ลิขิตรักแห่งเบื้องบรรพ์
เด็กสาวม.ปลายผู้มีเชื้อสายพม่าหลุดเข้าไปในสมัยกรุงศรีอยุธยาช่วงพ.ศ2303 พม่ากำลังรุกรานแผ่นดินไทยซะด้วยความซวยมาถึงเมื่อต้องเจอนักรบผู้กล้าแห่งกรุงศรีจ้องจะฆ่าเธอลูกเดียวแต่ไหงกลับมาปกป้องเธอซะงั้น
ผู้เข้าชมรวม
5,678
ผู้เข้าชมเดือนนี้
21
ผู้เข้าชมรวม
ข้ามภพข้ามชาติ ดาบอาทมาต พระเอกสู้เก่ง คุณหนูไฮโซ นักรบชาวสยาม เจ้าชายอังวะ ครบทุกรส รักโรแมนติก นิยายรัก พระเอกฉลาด
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รีวิวตัวละคร
พัน หนึ่งในนักรบของกองอาทมาตจำนวนสี่ร้อยคน อายุ20ปี เป็นมือขวาของท่านขุนรองปลัดชู หนุ่มรูปงามหล่อเหลาที่มีมาดนิ่งขรึมแต่ชำนาญการดาบ ช่างสังเกต ฉลาดแหลมคมและมีไหวพริบ
มะนันดาหรือนันดา เด็กสาวม.ปลายโรงเรียนนานาชาติ อายุ17 มีเชื้อสายไทยและพม่า ทายาทหนึ่งเดียวของเศรษฐีชาวพม่าที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย เป็นคุณหนูไฮโซ ไม่ค่อยเชื่อเรื่องงมงาย เรื่องมาก และชอบเพลงแร็พเป็นที่สุด
เจ้าชายปดุง พระราชโอรสลำดับที่ห้าในพระเจ้าอลองพญาแห่งอังวะ ทรงเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น มีพระเมตตาและทรงเป็นบุรุษที่งดงาม มีพระชนมายุ 16 ชันษา( นับจากพ.ศ.ที่พระองค์เกิดจริงๆจนถึงพ.ศ.2303)
มั่น ชายหนุ่มอารมณ์ดี เป็นสหายคู่ใจของพัน เชี่ยวชาญการดาบ สู้รบเก่ง เห็นคำว่าเพื่อนมาก่อนเสมอ ชอบมะนันดาแต่พอรู้ว่าเพื่อนตัวเองชอบ ก็พร้อมถอยให้เพื่อน
เอื้อง หญิงชาวบ้านรุ่นราวคราวเดียวกับพัน ที่ติดสอยห้อยตามพี่ชายมาร่วมออกรบกับกองอาทมาตด้วย แม้นจะเป็นหญิงเรียบร้อยหากพิษรักเข้ามา ก็สามารถเปลี่ยนคนดีให้กลายเป็นคนชั่วภายในพริบตา มีความสามารถในการเปลี่ยนสมุนไพรให้เป็นพิษ
ตราบหัวใจเบื้องภพบรรพ์ เป็นจินตนาการของผู้เขียนโดยใช้เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สมัยพุทธศักราช 2303 ซึ่งในขณะนั้นอาณาจักรพม่าได้เข้ามาทำสงครามกับกรุงศรีอยุธยา ซึ่งอ้างอิงจากพงศาวดารไทยและพม่า จึงมีการกล่าวถึงบุคคลที่มีตัวตนบ้าง เช่น ขุนรองปลัดชู ออกญารัตนาธิเบศร์ เจ้าชายปดุงแห่งพม่า เป็นต้น ซึ่งมีส่วนที่เติมแต่งตามจินตนาการ โดยผู้เขียนมุ่งเน้นความบันเทิงเป็นสำคัญมิได้มีเจตนาลบหลู่แต่อย่างใด หากผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขออภัยมา ณ โอกาสนี้
ขอสดุดีเกียรติแห่งวีรชน ท่านขุนรองปลัดชูและกองอาทมาตทั้งสี่ร้อยชีวิต ที่สละชีพไว้ ณ อ่าวหว้าขาว
เกียรติวีรชนแห่งเบื้อง อยุธเยศ
ปกถิ่นบุรินทร์เทศ แหล่งหล้า
ปราบอริราญรอนเหตุ พลีชีพ ไว้แฮ
กองอาทมาตคนกล้า โลกล้วนสรรเสริญ
สปอยฉากเล็ก ๆ ให้ลองอ่านดูนะคะ
พันใช้คบไฟส่องนำทาง เดินลิ่ว ๆ ไป สองข้างทางเป็นแมกไม้ธรรมชาติ ต้นราตรีส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรไปทั่วบริเวณ รอบข้างมืดสนิทก็จริงแต่เสียงจิ้งหรีดเรไรส่งเสียงประสานกันประหนึ่งเพลงขับกล่อมเป็นเพื่อนในยามค่ำคืน นันดาเดินตามหลังร่างสูง แม้ขาที่ยาวกว่าจะทำให้เขาเดินนำลิ่วไปได้ไกล แต่เธอก็รู้สึกได้ว่า ขานั้นกลับย่างก้าวช้าลงเหมือนจงใจจะรอเธอ
“พี่พัน ตอนนี้พ.ศ.อะไรแล้วเหรอ”
ชายหนุ่มเหลือบมองเจ้าหล่อนที่เดินมาด้วยกัน พลางเดาความไม่ถูกว่าหมายถึงอะไร นันดารู้ในทีว่าเขาคงไม่เข้าใจความที่เธอพูด
“น้องหมายถึง ตอนนี้มันยุคไหน อย่างไร ทำไมพูดด้วยแล้วพี่ถึงไม่พูดด้วยล่ะ”
“ข้ามิอยากเจรจากับคนบ้า”
“โอ้โห!!แรงอีกแล้ว”
“ข้ายอมให้ไอ้มั่นแลตัวเจ้าโป้ปดผู้คนทั้งกองทัพ ว่าเจ้าเป็นเมียข้า รู้ฤๅไม่ว่าทำไม”
นันดาส่ายศีรษะ
“เพราะข้าจักได้จับตามองเจ้าทุกเพลา หากทำสิ่งใดผิดแผกแปลกประหลาดแล้วไซร้ ข้าจักฆ่าให้ตายเสีย”
“เอะอะก็จะฆ่าลูกเดียวเลย แน่จริงก็ฆ่าดิ ฆ่าดิ! ฆ่าเลย!” ร่างบางก้าวเข้ามาประชิดตัวอย่างท้าทาย พันถอยหลังหนีด้วยความตกใจ หญิงประหลาดกล้าเกินไป และไม่เคยมีสตรีคนใดเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเขาเช่นนี้ พันหน้าแดงระเรื่อ สูญเสียความมั่นใจทำอะไรไม่ถูกจนนันดาหัวเราะลั่นออกมา
“เขินเหรอจ๊ะพี่จ้า! ฮั่นแน่!! หน้าแดงด้วย”
“หัวร่อลั่นป่าไพร! น่าละอายนัก ออกไปให้พ้นตัวข้าบัดเดี๋ยวนี้!!”
“ไม่ออก จะทำไม!!” ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ หญิงสาวก้าวเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมจนหน้าเกือบชิดกัน ดวงตาคมโตจ้องดวงหน้าสวยที่ฉาบด้วยรอยดินบนผิวที่ขาวนวล แลเห็นแววตาหญิงสาวเป็นประกาย สายตาของเขาเลื่อนมองจมูกที่โด่งรับกับใบหน้าสวย จู่ ๆ เสียงหัวใจของชายหนุ่มก็ดังประสานระรัวราวกับแข่งกับเสียงของใบไม้ไหวต้องลมที่อยู่รอบข้าง เขาจับหัวใจตัวเองด้วยความตกใจ ก่อนจะผลักร่างบางเซล้มไปกองอยู่กับพื้น
“โอ๊ย!”
“อีกไม่กี่ก้าวจักถึงท่าน้ำ เจ้าเดินตรงไปเรื่อย ๆ เถิด ข้าจักรออยู่ตรงนี้”
นันดาลุกขึ้นมาพลางปัดเศษดินทรายตามกางเกงยีนของตัวเอง
“แล้วทำไมต้องผลักน้องด้วยล่ะ ไม่ชอบก็พูดกันดี ๆ สิ เชอะ!”
ชายหนุ่มนำคบไฟยัดใส่มือนันดา และนั่งรออยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ รู้สึกใบหน้าตนเองร้อนผ่าวแดงระเรื่อ ก้มหน้าไม่กล้าสบตาหญิงสาวเสียได้
“แล้วนี่จะให้น้องเดินไปคนเดียวเนี่ยนะ แล้วถ้าโจรป่าพม่ามาอีก น้องจะทำยังไง”
“ตรงนี้มิมีผู้ใดดอก นอกจากเจ้าแลข้า เจ้าจักอาบฤๅไม่ หากมิอาบ ข้าจักกลับ”
“อาบ ๆ ๆ พี่นั่งรอน้องตรงนี้นะ ห้ามไปไหน สัญญา”
นันดายื่นนิ้วก้อยให้ชายหนุ่ม เขามองนิ้วเรียวสวยของเธอและไม่เข้าใจว่านันดาต้องการให้เขาทำอะไร
“สัญญาไง พี่ก็แค่ทำแบบนี้” หญิงสาวจับนิ้วก้อยของเขาขึ้นมาเกี่ยวนิ้วก้อยของเธอ พันตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ มองหน้าเด็กสาวอย่างคาดไม่ถึง ชายหนุ่มรีบชักมือกลับทันใด
นันดายิ้มอย่างสบายใจและเดินหายเข้าไปในท่าน้ำเพียงลำพัง
ชายหนุ่มนั่งอึ้งอยู่คนเดียว เสียงแมลงกลางคืนร้องระงมทั่วบริเวณ หากแต่เขามิได้ยินเสียงอื่นใด นอกจากหัวใจที่เต้นโครมครามประหนึ่งจะทะลุออกมากองอยู่ด้านนอก
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
(ความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางสงครามแถมอยู่คนละยุคสมัยกันอีกต่างหากขอเชิญร่วมลุ้นไปกับมะนันดาและพันว่าเขาและเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง และสุดท้ายนี้ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามและสนับสนุนผลงานของรันทิมานะคะ )
ผลงานอื่นๆ ของ รันทิมา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ รันทิมา
ความคิดเห็น