เวรกลางคืน
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงจะเป็นยังไงลองไปอ่านดู
ผู้เข้าชมรวม
65
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
มันเป็นช่วงปลายปี พุทธศักราช 2562 ประมาณเดือน ธันวาคม เป็นช่วงหน้าหนาวแต่ไม่หนาวมากเท่าไหร่ ผมชื่อว่า สิง เป็นคนอุดรธานี ได้ย้ายมาทำงานที่ต่างจังหวัด ผมได้ไปสมัครงานที่ สำนักงาน แห่งหนึ่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ผมได้ไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ง่ายๆก็เจ้าหน้าที่ดับเพลิงนั่นแหล่ะ) งานของผมต้องเข้าเวรประจำศูนย์ตอนกลางคืนเพราะอาจจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับงานเท่าไหร่จนกระทั่งผมเจอน้าคนหนึ่งที่ทำงานด้วยกัน น้าแกมีชื่อว่า วิด น้าวิดเป็นคนสอนเกี่ยวกับงานทุกอย่างให้กับผมจนเวลาผ่านไปครึ่งเดือน ผมก็เริ่มเข้าใจงานต่าง ๆที่น้าวิดสอน “เป็นไงบ้างไอ้สิงงานที่ข้าสอนเอ็งไป เอ็งเข้าเกี่ยวกับงานรึยัง”น้าวิดถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ก็เข้าใจเกือบทั้งหมดแล้วหล่ะน้าเหลืออีกไม่กี่อย่างผมคงเป็นหมดแล้วหล่ะครับ”น้าวิดก็มองมาที่ผมพร้อมกับยิ้มเหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับผม"น้าวิดมีอะไรอยากจะพูดกับผมรึเปล่า"น้าวิดถอนหายใจแล้วก็เล่าให้ผมฟัง
“เอ็งเชื่อเรืองผีไหม? เอ็งรู้ไหมว่าที่แห่งนี้เนี่ยมีผีอยู่ คนที่มาทำงานที่นี่ใหม่ๆเจอกันทุกคน” ผมที่ได้ฟังเรื่องที่น้าวิดเล่า ก็ได้หัวเราะขึ้น"มันจะไปมีผีได้ยังไงกันน้า ถ้าผีมีจริงๆนะป่านนี้ผมคงจะจับเอาไปออกแสดงงานวัดแล้ว"น้าวิดก็ได้บอกเตือนด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมมาว่า “เอ็งไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ที่แห่งนี้เนี่ยมีผี ที่คนในหมู่บ้านแถวนี้กลัวกัน”ผมก็ได้แต่นั่งหัวเราะที่ฟังน้าวิดเล่ามาด้วยความที่ว่าผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเท่าไหร่“ช่างมันเถอะน้า ผีมันก็มีแค่ในหนังเท่านั่นแหล่ะน้ามันไม่มีจริงหรอก” น้าวิดจึงได้เตือนผมไว้ว่า"ถ้าเอ็งไม่เชื่อเอ็งก็อย่าลบหลู่แล้วกัน!"หลังจากนั้นผมก็ได้แยกย้ายกับน้าวิดเพื่อที่จะกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อมาเข้าเวรตอนกลางคืน พอทำธุระส่วนตัวที่บ้านเสร็จผมก็เตรียมตัวที่จะไปทำงาน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ซึ่งสายที่โทรมานั้นเป็นเบอร์ของน้าวิดที่โทรเข้ามา"มีอะไรหรอน้าผมกำลังจะออกไปแล้ว"น้าวิดก็ตอบกลับมาว่า"เอ้อน้าว่าจะเข้าไปดึกๆหน่อยนะพอดีว่าน้ามีธุระสำคัญต้องไปทำ เอ็งมาถึงก็อย่าลืมไปเปิดไฟสำนักงานด้วยหล่ะ"แล้วน้าวิดก็ตัดสายไป ผมจึงรีบออกไปที่สำนักงาน พอมาถึงที่สำนักงานผมก็ไปเปิดไฟ ไว้ที่สำนักงานตามที่น้าวิดสั่งไว้ เวลาตอนนั้นประมาณสองทุ่มเกือบจะสามทุ่มแล้วก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ
จนเวลาผ่านไปถึงห้าทุ่มใกล้จะเที่ยงคืน น้าวิดก็โทรมาหาผม"ฮัลโหลน้าวิดมีอะไรหรอครับทำไมน้ามาช้าจัง"น้าวิดก็ได้บอกและถามผม"น่าจะอีกครึ่งชั่วโมงน้าจะเข้าไป ว่าแต่ไอ้สิง เอ็งเจออะไรแปลกๆไหม?"ผมก็ได้แต่สงสัย"เจออะไรหล่ะน้าก็ไม่เห็นมีอะไรหนิครับ"น้าวิดก็ถอนหายใจแบบโล่งอก"เออดีแล้ว งั้นแค่นี้ก่อนน้ากำลังจะเข้าไป"หลังจากนั้นน้าวิดก็ตัดสายไป สักพักผมก็รู้สึกอยากออกไปข้างนอกเพื่อสูดอากาศข้างนอก วันนั้นอากาศเย็นแปลกๆมีลมพัดอ่อนๆจนขนลุกไปทั้งตัว ไม่นานน้าวิดก็มาถึง"เป็นยังไงบ้างน้าธุระของน้าเสร็จแล้วหรอครับถ้ายังไม่เสร็จผมเช้าคนเดียวก็ได้นะครับ"น้าวิดก็มองมาที่ผมหลังจากที่จอดมอไซด์แกเสร็จ"ธุระของช้าเสร็จแล้วหล่ะ ว่าแต่ไอ้สิงเอ็งไม่เจออะไรจริงๆหรือวะ?"ผมได้แต่สงสัยทำไมน้าวิดถึงได้ถามผมอย่างนั้น “ทำไมหรอน้าผมก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรแปลกๆหนิน้า”หลังจากนั้นผมกับน้าวิดก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองจนกระทั่งตีหนึ่ง น้าวิดได้เดินมาบอกกับผม"ไอ้สิงน้าลืมไฟฉายไว้ที่บ้านเดี๋ยวน้ากลับไปเอาไฟฉายก่อนนะ"พอน้าวิดพูดจบน้าวิดก็ได้ขับมอไซด์ออกไป ปล่อยให้ผมอยู่เวรคนเดียว ผมก็เดินออกไปตรวจบริเวณตามปกติ จนมาถึงศาลเจ้าของสำนักงาน พอผมเดินไปถึงก็มีลมพัดเย็นยะเยือกพัดมาที่ผมจนอุทานขึ้น"ลมอะไรวะเนี่ยหนาวฉิบหายเลยบรื๋อออ" ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากข้างในสำนักงานเป็นเสียงเพลงไทยวงปี่พาทย์ เป็นเรื่องที่แปลกมากๆซึ่งตอนนั้นผมได้อยู่คนเดียว เพราะน้าวิดก็เพิ่งจะกลับไปที่บ้าน“ใครมันมาเปิดเพลงไทยฟังตอนตีหนึ่งวะเนี่ย”ผมพูดพลางเดินไปดู พอผมเดินเข้าไปถึงหน้าสำนักงาน จู่ๆไฟทีี่เปิดไว้ก็ติดๆดับๆ ลมก็เริ่มพัดแรงขึ้น ผมจึงได้เข้าไปในสำนักงานเพื่อตามหาที่มาของเสียงเพลงนั้น สายตาของผมได้เหลือบมองไปเห็นอะไรบางอย่าง สิ่งๆนั้นดูคล้ายผู้หญิงแต่งชุดนางรำ ผมจึงใช้ไฟฉายส่องดูและตะโกนถามไป “นั่นใครหน่ะ! มาทำอะไรในสถานที่ราชการยามวิการแบบนี้”จู่ๆไฟในสำนักงานก็เกิดดับลง มีแค่แสงของไฟฉายในมือที่ยังสว่างอยู่ ทันใดนั้นเอง ก็มีลมเย็นยะเยือกพัดมาที่ผมทั้งๆที่ไม่น่าจะมีลมเข้ามาได้ ผมก็เริ่มได้กลิ่นแปลกๆ คล้ายๆกลิ่นน้ำอบกับกลิ่นธูปผสมกัน “กลิ่นอะไรวะใครมันมาจุดธูปตอนดึกๆดื่นๆ”ทันใดนั้นสายตาผมก็ได้เหลือบมองไปเห็นผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองมาที่ผมเธอมีลักษณะตัวผอมแห้งผิวขาวซีดเหมือนไม่มีเลือด ตาของเธอแดงก่ำแห้ง สีหน้าของเธอขาวโพนมีเส้นเลือดฝอยเต็มไปหมด เธอมองมาที่ ผม แล้วชี้นิ้วใส่พร้อมกับ แผดเสียงอันแหบแห้งออกมา “มึงลบหลู่กู! ไอ้สิง! กูจะมาเอาชีวิตมึง!” ผมตกใจจนยืนตัวแข็งขนลุกสู้ เหมือนกับโดนอะไรจับตัวไว้ “มันอะไรกันวะเนี่ย!”สติของผมเริ่มหลุดผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร ทันใดนั้นเธอก็ได้พุ่งเข้ามาอยู่ต่อหน้า จนทำให้ผมทรุดตัวลงกับพื้นแล้วเธอก็พูดกับผมพร้อมชี้หน้า"มึงต้องตาย! มึงต้องตาย!"จังหว่ะนั้นผมกลัวจนสุดขีดวินาทีนั้นผมคิดได้แค่ว่าต้องออกไปจากตรงนี้ให้ได้ผมเริ่มตั้งสติแล้วลุกวิ่งออกไปข้างนอก จนไปไปหมดแรงอยู่ตรงหน้าทางเข้าสำนักงาน น้าวิดก็ขับมอไซด์มาพอดี ผมตะโกนเรียกน้าวิดอย่างสุดเสียง"น้าวิด! น้าวิด!"
น้าวิดจอดมอไซด์แล้ววิ่งตรงมาหาผม"ไอ้สิงเอ็งเป็นอะไรวะวิ่งเหงื่อแตกหอบมาเชียว"ผมก็ได้เล่าสิ่งที่ผมได้ไปเจอมาในตอนนั้นให้น้าวิดได้ฟัง น้าวิดถึงกับสีหน้าเป็นไปเมื่อได้ยินเรื่องที่ผมเล่าให้ฟัง“ข้าบอกเอ็งแล้วว่าที่นี่มันมีผี เอ็งก็ไม่เชื่อข้าเป็นไงหล่ะทีนี้”ผมที่ได้ฟังที่น้าวิดเล่าก็จำเรื่องนั้นขึ้นมาได้"แล้วผมต้องทำยังไงหล่ะน้าทีนี้"น้าวิดจึงได้บอกกับผมไว้ว่าให้ถึงเช้าเมื่อไหร่ ให้ไปทำบุญซะแล้วก็ไปขอขมาตรงศาลหน้าสำนักงาน พอรุ่งเช้าผมก็ทำตามที่น้าวิดแกพูดไว้ หลังจากนั้นผ่านไป ผมก็ไม่เจอผีตัวนั้นอีก ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่กล้าไปลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็นอีกเลย
ใครที่คิดจะลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็นหรือสิ่งที่คุณไม่เชื่อก็ให้ระวังไว้ละกันไม่งั้นคุณอาจเจอแบบที่ผมได้ไปเจอมาก็ได้…
คนนอนดึก…
ผลงานอื่นๆ ของ KonnonDuke ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ KonnonDuke
ความคิดเห็น