1993 ก่อนที่ฉัน...ตาย - นิยาย 1993 ก่อนที่ฉัน...ตาย : Dek-D.com - Writer
×

    1993 ก่อนที่ฉัน...ตาย

    ชีวิตวัยรุ่นของเต๋อที่กำลังก้าวเดินไปด้วยความปกติสุข พร้อมเพื่อนรักที่คบกันมาเป็นเวลาหลายปี จะทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์เข้าตาจน //เป็นนิยายแต่งเองเรื่องแรก ฝากติดตามผลงานด้วยนะครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    125

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    125

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  สืบสวน
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 มิ.ย. 64 / 13:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    1993 ก่อนที่ฉันตาย

    สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อ เต๋อ ผมเกิดและโตในเกาะ ''ยักษ์แสด'' ซึ่งเป็นที่ที่ห่างไกลออกไปจากเมืองหลวง ''มัณฑณา''หลายกิโลเมตร ผู้คนในเกาะแห่งนี้ต่างเป็นมิตรและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เวลาไหนที่คุณรู้สึกกังวลหรือมีปัญหาขึ้น พวกเขาเหล่านั้นก็พร้อมที่จะช่วยคุณให้หลุดออกจากปัญหาเหล่านั้นได้ดีเลยทีเดียว เกาะแห่งนี้ก็เป็นเกาะที่เงียบสงัดซะเหลือเกิน ไม่ค่อยมีเสียงผู้คนสักเท่าไหร่ มีเพียงเสียงของลมและคลื่นทะเลที่ซัดชายฝั่งก็เพียงเท่านั้น เวลาพลบค่ำ เกาะนี้จะน่าวังเวงเป็นที่สุด ซึ่งไม่ค่อยมีคนออกนอกบ้านมาเดินเที่ยวเล่นชมบรรยากาศอันหนาวเหน็บสักเท่าไหร่นัก ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน เพราะมันน่าวังเวงเป็นอย่างมาก อาจมีสัตว์แปลกๆ ออกมาหาอาหารกินและเป็นอันตรายต่อผู้พบเห็น ซึ่งผมสาบานได้เลยว่าครั้งหนึ่งผมเคยเห็นตัวแครว มันช่างดูแปลกประหลาด เป็นสัตว์สี่เท้าครึ่งบกครึ่งน้ำ ตัวของมันใหญ่เท่าๆ กับรถยนต์เชียวล่ะ กลางหน้าผากของมันจะมีหนามแหลมๆ เกาะอยู่เต็มไปหมด ดวงตาเป็นสีประกายฟ้าอ่อน หนามแหลมๆ ที่เกาะอยู่บนหางของมันจะคอยแกว่งไปมาเหมือนเสาอากาศที่คอยสแกนหาสิ่งผิดปกติบริเวณรอบๆ ตัวมัน ผมแทบช็อกเมื่อมันจ้องมองมาที่ผม แต่ด้วยความมีสติของผม ผมจึงสามารถผ่านมันมาได้

    แต่ก็เอาเถอะ ผมคิดว่า... ผมเองก็เป็นคนที่คล้ายๆ กับเมืองแห่งนี้เช่นเดียวกัน ผมมักจะอยู่แบบสันโดษ ไม่ชอบที่ที่มีผู้คนมากนัก ผมรู้สึกว่า ที่ไหนที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามารวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก มักจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ผมอายุย่าง 20 ปี ในเดือนกันยายนนี้ ผมเป็นคนๆ หนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย โดยผมไม่รู้ว่าชีวิตของผมนั้นต้องการสิ่งไหน ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผมชอบและเกลียดอะไรมากที่สุดในชีวิต ผมมักจะถามกับตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า “ผมเกิดมาทำไม” ทุกๆ คนมีมุมมองแบบนี้เหมือนผมบ้างไหมครับ ผมสงสัยกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ตัวของผมเองนั้นเป็นคนขี้อายมาก บ่อยครั้งที่เพื่อนๆ หลายคนเรียกผมว่า “ไอ้จืด” เพราะผมมักจะไม่แสดงสีหน้าท่าทาง ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ทุกครั้งที่ผมรู้สึกในอารมณ์ต่างๆ ผมมักจะมีสีหน้าแววตาแบบเดียวกันตลอดเวลา แน่นอนว่าผมเป็นคนที่จืดชืดอย่างที่ทุกๆ คนตั้งฉายาให้ผมจริงๆ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ ผมมักจะเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตภายในห้องนอนไม่ออกไปไหน ผมมักจะนอนเหงาอยู่บนเตียงของผมและแทบจะไม่ลุกออกไปไหนเลย ผมมักจะนอนคิดและจินตนาการไปเรื่อยเปื่อยทั้งวันทั้งคืนเหมือนคนเป็นบ้า ให้ตายสิชีวิตของผมมันช่างน่าเบื่อจริงๆนะ มีใครเป็นเหมือนผมบ้าง สิ่งที่ผมทำได้ดีในชีวิตของผมก็คือ การอยู่คนเดียวแบบไร้ตัวตนบนโลกใบนี้ แน่นอนนั่นคือความสามารถพิเศษของผม ผมชอบมันจัง

    ผมเป็นคนโชคร้ายอยู่ตลอดเวลา คล้ายๆ กับว่าโลกใบนี้ไม่เคยเข้าข้างผมเลยอาหารกลางวันหมดเมื่อถึงคิวต่อแถวซื้ออาหารกลางวันของผม ระหว่างที่เดินอยู่นั้น อยู่ๆ ขี้นกก็หล่นลงบนหัวผม และผึ้งต่อยเข้าที่หางตาซ้ายของผมทั้งๆ ที่ผมนั่งนิ่งๆ ในบริเวณสวนสาธารณะเพื่อที่จะเปิดแฮมเบอเกอร์ที่ผมซื้อมาจากร้านเฟรนโทส และอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน ถ้าผมเล่าตอนนี้กระดาษสิบแผ่นก็คงไม่พอผมมั่นใจได้เลย การเสี่ยงโชคไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับผมนัก ผมเคยลองเล่นรูเล็ตต์ครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมติดการพนันหนักหมาก และนั่นทำให้ผมตกอับจนถึงทุกวันนี้ ผมเป็นหนี้บ่อนการพนันหลายหมื่นจิล ทุกๆ ครั้งเจ้าหนี้จะเคาะประตูห้องของผมอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็มีบางครั้งบ้างที่ผมหนีปัญหานั้น จนทำให้ผมโดนพวกเขาเหล่านั้นซ้อมผมและเล่นงานผมจนปางตาย ผมต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันเพราะแขนหักและหัวแตก ผมพยายามใช้หนี้ทั้งหมดที่ผมได้ก่อไว้ ผมพยายามทำงานหาจิล และจิลทั้งหมดที่ผมได้มานั้นมาจาก ร้านขนมปังคุณชัย ลุงชัยรับผมเข้าทำงานตั้งแต่ผมอายุ 15 ปี และนี่ก็ผ่านมาหลายปีได้แล้วที่ผมทำงานที่นั่นกับลุงชัย ลุงชัยเป็นคนดีคนหนึ่ง เขาไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกไม่มีเมีย แน่นอนเขาเป็นชายโสด เขารับผมเป็นลูกบุญธรรม เขาทำทุกอย่างเหมือนผมเป็นลูกในไส้ของเขา และผมรู้สึกโชคดีมากเหมือนผมไม่เคยโชคดีอะไรเท่านี้มาก่อนที่ได้ทำงานในที่แห่งนั้น ผมไม่เคยคิดว่าชีวิตผมจะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตขนาดนั้นเลย

    ผมพักอาศัยที่หมู่บ้าน ชลนาท ซอย 12 ซึ่งห่างจากร้านขนมปังลุงชัยไม่กี่ตึกเท่านั้น ผมพักอาศัยกับพ่อของผมที่ห้องเก่าๆ แห่งนี้ พ่อของผมนั้นเป็นนักดื่ม ทุกๆ ครั้งที่ผมตื่นนอนผมจะไม่เจอพ่อของผมภายในห้องนอนเลยสักครั้ง แต่ผมจะเจอตัวเขาได้ทุกครั้งที่ผมต้องการเขา นั่นก็คือร้านเหล้าหลังที่พักของเรา ทุกๆ ครั้งที่ผมเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอน ผมจะเจอเข้ากับชายที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟาเก่าๆ แห่งนั้นภายในบริเวณห้องนอน ผมรู้สึกชินกับภาพนั้นทุกวัน แม่ของผมนั้นอย่ากับพ่อตั้งแต่ผมอายุ 12 ปี ซึ่งเธอรับไม่ได้ที่สามีของเธอไม่ทำงานและเอาแต่เที่ยวเตร่ พ่อและแม่ทะเราะกันทุกวันและมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเธอนั้นไม่สามารถทนอยู่กับเขาได้อีกต่อไป เธอทิ้งผมและพ่อไว้ด้วยกันสองคนหลังจากนั้นเธอไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ดังนั้นทั้งค่าที่พัก ค่าอาหาร และอื่นๆ รวมทั้งค่าความเสียหายทั้งหมดที่พ่อตัวดีของผมก่อไว้ในร้านเหล้าแทบจะทุกวัน ผมต้องรับผิดชอบด้วยตัวของผมเพียงคนเดียว ซึ่งมันทำให้ผมแทบเป็นบ้าไปเลย

    ทุกเช้ามืดก่อนไปเรียนผมจะเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ หมู่บ้านแห่งนี้ มันช่างวิเศษเป็นอย่างมาก เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบและอากาศดี ผมชอบสูดอากาศในเมืองแห่งนี้ และมันช่างสดชื่นมากจริงๆ ผมเดินมาเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ที่หน้ามหาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นสถานที่ที่น่าเบื่อมากสำหรับผม ผมสูดลมเข้าปอดแบบเต็มกำลัง แล้วปล่อยลมออกจากปากของผมอย่างแผ่วเบา ผมตั้งสติและหลับตาลงสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินมุ่งหน้าตรงเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น

    ผมมีเพื่อนด้วยกันทั้งหมด 4 คน และเพื่อนของผมแตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง

    คนแรก คิม ชายหนุ่มผู้ซึ่งบ้าพลัง เขาเป็นนักเทควันโดของมหาลัย เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในระดับประเทศ และเขาเป็นที่ต้องการของสำนักข่าวดังๆ หลากหลายสำนัก พวกเขาเหล่านั้นต้องการ สัมภาษณ์และติดตามชีวิตการเดินทางของหนุ่มน้อย ผู้ซึ่งเป็นไอดอลของใครหลายๆ คน เขามีถ้วยและเหรียญทองมากมายที่บ้านของเขา มันกองเป็นภูเขาเลยทีเดียว แน่นอนว่าเป้าหมายในชีวิตของเขาคือ การเป็นนักเทควันโดที่มีชื่อเสียงในระดับโลกนั่นเอง

    คนที่สอง พาธี ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก เขาเป็นที่หมายตาของเหล่าสาวๆ ทั้งในและนอกมหาลัย ทุกๆ วันเขาจะมีทั้งจดหมายรักและดอกไม้มากมาย ติดไม้ติดมือของเขาทุกเช้าเสมอ เขามักได้รับการเชิญชวนจากเหล่าเซเลบดังทั่วทุกมุมโลกให้เข้าร่วมงานต่างๆ ในระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง บ้านของเขาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เขามักจะอวดอ้างสรรพคุณเรื่องความหล่อและความรวยของตัวเขาเองอยู่เสมอ จนผมเริ่มชินชากับมัน แน่นอนว่าชีวิตของเขานั้นดูมีความสุขมากเลยทีเดียว

    คนที่สาม นวล สาวน้อยผู้มีสมองอันชาญฉลาด เธอเป็นที่1ของทุกอย่างในการแข่งขัน ทุกๆ ปีจะมีรูปนักเรียนดีเด่นติดป้ายใหญ่โตที่บอร์ดมหาลัยของเรา และในปีนี้ก็มีรูปของเธอเช่นเคย เธอได้รับทุนเรียนต่อปริญญาโทที่มหาลัยชั้นนำของโลก โดยที่ตัวของเธอเองไม่ต้องเสนอชื่อเข้าชิงเลยด้วยซ้ำไป เธอไม่แม้แต่เรียนเก่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เธอยังเป็นตัวแทนของชมรมอนุรักษ์พืชโลกอีกด้วย ซึ่งเธอเองก็ทำได้ดีเลยทีเดียว

    และคนสุดท้าย เวนดี้ สาวตัวเล็กเสียงทรงพลัง เธอมีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง เสียงของเธอสามารถสะกดทุกคนให้หยุดนิ่งและคล้อยตามเสียงกีตาร์และเสียงร้องอันแสนหวานของเธอได้ เธอได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทน 1ใน 3 คน ที่ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมร้องเพลงกับนักร้องบัลลาดชื่อดังอย่าง อดัม เชลเลอร์ และแน่นอนว่า ความใฝ่ฝันของเธอนั้นคือการเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงระดับโลก เธอเป็นคนสดใสร่าเริง และมักมองโลกในแง่บวกอยู่เสมอ และนั่นเองทำให้เธอมีเพื่อนค่อนข้างเยอะและเข้ามาอยู่ในชีวิตของเธอมากมาย

    เอาล่ะ พอทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงสงสัยกันล่ะสินะ ว่าผมเจอกับพวกเขาเหล่านี้ได้ยังไงกัน ซึ่งพวกเขาเหล้านี้แตกต่างกับผมโดยสิ้นเชิงราวฟ้ากับเหว และอะไรดลบันดาลใจให้พวกเราทั้ง 5 มาเจอกัน นั่นเป็นสัญญาณเตือนหรือบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ และ ผม ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่...................

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น