°○ Always be yours ○° { Jundong ♧} iKON - นิยาย °○ Always be yours ○° { Jundong ♧} iKON : Dek-D.com - Writer
×

    °○ Always be yours ○° { Jundong ♧} iKON

    ดงฮยอกเคยมีความสุขบ้างไหม จุนฮเวเคยถาม เราก็มีความสุขตลอดแหละ คำตอบของดงฮยอก

    ผู้เข้าชมรวม

    297

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    297

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    6
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  7 ก.ย. 60 / 11:45 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                   ควันบุหรี่สีเทาค่อยๆลอยไปอย่างอิสระที่ทำลายแม้กระทั่งกฎของแรงโน้มถ่วงที่ถ่วงดุลไม่ให้สรรพสิ่งบนโลกนี้ปลิวหายไป กลุ่มควันสีเทาค่อยๆเจือจางไปในความมืด   ดวงตาสีดำสนิทที่ดูเวิ้งว้างของดงฮยอกไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ
                   


                        







                    ดงฮยอกสะดุ้งเมื่อความเย็นจากกระป๋องเบียร์สัมผัสกับใบหน้าของเขา การมาของใครบางคนทำให้หัวใจของดงฮยอกกระตุกวูบไป  เขาเหลือบไปมองคนข้างๆก่อนจะยื่นบุหรี่ส่วนที่เหลือให้กับคนข้างๆ คนตัวสูงรับมวนบุหรี่สีฟ้ามาแล้ววางมันลงระหว่างที่นั่งของเขาและดงฮยอก พวกเขาทั้งสองคนนั่งกันเงียบๆที่ระเบียงในคอนโดของดงฮยอก 

                           

                         ดงฮยอกรักการนั่งเงียบๆแบบนี้และจุนฮเวรู้ดีว่าการมีเขาอยู่ตรงนี้มันจะดีกว่าสำหรับดงฮยอก ด้วยการที่จุนฮเวใช้เวลาส่วนมากไปกับดงฮยอกจึงไม่ยากที่เขาจะเข้าใจ
                         ดงฮยอกเป็นคนแปลกนั่นคือตัวตนของดงฮยอกในโลกของจุนฮเว เช่นเดียวกับจุนนฮเวที่เป็นคนแปลกในโลกของดงฮยอก เราชอบอะไรเหมือนกันหลายอย่าง และเราก็มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างกัน แต่มีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ดงฮยอกพิเศษนั่นคือรอยยิ้มของดงฮยอกที่เป็นเหมือนหมอกบางๆในฤดูหนาว มันดูสวยงามในแบบหม่นๆและจุนฮเวชอบมัน 


                         ดงฮยอกเคยมีความสุขบ้างไหม จุนฮเวเคยถาม
                         เราก็มีความสุขตลอดแหละ คำตอบของดงฮยอก



          คนข้างกายของจุนฮเวกำลังจมดิ่งไปห้วงอวกาศของตัวเองสายตาเหม่อลอยมองออกไปยังที่ที่เป็นดินแดนของเขา จุนฮเวทำได้เพียงลอบมองใบหน้าเรียบเฉยนั่น ดงฮยอกมักจะเป็นแบบนี้บ่อยๆ







    “จุนฮเว”  เสียงแหบน้อยๆของดงฮยอกทำให้จุนฮเวเองตกใจ
    “หืม” เขาตอบรับ
    “ทำไมจุนฮเวถึงอยู่กับเราบ่อยๆล่ะ” คำถามแปลกๆถูกถามโดยดงฮยอก 
    “ ฮ่ะๆ เราสบายใจเวลาอยู่กับดงฮยอก” จุนฮเวระบายยิ้มบางๆอย่างช่วยไม่ได้
    “จริงหรอ แล้วจุนฮเวจะสบายใจได้อีกนานแค่ไหน” สายตานิ่งๆของดงฮยอกมองมาที่จุนฮเว
    “อืมม......”
    “.....”
    “คงอีกนาน หรือไม่ก็ตลอดไป”
    “เราชอบคำว่าตลอดไปนะ”
    “เราก็ชอบเหมือนกัน”  เมื่อตอบไปแบบนั้นดงฮยอกก็หันมายิ้มให้จุนฮเว และจุนฮเวก็ยิ้มให้ดงฮยอกเหมือนกัน พวกเขาไม่รู้สาเหตุของการกระทำเหล่านั้น แต่แค่ยิ้มออกมา
    “....”
    “นี่   รู้ตัวไหมว่าตัวเองยิ้มเศร้าขนาดไหน” จุนฮเวถามออกไปพร้อมกับมองคนตรงหน้า
    หืม อะไรกัน เราก็ยิ้มเหมือนคนทั่วไปนี่” ดงฮยอกเบิกตาขึ้นน้อยๆก่อนเถียงเขากลับมา
    “ไม่เลย ดงฮยอกยิ้มแบบนี้” จุนฮเวพูดจบก็ทดลองเลียนแบบดงฮยอกแต่ดูเหมือนมันจะเกินจริงไปเสียหน่อย ทำให้ดงฮยอกหลุดขำออกมากับท่าทางตลกของจุนฮเว
    เราว่ามันไม่เศร้าเลยซักนิด” ดงฮยอกบอก
    “ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า วันหลังดงฮยอกยิ้มแบบเราเมื่อกี้ก็ได้นะ”

    “หืม เราไม่เอาด้วยหรอก”




                   เราหัวเราะด้วยกันซักพักก่อนจุนฮเวจะขอตัวกลับหอก่อน ดงฮยอกหยิบเบียร์ที่ตอนนี้มีหยดน้ำเกาะอยู่รอบๆขึ้นมาจิบทีละนิด แอลกอฮอล์ไม่ใช่สิ่งโปรดปรานของดงฮยอกด้วยรสชาติที่ขมปร่าติดคอนั้น แต่ดงฮยอกก็ชอบทุกอย่างที่จุนฮเวให้มา 
                     
     
                    ดงฮยอกแอบคิดว่าจุนฮเวคือร่างที่สองของตัวเขาเอง แต่จุนฮเวจะอยู่ในมิติที่ดูมีแสงสว่างมากกว่าดงฮยอกหลายเท่าตัว  รอยยิ้มของจุนฮเวสดใสและน่ามอง ทำให้ดงฮยอกรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่อยู่รอบๆตัวจุนฮเวเสมอ






    So you find yourself at this subway with your world in a bag by your side, and all a once it seems like a good way. You realize, it’s the end of the line.




               เพลงเบาๆคลอดังอยู่ในหูฟังเล็กๆ ดงฮยอกทอดสายตามองผู้คนจำนวนไม่มากที่สวนกันไปมาในสถานีรถไฟยามเที่ยงคืน ดงฮยอกไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขามานั่งอยู่ตรงนี้ เขาเพียงแค่เห็นคำว่ารถไฟในหนังสือเล่มบางก็เก็บกระเป๋าแล้วก้าวออกมาที่นี่แบบไม่ทันตั้งตัว ดงฮยอกมักจะไม่มีกฎที่ตายตัวสำหรับตัวเอง


    อีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้ารถไฟขบวนสุดท้ายจะมาจอดเทียบชานชาลาตรงหน้า ดงฮยอกมองเห็นร่างสูงใหญ่เกินผู้ชายเอเชียปกติเดินมาอย่างเชื่องช้า ตาของเขาดูเหมือนจะปิดอยู่รอมร่อ เขาเดินตรงมาที่ดงฮยอกและปลดกระเป๋าใบโตพิงไว้ที่เก้าอี้พลาสติก ก่อนจะแย่งหูฟังสีขาวไปพร้อมกับเอนหัวมาพิงดงฮยอก ลมหายใจอุ่นๆค่อยๆผ่อนออกมาอย่างสม่ำเสมอ ดงฮยอกไมค่อยเข้าใจคนข้างๆเท่าไหร่ เพียงเพราะบอกว่าจะไปสถานีรถไฟ คนข้างๆก็บอกว่าจะมาด้วยแต่กลับมานอนหลับแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน “กลิ่นตอนกลางคืนน่ะสดชื่นที่สุดเลยนะจุนฮเว มัวนอนแบบนี้เดี๋ยวก็พลาดอะไรดีๆหรอก” ดงฮยอกได้แต่เรียกร้องในใจเท่านั้น


                   
     เมื่อเสียงครืดๆดังก้องไปทั่วสถานีรถไฟ ดงฮยอกปลุกให้อีกคนตื่นแล้วช่วยกันสะพายกระเป๋าเป้ใบโตที่ต่างฝ่ายต่างนำมา    จุนฮเวยังดูง่วงอยู่ไม่น้อยแต่ก็เดินตามดงฮยอกมาอย่างว่าง่าย เมื่อขึ้นมาบนรถไฟ ผู้คนต่างจับจองที่นั่งตามใจชอบ ดงฮยอกแปลกใจเมื่อที่นั่งของเขาถูกคุณลุงที่ผมยาวรุงรังและเสื้อผ้าเก่าๆนั่งอยู่ก่อน คุณลุงส่งยิ้มใจดีมาให้

    “ นั่งตามสบายเลยพ่อหนุ่ม อยากนั่งตรงไหนก็นั่งเลย” คุณลุงว่าเสร็จก็หยิบผ้าห่มผืนเก่าๆออกมาจากถุงผ้าที่ถูกเย็บแล้วเย็บอีกขึ้นมาห่มแล้วปิดตาลงอย่างเชื่องช้า

       จุนฮเวที่ยืนอยู่ด้านหลังดงฮยอกสะกิดไหล่ให้ดงฮยอกเดินไปยังที่นั่งเกือบท้ายขบวน ผู้คนในขบวนนี้ดูบางตาไม่น้อย เท่าที่ดงฮยอกสังเกตุเห็นมีเพียงกลุ่มเด็กผู้หญิงมัธยมปลายสองสามคน หญิงสาวกับหูฟังสีขาว และชายชราที่เพิ่งคุยด้วยเมื่อสักครู่ และกลุ่มคนอีกสี่ห้ากลุ่ม 

       จุนฮเวแปลกใจที่ดงฮยอกเลือกที่จะนั่งรถไฟโบราณแทนที่จะนั่งรถไฟแบบที่สะดวกสบายกว่านี้ พวกเขาเดินมาจนถึงที่นั่งแล้ววางสัมภาระทั้งหมดลง แรงลมปะทะเข้ากับใบหน้าเมื่อรถไฟค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ดงฮยอกเหม่อมองออกไปข้างนอกแล้วสูดหายใจเข้าครั้งแล้วครั้งเล่า
    “เฮ้ ดงฮยอกนายสูดหายใจบ่อยเกินไปไหม” จุนฮเวถามดงฮยอก
    “มันสดชื่นน่ะ”
    “....”
    “ กลิ่นตอนกลางคืนกับกลิ่นชื้นๆแบบนี้”
    “....”
    “ หาไม่ได้ง่ายๆเลย” ดงฮยอกค่อยๆพูดออกไปทีละประโยคอย่างเชื่องช้า จุนฮเวได้แต่พยักหน้าและมองออกไปบริเวณด้านนอก แสงไฟค่อยๆลับหายไปเมื่อรถไฟเคลื่อนที่เข้าสู่เขตพื้นที่ชนบท 

              จุนฮเวเบนสายตาเข้ามาเพื่อจ้องดงฮยอก  ริมฝีปากบางค่อยๆถูกยกขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มสีหม่น จุนฮเวมองมันด้วยเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นตรงจังหวะมันเริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆจนรู้สึกเหนื่อยขึ้นมานิดหน่อย เขาสูดหายใจลึกๆก่อนจะทำตัวร้อนรนทำทีบิดขี้เกียจไปมา ดงฮยอกยังคงทิ้งตัวตนของเขาเอาไว้นอกหน้าต่างล่องลอยอิสระปราศจากซึ่งความกังวล หรือความเศร้าที่แฝงอยู่ในแววตาของดงฮยอกตลอด 

                 เสียงกึกกักดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าการเดินทางได้สิ้นสุดลงแล้ว ดงฮยอกกับจุนฮเวลงจากรถไฟโบราณก่อนจะมองหาแผงขายของเล็กที่ขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยความหิวโหยจึงทำให้รีบจ่ายเงินแล้วนั่งทานกันเงียบๆ แล้วออกเดินไปตามทางเรื่อยๆพลางถามทางจากคนข้างทาง โชคดีที่คุณลุงคนหนึ่งบอกว่าเดินไปอีกสองกิโลก็จะถึงบ้านเช่าแล้ว


                พวกถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้สูงที่เกือบจะบดบังแสงแดดที่สาดส่องมาเต็มทีจุนฮเวเหลือบมองดงฮยอกเป็นพักๆ อีกฝ่ายดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับการที่ต้องเดินไกลๆแบบนี้ ลมเย็นๆตีเข้าปะทะร่างกายทำให้ต่างฝ่ายต่างกระชับเสื้อคลุมให้แนบกายให้มากขึ้น

    “ดงฮยอกมันเงียบไป ไม่สนุกเลย” จุนฮเวเริ่มใช้เท้าเตะอากาศไปตามทางแล้วบ่นออกมา
    “หืม ไม่สนุกหรอ ฟังเพลงไหม” ดงฮยอกหยุดเดินก่อนจะควานหาหูฟังในกระเป๋าเป้ด้านหลัง
    “ไม่อะ ดงฮยอกชวนคุยหน่อยดิ” จุนฮเวเริ่มปรับสีหน้าให้ดูสดใสขึ้น
    “เราไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรเลย งั้น.....ทำไมจุนฮเวถึงตามเรามาเนี่ย” ดงฮยอกขมวดคิ้วซักพักก่อนจะค่อยๆถามจุนฮเวไป
    “ อ๋อ ก็เห็นว่าจะมานั่งรถไฟไง ไม่เคยนั่งก็เลยอยากลองนั่งดู” จุนฮเวตอบแบบนั้นไป แต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือเขากลัวว่านั่งรถไฟตอนกลางคืนมันจะอันตราย อย่างน้อยๆถ้าเกิดเรื่องร้ายๆดงฮยอกก็จะไม่ได้อยู่คนเดียว
    “เฮ้ย จริงหรอ มีคนไม่เคยนั่งรถไฟจริงหรอ”
    “นั่นแหละ เออใช่ ถามจริงนึกคึกอะไรถึงออกมาปุบปับเลย” 
    “ก็แค่อ่านหนังสือแล้วเห็นคำว่ารถไฟ แล้วมันก็รู้สึกว่า ไม่ได้การละเราต้องนั่งให้ได้วันนี้ ก็เลยลองชวนจุนฮเวดูเผื่อจะรู้สึกแบบเดียวกัน” ดงฮยอกอธิบายเหตุผลยาวเหยียด
    “นิสัยเด็กตลอดเลย ฮ่าๆ” จุนฮเวพูดพร้อมยิ้มแบบเอ็นดูดงฮยอกมากเหลือเกิน
                      เดินคุยเล่นกันมาซักพักก็ถึงบ้านเช่า มีคุณน้ากำลังจะปิดประตูรั้วอยู่พอดี ดงฮยอกกับจุนฮเวจึงรีบวิ่งเพื่อไปขอเช่า 1 คืน ที่เช่าคืนเดียวเพราะ อีกวันนึงมีเรียนแล้ว พอได้ตกลงกับคุณน้าแล้วก็เข้ามานอนแผ่หลาอยู่กลางบ้านกันทั้งสองคน  คุณน้าได้แวะมาบอกว่ามีลานดูดาวหลังบ้านด้วย มีเตาย่างมาชเมลโลด้วยใช้ได้ตามสบายก่อนคุณน้าจะออกไป


                          เพราะเดินทางมาทั้งคืนทำให้เผลอหลับกันไปทั้งคู่ ตอนนี้ฟ้าข้างนอกกำลังมืด เลยตกลงกันจะทำบาร์บีคิวและลองใช้เตาเผาให้เป็นประโยชน์ ว่าแล้วก็เตรียมของกันเพราะคุณน้าช่วยซื้อมาให้ตอนที่เผลอหลับกัน ดงฮยอกคิดว่าตอนทำเสร็จจะเอาไปแบ่งคุณน้าไว้ด้วย จุนฮเวเองก็เริ่มวุ่นอยู่กับการจุดไฟ บางทีก็ตะโกนออกมาเป็นพักๆตามแบบคนแปลกๆ ทำให้บางทีก็หลุดขำกับท่าทางตลกๆของจุนฮเว

                           พอจุดไฟได้ก็ผลัดกันไปอาบน้ำเพราะอากาศเริ่มเย็นลงอีกจากตอนเย็น จุนฮเวหยิบผ้าห่มผืนบางติดมือออกมาด้วย ระหว่างรอนั่งรอให้บาร์บีคิวเสร็จดงฮยอกก็ชวนจุนฮเวดูดาวเพราะตรงนี้มองเห็นดาวได้ชัดและไม่มีแสงไฟมาบดบังความงามที่อยู่เบื้องหน้า ท้องฟ้าโปร่งทำให้ภาพตรงหน้าเหมือนมีพลังดึงดูดให้เราหลงใหลไปกับมัน ดงฮยอกยังคงพูดเจือแจ้วเรื่องดวงดาวที่เขารู้จัก จุนฮเวเองก็ตั้งใจฟังมันอย่างตั้งใจ เพราะไม่บ่อยนักที่ดงฮยอกจะพูดเยอะแบบนี้ ถ้าดงฮยอกพูดเยอะแสดงว่าเขากำลังมีความสุข ในเมื่อดงฮยอกมีความสุขจุนฮเวก็จะมีความสุข มันเป็นอย่างนี้เสมอและตลอดไปจุนฮเวสัญญา

                             เมื่อบาร์บีคิวร้อนฉ่าสุกได้ที่ก็เอาไปให้คุณน้าทานด้วย และได้รับคำชมด้วยว่าอร่อย ดงฮยอกดูภูมิใจกับเจ้าบาร์บีคิวนี้เหลือเกิน 
                          

                               ทั้งสองกลับมานั่งอยู่หน้าเตาเผาเหมือนเดิม ค่อยๆทานบาร์บีคิวที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งลานดูดาว  นั่งคุยกันเรื่องอัลบั้มที่เพิ่งออกของวงดนตรีที่ชอบแล้วก็คุยเรื่องลิสหนังสือของแต่ละคน พลางนั่งรนไฟเจ้าก้อนกลมๆขาวๆไปด้วย เสียงคนข้างกายเงียบลงทำให้จุนฮเวหันไปมอง ปรากฏว่าอีกคนนอนหลับตาพริ้มทิ้งเจ้ามาชเมลโลหลอมละลายคาไม้อยู่อย่างนั้น   จุนฮเวยิ้มเอ็นดูก่อนจะจัดการพาเพื่อนตัวเล็กของเขาไปนอนในที่เตียงอุ่นๆในบ้าน  ก่อนจะออกจากห้องไปจุนฮเวค่อยๆก้มลงจุมพิตหน้าผากกลมมนของเพื่อนตัวเล็ก เขาไม่รู้หรอกว่าก่อนที่ดงฮยอกจะมาเจอเขา ดงฮยอกต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายอะไรบ้าง แต่ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขเพื่อนตัวโตคนนี้จะเป็นคนคอยปลอบประโลมและเป็นที่ยินดีให้กับดงฮยอกทุกเรื่องเอง






    _________


    ☆TALK☆
    ที่จริงเรื่องนี้แต่งไว้ให้พี่คนนึงอ่านค่ะ แต่อยากลงให้อ่านกันเยอะๆ แล้วก็เพราะชนะการแข่งด้วยเลยฉลองค่ะ 5555555 


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น