บุตรชายคนโตของดยุคเป็นคนดี

ในราชอาณาจักรเครปวาลอนที่ถูกปกครองโดย ราชวงศ์แวนเดนเบิร์ก มีสามตระกูลใหญ่ที่คอยดูแลด้านต่างๆของราชอาณาจักรแห่งนี้ได้แก่ เมนเคนผู้ปลอบโยน เกรกอริผู้เฝ้ามอง และ แอชฟอร์ดผู้เป็นคมดาบ โดยหน้าที่ของทั้งสามตระกูลจะแตกต่างกันออกไป 

ตระกูลเมนเคนมีหน้าที่ในการดูแลและสนับสนุนราชวงศ์ในด้านต่างๆรวมถึงกิจการในพระราชสำนักและการพิพากษาคดีให้ประชาชน 

ตระกูลเกรกอริทำหน้าที่ติดต่อการค้าขายกับต่างประเทศ การจัดเก็บภาษีอากรจากประชาชนและรายได้ของราชอาณาจักรเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของคนในอาณาจักรและการควบคุมราคาสินค้าของตลาดและเก็บรักษาเสบียงอาหารเพื่อใช้ในยามสงคราม 

และสุดท้ายตระกูลแอชฟอร์ดซึ่งทำหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักรและความทุกข์สุขของประชาคน ปราบปรามโจรผู้ร้าย ตัดสินคดีร้ายแรงรวม 

ด้วยความจำเป็นที่จะต้องใช้ความรุนแรงอยู่เสมอ ความแข็งแกร่งและทรงพลังของสมาชิกในตระกูลแอชฟอร์ดจึงเป็นที่น่าเกรงขามอย่างมากในสายตาของสาธารณชน 

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่หลายคนกังวลอะไรมากเพราะบุคลิกของเหล่าสมาชิกในตระกูลแอชฟอร์ดนั้นเป็นมิตร พวกเขาเป็นคนที่ ใจดี เอาใจใส่ และตรงไปตรงมา หากได้มีโอกาสมาพูดคุยกับหนึ่งในสมาชิกของตระกูลนี้เขาจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจและเชื่อใจพวกเขาอยู่เสมอ 

ทำให้ให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาในสายตาของสาธารณชนค่อนข้างที่จะไปในทางด้านบวกมากกว่าด้านลบ สถานะของตระกูลแอชฟอร์ดเป็นเช่นนี้อยู่เสมอจนกระทั่งช่วงที่ 'อัลดราศ' แอชฟอร์ด ผู้ดำรงตำแหน่งดยุคแอชฟอร์ดรุ่นที่ 6 ให้กำเนิดลูกชายคนแรกของเขา 

เหตุที่ข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลแอชฟอร์ดเริ่มเบี่ยงเบนไปทางด้านลบมากขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวอัลดราศหรือตระกูลแอชฟอร์ดโดยตรงแต่อย่างใด มันเกี่ยวข้องกับตัวของลูกชายของเขาหรืิอ 'อาราด' มากกว่า 

ต้องเข้าใจก่อนว่า บุคลิกภาพของอาราดนั้นค่อนข้างพิเศษ เขาดูตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและด้วยในตาที่มีลักษณะเป็นวงรีในแนวตั้งเหมือนกับพวกงูที่ออกหาอาหารในยามราตรีทำให้เวลาที่เขาจ้องมองใครนานๆมันให้เหมือนเขากำลังหาจุดอ่อนของคนคนนั้นอยู่ นอกจากนี้อาราดยังชอบยิ้มอยู่ตลอดเวลาอีกด้วยถึงแม้การยิ้มเพื่อแสดงความเป็นมิตรจะเป็นเรื่องดีแต่รอยยิ้มของเขาไม่ได้ความรู้สึกแบบนั้นเลย มันเหมือนกับว่าเขาต้องการเย้ยหยันในทุกเรื่องทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นรอบตัวของเขา

ด้วยเหตุผลนี้ทำให้นอกจากครอบครัวของเขาแล้ว หลายคนเลือกที่จะตีตัวออกห่างจากอาราดทำให้เขาไม่มีคนสนิทมาคอยแก้ต่างให้กับข่าวลือที่เกิดขึ้นรอบรอบตัวเขา ข่าวลือจึงผุดเป็นดอกเห็ด 

ในครั้งแรกคงเป็นตอนที่เขาอายุ 6 ขวบ อาราดไปเจอกับค้างคาวใกล้ตายอยู่ที่สวนหลังคฤหาสน์ เขาได้ตัดสินใจรักษาและนำค้างคาวตัวนั้นมาเลี้ยง ก็มีข่าวลือออกมาว่าหากใครทำให้อาราดไม่พอใจเขาจะสังหารคนคนนั้นแล้วนำเลือดไปให้ค้างคาวของเขากิน 

ส่วนครั้งล่าสุดช่วงที่อายุได้ 15 ปี อาราดพบว่าเขามีความถนัดในเวทหุ่นเชิดขั้นสูง จึงมีข่าวลือว่าเขาแอบไปขุดเอาศพของอัศวินที่มีความสามารถมาทำเป็นหุ่นเชิด นอกจากนี้ยังมีอีกหลายข่าวลือที่ไม่มีที่มาแต่เป็นเพียงเรื่องที่คนเขาลือกันโดยไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยันอีกมากมาย

ถึงแม้ความจริงเขาจะไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นเลยก็เถอะ…….