วังวนแห่งทวยเทพ - นิยาย วังวนแห่งทวยเทพ : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    วังวนแห่งทวยเทพ

    ”ผมมองนัย์ตาสีแดงที่แสนจะว่างเปล่าของคนที่ขึ้นชื่อว่าคนรัก คนที่ผมรักสุดหัวใจ ผู้ชายคนนี้คนที่เป็นทั้งชีวิตของผม แต่ผมควรพอกับเขา กับคนที่โหดร้ายกับผมได้ถึงเพียงนี้ ”

    ผู้เข้าชมรวม

    82

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    82

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 มิ.ย. 66 / 22:36 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ, มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่1 เศษเสี่ยวความทรงจำ

    “ ไม่ว่าชาติใดขอให้เราได้อย่าพานพบมาเจอกันอีก…….ขอให้รักนี้เป็นรักสุดท้ายระหว่างท่านกับข้า…ข้าเหนื่อยเหลือเกินกับการรักคนเยี่ยงท่าน อย่าตามหาข้าไม่ว่าชาติใด…ขอให้ชะตาของเราสองคนจบกันในเพียงชาตินี้ ”

    ”ผมมองนัย์ตาสีแดงที่แสนจะว่างเปล่าของคนที่ขึ้นชื่อว่าคนรัก คนที่ผมรักสุดหัวใจ ผู้ชายคนนี้คนที่เป็นทั้งชีวิตของผม แต่ผมควรพอกับเขา กับคนที่โหดร้ายกับผมได้ถึงเพียงนี้ ”

    ผมลืมตาตื่นมาในตอนเช้า พร้อมกับเสียงเคาะประตูดังลั่น

    “ เอวาาา แกจะตื่นกี่โมงของแกเนี่ย ของที่ลูกค้าเขาสั่งไว้แกจะไปส่งเขาทันไหนเนี่ย ”

    ผมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายกับการปลุกอันแสนจะได้ผลแบบทันทีกับผม กับการปลุกฉบับคลาสิคของแม่

    “ ตื่นแล้วแม่จ๋าาาา ค่อยๆ ปลุกหนูแบบที่แม่คนอื่นเค้าปลุกลูกด้วยความนุ่มนวลบ้างได้ไหมจ้ะแม่ ”

    “ เออะ ”

    ร่างโปรงมองดูนาฬิกา แต่แล้วก็ต้องเด้งตัวออกจากเตียงนอนสุดรักด้วยความไวแสง เพราะมันสายจริงอย่างที่แม่ผู้บังเกิดเกล้าบอก

    ผมล้างหน้าแปรงฟันด้วยความไวชนิดที่ว่า อีกนิดก็แทบจะวิ่งผ่านการแปรงฟันและล้างหน้ากันเลยทีเดียว ร่างโปรงรีบลงจากบันไดด้วยความรวดเร็ว แต่ต้องหยุดชะงักลงทันทีกับคำทักทายยามเช้า ของพ่อผู้อันเป็นที่รักของลูกอย่างยิ่ง

    “ เอวา เอ็งอย่าลืมข้าวต้มพ่อนะ “

    “ พ่อออออ!!!!!! หนูรีบอยู่เนี่ยยย หนูไปแล้ว เดี๋ยวหนูซื้อมาฝาก “

    เอวาขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ร่างโปรงรีบขึ้นรถกระบะ 4*4 ของตนเองด้วยความคล่องแคล่ว

    รถกระบะวีโก้ 4 ประตู 4*4 บรรทุกของมาเต็มกระบะรถ แล่นบนท้องถนนด้วยความเร็ว 80 กม./ชม ร่างโปร่งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แต่ในขณะเดียวกันก็ชะงักกับความฝันเมื่อคืนอันแสนเลือนลาง

    “ มีคนรักงั้นเหรอ ตลกละ ฝันว่ามีคนรักที่โคตรจะหล่อเหอะ แล้วดันไปหักอกเขา บอกตัดสัมพันธ์กันแบบไร้เยื่อใยเนี่ยนะ ทั้งๆ ที่เราแทบจีบใครไม่ติดเลยด้วยซ้ำ ” ร่างโปร่งพึมพำ ” แล้วหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งคล้ายคนเสียสติ

    “ ฟู่วว เหนื่อยชะมัดแถมร้อนตับแทบแลป วันนี้ก็ส่งของได้ตามเป้าหมาย ”

    ผมรู้สึกเหนื่อยกับการส่งของช่วงเช้า ก็เลยแอบอู้ไปแอ๊วแม่ค้าขายน้ำและแม่ค้าข้ามต้มที่อายุปาไป 60 กว่าๆ กันได้แล้ว ผมจอดรถไว้ตรงหน้าร้านทองและเดินเท้าข้ามถนนไปยังตลาดสดที่มีของที่ผมต้องการทั้งสองอย่าง

    ในระหว่างที่ร่างโปร่งนั้นคุยกับแม่ค้าอย่างออกรส แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่ง

    “ โห!! ใครละนั้นหล่อมว๊ากกกก ขาวแบบแสบตาโอโม้ยังอาย5555+ ว่าแต่ป้ารู้จักป่ะ หล่อจนชายแท้อย่างผมนี่ยังอยากได้เป็นแฟนเลยยย ”

    “เอะ เอ็งนี่ยังไง ก็นั้นเจ้าออส ลูกเจ้าของร้านทองไง สมงสมองเอ็งนี่มันไหลออกหูหมดแล้วหรือไงเจ้าวา ”

    “ โห!!! ป้าาาาาา แล้วจำเป็นต้องว่า วาขนานี้เลยเหรอเนี่ยยยยยย ”

    “ เอ้านี่ข้าวต้มกับน้ำเอ็ง ”

    “ โอะ ขอบคุณคร้าบบบบบบ โหหหหหแถมอีกละ ตบหัวลูบหลังเก่งนะเราอะ 555+ ”

    ผมเดินกลับมาที่รถของตัวเองอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับนึกถึงคำพูดของป้าแกเมื่อกี้ “ ก็นั้นเจ้าออส ลูกเจ้าของร้านทองไง “ ออสติน คนนั้นนะหรือ ผมแทบไม่มีคำทรงจำเกี่ยวกับหมอนี่สักเท่าไหร่ เท่าที่จำความได้ รู้เพียงว่า หมอนี่หล่อมาก และไปที่ไหนผมมักเจอเขาแบบบังเอิญ ไม่ว่าในห้องสมุดโรงเรียน หรือตามอัศจรรย์ ที่ผมมักไปซ้อมกีฬา ตอนนั้นผมก็แอบสงสัยว่าหมอนี่เขาตามผมหรือป่าว แต่ความเป็นจริงแล้วดันเป็นผมซะเองที่โดนหาว่าเป็นสตอกเกอร์ตามเขา ไปที่ไหนทำไมเขาถึงเจอแต่ผมตลอดเวลา…….ผมใบ้กินทันทีที่โดนกล่าหาแบบนั้น

    “ หล่อตายเลยครับพี่ครับ ”ร่างโปร่งพึมพำ พร้อมเบะปากมองบนไปทางลูกเจ้าของร้านทองที่ยืนหันหลังให้กับร่างโปร่ง ในจังหวะเดียวกันนั้น ร่างสูงของออสตินหันกลับมาประจันหน้ากับเอวาในขณะที่เจ้าตัวดันทำหน้าประหลาดอยู่ ด้วยความตกใจเอวาจึงทำหน้าตาเหลอหลาแทบจะทันที ออสตินเห็นดังนั้นจึงยิ้มมุมปากเล็กน้อย กับท่าทางโกะๆ ของอีกคนไม่เปลี่ยนแปลง

    “ ตายหองละต้องเดินไปเอารถฝั่งร้านทองนี่หว่า ” ผมรู้สึกเขิดนิดๆ ที่ทำหน้าทำตาใส่ออสตินแล้วหมอนั่นดันหันมาเห็นแบบพอดิบพอดี

    หลังจากที่ผมเดินข้ามถนนมายังรถของตัวเอง ในระหว่างที่ผมกำลังจะสตาร์ทรถ จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนฝันในขณะที่ยังตื่น และบรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนไป สถาณที่ก็ดูแปลกตา ที่แห่งนี้เป็นเหมือนแอ่งน้ำขนาดกว้าง และเศษศากปรักหักพังต่างๆ ที่เหมือนจะถูกทิ้งร้างมานานมากๆ แล้ว

    เบื้องหน้าผม มีชายสองคนกำลังพูดคุยอะไรกันสักอย่าง ซึ่งผมแทบจะไม่ได้ยิน ผมจึงเปิดประตูรถออกไปเพื่อลงไปฟังให้ได้ยินในสิ่งที่สองคนนั้นกำลังพูดคุยกัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่านั้นคือผมอีกคนที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้น กับอีกคน ที่ยืนจ้องไปยังผมที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่

    “ ท่าน……. เคยรักข้าจากใจจริงบ้างไหม ” เสียงแผ่วเบาเอื่อนเอ่นปนเว้าวอนของร่างโปร่ง

    “……… เจ้า ไม่เคยเป็นอะไรเลยสำหรับข้า ไม่เคยเลย มีเพียงพลังของเจ้าที่ข้าต้องการมันมาตลอด ” สายตาเย็นชาที่มองมายังอีกบุคคลหนึ่งนั้นช่างว่างเปล่า

    จู่ๆ ร่างของเอวาที่กำลังยืนอึ้งกับสถานการณ์ตรงหน้าก็ทรุดตัวลง พร้อมกับอาการเหมือนคนที่หัวใจแตกสลาย “ นี่เรา อะ อึก เป็นอะไร ” พร้อมกับน้ำตามากมายที่ไหลรินเหมือนสายเลือด

    มือปริศนาโผล่มาจากความมืดทางด้านหลังของร่างโปร่งที่กำลังทรุดตัวนั่งร้องไห้อย่างหนัก “ที่รัก ข้าเจอเจ้าแล้ว ได้โปรด ทุกสิ่งล้วนเป็นความผิดของข้า ”

    จู่ๆ ร่างโปร่งก็เกิดอาการเกรี้ยวกราดอย่างหนัก พร้อมกับหันไปเผชิญหน้ากับ ก้อนกลุ่มสีดำด้านหลังและกรีดร้องออกมาอย่างคนเสียสติ

    “ ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ไม่……… จะ เจ้าแค่ต้องการในสิ่งที่ข้ามีออส เจ้าไม่เคยแม้แต่จะสนใจข้า เมื่อใดที่ข้านั้นใช้พลังเจ้าแสดงออกมาตลอดว่าอยากจะครอบครองมัน เป็นข้าเสียเองที่หน้ามืดตามัวกับความรักจอมปลอมนั้น ”

    “ทะ ที่รัก มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดเลย ข้าขาดเจ้าไม่ได้ ได้โปรด ได้โปรดเอวาที่รัก ได้โปรดอย่าทำแบบนี้ ”

    ดวงตาของเอวา เปล่งแสงสีทองวาาโรจน์ พร้อมกับยืนประจันหน้ากับกลุ่มก้อนสีดำที่บัดนี้ได้กลายเป็นร่างชายหนุ่ม นัย์ตาสีแดงแสนเศร้าคู่นั้นมักทำให้เขาใจอ่อน และเป็นอีกหลุมพรางที่มักทำให้เขาหลงลืมว่าตัวของออสตินผู้นี้นั้นเคยเลวร้ายกับเขามากแค่ไหน

    “ เจ้าเข่นฆ่าพี่น้องของข้า และพลังหมุนเวียนของเหล่าเทพของข้า แล้วเจ้าจะให้ข้าให้โอกาศเจ้าได้เยี่ยงไร ออส ในเมื่อ ข้าไม่เหลือแม้แต่พลังที่จะให้ตัวข้าเองนั้นจะได้กลับไปได้ด้วยซ้ำ ”

    “ ขะ ข้า ขอโทษเอวา อึก ข้า ”

    “ชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายของข้า เจ้ากับข้าเราจะไม่ได้กันเจออีกตลอดไปจะไม่มีชาติหน้าสำหรับเรา ข้าจะไม่ใช่พลัง ไม่ใช่สรรพสัตว์ ไม่ใช่อะไรเลย ไม่ใช่อะไรสักอย่างสำหรับเจ้าออส จงรับรู้ในสิ่งที่เจ้ากระทำออสติน ”

    ดวงตากลมดูเศร้าโศกในเวลาเดียวกันแต่ก็แฝงความอ่อนแอนในดวงตาคู่นั้น

    “ ถ้าเจ้าเพียงแย่งชิงพลังของข้า ข้าก็คงให้อภัยเจ้า แต่เจ้าดันทำลายโลกที่ก่อกำเนิดตัวข้าและกำเนิดซึ่งพลังของข้า ”

    “…………”

    ร่างโปร่งของเอวา ซวนเซจวนจะล้มลงพร้อมกับภาทุกอย่างถูกตัดไป

    ปัจจุบัน

    ร่างโปร่ง สะดุ้งสุดตัว น้ำตาเม็ดใสร่วงหล่นออกจากตาดวงกลมเขารู้สึกตัวทันทีที่มีอีกบุคคลมาเคาะกระจกรถ เอวา รู้สึกทั้งตกใจจากการฝันกลางวันของตนและตกใจกับเสียงเคาะกระจกที่มันไม่ได้รุนแรงแม้สักนิดเดียว

    “ ทะ ทำไมต้องเคาะกระจรถแรงด้วยละ อะอึก ฮืออออออ ”

    ออสติน ตกตะลึงกับการตกใจจนร้องให้ของร่างโปร่งตรงหน้า นี่เขาเคาะแรงไปจริงๆ งั้นหรือ สงสัยเอวาจะรักรถคันนี้มากๆ เลยสินะ

    “ อะ เอ่อ ฉันขอโทษ ฉันแค่จะขอติดรถนายไปหาแม่นายที่บ้านหน่อย ”

    “ อะ อึก ดะ ได้สิ ฮือออออออ…….. ” นี่ผมเป็นอะไรอีกละเนี่ยยิ่งพอเห็นหน้าออสตินผมก็ยิ่งน้ำหูน้ำตาไหลออกมา ยิ่งอยากให้เขาเอาใจซะงั้น นี่มันบ้าอะไรกันคับเนี่ยยยยยยยย!!!!!!!!!!!

    “ นายโอเคไหมวา ให้ฉันขับแทนก็ได้นะ ”

    คำที่เปล่งออกมานั้นมันทำให้ผมรู้สึกใจฟูกับการเอาใจใส่ของเขา แต่เดี๋ยวก่อนนะ ฉันกับนายเราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ เรารู้จักกันแค่ผิวเผินนี่หว่า ต่อให้พ่อแม่เรารู้จักกันแต่ไม่ได้หมายความว่า ผมกับออสตินเราสนิทสนมกันขนาดนั้นนี่ มันออกจะแปลกๆ แฮะ

    ผมอยากให้เขาขับรถให้อยากเอาแต่ใจ แต่มันก็ขัดใจผมแปลกๆ เพราะผมนั้นหวงรถของผมสุดๆ ถึงมันจะไม่ได้เท่หรูหรามากมายแต่ผมเคยขับของผมคนเดียวมาตลอดนี่นา แต่สภาพนี้ผมคงจะอวดเก่งอยากจะขับเองแล้วพากันลงคลองข้างทางเป็นแน่

    เอาไงดีวะจะบอกให้นั่งวินไปเองก็ดูแย่แปลกๆ

    “ อะ เอาสิ ขับให้หน่อยฉันน่าจะ…… ขับไม่ค่อยไหว ” ร่างโปร่งพึมพำกับตนเอง

    อะไรของมึงวะวา อ่อนแอชิบหายเลย ยกของหนักกว่าตัวก็ทำได้ แขนหักยังขับรถได้ ผมจะบ้าตายกับความสำออยของตัวเอง บ้าบอมาก แล้วกูเป็นสากกะเบืออะไรทำไมต้องร้องไห้เนี่ยยยยยยยยย!!!!!!!!!

    ร่างสูงยิ้มออกมาอย่างปิดไม่มิดกับประโยคอณุญาตของร่างโปร่ง

    “ โอเค งั้น นายมานั่งฝั่งนี้นะ ”

    “ อะ อืม ”

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น