Dawn n' Night อรุณดับ-ราตรีกระจ่าง
เรื่องราวของการต่อสู้เพื่อปกป้องโลก จากเหล่าจตุอาชาแห่งวันสิ้นโลก ในวันที่พระเจ้าได้พิพากษา เราจะเลือกความมืดเพื่ออยู่รอดหรือแสงสว่างเพื่อสูญสิ้น
ผู้เข้าชมรวม
119
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Prologue
Dawn of Night
เพลิงสีแดงฉานลุกโหมย้อมให้คำคืนนี้ไม่ได้มีแต่สีดำอีกต่อไป
เสียงกรีดร้องของคนที่อยู่ภายในอาคารดังระงมออกมาคลอไปกับเสียงไซเรนรถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หลุมล้อรถของพวกเขามาอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับแจ้งจากผู้เห็นเหตุการณ์
ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงแห่งความวุ่นวายในยามค่ำคืนนี้
เหตุการณ์ที่เป็นโศกนาฏกรรมนี้ถูกทำให้แย่ลงด้วยหญิงสาวคนหนึ่งที่พยายามจะวิ่งเข้าไปข้างในอาคารหลังนั้น
“ไม่ได้นะครับคุณ!” เสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังขึ้นพร้อมกับตัวเขาและเพื่อนในกองอีกคนเข้ามารวบตัวของหญิงสาวที่พยายามจะวิ่งเข้าไปในกองไฟที่ลุกโหมอย่างรุนแรงนี้
“ปล่อยชั้นนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!” เธอหวีดร้องอย่างคนเสียสติ “น้องชายของชั้น อานนท์ยังอยู่ข้างใน”
เสียงของเธอแหบพร่าลงพร้อมกับน้ำตาแห่งความเป็นห่วงและความกลัวไหลริน เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากเจ้าหน้าที่ที่แข็งแรงทั้งสองคนนี้
แต่ด้วยเรี่ยวแรงของเธอ ประกอบกับการที่เธอเสียสติไปเพราะความตกใจนั้น
ยิ่งทำให้เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เท่าที่ควรอีกด้วย
“อานนท์!!!” เธอหวีดร้องเสียงดัง
ก่อนที่จะเป็นลมล้มพับไปเพราะเหนื่อยล้าจากการหวีดร้องและร้องไห้ไปพร้อมกับ
เจ้าหน้าที่ที่กักตัวเธอไว้นั้นต้องรีบพาเธอไปที่รถพยาบาลเพื่อดูอาการเบื้องต้นก่อน
พวกเขาให้คำมั่นกับตัวเองในตอนนั้นเลยว่า
เขาจะต้องช่วยเหลือคนออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
ตูม!!! เสียงระเบิดดังออกมาจากตัวอาคารชั้นบน กลุ่มควันไฟขนาดใหญ่เกาะกลุ่มกันเป็นมวลก่อมะเร็งขนาดใหญ่
มันทำให้ผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในอาคารสูงใหญ่กว่า 20 ชั้นนี้ได้เลย
ความโกลาหลของภายนอกนั้นเทียบไม่ได้กับภายในอาคารเลย
เมื่อไม่ได้มีเพียงแต่ไฟไหม้เท่านั้นที่จะคร่าชีวิตของผู้คนที่อยู่ที่นี่
มันยังมีชิ้นส่วนของอาคารหลังนี้
ที่พร้อมจะถล่มลงมาเพื่อฝังกลบมนุษย์ทั้งเป็นได้ในทันทีที่พร้อมอีกด้วย
เหล่าผู้คนที่ยังเหลือรอดและติดอยู่ภายในอาคารหลังนี้นั้น
ต่างพากันแยกย้ายไปหาทางออกที่พอจะเป็นไปได้ แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับพบว่า
ตึกหลังนี้นั้นตอนนี้...ไม่สิ ตั้งแต่แรกเลยต่างหาก ที่มันเป็นอาคารโศกนาฏกรรมตั้งแต่ถูกสร้างขึ้นมา
เนื่องจากตอนนี้ทางหนีไฟนั้น
ถูกมวลไฟกลุ่มใหญ่นั้นลุกไหม้ปิดตายทางหนีไปเรียบร้อยแล้ว
มันเป็นอุบัติเหตุที่รอตัวจุดชนวนการเกิดอยู่แล้ว
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด
บนยอดของอาคารสูงลิบหลังนี้นั้น มีร่างของคนสองคนกำลังประจันหน้ากันอยู่
แต่จะเรียกว่าประจันหน้าก็คงไม่ถูกนัก
เพราะพวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะมีเรื่องกันในเวลาที่ทุกอย่างกำลังถึงจุดจบแบบนี้แน่นอน
ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงกลางของพื้นที่บนดาดฟ้านั้น
และทั้งสองคนดูแตกต่างกับในเชิงอารมณ์อย่างสิ้นเชิง
คนหนึ่งเป็นเด็กชายที่ดูๆแล้วเพิ่งจะอยู่แค่ประถมตอนปลายเท่านั้นเอง
เด็กคนนั้นกำลังตกอยู่ในความหวาดผวาอย่างมาก จิตใจของเขาตกอยู่ในความกลัวถึงขีดสุด
จากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่กำลังเกิดขึ้นนี้นั้น
ได้บั่นทอนใจสู้ของเด็กหนุ่มจนแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว และยังต้องเผชิญหน้ากับบุคคลเหนือความคาดหมายตรงหน้าของเขาอีกด้วย
เขาเป็นบางอย่างในเสื้อคลุมสีเทาหม่นขาดๆที่มีหมวดเสื้อคลุมปิดบังใบหน้าอยู่
ร่างกายของเขาดูซูบเหลือซากศพไม่มีผิด
กลิ่นกายที่อธิบายไม่ถูกนั้นลอยมาเตะจมูกของเด็กหนุ่มผ่านสายลมเย็นยะเยือกที่ไม่รู้ว่าแผ่ออกมาจากตัวของคนตรงหน้าของเขา
หรือเพราะเขาอยู่ที่สูงจึงมีลมพัดแรงแบบนี้กันแน่
ในมือของเขานั้นถือเคียวขนาดใหญ่ที่มักจะเห็นอยู่ตามหนังสือเกี่ยวกับทูตแห่งยมโลกของทางตะวันตกอย่าง...
“ยมทูต”
เด็กหนุ่มแสดงสีหน้าไม่เข้าใจและหวาดกลัวออกมาเห็นๆ เขาค่อยๆถอยหลังเพื่อหวังถอยห่างจากคนประหลาดตรงหน้าของเขา
“ใช่แล้วเจ้าหนู ข้าคือยมทูต”
มือข้างที่ไม่ได้จับเคียวเล่มยักษ์ไว้นั้นยกขึ้นและแบมือออกทำให้เห็นกระดูกมือสีขาวโพลน
ก่อนที่ดวงไฟสีแดงฉานเหมือนไฟที่โผล่ออกมาจากเบ้าตาที่ไม่มีลูกตาของใบหน้าที่เป็นเพียงกะโหลกเท่านั้น
จะแสดงให้เด็กหนุ่มเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง
รูปร่างของเหล่าคนตายที่ล่วงลับไปแล้วนั้น ต่างอยู่ในเพลิงวิญญาณในเบ้าตานั้น
และครู่หนึ่งที่เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนเห็นแม่ผู้ล่วงลับของเขาไปแล้วด้วย
“ไม่จริง...ยมทูตมันเป็นแค่เรื่องหลอกเด็กให้กลัว
เพื่อจะได้ไม่ทำสิ่งไม่ดี”
“แม้จะปรากฏอยู่ต่อหน้าแล้ว
แต่เจ้าก็ยังคงไม่เชื่อ” ยมทูตเอ่ย “เช่นนั้นก็ไม่แตกต่างกับคนอื่นๆที่ข้าเจอ
เจ้าหนูข้าจะขอเสวนาภาษาคนเป็นกับเจ้าครั้งเดียวเท่านั้น...” ยมทูตเข้าประชิดตัวของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วเพียงแค่เขากะพริบตาเท่านั้นเอง
ไม่ทันที่เขาจะถอยหลังด้วยความตกใจ
มือกระดูกของยมทูตก็คว้าเข้าที่ลำคอของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว
พละกำลังอันมหาศาลนั้นทำให้ตัวของเขาลอยขึ้นสูงเหนือพื้นอย่างไม่มีหนทางหลบหนีได้เลย
ร่างของเด็กหนุ่มแทบจะแน่นิ่งทันทีที่มือของยมทูตสัมผัสถูกตัวของเขา
“ตัวตนของข้าคือความตาย
เพียงแค่สัมผัสเจ้าก็จะตายได้ แต่เพราะบางอย่าง...บางอย่างบอกข้ามาว่าเจ้าแตกต่าง”
เพลิงในดวงตาของยมทูตลุกโชนอย่างน่ากลัว
เปลวไฟเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าที่ร้อนแรงกว่าเดิมอยู่แล้ว
เห็นได้ชัดถึงความสับสนในตัวของยมทูตตนนี้
“และสิ่งนั้น ก็คงทำให้เจ้าไม่ตายเหมือนต้องกายกับข้าดั่งเช่นตอนนี้
มันคืออะไรกันแน่ ข้าอยากจะรู้นัก ทำไมเจ้าไม่ตายเมื่อข้าสัมผัส
ข้าไม่สามารถฟันเจ้าด้วยเคียวฟันวิญญาณนี้ได้ด้วยซ้ำไป เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่
ข้าเห็นวิญญาณในตัวเจ้า เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่เหตุใด...เหตุใดกัน” เสียงของยมทูตยิ่งเกรี้ยวกราดขึ้น
เมื่อเขาไม่สามารถนำพาดวงวิญญาณของเด็กคนนี้ไปกับเขาได้ตามที่ต้องการ
ในขณะที่ยมทูตจะบีบคอของเด็กหนุ่มในสิ้นใจเพื่อพาดวงวิญญาณไปนั้นเอง
ที่หลังมือของเด็กหนุ่มก็ส่องสว่างขึ้นมา
“นั่นอะไร”
สัญลักษณ์ไม้กางเขนกลับหัวส่องประกายสีดำสนิทออกมา นั่นทำให้ดวงตาของยมทูตลุกโชนด้วยอารมณ์ที่ต่างออกไป
“นั่น...หึๆๆ อะไรกัน เพราะแบบนี้นี่เอง แบบนี้มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่หรือไร
ท่านทำได้สุดยอดมาก”
ยมทูตเงยหน้าขึ้นฟ้าและใช้นิ้วชี้ของมือที่ถือเคียวนั้นชี้ไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ท่าโหดร้ายมากเลยนะ เป็นผู้สร้างแล้วนึกสนุกอะไรกันถึงได้เลือกวิถีแห่งการทำลายล้างเล่า
เบื่อของเล่นชิ้นนี้แล้วรึไร” เสียงของยมทูตเริ่มบ้าคลั่งขึ้น
จนมันปล่อยมือออกจากคอของเด็กหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่ได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ยุติธรรม!” เขาตวาดขึ้นฟ้า “การพิพากษาจะไม่มีวันมาถึง แต่ถึงจะมาถึง ข้าก็จะไม่ยอมอยู่ดี
บนโลกที่แสนโสมมนี้ ข้ายังเล่นได้ไม่เต็มอิ่มเลยนะ
แค่ไม่กี่ร้อยล้านปีเองไม่ใช่รึไง! แล้วท่านที่อยู่มาแต่เอกภพกลายเป็นพหุภพแบบตอนนี้
ท่านคิดจะแย่งของเล่นที่แสนสนุกแบบนี้ไปจากข้า
ข้าจะไม่มีวันปล่อยมันให้ท่านเอาไปแน่!”
ยมทูตหันมามองที่ร่างของเด็กหนุ่มที่สลบอยู่ก่อนที่ดวงไฟจะลุกวาวอีกครั้งอย่างนึกสนุก
เขายกร่างของเด็กหนุ่มที่สลบอยู่ขึ้นก่อนจะยกขึ้นสูงเหมือนโชว์ของเล่นให้ฟ้าดู
“จำเอาไว้ สิ่งที่ท่านจะใช้ ชีวิตที่ท่านจะใช้เพื่อเปิด ‘ประตูแห่งความวิบัติทั้งสี่’ ดวงนี้
ข้าจะให้มันกลายเป็นผู้ทำลายความต้องการของท่านเอง และเราจะรู้ว่า
อะไรกันแน่ที่น่าเบื่อ โลกโสมมใบนี้ หรือ ท่านเอง ฮ่าๆๆๆๆ!!!”
ผลงานอื่นๆ ของ โรนินถือปากกา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ โรนินถือปากกา
ความคิดเห็น