ฝนโปรยปรายในป่าไผ่
หนึ่งคนเป็นเชลยอีกคนเป็นองค์หญิงแม่ชี บัดนี้เขานั้นเป็นทรราช ส่วนนางคือสตรีขายชาติ นางอยากจะแก้แค้นก่อนตาย ส่วนเขาก็ไม่ยอมให้นางตาย
ผู้เข้าชมรวม
713
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เรื่องนี้เป็น sequel (ภาคต่อ) ของ พิษรักทรราช
ฝนโปรยปรายในป่าไผ่เป็นนิยายเรื่องแรกที่เราแต่งลง dek d เลย(ลบไปแล้ว สมัยปี 61 มีใครทันรึเปล่า555 ปกเป็นอันที่ใช้กับเรื่องเฉียนซวน) แต่แต่งได้แค่แปปเดียวก็ท้อ(และตัน)เลิกแต่งไป ทั้งๆที่กระแสดูดีกว่านิยายที่แต่งตอนนี้อีก แต่คำโปรยคนละอันกัน เป็นแนวพระเอกพระรองกินกันไม่ลง ส่วนตัวคือคิดถึงมาก แต่ยังไม่มีแพลนจะกลับมาแต่งในเร็วนี้เพราะมันค่อนข้างหดหู่ ถ้าหยางหยาเจินเป็นคนมองบนตลอดเวลา จ้าวฉิงนี่เป็นโรคซึมเศร้าเลยค่ะ เพลิงแค้นหนักๆแรงๆ
.
.
.
.
.
.
ส่วนเรื่องนี้นางเอกแซ่จ้าว เป็นรุ่นลูกของเรื่อง ‘พิษรักทรราช’ เกี่ยวข้องกันยังไงไปเดากันเองเพราะลบสปอยไปแร้ววว เหอๆ //หลบรองเท้า แต่ว่าหยางหยาเจินกับจ้าวหมิงเจวี๋ยไปไหน อันนี้ต้องรอชม ‘พิษรักทรราช’ ค่า (ขายของ)
เขาต้องแต่งกับจ้าวฉิงหรือ ไฉนไม่ใช่จ้าวต๋าเล่า ทั้งๆที่เขาหลงรักนางมาเนิ่นนาน
จ้าวฉิงขึ้นชื่อว่าเป็นองค์หญิงแม่ชีวันๆต้องหมกตัวแต่ในหอพระเป็นแน่แท้
" อาเหลียน พวกข้าหล่อพระพุทธรูปทองคำนี้มาเป็นของขวัญสมรสให้เจ้าเลยนะ "
เหล่ามิตรสหายก็พากันล้อเลียนเขา
" อาเหลียน เห็นแก่น้องข้า เรายุติทั้งอย่างเพียงเท่านี้เถอะ "
คนรักของเขาในที่สุดก็ยะงยอมแพ้
" ซ่งเหว่ยเหลียน อย่าคิดจะเข้าใกล้ข้าเชียว!!! "
ภรรยาผู้ละเว้นทางโลกชี้หน้าเขาด้วยนิ้วสั่นระรัว
ที่แย่กว่านั้น..เขา..
- ต่อมา -
หลังจากฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคต กองทัพจากอู๋หรงก็บุกล้อมเมืองพร้อมประหารรัชทายาท จ้าวเฉิน แล้วตั้งจ้าวซิ่วขึ้นเป็นฮ่องเต้..
" เพ่ยเอ๋อร์ ข้าได้ยินมาจากตลาดว่า องค์ชายของเรา ไม่ได้ตั้งองค์ชายจ้าวเฟิ่งเป็นฮ่องเต้แหละ "
สาวใช้จากอู๋หรงนามเหยียนเอ๋อร์กระซิบบอกฝาแฝด
"นั่นสิ ไม่ใช่ว่า เราต้องชูพระญาติขึ้นเป็นกษัตริย์เหรอ "
เพ่ยเอ๋อร์ถามอย่างสงสัย
" เจ้าก็เห็นด้วยกับข้าใช่หรือไม่ รู้องค์ชายประสงค์ให้เขาเป็นฮ่องเต้หุ่นเชิดจะได้ควบคุมง่ายๆ "
เหยียนเอ๋อร์เอามือลูมคางคล้ายกำลังครุ่นคิดช่างน่าขัน
"ใครจะไปรู้ ข้าเองได้ยินพวกทหารพูดกันว่า..."
" พวกเจ้ากระซิบอะไรกัน! "
เสียงเย็นกระแทกโสตประสาทพวกนางเล่นเอาสะดุ้งโหยง
สตรีในอาภรณ์สีม่วงกลีบบัว มองพวกนางด้วยสายตาแข็งกร้าว
" เปล่าเจ้าค่ะ พวกบ่าวแค่กำลังชื่นชมว่าตำหนักเดิมของแม่นางงามยิ่งนักเจ้าค่ะ "
เพ่ยเอ๋อร์ยังพอมีไหวพริบรีบยอสตรีตรงหน้า
สตรีในอาภร์สีหม่นเลิกคิ้วโก่งดังคันศรอย่างไม่วางใจแล้วเดินเข้าห้องที่ทั้งสองยืนเฝ้าไว้
" พวกเจ้าคิดว่าตำหนักร้างมันสวยก็ตามใจเจ้าเถอะ "
เจ้าของเสียงเย็นยะเยือกนั้นก้าวท้าวเข้าห้องไป ก็พบว่าเทียนถูกจุดไว้อยู่ นางแค่นยิ้มพร้อมกับเสียดสีผู้บุกรุกในยามวิกาล
"องค์ชายเข้าห้องหับของสตรีในยามวิกาล ข้าเห็นว่ามันคงจะไม่เหมาะ โดยเฉพาะกับสตรีที่แต่งงานแล้ว "
จ้าวฉิงยืนอยู่กลางห้องแค่นเสียงถากถางบุคคลหน้าหนาที่นั่งเล่นบนเตียงนางราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
ชายหน้าไม่อายยังคงยิ้มทะเล้น แล้วหยิบหมอนบนเตียงขึ้นมาสูดดม
" ทำไมผมเจ้าถึงได้หอมเช่นนี้...ตัวก็หอม "
จ้าวฉิงยกมือเรียวมากุมขมับ
" หลงจิ้ง ! เจ้าหยุดเล่นก่อน นี่ข้ากำลังจริงจัง "
องค์ชายรูปงามเงยหน้าขึ้นมาสบตานาง แต่มือก็ยังไม่ปล่อยหมอนของนาง หากใครมาเห็นคงต้องอ้าปากค้างที่องค์ชายผู้เหี้ยมโหดกำลังอ้อล้อกับองค์หญิงแม่ชีที่ใครก็ว่ากันว่าสงบนิ่ง ละทิ้งทางโลก
ละทิ้งกระทั่งสามีที่พึ่งแต่งงานกัน
ใช่แล้วจ้าวฉิงเพิ่งแต่งงานกับซ่งเหว่ยเหลียนไปตามคำสั่งฮ่องเต้ นางและสามีอย่าว่าแต่รักกันเลย แค่เคารพก็ไม่เคารพกันด้วยซ้ำ ซ่งเหว่ยเหลียนนั้นแต่เดิมเป็นคนรักของพี่สาวต่างแม่ของนาง องค์หญิงใหญ่จ้าวต๋าผู้เลอโฉม มีหรือเขาจะเหลียวมามองนาง จ้าวฉิงเองวันๆก็เอาแต่ปลีกตัว หายไปไหนก็ไม่เคยมีใครทราบ ที่ไหนได้กลับไปสมคบคิดกับศัตรูเพื่อยึดครองต้าเหลียน
อ่า ที่ว่าละทิ้งทางโลกคงเข้าใจผิดกันแล้ว
แน่นอนว่าไม่มีใครคาดคิดว่ากบฏจะเป็นนาง ขนาดได้ยินก็ยังไม่เชื่อหู หากไม่ใช่เพราะหลงจิ้งแต่งตั้งให้พี่ชายแท้ๆของจ้าวฉิงเป็นฮ่องเต้ มิหนำซ้ำยังบังคับให้ซ่งเหว่ยเหลียนหย่ากับจ้าวฉิง ก็คงนึกว่าตนฝันอยู่เป็นแน่แท้
นอกจากนั้นทรราชจากอู๋หรงผู้นี้ยังสั่งให้เชื้อพระวงศ์หญิงทุกคนอภิเษกกับเขาอีก ช่างไม่ธรรมดาเสียจริง
ดวงตาเย็นเฉียบของจ้าวฉิงมองตรงมาที่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย แม้ว่าหลงจิ้งจะเป็นนักรบที่โหดเหี้ยมในสงครามเพียงใด เมื่อถอดชุดเกราะออกทรราชอย่างเขามันก็แค่คุณชายเสเพลเท่านั้น คนพรรณนี้จะต่างอะไรจากสามีเก่านางสักเท่าไหร่เชียว
“ องค์รัชทายาทแห่งอู๋หรงกับสตรีขายชาตินั้นแอบลอบมีความสัมพันธ์กันผิดประเวณี มีหรือจะพานางกลับวังไปเป็นชายาได้อย่างสง่าผ่าเผย เจ้าลองคิดดีๆว่าควรจะปล่อยข้าไปดีกว่าหรือไม่”
ฝีปากบางยังยิ้มแย้มไม่เปลี่ยนไป เพียงแต่ดวงตาสีอ่อนคู่นั้นดูแข็งกร้าวขัดกัน
“ฉิงฉิงของเปิ่นหวางทำไมถึงใจดีเช่นนี้ เปิ่นหวางยังทำตามข้อตกลงของเราไม่ครบเลย เจ้าจะปล่อยไปแล้วรึ แหม…แต่น่าเสียดายเปิ่นหวางนั้นรักในความยุติธรรม ไม่ยอมให้เจ้าเสียเปรียบแน่ๆ”
“รึไม่ก็ข้ายังไม่หมดประโยชน์ ข้าพูดถูกไหม”
ใบหน้าเย็นชาของจ้าวฉิงเริ่มไม่เย็นเหมือนเคย หึ! กลัวนางเสียเปรียบรึ คนเสียสติผู้นี้ต้องการพานางไปอู๋หรงด้วยจริงๆหรือนี่ เป็นไปไม่ได้! เขาควรจะดีใจเสียมากกว่าที่นางไม่ทวงสัญญา ไม่ว่าจะมองในแง่ไหน คนเจ้าเล่ห์อย่างหลงจิ้งก็ไม่มีทางทำตามสัญญาข้อที่เหลือแน่ๆ เขาช่วยนางแก้แค้นเล็กน้อยแค่นี้นางก็พอใจแล้ว ที่เหลือนางขอไม่ไว้ใจเขาจะดีกว่า
นางจะใช้เวลาอันสั้นที่เหลืออยู่แก้แค้นพวกมันให้สาสม
ก็เหมือนอันเดิมเลย พล็อตเดิมเลย แต่วิธีการเล่าเรื่องนี่น่าจะแก้หน่อย คือเรื่องมันมีอยู่ว่าไม่ได้อัพมานานนนนน..แสนนานก็เลยกลับมาเพราะคิดถึง
ก็หวังว่าทุกคนจะเอ็นจอย ติชมได้แต่อย่าแรงมาก555
ขอแบบซอฟๆ
ผลงานอื่นๆ ของ น้ำนิ่งกระดิ่งแมว ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ น้ำนิ่งกระดิ่งแมว
ความคิดเห็น