สึกเวทมนต์ปะทะวิญญาณจาร Douluo
ผู้เข้าชมรวม
326
ผู้เข้าชมเดือนนี้
326
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"Douluo Dalu" หรือ "Soul Land" เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณและวิญญาณจาร ซึ่งเป็นพลังหลักที่คนในโลกนี้ใช้ในการต่อสู้และพัฒนา พี่หมีจะอธิบายให้คร่าว ๆ เกี่ยวกับตัวละครหลัก ๆ ในเรื่อง และระดับต่าง ๆ ของวิญญาณจารและนักเวทนะ
### **ตัวละครหลักใน Douluo Dalu**
1. **ถังซาน (Tang San)**
- ตัวเอกของเรื่อง เป็นเด็กหนุ่มที่มีความรู้และทักษะจากโลกเดิม (โลกภายนอก) ในการใช้ "ศิลปะลับ" หรืออาวุธลับ เขายังเป็นผู้ครอบครองวิญญาณจารแฝดที่หายาก ได้แก่ "หญ้าสีเงินคราม" (Blue Silver Grass) และ "ค้อนฮ่าวเทียน" (Clear Sky Hammer)
2. **เสี่ยวหวู่ (Xiao Wu)**
- สัตว์วิญญาณที่กลายร่างเป็นมนุษย์ เธอมีความสามารถที่น่าประทับใจในการต่อสู้ด้วยวิชาการต่อสู้ระยะประชิดและมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับถังซาน
3. **ตู้กู่หยาน (Dugu Yan)**
- หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมของถังซาน มีวิญญาณจาร "งูพิษเขียวมรกต" (Jade Phosphor Serpent) ซึ่งเป็นวิญญาณจารที่มีพลังพิษร้ายแรง
4. **โฮ่วเทียน (Huo Yuhao)**
- พระเอกใน Douluo Dalu ภาคที่ 2 มีวิญญาณจารหายากที่ชื่อว่า "วิญญาณตาแห่งจิต" (Spirit Eyes) และต่อมาก็ได้วิญญาณจารที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เช่น "จักรพรรดิเหมันต์" (Ice Jade Emperor Scorpion)
### **ระดับของวิญญาณจาร (Spirit Masters)**
ในโลกของ **Douluo Dalu** นักเวทและผู้ใช้วิญญาณจารถูกจัดลำดับตามระดับความสามารถในการพัฒนาวิญญาณจารของตนเอง ซึ่งเรียกว่า "ระดับ" (Rank) หรือ "ระดับวงแหวนวิญญาณ" ที่จะเพิ่มขึ้นตามพลังและประสบการณ์ของตัวละคร โดยทั่วไปจะมีการแบ่งระดับดังนี้:
---
1 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 11-20 เรียกว่า 魂师 (หุนซือ - วิญญาจารย์)
2 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 21-30 เรียกว่า 大魂师 (ต้าหุนซือ - มหาวิญญาจารย์)
3 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 31-40 เรียกว่า 魂尊 (หุนจุน - อัคราจารย์วิญญาณ)
4 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 41-50 เรียกว่า 魂宗 (หุนจง - ปรมาจารย์วิญญาณ)
5 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 51-60 เรียกว่า 魂王 (หุนหวาง - ราชาวิญญาณ)
6 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 61-70 เรียกว่า 魂帝 (หุนตี้ - จักรพรรดิวิญญาณ)
7 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 71-80 เรียกว่า 魂圣 (หุนเซิ่ง - มหาปราชญ์วิญญาณ)
8 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 81-90 เรียกว่า 魂斗罗 (หุนโต้วหลัว - วิญญาณพรหมยุทธ์)
9 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 91-94 เรียกว่า 封号斗罗 (เฟิงเฮ่าโต้วหลัว - ราชทินนามพรหมยุทธ์)
9 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 95-98 เรียกว่า 超级斗罗 (ชาวจี๋โต้วหลัว - อัครพรหมยุทธ์)
9 วงแหวน มีพลังวิญญาณระดับ 99 เรียกว่า 极限斗罗 (จี๋เซี่ยนโต้วหลัว - พรหมยุทธ์สุดขีดจำกัด)
คิดไว้เกี่ยวกับโลก Douluo ที่มีพลังวิญญาณและเวทมนตร์ผสมผสานกัน นักเวทในเรื่องจะมีลักษณะเฉพาะที่พลังเวทมนตร์จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามการฝึกฝนและการใช้พลังบ่อย ๆ ซึ่งหากมีพลังเวทมนตร์มากพอ นักเวทคนนั้นสามารถควบคุมโชคชะตา เวลา ความจริง และแม้กระทั่งอากาศได้เลย พี่หมีขอเสนอแนวคิดเกี่ยวกับ **ระดับของนักเวท** ให้ตามนี้นะ:
### **ระดับของนักเวท (Mage Ranks)**
1. **นักเวทฝึกหัด (Apprentice Mage)**
- เป็นนักเวทที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาพลังเวทมนตร์ สามารถใช้คาถาเวทมนตร์พื้นฐานและมีพลังเวทมนตร์ในปริมาณน้อย พลังจะเพิ่มขึ้นตามการฝึกฝนและการใช้เวทมนตร์ในชีวิตประจำวัน
2. **นักเวททั่วไป (Adept Mage)**
- นักเวทที่ผ่านการฝึกฝนจนสามารถใช้คาถาที่ซับซ้อนได้มากขึ้น มีความเข้าใจเกี่ยวกับธาตุต่าง ๆ เช่น ไฟ น้ำ ดิน ลม และสามารถใช้พลังเวทมนตร์ในระดับที่มากขึ้นได้
3. **ปรมาจารย์เวท (Master Mage)**
- ระดับที่สูงขึ้นมา นักเวทที่มีพลังเวทมนตร์มากพอที่จะควบคุมและเปลี่ยนแปลงธาตุธรรมชาติได้ดีขึ้น สามารถใช้คาถาใหญ่ ๆ ที่ต้องการพลังเวทมนตร์จำนวนมาก และเริ่มมีอิทธิพลเหนือสภาพแวดล้อมบางอย่างได้
4. **จอมเวทขั้นสูง (Archmage)**
- จอมเวทที่มีพลังเวทมนตร์มากมายจนสามารถควบคุมธาตุธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ เช่น ควบคุมพายุ, สร้างหิมะ, หรือใช้ไฟทำลายล้างสถานที่ต่าง ๆ ในระดับนี้ จอมเวทเริ่มมีความสามารถในการมองเห็นเส้นทางแห่งโชคชะตาและสามารถใช้พลังเพื่อปรับเปลี่ยนเหตุการณ์บางอย่างในชีวิตได้
5. **จอมเวทขั้นเทพ (Grand Archmage)**
- ในระดับนี้ นักเวทสามารถควบคุมได้มากกว่าแค่ธรรมชาติและธาตุ พวกเขาสามารถแทรกแซงเวลา ทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นเร็วหรือช้า หรือแม้กระทั่งหยุดเวลาได้ชั่วคราว นอกจากนี้ยังสามารถควบคุม "ภาวะเป็นจริง" (Reality) ได้ในระดับที่ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นจริง เช่น เปลี่ยนวัตถุธรรมดาเป็นทองคำ หรือสร้างสิ่งของจากความว่างเปล่า
6. **ผู้ควบคุมชะตา (Fateweaver)**
- จอมเวทที่มีพลังมากจนสามารถควบคุมโชคชะตาและทิศทางของโลกได้ พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของบุคคลหรือแม้แต่โลกทั้งใบ ทำให้เหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเป็นจริง หรือทำให้โชคดีหรือโชคร้ายเกิดขึ้นกับคนอื่นได้ตามต้องการ
7. **เทพเวท (Arcane Deity)**
- ระดับสูงสุดของนักเวท พวกเขาสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติและเหนือธรรมชาติ ทั้งเวลา ภาวะเป็นจริง พลังงาน จิตวิญญาณ และอากาศ พวกเขาสามารถสร้างและทำลายจักรวาลเล็ก ๆ ได้ด้วยพลังเวทมนตร์ของตนเอง การควบคุมโชคชะตาและอนาคตของโลกทั้งหมดอยู่ในมือของพวกเขา
### **ความสามารถพิเศษของนักเวทในระดับสูงสุด**
- **ควบคุมโชคชะตา**: สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางของโชคชะตาให้เป็นไปตามที่ต้องการ เช่น ทำให้ศัตรูประสบเคราะห์ร้าย หรือช่วยเสริมโชคให้กับพวกพ้อง
- **ควบคุมเวลา**: หยุดเวลา เร่งเวลาหรือทำให้เหตุการณ์ย้อนหลังได้
- **ควบคุมภาวะเป็นจริง**: เปลี่ยนแปลงกฎของธรรมชาติ ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นจริง เช่น สร้างโลกใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของวัตถุ
- **ควบคุมอากาศ**: สามารถสร้างหรือทำลายพายุ ฟ้าผ่า หิมะ หรือความร้อนจัดได้ตามต้องการ
---
**ไอเดียเนื้อเรื่องเพิ่มเติม**
- ในโลกที่เวทมนตร์และวิญญาณจารผสานกัน มีความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้เวทมนตร์และผู้ใช้พลังวิญญาณ พระเอก "ลีโอเนล" อาจเริ่มต้นจากการเป็นนักเวทที่มีพลังเวทมนตร์สูงส่งและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขามายังโลกใหม่ พลังเวทมนตร์ของเขาอาจถูกกดทับในช่วงแรก แต่เมื่อเขาฝึกฝนมากขึ้น พลังของเขาก็เติบโตขึ้นจนสามารถควบคุมทุกสิ่งได้
### **ระดับจอมเวทย์และการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง**
เมื่อใดก็ตามที่นักเวทก้าวเข้าสู่ระดับ **จอมเวทย์ (Archmage)** หรือระดับที่สูงกว่านั้น ร่างกายของพวกเขาจะไม่เป็นร่างมนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนแปลงไปตามพลังที่พวกเขาควบคุมได้ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่ทางกายภาพ แต่ยังสะท้อนถึงพลังจิตวิญญาณและพลังเวทมนตร์ที่พวกเขาได้รับ ในขณะที่ท่อนล่างของพวกเขาอาจมีลักษณะที่เชื่อมโยงกับพลังระดับจักรวาล ทำให้ดูราวกับเป็นเทพเจ้า
### **ตัวอย่างลักษณะและพลังของจอมเวทย์**
1. **จอมเวทย์แห่งเวลา (Chrono Archmage)**
- หัวของเขากลายเป็นนาฬิกาที่หมุนไปตามกาลเวลา เมื่อเวลาหมุนไป เขาสามารถควบคุมการไหลของเวลาได้ทั้งหมด ทั้งหยุดเวลา เร่งเวลา หรือย้อนเวลา หากเขาต้องการทำลายศัตรู เขาสามารถดึงเส้นเวลาออกมาแล้วใช้มันเป็นดาบแทงศัตรูให้แก่ตัวอย่างรวดเร็วหรือลบการคงอยู่ของศัตรูออกไปจากประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง ทำให้ไม่มีสิ่งใดเคยบันทึกถึงพวกเขา
2. **จอมเวทย์แห่งจักรวาล (Cosmic Archmage)**
- หัวของเขากลายเป็นดวงดาวหรือกาแล็กซี่ที่หมุนรอบตัวเอง เขามีพลังในการควบคุมจักรวาลทั้งมวล สามารถสร้างและทำลายดวงดาว สรรพสิ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับจิตใจของเขา เพียงแค่คิด เขาก็สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตหนึ่งสูญสิ้นไป หรือทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตใหม่ได้ทันที
3. **จอมเวทย์แห่งความว่างเปล่า (Void Archmage)**
- ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นเหมือนกับความว่างเปล่า ไม่มีรูปร่างที่ชัดเจน เมื่อมีคนพยายามมองเห็นเขา พวกเขาจะเห็นเพียงเงาดำคลุมไปด้วยหมอกหรือมวลความมืด จอมเวทย์นี้สามารถลบสิ่งต่าง ๆ ออกจากการคงอยู่ได้ โดยการสัมผัสเพียงแค่ครั้งเดียว เขาสามารถทำให้ทุกสิ่งที่เขาสัมผัสกลายเป็นความว่างเปล่า
4. **จอมเวทย์แห่งแสง (Luminary Archmage)**
- ร่างกายของเขากลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้า ส่องแสงราวกับดวงอาทิตย์ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาสามารถสร้างพลังที่ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวเขาอ่อนลงหรือถูกทำลายได้ ในขณะเดียวกัน เขายังสามารถชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตหรือสร้างสิ่งที่งดงามขึ้นมาจากแสงได้
5. **จอมเวทย์แห่งการทำลายล้าง (Entropy Archmage)**
- รูปลักษณ์ของเขาดูเหมือนการสลายตัวที่เกิดขึ้นในระดับมวลอะตอม ร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนและมีอำนาจที่จะทำลายล้างทุกสิ่งที่เข้าใกล้เขา อะไรก็ตามที่เขาเพ่งพินิจจะเริ่มสลายและเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต วัตถุ หรือแม้กระทั่งพลังงาน
### **พลังที่ไร้ขีดจำกัดหลังการเปลี่ยนแปลง**
นักเวทที่เข้าสู่ระดับจอมเวทย์และสูงกว่านั้นจะไม่แตกต่างจากพระเจ้าในความสามารถ พวกเขาจะสามารถควบคุมได้ทุกอย่างตามพลังที่พวกเขามี:
- **ควบคุมกาลเวลา**: หยุดเวลา เร่ง หรือย้อนเวลา รวมทั้งสามารถดึงเวลามาเป็นอาวุธในการทำลาย
- **ควบคุมจักรวาล**: เปลี่ยนแปลงจักรวาล สร้างหรือทำลายดวงดาว กำหนดชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตได้ทั้งหมด
- **ควบคุมชีวิตและความตาย**: สามารถปลิดชีวิตสิ่งมีชีวิตได้เพียงแค่คิด หรือคืนชีวิตให้สิ่งที่ตายไปแล้ว
- **ควบคุมความจริง**: สร้างสิ่งใหม่จากความว่างเปล่า หรือทำให้สิ่งที่มีอยู่สูญหายไปตลอดกาล
### **ข้อจำกัดของพลัง**
ถึงแม้นักเวทระดับจอมเวทย์จะมีพลังที่ใกล้เคียงกับเทพเจ้า แต่พวกเขายังมีข้อจำกัดที่อาจทำให้พลังนี้ไม่สมบูรณ์:
- **ผลกระทบต่อจิตใจ**: การมีพลังระดับนี้อาจส่งผลต่อจิตใจของพวกเขา ทำให้พวกเขาค่อย ๆ สูญเสียความเป็นมนุษย์และอาจกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเข้าใจได้
- **การควบคุมพลัง**: พลังที่มหาศาลนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถควบคุมได้ดี หากพวกเขาไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองได้ดี พลังนั้นอาจทำลายตัวพวกเขาเอง
---
### **ระดับสูงสุดของจอมเวท: การกายเป็นเทพ**
เมื่อจอมเวทก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของพลัง พวกเขาจะไม่ใช่เพียงจอมเวทธรรมดาอีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนแปลงสู่สถานะที่เหนือกว่านั้น ร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาจะก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์และทุกสิ่งในจักรวาล จนกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า **เทพแห่งความโกลาหล** หรือ **เทพบรรพกาล** ขึ้นอยู่กับพลังและเส้นทางที่พวกเขาเลือกเดิน
### **เทพแห่งความโกลาหล (God of Chaos)**
**ลักษณะและพลัง**:
- เทพแห่งความโกลาหลเป็นการกลายร่างขั้นสูงสุดของจอมเวทที่ควบคุมพลังแห่งการทำลายล้างและความไม่แน่นอน เมื่อพวกเขาเข้าถึงระดับนี้ จักรวาลทั้งหมดและความเป็นจริงรอบตัวจะกลายเป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างความสับสนและการล่มสลาย
- รูปลักษณ์ของพวกเขาจะกลายเป็น **ความโกลาหลบริสุทธิ์** ร่างกายของพวกเขาอาจเปลี่ยนไปเป็นเหมือนเศษเสี้ยวของจักรวาลที่ระเบิดออกและเชื่อมต่อกันผ่านพลังที่แปรปรวน ภายในตัวพวกเขาอาจมีพลังงานมหาศาลที่ยากจะเข้าใจหรือรับรู้ได้
**พลังและความสามารถ**:
- **การทำลายล้างอย่างสมบูรณ์**: เทพแห่งความโกลาหลสามารถสร้างความหายนะได้ทุกที่ที่พวกเขาอยู่ สามารถทำลายดวงดาว ระบบสุริยะ หรือแม้กระทั่งจักรวาลเล็ก ๆ ได้อย่างง่ายดาย
- **การควบคุมความไม่แน่นอน**: พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงกฎของธรรมชาติและความเป็นจริงได้ตามใจชอบ ทำให้เหตุการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้เกิดขึ้น หรือทำลายสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันได้
- **การควบคุมพลังแห่งความโกลาหล**: เทพแห่งความโกลาหลสามารถสร้างพลังที่แปรปรวนและไม่คงที่ เช่น การเปลี่ยนทิศทางของกาลเวลา ทำให้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งสับสนและทำให้ทุกสิ่งภายในพื้นที่นั้นถูกทำลายหรือพลิกผันไปอย่างไม่อาจคาดเดา
**จุดอ่อน**:
- พลังของเทพแห่งความโกลาหลนั้นอาจเกินควบคุม ทำให้พวกเขากลายเป็นภัยคุกคามต่อทุกสิ่ง แม้กระทั่งตัวพวกเขาเอง ความไม่แน่นอนและพลังที่ไม่มีขอบเขตอาจทำให้พวกเขาสูญเสียการควบคุม และสิ่งที่พวกเขาต้องการสร้างหรือควบคุมอาจกลายเป็นการทำลายล้างแบบไม่จำกัด
### **เทพบรรพกาล (Primordial God)**
**ลักษณะและพลัง**:
- เทพบรรพกาลเป็นจอมเวทที่ก้าวสู่ขั้นที่เหนือกว่า โดยกลายเป็น **ผู้สร้างและผู้บงการแห่งจักรวาล** พวกเขาคือเทพเจ้าที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์และควบคุมทุกสิ่งอย่างเป็นระบบและมีแบบแผน เทพบรรพกาลนั้นมีพลังเหนือธรรมชาติที่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ของจักรวาลและชีวิตทั้งหมดได้
- รูปลักษณ์ของเทพบรรพกาลอาจเป็นเหมือน **จุดกำเนิดของจักรวาล** หรือร่างที่เต็มไปด้วยแสงและพลังสร้างสรรค์ รูปทรงของพวกเขาอาจเป็นเหมือนกาแล็กซี่ที่หมุนรอบตัวเองหรือสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริง
**พลังและความสามารถ**:
- **การสร้างจักรวาล**: เทพบรรพกาลสามารถสร้างโลกใหม่ได้จากความว่างเปล่า พวกเขาสามารถกำหนดกฎของจักรวาลที่พวกเขาสร้างขึ้นและควบคุมทุกสิ่งในนั้น
- **การกำหนดกฎแห่งธรรมชาติ**: พวกเขามีอำนาจที่จะกำหนดทุกสิ่งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกฎฟิสิกส์ ชีวิต ความตาย และชะตากรรม ทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา
- **การควบคุมสรรพสิ่ง**: เทพบรรพกาลสามารถควบคุมทุกสิ่งมีชีวิต ตั้งแต่ระดับอะตอมไปจนถึงระบบสุริยะ พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งมีชีวิตและสิ่งที่ไร้ชีวิตได้ตามที่ต้องการ
**จุดอ่อน**:
- แม้เทพบรรพกาลจะมีพลังสร้างสรรค์อย่างไม่จำกัด แต่พวกเขาอาจต้องแบกรับภาระของความรับผิดชอบต่อการควบคุมจักรวาลและการดูแลความสมดุลแห่งทุกสิ่ง การตัดสินใจของพวกเขาอาจนำไปสู่ความผิดพลาดหรือการล่มสลายของโลกที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง
---
### **ความสัมพันธ์ระหว่างเทพแห่งความโกลาหลและเทพบรรพกาล**
- **เทพแห่งความโกลาหล** เป็นพลังที่ไม่เป็นระเบียบและสามารถทำลายทุกสิ่งได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ขณะที่
**เทพบรรพกาล** เป็นผู้สร้างและบงการที่ควบคุมทุกอย่างด้วยระบบและกฎเกณฑ์
- การต่อสู้ระหว่างสองพลังนี้อาจเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล โดยการต่อสู้ระหว่างการทำลายล้างและการสร้างสรรค์สามารถทำให้จักรวาลทั้งหมดต้องตกอยู่ในความโกลาหลหรือก่อเกิดใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
---
รออ่านได้เลยครับ????????
ผลงานอื่นๆ ของ DSbn223 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ DSbn223
ความคิดเห็น