" รัก ลอยลม "
ตอนที่ 1
" เธอ ใช่ไหม ที่เดินเข้ามา และทำให้ใจ ฉันไหว ดั่งยอดกิ่งไม้ ที่โดนแค่ลม ก็ไหว ดั่งลมเมื่อต้องใบไม้ ก็ลอยไปไกล . . ." เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของ ลลินดา ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นจากภวังแห่งการหลับใหล เธอเอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์มือถือที่ชาร์ตแบตไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียงของเธอ ก่อนจะกดรับสายหลังจากเห็นชื่อของคนที่โทรมาปลุกเธอตั้งแต่เช้ามืดขนาดนี้
" ว่าไงยัยขวัญ มีเรื่องอะไรถึงได้โทรมาหาฉันตอนนี้เนี่ย หรือว่าเธอปวดท้องคลอด " ฉันกรอกเสียงงัวเงียปนหงุดหงิดใส่โทรศัพท์มือถือรุ่นกลางเก่ากลางใหม่เครื่องโปรดของฉัน พลางลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนก่อนจะขยี้ตามองดูนาฬิกาแขวนผนังสีฟ้าอ่อนซึ่งบอกเวลา 4.30 น.
' แกจะบ้าหรือไงยัยลินดา ฉันพึ่งจะท้องได้ 3 เดือน แกจะให้ฉันรีบคลอดไปไหนฮะ ' เสียงปลายตอบกลับมาอย่างหงุดหงิดเช่นกัน ฉันเดาได้เลยว่าตอนนี้ ยัยขวัญต้องทำหน้าเบื่อโลกใส่ฉันอยู่แน่ๆ
" เออ ๆ ฉันยอมแกละ ว่าแต่มีเรื่องอะไร ถึงได้โทรมาตอนเนี้ยยะ " ฉันว่าพลางลุกขึ้นยืนบิดซ้ายบิดขวา ขับไล่ความเมื่อยล้าออกไปจากร่างกาย
' เออ เกือบลืมละ ฉันจะถามแกว่า งานแต่งยัยเนตร แกจะไปมั๊ย ถ้าไปฉันจะได้ไปรับตอนตีห้าครึ่ง กว่าเราจะไปถึงชะอำ ก็บ่ายๆพอดี งานเลี้ยงมีตอนเย็นน่ะ แกว่าไง จะไปมั๊ย ' เสียงยัยขวัญเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที เพราะคงรู้ดีว่า เกิดอะไรขึ้น ระหว่าง ฉัน กับ ยัยเนตร อดีตเพื่อนรักของฉันอีกคน
" ฉันคงไม่ไปหรอก ฝากแกบอกมันด้วยนะ ว่าวันนี้ฉันจะย้ายบ้านพอดีน่ะ คงไม่สะดวก ไว้ถ้ามีโอกาส ฉันอาจจะแวะไปเยี่ยมมัน " ฉันตอบกลับไปด้วยเสียงที่ฉันคิดว่าปกติที่สุดแล้ว แต่มันคงฝืนซะจนยัยขวัญยังถอนหายใจออกมา
' โอเค ๆ แล้วฉันจะบอกมันให้นะ แกก็อย่าคิดมากอีกเลย เรื่องมันก็ผ่านไปนานเป็นปี ๆ แล้ว ฉันไม่อยากให้แกเอาแต่นั่งจมอยู่กับอดีตที่เลวร้าย แกยังมีชีวิตอยู่ แกควรจะใช้ชีวิตของแกให้มีความสุขนะ เอาแต่จมอยู่กับความทุกข์ที่มันผ่านไปแล้วแบบเนี้ย มันไม่ใช่แกคนเดิมที่ฉันรู้จักเลย ' ยัยขวัญถอนหายใจอีกครั้งแล้วบอกว่าจะไปหาฉันที่แม่สอดหลังจากที่กลับมาจากงานแต่งยัยเนตรแล้ว ก่อนจะวางสายไป
หลังจากที่คุยโทรศัพท์กับยัยขวัญแล้ว ฉันก็ได้แต่นั่งเหม่อลอยอยู่ปลายเตียงอย่งนั้น ความทรงจำในอดีตมันพรั่งพรูเข้ามาจนเจ็บในหัวใจไปหมด น้ำตามันไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฉันพยายามทำงานหนักอย่างมาก พยายามทำให้ตัวเองยุ่งวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้ลืมเรื่องราวในอดีตไป เพื่อที่จะได้มีซักช่วงเวลา ที่ในหัวของฉันไม่ได้มีภาพเขาคนนั้นผุดขึ้นมา เพื่อที่จะได้มีซักช่วงเวลา ที่ใจของฉันไม่ต้องเจ็บปวดทรมาน ถ้าหัวใจคนเรามันแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้ หัวใจของฉันก็คงแตกละเอียดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
เสียงนาฬิกาปลุก ปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ ฉันหยิบนาฬิกามากดปิดแล้วเก็บมันใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีฟ้าน้ำทะเลที่ฉันชอบ ถึงเวลาแล้วสินะ ที่ฉันจะต้องไปจากที่นี้ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไป เพื่อลืมเรื่องราวที่เจ็บช้ำ ไป เพื่อเป็นคนใหม่ที่มีความสุขเสียที ฉันจัดการธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว และชงกาแฟแก้วสุดท้ายในบ้านหลังนี้ให้กับตัวเองพลางเดินออกไปเปิดประตูระเบียง พระอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าเผยให้เห็นแสงแรกของวันใหม่ มันทำให้ฉันผ่อนคลาย ฉันชอบตื่นแต่เช้ามารอดูพระอาทิตย์ขึ้นเป็นประจำ เพราะฉันเชื่อว่า พระอาทิตย์จะอวยพรให้ฉันอดทนกับความเจ็บปวดและเข้มแข็งมากพอที่จะใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นความทุกข์ไปได้
หลังจากใช้เวลาเรื่อยเปื่อยไปกับการเฝ้ามองพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ฉันก็เก็บข้าวของเล็กๆน้อยๆ ที่ยังไม่ได้เก็บลงกระเป๋าเดินทางจนเสร็จ สายตาของฉันก็สะดุดเข้ากับกรอบรูปอันนึงที่คว่ำอยู่หลังชั้นหนังสือ ฉันค่อยๆเดินไปหยิบมันขึ้นมาดู ภาพชายหนุ่มผิวขาว ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนและมีนัยตาสีเดียวกัน กำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ในรูปนั้น แขนเรียวของเขาโอบกอดหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้ เธอหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาวอมชมพูดูสุขภาพดี พวงแก้มสีแดงเรื่อจากความเขินอาย และนัยตาสีดำธรรมชาติ เข้ากันดีกับผมยาวตรงสีเดียวกัน ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าทั้งคู่นั้นเป็นคู่รักกัน ผู้หญิงคนนั้น คือฉันเอง ซึ่งต่างจากตอนนี้มาก เพราะฉันตัดผมสั้นและย้อมสีน้ำตาลเฮเซลนัท และซูบผอมลงไปกว่าเดิมมาก ใบหน้าของหญิงสาวที่น่ารักคนนั้นไม่มีอีกแล้ว เหลือไว้แต่เพียงใบหน้าของคนอมทุกข์กับสายตาเบื่อหน่ายทุกสิ่ง เย็นชาต่อทุกสิ่งรอบข้าง เพราะฉัน ไม่เคยมีความสุขเลยตลอดเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น