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้วสำหรับเมืองนี้ เทศกาลนี้"พอลเซ่ดูทองในถุงผ้าพร้อมกับยื่นทองราคาพันเจนนี่ให้เกรแฮมอย่างเสียดาย

     

    "เออวะ ลดขนาดนี้ยังไม่พอใจอีก งั้นเหลือห้าร้อยแล้วกัน พอแล้วสดๆแล้ว อย่าไปบอกใครหล่ะ"พอลเซ่ตาโต มองเกรแฮมอย่างดีใจ

    "ขอบคุณมากนะลุง"

     

    "เอออ.."

     

    สองเท้าเดินมุ่งหน้าไปที่แผ่นไม้ที่จะทอดไปยังเรือลำใหญ่ นั้นที่พอลเซ่อยู่นั้นเป็นชั้นกลางสำหรับพวกฐานะปานกลาง บรรณยากาศอับชื้นเล็กน้อย ผู้คนต่างนั่งเรียงเป็นตับบนที่นั่งของตนที่แบ่งเป็นลอค ลอคตามราคาที่ซื้อ เสียงดังจอแจอึกทึกดังเรื่อยๆไม่มีขาดสาย บ้างก็ถกเถียงกันเรื่องการค้า บ้างก็เรื่องอื่นๆจิปาถะผสมปรนเปกันไป พอลเซ่เดินตามเกรแฮมมาเรื่อยๆจนถึงบันไดแยกที่มีทั้งขึ้นและลง ผู้คนต่างเดินขวักไขว่ไปมาจนน่าเวียนหัว พอลเซ่เตรียมเดินลงไปข้างล่างมือใหญ่ของเกรแฮมรั้งไว้แล้วส่งสัญญาณชี้ไปยังชั้นบน พอลเซ่พยักหน้าหงึกหงัก แล้วเดินขึ้นไปอย่างว่าง่าย

     

    เมื่อพอลเซ่ผ่านพ้นบันไดไม้กั้นขึ้นมาก็พบกับบรรณยากาศโล่งโปร่งเย็นสบาย แต่งต่างกับชั้นข้างล่างลิบลับ ชั้นนี้มีลักษณะความเป็นส่วนตัวมากกว่าข้างล่าง นี่นั่งดูเหมือนตู้กั้นใหญ่ๆเรียงกัน แถมเดินเลยเขตห้องพักไปอีกนิดก็ได้พบชานเรือ ที่มองเห็นท้องฟ้าสีครามและน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม เสียงนกทะเลที่ร้องหากันกลับกังวานไปทั่วรูหู.นี่มันชั้นดาดฟ้าเรือนี่หว่า

     

    "เอาหล่ะ อย่าเพิ่งออกไปดูวิว ที่นั่งนายอยู่นั่น คอนเนอร์ สองฝั่งซ้าย ระวังไว้ดีๆนา ชั้นนี้มีแต่พวกคนรวยระวังพวกโจรจะแห่กันมาขโมยของโดยไม่รู้ตัวเอา ชั้นเตือนด้วยความหวังดี เอาหล่ะเก็บของแล้วอยากทำอะไรก็ตามใจแล้วกัน ชั้นอยู่ชั้นกลางฝั่งหัวเรือนะ ตามสบายฮ่าๆๆ"พอลเซ่พยักหน้าอย่างว่าง่าย หอบสัมภาระเก่าๆของตนเข้าไปยังคอนเนอร์ นั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มที่ตั้งอยู่ตรงข้ามเตียงขนาดเล็กมองสภาพรอบๆอย่างตื่นเต้น..ให้ตายเหอะไอ่พอลเซ่เอ๊ย แกได้นั่งชั้นผู้ดีเชียว โฮ่ๆ.

    เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเหนือโซฟาก็ได้พบกับชายหนุ่มอีกคนอายุราวๆ สิบหกสิบเจ็ดปี ผมสีเขียวอ่อนยาวเลยไหล่ ผิวสีขาวออกจะซีดดวงตาสีเขียวสดใสจดจ้องไปยังบุคคลตรงหน้า แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

     

    "หวัดดีขอโทษที่ทำให้ตกใจแหะๆชั้นเชน แกรนดูจะมาสมัครสอบเป็นนักล่าค่าหัวสายเมอร์แชนด์ ยินดีที่ได้รู้จักแล้วนายอ่ะ"

     

    "ชั้นพอลเซ่ เกอเดอแรงก์ จะมาสมัครสอบเป็นนักล่าเหมือนนายแต่เป็นอโคซิสนะ"

    "โหย ยากนะสายนั้นนายคิดไงอยากเป็นอโคอ่ะ มนตราก็ยากแถมพ่วงวิชาหมอเข้าไปอีก แก่วิชาตายกันพอดี"เชนมองพอลเซ่อย่างนึกสงสัยมีน้อยมากที่คนจะเลือกเรียนสาขานี้

    "แหะๆ ไม่รู้สิแต่อยากรักษาคนหน่ะ แถมสายนี้ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ยิ่งถ้าเป็นขั้นสองนะโหยยยย"

    "อุวะ.เก่งหน่ะเก่ง แต่ยากนะกว่าจะเป็นขั้นสอง ไม่กลัวเรียนไม่ไหวรึไง"

    "ไม่ไหรอก เพราะชั้นรู้ว่ายากไงเลยต้องพยายาม ชั้นเรียนไหวแน่"

    "เอ่อ พอลเซ่ ชั้นเข้าไปนั่งข้างในกับนายได้ป่ะ คุกเข่าคุยแล้วมันเมื่อยหว่ะ"เชนทำหน้าแหยๆ นิ้วชี้ไปยังคอนเนอร์ผู้โดยสาร ดวงตาสีเขียวจ้องพอลเซ่เพื่อขออณุญาติ พอลเซ่พยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเชิญเพื่อนใหม่เข้ามานั่งข้างในด้วยกัน

    ~ แปรน แปรน แปรน ฟู่ ~

    เสียงแตรส่งสัญญาณเรือและไอน้ำดังขึ้นสามครั้งเป็นตัวบ่งบอกว่าเรือลำนี้กำลังออกจากท่าเรือใหญ่ พอลเซ่จ้องไปยังหน้าต่างอีกด้านอย่างนึกสนใจ ลมทะเลตีผ่านมายังใบหน้าอ่อนเยาว์ สายลมเบาๆพัดผ่านทำให้เส้นผมสีน้ำตาลปลิวไปข้างหลังเล็กน้อย ใบหน้าหวานหลับตาพริ้ม สูดหายใจฟอดใหญ่รับกลิ่นไอธรรมชาติที่แฝงไปด้วยกลิ่นเค็มของน้ำทะเล

     

    เชนจ้องมองเพื่อนใหม่ด้วยความงงงวย ทำไมเพื่อนตัวน้อยของเขาถึงทำอย่างไม่เคยเห็นทะเลหล่ะ ถ้ามีปัญญาจ่ายชั้นดาดฟ้าราคาแพงลิบลิ่วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ไม่เคยเห็นท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ไวเท่าความคิดเชนได้เอ่ยปากถามเพื่อนตัวน้อยทันที

    "พอลเซ่ นายไม่เคยเห็นทะเลหรือ" พอลเซ่ละหน้าออกจากหน้าต่างบานจ้อย สบตาเพื่อนตาสีเขียวและพยักหน้าหงึกหงักอย่างไม่ปิดบัง

     

    "ก็เออสิ ไม่ชั้นจะตื่นเต้นงี๊เรอะ" เชนทำหน้าราวกับประสบพบเจอกับเรื่องใหญ่คับโลก ดวงตาหรี่ลงอย่างครุ่นคิด ..หรือบ้านมันไม่ได้รวยวะ ถึงไม่เคยนั่งเรือชมทะเลแต่ก็ช่างเหอะ อุตส่าห์เจอเพื่อนใหม่รวยไม่รวยก็ไม่เห็นต้องสนใจเลยนี่หว่า

    เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สองหนุ่มนั่งคุยกันอย่างออกรส ท้องฟ้าสีสว่างเริ่มมืดครึ้มตามกาลเวลา จนทั่วบริเวณมีแต่ความมืดครึ้ม แสงจากตะเกียงได้ถูกจุดขึ้นมาแทนที่แสงสว่างจากฟากฟ้าและแล้วก็ล่วงเลยไปถึงยามเย็น หากแต่สองหนุ่มก็ยังคงเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

    "แล้วคราวนี้นะเชน มาจิก้าก็ไล่กัดลุงเบอร์นาร์ดทั่วร้านเหล้าเลยฮ่าๆๆ"เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังกึกก้องไปทั่วคอร์นเนอร์

    ~ ก๊อก ก๊อก ~

    เสียงเคาะประตูดังขึน พอลเซ่พยักเพยิดให้เชนเปิดประตูคอร์นเนอร์ของตนเพื่อต้อนรับแขกที่มาใหม่ ใบหน้าใจดีของเกรแฮมโผล่มาตรงระหว่างประตู ส่งยิ้มฟันแหว่งให้กับพอลเซ่อย่างใจดี

     

    "ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว พวกนายสองคนจะคุยกันไปถึงเมื่อไหร่หือ"

     

    "อ่า ไม่หน่าหล่ะท้องร้องจ๊อก จ๊อกเลยแฮะ เชนไปกินข้าวกันเหอะ"ร่างบางทุกขึ้นยืนก่อนจะชุดเพื่อนตัวสูงยืนขึ้นหันมาขอบคุณเกรแฮมที่ขึ้นมาเตือนอาหารเย็น

    ฉับพลันแสงไฟทั้งเรือก็ดับลงพร้อมกันเป็นอันสร้างความวุ่นวายไปทั่ว เสียงวี๊ดว๊ายและเสียงอุทานอย่างตกใจก็เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงอึกทึกโครมคราม เกรแฮมมีสีหน้าตกอกตกใจอย่างเห็นได้ชัด ร่างใหญ่วิ่งลงบันไดไปโดยไม่คิดชีวิต พอลเซ่เดินไปหยิบมีดพกเล่นเล็กในตู้คอร์นเนอร์ของตนและเดินลงบันไดไปพร้อมเชนอย่างระแวดระวัง

     

    ". ฉึก"เสียงมีดตัดผ่านเฉียดหน้าของพอลเซ่ไปเพียงนิด เลือดไหลซึมออกจากรอยแผลที่โดนมีดเฉี่ยวเพียงครู่ ก่อนจะกระชับมีดของตน

     

    "อ๊าคคคคคค"เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เสียงร้องนี้พอลเซ่จำได้ดี คนที่ลดราคาเรือให้เขาด้วยราคาพิเศษจนขาดทุน ชายใจดีที่เอ่ยเสียงเรียกให้เขาไปกินข้าวอย่างนึกเป็นห่วง เมื่อครู่

     

    . เกรแฮม ..

    ติดตามตอนต่อไป..ตอนที่สอง ชั่วโมงแห่งความมืด

    .

    .

    .

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น