[Fic MHA/BNHA] บันทึกการปราบปรามจอมมารในโลกฮีโร่ของท่านจอมเวทในตำนาน
ฉันตายไปอย่างกระทันหันและได้เกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี รวมกลุ่มกับผู้กล้าปราบปรามจอมมารได้สำเร็จ แต่แล้วฉันกลับพบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่เหมือนกันกับชาติแรก "เทพธิดาตนไหนมันส่งฉันมาโลกใหม่อีกแล้ววะ!?"
ผู้เข้าชมรวม
110
ผู้เข้าชมเดือนนี้
110
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"เมื่อไหร่งานพวกนี้มันจะลดลงบ้างนะ" ฉันบ่นกระปอดกระแปดขณะที่มือเองก็เซ็นเอกสารเป็นตั้งบนโต๊ะ แม้ว่าจะใช้เวทมนตร์ช่วยในการเซ็นเอกสารพวกนี้เพื่อหวังให้มันลดจำนวนลงบ้าง แต่ด้วยจำนวนที่มีมากถึงขนาดตั้งกองกันเกลื่อนทั่วห้องก็ใช่ว่าจะเสร็จง่าย ๆ อย่างที่คิด
เป็นถึงจอมเวทย์ในตำนานที่ผู้คนนับหน้าถือตาแต่ดันมาแพ้ให้กองเอกสารซะนี่ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเชียว โดยเฉพาะหากโดนเจ้าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาเห็นสภาพนี้คงโดนล้อยันกลบฝังลงหลุมแหง
"ก็ถ้าไม่แอบหนีไปบ่อย ๆ จำนวนเอกสารที่ต้องเซ็นมันก็ไม่เยอะขนาดนี้หรอกค่ะ ท่านซุยเรน" ซากุระเปิดประตูเข้าห้องมาพร้อมกับเอกสารกองใหม่ พอเห็นแบบนั้นฉันก็อยากจะวาร์ปหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่ทันให้คิดแผนการหนีซากุระก็เปิดปากพูดดักไว้ก่อน
"ถ้าคิดจะวาร์ปหนีอีก เห็นทีคราวนี้คงต้องมีการตั้งกองกำลังจับตัวท่านไม่ให้ออกจากห้องทำงานได้แล้วล่ะค่ะ"
หลังวางกองเอกสารชุดใหม่บนโต๊ะเสร็จ ซากุระก็ยืดตัวกอดอกพลางดันแว่นขึ้น ท่าทางที่เหมือนกับหัวหน้างานจอมเนี๊ยบเมื่อชาติก่อนทำฉันขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ไม่ได้น่ากลัวแบบนี้นะ หรือว่าฉันจะให้เธอเรียนหนักเกินไป บางทีกรรมพันธุ์ของเผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่มักจะเป็นพวกจริงจังนี่คงส่งผ่านมาเต็ม ๆ
"ถึงจะไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านกำลังคิดอะไรไร้สาระอยู่อีก แต่ได้โปรดช่วยตั้งใจทำงานด้วยค่ะ"
ซากุระเป็นเด็กที่รู้ใจฉันดีจริง ๆ จนบางครั้งก็แอบนึกว่าเธอใช้เวทอ่านความคิดฉันรึเปล่า แต่ซากุระไม่ใช่พวกสายสอดแนมล้วงข้อมูลเพราะงั้นเธอจึงไม่มีเวทมนต์แบบนั้น ส่วนใหญ่เอลฟ์จะเป็นสายซัพพอร์ตหรือตัวทำดาเมจนี่นะ ซากุระเองก็ไม่ต่างกัน
"ซากุระจังใจร้าย"
"ดิฉันแค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายค่ะ"
ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว สไลด์หน้าลงกับพื้นโต๊ะ ซากุระที่เห็นว่าฉันเป็นแบบนี้อีกแล้วก็ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย กลายเป็นภาพคุ้นชินตาที่เห็นอยู่ทุกวันที่ฉันต้องมานั่งทำงานเอกสารที่ไม่อยากจะทำ
"แต่ว่าเอกสารที่ต้องเซ็นวันนี้มันเยอะเกินไปนี่นา! ฉันทำมาจะสามชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เสร็จเลยนี่นา!"
"ก็แล้วนั่นเพราะใครกันล่ะคะ"
พอโดนพูดจี้ใจดำก็ถึงกับพูดไม่ออก ที่งานมันเยอะก็เพราะฉันชอบหนีออกไปเที่ยวเล่น สรุปก็คือเป็นความผิดของทางนี้เต็ม ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ!
แผนอ้อนขอให้ช่วย! ซากุระน่ะถึงจะใจแข็งแค่ไหนก็แพ้สายตาลูกหมาของฉันอยู่ดี!
"ก็ฉันไม่ชอบงานเอกสารนี่นา ซากุระจังช่วยฉันหน่อยไม่ได้เหรอ?"
"ไม่ค่ะ"
ไม่เสียเวลาคิดเลยแฮะ
แล้วแผนอ้อนขอความช่วยเหลือของฉันก็จบลงในเวลาไม่กี่วินาที
"ขออนุญาตนำของว่างมาเสิร์ฟครับ" กลิ่นหอมกรุ่นที่ลอยมาก่อนเจ้าตัวจนแทบจะกลายเป็นเอกลัษณ์ เพราะฉันมักจะขอให้เขาช่วยชงชากาแฟเข้ม ๆ หรือของว่างมื้อดึกมาให้ที่ห้องทุกครั้ง แต่ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน จึงไม่มีกลิ่นหอมของกาแฟที่ฉันคุ้นเคย แต่เป็นกลิ่นหอมกรุ่นของอีกอย่างแทน
"อ้า ถึงเวลาน้ำชาสักที วันนี้ของว่างคืออะไรเหรอเซบาสเตียน" ทันทีที่ได้ยินเสียง ฉันแทบจะกระเด้งตัวออกมาจากโต๊ะทำงาน เดินหลบกองเอกสารบนพื้น แล้วลากสังขารที่เหลือของตัวเองมาทิ้งไว้บนโซฟา ฉันเห็นซากุระคิ้วกระตุกนิดหน่อยกับท่าทางเอื่อยเฉื่อยไม่มีใจอยากทำงานของฉัน
เธอหยิบนาฬิกาพกโบราณลวดลายดอกซากุระขึ้นมาดูเวลา ของขวัญที่ฉันเคยให้ซากุระเมื่อนานมาแล้ว เป็นนาฬิกาพกที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อมอบให้ซากุระโดยเฉพาะ มันจึงมีลวดลายของดอกซากุระประดับอยู่เป็นเอกลัษณ์
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าเธอคือเลขาและคนสำคัญของฉัน
ในอกฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นทุกครั้งที่เห็นเธอหยิบมันขึ้นมาดูและรักษามันไว้อย่างดี นั่นเป็นสัญลักษณ์ว่าฉันเองก็เป็นคนสำคัญของเธอ
ก่อนที่เลขาเอลฟ์ของฉันจะถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าถึงเวลาน้ำชาแล้วจริง ๆ แม้ในใจตอนนี้อยากให้รีบทำให้เสร็จตามที่ตัวเองกำหนด แต่ก็ยอมปล่อยให้ฉันได้พักผ่อน
ซากุระน่ะใจอ่อนให้ฉันทุกครั้งนั่นแหละ
"ของว่างในวันนี้คือแซนวิชเนื้อหมูป่าแห่งขุนเขา ราดด้วยซอสมายองเนสที่ท่านซุยเรนได้คิดค้นขึ้นครับ ในส่วนของเครื่องดื่มคือชาแดงผสมนมที่ท่านซุยเรนโปรดปรานครับ" เซบาสเตียนกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อมสมกับที่เป็นพ่อบ้านส่วนตัวของฉัน ข้าง ๆ ก็มีอัลเฟรดที่มีขนาดตัวเล็กกว่าถือกาน้ำชาพร้อมรินให้ แม้มันจะดูแปลกที่มีเผ่าปีศาจมาเป็นพ่อบ้านให้ แถมยังมีเอลฟ์สาวมาเป็นเลขาส่วนตัวอีก แต่ก็นั่นแหละ พวกเรายังคงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขดี
"ดีจัง! ว่าแต่ฉันบอกแล้วนะว่าสูตรมายองเนสนี่ฉันได้มาจากบ้านเกิด ฉันไม่ได้คิดขึ้นเองน่ะ"
"สำหรับที่นี่ที่ไม่มีมายองเนสแล้ว ก็เหมือนกับท่านซุยเรนคิดค้นขึ้นเองค่ะ" ซากุระกล่าวพลางนั่งลงโซฟาตรงข้ามฉัน
ก็จริงอย่างที่เธอว่า ในโลกแฟนตาซียุคกลางที่ราวกับหลุดมาจากนิยายหรือเกมแบบนี้ จะไปมีมายองเนสได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่มีวัฒนธรรมหลากหลายของแต่ละเผ่าพันธุ์ แต่เรื่องอาหารแทบไม่ต่างกันเลยเสียนี่ สำหรับฉันที่ชาติก่อนเคยอาศัยอยู่ในโลกธรรมดา แต่มีอาหารหลากหลายและน่าลิ้มลองกว่าโลกนี้แล้ว แอบเศร้าอยู่ใจอยู่เหมือนกันนะ
ช่วงแรกที่เกิดใหม่อาการ Homsick นี่ไม่ต้องพูดถึง ขั้นรุนแรงเลยล่ะ แต่ฉันก็ผ่านมันมาได้แล้ว แบบว่าขั้นที่ยังไม่จมดิ่งร้องไห้โฮอยากกลับบ้านเหมือนแต่ก่อนอ่ะนะ
เซบาสเตียนโค้งคำนับเป็นการขออนุญาตหนึ่งครั้ง ก็จัดวางของว่างและชาพร้อมเสริฟ์เสร็จสรรพ
กลิ่นหอมของเนื้อที่เพิ่งปรุงสุกมาเสร็จใหม่ ๆ ชวนให้น้ำลายสอ ประกอบกับทำงานมานานทำให้หัวสมองตื้อและท้องว่างไปหมด ไม่รอช้าฉันหยิบแซนวิชขึ้นกินด้วยท่าทางเปี่ยมสุข เซบาสเตียนที่เห็นฉันดูมีความสุขกับของว่างที่เขาทำขึ้นก็ยิ้มภูมิใจ อัลเฟรดที่เห็นแบบนั้นก็รีบยืดอกพูดขึ้น
"กระผมได้เตรียมเทียนหอมกลิ่นที่ท่านซุยเรนชอบไว้ด้วยครับ เพื่อที่ท่านจะได้ผ่อนคลายขณะทำงาน"
ฉันยิ้มเอ็นดู หยิบผ้าขึ้นเช็ดริมฝีปากก่อนจะส่งยิ้มขอบคุณไปให้เขา
"ขอบคุณนะอัลเฟรด เธอช่างรู้ใจฉันจริง ๆ"
แล้วฉันก็ได้รับสีหน้าชื่นมื่นกลับมา เป็นเด็กที่สดใสจริง ๆ ถึงจะบอกว่าเด็กแต่อายุอัลเฟรดมากกว่าฉันไปมากโข ก็ปีศาจนี่นะ แต่ด้วยขนาดตัวและท่าทางที่ราวกับเด็กนั้นชวนให้เอ็นดูจริง ๆ ในขณะที่เซบาสเตียนนั้นตัวสูงชะลูดเหมือนผู้ใหญ่ เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันจึงราวกับพ่อลูก แม้ว่าความจริงแล้วทั้งคู่จะเป็นคู่หูพ่อบ้านปีศาจก็ตาม
สำหรับทั้งคู่แล้วฉันเปรียบเสมือนพระเจ้า ก็ไม่ได้อยากอวยยศตัวเองนักหรอก แต่เพราะฉันเคยสามารถจัดการพวกเขาได้ เซบาสเตียนและอัลเฟรดจึงได้ถวายตนมาเป็นผู้ติดตามของฉัน เรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เพียงแค่ฉันมีเรื่องขัดแย้งกับเจ้านายเก่าเขาเราจึงต้องปะทะกัน
สำหรับปีศาจแล้วหากประลองแพ้ ผู้แพ้จะต้องถวายชีวิตให้กับผู้ชนะ เห็นว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเก่าแก่ของเผ่าปีศาจ ที่ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมปกครองและเป็นเจ้าชีวิตของผู้ที่อ่อนแอกว่า
ตัวฉันที่เอาชนะพวกเขาและเจ้านายเก่าของพวกเขาได้ จึงกลายเป็นเจ้านายคนใหม่ แน่นอนล่ะว่าฉันไม่ได้อยากเอาชีวิตใครถ้าไม่จำเป็น แต่จะไล่พวกเขากลับบ้านไปก็ไม่ได้ ปีศาจที่ได้ออกมายังบ้านเกิดหรือโลกปีศาจแล้วจะไม่ยอมกลับไป เพราะพวกเขาได้ถวายชีวิตให้กับเจ้านายไปแล้ว ปีศาจที่กลับไปส่วนมากมักจะตรอมใจตายที่บ้านเกิด หรือโชคดีระหว่างนั้นอาจหาเจ้านายคนใหม่เจอ
ซึ่งเจ้านายที่ว่าอาจจะเป็นมนุษย์ เอลฟ์ ดวารฟ์หรือปีศาจด้วยกันเองก็ได้ พวกเขาไม่เกี่ยงขอแค่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนเท่านั้น แต่ส่วนมากมักจะเป็นปีศาจมากกว่า นอกนั้นก็เป็นการตกลงทำสัญญาระยะสั้นกัน
ทำไมจึงได้ยึดติดขนาดนั้น? จะบอกว่าเป็นพวกยึดติดธรรมเนียมอะไรพวกนี้ก็ใช่ ส่วนมากก็อายุเยอะกันแล้วนี่นะ 100 ปีคือขั้นต่ำของปีศาจผู้ใหญ่ ถึงสำหรับเธอคือปีศาจวัยรุ่นก็เถอะ แต่อีกเหตุผลสำคัญคือพลังมานา
ในการดำรงชีพของปีศาจ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกลืนกินพลังมานารอบ ๆ ตัวเป็นอาหาร เพราะฉะนั้นในการปรากฏตัวของปีศาจในนอกโลกปีศาจจึงพบเห็นได้ยาก เนื่องจากต้องใช้พลังมานาเป็นจำนวนมากในการอัญเชิญ เช่นเดียวกันกับการคงสภาพของปีศาจ
ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งใช้เยอะ
มีบางกรณีที่ปีศาจออกอาละวาดเพราะเจ้านายได้ตายลง เพื่อการประทังชีวิตจึงได้ช่วงชิงพลังมานาหรือที่เรียกว่าการคร่าชีวิตผู้อื่น ปีศาจที่กลับไปยังโลกของตนทันก็จะไม่ออกอาละวาด แต่จะไม่สามารถอยู่ได้นานเพราะพลังมานาที่ได้รับไม่เพียงพอ เปรียบเสมือนกับกระเพาะของนักกินจุ ยิ่งกินมากก็ยิ่งรับได้มาก ปีศาจก็เช่นเดียวกัน เมื่อเคยรับพลังมานาจำนวนมากมาก่อน พอได้รับน้อยลงก็เป็นธรรมดาที่จะอ่อนแอลงและตาย
ก็นั่นแหละเหตุผลที่ฉันรับพวกเขามาเป็นพ่อบ้าน ส่วนชื่อ หากเป็นพ่อบ้านก็ต้องชื่อว่าเซบาสเตียนใช่ไหมล่ะ!? อย่างญี่ปุ่นเองก็ต้องเป็นทานากะ! เรื่องนั้นน่ะแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนอัลเฟรด... เพราะว่าเป็นชื่อพระเอกนิยายที่ชอบก็เท่านั้นแหละนะ...
แน่นอนว่าชื่อของซากุระฉันก็เป็นคนตั้งเอง
แต่เหตุผลที่ว่าทำไมถึงหลุดธีมมาเป็นญี่ปุ่น นั่นก็เพราะซากุระเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่ฉันชอบ อีกทั้งความหมายที่หมายถึงการเริ่มต้นใหม่ นั่นก็เหมาะกับชีวิตของเจ้าเอลฟ์น้อยที่เธอเก็บมาเลี้ยงดีไม่ใช่เหรอ?
จงเติบโตและผลิบานให้เหมือนกับต้นซากุระ นั่นฟังดูดีใช่ไหมล่ะ?
เพราะแบบนั้นเจ้าเอลฟ์เด็กในตอนนั้นก็ได้เติบโต เป็นเอลฟ์เลขาสาวแสนสวยจอมเนี๊ยบในตอนนี้ล่ะนะ พอคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ แล้วน้ำตามันก็รื้นที่หางตาขึ้นมาเลย
"?" ซากุระชะงักริมฝีปากที่กำลังจรดแก้วชายามสบตากับฉัน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเชิงสงสัย
"เหม่อลอยคิดอะไรอีกล่ะคะท่านซุยเรน" ด้วยคำพูดเชิงจิกกัดของซากุระ ชี้ให้เห็นว่าอาการเหม่อลอยของฉันกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว
"แค่คิดถึงวันเก่า ๆ น่ะ"
ซากุระไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่สายตาที่ผลุบลงมองแก้วชาก็ทำให้ฉันได้รู้ว่าเธอเองก็นึกถึงมันเหมือนกัน
ฉันหมุนแก้วชาในมือ มองภาพสะท้อนตัวเองบนชาที่เหลืออยู่ครึ่งแก้ว แล้วหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มไปกับความอบอุ่นที่ได้จากการดื่มชา หรืออาจจะเป็นความอบอุ่นจากความทรงดี ๆ ที่พวกเรามีร่วมกันมา
"วันที่ได้เจอกับพวกเธอ เป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงจริง ๆ"
แม้จะไม่ได้ลืมตามอง แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าทุกคนกำลังเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลานี้ ความทรงจำในอดีต ช่วงเวลาที่พวกเรามีร่วมกัน
อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้จัง
...
ฉันออกมาเดินเล่นรับลมหลังเคลียร์กองเอกสารสำหรับวันนี้เสร็จ ความจริงจะไปพักเลยก็ได้เพราะพรุ่งนี้ยังมีส่วนที่ฉันต้องทำต่อ แต่พอเห็นว่าคืนนี้เป็นคืนจันทร์เต็นดวงเลยอยากจะเดินเล่นพักสมองเสียหน่อย
มันผ่านมาสักพักแล้วที่ฉันไม่ได้มาเดินเล่นในป่าหลังคฤหาสน์แบบนี้
จริงอยู่ที่ฉันชอบแอบออกไปเที่ยวเล่น ลำบากให้ซากุระต้องจัดการงานส่วนของฉัน จนโดนเอาคืนด้วยจำนวนกองเอกสารที่มากมายในห้องทำงาน แต่ส่วนมากฉันก็มักจะแวะไปสอดส่องในเมืองเพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า บางครั้งการเห็นกับตาก็ดีกว่าเห็นผ่านเอกสารล่ะนะ
แม้เหตุผลด้านเที่ยวเล่นจะมากกว่าก็ตาม
หลังจากการปราบปรามความวุ่นวายหรือสิ่งที่เรียกว่าจอมมารลงได้ ฉัน จอมเวทย์ในตำนาน หนึ่งในกลุ่มปราบจอมมาร หรือที่เรียกกันติดปากว่า ผู้กล้า ก็ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าเมืองแห่งนี้เป็นการตอบแทนจากองค์ราชา ความจริงก็อยากปฏิเสธไปอยู่หรอก แต่เพราะตอนนั้นฉันมีอีกหลายชีวิตที่ต้องดูแล หมายถึงซากุระกับพวกเด็ก ๆ น่ะ
นอกจากจะรับซากุระมาแล้วฉันยังรับเด็กคนอื่น ๆ มาด้วย ซึ่งก็มีหลากหลายเผ่าพันธุ์และอายุ ตามแต่โชคชะตาการเดินทางของฉันจะนำพาให้พบเจอ ซึ่งนั่นก็ทำให้บางครั้งยังถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นล้อเลียนฉัน ว่าจริง ๆ แล้วฉันอาจจะเหมาะกับตำแหน่งนักบวชมากกว่าจอมเวท จากเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ในกลุ่มผู้กล้า ถึงขนาดที่นักบวชในกลุ่มผู้กล้าของเรายังชวนฉันเข้าโบสถ์หลังจบการปราบปรามเลย
ซึ่งฉันไม่คิดว่าเขาล้อเล่น โชคยังดีที่ฉันมีข้ออ้างมาปฏิเสธเขาได้
ปัจจุบันส่วนมากก็อาศัยอยู่ที่นี่ ที่เมืองแห่งนี้ เป็นข้าราชการคอยช่วยเหลือฉัน เป็นทหารคอยปกป้องเมืองนี้ เป็นพ่อค้าแม่ค้าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเป็นนักผจญภัยเพื่อสำรวจโลกข้างนอก และอีกมากมาย บ้างก็ออกนอกเมืองออกนอกประเทศไปตั้งตัวสร้างครอบครัวที่อื่น ในส่วนตรงนั้นฉันเข้าใจดีจึงไม่ได้ห้ามอะไรและปล่อยพวกเขาไป และบางส่วนที่ยังคงอยู่ที่นี่ฉันก็ยังรู้สึกขอบคุณอยู่เสมอ
ฉันเดินลัดเลาะผ่านแสงสลัวของดวงจันทร์ที่ลอดผ่านต้นไม้ มือข้างหนึ่งก็ถือไม้เท้าคู่ใจที่กำลังส่องแสงตามบทร่ายเพื่อใช้นำทาง สถานที่ลับของฉัน ที่ที่ฉันที่บางทีก็แอบหลบความวุ่นวายทุกอย่างมานอนกลางวันอยู่ที่นี่
มันเป็นทุ่งกว้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกไม้ป่า ที่ตรงใจกลางทุ่งกว้างนั้นมีต้นไม้ใหญ่เด่นสง่าอยู่ สายลมพัดกลิ่นและกลีบดอกไม้ให้ลอยไปตามลม ดูเป็นภาพที่สวยงามจรรโลงใจ ยิ่งมีดวงจันทร์กลมโตเป็นดาวเด่นอยู่บนฟ้าก็ยิ่งทำให้สถานที่นี้น่าหลงใหลมากขึ้น
ฉันทิ้งตัวลงนอนบนทุ่งดอกไม้ใกล้ ๆ กับต้นไม้ใหญ่ใจกลาง เหม่อมองดวงจันทร์ที่สวยเด่นเป็นพิเศษในค่ำคืนนี้ ปล่อยให้ลมเย็นคอยพัดผ่านกายไปอย่างเอื่อยเฉื่อย และขับกล่อมจิตใจให้ลอยละล่องไปกับกลีบดอกไม้
เปลือกตาเริ่มหนักขึ้น ฉันกำลังจะหลับ
ทั้ง ๆ ที่คิดว่าแค่จะมาเดินเล่นแท้ ๆ แต่กลายเป็นว่าต้องเปลี่ยนที่นอนในคืนนี้แทนเสียอย่างนั้น พรุ่งนี้เช้าถ้าซากุระไม่เห็นฉันบนเตียงคงโกรธใหญ่แน่เลย แต่ที่นี่ก็สบายจนฉันไม่อยากแม้แต่จะฝืนลุก
"... ไว้ค่อยไปขอโทษทีหลังก็แล้วกัน"
อาจเป็นเพราะวันนี้ที่ฉันทำงานอย่างหนัก ทั้งร่างกายและจิตใจจึงไม่คิดจะฝืนอีกต่อไป ในที่สุดฉันก็หลับตาพริ้มแต่โดยดี ยอมแพ้ต่อความง่วงงุนที่ท่วมท้น แล้วจมดิ่งสู่ห้วงลึกอย่างง่ายดาย โดยที่ตัวฉันเองก็ไม่อาจล่วงรู้
ว่านับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ตัวฉันจะไม่มีโอกาสได้ถูกซากุระบ่นอีกแล้ว
...
..
...............
Talk with Writer
เทเฮะ~❤️ แวะมาเปิดเรื่อย ๆ ตามใจอยากค่ะ และคงจะไม่สิ้นสุดด้วย แต่ถ้ามีไอเดียก็จะมาลงเรื่อย ๆ ค่ะ แต่สำหรับคนที่เคยติดตามแฟนฟิคเรื่องอื่น ๆ ของไรท์ก็จะทราบกันดีว่านั่นก็คงขึ้นอยู่กับเวลา ...
- ในส่วนของเนื้อเรื่อง
ฟิคเรื่องนี้เกิดขึ้นมาอย่างฉุกละหุก ด้วยเหตุที่ไรท์อยากลองแต่งแนวจอมเวทแฟนตาซีดูค่ะ แน่นอนว่าเรามีเมกุมิจากเรื่องแฟนฟิคนิยายสไลม์แล้ว (ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่คืบหน้า) แต่ก็เกิดคิดขึ้นมาเสียเล่น ๆ ว่าหากจอมเวทอย่างเมกุมิได้หลุดไปโลกมายฮีโร่จะเป็นยังไงกันนะ แต่เพราะยังแต่งไม่จบเลยงอกตัวละครใหม่ขึ้นมาแทนค่ะ
เลยกลายเป็นเรื่องราวบันทึกการปราบปรามจอมมารในโลกฮีโร่ของท่านจอมเวทในตำนาน ฟังแล้วดูเป็นแนวแอ็คชั่น และใช่ค่ะเสต็ปเดิม ไรท์ชอบที่จะใส่เรื่องราวความรักลงไปค่ะ แอ็คชั่นก็อยากใส่นะ แต่ก็ยังไม่เคยเขียนเลยค่ะ แต่ก็จะใส่ค่ะ ฮา ฮา ฮา
ในส่วนของจอมมารที่จะถูกปราบปราม เอ๊ะ เรื่องนี้บางทีรีดเดอร์ทั้งหลายก็อาจจะเดากันได้อยู่แล้ว ส่วนวิธีไหน นั่นสินะคะ มารอติดตามกันเถอะ!
ปล. คู่ของตัวเอก ไม่ได้คิดไว้เลยค่ะ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าแฟนฟิคเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก เพราะฉะนั้นก็คงต้องรอลุ้นในแต่ละตอนเอา ไม่มีเปิดโหวตนะคะ แต่จะดูความนิยมของรีดเดอร์แต่ละท่านในแต่ละตอนค่ะ เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจ
ปลล. สามารถติชมกันได้ตามสมควรและสุภาพชนค่ะ เพราะบางครั้งไรท์ก็จะได้ไอเดียจากรีดเดอร์มาเหมือนกันค่ะ~❤️
ผลงานอื่นๆ ของ KumaSari ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ KumaSari
ความคิดเห็น