ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:Yuri]คุณหนูไฮโซกับยัยสัตว์เลี้ยง[SNSD&WG]

    ลำดับตอนที่ #44 : SNSD&WG:คุณหนูไฮโซกับยัยสัตว์เลี้ยง 33

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 52


     

    33

    เจสสิก้าตื่นขึ้นมาในยามสายของวัน หัวรู้สึกปวดหน่วงๆจากอาการแฮงค์ สิ่งแรกที่เธอทำก้คือมองไปรอบๆห้องอย่างข้องใจ ว่าเหตุใดเธอถึงได้เข้ามาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีเตียงนอนแสนนุ่มนี่ได้ และเมื่อสังเกตไปอีกซักระยะ เธอก็รับรู้ว่าที่แห่งนี่คือห้องชั้นสองของตัวผับที่ยูบินมีไว้รับรองแขก ความมึนงงในหัวแล่นตีกันจนสมองเธอแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ พอเธอหลับตาลง ภาพของใครบางคนก็ผุดเข้ามาในหัว ทำเอาเธอลืมตาโพล่งขึ้นมาทันที

    เมื่อคืนนี้ ยูริมาหาเธอ!! ต้องใช่แน่ๆ เธอรู้สึกได้ ความรู้สึกอุ่นๆยังคงประทับอยู่บนหน้าผากเธอเลย

    มือเรียวลูบไล้ลงบนหน้าผากตนเองแสนเบา เพียงเพราะกลัวว่าความรู้สึกอบอุ่นของริมฝีปากคนรักจะจางหาย รอยยิ้มที่เธอไม่ได้ยิ้มเสียหลายวันปรากฏขึ้นบนเรียวปาก ทำเอาคนที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาอย่างทิฟฟานี่อดยิ้มไปกับรอยยิ้มนั้นไม่ได้ ในที่สุด เธอก็ได้เห็นเสียที รอยยิ้มของพี่สาวแสนสวย รอยยิ้มของเจสสิก้า.....

    “ฟานี่...เมื่อคืนนี้ ยูล...ยูลมาหาพี่ใช่ไหม ยูลมาหาพี่ที่นี่ และพาพี่ขึ้นมาบนห้องนี้” เจสสิก้ามองผู้มาใหม่ด้วยแววตามีความสุข เธอถามคำถามที่เธอสงสัยอย่างกระตือรือร้น และเธอก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นเสียด้วย หากแต่คำตอบที่อีกคนตอบเธอทำเอาเธอค้านกันตัวเองอย่างหนัก

    “พี่ยูลไม่ได้มานี่คะ เมื่อคืนนี้ฟานี่กับแทช่วยกันพยูงพี่สิก้าขึ้นมาที่ห้องนี้เองนะ” แววตามีความสุขเมื่อครู่ถูกเจือด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจ เธอว่าเธอรู้สึก มันไม่น่าจะผิดพลาดได้นี่ ยูริต้องมาหาเธอซิ หรือว่าเธอจะฝันไป.... แต่ถ้าเธอฝันไปจริงๆ เธอก้อยากอยู่ในฝันนั่นนานๆเหลือเกิน....

    “ไม่จริง ยูลมาหาพี่ ยูลต้องมาหาพี่แน่ๆ” เจสสิก้ายังคงยืนกรานในความรู้สึกของตัวเองแน่แน่ว และก่อนที่ความสงสารของทิฟฟานี่จะส่งผลให้เธอเอ่ยบอกความจริง ยูบินก็เข้ามาช่วยให้เธอรอดพ้นจากการกระทำนั้นเสียก่อน

    “ยูลไม่ได้มาสิก้า ยูลไม่ได้มาจริงๆ เธอคงเมาหลับฝันไป....” เจสสิก้าหันไปมองผู้มาใหม่นิ่ง เธอเพียงแต่อยากเห็นแววตาวูบไหวที่หลบเลี่ยงสายตาเธอออกไปซักเล็กน้อย เธอจะได้อ้างได้ว่าเขาโกหก หากแต่ ยูบินกลับจ้องมาที่เธอนิ่ง ทำเอาเธอต้องก้มหน้ายอมรับความจริงที่ว่า ยูริไม่ได้มาหาเธอ และเธอเพียงแค่ฝันไป

    แทยอนยืนพิงประตูอยู่ข้างนอก เธอรอจนทิฟฟานี่และยูบินเดินออกมา จึงจะถามด้วยความสงสัย และสงสารคนในห้องจับใจ

    “ทำแบบนี้ดีแล้วจริงๆหรอพี่ยูบิน ดีแล้วแน่ๆหรอทิฟ” ทั้งสองคนได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก พวกเธอก็คิดว่ามันไม่ดีหรอกที่เจสสิก้าเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเธอบอกความจริงไปเจสสิก้าจะต้องเป็นยิ่งกว่านี้แน่ๆ เพราะอย่างนั้น แบบนี้แหละดีแล้ว.... ดีแล้วจริงๆ

    .

    .

    .

    .

    ผ่านมาหลายวันแล้ว แต่เจสสิก้าก็ยังคงเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้อง ใครเดินเข้าไปในห้องก็จะเห็นแต่เจ้าตัวกำลังนอนอยู่บนเตียงกว้าง นอนกอดรูปถ่ายของยูริแน่น บางทีก็จะเห็นหยาดน้ำตาที่ยังคงไม่แห้งหายไปจากขอบตาเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะเข้าไปในห้องเจสสิก้าในช่วงเวลาไหน ก็พบแต่ภาพที่เธอกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง

    ยูบินออกอาการเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด น้องสาวเธอกินอาหารน้อยมาก ร่างกายก็ซูบผอมลงทุกที แถมยังเอาแต่นอนอุดอู้อยู่แต่ในห้อง ใครจะชวนไปไหนก็ไม่ยอมไป เอาแต่บอกว่าอยากนอนท่าเดียว.....

    วันนี้เธอเองก็ตั้งใจจะมาลากน้องสาวของเธอออกจากห้องให้ได้ แบบนี้เธอว่ามันไม่ไหวแล้วนะ เจสสิก้าจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าเอาได้ แต่พอเธอเอ่ยปากชวนเท่านั้น น้องสาวเธอกลับตอบออกมาเสียงดังฟังชัดว่า ‘อยากนอน!!’

    “สิก้า เธอจะเอาแต่นอนอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ พี่จะพาเราออกไปเที่ยวข้างนอกบ้าง” ยูบินดึงมือน้องสาวให้ลุกขึ้นตามเธอมา หากแต่เจสสิก้ากลับขืนตัวเอาไว้

    “ไม่ไป....เจสอยากนอน” เจสสิก้าพูดเสียงสะบัดอย่างไม่ใส่ใจ แถมด้วยการดึงตัวเองกลับไปซุกลงกับหมอนอีกครั้ง

    “ไม่ได้นะสิก้า เธอนอนอยู่ในห้องอย่างเดียวมาหลายวันแล้ว ออกไปไหนเสียบ้างซิ!!” ยูบินเอ่ยเสียงดุด้วยความเป็นห่วง

    “เจสอยากนอน พี่ยูบิน ให้เจสนอนเถอะ นะ” น้ำเสียงเอ่ยขอร้องสั่นพร่า เหมือนกับว่าเจ้าตัวกำลังกลัวอะไรบางอย่าง อะไรที่ทำเอายูบินต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ

    “ไหนสิก้าลองบอกเหตุผลที่เธอเอาแต่นอนในห้องมาซิ พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเราถึงไม่ยอมออกจากห้องนี้ไปไหน....” เจสสิก้าก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากันแน่นจนขาวซีด “บอกพี่มาซิ ให้พี่ได้รับรู้ความทุกข์ใจของเธอบ้าง” ยูบินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำเอาเจสสิก้าร้องไห้โฮโผเข้ากอดยูบินแน่น

    ยูบินลูบหลังลูบไหล่ปลอบให้คนที่ร้องไห้ในอ้อมแขนได้สงบนิ่งลงบ้าง แล้วเงียบฟังในสิ่งที่น้องสาวเธอพูดออกมา....

    เจสสิก้ากลัวว่าเธอจะไม่ได้เจอกับยูริอีก เธอกลัวที่จะออกไปเผชิญกับความจริงที่ว่า ยูริไม่ได้อยู่ข้างกายเธอแล้ว ถึงแม้พวกเธอยังไม่ได้เลิกรากัน แต่การที่ยูริหายเงียบไปเกือบเดือนและไม่แม้แต่จะติดต่อกลับมา ทำเอาเธอกลัวในความสัมพันธ์ของตัวเอง

    เธอกลัวว่าความสำคัญที่ยูริให้เธอจะลดน้อยลง ที่เธอเอาแต่นอนหลับ นั่นก็เพราะเธออยากจะรู้สึกว่ายูริอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ไปไหน ก็แค่อยากหลับฝันถึงในวันที่ยูริยังอยู่เคียงข้างกาย ฝันถึงรอยยิ้มอบอุ่นที่อีกคนมอบให้เธอ อ้อมแขนแข็งแกร็งที่โอบกอดรอบกายเธอ และคำรำพันบอกรักที่แว่วอยู่ริมใบหู.....

    ทุกๆครั้งที่เธอตื่นมา เธอมักจะโกหกตัวเองว่ายูริเพียงแค่ออกไปทำงาน หรือไม่ก็อยู่ในห้องน้ำ ริมระเบียง ในที่ใกล้ๆเธอ และอีกไม่ช้าจะกลับมา แต่เมื่อเธอพบกับความเป็นจริงที่ว่า เธอกำลังหลอกลวงตัวเอง มันก็ทำเอาเธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แล้วหลับไปพร้อมกับหยาดน้ำตา

    .... มันทรมารอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่มีคนที่รัก แต่เหมือนโดนละเลย มีคนที่รัก แต่ไม่อาจพูดคุยกับเขาได้ มีคนที่รัก แต่ไม่อาจโอบกอดหรือได้ชิดใกล้ เธอได้แต่นึกภาวนาในใจ ว่าวันเวลาแสนทรมารนี้เมื่อไหร่มันจะจบสิ้นลงไปเสียที....

    เสียงสะอื้นไห้ของคนในอ้อมกอดยังไม่จางหาย แต่เสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์มือถือก็ทำให้ยูบินต้องผละออกจากตัวน้องสาว เธอเดินเลี่ยงออกมารับสายเมื่อพบว่าเป็นเยอึนที่โทรเข้ามา

    “ว่าไงเยอึน อาการคุณลุงเป็นยังไงบ้าง” ยูบินถามด้วยความเป็นห่วง เธอพอจะรู้อยู่บ้างว่าคุณควอนเข้ารับการผ่าตัดหัวใจในวันนี้

    “ไม่ดีเท่าไหร่ หมอบอกว่าเลือดออกเยอะมากในระหว่างการผ่าตัด และเลือดที่สำรองไว้ไม่เพียงพอ....กำลังรอคนบริจากเลือดอยู่” เยอึนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน

    “แล้วเลือดแกกับยูริใช้ไม่ได้หรอเยอึน” ยูบินถามอย่างสงสัย ทั้งยูริและเยอึนต่างก็เป็นลูกของคุณควอน น่าจะบริจากเลือดให้คุณควอนได้

    “ถ้าได้ก็ดี ฉันกับยูลเลือดกรุ๊ปเดียวกับแม่ว่ะ AB ด้วยกันทั้งคู่ แต่เลือดพ่อเป็นกรุ๊ป B” เยอึนเอ่ยด้วยความหนักใจ ตอนนี้เธอก็รอเพียงแต่จะมีใครมาบริจากเลือดให้พ่อเธอบ้างนั่นแหละ

    “ฮึ AB ทั้งคู่หรอ ซวยเลยซิ แล้วจะหากรุ๊ปB มาจากไหน?”

    “ก็รอเขามาบริจากอยู่ นี่ก็ติดต่อไปที่ธนาคารเลือดแล้ว แต่เลือดที่นั่นก็มีน้อย ได้มาก็คงจะยังไม่พอ.... ยูบิน ฉันจะทำยังไงดี” เยอึนเอ่ยอย่างหวาดกลัว แต่แล้วก็มีเสียงแทรกเข้ามาในโทรศัพท์เสียงดังทำเอาเธอผงะออกจากโทรศัพท์ไปเล็กน้อย

    “เลือดเจสกรุ๊ป B!! พี่เยอึนรอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวเจสจะไปโรงพยาบาล...... ”

    .

    .

    .

    .

    ยูรินั่งกุมมือเจสสิก้าไว้แน่น ตอนนี้คนรักของเธอนอนอยู่บนเตียงเพื่อบริจากเลือด เธอมองดูเลือดที่ไหลออกจากตัวคนรักออกไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ในขณะที่เจสสิก้าทำเพียงส่งยิ้มเซียวๆให้ยูริเพียงแค่นั้น ตั้งแต่เจอหน้ากันทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย เอาแต่นั่งเงียบอยู่อย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ทำเอาเยอึนและยูบินไม่กล้าเข้าไปขัดคนทั้งคู่เลย จึงได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ

    เข็มถูกถอดออกไปจากแขนเจสสิก้า และตามมาด้วยสำลีปิดรอยเข็ม พยาบาลบอกให้เจสสิก้านอนพักผ่อนบนเตียง ซึงอีกคนดูจะไม่ขัด เพราะร่างกายอ่อนล้าจนหลับไปเองในที่สุด ในขณะที่ยูริได้แต่นั่งอยู่เคียงข้าง จับมือของเจสสิก้ามาแนบเข้ากับใบหน้าด้วยความรู้สึกขอบคุณ

    หลังจากการผ่าตัดครั้งใหญ่จบลงก็มีข่าวที่เป็นเรื่องน่ายินดี เมื่อการผ่าตัดสำเร็จผล เหลือเพียงรอดูว่าคนไข้จะปรับตัวรับกับหัวใจใหม่ได้หรือเปล่า คุณควอนเป็นคนที่โชคดี เพราะส่วนใหญ่แล้ว คนที่เป็นโรคหัวใจจะต้องรอคิวเข้ารับการผ่าตัดนานมากๆ เป็นปีๆเลยก็มี แถมพอได้หัวใจมาแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคนเสียด้วย มันต้องตรวจดูอะไรอีกหลายๆอย่างกว่าจะระบุได้ว่าจะใช้หัวใจดวงนี้ได้ไหม? และค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดก็ค้อนข้างสูง แต่คงไม่เป็นผลอะไรซักเท่าไหร่ กับคนที่มีเงินเข้าขั้นมหาเศรษฐีอย่างตระกูลควอน

    แต่ถึงเจสสิก้าจะเป็นคนบริจาคเลือดให้พ่อของเธอ เธอก็ยังคงรักษาสัญญาที่เธอให้ไว้กับพ่อเธอได้เป็นอย่างดี สัญญาที่จะไม่ถอนหมั้นกับยุนอา และไม่ติดต่อกับเจสสิก้าอีก.... และนั่นก็ทำเอายูบินอดที่จะรู้สึกโกรธไม่ได้ ทั้งๆที่น้องสาวเธอเป็นคนช่วยชีวิตเขานะ ตาแก่นี่ เหลือเกินจริงๆ สงสัยเธอคงต้องไปคุยกับตาแก่หัวดื้อนี่ซักหน่อยแล้ว ไม่งั้นเธอได้เห็นน้องเธอกลายเป็นซอมบี้แน่ๆ ยูริก็อีกคน เวลาเธอเจอหน้าทีไร สภาพก็ไม่ได้แตกต่างจากเจสสิก้าเลยจริงๆ......

    .

    .

    .

    .

    ยูริออกอาการแปลกใจไม่น้อยเมื่ออยู่ดีๆ คุณควอนก็บอกกับเธอว่าเขาขอถอนหมั้นกับยุนอาให้เธอแล้ว และยุนอาก็ยอมถอนหมั้นเป็นที่เรียบร้อย แถมยังยื่นแหวนเพชรในมือที่เป็นแบบเดียวกันกับที่นิ้วของเธอมาเธออีกต่างห่าก เธอจำมันได้ดีเลยละ ว่ามันเป็นแหวนหมั้นของเธอกับยุนอา!!

    “พ่อเป็นไรมากหรือเปล่าเนี๊ยะ!! หัวใจ... มันมีปัญหาแน่ๆเลยใช่ไหม? สงสัยมันสูบฉีดเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองพ่อไม่พอแน่ๆ” สิ้นสุดคำพูด ชายสูงวัยแทบจะประเคนเท้างามๆไปถวายให้ลูกสาวตัวดี มีที่ไหนกัน ที่ลูกจะกล่าวกับพ่อเช่นนี้ นี่เข้าอุตส่าห์ใจดี เห็นแก่ความรักที่เด็กสาวนั่นมีต่อลูกสาวเขา และที่ลูกสาวเขามีต่อเด็กผู้หญิงคนนั้นเลยใจอ่อนเปิดทางให้แล้วนะ

    และนี่ก็ต้องขอบคุณ คิม ยูบิน เพื่อนของลูกสาวคนโตของเขา ที่ถึงแม้จะดูกวนประสาทเขาไปสักหน่อย แต่ก็ช่วยให้เขาตาสว่างขึ้นเยอะเลย......

    เขาต้องขอบคุณเด็กคนนั้นด้วยซินะที่บริจากเลือดให้เขา ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ไม่แน่ว่า ถ้าไม่ได้เลือดนั่น เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ เด็กที่ชื่อเจสสิก้าอะไรนั่น ดูเป็นคนจิตใจดี ....และสวย? เหมาะสมกับลูกสาวคนเล็กของเขาดีจริงๆ แถมหนูยุนอาก็มีคนรักอยู่แล้วอีกต่างหาก แล้วทำไมไม่บอกเขาตั้งแต่คราวแรกนะ เขาจะได้ไม่ต้องให้ลูกเขาหมั้นด้วย นี่เขาทำให้เกิดปัญหาเยอะเยะมากมายแบบที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเลยนะนี่

    ชายสูงวัยมองออกไปนอกตัวบ้านแล้วแย้มยิ้มกว้าง เมื่อเขาเห็นลูกสาวคนโตของเขา ปาร์ค เยอึนพึ่งขับรถออกไป.....

    เยอึนคงเป็นห่วงเขามากซินะ ถึงได้แอบมามองดูเขาแบบนี้ทุกวัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นเสียหน่อย แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่เห็นต่างหาก นั่นเพราะฐิถิที่เขาเคยมี แต่ตอนนี้ เขาว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองซะบ้างแล้ว ครอบครัวของเขาจะได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง.... ไหนๆก็ไหนๆ ทำให้ลูกคนเล็กมีความสุขกับคนรักได้แล้ว ก็สมควรจะคืนดีกับลูกคนโตเขาได้แล้วบ้างซินะ.....

    .

    .

    .

    .

    เจสสิก้ากลับเข้ามาพักที่คอนโดของตัวเองมาได้ซักพักใหญ่แล้ว คงจะเป็นหลังจากที่เธอได้บริจากเลือดให้คุณควอนไปนั่นแหละ นั่นก็คงเป็นเพราะคำพูดของยูริที่บอกกับเธอวันนั้นก่อนที่เธอจะกลับออกจากโรงพยาบาล เพียงแค่คำพูดเดียวเท่านั้น ‘รอยูลนะ....’

    แต่วันนี้ช่างแตกต่างจากทุกวัน เพราะไฟในห้องของเธอมันดับสนิท ทั้งๆที่ห้องข้างๆก็ยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามา จะบอกว่าไฟดับก็ไม่ได้ ถ้าไฟมันดับทำไมห้องอื่นถึงมีไฟใช่ล่ะ? ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า ไฟห้องเธอเสียละซิ....

    เจสสิก้าเดินไปทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนอนอย่างไม่สนใจ ยังไงซะ ห้องเธอเธอก็จำทางได้ดีอยู่แล้ว จะไปแคร์อะไรกับแค่ไฟเสีย เดี๋ยวค่อยซ่อมเอาพรุ่งนี้เช้าก็ได้ แต่ทันทีที่ทิ้งตัวลงนอน เธอกลับรู้สึกถึงความรู้สึกของการโอบกอดรอบลำตัวเธอ ตอนแรกเธอเองก็ตกใจอยู่หรอก แต่พอได้กลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยก็ทำเอาเธอนอนนิ่งไม่ไหวติ่ง จนคนโอบกอดต้องเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว

    “เจส....” เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นมาทามกลางความมืด ทำเอาเจสสิก้าน้ำตารื้นขึ้นมาทันที คราวนี้ เธอคงไม่ได้ฝันไปอีกนะ ยูริอยู่ข้างๆกายเธอจริงๆแล้วใช่ไหม?....

    .

    .

    .

    .

    ทิฟฟานี่ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเธอรู้สึกถึงความผิดปกติของคนรัก.... แทยอนช่วงนี้ดูจะติดโทรศัพท์มากเกินไปจนน่าแปลก เจ้าตัวแทบจะคุยเช้าเที่ยงเย็นและก่อนนอนเสียด้วยซ้ำ ดูเหมือนจะมีเรื่งอะไรที่เป็นความลับมากมายเสียเหลือเกิน เธอถามอะไรก็ไม่ยอมบอกอีกต่างหาก เอาแต่บอกว่าคุยกับซูยอง กับซันนี่ กับฮโย ถ้ามีเวลาว่างมากขนาดคุยกับเพื่อนได้ทั้งวัน ทำไมไม่ยอมหันหน้ามาคุยกับเธอที่อยู่ข้างๆกายบ้างล่ะ?

    แถมบางที เธอก็ยังแอบเห็นคนตัวเล็กเข้าไปคุยกับพ่อเธอในห้องทำงานของท่านด้วย คุยอะไร? เรื่องอะไร? แล้วทำไมต้องคุย? พอเธอถามเอามากๆ คนตัวเล็กก็เข้ามาคลอๆเคลียๆชวนเปลี่ยนเรื่องไปเสียอย่างนั้น!!

    เธอเคยแอบหยิบโทรศัพท์ของเจ้าตัวขึ้นมากดอ่านข้อความ แต่ก็โดนคนตัวเล็กเห็นทันก่อนที่เธอจะได้อ่านข้อความเสียอีก แต่ถึงแม้อย่างนั้นสายตาเธอก็ทันได้เห็นข้อความแวบๆว่าเที่ยวๆอะไรเนี๊ยะแหละ แต่เธอก็ยังงงอยู่ดี เที่ยวอะไร? ใครเที่ยว? คนตัวเล็กจะแอบหนีไปเที่ยวไหนโดยไม่บอกเธอหรือเปล่า?

    คิดไปคิดมาก็น่าปวดหัว คนตัวเล็กช่างมีความลับกับเธอมากมายเหลือเกิน แล้วแบบนี้เขาเรียกว่าเป็นคนรักกันหรอกหรอ? ถ้ารักกันจริงทำไมต้องมีความลับด้วยละ?

    “แทแท คุยกับใครอีกแล้ว.....” ทิฟฟานี่เอ่ยถามเสียงสะบัด เธอค้อนข้างไม่พอใจเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมเครื่องจิ๋วนี่ซักเท่าไหร่ เพราะดูเหมือน มันจะดึงความสนใจของแทยอนไปจากเธอหมด

    “แปปนะทิฟ แทขอคุยกับซูก่อน” พูดจบเจ้าตัวก็เดินเลี่ยงไปคุยอีกทาง ทำเหมือนกับว่ากลัวเธอจะได้ยินในสิ่งที่คุยสียเต็มประดา ทิฟฟานี่เดินย่องเข้าไปด้านหลังคนตัวเล็ก เพียงเพื่อหวังที่จะแอบฟังเนื้อหาในการคุยกันของคนตัวเล็ก แต่อีกคนก็ดูเหมือนจะรู้ทัน เดินวนไปวนมาตลอดจนเธอเลิกเดินตามไปเองนั่นแหละ

    “เจ้าหมาน้อยแทแท นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ว่างวันนี้นอนนอกห้องไปเลยนะ!!” สิ้นสุดคำ แทยอนก็รีบกดวางสายโดยที่ทิฟฟานี่ยังไม่ทันได้นับด้วยซ้ำ และนั่นก็เรียกรอยยิ้มพอใจให้เจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

    แทยอนเดินเข้าไปใกล้ทิฟฟานี่พลางใช้ใบหน้าถูเอาที่ต้นแขนอีกคนอ้อนๆ ทิฟฟานี่ยิ้มเขินเล็กน้อยที่คนตัวเล็กท่าทางแบบนั้นกับเธอ ในขณะที่คนตัวเล็กลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน.....

    นี่เธอต้องปิดบังความจริงเรื่องที่เธอเป็นหลานของตระกูลชเวไปอีกนานแค่ไหนนะ แล้วเพื่อนเธอก็เหมือนกัน เรียนจบการบริหารมาแท้ๆดันจัดการเรื่องที่ควรจัดการได้ไม่เป็น ต้องมาเดือดร้อนเธอคอยช่วยแก้ปัญหาให้ ทั้งๆที่เธอเรียนจบการท่องเที่ยวมาเนี๊ยะนะ ถ้าให้เป็นไกด์พาเที่ยวเหมือนตอนไปเชจูหรือทำทัวร์ให้โรงแรมเหมือนที่เธอเคยทำก็ว่าไปอย่าง ให้ตายซิ ดันมาให้เธอช่วยเรื่องการจัดการในโรงแรมเสียอย่างนั้น

    ถ้าให้เธอจัดการเรื่องทั่วๆไปอย่างดูแลพนักงานหรือตรวจสอบความเรียบร้อยก็ว่าไปอย่าง ดันให้เธอช่วยเรื่องบริหารโรงแรมในเครือ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงแรม จะบ้าตาย เธอเป็นตัวสารพัดใช้หรือไงนะ!!

    “แทแท... จะบอกทิฟได้หรือยัง ว่าแทมีอะไรปิดบังอยู่” ทิฟฟานี่ถามเสียงอ่อน ในขณะที่คนตัวเล็กโอบกอดรอบเอวเธออยู่

    “แทไม่มีอะไรปิดบังเสียหน่อย ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ” แทยอนยังคงปฏิเสธหน้าตาย ทำเอาทิฟฟานี่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ยังไงเธอก็ง้างปากของเจ้าหมาตัวนี้ออกมาไม่ได้ซินะ

    “ไม่มีตรงไหนกัน แล้วที่คุยกับซูบ่อยๆละ?” ทิฟฟานี่พยายามต้อนแทยอนให้จนมุม แต่เจ้าหมาแทๆก้วิ่งหนีไปได้รวดเร็วเสียจนเธอตามจับไม่ทัน

    “คุยกับเพื่อนบ่อยมันผิดด้วยหรอ?”

    .

    .

    .

    .

    หลังจากที่ทิฟฟานี่พยายามง้างปากแทยอนออกมาไม่สำเร็จ เธอจึงต้องลงมือสืบหาความจริงด้วยตัวเอง เจ้าตัวลงทุนแม้กระทั้งจ้างนักสืบมาตามสืบเรื่องชาติตระกูลของคนตัวเล็กเลยทีเดียว

    เธอสงสัย สงสัยมาก และสงสัยมานานแล้ว ถ้าลองนับเรื่องที่เธอสงสัยดู คงจะมีตั้งแรกแรกๆที่แทยอนเข้ามาอยู่ที่บ้านเธอ เรื่องที่เจ้าตัวประกาศขายบ้าน เรื่องที่ไปที่เกาะเชจู เรื่องบ้านพักตากอากาศ เรื่องขับรถ เรื่องนำเที่ยว เรื่องพูดภาษาอังกฤษกับผู้จัดการโรงแรมชเวที่ดูน้อมน้อมเป็นพิเศษ จนมาถึงตอนนี้เธอสงสัยก็เป็นเรื่องที่เจ้าตัวคุยโทรศัพท์บ่อยๆ และเรื่องที่เธอแอบเห็นคนตัวเล็กเข้าไปในห้องทำงานของพ่อเธอบ่อยๆในช่วงหลังๆ

    ทั้งๆที่มีแต่เรื่องน่าสงสัย แต่เธอกลับถามอะไรเอาจากเจ้าตัวไม่ได้เลย จะดูลึกลับจนเกินไปแล้วนะ!!

    พอตอนนี้เธอลองเอากลับมานั่งคิดๆดู เธอแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคนตัวเล็กเลย ทั้งเรื่องที่อยู่ เรื่องครอบครัว เรื่องเรียน เรื่องการงานแม้กระทั้งวันเกิด ราศี สีที่ชอบ กรุ๊ปเลือด ทั้งๆที่มันเป็นอะไรที่ใกล้ตัวเธอมากๆแท้ๆแต่เธอกลับไม่รู้อะไรเลย!!

    ที่เธอรู้จักในตัวแทยอน คงจะเป็นอายุที่เท่ากัน เพื่อนที่เจ้าตัวสนิทสามคน ซึ่งเธอก็ไม่ได้รู้จักหรือสนิทอะไรมาก และชื่อของเจ้าตัวเท่านั้น!!

    .....แล้วแบบนี้ เธอจะยังเชื่อใจและเชื่อมั่นในคำว่ารักของคนตัวเล็กได้ไหมนะ?

    “แทแทคะ.....” ทิฟฟานี่เอ่ยเรียกคนที่นั่งคุยโทรศัพท์ของเจ้าตัวอยู่อย่างนั้น แถมยังกระซิบกระซาบเสียงเบาเสียจนเธอไม่ได้ยิน ทั้งๆที่เรานั่งทานข้าวด้วยกันอยู่ คนตัวเล็กยังกล้าคุยโทรศัพท์กับคนอื่น

    “แปปนะซู.....” แทยอนเอ่ยบอกปลายสายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนรัก “ว่าไงคะ?”

    “แทไม่ได้นอกใจทิฟใช่ไหม?” สิ้นสุดคำพูด ทำเอาแทยอนสำลักน้ำที่เจ้าตัวพึ่งจิบเข้าไปทันที ทิฟฟานี่กำลังคิดอะไรอยู่ อยู่ดีๆถึงได้มาถามว่าเธอนอกใจไหม?

    อย่างเธอเนี๊ยะนะจะนอกใจ ออกจะรักทิฟฟานี่ปานนี้......

    “ทำไมฟานี่ถึงพูดอย่างนั้นละคะ แทจะไปนอกใจทิฟได้ยังไง หืม” แทยอนพูดเสียงอ่อน เธอส่งยิ้มบางๆ พร้อมกับมือที่แตะลงเบาๆที่มือคนรัก

    “ช่วงนี้แทเอาแต่คุยโทรศัพท์ ไม่สนใจทิฟบ้างเลยนี่ ถ้าไม่ได้นอกใจ แล้วทำไมถึงติดโทรศัพท์ตลอด?” ทิฟฟานี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจจนแทยอนจับความน้อยใจในน้ำเสียงได้

    “โอ๋ๆ ทิฟอย่าคิดมากนะคะ แทรักทิฟคนเดียวนะ ” ทิฟฟานี่แทบจะพูดสวนขึ้นมาทันทีที่แทยอนพูดจบ

    “รักแล้วทำไมสนใจไอ้เครื่องสี่เหลี่ยมนั่นมากกว่าทิฟเล่า มีเรื่องอะไรต้องใช้งานมันนักหนา กับซูก็เหมือนกัน คุยกันทุกวันอย่างกับเป็นแฟนกันแหนะ ทิฟถามจริงเถอะแท แทแทกับซู เป็นแฟนกันป่ะ” ทิฟฟานี่พูดประชดเสียคนในโทรศัพท์ที่ได้ยินเสียงถึงกับสะดุ้ง นี่เธอคงจะใช้งานเพื่อนเธอหนักเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

    แทยอนมองโทรศัพท์ในมือเล็กน้อย เธอยกมันขึ้นมาแนบเข้ากับใบหู “ซู แค่นี้ก่อนนะ” ไม่ต้องรอให้แทยอนพูดอะไรเยอะกว่านี้ ซูยองแทบจะรีบวางสายทันทีด้วยซ้ำ

    คนตัวเล็กทอดมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อน

    “เอาเป็นว่า ต่อไปนี้ ถ้าทิฟอยู่ด้วย แทจะพยายามไม่คุยโทรศัพท์นะคะ จะอยู่กับทิฟ คุยกับทิฟ ตามใจทิฟทุกอย่างเลย ดีไหม?” ทิฟฟานี่ขมวดคิ้วมุ่น เท่าที่เธอฟังคนตัวเล็กพูด ยังไงซะ แทยอนก็ยังจะคุยโทรศัพท์อยู่ดี แต่อย่างน้อยเจ้าตวก็คิดที่จะทำตามใจเธอบ้างละนะ

    “ก็ได้ พูดอะไรไว้ จำไว้ด้วยแล้วกัน....” แทยอนยิ้มหวาน

    “ค้า....สัญญาเลยเอา..” ทิฟฟานี่หรี่ตาลงทันทีที่ได้ยิน

    “สัญญาแล้วนะ งั้นแทก็คงรู้ซินะคะ ว่าทิฟไม่ชอบคนโกหก” แทยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก รู้สึกเสียวสัญหลังขึ้นมาแปลกๆทันที เธอแทบไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าทิฟฟานี่รู้เรื่องราวทั้งหมดของเธอ เจ้าตัวจะทำยังไงกับเธอ.......

    ............................................................

    อันนยองฮาเซโยค้า...... ซึนกีกลับมาแล้ว

    ช่วงนี้จะมาไวไปไหม? ดีใจไหมเอ่ยที่ได้อ่านอีกแล้ว 5555+

    เรื่องยังคงดำเนินความเจ้มมมจ้นนน !! ปัญหายูลสิกก็พึ่งจะแก้ ซึนกีหางานใหม่ใส่แทนี่อีก

    เหอๆ คราวนี้แทงานเข้า ใครจะช่วยได้ละนี่?

    ติดตามอ่านตอนหน้าเลยแล้วกันนะคะ ^^

    อ่านแล้วคอมเม้นด้วยน๊า~

                                                                                                                               BY: ฮันซึนกี


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×