สงครามฝ่าวีรชน
นายทหารที่ถูกคัดเลือกให้ร่วมรบในสงครามที่ทั้งโลกจะตั้งสั่นสะเทือน ไม่ว่าท้องฟ้าหรือพื้นดินก็มีเพียงการสู้รบและการห้ำหั่นไร้ซึ่งความสงบและการเริ่มต้นในครั้งอดีตกาล
ผู้เข้าชมรวม
340
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สงครามโลกครั้งที่ 1 การเริ่มต้นของหายนะที่เกิดขึ้นโดยมีมวลมนุษยชาติเป็นต้นเหตุ
สงครามโลกครั้งที่ 2 การสร้างระเบิดปรมาณูและเหตุการณ์สำคัญที่สืบต่อ
ไม่มีสิ่งใดจบลงด้วยสันติภาพหรือถ้ามันเป็นเช่นนั้นก็ราวกับปาฎิหารย์ เหล่าทหารทุกนายจับกระบอกปืนอย่างไม่เกรงกลัวเพื่อปกป้องเหล่าสหายพวกเขาทุกคนต่างพร้อมที่จะแลกด้วยชีวิต
เมื่อครั้งอดีตกาลเหล่ากองอัศวินแห่ง คาเมล็อตผู้ภักดีต่อผู้เป็นกษัตริย์ต่างจับดาบเพื่อสิ่งที่ตนปราณนาและเจตจำนงของผู้เป็นนายและจุดจบที่แสนน่าอนาถแต่แลกกับเกียรติของผู้เป็นอัศวิน
สงครามที่เหล่านักรบสปาร์ตันผู้ห้าวหาญที่สู้จนถึงแก่กรรมแต่ไม่เคยถอยหนีแม้แต่นิด กลับเข้าไปสู้กับศัตรูอย่างองอาจ
ตลอดหลายพันปีสิ่งที่เรียกว่าสงครามก็ไม่ต่างอะไรจากความตายที่เริ่มและสิ้นสุดโดยมนุษย์ถึงจะเป็นสงครามเพียงเล็กน้อยแต่มันก็ส่งผลถึงทั่วโลกไม่มีวันหยุดหย่อน
คำทำนายแห่งหายนะได้เริ่มต้น
ในศูนย์ฝึกพลทหารบกที่สหรัฐอเมริกา
"นายทหารทุกนาย!!!!"
เสียงตะโกนดังลั่นของจ่าสิบโทหน้าตาไม่รับญาติที่สั่งให้ไปวิ่งรอบสนามจนกว่าจะอ้วกแตก
อากาศที่แจ่มใสท้องฟ้าเปิดแบบนี้แต่กลับจะต้องมาจับปืนที่แสนน้ำหนักมากแต่สามารถเลือกได้ตามต้องการว่าต้องการฝึกรูปแบบไหน แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่ได้อยากจะเป็นทหารแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา
เหมือนกับซวยซ้ำซวยซ้อน พระเจ้าต้องการจะลงโทษผมเลยถูกจับให้ไปประจำตำแหน่งเป็นหน่วยรบพิเศษโดยที่ผมไม่ใช่คนที่เซ็นสัญญายินยอมเลยแม้แต่น้อย
ในยุคที่มีการพัฒนามากกว่ายุคเมโสโปเตเมียหรือโรมัน
ตามหลักแล้วนั้น มนุษย์ควรที่จะมีความรู้และรับรู้ถึงผลกระทบที่จะตามมา
ความโกลาหล สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุด...ไม่ว่าจะทำยังไง จะเกลี้ยกล่อมแบบไหนก็ไม่มีท่าทีที่จอมพลจะยอมยุติ
ก็คงจะห้ามไม่ได้มากเพราะผมก็เป็นแค่พบทหารที่เกลียดคร้านในสงครามก็เท่านั้น
"พลทหาร แอลเจอร์ ทอเลมี มายืนตรงนี้"
"ครับจ่า!"
ผมถูกเรียกไปยืนข้างหน้าแถวและผมก็เหลือบไปเก็นว่าทุกๆคนกำลังทำสีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างมากนั้นทำให้ผมแอบกังวลไปด้วย
ตุบ
ถูกจ่าเวรนี่ต่อยเข้าที่ท้องอย่างจัง
"อึก..."
ผมแทบทรุด อยากตอบโต้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะรู้ว่าถ้าเกิดตอบโต้จนทำให้มันร้องโอดครวญขึ้นมาจะยุ่งเอา
"อย่าคิดว่าคนอย่างฉันจะไม่รู้...ว่าแกไปแอบนินทาฉันเมื่อคืนก่อน"
ผมรีบลุกขึ้นด้วยนัยน์ตาที่ไม่เข้าใจในคำพูดของจ่าสิบโทคนนี้ ผมไม่รู้จักชื่อหรอกเพราะเกลียดขี้หน้าถึงจะมีชื่อปักเอาไว้อยู่แต่ผมก็มักจะเมิน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริงที่ผมไม่ชอบเขาแต่ผมไม่เคยนินทาหรือว่าร้ายใครลับหลังต้องมีใครทำข่าวปลอมนี้ขึ้นมาเป็นแน่
"ลุกขึ้นพลทหาร! และจงยอมรับผิดที่แกเป็นคนก่อเอาไว้!"
ผมลุกขึ้นยืนและตบเศษขี้ดินที่ติดกับกางเกงทั้งสอง
และกลับมายืนตรงด้วยท่าตะเบ๊ะ โดยที่ยังมีความรู้สึกจุกๆที่ท้อง
ผมไม่ชอบการที่จะถูกใส่ร้ายจึงยอมไม่ได้ที่จะต้องมาถูกทำร้ายทั้งๆที่ตนนั้นยังไม่ได้แก้แค้น
"สิ่งที่จ่าได้ฟังและนำข้อมูลมานั้นไม่มีมูลแม้แต่นิดครับ!"
จ่าคนนั้นทำสีหน้ามึนงง
"...ไหนว่ามา"
"ถ้าเป็นตามที่ผมคิด จ่าน่าจะได้ฟังข้อมูลนี้ในวันพุธตอนเที่ยงคืนเป็นจริงรึเปล่าครับ!"
"อะ...อื้ม แล้วยังไงล่ะ?"
"ถ้าเป็นอย่างงั้นผมขอชื่อของคนที่เอาไปบอกจ่าได้รึเปล่าครับ"
ผมพูดทั้งที่ยังตั้งท่าเดิมอยู่
"ดาเวน คอบิน!"
จ่าสิบโทเรียกชื่อเพื่อเป็นสัญญาณ
"จ่าครับ ดาเวนมันหนีไปแล้วครับ!"
เป็นไปตามคาด เพราะกลัวว่าจะถูกจับได้เลยหนีไปก่อน
แต่ก็ใจกล้าไม่เบาที่ถึงกับกนีออกจากหน่วยแบบนี้โดยที่ที่นี่คือศูนย์ฝึกแนวหน้าของประเทศแต่กลับหนีความผิดข้อหาปรักปรำผู้อื่นแบบนี้ไม่โดนไล่ออกจากประเทศก็คงได้ติดคุกสถานเดียว
"จะคิดว่าครั้งนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน แต่จำเอาไว้ว่าแกไม่ควรจะทำเรื่องแบบนี้"
การลงโทษได้สิ้นสุดลงแต่การไล่จับตัวร้ายในคราวนี้นั้นยังไม่จบลง
แอลเจอร์ผู้รอบรู้
นั้นคือฉายาของผมตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนนายร้อย
ผมแอบเขินๆกับฉายาที่ได้มาแต่ก็ไม่ได้รังเกียจ
เท่าที่ได้ข่าว ดาเวนน่าจะหนีไปได้ไม่ไกลมากนักน่าจะห่างจากศูนย์ฝึกไป 4 ไมล์
แต่ก็ถูกพวกพลโทจับมาได้และลงโทษอย่างสาสมโดยที่ผมไม่ได้รับผลกระทบ
ตกดึกคืนนั้น
ผมนอนลงบนเตียงแข็งๆและพึมพำกับตัวเองว่าอยากออกไปจากที่นี่ แต่ก็ต้องรีบกลับมานั้งและหันไปมองท้องฟ้ายามราตรีที่แสงจากดวงจันทร์นั้นถูกเมฆบดบัง
ผมเอื้อมมือและรำพึงกับตัวเองในใจ ถ้าฉันย้อนเวลาได้...ฉันจะแก้หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่ฉันไม่ชอบ ฉันจะแก้ไขมันให้หมดคอยดู
เป็นเหมือนการขอไปเที่ยวหน้าร้อนแต่ก็ทำได้แค่ขอ
ผมกลับมามองที่มือของตนเอง
"...ถ้าเป็นเราจะทำได้รึเปล่านะ...ไม่สิถ้ารอดชีวิตจากตรงนี้ไม่ได้ก็อย่าหวังเรื่องเพ้อฝันอย่างงั้นได้เลย"
พูดอย่างงั้นเสร็จก็เผลอหลับลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว
.
.
.
.
.
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ตู้ม! ปั้ง! ตู้ม!
เสียงของปืนและระเบิดได้เปิดฉาก นั้นทำให้แอลเจอร์ตื่นขึ้นโดยที่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและพอมองออกไปนอกหน้าต่างก็รู้ได้ทันทีว่าพวกรัสเซียและอิตาลีบุกมาโจมตีในช่วงทีเผลอ
"เช็คทุกห้องให้หมด!"
ภาษารัสเซีย
และก็มาถึงห้องของผม มีทหารนายนึงเข้ามาแต่ผมก็หลบอยู่ตรงหลังประตูและใช้มีดสั้นแทงสันหลังคอโดยที่ไม่มีเสียงร้องออกมา
ถึงจะไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ที่ผมเข้าใจตอนนี้คือผมต้องรอดจากเหตุการณ์นี้ให้รอดและมีชีวิตกลับไปโดยที่ร่างกายต้องครบ 32
จะยุคสมัยไหนก็ไม่ต่างกันนี่คือแก่นแท้ของมนุษย์การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ สุดท้ายผมก็จำใจเอาไว้แล้วว่าจะขอไหลตามกระแสน้ำนี้ไปถึงแม้ว่าทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังจะมีแค่ซากศพของเหล่าวีรชนครั้งอดีตก็ตามแต่ผมจะแหกด่านนั้นให้ได้เพราะนี่คือสงครามฝ่าวีรชน
ผลงานอื่นๆ ของ pavee567 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ pavee567
ความคิดเห็น