ภารกิจแห่งสายนที (THE IRRIGATE MISSION) - นิยาย ภารกิจแห่งสายนที (THE IRRIGATE MISSION) : Dek-D.com - Writer
×

    ภารกิจแห่งสายนที (THE IRRIGATE MISSION)

    ผู้เข้าชมรวม

    788

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    788

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  19 มี.ค. 67 / 14:47 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เรื่องย่อในนวนิยาย

     

         สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน ผมมีนามว่า "หนุ่มเลขานุการ" เพิ่งมาสร้างบล็อกนิยาย ปกติไม่เคยเขียนแนวนี้มาก่อน  แต่ที่มาของการเขียนนิยายออนไลน์ก็คือว่าตัวผมเองโสดมาพักใหญ่ล่ะ (ไม่รวมคบระยะสั้นๆอ่ะนะ 555+ เพราะไม่นานจริงๆ) เป็นคนขี้เหงา อยู่คนเดียว ไปเที่ยวไหนมาไหนก็คนเดียว ชิลล์ได้เรื่อยเปื่อย มันก็มีความสุขนะ อันที่จริงมีเพื่อนแหละครับ แต่ต่างคนต่างทำงานอ่ะนะ กับเพื่อนร่วมงาน ก็เม้าท์มอยกันที่ทำงานแค่นั้นล่ะ คือเอาจริงๆ นะ ผมอ่ะเป็นคนที่ชอบพูดคนเดียว(แทบจะเป็นคนบ้าล่ะ! 5555) ชอบร้องเพลง เพลงฝรั่งอะไรงี้ เลยใช้นิสัยของตัวเองมาใช้ให้เป็นประโยชน์ดีกว่าซะเลยครับ ส่วนที่มาของคำว่า “หนุ่มเลขานุการ” นั้นคือผมเองเรียนสายอาชีวะมาครับ เลือกเรียนสาขาวิชาการเลขานุการตั้งแต่ ปวช. ถึง ปวส. แต่ ป.ตรี เรียน IM (การจัดการอุตสาหกรรม) ผู้ชายน้อยคนนักที่เรียนเลขานุการ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเรียนกัน สาขานี้เรียนเกี่ยวกับงานสำนักงาน พิมพ์หนังสือราชการ หนังสือธุรกิจ เขียนแผนธุรกิจเรียนกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ ฝึกพิมพ์ดีดด้วยเครื่องพิมพ์ดีด ฝึกบันทึกเสียงและถอดข้อความด้วยเครื่องบันทึกเทปเป็นม้วนๆ อ่ะ แต่ที่ยากที่สุดในสาขาวิชานี้และหลายๆคนยังไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเรียนด้วย นั่นคือ “การเขียนชวเลข” ยอมรับว่าต้องใช้เวลาเป็นปีๆ เลยนะครับ กว่าจะเขียนคล่อง และต้องเขียนตามเสียงด้วย   ตอนนี้ผมทำงานแล้วครับ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ผมเริ่มทำงานครั้งแรกอยู่ทำงานสนับสนุนในงานบริหารบุคคล ต่อมาได้บรรจุรับราชการในหน่วยงานหนึ่งด้านการวางแผนระดับชาติ ทำงานทั้งงานธุรการ งานสารบรรณ งานพัสดุ งานเลขานุการกอง และงานธุรการหน้าห้องที่ปรึกษาด้วย ก็ยอมรับว่า สากะเบือยันเรือรบ ปวดเศียรเวียนกะบาลเอาอยู่เลยล่ะครับ 555+ ทำงานได้สักพักก็ได้โอน(ย้ายต่างกระทรวงต่างกรม เรียกการย้ายว่า “โอน”)มาทำงานในหน่วยงานด้านน้ำ ก็แฮปปี้ดีครับ ช่วงเวลาการทำงานที่ผ่านมาก็ได้รับประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย ได้มีโอกาสเข้าหาผู้ใหญ่ รับฟังมุมมองความคิดของเขา พี่ ๆ น้อง ๆ ในหน่วยงานก็ช่วยเหลือดีมาก โดยปกติ ผมเองจะเขียนบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่พบเจอลงในสมุดโน้ต แต่พักหลังๆ จะเขียนเฉพาะมีเรื่องที่ไม่อภิรมย์เป็นครั้งคราว จึงมีแรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยายสักเรื่อง พล็อตเรื่องบางตอนมาจากประสบการณ์ในการทำงานจริงๆ เป็นนวนิยายชายกับชาย ไม่เน้นจิ้นมาก พบกันแบบไม่ถูกชะตากัน แต่โชคชะตาก็ดั๊น....พาทั้งคู่ร่วมงานกัน กับภารกิจโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เรื่องราวในหน้าที่ผู้รับใช้ประชาชน ความเสียสละ ความรัก ความเศร้า ดราม่า และมีแอ๊คชั่นเล็กๆ ด้วยเนื้อเรื่องจะแนวเป็นงานเป็นการมีการบรรยายความรู้ร่วมด้วย แต่ก็คงร่างพล็อตเรื่องอีกนานเลยล่ะ! ขอเวลาสำหรับร่างบทสนทนาซะหน่อย งานนี้ไม่ใช่ย่อยแน่ๆ เลยล่ะครับ ^_^

     

     

     

    แนะนำตัวละคร

    ตัวละครในเรื่อง ที่จริงแล้วมีหลายคนมาก เพราะเนื้อหานวนิยายนั้นเป็นลักษณะการทำงานร่วมกันหลากหลาย  ตัวละครหลักตามที่ระบุที่มีความสัมพันธ์ทั้งหน้าที่การงาน ญาติ เพื่อน และทางจิตใจ รวมถึงตัวละครย่อยที่ร่วมแจมเป็นช่วง ๆ จะใช้วิธีการเดินเรื่องของแต่ละตัวละครตามภารกิจเพื่อให้เกิดความอรรถรสในการอ่านครับ

    1.พระเอก  นายสินธุ์ พสุนธารา (สินธุ์) ข้าราชการตำแหน่งวิศวกรโยธาระดับชำนาญการพิเศษ หัวหน้าแผนกวิเคราะห์และวางแผนงานก่อสร้าง กองบริหารงานก่อสร้าง นักเรียนทุน จบวิศวกรรมโยธาระดับมาสเตอร์จากต่างประเทศ หล่อ(แบบไทยๆ) หุ่นดี ผิวขาวเหลือง ผมทรงสั้น มีหนวดเครานิดหน่อย มีนิสัยติดดินมีความมุ่งมานะ ไม่ถือตัว แอบสายเถื่อนนิดหน่อย อดทน มีคุณธรรม มีความเป็นสุภาพบุรุษ ความรักจริงจัง ชอบเที่ยวทางธรรมชาติ รักการถ่ายภาพ  มีผู้ใต้บังคับบัญชา 3 คน คือ สุทัศน์ นวกิจ(ทัศ) วิศวกรโยธาปฏิบัติการ เมฆา เกิดเวหา(เมฆ) วิศวกรชลประทานปฏิบัติการ และพนา ประสิทธิ์ (ป่า) วิศวกรโยธาปฏิบัติการ

     

    2.นายเอก นายวิเชษฐ์  สาคร (เชษฐ์) ข้าราชการตำแหน่งนักบริหารงานทั่วไประดับปฏิบัติการ ปฏิบัติหน้าที่แผนกงานสารบรรณ กองวิจัยและบริหารทรัพยากรน้ำ ตัวเตี้ย(ไม่มาก)หน้าตาไทยๆ มีหนวดมีเคราเหมือนกันแต่มักจะโกนอาทิตย์ละครั้ง หุ่นธรรมดา มีเสน่ห์ มีนิสัยเอื้อเฟื้อ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น สายลุย มีความย้ำคิดย้ำทำ ชอบค้นหาความรู้ ฉลาด หัวไว รู้ทันคน ชอบปะติดปะต่อเรื่องราว รักครอบครัว จิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่แต่อ่อนไหวบางครั้ง ชอบเต้น ร้องเพลง  มีความเป็นสายนักสืบเล็ก ๆ ความสามารถพิเศษ การเขียนและถอดข้อความชวเลข

     

    3.พระร้าย 1  นายสุริยันต์  นพพิทักษ์ (ยันต์) เป็นผู้บริหารฝ่ายก่อสร้างสำนักงาน WD ตำแหน่งรองอธิบดี เป็นคนของนายดัสกร ผู้บริหารมลรัฐ เป็นคนที่มีความเด็ดขาดในการบริหาร หน้าตาคมเข็มดุดัน มีนิสัยพูดจาโผงผาง อ่านใจคนเก่ง มีอิทธิพลเหนือผู้อื่น เขาเป็นผู้มากบารมีเป็นที่เกรงขามต่อผู้คนในองค์กร เขามีประวัติมีส่วนพัวพันในการทุจริตของโครงการต่างๆ แต่เขาก็รอดคดีทุกครั้ง โดยได้รับความช่วยเหลือจากนายดัสกรเสมอ แต่ที่เขาเป็นแบบนี้เพราะเขามีปมในใจมาก่อน พ่อเขาเคยเป็นข้าราชการที่นี่ มีความตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ต่อกรกับอำนาจมืดมาตลอดจนพ่อเขาถูกลอบสังหาร จากน้ำมือเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด สุริยันต์จึงสอบเข้าทำงานที่นี่เพื่อมาล้างแค้นคนที่ฆ่าพ่อเขา นั่นคือ นายคมสันต์ ปราชัย อดีตอธิบดี เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาได้พยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้อยู่หน้าห้องอธิบดีและสร้างภาพไว้เนื้อเชื่อใจนายคมสันต์ได้ สุริยันต์จึงหาโอกาสจัดการโดยจ้างวานฆ่าคมสันต์ช่วงไปดูไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยเนื่องจากมีความสนิทสนมแต่เขาก็รอดมาได้ คดีลอบสังหารดังกล่าวจึงสรุปว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ สุริยันต์เมื่อได้มีโอกาสเป็นผู้บริหาร เขาก็ได้สร้างอำนาจ อิทธิพลมาโดยตลอด โดยสร้างคุณงามความดีบังหน้า สร้างเครือข่ายกับคู่ค้าและสมรู้ร่วมคิดหาผลประโยชน์ใส่ตัว ไม่ว่าจะเป็นการฮั้วประมูลก่อสร้าง ลอบบี้ตำแหน่งแก่พวกพ้อง ซึ่งมีนายดัสกรหนุนหลัง 

     

    4.พระร้าย 2 นายเอกราช บูรพา (เอก) ข้าราชการตำแหน่งวิศวกรโยธาระดับเชี่ยวชาญ ดีกรี จบ ป.เอก หน้าตาไทย ออกนักเลงนิดหน่อย มีนิสัยฉลาด ร้ายเงียบ เป็นแฟน(ลับ)กับสุริยันต์ ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้างานเลขานุการนายสุริยันต์ หรือว่าเป็นมือขวาเลยก็ว่าได้ เป็นคนของนายดัสกรเช่นกัน

    5.เพื่อนพระเอก มี 3 คน

     1. นายสุรชัย  เจนวานิช (ชัย) เป็นวิศวกรชลประทานระดับชำนาญการพิเศษ หัวหน้าแผนกวิจัย กองวิจัยและบริหารทรัพยากรน้ำ เพื่อนสนิทนายสินธุ์ เป็นเพื่อนตั้งแต่มัธยมจนถึงระดับวิทยาลัยเทคนิค จากนั้นต่างคนต่างไปเรียนสายเฉพาะทาง มีน้ำใจ ไม่เรื่องมาก เกรงใจลูกน้อง ไม่ค่อยเด็ดขาดในการบังคับบัญชา เน้นสอนงานมากกว่าว่ากล่าวตักเตือน มีความเนียมอายเล็กน้อย แอบชอบพี่สาวนายวิเชษฐ์ แต่ไม่กล้าบอกจนวิเชษฐ์ต้องคะยั้นคะยอจนเขาสารภาพรักต่อพี่สาววิเชษฐ์ 

    2. นายเจนภพ เกิดมานะ (ภพ) เป็นวิศวกรโยธาระดับชำนาญการ (เพื่อนร่วมงาน) ในแผนกงานก่อสร้าง กองบริหารงานก่อสร้าง เป็นคนที่แนวเพลย์บอย สายเที่ยวกลางคืน เคยร่วมงานโครงการกับสินธุ์แต่สุดท้ายถูกเพิกถอนจากโครงการเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ เคยมีเรื่องทะเลาะกับสินธ์ุ เนื่องจากไปกล่าวหาว่าสินธุ์มีรสนิยมเพศเดียวกันและแอบมีความสัมพันธ์กับเชษฐ์ สุดท้ายเขาถูกขับออกจากตำแหน่ง และ

    3. นายกีรติ อนุมาน (ตี้) วิศวกรโยธาระดับชำนาญการ หัวหน้าแผนกมาตรฐานวัสดุก่อสร้าง เป็นคนที่ตรงไปตรงมา ช่วยเหลือ ผอ.กอง และ สินธุ์ หนึ่งในกรรมการโครงการอ่างเก็บน้ำศรีธันดร 

    6.นายเจนจบ  บริรักษ์ (ผอ.เจน) ผู้อำนวยการกองวิจัยและบริหารทรัพยากรน้ำ ผู้เป็นนายระดับต้นของวิเชษฐ์ เป็นคนที่มีความอ่อนน้อม อ่อนข้อ ไม่มีความเข้มแข็งนัก หรือง่ายๆ คือ "ผู้นำอ่อนแอ" ยอมสยบต่ออำนาจมืด ในตอนที่นายสุริยันต์ขอให้วิเชษฐ์ไปช่วยงานเลขานุการ เขาไม่ปฏิเสธและยินดีที่จะสั่งการให้วิเชษฐ์ไปปฏิบัติราชการโดยไม่ถามว่าวิเชษฐ์เองจะยินยอมหรือไม่ทุกครั้งที่วิเชษฐ์ขอคำปรึกษา เขามักจะแค่แนะนำทุกครั้ง แต่....ไม่ได้คุ้มครองเลย

    7.นายประจักษ์  เกรียงไกร (ผอ.จักษ์) ผู้อำนวยการกองบริหารงานก่อสร้าง ผู้เป็นนายระดับต้นของสินธุ์ เป็นคนที่มีความอดทนสูง สายลุย ใจเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมอ่อนข้อต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ปกป้องลูกน้อง มีความเสียสละ ไม่ค่อยยอมคนเท่าไหร่นัก

    8.นางสาวอิงอร  เจริญศิลป์ (อิงอร) แฟนสาวสินธุ์ ข้าราชการตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารบุคคลระดับชำนาญการ เป็นคนเย่อหยิ่ง ไม่ยอมคน ชอบอวด แสดงความเป็นเจ้าของ เธอผู้ไม่ถูกชะตากับวิเชษฐ์ และสุดท้ายนายสินธุ์ก็เลิกรากันไปจนเป็นศัตรูกัน เธอร่วมกับเอกราชเพื่อวางแผนกำจัดวิเชษฐ์ แต่สุดท้ายเธอคือผู้ช่วยชีวิตสินธุ์เพื่อเป็นการไถ่โทษในสิ่งที่เธอกระทำและเป็นวิธีเดียวที่เธอทำให้อดีตแฟนได้

    9.นายดัสกร  อัครเสนา (ดัสกร) นักการเมือง ทำงานในตำแหน่งเลขาธิการแผนกทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานแห่งมลรัฐ ผู้กุมบังเหียนสำนักงาน WD เป็นนักการเมืองตัวฉกาจ มีความดุดัน ไม่พูดมากแต่ทำจริง ผู้บงการทุกอย่างเกี่ยวกับคดีทุจริต มีส่วนรับผลประโยชน์ จากโครงการมากมาย เขามักสร้างภาพตัวเองว่าเป็นผู้มีคุณธรรม ด้วยการสร้างโฆษณาชวนเชื่อมากมายจนเป็นที่รักของประชาชน สร้างวาทกรรมต่าง ๆ หากมีข้อพิพาทหรือคดีต่าง ๆ ที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง เขามักจะรอดคดีทุกครั้ง

    10.นายเกริกก้อง  สาคร (ก้อง) พ่อของวิเชษฐ์ อดีตข้าราชการ เคยทำงานเป็นนายช่างเทคนิคอาวุโส ถูกปลดจากราชการเนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันในเรื่องการรับสินบนโครงการหนึ่ง ซึ่งเขามิได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว ปัจจุบันเขาเปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้ๆ บ้านเขาเอง

    11.นางแน่งน้อย  สาคร  (น้อย) แม่ของวิเชษฐ์ ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นแม่ครัวร้านอาหารแห่งหนึ่งก่อนมาแต่งงานกับเกริกก้อง หลังจากนั้นก็ลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว มีความเข้าใจในลูกทั้งสามคน

    12.นางสาววารีรัตน์  สาคร (น้ำ) พี่สาววิเชษฐ์ ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนจำหน่ายกาแฟชงสำเร็จรูป เป็นพี่คนโตที่มีความเสียสละมาก ช่วงที่พ่อเขาโดนปลดจากราชการ เธอเองตอนนั้นอยู่ระหว่างศึกษาต่อปริญญาตรี ตัดสินใจพักการศึกษาเพื่อหางานทำช่วยจุนเจือครอบครัวอีกทางหนึ่ง ปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายขายเคลื่อนที่ Mobile Seller จนมาประชาสัมพันธ์สินค้าที่สำนักงาน WD ก็ได้พบกับนายสุรชัย และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรักทั้งสอง

    13.นายวายุ สาคร (น้องวายุ) น้องชายของวิเชษฐ์ เรียนสายอาชีวะ เรียนอิเล็คทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ มีนิสัยความเป็นส่วนตัวสูง เขาคือผู้ช่วยในการหาหลักฐานเพื่อให้พ่อเขาพ้นความผิดไปได้

     

    14.นายเอกพล พสุนธารา (พล) พ่อสินธุ์ เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักวิชาการพัสดุระดับทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษาด้านการบริหารพัสดุภาครัฐ สำนักงานบัญชีกลางแห่งรัฐ พ่อเขาเป็นคนหัวสมัยใหม่ ความคิดก้าวหน้า เลี้ยงลูกแบบตะวันตก เขาเคยทำงานร่วมกันกับเกริกก้อง พ่อวิเชษฐ์ก่อนจะถูกปลดออกจากราชการ

     

    15.นางรัตนธารี พสุนธารา (รัตน์) แม่สินธุ์ เป็นข้าราชการ นักพัฒนาชุมชนระดับชำนาญการพิเศษ สำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการแห่งมลรัฐ แม่เขาเป็นคนที่มีความออบอ้อมอารี ช่วยเหลือผู้อื่น การที่แม่เขาทำงานด้านนี้ เนื่องจากแม่เขาเดิมมีฐานะยากจน พ่อแม่ทำสวน อยู่ในหมู่บ้านชนบทห่างไกล เมื่อมีโอกาสอยากทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

     

    16.นางสาวชุลีพร  พสุนธารา (พร) พี่สาวสินธุ์ เป็นพยาบาลวิชาชีพ ใน รพ.คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมลรัฐ  มีสามีเป็นอาจารย์แพทย์ชื่อ ผศ.นายแพทย์สันติ เวชกิจ ทั้งคู่ยังไม่มีบุตร

     

    17.เพื่อนนายเอก มี 3 คน นางสาวสุขฤดี จันทร์เต็ม (เจ๊ก้อย) เป็นนักบริหารงานทั่วไประดับปฏิบัติการ ปฏิบัติงานที่แผนกสวัสดิการ นางเป็นคนสายลุย สายสืบ  กับ นางสาวลลิต เปรมสุดา (เจ๊แก้ว) เป็นนักบริหารงานทั่วไประดับปฏิบัติการ อยู่แผนกสรรหาบุคคล นางสายบุญสุนทาน รักหมาแมวเป็นนิจ แต่อะไรที่ไม่เป็นธรรม นางเกี้ยวกราดสุดฤทธิ์ ทั้งคู่มีรูปร่างท้วมเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงสีผิว เจ๊ก้อยผิวไปทางสองสี ส่วนเจ๊แก้วไปทางผิวเหลือง และนายภูริวัฒน์ กาญจนะ (อ็อด) เพื่อนสนิท เป็นพนักงานบริษัทเอกชนด้านเสื้อผ้า นางสนิทกันตั้งแต่มัธยม มีอะไรก็ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

    18.นายวีระพงษ์  พลวัฒน์ (พงษ์) วิศวกรคอมพิวเตอร์ระดับปฏิบัติการ แผนกจัดการระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์และเครือข่าย ศูนย์สารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อนร่วมงานวิเชษฐ์ หล่อเอาอยู่ หุ่นสมส่วน สูงพอกับวิเชษฐ์ มีความเป็นสุภาพบุรุษประมาณนึง มีความแอบนอยด์นิดๆ ชอบวิเชษฐ์ตั้งแต่แรกพบ แม้ว่าเหตุการณ์นั้นทุลักทุเลบ้าง เขาพยายามที่จะพิชิตใจวิเชษฐ์มาโดยตลอดแต่วิเชษฐ์เองเขาไม่ได้คิดไปเกินกว่าความเป็นเพื่อน สุดท้ายวีระพงษ์ก็ถอดใจแต่ไม่เสียใจกับการพยายามที่ผ่านมา วิเชษฐ์เองก็รับรู้และรักษาน้ำใจมาตลอด

    19. นางสุรีย์ แก้วเกตุ (สุรีย์) หัวหน้าแผนกงานสารบรรณ หัวหน้านายวิเชษฐ์ นางเป็นคนจ้ำจี้จ้ำไช สายดุ แต่ใจดี มีเหตุผลพอสมควร หัวค่อนข้างไปทางโบราณ แต่ไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาเขา

    20.นายจักรกฤษณ์ จันทมาศ (กฤษ) ผู้บริหารสูงสุดในสำนักงาน WD ตำแหน่งอธิบดี ผู้นำซื่อตรงใจเด็ด

    21.นายมานพ แก้วมานะ (นพ) รองอธิบดีฝ่ายวิจัยและวิชาการ เพื่อนสนิทนายจักรกฤษณ์ อธิบดี เป็นมือเป็นไม้ด้วยกันตลอดเวลาที่ต้องทำงานร่วมกับสุริยันต์

    เรื่องย่อ

                   วิเชษฐ์ ได้สอบบรรจุเข้าในสำนักงาน WD (สำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรน้ำแห่งรัฐ มลรัฐภาคใต้ตอนบน) ในตำแหน่งนักบริหารงานทั่วไป ในแผนกงานสารบรรณ กองวิจัยและบริหารทรัพยากรน้ำ บรรจุพร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน คือ สุขฤดี(เจ๊ก้อย)และลลิต(เจ๊แก้ว) แต่ทั้งสองอยู่กองทรัพยากรบุคคลและกองอำนวยการสำนักงาน วิเชษฐ์ตั้งใจทำงานด้วยความขยัน อดทน ประกอบกับมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงานจนเป็นที่รัก (ที่รักเฉพาะงานอ่ะนะ) จนวันหนึ่ง ผอ.กองฯ เรียกเข้ามาพบพร้อมมอบหนังสือฉบับหนึ่ง(คำสั่งสายฟ้าแลบ!) ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในงานเลขานุการของนายสุริยันต์  ผู้บริหารฝ่ายก่อสร้าง ซึ่งอยู่คนละสายงาน วิเชษฐ์สอบถามว่าทำไมให้เขาไปทำงานตรงนั้น และขอปฏิเสธในการทำงานดังกล่าว แต่ ผอ.กองเน้นย้ำว่าต้องไปทำงาน มันเป็นคำสั่ง และทำงานจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นหรือเขาเกษียณ อีกอย่างเขาอยากได้คนดูงานเป็นมีความละเอียด และเป็นผู้ชายด้วยแถมพาไปออกงานไปประชุมได้ ผอ.กองย้ำเตือนวิเชษฐ์ว่า อย่าไปขัดใจเขาไม่งั้นมีโอกาสโดนวินัยหรือถึงขั้นโดนสั่งย้ายไปอยู่ที่อื่นแน่ๆ ให้ตั้งใจทำงาน อย่าไปทำให้เสียชื่อกอง วิเชษฐ์ก็ไม่ทักท้วงอะไร แต่แท้จริงแล้ว นายสุริยันต์เขาคิดไม่ซื่อกับวิเชษฐ์

              เมื่อวิเชษฐ์เข้าปฏิบัติงานดังกล่าว เขาได้เจอนายเอกราช หัวหน้างานเลขานุการนายสุริยันต์ มือขวาเบอร์หนึ่ง มีหน้าที่จ่ายงานให้แต่ละคนทำงานและเขาทำหน้าที่ตรวจสอบหนังสือและเป็นผู้เสนอนายสุริยันต์ด้วยตนเอง เมื่อเอกราชพบกับวิเชษฐ์ มีความรู้สึกไม่ถูกชะตากันเลย อีกทั้งเอกราชมองนายสุริยันต์ขาดว่าเขาคิดไม่ซื่อกับวิเชษฐ์ เนื่องจากเอกราชเองก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสุริยันต์ และเขากุมความลับอันชั่วร้ายของสุริยันต์ไว้มาโดยตลอด แต่อันที่จริงแล้ว สุริยันต์ก็ไม่ได้มีใจหรือเสน่หาเอกราชเท่าไหร่นัก แต่จำเป็นต้องมีเพราะเอกราชเป็นคนของนายดัสกร นักการเมืองที่มีอิทธิพลทางการเมืองสูงมาก เกรงว่าอาจไม่ปลอดภัยต่อตัวเอง จึงต้องรับเอกราชไว้เป็นเลขานุการ นายเอกราชเป็นวิศวกรโยธาเชี่ยวชาญ เขาได้รับแต่งตั้งในหลายหน้าที่สำคัญขององค์กร ทั้งชุดคณะกรรมการ รวมถึงงานประมูลก่อสร้างที่มีมูลค่าก่อสร้างสูง เป็นที่เกรงขามด้านอิทธิพลในองค์กรพอสมควร เป็นศัตรูกับสินธุ์ เนื่องจากทัั้ง 2 มักจะมีชื่อในโครงการด้วยกัน ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง สินธุ์มักได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ด้านการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและคุณสมบัติของงานก่อสร้าง ทุกครั้งที่มีการประชุม ทั้ง เอกราชและสินธุ์มักจะโต้เถียงกันอย่างดุเดือด แต่สุดท้าย ฝ่ายเอกราชจะได้เปรียบมาตลอด ส่วนสินธุ์จะถอนตัวออกไป แต่ผู้ใหญ่ไม่ให้เขาถอนตัว เพียงให้มาช่วยในเรื่องอื่น ๆ แทน บางโครงการที่มีสินธุ์เป็นกรรมการคนเดียว โครงการดำเนินไปอย่างเป็นระบบมีการตรวจสอบโครงการติดตามผลและเสร็จสิ้นก่อนระยะเวลาที่กำหนดทุกครั้ง ทำให้เป็นที่ชื่นชมเหล่าผู้บริหาร เพื่อร่วมงานและได้รับรางวัลทางวิชาการมาตลอด เขามีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษและสเปน มีโอกาสเป็นอาจารย์พิเศษตามมหาวิทยาลัยที่ขอให้เขาไปบรรยาย

         ต่อมา สำนักงาน WD ได้รับอนุมัติสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าก่อสร้างมหาศาลจากรัฐบาลกลาง คือโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบสาธาณูปโภคพร้อมคลองส่งน้ำศรีธัญดร(โครงการศรีธัญดร) เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม ใช้ในการเกษตรและสาธารณูปโภคของพื้นที่เทศมณฑลศรีธัญดรและพื้นที่ใกล้เคียง ใช้เวลาศึกษารวมถึงการก่อสร้าง 5 ปี โดยนายประจักษ์ เป็นผู้อำนวยการโครงการนี้ นายสินธุ์เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการ ภายใต้การดูแลของนายสุริยันต์ รอบนี้ไม่มีชื่อเอกราชแต่งตั้ง ด้วยโครงการนี้เป็นโครงการที่ถูกจับตามองจากสาธารณชนมากรวมไปถึงองค์การระหว่างประเทศ เนื่องจากพื้นที่โครงการก่อสร้างดังกล่าว ติดกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติระดับโลก มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีสัตว์ป่าหายากที่ต้องรับผลกระทบด้วย และขึ้นชื่อว่าพื้นที่นี้มีนายทุนอิทธิพลจับจ้องหาผลประโยชน์ทำธุรกิจในพื้นที่นี้ด้วย อีกทั้งวิเชษฐ์ได้รับภารกิจในงานธุรการของโครงการนี้อีก แต่ก่อนที่สินธุ์และวิเชษฐ์จะร่วมงานกัน ทั้งคู่เคยมีเรื่องหมางใจมาก่อน 

         ตอนเที่ยง ประมาณสองเดือนที่แล้ว วิเชษฐ์ สุขฤดี ลลิต กำลังนั่งทานอาหารในโรงอาหารสโมสร กำลังเม้าท์มอยกันอย่างสนุกสนานและจู่ๆ นายสินธุ์กับเพื่อนๆ เดินถืออาหารและพูดคุยกันแบบไม่สบอารมณ์ จนนายเจนภพ ลืมตัวผลักสินธุ์จนเซไปชนวิเชษฐ์และอาหารในมือเขาก็เทลงเสื้อผ้าวิเชษฐ์เต็มๆ วิเชษฐ์ตกใจและปัดเศษอาหารออกจากตัวเขา สินธุ์ตกใจก็รีบช่วยเก็บจานช่วยปัดเศษอาหารพร้อมคำขอโทษ ระหว่างนั้นโทรศัพท์นายสินธุ์ดังขึ้นมา เขารับสายและรีบเดินไปโดยไม่บอกกล่าววิเชษฐ์สักคำ ทำให้วิเชษฐ์รู้สึกไม่พอใจตั้งแต่วันนั้น ขณะเดียวกันนายวีระพงษ์นั่งทานอาหารที่โต๊ะข้างๆ ก็เข้ามาช่วยเก็บและช่วยปัดเศษอาหารออกจากตัววิเชษฐ์ด้วย วิเชษฐ์กล่าวขอบคุณวีระพงษ์ และทำความรู้จักซึ่งกันและกันก่อนแยกย้ายไปทำงาน ตั้งแต่วันนั้น วีระพงษ์ก็ชวนวิเชษฐ์ไปทานข้าวกันและไปเที่ยวกันบ่อยครั้ง พูดคุยสนิทสนมกันจนวีระพงษ์กล่าวสารภาพว่าอยากคบหาวิเชษฐ์เเบบแฟน แต่วีระพงษ์ก็สัญญาว่าจะไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวและให้เวลาหัวใจกับวิเชษฐ์ 

         นับจากเหตุการณ์วันนั้น หากมีงานประชุมร่วมกัน ถ้าวิเชษฐ์เจอสินธุ์ มักจะไม่อยู่ในร่องในรอยกัน คือเป็นคู่เถียงกันมาตลอด แต่พอต้องมาทำงานด้วยกันก็ต้องช่วยกันทำงาน แต่อย่างว่าแหละคนไม่เคยเคลียร์ปัญหากัน ร่วมงานทีไรก็ต้องเถียงกันตลอด สุดท้ายก็ช่วยกันทำงานมีความราบรื่น ออกงานภาคสนามด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้งานมีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว

         จนมาวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันตรวจไซด์งานครั้งใหญ่ เนื่องจากมีสื่อมวลชน องค์กร NGO และประชาชนมาร่วมการตรวจสอบโครงการนี้ ซึ่งมีนายสุริยันต์ เอกราช ประจักษ์ สินธุ์ วิเชษฐ์ และทีมงานต้องเตรียมชี้แจงเกี่ยวกับโครงการนี้ แต่ด้วยมีประชาชนในพื้นที่เข้ามาเรียกร้องการจ่ายค่าชดเชยที่ไม่เป็นธรรม การตรวจสอบผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่เป็นไปตามที่กำหนด แล้วเรื่องก็บานปลาย เมื่อนายสุริยันต์ ให้ประจักษ์ กับสินธุ์ ทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แจงแทนเขาโดยอ้างว่านายดัสกรเรียกเข้าไปพบพร้อมกับอธิบดีและผู้ว่าการรัฐ(แท้จริงแล้วเขาต้องการหลบหนี) และพาเอกราชไปด้วย แต่ไม่บอกกล่าววิเชษฐ์แต่อย่างใด สินธุ์จึงร้องขอให้วิเชษฐ์อยู่ช่วยหน้างานกับเขาก่อน ตอนนั้นวิเชษฐ์กำลังแจกเอกสารคำชี้แจงแก่ผู้เข้ามาร่วมรับฟังโครงการดังกล่าว ในขณะนั้นอีกอีกฟากฝั่งใหญ่ มีกลุ่มชายฉกรรจ์กับกลุ่มประชาชนกลุ่มหนึ่งมาจากไหนไม่ทราบ ซึ่งพวกเขาเองไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ก็มาประท้วงและสร้างสถานการณ์จนได้ยินเสียงคล้ายระเบิดตรงไซต์งานก่อสร้าง ผู้คนก็ส่งเสียงร้องหวีดกลัววิ่งหนีกันชุลมุน ประจักษ์ สินธุ์ วิเชษฐ์ก็พากันหลบหนีออกจากสถานที่ พวกกลุ่มชายนฉกรรจ์ก็วิ่งไล่ตามพวกเขา ระหว่างที่วิ่งหนีไปนั้น โชคร้ายวิเชษฐ์โดนของแข็งบริเวณด้านซ้ายของศีรษะ จนหัวแตกและสลบหมดสติ สินธุ์เห็นวิเชษฐ์ล้มลงจึงรีบอุ้มวิเชษฐ์ไปพาที่รถฉุกเฉิน โชคดีที่มีตำรวจมาควบคุมสถานการณ์ เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอแจ้งว่าเขาโดนของแข็งกระแทกศีรษะ เย็บ 3 เข็ม และสแกนสมองแล้วไม่ได้รับรับผลกระทบอะไร ให้พักรักษาที่ รพ.2 คืนก่อนแล้วตรวจอาการอีกรอบ ถ้าไม่มีอาการใดๆ จึงให้ออกจาก รพ.ได้ สินธุ์นั่งเฝ้าวิเชษฐ์ไม่ห่าง เขารายงานต่อ ผอ.ทั้งสองให้ทราบ ผอ.อนุญาตให้ลาพักผ่อนและให้สินธุ์ดูแลวิเชษฐ์ เวลาผ่านไปครึ่งวัน วิเชษฐ์รู้สึกตัวได้ตื่นขึ้นพร้อมลุกขึ้นด้วยอาการปวดหัวตุ๊บๆ เห็นสินธุ์นอนนั่งข้างๆเตียง เลยสะกิดเรียกเขา สินธุ์ก็ตกใจตื่นแล้วถามอาการด้วยความเป็นห่วง วิเชษฐ์กล่าวว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก และถามเขาว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น สินธุ์เล่าเรื่องราวทั้งหมด ว่าด้วยโครงการดังกล่าวมีคำสั่งจากรัฐบาลกลางสั่งรัฐบาลมลรัฐให้หยุดดำเนินโครงการชั่วคราว สำนักงานตรวจสอบภายในกลางฟ้องศาลสูงและศาลสูงมีคำสั่งให้ยุติโครงการและตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของรัฐสภามลรัฐ เนื่องจากสำนักงานตรวจสอบภายในของมลรัฐรายงานว่าพบการทุจริตในหลายประเด็น ทั้งเรื่องเอกสารรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมพบข้อพิรุธหลายอย่าง มีการกวาดต้อนซื้อที่ดินชาวบ้านในบริเวณที่จะดำเนินการก่อสร้าง รวมถึงการฮั้วประมูลด้วย และสำนักงานอุทยานแห่งชาติรายงานพบข้อพิรุธของเอกสารการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งมลรัฐภาคใต้ตอนบน ขณะนี้กำลังเตรียมข้อมูลรายงานต่อกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสภาผู้แทนราษฎรของรัฐบาลกลาง เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง  วิเชษฐ์นึกได้ว่าคนที่บ้านอาจเป็นห่วงจึงโทรศัพท์แจ้งทางบ้านให้ทราบ ทางครอบครัวรับทราบแล้วตอนที่สินธุ์รับสายในขณะที่วิเชษฐ์หลับไปก่อนหน้านี้ เขาเล่าให้ฟังว่าตอนวิเชษฐ์หลับไปทางครอบครัวก็โทรมาและแจ้งว่าเขาปลอดภัยแล้ว วิเชษฐ์ก็โล่งอก เขาก็กล่าวคำขอโทษกับเรื่องเมื่อวานและวันก่อนที่ไปชนเขาที่อยู่สโมสรโดยไม่ช่วยเก็บช่วยเช็ดต่อด้วยที่ว่า ผอ.เรียกไปพบงานด่วน เขาจะไถ่โทษด้วยการพาวิเชษฐ์ไปดูแลพักฟื้นร่างกายที่บ้านพักเขาเอง และทาง ผอ.ก็ทราบและอนุญาตแล้ว  วิเชษฐ์ก็ปฏิเสธว่าขอกลับไปพักที่บ้านตนเองโดยอ้างว่าสินธุ์มีแฟนแล้ว อาจไม่สะดวกนัก 

              พอสินธุ์ได้ยินเรื่องแฟน เขาก็แสดงสีหน้าหมองเล็กน้อยและแกล้งยิ้มนิดหน่อย บอกวิเชษฐ์ว่าเขาได้เลิกรากับอิงอรแล้ว ยอมรับว่าเคยคบหากันแต่ไม่เคยก้าวล่วงเขา ที่จริงเรากับเขามีปัญหากันสักพักแล้ว ความสัมพันธ์เริ่มไม่อยู่ในร่องในรอย อิงอรต้องการพัฒนาความสัมพันธ์มากกว่านี้ และทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา ไม่มีความรู้สึกเสน่หาอะไรเลย มีเรื่องทะเลาะกันบ่อย วันก่อนไปทานข้าว เขาก็โวยวายว่าเราไม่เอาใจเขา ไม่ได้ไปเที่ยวไหน พอโครงการนี้มาเราแทบไม่เจอกันเลย สุดท้ายเราก็บอกเลิกกับเขาไป วิเชษฐ์ถามเขาเสียใจมั้ย เขาได้ตอบกลับไปว่า ไม่รู้สึกเสียใจ เพราะที่ผ่านมาเราแค่รักษาน้ำใจให้เกียรติเขา เพราะเขามาจีบเราเอง สุดท้ายเราไม่ได้คิดอะไรกับเขาแบบนั้นจริงๆ  วิเชษฐ์กับสินธุ์ก็ปรับความเข้าใจกัน วิเชษฐ์ไม่ถือโกรธโทษเขา จากนั้นก็พูดคุยเรื่องงานกันอย่างเพลิดเพลิน

              หลังจากออกจาก รพ.แล้ว สินธุ์ก็พาวิเชษฐ์ไปพักรักษาต่อที่บ้านพักเขา พาเขาไปนั่งบนโซฟารับแขกแบบนั่งสามคนสีเทาเข้ม ดูแลเอาใจใส่วิเชษฐ์เป็นอย่างดีจนวิเชษฐ์เองก็ท้วงว่าเกินไป เขาไม่ได้ป่วยมากมายขนาดนั้น แต่ช่วงวันหนึ่ง วิเชษฐ์ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำโดยไม่บอกสินธุ์ เขาลื่นล้มในห้องน้ำ โชคดีที่หัวไม่ฟาดพื้น สินธุ์รีบวิ่งเข้ามาช่วยจับลุกขึ้นมาและตำหนิว่าเข้าห้องน้ำไม่บอกเขาด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงมาก เขาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน 3 วันเต็ม เชษฐ์อาการดีขึ้นสามารถไปทำงานได้ตามปกติ 

              หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีมากขึ้น ซึ่งขณะนั้นวีระพงษ์ก็ทำคะแนนจีบอยู่เนืองๆ จนสุดท้าย วิเชษฐ์ต้องกล่าวบอกตรงว่า เขาคิดได้แค่เพื่อน ทำให้วีระพงษ์รู้สึกอกหักไปพักนึง

              ในช่วงระหว่างทำงานตอนเย็น ทั้งนายสุริยันต์ เอกราช และคนอื่นๆ กลับกันหมดแล้ว เหลือแต่วิเชษฐ์อยู่ห้องคนเดียว เขาจัดแฟ้มเสนอบนโต๊ะและเก็บเอกสารอยู่นั้น ก็ไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลขนาด A4 ขยายข้าง เป็นเอกสารลับ เขาสงสัยว่าเป็นเอกสารอะไรจึงเปิดออกมา เป็นข้อความภาษาอังกฤษ ได้ความว่าเป็นเรื่องโครงการศรีธัญดร เขาได้สำเนาเอกสารนั้นส่งไปยังสินธุ์ เมื่อเขาได้รับข้อความดังกล่าว เขาตกใจกับข้อมูลนั้น มีเบาะแสสำคัญของโครงการนี้ เนื้อหาประมาณว่ามีขั้นตอนอย่างไรวิธีการหลบเลี่ยงเพื่อให้ได้ผลประโยชน์อย่างไรบ้าง และข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ในระบบสารสนเทศที่ต้องใช้รหัสผ่านเข้าไป หากกรอกรหัสผิด 3 ครั้งระบบจะปิดเข้าระบบและต้องเข้าใหม่ในวันถัดไป 

              วันต่อมา ผอ.ประจักษ์ เรียกสินธุ์ วิเชษฐ์ และทีมงานโครงการมาคุยเป็นการส่วนตัวในห้องสมุดสำนักงาน WD เพื่อหาข้อมูลดังกล่าวเพื่อรายงานให้รัฐบาลมลรัฐทราบและดำเนินการชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ ต่อไป ช่วงระหว่างวางแผนนั้น วิเชษฐ์ได้ขอเข้าห้องน้ำ และหันไปพบกับเล่มโครงการหนึ่งในชั้นวางหนังสือหมวดโครงการ เขาหยิบมาอ่าน ชื่อโครงการวางระบบไฟฟ้าในเขื่อนเมืองบ้านขวาง นครและเทศมณฑลปากพยิง มลรัฐภาคใต้ตอนบน สำนักงาน WD เมื่อเขาเปิดอ่านแล้วในเนื้อหารายชื่อคณะกรรมการมีชื่อพ่อเขาด้วย ปีที่พิมพ์ออกมาเมื่อสามปีที่แล้ว แต่คุณพ่อเขาถูกปลดออกจากราชการเกือบสิบกว่าปีแล้ว เขาจึงขอยืมจากบรรณารักษ์ และเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหาความจริงทั้ง 2 เรื่องไปด้วยกัน วิเชษฐ์นึกถึงตอนวันที่พ่ออวยพรแถมเน้นย้ำในการทำงาน เราต้องจริงใจต่อประชาชน เพราะประชาชนคือนายของเรา เขาจ่ายภาษีเพื่อให้เป็นเงินเดือนเรา ไม่ต้องกลัวกับอำนาจมืด พวกนี้มันไม่สามารถทำอะไรเราได้หรอกแต่ก็ต้องระวังตัวให้ดี นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเสาะแสวงหาความจริง วิเชษฐ์กลับไปสอบถามพ่อเขา สาเหตุที่พ่อถูกปลดจากราชการมาจากเรื่องนี้ใช่หรือไม่ สุดท้ายพ่อก็ปริปากบอกความจริงทั้งหมด เขาจึงหาทางเพื่อคืนความเป็นธรรมต่อพ่อเขา

              สุริยันต์เมื่อทราบว่าสินธุ์กับวิเชษฐ์สนิทกันก็เกิดอาการหึงหวง และสร้างความกดดันให้สินธุ์ในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานการทุจริตโครงการนี้ ผอ.ทราบดีว่าใครคือผู้บงการเรื่องนี้ เขาจึงทำรายงานและหลักฐานเสนออธิบดีโดยตรง (เสนอแบบเงียบๆ) สุริยันต์ทราบข่าวว่า ผอ.ประจักษ์แอบรายงาน จึงร่วมกับเอกราชในการวางแผนลอบสังหารนายประจักษ์ โดยทำคำสั่งลอยออกอุบายว่าให้เขาไปตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม และหลอกให้สินธุ์ไปพบกับสำนักงานตรวจสอบภายในแห่งมลรัฐกับนายเจนภพ และสั่งการให้นายเจนภพคอยขัดขวางการทำงานของสินธุ์ด้วย แต่เมื่อวันไปจริงๆ สำนักงานตรวจสอบภายในแจ้งว่ายังไม่มีการเรียกพบตามที่นายสุริยันต์กล่าวอ้าง สินธุ์ทราบว่าเขาโดนหลอกจึงรีบไปยังไซต์งานก่อสร้างทันที แต่เจนภพขัดขวางอ้างว่าสำนักงานเพิ่งรับหนังสือเมื่อวานและให้เราประสานเจ้าของเรื่องสำนวนนี้เลย สินธุ์ไม่สนใจเจนภพ เขารีบขับรถออกไปทันที สุดท้าย ผอ.ประจักษ์ถูกลอบสังหารไปเสียแล้ว สร้างความเศร้าโศกเสียใจต่อองค์กร อธิบดีจึงมอบหมายให้สินธุ์เป็นผู้อำนวยการโครงการต่อจาก ผอ.ประจักษ์ สินธุ์ยื่นคำร้องต่ออธิบดีสำนักงาน WD เพิกถอนนายเจนภพออกจากคณะทำงาน และรายงานกระทำความผิดไปยังสภานิติบัญญัติแห่งมลรัฐ เพื่อสอบสวนวินัยร้ายแรง สภาฯมลรัฐมีมติเอกฉันท์ให้ขับออกจากราชการ ศาลสูงมลรัฐมีมติพิพากษาให้พ้นสภาพความเป็นข้าราชการและจำคุก 15 ปี  เรื่องคดีดังกล่าว ส่งต่อกรรมาธิการฯ ส่งสำนวนให้สำนักงานสอบสวนพิเศษรับช่วงต่อ และส่งสำนวนให้สภานิติบัญญัติแห่งมลรัฐภาคใต้ตอนบนเห็นชอบและยื่นคำร้องให้ศาลสูงมลรัฐฯ ออกคำสั่งฯให้นายสุริยันต์พักการปฏิบัติราชการชั่วคราว เนื่องจากคดีมีมูลและโยงไปถึงนายดัสกรด้วย สุริยันต์ไม่ยอมแพ้ เขาให้เอกราชไปสืบข้อมูลโดยเรียกวิเชษฐ์มาคุยนอกสถานที่ เชษฐ์ตอบฏิเสธอ้างว่านายสุริยันต์ถูกพักราชการไม่สามารถเรียกเข้ามาได้ วันต่อมาวิเชษฐ์ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ลักพาตัวไปยังเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง เขาได้พบกับสุริยันต์และดัสกร เขาถูกบังคับให้พูดความจริงว่าใครเป็นคนส่งหลักฐานให้สำนักงานสอบสวนพิเศษ วิเชษฐ์ตอบปฏิเสธอ้างว่าเขาไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการชุดนั้น พวกเขาข่มขู่ให้วิเชษฐ์ไปหาข้อมูลมาให้ทั้งหมด วิเชษฐ์แบกรับแบกสู้อย่างชาญฉลาด ก่อนที่ปล่อยตัวเขาไป เอกราชพาตัวเขาพร้อมลูกน้องสองคนขึ้นรถ วิเชษฐ์ถูกลอบวางยาสลบ ระหว่างทางรถได้แว่ะเติมน้ำมัน ซึ่งในขณะนั้น สินธุ์ กับ สุรชัยกำลังนั่งดื่มกาแฟที่ร้านคาร์เฟ่พอดี ทั้งสองเห็นเอกราชกับวิเชษฐ์มาด้วยกัน แต่วิเชษฐ์หลับไป จึงทราบว่าวิเชษฐ์ตกอยู่ในอันตราย จึงแอบสะกดรอยตามจนมาถึงรีสอร์ทแห่งหนึ่ง เอกราชอุ้มวิเชษฐ์เข้าไปในห้องพัก หมายว่าหวังจะขืนใจเพื่อต้องการกำจัดออกไปจากสุริยันต์ เขารอคอยเวลานี้มานานแล้ว สินธุ์กับสุรชัยตามถึงไม่กี่นาที ทั้งคู่ก็จัดการลูกน้องทั้งสองคนจนน่วม สินธุ์บังคับให้พนักงานรีสอร์ทประตูเจอเอกราชกำลังถอดเสื้อตัวเองอยู่จึงไปต่อยทันทีจนน่วมลุกไม่ไหว เขารีบอุ้มวิเชษฐ์ออกจากห้องขึ้นรถยนต์ สุรชัยรีบขับรถออกไปจากรีสอร์ทอย่างรวดเร็ว มุ่งสู่บ้านพักสินธุ์

              วิเชษฐ์รู้สึกตัวขึ้นมาหลังฤทธิ์ยาสลบหมดไป สินธุ์รีบเข้ามาดูแลและถามด้วยความเป็นห่วง 
    วิเชษฐ์เมื่อฟื้นสติแล้ว สินธุ์ก็รีบกอดทันที วิเชษฐ์ก็กอดเขา ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดด้วยกันและ วิเชษฐ์ก็ผลักตัวออกมาด้วยความลืมตัว  วิเชษฐ์เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด สินธุ์กำชับให้วิเชษฐ์ระวังตัวให้มากกว่านี้ เพราะเอกราชฉลาดมาก และเขายังไม่ถูกสอบสวนเรื่องดังกล่าวด้วย 

              วิเชษฐ์ไปร้องขอให้วีระพงษ์ช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติมโครงการศรีธัญดรในระบบเซิร์ฟเวอร์เผื่อสามารถเข้าได้ 
    วีระพงษ์บ่ายเบี่ยงและยื่นข้อเสนอให้วิเชษฐ์ยอมคบหาเขาเป็นแฟน จึงจะช่วยหาข้อมูลให้ วิเชษฐ์พยายามหาเหตุผลที่ดีที่สุด จนสุดท้ายเชษฐ์พูดทิ้งท้ายว่า หากเราจะรักใครจริงๆ แกจะรู้ว่าคืออะไร นี่คือเรื่องขององค์กรหากปัญหาคลี่คลาย ชื่อเสียงองค์กรจะกลับมา ทุกคนมีขวัญกำลังใจที่ดีในการทำงานและไม่โดนตัดงบประมาณในการประเมินองค์กรในปีงบประมาณหน้า

              เอกราชกับอิงอรร่วมมือกันวางแผนโดยตกลงกันว่าให้อิงอรไปหาสินธุ์ที่บ้านพัก และให้ออกอุบายหลอก ผอ.เจนจบสั่งการให้วิเชษฐ์ไปช่วยงานที่สำนักงาน และให้ไปเอาเอกสารโครงการที่บ้านสินธุ์ เพื่อต่างคนต่างได้ผลประโยชน์ร่วมกัน อิงอรได้สินธุ์กลับมา ส่วนเอกราชได้ข้อมูลหลักฐานไปให้สุริยันต์ อิงอรเดินทางไปหาสินธุ์ที่บ้านพัก ผอ.เจนจบเรียกวิเชษฐ์เข้ามาทำงานในสำนักงาน ผอ.เจนจบบอกวิเชษฐ์อ้างว่าเอกสารเรื่องนี้อยู่ที่สินธุ์ให้ไปเอา ทั้งสองก็ขับรถไปที่บ้านพักสินธุ์ วิเชษฐ์ไปเอาเอกสาร วิเชษฐ์รีบเข้าไปก็พบว่าสินธุ์อยู่กับอิงอร ทั้งคู่อยู่ในลักษณะเหมือนกำลังจากมีอะไรกัน ทันทีที่สินธุ์หันไปเจอวิเชษฐ์ไม่พูดอะไรจึงรีบเดินออกมา สินธุ์ก็รีบเดินตาม เมื่อสบโอกาส เอกราชที่แอบซุ่มอยู่ก็รีบเดินไปหาหลักฐานทันที สินธุ์กับวิเชษฐ์ก็มีปากเสียงกันจนนึกพร้อมกันว่าที่บ้านมีคนอยู่ เสียรู้ซะแล้วจึงรีบเดินไป ปรากฏว่าบ้านเละ และข้อมูล SD การ์ดได้หายไป เหลือแต่อิงอรนั่งร้องไห้ นางโกหกว่าโดนเอกราชทำร้าย สินธุ์ขับไล่เธอออกจากบ้านและห้ามเข้ามาที่บ้านมิเช่นนั้นจะแจ้งตำรวจ อิงอรโกรธและสาปแช่งก่อนออกจากบ้านไป

              ข้อมูล SD การ์ดเอกราชส่งให้สุริยันต์ เขากล่าวขอบคุณและใช้กิริยาท่าทางเล้าโลมให้เอกราชหลงก่อนที่สุริยันต์เอาปืนยิงเอกราช เขาถูกยิงที่แขน เอกราชหนีออกจากบ้านสุริยันต์ได้ สินธุ์ทราบข่าวว่าเอกราชถูกยิงและได้หายตัวไป จึงร่วมมือกับวิเชษฐ์เพื่อรีบไปบ้านพักนายเอกราชเพื่อหาหลักฐาน กลับมา สุดท้ายไม่พบ SD การ์ด แต่เขาพบเอกสารโครงการวางระบบไฟฟ้าเขื่อนเมืองบ้านขวาง เชษฐ์จึงรีบเก็บทันที หลังจากออกจากบ้านเอกราช สินธุ์ถามวิเชษฐ์เกี่ยวกับเอกสารเล่มนั้น วิเชษฐ์ไม่บอกกล่าวจนสินธุ์บังคับให้พูดออกมา วิเชษฐ์ให้ข้อมูลความจริงเรื่องราวของพ่อเขา เคยทำงานที่นี่แต่ถูกปลดออกจากราชการ ถูกกล่าวหาว่ารับสินบนหาประโยชน์ส่วนตัว คราวก่อนที่ประชุมที่ห้องสมุดก็ไปเจอเล่มโครงการนี้ จึงหาหลักฐานเพื่อให้พ่อเขาพ้นความผิดให้ได้ 

              การค้นหาหลักฐานยังคงดำเนินต่อไป เมื่อวีระพงษ์ยอมให้ความช่วยเหลือ การเจาะข้อมูลนี้ปรากฏว่าไม่พบข้อมูลที่ตามเอกสารภาษาอังกฤษกล่าวอ้างถึง จึงไม่สามารถรวบรวมส่งไปยังสำนักงานสอบสวนพิเศษเพื่อให้ศาลสูงออกหมายจับได้ สินธุ์บอกเชษฐ์ว่าต้องระงับการหาข้อมูลไปก่อน และดำเนินการโครงการต่อไป ส่วนวิเชษฐ์ก็หาหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนของพ่อต่อ

              วิเชษฐ์กลับไปทำงานที่แผนกสารบรรณตามเดิม การกลับมาคราวนี้เขากลายเป็นที่น่ารังเกียจในแผนก เขาจึงสอบถามหัวหน้าแผนกเพื่อทราบสาเหตุ เธอถามกลับว่าวิเชษฐ์ไปแย่งสินธุ์จากอิงอรตามที่เขาลือหรือไม่ วิเชษฐ์ตอบปฏิเสธ และแจ้งว่าเราไม่ได้เป็นแฟนตามที่เขากล่าวหา ตอนที่อยู่ รพ.วิเชษฐ์แจ้งกับเขาว่าเขาเลิกรากับอิงอรแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างพวกเขา หัวหน้ากำชับให้อยู่ห่างๆ สินธุ์ เว้นแต่ช่วงที่ทำงานร่วมกัน เกรงว่าวิเชษฐ์อาจโดนสอบวินัยเรื่องนี้ 

              สินธุ์โทรศัพท์หาวิเชษฐ์ เขาไม่รับสาย และพักหลังวิเชษฐ์ไม่ได้พูดคุยเหมือนเมื่อก่อน จนเกิดหมางใจขึ้น จนวันต่อมาสินธุ์เข้ามาลากตัววิเชษฐ์ไปคุยหน้าห้องแผนก ทั้งคู่มีปากเสียงกัน วิเชษฐ์รีบเดินไปเก็บกระเป๋าและกลับบ้าน สินธุ์สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นจึงสอบถามหัวหน้าแผนกสารบรรณ จึงทราบว่าเป็นฝีมือของอิงอรจึงขออธิบายเหตุผลที่เกิดขึ้น และอิงอรไม่มีสิทธิไปทำแบบนี้ของวิเชษฐ์ ไม่งั้นไม่ยอมแน่ จากนั้นสินธุ์เข้าไปรายงานต่อ ผอ.กองวิจัยฯ ชี้แจงข้อเท็จจริง ว่าอิงอรมีส่วนรู้เห็น สมรู้ร่วมคิดกับเอกราชและผอ.ก็โดนเอกราชหลอกให้วิเชษฐ์มาช่วยงานเพื่อให้เขาทะเลาะกับวิเชษฐ์จนหลักฐานที่สำคัญได้หายไป ไม่เอาความก็ดีเท่าไหรแล้ว หลังจากนั้น สินธุ์ได้ไปพบอิงอรเพื่อต้องการเคลียร์ปัญหาดังกล่าว อิงอรบ่ายเบี่ยงอ้างว่างานยุ่ง สินธุ์จึงร้องขอหัวหน้า หัวหน้าก็อนุญาตทันที สินธุ์กับอิงอรก็มีปากเสียงกันตรงหลังตึกสำนักงาน สินธุ์เตือนด้วยความสุภาพและกล่าวหาว่าอิงอรมีส่วนรู้เห็นเรื่องให้เอกราชมาขโมยหลักฐานการทุจริตโครงการศรีธัญดร ขอให้ต่างคนต่างอยู่ หากมายุ่งกับคนของเขา เขาไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น และส่งอิงอรกลับไปห้องแผนก จากนั้นสินธุ์รีบขับรถไปที่บ้านวิเชษฐ์ ก็พบพ่อกับแม่และน้องชายพอดี สินธุ์ร้องขอให้พ่อแม่ช่วยพาลูกชายมาคุยกัน แม่ก็เรียกให้แต่วิเชษฐ์อ้างว่าเราไม่มีเรื่องจะคุยให้กลับไป พ่อแม่จึงสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น สินธุ์เล่าความจริงจึงร้องอ๋อทันที เขาทั้งสองจึงเข้าไปหาวิเชษฐ์เพื่อขอให้กลับไปพูดคุยปรับความเข้าใจ และรู้ว่าวิเชษฐ์แอบมีความรู้สึกบางอย่างมากกว่านั้น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงต้องถอยออกมา สินธุ์เขาเป็นห่วงเขาแคร์ลูก ลูกรู้มั้ยวันนั้น ตอนที่ลูกอยู่โรงพยาบาล เขารับปากกับแม่ว่าจะดูแลลูกแม่ให้ดีที่สุด เขาขอโทษแม่ที่พาลูกเขาไปเสี่ยงแบบนั้น ซึ่งแม่เองก็เข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดเขา แต่เหตุการณ์มันไม่แน่นอน และเขาก็ทำตามที่พูดจริงๆ ที่เหลือก็แล้วแต่ลูกละกัน ลูกต้องถามใจตัวเอง พ่อกับแม่เดินกลับไป วิเชษฐ์นั่งคิดสักพัก ก็ลงมาพบสินธุ์ ก็ปรับความเข้าใจกัน

              งานสโมสร วิเชษฐ์พาพ่อมาร่วมงานด้วย ส่วนสินธุ์ก็พาพ่อกับแม่ร่วมงานเช่นกัน เอกพลเข้าไปไหว้สวัสดีเกริกก้อง สินธุ์ไม่ทราบก่อนหน้านี้ว่า พ่อเขาและพ่อเชษฐ์เคยร่วมงานกันมาก่อน และเอกพลรับปากว่าจะช่วยเรื่องนี้อีกแรง พ่อสินธุ์เคยเล่าให้ฟังว่า ในตอนลงมติชี้มูลความผิด พ่อลงคะแนนให้พ่อวิเชษฐ์พ้นความผิด แต่แพ้เสียงส่วนใหญ่เนื่องจากหลักฐานทางผู้ร้องมีน้ำหนักกว่า หลังเลิกงานสโมสร สินธุ์ได้กล่าวสารภาพว่าเขารู้สึกบางอย่างเมื่ออยู่วิเชษฐ์ทั้งๆที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร ซึ่งพ่อแม่เขาเองก็พอเห็นแววเรื่องนี้มาสักพักแล้วจึงไม่ได้เอะใจอะไร ได้แต่กอดลูก ให้กำลังใจและสอนลูกว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่สามารถบังคับใจลูกได้ มันคือชีวิตของลูกเอง อะไรที่ลูกมีความสุข พ่อแม่ก็ยินดี สินธุ์ร้องไห้ซาบซึ้งในความรักของพ่อแม่

              ช่วงเวลาพักการค้นหาหลักฐานโครงการศรีธัญดร สินธุ์กับวิเชษฐ์ก็เดินสายหาข้อมูลของบริษัทที่เคยยื่นซองประมูลราคาเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมทั้งของพ่อวิเชษฐ์ ส่วนใหญ่ไม่มีองค์กรไหนมาประมูลหรือมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกสินบนตามที่อ้างในเอกสารประมูลราคา  จนเจอบริษัท ECC พนักงานปฏิเสธการให้ข้อมูลโดยอ้างว่าต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯก่อน สินธุ์กับวิเชษฐ์สงสัยทันทีว่าเป็นบริษัทนี้ จึงยื่นคำร้องให้สำนักงาน WD ยื่นคำร้องต่อสภานิติบัญญัติแห่งมลรัฐขอรื้อฟื้นคดีนี้ สภาเห็นชอบส่งต่อให้ศาลชั้นต้นมลรัฐอนุมัติรื้อฟื้นคดี และสั่งให้บริษัท ECC เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงและรายงานต่อ สำนักงาน WD บริษัทส่งเอกสารมาชี้แจ้งข้อเท็จจริง ให้การว่ามีคนของนายดัสกรแต่ไม่ทราบว่าเป็นใครมาติดต่อและเรียกรับสินบน สินธุ์กับวิเชษฐ์จึงส่งสำนวนหลักฐานไปยังสภานิติบัญญัติเพื่อลงคะแนนมติลงโทษบริษัทฯ และส่งต่อให้ศาลชั้นต้นมลรัฐพิจารณาตัดสินลงโทษปรับเงินมูลค่าสิบเท่าของงานประมูลได้และสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ สินธุ์กับวิเชษฐ์ร่วมกันเดินหน้าหาข้อมูลต่อ เขาทั้งสองคิดว่า ข้อมูลอาจมีเพิ่มเติมในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของนายสุริยันต์ จึงขอทางพัสดุเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อเปิดออกมาคอมมีรหัสอีก จึงร้องขอให้วายุช่วยเปิดคอมดังกล่าว วายุขอเวลา 1 อาทิตย์ไปปรึกษากับอาจารย์ที่วิทยาลัยเพื่อช่วยเปิดคอม 

              เชษฐ์ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานเป็นเลขานุการที่หน้าห้องรองอธิบดีฝ่ายก่อสร้างอีกครั้ง คราวนี้เป็น ผอ.เจนจบ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนสุริยันต์ ส่วน ผอ.คนใหม่เป็นสุรชัยเพื่อนสินธุ์ ภายในอาทิตย์เดียว วายุสามารถเปิดคอมพิวเตอร์ได้ และพบหลักฐานของพ่อเขาครบถ้วน วิเชษฐ์กับสินธุ์จึงส่งหลักฐานทั้งหมดให้สำนักงาน WD สำนักงานจึงส่งรายงานต่อไปยังสภานิติบัญญัติมลรัฐ สภาฯมีมติให้เกริกก้องพ้นความผิด ต่อมาศาลชั้นต้นมลรัฐพิจารณาพิพากษาลงมติสั่งเพิกถอนการปลดออกจากราชการ และสั่งให้สำนักงาน WD คืนสิทธิความเป็นข้าราชการทั้งหมดรวมถึงชดใช้เงินเดือนย้อนหลังทั้งหมดและให้กลับเข้ามาทำงานตามเดิม นายเกริกก้องพ้นความผิดโดยสมบูรณ์

              ต่อมาทั้งสองก็ร่วมกันดำเนินโครงการศรีธัญดรต่อไป เพราะใกล้จะแล้วเสร็จ สินธุ์กับวิเชษฐ์ก็เดินทางไปตรวจสอบความคืบหน้า เหลือแต่เก็บอุปกรณ์ก่อสร้าง อีกสองเดือนก็แล้วเสร็จ 

              อีก 1 เดือนก่อนถึงงานเปิดโครงการ วิเชษฐ์พร้อมวายุเดินทางไปซื้อของที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นมีชายสองคน สะกดรอยตามพวกเขา เมื่อเขาทั้งสองขึ้นรถแท็กซี่ ไปสักระยะ รถแท็กซี่เบี่ยงไปเส้นทางอื่นกระทันหันแล้วจอดข้างทางพร้อมรถตู้สีดำจอดข้างๆอย่างรวดเร็ว ทั้งสองถูกลักพาตัว ระหว่างทางเขาทิ้งน้องชายลงจากรถ และมุ่งหน้าสู่เทศมณฑลศรีธัญดร วายุวิ่งไปขอความช่วยเหลือชาวบ้านระแวกนั้น เพื่อติดต่อหาสินธุ์ เขาจึงรีบมาพร้อมสุรชัยรับวายุไปส่งที่บ้าน สินธุ์วานให้วายุเปิดโปรดแกรมติดตามตัวเพื่อแจ้งเบาะแสแก่ตำรวจ จากนั้นพวกเขาจึงรีบขับรถตามหาวิเชษฐ์ สินธุ์คาดการณ์ว่าน่าจะไปตรงเนินเดียวดาย เพราะเป็นพื้นที่อันตรายมาก เมื่อมาถึงทางขึ้น สินธุ์และสุรชัยย่างก้าวอย่างระมัดระวังพร้อมพกปืนสั้น 1 กระบอก ทันใดนั้นเองมีกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คนมายืนเรียง ไม่รอช้า การต่อสู้ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง สินธุ์กับสุรชัยปะทะกับกลุ่มชายฉกรรจ์ยกใหญ่ต่างคนต่างบอบช้ำ ทั้งสองก็ผ่านมาได้ จากนั่นก็ได้ยินเสียงปืนดัง  สินธุ์ก็เปิดฉากยิงสวน จนทั้งสองหมดแม็กกาซีน และแล้วก็ปะทะกันอีกครั้ง สุรชัยอาสาสู้กับพวกนั้นแล้วให้สินธุ์ช่วยวิเชษฐ์ สินธุ์ก็วิ่งไปถึงเนิน ก็เจอวิเชษฐ์อยู่ในสภาพเพลีย ถูกมัดกับเก้าอี้ใกล้กับเหว สินธุ์เข้าไป ก็พบว่ามีระเบิดเวลาที่พร้อมใช้งานแต่ยังไม่ทำงานอยู่ข้างเก้าอี้วิเชษฐ์ สุริยันต์ก็มาพร้อมกับปืนและรีโมตระเบิดเวลา พูดข่มขู่และทำร้ายสินธุ์ ยื่นคำขาดว่าให้เขาให้ถอนฟ้องและลาออก และให้พ้นไปจากชีวิตวิเชษฐ์ หากไม่ยอมลาออก จะระเบิดอ่างเก็บน้ำและตรงบริเวณนี้ด้วย จะเกิดหายนะ น้ำจะท่วมทั้งเมืองศรีธัญดรและลิกอเรีย สุริยันต์ต้องการวิเชษฐ์เป็นเมีย เพราะต้องการชดใช้ความผิดที่เขาเคยทำกับพ่อวิเชษฐ์ นั่นแสดงว่าเขาทราบมาก่อนแล้วว่าวิเชษฐ์เป็นลูกชายเกริกก้อง
    วิเชษฐ์ก็ฟิวขาด พ่อเขาต้องถูกไล่ออกเพราะเขา และรู้ว่าสุริยันต์คือผู้จ้างวานฆ่า ผอ. มันถึงเวลาแล้วที่ต้องชดใช้ และไม่มีวันที่จะรัก ช่วงจังหว่ะนั้นเองสินธุ์ก็คว้าปืนสุริยันต์จนร่วงลงเหวไป ทั้งสองก็ต่อสู้กัน สินธุ์ก็อัดสุริยันต์จนน่วมแล้วรีบไปช่วยปลดเชือกวิเชษฐ์จนลืมไปว่ารีโมทระเบิดยังอยู่ที่สุริยันต์ สุริยันต์จึงกดรีโมท ระเบิดเริ่มนับถอยหลังทันที 30 นาที สุริยันต์ เขวี้ยงรีโมทลงเหว สุรชัยก็เข้ามาช่วยทั้ง 2 ก็จับตัวสุริยันต์ให้บอกจุดที่ซ่อนระเบิดในตัวเขื่อน สุริยันต์หัวเราะด้วยความซะใจ ทันใดนั้น เอกราชก็มาถึง มุ่งไปที่สุริยันต์ กระชากลากมาที่เก้าอี้ และข่มสุริยันต์ด้วยความแค้น รักมากก็แค้นมาก บอกทั้ง 3 ว่าที่ซ่อนระเบิดอยู่ตรงประตูระบายน้ำแต่ไม่รู้ว่าติดตั้งตรงบานไหน ทั้งสามคนจึงรีบวิ่งไปยังตรงประตูระบายน้ำทันที ระหว่างขึ้นเนินสันเขื่อน สินธุ์ผลักไสให้สุรชัยดูแลวิเชษฐ์ เขาจะไปกู้ระเบิดเอง วิเชษฐ์ร้องอ้อนวอนแทบขาดใจไม่ให้เขาไปด้วย เมื่อได้ยินคำพูดของสินธุ์ว่า ถ้าผมรอดผมจะกลับมาหาคุณนะเชษฐ์ และวิ่งไปตรงประตูระบายน้ำทันที เขาพบระเบิดติดตรงคันยกบานประตู เขาจึงรีบกู้ระเบิดจนสำเร็จ เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง สินธุ์ก็เดินกลับมาหาวิเชษฐ์ ทั้งคู่ก็กอดกันและเดินกลับไป ส่วนเอกราชกับสุริยันต์ เอกราชถูกผลักตกลงเหวเสียชีวิต สุริยันต์จึงย่องสะกดตามรอยทั้งสาม เมื่อทั้งสามไปที่แคมป์คนงาน เจอสุริยันต์ถือปืนสินธุ์หันหลังกอดวิเชษฐ์ เขาถูกยิง ตำรวจเมืองยิงปืนไฟฟ้าที่หลังสุริยันต์และจับกุมตัวไป วิเชษฐ์ร้องไห้แทบขาดใจ สินธุ์มองวิเชษฐ์ด้วยสายตาโรยรินและมีใบหน้ายิ้ม ก่อนที่จะสลบไป สุรชัยกับวิเชษฐ์ก็พาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาล อาการสาหัส เขาเสียเลือดมากและต้องการเลือด เป็นเลือด O- แต่วิเชษฐ์เป็นเลือด O อิงอรทราบข่าวว่าสินธุ์ถูกยิงและต้องการเลือด ซึ่งเขาเองมีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน จึงรีบมาบริจาคเลือดที่ รพ. และบอกกับแพทย์ว่าห้ามบอกเขาว่าเป็นผู้บริจาค อยากไถ่โทษเขาในสิ่งที่ทำไป สินธุ์พ้นวิกฤติ

              พิธีเปิดโครงการมติเลื่อนไปอีกสามเดือน เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จ สุริยันต์ถูกศาลสูงมลรัฐลงมติพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต และถูกยึดทรัพย์ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหพันธรัฐมีมติรับรองขับนายดัสกรออกจากตำแหน่งตามมติของสภานิติบัญญัติมลรัฐและคำพิพากษาศาลสูงมลรัฐ และศาลสูงสหพันธรัฐลงคะแนนเสียงพิพากษาจำคุก 25 ปีและยึดทรัพย์ทั้งหมด สินธุ์ได้ออกจาก รพ.แล้ว ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา สินธุ์และพ่อแม่เขามาที่บ้านวิเชษฐ์และขอพบพ่อแม่ด้วย เพื่อแสดงความยินดีที่พ่อวิเชษฐ์พ้นผิดและขอพูดคุยเรื่องลูกทั้งสองอย่างเป็นทางการ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและมีความเป็นกันเอง ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ได้บังคับ เป็นเรื่องที่ทั้งสองตกลงใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเอง แต่ว่าใครเป็นฝ่ายบ่าวสาวนั้น ก็สุดแล้วแต่ที่ลูกไปตกลงกันเอง 

              อิงอรพบกับวิเชษฐ์และสินธุ์เพื่อขอโทษ และแจ้งว่า สิ้นเดือนนี้จะลาออกและเดินทางไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ทั้งสองขอบคุณอิงอรทุกสิ่งทุกอย่างและให้อภัยทั้งหมด วีระพงษ์แจ้งวิเชษฐ์ว่าเขาได้ทุนเรียนต่อต่างประเทศสามปี เขาบอกรักวิเชษฐ์และรักตลอดไป ทั้งสองกอดกันก่อนจากลา สุรชัยขอวารีรัตน์แต่งงาน เธอรับคำขอ วายุได้ทุนเรียนต่อปริญญาตรีทางวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิเชษฐ์กับสินธุ์ได้เข้าพบกับอธิบดี เพื่อรับคำแสดงความยินดีกับทั้งสองในโอกาสรับการลงคะแนนเสียงคัดเลือกเป็นข้าราชการดีเด่นในงานสถาปนาของสำนักงาน และแจ้งพ่อวิเชษฐ์ให้มารับสิทธิความเป็นข้าราชการ วิเชษฐ์แจ้งพ่อให้ทราบ พ่อปฏิเสธการเข้ารับตำแหน่งและให้สิทธิลูกชายคนเล็กแทน ฝากขอบคุณอธิบดีด้วย อ่างเก็บน้ำศรีธัญดร เปิดตัวอย่างสวยงาม สินธุ์กล่าวรายงานต่อประธานาธิบดีและผู้ว่าการมลรัฐฯ และเปิดประตูน้ำอย่างเป็นทางการ สินธุ์ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรโยธาเชี่ยวชาญ ด้านการวางแผนงานก่อสร้าง ส่วนวิเชษฐ์ได้เลื่อนมาเป็นหัวหน้าแผนกสารบรรณแทนสุรีย์ที่เกษียณ และรับโล่ข้าราชการดีเด่นจากอธิบดีในงานสถาปนา 

    สินธุ์กับวิเชษฐ์นั่งดื่มชาเย็นกับชามะนาวบนสันเขื่อนศรีธัญดรยามเย็นแบบชิลล์ๆ จากนั้นก็เดินบนถนนสันเขื่อน สินธุ์หยิบแหวนมาสวมนิ้วนางซ้ายวิเชษฐ์ ส่วนวิเชษฐ์เอานาฬิกาสวมแขนซ้ายสินธ์ุ

    สินธุ์จูบหน้าผากวิเชษฐ์ และวิเชษฐ์หอมแก้มสินธุ์ทั้งคู่กอดกัน จากนั้นก็เดินชิลล์ๆรับลืมเย็นบนสันเขื่อน และพูดถึงอาหารมื้อเย็นที่จะทานกัน...

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น