LINNERO’ สงครามวิญญาณ - นิยาย LINNERO’ สงครามวิญญาณ : Dek-D.com - Writer
×

    LINNERO’ สงครามวิญญาณ

    ยมทูตมีหน้าที่เก็บเกี่ยวดวงวิญญาณที่สิ้นอายุไข จากบนโลกเพื่อนำทางมาในยมโลก แต่การจะนำดวงวิญญาณมานั้นก็มีอุปสรรคจากผู้ขัดขวางไม่ให้ดวงวิญญาณเข้าสู่ยมโลก พวกมันกลืนกินวิญญาณ ทำให้การต่อสู้ของยมทูตและผู้กลืนกินเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้

    ผู้เข้าชมรวม

    79

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    79

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  3 ก.ค. 61 / 10:38 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เด็กชายที่เสียแม่ไปให้กับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก่อนจากกันผู้เป็นแม่ได้มอบสร้อยคอจี้เหรียญหน้าตาแปลกๆไว้ให้ พร้อมกับคำพูดที่ว่า “วันหนึ่งจะมีคนมารับลูกไปที่ซึ่งไกลแสนไกล เก็บสร้อยนี้ไว้ให้ดี “ ดุจคำสั่งเสียสุดท้ายก่อนจะขับรถคันเดียวกันที่ประสบอุบัติเหตุในค่ำคืนของวันเดียวกันนั้นออกไป และไม่ได้กลับมาอีกตลอดกาล


    ความสูญเสียนั้นเจ็บปวด เด็กชายคนนั้นได้แต่นั่งมองรูปภาพของมารดาที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนกลับ น้ำตาของเด็กชายคนนี้ไม่ได้มีใครเลยที่จะเห็นมัน ดวงตาสีน้ำตาลไร้ซึ่งแววของความรู้สึก เสมือนร่างที่ไร้วิญญาณแต่ยังมีลมหายใจ “ ลิน เข้มแข็งมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าหลานอยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาเลย ไม่มีคนมาต่อว่าหลานหรอก แม้น้ำตาจะไม่ช่วยให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม แต่น้ำตามันจะช่วยให้เรารู้ว่า เรายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าเรายังรู้สึกเจ็บปวดยังไงล่ะ “ ชายชราผู้เป็นตาได้แต่โอบกอดหลานชายไว้ในอ้อมแขน ร่างเล็กนั้นสั่นเทิ้ม ชายชรารู้สึกถึงความทรมานข้างในจิตใจของเด็กน้อย อายุเพียง 13 ปี ต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ ไร้ซึ้งคนที่เป็นเสาหลักให้ใจนั้นได้พึ่งพิง

    วันเวลาผ่านไปไวเพราะคนเขียนโกหก จากเด็กชายในวันนั้น โตเป็นหนุ่มหน้ามนต์คนขยัน ทั้งเรียนไปทำงานไป ชีวิตสดใสในวัย 19ปี เขาอาศัยอยู่กับคุณตาที่ชนบท ไม่มีความวุ่นวายเหมือนเมืองใหญ่ แต่จนแล้วจนรอดชะตาถูกกำหนดไว้แล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

    “ ลิน พรุ่งนี้วันเกิดหลานอายุครบ 20 ปี อยากได้อะไรไหม “ ชายชรากล่าว

    “ ไม่เป็นไรครับตา งั้นพรุ่งนี้ผมจะลางานมาอยู่กับคุณตาทั้งวันเลย ไปก่อนน่ะครับคุณตา “ ลินพร้อมจักรยานคู่ใจ มุ่งหน้าสู่โรงเรียนในวันศุกร์สุดท้ายของสัปดาห์

    เช้าวันต่อมา วันนี้เป็นวันที่แปลกประหลาด ชายหนุ่มรู้สึกถึงบางอย่าง ที่ไกลออกไปมีความกดดันมหาศาล ทำให้หายใจไม่ออก จวนจะอาเจียนออกมา แล้วเพียงชั่วอึดใจหนึ่งมันก็เป็นปกติ “ เมื่อกี้มันอะไรทำไมเรารู้สึกแปลกๆ “ นั่งพินิจคิดทบทวนอยู่นานก็ไร้ซึ่งคำตอบที่ชัดเจน เขาจึงทิ้งความรู้นั้นและลืมมันไป
    “ ลิน ข้าวเช้าจะกินไหม ถ้าไม่กินตาให้ไอด่างกินน่ะ “ เสียงตะโกนขึ้นมาข่มขวัญกระเพาะที่ว่างเปล่ายามเช้าตรู่
    “ คุณตา !!”
    “ ตึก ตึก ตึก “ เสียงเท้าซอยอย่างเร่งรีบ พาตัวเขาลงมาจากพื้นที่สิงสถิตชั้นบน ลงมาชั้นล่างที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว
    “ กินข้าวเช้าส่ะ แล้วไปเตรียมตัวให้พร้อม “
    ชายชรากล่าว
    “ ทำไมครับคุณตา เราจะไปไหนกันครับ “ ชายหนุ่มสงสัย
    “ ไม่ใช่เรา แค่ลินคนเดียว “
    ชายชรายื้น จดหมายฉบับหนึ่งมาให้ “ อ้าวรีบกินเข้า แล้วไปเตรียมตัว “
    “จดหมายที่มีแต่ชื่อผู้รับไม่มีชื่อผู้ส่ง แต่ตราประทับนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่ “ ชายหนุ่มสงสัย เขาแกะซองออกมา ภายในมีบัตรที่มีรูป และชื่อ ของเขา
    “ นาย ลินเนโร่ เคอเฟราเซีย ( Linnero kerferazia ) สถานะ ยมทูตฝึกหัด !!” ชายหนุ่มมองชายชราอย่างสงสัย

    “ เอาเป็นว่าไปชุดนี้แหละ ตาขี้เกียจอธิบาย เดี๋ยวมันจะเสียเวลาต้องรีบไปแล้ว “

    “ อะไรครับคุณตา ผมงงไปหมดแล้ว “

    สิ้นคำพูดแค่เพียงแว็บเดียว เพียงแค่สายตากระพริบเพียงครั้งเดียว ภาพคุณตาตรงหน้าก็หายวับไป ดังเรื่องโกหก ที่เขาอยู่บนทางเดินทางเดินกว้างๆ ทอดยาวไปข้างหน้า เขาขยี้ตาเท่าไหร่ภาพตรงหน้าก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

    “ เดินไป “ เสียงกระซิปแหบแห้งชวนขนลุกแว่วมาอยู่ข้างๆหู ทำให้สมองต้องสั่งให้สองเท้านั้นก้าวย่างไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

    ชายหนุ่มเดินเรื่อยไปสายตากวาดส่องรอบข้างอย่างสงสัย “ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย “ สิ่งที่เขามองเห็นสองข้างทางนั้นไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความมืดมิด มันทำให้เขาเริ่มหวาดกลัว ก้าวย่างต่อเรื่อยไป จนความสนใจของตัวเขา ไม่ได้อยู่ปลายทางเดินที่เขากำลังจะมุ่งไป พอรู้สึกตัวอีกทีเขาก็หยุดและสายตาจับจ้างไปที่เบื้องหน้า ประตูบานใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ปลายทาง มันสูงมากกว่าตึกที่เขาเคยเห็น มันกว้างเท่ารถบรรทุกสองคันจอดเรียงกัน ประตูบานนี้ก็มีลวดลายแปลกตา แต่กลางบานประตูมีสัญลักษณ์แบบเดียวกับในจดหมายแบ่งกันบานล่ะครึ่งซีก เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่าไม่ควรก้าวเดินต่อไป ควรจะหลีกหนีถอยห่างมัน แต่ไม่ทันที่เขาจะหันหลังให้ประตูบานนั้นพ้นสายตา เสียงอึกทึกก็ดังก้อง ดั้งมีบางอย่างที่ใหญ่และหนักมากตกลงมา พื้นที่เขายืนสั่นไหว ไอความร้อนก่อให้เกินหมอกควันและผิวหนังของเขารู้สึกได้ถึงความร้อนนั้น มันทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด

    “ ยินดีต้อนรับ สู่ ยมโลก “ เสียงประสานกันมากกว่าหนึ่งเสียงเนื้อเสียงนั้นทุ้มลึก แน่นอนคนที่จะเปล่งเสียงแบบนี้นั้นบนโลกไม่มีใครทำได้ หากแต่ต้องใช้การตัดแต่งเสียงแบบในหนังสยองขวัญเพื่อให้ตัวร้ายดูดุดันและน่าหวาดกลัว

    หมอกไอร้อนยังปกคลุมหน้าประตูบานนั้น ภายใต้หมอกนั้นเผยเงาดำทมิฬรูปร่างใหญ่โตยืนตระหง่านขว้างเส้นทางที่จะไปที่ประตูบานนั้นหลังจากเสียงที่ทุ้มต่ำนั้นทำให้เขาหันกลับไปมองหาเจ้าของเสียงที่น่าหวาดหวั่น

    “ ฟู่ ! “ เสียงลมหายใจซ้อนกันเขาได้ยินชัดเจนว่ามีมากกว่าสองเสียง ความแรงของลมหายใจนั้นพัดไอหมอกให้จางหาย เผยร่างเนื้อของเจ้าของเสียงนั่น แน่นอนชายหนุ่มทันทีที่เห็นชัดเจนแล้วว่าเบื้องหน้านั้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกใบเดียวกับเขา ใจนั้นก็เต้นรัวราวจะทลักออกมาจากอก ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจ สมองที่มีไว้ใช้แก้ปัญหานั้นก็ไร้ประโยชน์ขึ้นมาทันที คิดอยู่แค่เพียงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้นเป็นแค่ภาพในจินตนาการของเขา แล้วส่วนไหนกันล่ะจินตนาการที่มีอสูรกายน่ากลัว ตอนยังเด็กน่ะหรอไม่เลยความคิดที่เรื่องแบบนี้จะอยู่ในหัวนั้นไม่เคยมี ร่างนั้นชัดเจนสูงใหญ่น่ากลัว รูปร่างคือสุนัขที่มีสามหัว แล้วภาพหนึ่งในหนังสือของห้องสมุดก็แว็บเข้ามาในความคิดของเขา ใช่มันเคยมีภาพแบบนี้ในตำนานเรื่องเล่าหรือในหนังบางเรื่อง ประตูบานใหญ่ทางเดินกว้างๆที่ทอดยาวเข้ามา และอสูรกายผู้เฝ้าประตูบานนั้น

    “ เซอร์เบอรัส ( Cerberus ) “

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น