เกิดใหม่ชาตินี้ขอเป็นนางร้าย
เพียงเพราะไม่สามารถเลือกยามเกิดได้จึงกลายเป็นตัวกาลกีนีต่อแคว้นเพียงอยากเป็นบุตรที่เสด็จพ่อรักจึงยอมเสียสละตนย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตแต่สุดท้ายแล้วตนกลับต้องพัดพลากจากแคว้น
ผู้เข้าชมรวม
187
ผู้เข้าชมเดือนนี้
32
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
เมื่อ 260 ปีก่อนคริสตกาล รัฐหานเป็นรัฐจีนโบราณในยุครณรัฐ ตั้งอยู่ในท้องที่ ซึ่งปัจจุบันเป็นชานชีและเหอหนาน ที่ตั้งดังกล่าวกีดกันมิให้รัฐฉินเข้าถึงที่ราบจีนตอนเหนือทำให้รัฐหานตกเป็นเป้าโจมตีของรัฐฉินบ่อยครั้ง
“เสด็จพ่อเพคะ” องค์หญิงซูหนี่ ผู้มีใบหน้ารูปไข่ที่งดงาม นางมักชอบเครื่องประดับบนกายสีชมพูโดยเฉพาะชุดผ้ากระโปรงสีขาว ชุดเกาะอกบางสีเขียว มีลวดลายประดับปักรูปดอกจำฉ่ายปกปิดตามอวัยวะสำคัญทุกส่วนยกเว้นใบหน้า สวมทับด้วยชุดเดรสสีชมพูยาวถึงพื้น ชายแขนและชายกระโปรงปักด้วยดอกพลัมเป็นลวดลายที่งดงานดุจการประณีตจากช่างผู้มากฝีมือ บนศีรษะประดับปิ่นปักผมรูปผีเสื้อพู่ยาวสีทอง
นางวิ่งเข้าไปในตำหนักท่าทีเร่งรีบ หน้าตาตกอกตกใจกลัว “เสด็จพ่อเพคะ พระองค์ต้องจัดการเสด็จพี่ให้หม่อมฉันนะเพคะ” พร้อมยื่นข้อศอกที่มีบาดแผลลึกและมีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมากให้พระองค์ดู
ฝ่าบาทแคว้นหาน มีนามว่า จางหมิงหยาง พระองค์ทรงรักองค์หญิงซูหนี่เป็นอย่างมาก คอยเลี้ยงดูนางอย่างทะนุถนอม และชอบแอบตามใจนางอยู่บ่อยครั้ง ต่อให้นางจะกระทำความผิดเพียงใดพระองค์ก็ไม่เคยมีรับสั่งลงโทษ
“เสด็จพี่เพคะ เสด็จพี่ผลักหม่อมฉันล้มในห้องครัวเพคะ หม่อมฉันเจ็บเหลือเกิน” ใบหน้าเศร้าเสียใจมีหยาดน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ทำให้พระองค์ทรงโกรธเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่าซูฮวาเป็นผู้ทำร้ายน้องจนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกเพียงนี้
“หม่อมฉันเจ็บมากเหลือเกินเพคะเสด็จพ่อ” น้ำตาที่ไหลรินบนใบหน้าของซูหนี่ไม่ขาดสายความโกรธเกรี้ยวที่ปรากฏบนพระพักตร์ของพระองค์ ทำให้บ่าวทุกคนในตำหนักรับรู้ได้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
“ทหารนำตัวองค์หญิงซูฮวาไปโบย30 ที บัดเดี๋ยวนี้”
“เสด็จพ่อเพคะ พระองค์กล้าสั่งโบยหม่อมฉันได้จริงๆ หรือเพคะ ทำไมพระองค์ไม่ฟังหม่อมฉันอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนเพคะ” ซูฮวารีบเดินตามซูหนี่เข้าไปด้านในตำหนักทันที นางพยายามจะอธิบายถึงสาเหตุข้อเท็จจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
องค์หญิงซูฮวา ผู้มีใบหน้ารูปไข่ที่งดงาม คิ้วของพระองค์ดก ยาว และโค้งมนเข้ารูปกว่าองค์หญิงซูหนี่ ดวงตาของพระองค์เรียวยาว หางตาตวัดโค้งขึ้น ลูกนัยน์ตาดำสนิท แถมริมฝีปากเล็ก สีชมพู เป็นมันเงา มุมปากโค้งขึ้นดั่งผลเชอร์รี่ ในส่วนของรูปร่าง เอวที่คอดกิ่วเป็นความงามอย่างหนึ่งของสตรี ส่วนเว้า ส่วนโค้งที่งดงามได้สัดส่วนสะท้อนถึงความอ่อนช้อยและอ่อนโยนของหญิงสาว
นางมักชอบเครื่องประดับกายสีทองโดยเฉพาะชุดผ้ากระโปรงสีขาว ชุดเกาะอกบางสีขาว มีลวดลายประดับบ่งบอกถึงการเป็นองค์หญิงใหญ่ ปกปิดตามอวัยวะสำคัญทุกส่วน ยกเว้นใบหน้า สวมทับชุดเดรสสีแดงยาวถึงพื้น ชายแขนและชายกระโปรงปักด้วยดอกบ๊วยเป็นลวดลายที่งดงามดุจการประณีต บนศีรษะประดับปิ่นปักผมรูปดอกบ๊วยกลีบดอกใหญ่จะมีสีขาว และประดับดอกเล็กๆ สีชมพูข้างๆ มีใบประดับสีทอง แต่งพู่ยาวสีทองช่างงดงามประกายตาเป็นอย่างมาก
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรถึงทำร้ายซูหนี่เช่นนี้ นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้านะซูฮวา”
“เสด็จพ่อเพคะ แต่ลูกอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้นะเพคะ”
“โอ๊ย หม่อมฉันเจ็บเหลือเกินเพคะ” ซูหนี่สังเกตเห็นท่าทีไม่ได้การรีบกล่าวเพื่อกระตุ้นต่อมความโกรธของพระองค์อีกครั้ง และยังมีคนคอยเสริมทัพตาม
“แย่แล้วเพคะองค์หญิง เลือดของพระองค์ไหลไม่หยุดเลยเพคะ” เสียงเจียลี่สาวใช้คนสนิทของซูหนี่ กล่าวขึ้น เพื่อขยี้เพิ่มพูนความโกรธบนตัวฝ่าบาท
“พวกเจ้าไม่ได้ยินที่ข้ารับสั่งหรือ”
“ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้วพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะส่งผลกระทบต่อพระวรกายได้พ่ะย่ะค่ะ”
“องค์หญิงซูฮวาเพคะ” เสียงนางกำนัลที่อยู่ภายในตำหนักเอ่ยเรียกชื่อของนางพร้อมกัน ด้วยความเป็นห่วง ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะกล้ารับสั่งลงโทษองค์หญิงได้ถึงเพียงนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นพระองค์อาจไม่สามารถทนพิษความเจ็บปวดได้เป็นแน่
“ในเมื่อเสด็จพ่อกล้าสั่งโบยหม่อมฉัน พวกเจ้าก็ทำตามรับสั่งของพระองค์เถอะ” ซูฮวาเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าตนจะพยายามอธิบายอย่างไร พระองค์ไม่เคยที่จะรับฟังในคำพูดของตนแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วตนก็เป็นเพียงบุตรที่ท่านไม่เคยมอบความรักให้อยู่ดี
“ดี ช่างดีเหลือเกินองค์หญิงซูฮวา ในเมื่อเจ้ากล้าอวดดีต่อหน้าข้า แล้วเจ้ายังไม่สำนึกในสิ่งที่ตนได้กระทำ ข้าขอสั่งให้โบยองค์หญิงเพิ่มอีก 50 ที เดี๋ยวนี้” เพราะความโกรธจนขาดสติจึงทำให้นางต้องตกที่นั่งลำบาก
“พวกเจ้ามั่วยืนทำอะไรกันอยู่ ไม่ได้ยินที่เสด็จพ่อทรงรับสั่งหรือ พระองค์รับสั่งให้พวกเจ้านำตัวเสด็จพี่ซูฮวาไปโบย80 ที เดี๋ยวนี้ หรือใครในที่นี้กล้าขัดรับสั่ง”
องครักษ์เสื้อแพรได้นำตัวองค์หญิงซูฮวาไปที่ด้านนอก อย่างลำบากใจ พวกตนไม่มีทางเลือกจึงต้องจำใจทำตามพระประสงค์ลงแรงโบยองค์หญิงทันที ท่ามกลางสายตาของนางกำนัลทำได้เพียงยืนก้มหน้า เสียงไม้พลองโบยตีบั้นท้ายนางแต่ละที เหล่านางกำนัลต่างพากันสะดุ้งตามอย่างเจ็บปวดและช้ำใจ
“ฮองเฮาเพคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ พระองค์ต้องรีบเสด็จไปช่วยองค์หญิงซูฮวานะเพคะ” ซินเย๋ทนเห็นองค์หญิงของตนถูกลงโทษอย่างไม่เป็นธรรมไม่ได้ จึงรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากฮองเฮาทันที อย่างไรฝ่าบาทต้องมีความเกรงอกเกรงใจพระองค์อยู่บ้าง
ฮองเฮาแคว้นหานมีนามว่า เลี่ยงซู ผู้มีใบหน้างดงามต่อให้พระองค์จะมีพระชนมายุย่างตัวเลขสี่สิบต้นๆ แล้วก็ตาม แต่พระองค์ยังทรงยึดมั่นให้ความเป็นธรรมต่อทุกคนในพระราชวังอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าผู้ใดกระทำผิดก็จะว่าไปตามผิดและทรงรับสั่งลงโทษอย่างมีเหตุและผลเสมอ
“มีเรื่องอันใดกัน ทำไมเจ้าดูร้อนอกร้อนใจเช่นนี้ซินเย๋”
“องค์หญิงซูฮวาเพคะ”
“ซูฮวาเป็นอันใดกันหรือ”
“ฮองเฮารีบเสด็จไปช่วยองค์หญิงด้วยเพคะ ฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งโบยองค์หญิงเพคะ” เลี่ยงซูผู้เป็นมารดาได้ยินเช่นนั้นก็รีบไปยังตำหนักของผู้เป็นสามีทันที ท่ามกลางทหารที่ลงแรงอย่างหนักโบยลงบนตัวองค์หญิงซูฮวา นางพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ภายในลึกๆ ใบหน้าเศร้าหมองเสียใจอย่างสุดซึ้งปรากฏออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้ซูหนี่แอบสะใจไม่น้อย
“หยุดเดี๋ยวนี้” ฮองเฮาเสด็จเข้าไปห้ามทหารที่กำลังโบยบุตรสาวของตนทันที “ทำไมพระองค์ต้องใช้ความรุนแรงกับซูฮวา ด้วยเพคะ อย่างไรซูฮวาก็เป็นบุตรสาวของพระองค์เช่นกัน”
“เสด็จแม่”
“ฮองเฮา” บ่าวทุกคนรีบทำความเคารพพระองค์ทันที และแอบดีใจเป็นอย่างมากที่พระองค์ได้เสด็จมาช่วยองค์หญิงได้ทัน
“ที่เสด็จพ่อทำเช่นนี้ ก็เพราะเสด็จพี่ทำร้ายหม่อมฉันก่อนเพคะ เสด็จแม่” ซูหนี่รีบยื่นแขนของตนให้พระองค์ดู แต่นางไม่ได้สนใจรีบเดินกลับไปหาซูฮวา
“โธ่ ซูฮวาลูกแม่” นางโอบกอดบุตรสาวอย่างทะนุถนอมด้วยความรักความเอ็นดู ปาดหยาดน้ำตาบนใบหน้านางเบาๆ ภายในใจของคนเป็นแม่เจ็บช้ำอย่างหนัก
“เสด็จแม่ไม่จริงเพคะ ลูกไม่ได้ทำเพคะ พระองค์ต้องเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ”
“แม่เชื่อว่าเจ้าไม่ใช่คนเช่นนั้น ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ย่อมรู้ดีว่าเจ้ามีนิสัยเช่นไร โธ่ เจ้าคงเจ็บมากสินะ ซินเย๋พาองค์หญิงกลับตำหนักเดี๋ยวนี้”
“ เพคะ”
“เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันไม่ยอมนะเพคะ เสด็จแม่จะให้ท้ายเสด็จพี่เช่นนี้มิได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเสด็จพี่คงได้ใจทำร้ายหม่อมฉันเหมือนเดิมเป็นแน่ อย่างไรเสด็จพ่อต้องจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกนะเพคะ”
“หยุดเดี๋ยวนี้ บ่าวคนใดไม่ทำตามรับสั่งข้า ข้าจะไม่ละเว้นอีกต่อไป ใครหน้าไหนกล้าพาองค์หญิงซูฮวาไปต้องได้รับโทษสถานหนัก” คำกล่าวของฝ่าบาททำให้บ่าวทุกคนไม่กล้าขัด จึงทำการโบยองค์หญิงซูฮวาต่อทันที
ความเจ็บช้ำปวดใจของฮองเฮาที่ต้องทนเห็นบุตรสาวถูกโบยต่อหน้าต่อตา แต่ตนไม่สามารถช่วยลูกได้จึงขยับกายลุกเดินเข้าไปใกล้ผู้เป็นสามี “ในเมื่อหม่อมฉันไม่สามารถยับยั้งพระองค์ได้ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันยอมตาย เพราะหม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นพระองค์ทำร้ายลูกได้อีกต่อไปเพคะ”
“ตั้งแต่นางลืมตาดูโลกใบนี้ พระองค์ก็ไม่เคยมอบความรักให้นางแม้แต่น้อย แล้วจะมีประโยชน์อันใดกันเล่า” ฮองเฮาหยิบดาบที่วางข้างกายขึ้นหันคมดาบเข้าหาตนในระยะประชันชิด
“หยุดเดี๋ยวนี้นะฮองเฮา นี่เจ้ากล้าขู่ข้าได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ”
“หม่อมฉันไม่ได้ขู่พระองค์เพคะ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะพระองค์ไม่เคยให้ความเป็นธรรมต่อซูฮวาแม้สักครั้ง ทำไมเพคะ พระองค์ถึงไม่สืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อนที่จะสั่งลงโทษนาง”
“อย่าเพคะเสด็จแม่” ซูฮวาเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งเจ็บปวดกาย ใจ เป็นอย่างยิ่ง ที่ทุกอย่างได้เลวร้ายเช่นนี้เพราะตนผู้เดียวที่เป็นต้นเหตุทำให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่ต้องมาทะเลาะกันถึงขั้นจะฆ่าแกงกันได้ลงคอ
ซูหนี่ทนไม่ได้รีบเดินเข้าไปตบหน้าของนางทันที “เพราะท่านผู้เดียว ทำให้ทุกอย่างดูเลวร้ายไปหมด นางตัวซวย อัปยศ”
“เสด็จแม่ไม่นะเพคะ เสด็จพ่อ หม่อมฉันขอร้องอย่าทำร้ายเสด็จแม่นะเพคะ” ซูฮวา ตะโกนจนสุดเสียงกระอักเลือดฟุ้งออกมาร่างกายบอบช้ำจนไม่สามารถทนพิษความบาดเจ็บตามเรือนร่างได้อีกต่อไป
“เพราะอะไรกัน ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าก็เป็นบุตรสาวของพระองค์เช่นกัน แต่ทำไมเสด็จพ่อไม่เคยมอบความรักความอบอุ่นให้ข้าเหมือนกับซูหนี่ ทำไมทุกครั้งข้าต้องเป็นฝ่ายถูกรังแกเสมอมา ครั้งนี้ก็เช่นกัน ข้าไม่ได้ทำร้ายซูหนี่แม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ำ”
“เพียงแต่............” นางนึกย้อนกลับไป “เสด็จพี่หม่อมฉันจะทำให้พระองค์รู้ว่าเสด็จพ่อไม่เคยต้องการพระองค์แม้แต่น้อย ต่อให้พระองค์ต้องตายต่อหน้าเสด็จพ่อก็ตาม ถ้าพระองค์ไม่เชื่อหม่อมฉันจะพิสูจน์ให้เห็นเดี๋ยวนี้” ซูหนี่หยิบฟืนไม้ที่ใช้สำหรับก่อไฟขูดลงที่แขนของตนจนเป็นแผลลึกมีเลือดไหลออก
“ไทเฮาเสร็จ” ไทเฮาแคว้นหานมีนามว่า หยางกุ้ยเฟย ผู้ที่ฝ่าบาททรงไม่กล้าขัดในรับสั่งของพระองค์ โดยปกติพระองค์จะไม่มาวุ่นวายในราชสำนัก เพราะจะทรงให้อำนาจฝ่าบาทตัดสินใจเองอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเมื่อใดฝ่าบาททรงทำเกินกว่าเหตุอันสมควร และมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไปรายงานต่อตน พระองค์จะไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนว่าควรเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือไม่
ไทเฮารีบเดินเข้ามาภายในตำหนักเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้า “ซูฮวา” น้ำตาหยอดหนึ่งของนางได้ปลิวไปกับสายลมด้วยความรู้สึกรวดร้าวอาลัยสัมผัสพระหัตถ์ของพระองค์ “เกิดเรื่องอันใดขึ้น” ก่อนพระองค์จะปาดหยาดน้ำตาบนใบหน้าให้นาง ความทรมานกลุ้มรุมแผดเผาหัวใจให้เร่าร้อนเหมือนฟอนต์ไฟ
ซูฮวาไม่สามารถทนพิษความเจ็บปวดได้อีกต่อไป ฉลองพระองค์ของนางแปดเปื้อนไปด้วยเลือด “ไทเฮาเพคะ” เสียงเรียกของนางครั้งสุดท้ายก่อนจะวูบหมดสติไป “ข้าคิดมาโดยตลอดที่ทุกอย่างเป็นเช่นนี้เป็นเพราะข้าที่เกิดเป็นหญิง ถ้าข้าเกิดเป็นชายมีหรือที่เสด็จพ่อจะเกลียดชัง แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมซูหนี่ก็เป็นหญิงเช่นเดียวกับข้า แล้วทำไมเสด็จพ่อถึงรักเพียงแต่นางกันเล่า”
ผลงานอื่นๆ ของ ผ่องลือ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ผ่องลือ
ความคิดเห็น