3 days 2 nights - นิยาย 3 days 2 nights : Dek-D.com - Writer
×

    3 days 2 nights

    เมื่อคนที่เป็นคนเอ่ยปากกลับลืมสัญญาของตัวเอง ส่วนคนฟังกลับจำได้ขึ้นใจ แม้จะอยากทวงคืนพื้นที่ของตัวเองก็ไหนก็ทำได้เพียงกักเก็บความต้องการเอาไว้ บอกให้ใครรู้ไม่ได้ทั้งนั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    79

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    79

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  16 ส.ค. 61 / 19:48 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “ถัง เย็นนี้เจอกันที่ร้านข้างหอ a นะ”

      “ครับพี่นิ้ง”

              รถถังยกมือโบกบ๊ายบายให้กับ พี่นิ้ง พี่รหัสผู้น่ารักของเขาที่คงยืนอยู่หน้าคณะคล้ายกับกำลังรอคอยใครบางคนอยู่ทั้ง ๆ ที่คลาสสุดท้ายของเจ้าตัวเขาเลิกไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ทีแรกรถถังคิดว่าหญิงสาวกำลังรอที่จะมากำชับนัดเลี้ยงสายตอนหกโมงครึ่ง แต่เขาคิดผิด คนที่เธอกำลังรอไม่ใช่เขา แต่เป็นชายหนุ่มอีกคนต่างหาก

              ชายหนุ่มผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนคุ้นเคยสำหรับเขา คนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยไว้ใจ ทว่าสถานะเหล่านั้นได้ถูกลบให้เลือนหายไปตามกาลเวลาตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อนแล้ว

              รถถังเดินข้ามถนนไปรอรถรางที่วิ่งวนภายในมหาวิทยาลัยที่ท่ารถตรงข้ามคณะ ที่ซึ่งเขาสามารถเห็นจุดที่พี่รหัสยืนอยู่ได้อย่างชัดเจน นิ้งยังคงยืนอยู่ตรงนั้น รถถังไม่รู้ว่าเธอกำลังยืนคอยใครอยู่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงไม่ได้ขึ้นรถรางคันล่าสุดที่พึ่งวิ่งผ่านเขาไปหมาด ๆ เพราะเขาอยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้พี่รหัสของเขาต้องยืนขาแข็งอยู่ตรงนั้น แต่หากรถถังสามารถล่วงรู้อนาคตได้เพียงสักนิด เขาคงจะรีบกระโดดขึ้นรถรางคันเมื่อกี้ไปทันที เพราะคนที่กำลังเดินตรงมาหานิ้งด้วยใบหน้าเปิ้อนยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์นั้นเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดในเวลานี้

      วิคเตอร์...

              ไม่ผิดแน่... เขาไม่มีทางจำผู้ชายคนนั้นผิดอย่างแน่นอน แม้เส้นผมที่เคยเป็นสีดำสนิทบัดนี้จะถูกย้อมให้กลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่รอยยิ้มอันสดใสราวกับพระอาทิตย์ที่เขาสามารถมองเห็นได้แม้จะอยู่ห่างสักเพียงใดนั้นไม่มีทางโกหกเขาอย่างแน่นอน

              ต้องเป็นมันแน่ ๆ ! แล้วมันมาทำอะไรกับพี่รหัสของเขา ทำไมพี่นิ้งผู้น่ารักจะต้องยืนตากแดดคอยมันด้วย

              คำตอบของคำถามที่ผุดขึ้นในใจของชายหนุ่มถูกตอบกลับด้วยการกระทำของบุคคลทั้งสองที่เขากำลังจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรและหญิงสาวรูปร่างบอบบางในชุดนักศึกษาถูกระเบียบทุกประการเดินกอบกุมมือกันตรงมายังท่ารถที่มีแค่ไอ้บ้าที่ยอมพลาดรถรางอย่างเขายืนอยู่เพียงคนเดียวในขณะนี้ รถถังรีบลุกขึ้นจากม้านั่งยาวที่ตนนั่งอยู่และหันหลังให้กับ คู่รักที่กำลังเดินตรงมาทางเขา มือเล็กควานหาโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋าสะพายข้างของตนก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแนบหูทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีใครโทรเข้า และเขาก็ไม่ได้กดโทรออก

              ร่างบางขยับเข้าไปยืนอยู่ชิดเสาจนแทบจะสิงเข้าไปในแท่งเหล็กสนิมเขรอะ ได้แต่หวังว่าเจ้าของบทสนทนาอันหวานชื่นปนเสียงหัวเราะอันสดใสของหญิงสาวจะยังคงอยู่ในโลกของเราสองคนและไม่หันมาสนใจไอ้บ้าที่กำลังพยายามขืนใจเสาป้ายรถรางอย่างเขา

              ดูเหมือนว่าเทวดาจะเข้าข้างรถถังหรือว่าเสาเหล็กต้นเล็ก ๆ ที่เขาเกาะอยู่จะแสดงอิทธิฤทธิ์กำบังกายให้เขาก็ไม่ทราบ เพราะทั้งนิ้งและวิคเตอร์ไม่มีใครหันมาสนใจเขาเลย กระทั่งรถรางคันต่อไปผ่านมา รถถังตั้งใจว่าจะปล่อยให้ทั้งสองคนขึ้นรถไปก่อน ส่วนตนจะรอรถรอบต่อไปหากลุงคนขับไม่ตะโกนขึ้นมาจากในรถเสียก่อน

      “จะขึ้นสายนี้ก็รีบขึ้นเลยนะลูกนี่คันสุดท้ายของวันแล้ว เมียลุงจะคลอดลูก ลุงไม่วนรถแล้ว คนอื่นเขาก็หมดกะกันหมดแล้ว รีบ ๆ ขึ้นเลยลูก”

      ลุงงงง ทำไมไม่บอกเมียให้ขมิบไว้ก่อนวะครับ จะมาคลอดอะไรเอาวันนี้!!!

                รถถังกรีดร้องภายในใจ และตัดสินใจว่าจะยอมเสียเงินนั่งสองแถวไปแทน ทว่า...

      “สองแถวก็ไม่มีแล้วนะลูก วันนี้เขาเอารถไปตรวจประจำปีกันหมด ขึ้นมาให้หมดเลยนะลูก”

      โว้ย นี่มันวันอะไรวะครับ!

                สุดท้ายรถถังจึงต้องจำใจขึ้นรถรอบเดียวกับคู่รักสุดหวาน เขาจงใจนั่งตรงที่นั่งท้ายสุดของรถ ห่างจากอีกสองคนที่นั่งช่วงหน้าของรถประมาณสี่แถว น่าแปลกที่วันนี้แทบจะไม่มีคนใช้บริการรถรางมหาวิทยาลัยเลย ทำให้บนรถมีเพียงเขา พี่นิ้งกับแฟนของเธอ และเด็กคณะอื่นอีกสามสี่คน

              ปกติรถถังจะชอบเหม่อมองวิวมหาวิทยาลัย และปล่อยให้ลมเย็น ๆ ตีเข้าหน้า แต่ดูเหมือนว่าวันนี้บรรยากาศอันเงียบสงบของมหาวิทยาลัยยามเย็นที่รถถังเคยชอบกลับไม่สามารถดึงสายตาของเขาให้ละไปจากแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่มีหญิงสาวน่ารักนั่งอยู่ข้างกายได้เลย

              รถถังมองภาพที่พี่นิ้งค่อย ๆ เอนหัวลงซบไหล่กว้างของคนข้างกายด้วยสายตาปวดร้าว ครั้งหนึ่งรถถังเคยเป็นคนที่ได้สิทธินั้น ได้นั่งอยู่ตรงที่พี่รหัสของเขานั่งอยู่ในตอนนี้ และชายหนุ่มก็เคยสัญญากับเขาว่าที่ตรงนั้นของรถถัง เขาจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปและไม่ยอมให้ใครมาทำหน้าที่นั้นแทนเขา รถถังเชื่อมั่นในคำสัญญานั้นมาตลอด เขาไม่เคยให้ใครมาทำหน้าที่นั้นแทน แต่ทำไม...

              ทำไมคนที่เป็นคนเอ่ยปากสัญญาออกมาเองถึงได้กลืนน้ำลายตัวเองแล้วปล่อยให้คนอื่นมานั่งอยู่ตรงนั้น มาซบไหล่กว้างตรงที่เคยบอกว่าจะยกให้รถถังคนเดียว ทำไม ถ้าไม่คิดจะจริงจังกับคำพูดของตัวเอง แล้วจะพูดมันออกมาให้คนอื่นเขาใจสั่นทำไม!

                รถถังจมอยู่ในความคิดของตนเองจนรู้ตัวอีกทีบนรถรางก็เหลือเพียงเขากับลุงคนขับเท่านั้น รถถังรีบกดกริ่งเมื่อเห็นป้ายที่เขาจะต้องลง ลุงคนขับหันมายิ้มให้เขาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขของคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อคน รถถังทำได้เพียงส่งยิ้มขืน ๆ กลับไปให้ และรีบเดินออกมาจากตรงนั้นให้ไวที่สุด

              เพื่อที่จะไม่ให้ใครได้เห็น ว่าบัดนี้ใบหน้าของเขากำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา...

              รถถังเดินก้มหน้าเพื่อนหลบสายตาคนที่เขาต้องเดินผ่าน ตลอดทางไม่มีใครสนใจเขา ส่วนใหญ่มักจะหลีกทางให้ด้วยซ้ำ ทว่าจู่ ๆ พื้นเสาเทาเข้มของถนนซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่รถถังเห็นตั้งแต่เดินลงมาจากรถรางก็เปลี่ยนไปเป็นรองเท้าคัทชูผู้ชายที่ถูกขัดจนมันปลาบของใครคนหนึ่ง หัวใจดวงน้อยของรถถังเต้นรัวด้วยความคิดที่ว่าคนที่มาขวางทางเขาไว้อาจจะเป็นคนเดียวกันกับที่หัวใจไม่รักดีของเขาเรียกร้องมากที่สุดในขณะนี้

              ทว่าเมื่อรถถังเงยหน้าขึ้นก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อคนที่กำลังยืนทำตัวเป็นเจ้าพ่อคุมซอยอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนที่เขาถวิลหามากที่สุด หัวใจที่เต้นรัวอย่างผิดจังหวะเมื่อครู่กลับไปเต้นในจังหวะและความเร็วปกติอีกครั้ง

      “ทำไมมาช้านักวะ ปล่อยกูยืนรอจนรากงอกแล้วเนี่ย”

      “แล้วทำไมไม่เข้าห้องไปก่อน...”

              รถถังส่งเสียงตอบไปอย่างลืมตัว ไม่ได้นึกถึงว่าผลจากการร้องไห้มาอย่างยาวนานจะทำให้เสียงของเขาแหบแห้งแข่งกับเป็ดในท้องนา

      “เสียงมึงเป็นอะไร ซ้อมเชียร์หนักเหรอ แล้วนั่น...”

              รถถังรีบเบือนหน้าหนีสายตาคมปลาบของคนช่างสังเกต เขาพยายามเดินหนี แต่ก็ไม่วายถูกมือใหญ่กร้านของคนตรงหน้าคว้าต้นแขนเอาไว้ไม่ให้เดินหนี

      “นี่มึง...”

              เสียงของชายหนุ่มขาดช่วงเมื่อสังเกตเห็นดวงตาที่แดงก่ำของคนที่คิดจะเดินหนีเขา รถถังรีบก้มหน้างุด ก่อนจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลือสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มอีกคนและฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายผ่อนแรงเพราะได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของตนวิ่งสุดแรงเกิดตรงไปที่หอพักซึ่งอยู่ห่างไปอีกไม่ไกล

              ฝ่ายคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ กว่าจะรู้สึกตัว ร่างเล็กของรถถังก็ผลุบเข้าประตูหอพักไปแล้ว ชายหนุ่มตะโกนออกมาอย่างหัวเสียทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคนที่วิ่งหนีไปก่อนหน้าไม่มีทางได้ยิน

      “ไอ้ถัง ! ไอ้เพื่อนเวร ปล่อยให้กูยืนรอมึงตั้งสองชั่วโมง แล้ววิ่งหนีกูไปง่าย ๆ อย่างนี้เหรอวะ!!!       ชายหนุ่มโยนกระเป๋าเป้ในมือทิ้งลงพื้นถนนยางมะตอยอย่างไม่ไยดี มือใหญ่ยกขึ้นขยี้หัวตัวเองจนฟูฟ่อง

      “กุญแจก็อยู่ที่มึง แล้วกูจะเข้าห้องยังไงละทีนี้ ไอ้เวรเอ๊ยยยย”

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น