The Witch in the Black Forest - The Witch in the Black Forest นิยาย The Witch in the Black Forest : Dek-D.com - Writer

    The Witch in the Black Forest

    โดย Popparnpun

    ตำนานอันลี้ลับของป่าแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ อันเป็นที่กล่าวขันของชนพื้นเมือง บัดนี้ได้มีผู้ไม่เชื่อได้เข้ามาท้าทายอีกครั้ง

    ผู้เข้าชมรวม

    381

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    381

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 พ.ค. 64 / 22:01 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    แนะนำตัวละคร / ทักทายผู้อ่าน / เขียนตามใจชอบ พิมพ์ตรงนี้ได้เลย...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “มันจะต้องสุดยอดมากแน่เลยเพื่อนๆ!”

       

      เฮ้อ....

       

      ผมได้แต่ถอนหายใจกับแจ็คเจ้าเพื่อนตัวดีที่กำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอย่างลิงโล้ด ผมได้แต่กุมคางเบาๆ 

       

      ดวงตาของผมเบนไปยังเกรฟเจ้าเพื่อนตัวดีอีกคนที่มันจะเออออตามเพื่อนคนอื่นเสมอ ด้านหลังจองผมยังมีอังเดรย์เพื่อนอีกคนของผมที่ตอนนี้กำลังจู๋จี๋กับซาร่าแฟนสาวของมัน

       

      เรื่องมันเริ่มมาจากเจ้าแจ็คที่วิ่งเข้ามาแล้ววางหนังสือเกี่ยวกับตำนานลี้ลับของประเทศอังกฤษประเทศที่พวกเราอยู่ พร้อมกับสาธยายตำนานของแม่มดอะไรของหมอนั้น

       

      ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในวัยที่ฮอร์โมนพุ่งพล่านและบวกกับเจ้าอังเดรย์ที่ชอบตำนานเมืองอยู่แล้วด้วยพวกเราเลยตกลงกันว่าจะลองเข้าไปเที่ยวดู

       

      ซึ่งแน่นอนว่าการเข้าป่าครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาพ่อของผมกับเจ้าเกรฟที่เป็นเพื่อนกัน เคยเดินป่ากันมาก่อนเลยมีอุปกรณ์ในการเดินป่าอย่างครบคัน

       

      ส่วนตัวผมน่ะเหรอ...ถามว่าอยากไปไหม ผมไม่อยากไปสุดๆเลย ผมต่างจากพ่อที่ชอบเดินป่าและไปเที่ยวผมชอบนอนอยู่บ้านเล่นเกมและกินอาหารฝีมือ สเตซี่เพื่อนสาวข้างบ้านของผมมากกว่า

       

      “เฮ้! อย่าทำหน้าบูดแบบนั้นสิเพื่อน ฉันรู้ว่านายอยากอยู่กับสเตซี่ที่รักของนายนะจิมมี่เพื่อนรัก~”

       

      “เงียบปากไปเถอะแจ็ค ยังไงถ้าทุกคนไปฉันก็ไป ยังไงพวกนายก็เป็นเพื่อนฉันหนิ”

       

      ใช่... จิมมี่คือชื่อของผมเห่ยซะไม่มี แต่ยังไงคงต้องวางแพลนบอกพ่อให้เรียบร้อยล่ะนะ

       

      “งั้นอีก2วัยมารวมตัวกันนะ”

       

      เกรฟเปรยออกมาซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดรับคำและเริ่มแยกย้ายกันเพื่อเตรียมตัวเดินทางในทันที ส่วนเรื่องเรียนน่ะเหรอ ไม่มีปัญหายังไงพวกอาจารย์ก็ขยาดพวกผมอยู่แล้ว

       

      กลุ่มตัวปัญหาประจำมหาลัย นั้นคือนิยามของกลุ่มผมแต่ก็นับได้ว่าผลการเรียนของพวกเราต่างก็ไปวัดไปวาได้อยู่

       

      ...........

       

      “เตรียมพร้อมกันแล้วนะ”

       

      อังเดรย์ที่เปรียบเสมือนผู้นำกลุ่มกล่าวออกมาซึ่งผมก็พยักหน้ากลับไปพลางหยิบกล้องอัดวิดีโอของตัวเองขึ้นมาดู ส่วนแจ็คตอนนี้กำลังกางแผนที่ที่ได้มาดูอยู่ ส่วนเกรฟนั้นก็นั่งเงียบๆเออออตามไป

       

      ส่วนยัยซาร่าก็กำลังเล่นโทรศัพท์และเช็คอินFacebookหลังจากถ่ายรูปสววๆพร้อมแต่งรูปให้ตัวเองดูดีขึ้น 

       

      อยากกลับไปนอนเล่นเกม ผมเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเวลาที่ต้องนอนในป่ากลับตอนนี้คงจะไม่ทันแล้วสินะ...เฮ้อ! คิดถึงบ้านจังเลย ผมได้แต่บ่นในใจตอนนี้พวกเรากำลังนั่งรถตู้ที่ได้เช่ามาโดยมีเกรฟขับรถอยู่ และพอพวกเรามาถึง


       

      พวกเรากำลังเดินทางไปยังชานเมืองแห่งหนึ่งของอังกฤษที่มีป่าดังกล่าวอยู่เราต้องการข้อมูลก่อนและเจ้าแจ็คก็อยากบิ้วอารมณ์ตัวเองโดยการฟังเรื่องเล่าจากชาวบ้าน

       

      พวกเรามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่นี่แม้จะดูล้าหลังจากในเมืองแต่ก็มีร้านสะดวกซื้อและร้านเสื้อผ้าที่พอจะดูคล้ายกับในเมืองอยู่บ้าง

       

      พอมาถึงเจ้าแจ็คก็รีบไปสำรวจเมืองเพื่อถามหาคนเก่าคนแก่ภายในเมืองทันทีผมที่ได้เอากล้องอัดวิดีโอมาก็ต้องตามหมอนั้นไปเพราะหมอนั้นต้องการเอาไปทำสารคดีให้อาจารย์ดูด้วย

       

      และพอพวกเรามาถึงบ้านของคนเก่าคนแก่ของหมู่บ้านที่เจ้าแจ็คได้ติดต่อเอาไว้ก่อนแล้วผมเลยต้องมานั่งอัดวิดีโอเจ้านั้นนั่งฟังเรื่องเก่าๆของชายแก่คนนี้

       

      “โฮ่ๆ เจ้าหนูมีอะไรอยากจะถามอีกล่ะฉันจะบอกอันที่ฉันพอรู้ให้”

       

      “งั้นเล่าเรื่องของแม่มดในป่าดำให้ฟังหน่อยสิครับ!”

       

      “......”

       

      เงียบ... ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบปรากฏขึ้นมาด้านหลังของผมทำไมบรรยากาศมันเย็นลงขนาดนี้เจ้าแจ็คมันติดต่อมาแค่มาเที่ยวรึไงเนี่ย? 

       

      ชายแก่ตรงหน้าลูบไปที่เปลือกตาของตนเบาๆด้วยท่าทางเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ส่วนเจ้าแจ็คก็กำลังนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อไม่ดูบรรยากาศหน่อยรึไงนะ?

       

      “เธออยากรู้ไปทำไมล่ะ?”

       

      “พอดีเพื่อนผมสนใจน่ะ”

       

      เอาเจ้าอังเดรย์มาอ้างอีก...

       

      “ฉันไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก แต่ว่าพวกเราเริ่มรู้เรื่องของ‘มัน’จากเมื่อ10ปีก่อน ในตอนนั้นเกิดคดีเด็กหายไปเป็นจำนวนมาก ถ้านับรวมๆคือ20กว่าคนได้ ฉันในตอนนั้นที่ยังหนุ่มอยู่ก็อาสาตามหสเด็กพร้อมกับคนอื่นๆในชุมชนแห่งนี้ พวกเราตามหาพวกเด็กๆอยู่นานจนตีวงได้แคบลงและได้สงสัยบ้านของปีเตอร์ที่ปลีกวิเวกไปอยู่ในป่าดำคนเดียว”

       

      ชายชราตรงหน้าผมที่กำลังเล่าอยู่กล่าวแต่ละคำออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งดวงตาของเขาจ้องมองมายังพวกเราด้วยแววตาที่แปลกพิกล ผมรู้สึกไม่สบายใจลำคอเริ่มแห้งผาก

       

      มือของชายชราเริ่มสั่นเล็กน้อยแล้วยกขึ้นมาปิดใบหน้าของตน

       

      “พวกเราและกลุ่มตำรวจได้บุกค้นเข้าไปเนื่องจากได้หลักฐานนำไปยังบ้านของปีเตอร์ และพอพวกเราบุกเข้าไป...ก็พบกับร่างของเด็กๆที่หายไปดวงตาถูกควักออกมาพร้อมกับเครื่องในที่ถูกควักออกมาเรียงเป็นรูปของสัญลักษณ์ประหลาด......”

       

      ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ และพอผมคิดภาพตามมื้อเช้าของผมก็เหมือนกับว่าจะไหลกลับออกมาทางปาก

       

      ส่วนเจ้าแจ็คตอนนี้ก็กำลังทำหน้าขนลุกไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ มือของหมอนั้นอุดปากของตัวเองเหมือนไม่ให้สำรอกมื้อเช้าออกมา ผมไม่คิดเลยว่าสภาพของคนที่ไปเจอจะเป็นยังไง

       

      “ปีเตอร์ถูกจับ เจ้านั้นพล่ามไม่หยุดว่าตนเป็นอิสระแล้ว หมอนั้นกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เล็บของหมอนั้นจิกลงไปตามใบหน้าของตัวเองและสุดท้ายมันก็ควักดวงตาออกมาและตายไปในที่สุด”

       

      “มันเกี่ยวกับแม่มดแห่งป่าดำยังไงครับ”

       

      “ที่บ้านของปีเตอร์มีมันอยู่สัญลักษณ์ของแม่มดแห่งป่าดำ เขาถูกมันบงการอยู่! เขาถูกมันบงการ!!!!!”

       

      เมื่อชายชราตอบคำถามของผมเสร็จเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกดวงของเขามองไปตามหน้าต่างที่พอผ่านหน้าต่างไปมีต้นไม้สีดำถูกปลูกอยู่

       

      เขาเริ่มโวยวายออกมาแล้วปัดมือออกไปรอบๆเหมือนกับกลัวอะไรบางอย่างอยู่ผมกับแจ็คต่างลุกขึ้นมาแล้วจ้องมองไปยังต้นไม้สีดำแต่กลับไม่พบอะไร

       

      “นี่มันอะไรกัน?”

       

      “จะไปรู้รึไง รีบพาปู่คนนี้ไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ”

       

      และทั้งสองก็พาร่างของชายชราที่โวยวายกลับไปหาลูกหลานที่รออยู่พร้อมกับที่อาการของเขาก็เริ่มสงบลง

       

      “จะเอายังไงแจ็ค?”

       

      “เอาเถอะน่า! ยังไงเรื่องเล่าก็เป็นแค่เรื่องเล่าถ้าพวกเราไม่ไปเห็นเองก็ไม่รู้หรอก แถมถ้าถอยตอนนี้อายคนอื่นเขาพอดีสิ”

       

      ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยขนาดนี้แล้วหมอนี่ยังไม่ถอยอีกรึไง เมื่อกี้ก็ทำท่ากลัวอยู่เลยแท้ๆตอนนี้กลับไม่เชื่อซะงั้น

       

      พวกเราทั้งสองคนได้เดินกลับไปที่รถหลังจากขอแผนที่มาแล้วครที่ถือแผนที่ก็คือซาร่าแฟนจองอังเดรย์ซึ่งผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ที่ให้เจ้าหล่อนถือเพราะเจ้าหล่อนไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเท่าไหร่

       

      พวกเราขับรถกันมาจนถึงชายป่าที่เจ้าแจ็คมาร์คไว้พวกเราได้ลงมาพร้อมกับที่แบกของเดินป่าเตรียมลงมา พร้อมกับล็อครถตู้ที่เช่ามาไว้ในชายป่า

       

      “พร้อมนะทุกคน”

       

      อังเดรย์กล่าวถามซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับแล้วเริ่มโดยมีอังเดรย์กับซาร่าเดินนำไปโดยมีผมเดินอยู่ท้ายขบวนเนื่องจาดค้องอัดวิดีโอโดยมีเกรฟกับแจ็คอยู่ตรงกลาง

       

      พวกเราเดินกันไปตามป่ากิ่งไม้ของต้นไม้สีดำเหล่านี้แผ่ขยายปกคลุมป่าจนมีแสงลอดออกมาเพียงเล็กน้อย มันราวกับหนามที่เอาไว้ทิ่มแทง เกรฟทำสัญลักษณ์ขีดไว้ตามต้นไม้เพื่อกันเอาไว้หลงป่า แต่พอเราเดินเข้าไปในป่าลึกลงไปเรื่อยๆเพื่อไปหาบ้านของคนที่ชื่อว่าปีเตอร์ตามคำบอกเล่าของชายชราคนนั้น

       

      ยิ่งลึกลงไปแสงสว่างเริ่มลดลงท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มราวกับพายุลูกใหญ่กำลังจะมา ผมกับเกรฟที่เคยเดินป่ากับพ่อเริ่มมีสีหน้าไม่ดีปรากฏออกมา

       

      “เต้นท์กันฝนที่มากับพายุไม่ได้แน่รีบตามหาที่หลบฝนก่อนเถอะ”

       

      “เห็นด้วยสุดๆ”

       

      เกรฟกล่าวสนับสนุนความคิดของผมเมื่อสัมผัสได้ถึงความชื้นในอากาศที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมมองไปยังแจ็คที่หยิบมีดพกขึ้นมาตัดกิ่งไม้ที่ขวางทางเอาไว้ พวกเราเดินทางเข้าไปในป่าลึกเรื่อยๆๆ ท้องฟ้าเองก็มืดครึ้มขึ้นมากจนตัวของผมอดกังวลไม่ได้ในครั้งนี้

       

      เท้าที่สวมรองเท้าเดินป่าของผมเหยียบลงผืนดินที่แข็งเล็กน้อยก่อนที่พวกเราจะมาเจอกับบ้านไม้หลังใหญ่ที่ดูค่อนข้างทรุดโทรมแต่สิ่งที่ทำให้พวกเราโฟกัสยิ่งกว่าสภาพบ้านก็คือ…ต้นไม้รอบๆถูกสลักไปด้วยรูปของสัญลักษณ์ประหลาดที่เป็นรูปร่างของดาวสี่แฉกที่มีรูปร่างของวงกลมอยู่ตรงกลาง

       

      ตัวของผมสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้รวมถึงแจ็คด้วยพวกเรารู้ดีว่าสัญลักษณ์อันนี้ตืออะไรพวกเรารู้ที่มาของมันแล้วพอดวงตาของผมเบนไปยังประตูบ้านร่างของผมก็ล้มตัวลงกับพื้นในทันที ลมหายใจของผมเริ่มติดขัดอย่างน่าประหลาด

       

      “เฮ้! จิมมี่นายเป็นอะไร? เฮ้! จิมมี่”

       

      “แจ็คดูนั้นสิ”

       

      แจ็คเข้ามาพยุงผมในทันทีและพอหมอนั้นถามต้นเหตุผมก็ต้องกลั้นใจกล่าวออกไปพอเจ้าแจ็คเห็นหมอนั้นก็สั่นกำลังสั่นกลัว เกรฟที่ค่อนข้างขี้กลัวหมอนั้นก็เริ่มจะกลัวตามพวกผมไปแล้วทั้งๆที่ยังไม่รู้สาเหตุ ส่วนเจ้าอังเดรย์ที่เห็นก็บอกให้ซาร่าถอยไปก่อน

       

      อังเดรย์ค่อยๆเดินเข้าไปด้านหน้าของบ้านอย่างช้าๆแล้วเอามือลูบไปที่บ้านของป้ายหน้าประตูแล้วลูบป้ายชื่อของเจ้าของบ้านออกอย่างช้าๆ

       

      “ปีเตอร์… ไม่เห็นมีนามสกุลเลยแหะ”

       

      “จริงๆด้วย”

       

      “สรุปแล้วนี่มันเรื่องอะไรกันจิมมี่ ฉันเริ่มกลัวแล้วนะ”

       

      “มันคือชื่อของฆาตกรที่ฉันกับแจ็คไปได้ยินมา”

       

      “ว่าไงนะ!?”

       

      เกรฟที่ได้ยินก็ตกใจแล้วเริ่มกลัวขึ้นมาหมอนั้นพยายามจะออกห่างจากตัวบ้านในทันที ส่วนอังเดรย์ที่ได้ยินก็เลิกคิ้วเล็กน้อย หมอนี่…เหมือนจะไม่กลัวเลย ไม่สิ ปกติหมอนี่ไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วหมอนี่ไม่กลัวผีมองมันเป็นแค่เรื่องสนุกที่น่าท้าทายเท่านั้น

       

      พวกเราทั้งหมดมองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี ฝนก็จะตกแล้วด้วยเต้นท์ของพวกเราก็กันฝนไม่ได้ด้วย ถ้าจะเข้าไปพวกเราเกือบทั้งหมดยกเว้นอังเดรย์พวกเราก็กลัวอีก 

       

      และในท้ายที่สุดพวกเราก็ต้องเข้าไปเพราะฝนนั้นมันเริ่มตกแล้ว มือของผมผลักประตูไม้เข้าไปที่นี่นั้นทรุดโทรมพอสมควรเลยมีหยากไย่เกาะตามมุมห้องและก็ยังมีชั้นบนอีกแต่ที่พวกเราเข้ามาเป็นแค่ห้องนั่งเล่นเท่านั้น และพอซาร่าที่เปิดประตูเข้าไปในห้องต่อไปกับอังเดรย์

       

      “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!”

       

      “เกิดอะไรขึ้น!?”

       

      เจ้าแจ็คที่ได้ยินเสียงซาร่ากรี๊ดออกมาผมกับเกรฟก็รีบตามไปในทันทีและพอมองไปยังต้นเสียงก็พบกับอังเดรย์ที่กำลังปลอบขวัญซาร่าอยู่พวกเรามองเข้าไปทางด้านหลังก็ต้องสั่นสะท้านด้วยความกลัว ด้านในเป็นหน้ากากไม้สีน้ำตาลที่แขวนไว้ตามผนังมากมาย รอยเลือดเปรอะเปรื้อนไปตามพื้นและปลายสุดทางเดินก็มีร่างแห้งสูงโปร่งถูกล่ามไว้กับเก้าอี้ด้วยโซ่สนิมเขรอะที่มีปลายแหลมบาดลึกลงไปยังเนื้อของผู้ถูกล่าม น้ำหนองและเลือดที่ไหลออกมานั้นได้แห้งสนิทอยู่ตามพื้น,เก้าอี้และโซ่ที่ล่ามอีกฝ่ายอยู่

       

      ผมรู้สึกพะอืดพะอมและรู้สึกอยากจะสำรอกอาหารออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แจ็คกำลังสั่นสะท้านล้มลงไปกับพื้นด้วยความหวาดกลัว ส่วนเจ้าเกรฟก็กรีดร้องออกมาเบาๆและกุมหัวตัวเอง ซาร่ากำลังกอดร่างของอังเดรย์แน่นด้วยความหวาดกลัวส่วนเจ้าอังเดรย์ก็แสดงสีหน้าขยะแขยงออกมา

       

      “เกรฟนายไปตรวจดูหน่อยว่าเจ้านั้นยังมีชีวิตอยู่มั้ย”

       

      “นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ!? ให้ฉันไปเนี่ยนะ”

       

      เกรฟที่ถูกอังเดรย์เรียกก็พยายามจะปฏิเสธออกมาอย่างต่อเนื่องเพราะตนนั้นหวาดกลัวต่อภาพตรงหน้า แต่เมื่อเจอสายตากดดันของอังเดรย์เข้าไปหมอนั้นก็ต้องยอมเดินเข้าไปหมอนั้นวางกระเป๋าเดินป่าของตนลงแล้วเดินเข้าไปอย่างช้าๆๆ พื้นไม้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดออกมา 

       

      และพอหมอนั้นไปอยู่ในระยะประชิดมือของเกรฟก็ไปจ่ออยู่แถวๆจมูกเพื่อดูว่ายังมีลมหายใจอยู่ไหมและพอสัมผัสได้หมอนั้นก็หันมาทางพวกเราแล้วพยักหน้าทว่า

       

      “ออกไป!!!!!!!!!!!!!”

       

      หมับ!

       

      เสียงกรีดร้องลั่นดังออกมาจากร่างที่ถูกล่ามอยู่มันดูคล้ายกับหญิงสาวมืออันแห้งติดกระดูกของมันคว้าไปที่ร่างของเกรฟจนมันกระแทกกับพื้นร่างของมันกำลังคร่อมเกรฟอยู่แล้วกรีดร้องลั่นออกมาภายใต้หน้ากาก โซ่สนิมเขรอะที่ผูกติดมันกับเก้าอี้นั้นหลุดออกมาจากสภาพที่เสื่อมโทรมพวกเบิกตากว้างเล็บอันคมยาวเจาะลงไปในเนื้อของเกรฟ

       

      เขาร้องคำรามลั่นออกมาผมกัดฟันแล้วหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วพุ่งเข้าไปฟาดใส่หน้ามันตามมาด้วยอังเกรย์ที่พกไม้เท้าเอาไว้ใช้เดินป่าเข้ามาฟาดตามจนมันหลุดออกมาจากการคร่อมร่างของเกรฟจนหน้ากากมันหลุดออกมา เส้นผมที่แห้งกรังใบหน้าที่ซูบผอมติดกระดูกมันพุ่งเข้ามาผม 

       

      มันกัดใส่ผมในทันทีผมรีบใช้แขนกันเอาไว้จนฟันของมันกดลึกลงไปในแขนของผม ผมร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวดผมพยายามดิ้นไปมาให้มันหลุดก่อนที่อังเดรย์จะตามมาช่วยโโยการเอาไม้เท้าฟาดใส่แต่มันกลับไม่ยอมหลุดแถมยิ่งฝังฟันอันแหลมคมกดลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม

       

      ผมทำใจกัดฟันแล้วเอาเท้ายันมันแล้วออกแรงถีบออกไปจนร่างของมันกระเด็นออกไปพร้อมกับที่เนื้อแขนของผมที่มันกัดถูกฉีกออกไป มันลุกขึ้นมาอีกครั้งผมรีบขว้างมีดพกสำหรับเดินป่าไปให้เกรฟหมอนั้นรีบคว้ามีดที่ผมคว้าไปให้และรีบเสียบหัวของมันที่กำลังพุ่งเข้าไปหาในทันที

       

      พวกผมรีบทิ้งตัวลงไปกับพื้นในทันทีผมรีบกุมแขนของตัวเองที่โดนฉีกเนื้อแขนออกไปจนเกิดแผลลึคกแล้วเลือดไหลออกมาไม่หยุด เจ้าแจ็คที่ปฐมพยาบาลเป็นก็รีบวิ่งเข้ามาแล้วรีบเอาชุดปฐมพยาบาลออกมาแล้วหยิบผ้าก๊อซที่สะอาดออกมาแล้วรีบซับเลือดของผม หมอนั้นยกแขนของผมให้สูงกว่าหัวใจเพื่อให้เลือดหยุดไหล หมอนั้นหยิบขวดน้ำออกมา

       

      “นายต้องล้อฉันเล่นแน่ๆเลยแจ็ค”

       

      “อยากให้แผลติดเชื้อรึไง นึกถึงหน้าสเตซี่ไว้ซะแล้วกัดฟัน”

       

      อังเดรย์และเกรฟได้เข้ามาล็อคตัวผมเอาไว้ เจ้าพวกบ้านี่! จากนั้นแจ็คก็เริ่มใช้น้ำในขวดน้ำล้างแผลของผมผมร้องลั่นออกมาอย่างไม่อายใครเลยทั้งสิ้น แม่ง! โคตรเจ็บเลยจากนั้นเจ้าแจ็คก็เริ่มใช้ผ้าพันแผลพันแขนของผมเอาไว้หลังจากที่ได้ทำแผลทั้งหมดเสร็จแล้วหลังจากนั้นพวกเราก็มามองศพของเจ้าหน้ากากที่ถูกล่ามไว้แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลย

       

      และแน่นอนผู้กล้าของกลุ่มเราอังเดรย์เดินออกไปข้างหน้าแล้วจับร่างที่นอนแน่นิ่งเพราะถูกมีดปักหัวเข้าไปดูจากสรีระแล้วคงเป็นผู้หญิงเสื้อผ้านั้นเรียกได้ว่าเป็นแค่เศษผ้า ร่างกายซูบผอมราวกับไม่ได้กินอะไรเลยเจ้าอังเดรย์ได้แต่เอาหน้ากากปิดหน้าอีกฝ่ายเอาไว้

       

      พวกเรารีบเอาร่างของอีกฝ่ายไว้ในมุมห้องนั้นแล้วรีบออกมาจากห้องหน้ากากนั้นและพวกเราได้ออกมาห้องหลักและกางถุงนอนเตรียมนอนในทันที ส่วนผมได้แต่กุมแผลที่ถูกกัดเอาไว้ส่วนเกรฟไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากเพราะเล็บของมันเจาะเข้าไปในเนื้อไม่ลึกมาก

       

      หลังกางถุงนอนกันเสร็จพวกเราก็รีบเข้านอนกันในทันทีพร้อมกับพยายามข่มตาหลับลืมเรื่องราวในวันนี้และวางแผนจะออกจากป่าและล้มเลิกการเดินป่าครั้งนี้ไปในทันที

       

      ในระหว่างที่กำลังนอนอยู่ในถุงนอนนั้นแผลที่แขนของผมก็รู็สึกร้อนขึ้นมาร้อนราวกับถูกไฟเผา นี่มันอะไรกัน!? ผมกดบาดแผลที่แขนเอาไว้ด้วยอาการเจ็บปวด ทันใดนั้นผมก็สะดุ้งร่างกายราวกับถูกนิ้วที่มีเล็บยาวแหลมคมกรีดลากผ่านร่างกาย อาการเจ็บแปล๊บแล่นเข้ามา ผมรือตาขึ้นมาแล้วมองเห็นมือสีขาวซีดที่มีเล็บยาวแหลมคมกรีดลากผ่านท้องของผมอยู่

       

      และมือนั้นก็ค่อยๆยื่นเข้ามาใกล้เรื่อยๆๆๆ ทำไมกันทำไมผมถึงขยับไม่ได้ ขยับสิ! ขยับ! ขยับ!!!!!!!!

       

      “เฮือก!”

       

      ร่างของผมสะดุ้งขึ้นมายามเช้าด้วยความตกใจ ทำไมผมถึงออกมานอกบ้านกัน? ด้านหลังของผมเป็นต้นไม้สีดำที่สลักสัญลักษณ์ประหลาดอยู่ผมรีบถอยหลังออกจากมัน

       

      “ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!”

       

      เสียงนี้มันอังเดรย์!

       

      ผมรีบลุกขึ้นมาแล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันทีแล้วพอเปิดประตูเข้ามาผมเห็นอังเดรย์กำลังสั่นกลัวอยู่ที่มุมห้อง เกรฟที่กำลังพึมพำบางอย่าไงม่หยุดปากพร้อมกับกุมหัวตัวเองก้มกราบ แจ็คที่ฉี่ราดออกมาแล้วสะบัดตัวไปมาไม่หยุด แล้วซาร่าล่ะ!? ผมตั้งคำถามขึ้นมาในใจพอผมเปิดเ้าไปในห้องหน้ากากก็ไม่เจอ

       

      คงจะเหลือแต่ชั้นบนที่พวกเรายังไม่ได้สำรวจตั้งแต่เมื่อวาน ผมรีบวิ่งขึ้นไปด้านบนในทันที ด้านบนนั้นเต็มไปด้วยกิ่งไม้สีดำที่ถูกปักไว้รอบทางพอผมเดินเข้าไปลึกสุดก็มีร่างของมนุษย์ ไม่สิ…คงเรียกว่าศพมากกว่ามันคือศพที่ถูกควักลูกตาออกไปพร้อมกับตรงลำตัวสลักไว้ด้วยสัญลักษณ์ประหลาด และด้านหน้าร่างนั้น……

       

      “ซาร่า!”

       

      “จ-จิมมี่”

       

      ผมตะโกนออกมาแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายเธอกำลังเปลือยกายจ้องมองศพตรงหน้าอย่าไงม่ได้สติ ถึงแม้ตอแนนี้เธอจะไม่มีเสื้อผ้าเหลืออยู่เลยก็ตามแต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามีอารมณ์ผมรีบวิ่งไปด้านล่างหยิบผ้าห่มขึ้นมาแล้วคลุมร่างอีกฝ่ายไว้ในทันที

       

      น้ำเสียงของเธอสั่นเครือแล้วจ้องมองไปยังศพผมรีบพาเธอลงมาในทันที นี่มันเกิดบ้าอะไรยขึ้นกัน!? ผมได้แต่ถามตัวเองภายในใจหลังจากที่พวกเรามานั่งสงบสติอารมณ์กันอยู่ตอนนี้แจ็คนั้นพอสงบสติอามณ์ได้แล้ว แต่ไม่ใช่กับเกรฟที่ตอนนี้แทบจะสติแตกไปแล้ว ส่วนอังเดรย์นั้นหวาดระแวงทุกอย่างตลอดเวลา ซาร่านั้นอาการหนักยิ่งกว่าเธอเหมือนกำลังเลื่อนลอยอยู่เลย

       

      แขนขวาของผมที่บาดเจ็บอยู่ขยับแทบไม่ได้ เกรฟที่คอยสมานสัมพันธ์ในกลุ่มตอนนี้แทบจะสติแตกไปแล้ว อังเดรย์ที่เป็นผู้นำกลุ่มตอนนี้แทบหมดสิ้นสภาพของเพื่อนตัวโตกล้ามใหญ่ประจำกลุ่ม ซาร่าที่มีแผนที่อยู่ตอนนี้มันกลับหายไปไหนไม่รู้ และแจ็คที่สภาพดีที่สุดยังเหม่อเป็นระยะๆ

       

      “เอายังไงดีจิมมี่?”

       

      “ฉันขอพูดตามตรงนะแจ็ค ให้ฉันตายยังไงฉันก็จะไม่นอนที่นี่อีกคืนแน่”

       

      เกรฟได้แทรกบทสนทนาพลางยื่นคำขาดพร้อมจ้องมาที่ผม ซึ่งผมเองก็ได้แต่พยักหน้าแล้วแจ็คก็หยิบเข็มทิศออกมา ก่อนที่จะเริ่มออกเดินป่าเพื่อหาทางออกไปในทันที ผมที่แขนบาดเจ็บอยู่ได้ไม้เท้าของอังเดรย์มาช้ค้ำแทน ส่วนเกรฟกับแจ็คก็ต้องพยุงร่างของอังเดรย์ที่ยังหวาดกลัวอยู่ ส่วนซาร่าที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วได้แต่เดินเงียบๆกัน

       

      รอยตามต้นไม้ที่ผมเคยทำไว้ยังคงหลงเหลืออยู่ กล้องวิดีโอของผมถูกเก็บเข้ากรุไปในทันทีเพราะตอนนี้คงไม่มีใครบ้ามาอัดวิดีโอหรอก และสุดท้ายวันนี้พวกเราก็ยังออกป่าไม่ได้ สุดท้ายคงต้องตั้งเต้นท์กัน ดีที่วันนี้ฝนมันไม่ตกลงมาไม่งั้นพวกเราคงลำบาก

       

      อังเดรย์ไปนอนกับซาร่า เกรฟนอนกับแจ็ค ส่วนผมนั้นได้นอนคนเดียวมันช่างน่ากลัวมากผมได้หลับตาลงแล้วได้แต่ปิดหูปิดตาไม่รับฟังสิ่งใดและมันก็เกิดขึ้นอีกแล้ว… บาดแผลที่แขนขวาของผมมันเริ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้เล็บนั้นถูกกรีดไปตามแขนซ้ายของผม

       

      ร่างกายมันเกร็งไปหมดกลิ่นเหม็นสาบลอยคลุ้งไปทั่วเต้นท์ของผม คอของผมราวกับถูกกำเอาไว้พร้อมกับที่มันเริ่มบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆจนผมรู็สึกอึดอัด

       

      “เฮือก!”

       

      อีกแล้ว… ผมจับไปที่ลำคอของผมที่ตอนนี้มีรอยแดงจากการถูกบีบคอเอาไว้ผมเดินออกมาจากเต้นท์และพบว่าคนอื่นๆก็ตื่นขึ้นมาเช่นกันพวกเราั้งหมดต่างมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวเพราะตอนนี้รอบเต้นท์ของพวกเขาต่างถูกล้อมรอบไว้ด้วยหินที่เรียงกันเป็นสัญลักษณ์ประหลาดรูปดาวสี่แฉกมีรูปร่างที่มีวงกลมอยู่ตรงกลางซึ่งวงกลมนั้นล้อมรอบเต้นท์พวกเราไว้อีกที ผมรู้สึปวดคอของตนเองที่เคยถูกบีบเอาไว้

       

      “นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะเว้ย! ใครมันกล้ามาทำอะไรแบบนี้วะ! อยากโดนกระทืบมากนักใช่มั้ย!?”

       

      อังเดรย์ที่ตอนนี้ได้หมดความอดทนกับเรื่องนี้แล้วหมอนั้นได้เดินไปที่ก้อนหินที่เรียงรายกันอยู่แล้วคำรามออกมาด้วยความโกรธแลลล้วยกขาขึ้นมาเตะก้อนหินออกไปและพอก้าวออกไป ร่างอันใหญ่โตของหมอนั้นถูกกระชากออกไปในทันที เสียงกรีดร้องของอังเดรย์ดังออกมาดังลั่นก่อนที่จะเงียบหายไป

       

      พวกเขานิ่งเงียบผมรู้สึกปวดคอที่เป็นรอยแดงแล้วทรุดตัวลงไปคุกเข่ากับพื้นซาร่ากำลังกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เกรฟกำลังพึมพำบางอย่างออกมาอย่างไม่หยุดปาก แจ็คเหม่อมองไปยังทางที่อังเดรย์หายไป เขาพึมพำบางอย่างออกมาแล้วย่ำเท้าไปอย่างช้าๆ 

       

      “เดี๋ยวก่อนแจ็ค! นายจะไปไหนกันน่ะ!?”

       

      “เธอมาแล้ว… เธอจะมาเอาพวกเราไป เธอจะทำให้พวกเรากรีดร้อง เธอกำลังสาปส่งพวกเรา”

       

      แจ็คพึมพำออกมาอย่างไม่หยุดปากเขาค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆอย่างเหม่อลอยผมพยายามจะลุกขึ้นไปแต่ความอึดอัดที่ลำคอราวกับมันถูกบีบรัดขึ้นมาเรื่อยๆก่อนที่แจ็คจะเดินหายไปในความมืด 

       

      ตอนเช้าในวันถัดมาพวกเราได้แต่นั่งนิ่งจ้องมองสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าร่างของอังเดรย์ถูกตัดหัวแขนและขาถูกถ่างเต็มที่ท้องกลวงโบ๋และตรงจุดที่กลวงโบ๋นั้นมีหัวของอังเดรย์อยู่ พวกเรานั้นไร้คำพูดดวงตาของพวกเรานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวโดยเฉพาะกับเกรฟ

       

      ความรู้สึกร้อนราวกับถูกไฟเผาปรากฏขึ้นมาบนแขนข้างขวาของผม ผมกำมันแน่นด้วยอาการปวดที่ประดังเข้ามาเป็นระยะๆ พวกเราทั้งหมดขนของเตรียมออกเดินทางหาทางออกจากป่าดำเฮงซวยบ้านี่… แต่ในระหว่างนั้นที่พวกเรากำลังเดินอยู่พวกเราก็ได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนไหวซาร่ารีบถอยออกมาอยู่กับผมและเกรฟในทันที

       

      “ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!”

       

      ความตึงเครียดดำเนินไปเรื่อยๆและในที่สุดเกรฟก็ทนไม่ไหวสติแตกและวิ่งออกไปในทันที ผมกับซาร่ามองหน้ากันแล้วรีบวิ่งตามไปในทันที และในที่สุดพวกเราก็มาถึง…บ้านไม้ทรุดโทรมหลังเดิม ซาร่าตาเบิกโพลงแล้วรีบวิ่งมาหลบหลังผมในทันที เกรฟหายไปแล้วพวกเราต้องยอมรับ

       

      และสุดท้ายก็เหลือผมกับซาร่าที่กลับไปทางเดิม พวกเราตัดสินใจจะนอนเต้นท์เดียวกันผมนอนอยู่ในถุงนอนทันที ส่วนซาร่าก็หยิบกล้องวิดีโอของผมขึ้นมาดูเธอกำลังทำหน้าสิ้นหวังสุดๆ อาการอึดอัดราวกับถูกบีบคอกลับมาอีกครั้ง

       

      “[สวัสดีนี่ซาร่านะ… ถึงแม้วิดีโอจะขาดช่วงไปแต่นี่อาจจะเป็นการร่ำลา อังเดรย์ไปแล้ว แจ็คกับเกรฟก็หายตัวไป เหลือแค่ฉันกับจิมมี่ ดูสิจิมมี่กำลังนอนอยู่เลยเขาบาดเจ็บแขนของเขายังเจ็บอยู่เลย ฉันแค่อยากจะบอกกับคนที่เจอวิดีโอนี้ว่า…ฝากเอาไปให้ครอบครัวของพวกเราด้วย ฉันไม่น่ามาที่นี่เลย-]”

       

      “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!”

       

      “นั้นเสียงอะไรน่ะ!? -เฮ้! จิมมี่รอฉันก่อนรอฉันก่อน!!!!”

       

      เสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นมาจากทางด้านของบ้านไม้อันทรุดโทรมหลังนั้น ผมจำได้เสียงนั้นมันเสียงของเกรฟผมรีบลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปในทันทีโดยด้านหลังมีซาร่าวิ่งตามมาอยู่

       

      พวกเราวิ่งเข้ามาด้านในบ้านแล้วรีบกวาดตามองก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปชั้นบนที่มีศพประหลาดนั้นอยู่…ไม่มี! ผมรีบวิ่งลงมาหาซาร่าที่รออยู่ด้านร่างในทันทีแต่ทว่า

       

      “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!”

       

      เสียงกรีดร้องของเธอดังลั่นผมรีบเปิดประตูไปห้องหน้ากากแต่ในนั้นกลับไม่มีหน้ากากนั้นอยู่เลยศพของร่างที่ใส่หน้ากากนั้นหายไปกลายเป็นห้องโล่งๆ เสียงของซาร่าหายไปรวมถึงร่างของเธอด้วยเหลือแค่กล้องวิดีโอ ผมหยิบมันขึ้นมาดูก่อนที่จะกวาดตามองรอบห้องผ่านกล้องวิดีโอแล้วพบกับ……

       

      “ส-สเตซี่! ท-เธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน?”

       

      สเตซี่! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ทำไมล่ะ? เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? มันเกิดอะไรขึ้น? สเตซี่แสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะมาจับกล้องวิดีโอแล้วลดกล้องลง รอยยิ้มของเธอมันน่ากลัว น่ากลัวสุดๆและในท้ายที่สุดมุมมองของผมก็หมุนคว้างขึ้นมาแล้วกระแทกลงกับพื้น

       

      ร่างของผมถูกสเตซี่ลากไปวางบนเก้าอี้ที่ร่างในหน้ากากนั้นเคยถูกล่ามไว้อยู่โซ่สนิมเขรอะที่ตามตัสวโซ่มีหนามแหลมมันเริ่มทิ่มแทงเข้าไปในร่างของผมความเจ็บปวดเริ่มแทรกเข้ามาผมได้แต่กัดฟันด้วยความเจ็บปวด สเตซี่ฉีกยิ้มออกมาแล้วยกบางอย่างขึ้นมามันคือหน้ากาก หน้ากากที่คล้ายกับใบหน้าของซาร่า 

       

      “นายต้องชอบมันแน่ๆ จิมมี่ หึๆ”

       

      หน้ากากถูกสวมเข้ามาที่ใบหน้าของผมพร้อมกับใบหน้าของสเตซี่ที่มีผิวหนังของเธอหลุดลอกออกมาเล็กน้อยก่อนที่ทุกอย่างมันจะกลายเป็นสีดำ สีดำเหมือนเนื้อของต้นไม้ในป่าแห่งนี้

       

       

       

       

       

       

       

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×