คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : SNSD&WG:คุณหนูไฮโซกับยัยสัตว์เลี้ยง 32
32
หลังจากที่ทั้งหมดมาพำนักรวมกันที่เกาะเชจูมาเกือบอาทิตย์ ต้นเหตุที่ทำให้ทั้งหมดต้องมาอยู่บนเกาะเชจูอย่างยูริและเจสสิก้าก็บ่นออกมาว่าอยากกลับบ้านเสียอย่างนั้น และเมื่อเยอึนถามน้องสาวตัวเองว่าพร้อมแล้วหรือสำหรับการเผชิญหน้า เจ้าตัวกลับทำหน้าเสีย เสียจนคนถามสงสารจับใจ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็พยักหน้าลงเพื่อบอกกับคนถามว่าเธอพร้อมแล้ว
ถึงแม้สีหน้าของยูริจะดูเหมือนกำลังหวาดกลัว แต่แววตาของเจ้าตัวกลับมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม และแล้วทั้งหมดก็ได้ฤกษ์เคลื่อนขบวนกลับโซลเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหาของคู่รักน่าปวดหัวอย่างยูริและเจสสิก้า
ทันทีที่กลับถึงโซล ยูริก็เอ่ยปากออกมาว่าไม่อยากกลับบ้าน ทำเอาเยอึนแทบล้มทั้งยืน ทั้งๆที่น้องสาวเธอบอกว่าเตรียมตัวจะรับปัญหาแล้วเชียว แต่ทำไมถึงกลับบอกว่าไม่อยากกลับบ้านซะงั้น
“พี่ก็ พึ่งกลับมาถึง ใครเขาจะมีแรงไปสู่รบปรบมือกับตาลุงนั่นได้เล่า!!” ยูริเอ่ยเสียงสะบัด แถมยังลากกระเป๋าและจูงมือคนรักอย่างเจสสิก้าขึ้นไปบนห้องคอนโดของซอนเยเสียอย่างนั้น ทำเอาเยอึนมึนไปพักใหญ่ และกว่าที่เธอจะรู้ตัว น้องสาวเธอก็นอนกางมือกางขาอยู่บนที่นอนของเธอในห้องคอนโดเป็นที่เรียบร้อย.....
“ยูล แกจะนอนนี่ก็ได้นะ แต่แกต้องนอนโซฟา!!” เยอึนยื่นคำขาดพร้อมทั้งกระตุกแขนน้องสาวขึ้นมาจากเตียง
“เยอึน วันนี้เธอก็ต้องไปนอนโซฟาข้างนอกกับน้องเธอนะ เพราะฉันจะให้สิก้านอนเตียง” ซอนเยเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เยอึนดึงยูริขึ้นมาจากเตียงเป็นที่เรียบร้อย ทำเอาเจ้าตัวอ้าปากกว้างขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา นอกจากจูงมือน้องสาวออกไปนอนที่โซฟา
“เพราะแกแท้ๆเลยยูล ฉันเลยอดนอนกอดซอนเยเลย..” เยอึนบ่นอุบ ยูริได้แต่ยิ้มแหยๆไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้
แหม...เธอก็อดนอนกอดเจสสิก้าเหมือนกันนะ เธอยังไม่บ่นเลย....
.
.
.
.
เยอึนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเธอมองไปบนพื้นข้างๆกายด้วยความแปลกใจ เมื่อคืนนี้กว่าเธอจะนอนได้ก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง เพราะมัวแต่ทะเลาะแย่งกันนอนบนโซฟากับน้องสาว และสุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ซักที พวกเธอก็ลงมานอนเอาบนพื้นตรงหน้าโซฟาแทน แต่บัดนี้น้องสาวที่ควรจะอยู่ข้างๆกายกลับหายตัวไปเสียอย่างนั้น เธอเดินไปดูตามที่ต่างๆในห้องรวมถึงในห้องนอนที่เธอคิดว่าเจ้าตัวอาจเข้ามาหาคนรักก็กลับไม่เจอเงาของยูริ หากแต่กลับเจอเพียงซอนเยคนรักของเธอและเจสสิก้าเท่านั้น พอเจ้าตัวจะเดินออกไปด้านนอกก็เจอเข้ากับกระดาษที่แปะเอาไว้ตรงประตูห้องนอนด้านใน
เยอึนหยิบมันมาอ่านแล้วก็ต้องตกใจ จากเดิมที่ต้องการให้คนรักของเธอและเจสสิก้านอนพักต่ออีกซักหน่อย เจ้าตัวก็ต้องรีบปลุกให้ลุกขึ้นมาจากที่นอนอย่างเร่งด่วน เมื่อกระดาษที่เธอพบนั่นเขียนข้อความบ่งบอกเอาไว้ว่า..... ยูริ กำลังเดินทางไปเผชิญกับปัญหาคนเพียงลำพังคนเดียว
‘ยูลจะไปคุยกับพ่อ ยูลไม่อยากให้เจสต้องไปเดือดร้อนกับยูล ฝากพี่เยอึนช่วยดูเจสให้ยูลด้วยนะคะ’
.
.
.
.
ยูริเดินเข้าบ้านตัวเองด้วยความไม่มั่นในใจ ในใจเอาแต่สวดภาวนาให้เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี เธอมองกวาดตาไปทั่วบ้านก็พบว่าบิดาของเธอกำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ลมหายใจถูกเจ้าตัวสูดเข้าไปลึกๆเพื่อเรียกความกล้ากลับมาให้ตัวเอง และเมื่อทั้งคู่เผชิญหน้ากัน ชายสูงวัยก็เอ่ยถามลูกสาวเขาด้วยความสงสัยทันที
“กลับมาแล้วหรอ หนูยุนละ พวกแกไม่ได้กลับมาพร้อมกันหรอกหรอ” ยูริส่ายหน้าช้าๆเป็นคำตอบ เธอไม่ได้โกหก ถึงพวกเธอจะไปด้วยกันก็จริง แต่ตอนขากลับ เธอกลับมากับรถของเยอึน และออกมาก่อนพวกนั้นเกือบชั่วโมง
“ไอ้ยูล แกเป็นพี่ประสาอะไรไม่ดูแลน้องฮึ หนูยุนอาเป็นคู่หมั้นของแกนะ” ชายสูงวัยเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย ทั้งๆที่เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นยูริมีท่าทางรักชอบกับลูกสาวเพื่อนเขาหลังจากที่เขาอนุญาติให้ทั้งคู่ไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันได้ และลืมผู้หญิงอีกคนที่ยูริบอกว่ารักนักรักหนาไปเสียที
ยูริสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคง “พ่อ ยูลอยากถอนหมั้น” ชายสูงวัยถึงกับเซไปทันทีที่ได้ยินคำที่ลูกสาวของเขาพูด เขาเดินไปนั่งลงที่โซฟาช้าๆโดยเอามือกุมที่ตำแหน่งหัวใจของเขาเอาไว้
รู้สึกเจ็บที่หัวใจหน่วงๆกับคำพูดทำร้ายจิตใจของลูกสาว........
“ไอ้ยูล!! แกอยากให้ฉันอกแตกตายหรือไง แกถึงได้กล้าพูดแบบนี้กับฉัน!!” เสียงตวาดเสียงดังที่มาพร้อมกับหนังสือที่ปลิววอนมาปะทะกับตัวยูริ ทำเอาคนที่กำลังเดินเข้ามาในตัวบ้านอย่างยุนอาถึงกลับชะงัก เธอมองดูยูริที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความเห็นใจก่อนจะหันกลับไปมองคุณลุงควอนอย่างหนักใจ
“สวัสดีคะ คุณลุง” ยุนอาโค้งตัวลงเล็กน้อยทักทายชายสูงวัยที่ทำหน้าเสียลงเล็กน้อย
“หนูยุน มาตั้งแต่เมื่อไหร่....ทำไมไม่กลับมาพร้อมกับพี่เขาละ” ยุนอายิ้มแหย เธอหันไปมองยูริที่หลบสายตาเธอไปอย่างรวดเร็ว ยุนอารู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อยที่เธอต้องเป็นคนมาช่วยยูริออกจากสถาณการณ์ไม่สู้ดีอย่างนี้ทุกครั้ง เธอเองก็กลัวเหมือนกันนะ นี่ถ้าพี่เจสสิก้าไม่โทรมาร้องห่มร้องไห้ขอให้เธอช่วย เธอก็ไม่มาหรอก
...นี่เจ้าตัวจะรู้หรือเปล่านะว่าทำให้ใครเขาเดือดร้อนกันไปกี่คน!!
“พอดียุนติดธุระนิดหน่อยคะ เลยบอกให้พี่ยูลกลับมาก่อน” ยุนอาเอ่ยตอบเสียงนอบน้อม ซึ่งคุณควอนก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“หนูยุนอยู่คุยกับพี่เขาไปก่อนนะลูก เดี๋ยวลุงขอขึ้นไปด้านบนก่อน” เขาเอ่ยน้ำเสียงใจดีกับยุนอา ก่อนจะหันมามองลูกสาวของเขาด้วยหางตา “ฉันจะคิดว่าฉันไม่เคยได้ยินมัน และแกก็ไม่ต้องพูดถึงมันอีก!!” คุณควอนเอ่ยเสียงเรียบ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและกำลังจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน แต่กลับต้องชะงักเพราะเสียงที่เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่พูดไม่ได้หรอกนะพ่อ น้องมันไม่ได้รักกัน ยังไปบังคับอีก” ชายสูงวัยหันกลับมามองเสียงคุ้นเคยที่เขาไม่อยากได้ยินมันอย่างหัวเสีย และเขาก็ไม่มีทางจำเสียงนี่ผิดแน่ๆ เสียงของลูกสาวเขาอีกคน เสียงของเยอึน...
“แก... ใครปล่อยให้มันเข้าบ้าน!! ลากมันออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!!” คุณควอนตะโกนลั่นบ้านเรียกให้คนของเขาลากตัวลูกสาวอีกคนออกไป หากแต่ไม่มีใครกล้าที่จะกระดิกตัว
“พ่อ.....”
“แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ!! ฉันไม่มีลูกอย่างแกตั้งแต่ที่แกขนเสื้อผ้าออกจากบ้านไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นแล้ว!!” ชายสูงวัยพูดอย่างหัวเสีย แววตาของเขามีแววเจ็บปวดที่เยอึนมองเห็นมันได้ชัดเจน คงเป็นเพราะเธอ พ่อเธอถึงได้มีแววตาเช่นนั้น
“ตาแกหัวดื้อ เลิกดื้อได้แล้ว.... มันน่าเบื่อขนาดไหนรู้ไหมที่ต้องมาคอยนั่งเถียงกับลุงน่ะ” น้ำเสียงยียวนกวนโทสะเอ่ยขึ้นมาทำเอาคุณควอนกัดฟันกรามแน่น เขาหันไปมองคนพูดด้วยความไม่สบอารมณ์
“ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แกกล้าพูดกับคนอาวุทโสแบบนี้เลยเรอะ” ยูบินยิ้มกริ่ม ดูกวนอารมณ์คนมอง
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ จุ๊ ไม่เอาน่าลุง ลุงก็รู้นี่ว่าฉันเคารพลุงมากแค่ไหน ฉันจะกล้าทำให้ลุงไม่พอใจได้ยังไง” น้ำเสียงที่เอ่ยยังคงความยียวนเอาไว้อย่างต่อเนื้อง ทำเอาเยอึนต้องแตะแขนเพื่อนเพื่อปรามเพื่อนเอาไว้บ้าง ยูบินถอนหายใจเล็กน้อย ก็เพื่อนเธอเป็นซะอย่างนี้ไงเล่า ถึงได้ไม่เด็ดขาดกับตาลุงนี่ซักที
“พ่อให้ยูลมันถอนหมั้นกับยุนเถอะคะ” คุณควอนจ้องหน้าลูกสาวคนโตของเขาเขม็ง ก่อนจะหันกลับไปมองยุนอา
“หนูยุนไม่ต้องไปฟังเจ้าพวกนี้มันนะ ไม่มีใครถอนหมั้นกับหนูทั้งนั้นแหละ” ชายสูงวัยพูดให้กำลังใจยุนอาด้วยความที่เขาเข้าใจว่ายุนอาจะต้องรู้สึกแย่มากแน่ๆที่อยู่ๆก็มีใครก็ไม่รู้มาบอกว่าให้ยูริถอนหมั้นกับเธอ
ยุนอาส่ายหน้าเล็กน้อย “คุณลุงไม่ต้องกลัวยุนจะเข้าใจผิดหรอกคะ ความจริงคือ ยุนเป็นคนขอถอนหมั้นพี่ยูลเอง” สิ้นสุดคำพูดของยุนอาทำเอาชายสูงวัยถึงกับเซเสียหลัก มือของเขาถูกยกขึ้นมากุมไว้ตรงตำแหน่งหัวใจอีกครั้ง
“ทำไม.... เพราะเด็กนั้นหรือเปล่า? ไอ้ยูล แกพาไอ้เด็กนั้นไปรังควานหนูยุนเขาหรอ!!” คุณควอนเริ่มพานใส่คนอื่นไปทั่ว เมื่อสิ่งที่เขาหวังไม่เป็นไปดังที่เขาคิด ยูริที่ยืนเงียบอยู่นานอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีที่ได้ยินพ่อของตัวเองว่าร้ายคนรัก ทำไม?อะไรที่มันไม่ดี พ่อเธอถึงได้โทษเจสสิก้าไปเสียหมดนะ
“เจสไม่ใช่คนแบบนั้น!! เธอไม่เคยไปรังควานใคร แต่ยูลไม่ได้รักยุนต่างหากคือเหตุผลที่ยูลอยากถอนหมั้น!!” ยูริพูดออกมาเสียงดัง ชายสูงไว้กำมือตัวเองแน่นในตำแหน่งหัวใจ สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนัก
“แก...ยูล ....แกอยากให้ฉันตายจริงๆใช่ไหม?” ร่างสูงทรุดลงกับพื้น ทำเอายูริวิ่งไปประคองแทบไม่ทัน “ปล่อย!! แกไม่ต้องมาสนใจฉัน!!” มือของยูริถูกชายสูงวัยปัดออกไปแรงๆ เขาคว้ามือตัวเองจับราวบันได้ใกล้ๆเพื่อพยุงตัวขึ้นโดยมีสายตาเป็นห่วงจากยูริ และเยอึนคอยมอง และดูเหมือนว่าสภาพร่างกายของเขาจะไม่ไหว เมื่อเขาล่วงลงไปนั่งลงกับพื้นพร้อมสติที่เลือนราง ยูริและเยอึนรีบประคองคนแก่หัวรั้นไปโรงพยาบาลทันที.....
.
.
.
.
“พี่เยอึน ทำไงดี.....” ยูริเอ่ยน้ำเสียงกังวล เมื่อเธอออกมาจากห้องของแพทย์ เมื่อครู่แพทย์ที่เข้าไปรักษาพ่อของเธอเอ่ยบอกให้เธอและเยอึนเข้ามาคุยเรื่องอาการของพ่อเธอในห้อง และสิ่งที่ทำให้เธอแทบล้มทั้งยืนก็คงเป็นคำที่แพทย์เอ่ยบอกกับเธอว่า.... พ่อของเธอเป็นโรคหัวใจ และต้องการการผ่าตัดอยางเร่งด่วน
“พี่จะให้พ่อผ่าตัด แต่ตาแก่นั่นจะยอกหรือเปล่าก็ไม่รู้” เยอึนเอ่ยเสียงเครียดไม่แพ้กัน
“ไม่ยอมก็ต้องยอมละพี่ ยังไงซะฉันก็จะทำให้พ่อยอมให้ได้” ยูริพูดเสียงมาดมั่น เยอึนมีสีหน้ากังวลใจเล็กน้อยแต่เธอก็เชื่อมั่นในตัวน้องสาว
“พี่เยอึน ฉันว่าพี่อยู่ข้างนอกเถอะ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปคุยเรื่องนี้กับพ่อเอง” ยูริเอ่ยเสียงแผ่ว เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วยที่คุณควอนพักอยู่ เยอึนพยักหน้ารับ เธอเองก็ไม่อยากเข้าไปตอนนี้ เพื่อที่จะให้พ่อเธออาการกาเริบหรอก
ยูริเข้าไปในห้องไม่นาน ซอนเยและเจสสิก้าก็เดินทางมาถึง ทำให้ตอนนี้หน้าห้องพักมีคนยืนอยู่ถึงห้าคน และเป็นห้าคนที่ดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี ยูบินที่เริ่มรำคาญสายตาของคนอื่นเอ่ยกับเยอึนเสียงเครียด
“เจ้าพวกนั้นคงไม่ได้คิดว่าฉันยิงใครเขาหรอกนะ ถึงได้มองอย่างนั้น” เยอึนหัวเราะในลำคอเล็กน้อย
“เขาไม่คิดอะไรกันอย่างนั้นหรอก พี่รำคาญสายตาอย่างนั้นหรอพี่ยูบิน” ยุนอาเอ่ยถามและแทนคำตอบคือการพยักหน้ารับของยูบิน ซอนเยที่สังเกตุอาการของเยอึนอยู่นานแตะที่แขนเยอึนเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรนะ” เยอึนยิ้มเซียวๆให้คนรัก ซอนเยคงจะรู้ว่าเธอกำลังกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องพ่อของเธอ จึงอยากให้กำลังใจ
....ประตูห้องถูกเปิดออกมาพร้อมกับยูริที่หายเข้าไปในห้องเกือบชั่วโมง ทันทีที่เยอึนเห็นน้องสาวก็รีบปรี่เข้าไปหาทันที ไม่ต่างจากเจสสิก้ามากนัก
“พ่อเป็นไงบ้าง ท่านยอมหรือเปล่า?” ยูริพยักหน้าลงเล็กน้อย
“ยอม ยูลเซ็นยินยอมให้หมอผ่าตัดไปเรียบร้อยแล้ว” ยูริพูดเสียงแผ่ว เธอหันไปมองเจสสิก้าเล็กน้อย ก่อนจะคว้าดึงคนรักเข้ามากอด
“ยูลขอโทษนะเจส มันจำเป็นจริงๆ” เจสสิก้ายิ้มเซียวๆ ถึงแม้ยูริจะไม่ได้บอกอะไรเธอเลย แต่เธอก็พอจะรู้ดีว่าคำขอโทษของอีกคนหมายถึงอะไร
“ไม่เป็นไรหรอกยูล ทำในสิ่งที่ยูลคิดว่าดีที่สุดเถอะ” ยูริน้ำตาคลอ เธอเอ่ยอะไรไม่ออกจริงๆในตอนนี้ เยอึนหันไปสบตากับคนรักแล้วถอนหายใจออกาเฮือกใหญ่
“ขออย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลย......”
.
.
.
.
เจสสิก้ามีอาการซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวไม่ได้เจอยูริมาเป็นเวลาเกือบอาทิตย์เข้าไปแล้ว ทั้งไม่ได้คุย และไม่ได้เห็นหน้า และจากที่เธออาศัยอยู่ที่คอนโด เจ้าตัวก็ขนเสื้อผ้าย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านตระกูลฮวังแทน....
ทิฟฟานี่มองพี่สาวตัวเองด้วยอาการเป็นห่วง ไม่ต่างจากยูบินที่ออกอาการเป็นห่วงเจสสิก้าอย่างเห็นได้ชัด เธอสงสารเจสสิก้า เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากเยอึนว่าเหตุที่ตาแก่หัวดื้อยอมเข้ารับการผ่าตัดง่ายๆนั่นก็เพราะ ยูริสัญญาว่าจะไม่ถอนหมั้นกับยุนอา เจสสิก้าก็คงจะรู้ดี และเข้าใจในการตัดสินใจของคนรัก ก็เพราะเรื่องนี้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอแค่สองคนอีกต่อไปแล้ว แต่มันขึ้นอยู่กับชีวิตของผู้เป็นที่รักของคนรักเธออีกคน..... พ่อของยูริ.....
แทยอนมองเจสสิก้าที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด เธอหันไปมองทิฟฟานี่คนรักของเธอชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับไปมองเจสสิก้าอีก.... ดูเหมือนว่า ถ้าเจสสิก้าไม่มีความสุข ทิฟฟานี่ก็จะไม่มีความสุขด้วย เธอจะทำยังไงดี เธอไม่อยากเห็นคนรักของเธอมีอาการซึมเศร้าติดต่อจากเจสสิก้าแบบนี้นะ และไวเท่าความคิด แทยอนก็กระซิบลงที่ข้างหูของทิฟฟานี่ เรียกรอยยิ้มจากเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
“นั่นซิ ทำไมทิฟถึงไม่คิดถึงนะ พี่ยูลมาหาพี่สิก้าไม่ได้ เราก็พาพี่สิก้าไปหาพี่ยูลแทน” ทิฟฟานี่รีบเดินไปลากตัวเจสสิก้ากลับเข้าห้องเพื่อให้เจ้าตัวแต่งตัว ก่อนจะลากเจ้าตัวไปโรงพยาบาล
.
.
เจสสิก้ามองแผ่นหลังของยูริจากทางด้านหลัง เธอไม่กล้าที่จะเข้าไปหาคนรักของเธอ ถึงแม้เธอจะคิดถึงขนาดไหนก็ตามแต่ ทำเอาคนที่อยากให้เจสสิก้าสดใสขึ้นอย่างทิฟฟานี่และแทยอนออกอาการเซงไปตามๆกัน แต่อย่างน้อย พวกเธอก็ได้เห็นรอยยิ้มของเจสสิก้าเป็นครั้งแรกในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมาเลย
.....ถึงแม้รอยยิ้มนั่น จะเป็นรอยยิ้มที่เซียวมากแค่ไหนก็ตาม.....
เจสสิก้ามองเพียงแค่แผ่นหลังของยูรินานแค่ไหนไม่รู้ แต่มันก็นานพอที่จะทำเอาทิฟฟานี่ออกอาการเซงที่มากขึ้นไปอีก พี่สาวเธอไม่กล้าที่จะเข้าไปทัก เธอจะเข้าไปคุยก็ไม่ให้เข้าไป เอาแต่มองตามเพียงแค่แผ่นหลังอยู่ห่างๆ และเดินตามห่างๆเหมือนพวกโรคจิตยังไงอย่างนั้น แถมพี่ยูริก็ช่างเป็นคนที่มีความรู้สึกช้าได้โล่ มีคนเดินตามหลังมาเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่รู้ตัวอีก
แต่เอ๊ะ.... พี่ยูริจะเดินไปเดินมาทำไมในโรงพยาบาลนะ ทำไมไม่เข้าไปนั่งเฝ้าคุณลุงควอนในห้อง?
“ไปเถอะ ฟานี่” เจสสิก้าพูดเสียงแผ่ว มือเรียวแตะลงที่แขนทิฟฟานี่แผ่วเบา
“พี่จะไม่เข้าไปคุยกับพี่ยูลจริงๆหรอพี่สิก้า” ทิฟฟานี่ถามอย่างสงสัย แต่ได้คำตอบมาเป็นการส่ายหน้าของเจสสิก้า
“แค่เห็น.... ว่ายูลสบายดี ก็พอแล้วละ” พูดจบเจ้าตัวก็เดินนำไปยังลานจอดรถทันที ทิฟฟานี่หันมามองหน้าแทยอนแล้วถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน
“งั้นเราพาพี่สิก้าไปเที่ยว ไปช็อปปิ้ง ไปดูหนังลืมความเศร้ากันดีไหม?” แทยอนเสนออีกทางเลือกที่จะทำให้เจสสิก้ามีรอยยิ้มบนใบหน้า ทิฟฟานี่พยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นพาพี่สิก้าไปช็อปปิ้งกันเถอะ....”
.
.
ทิฟฟานี่เดินดูโน้นดูนี่อย่างสนใจ หากแต่เจสสิก้าก็ยังคงเดินทำหน้าเศร้าอยู่อย่างนั้น ถึงแม้เจ้าตัวจะจับโน้นหยิบนี่ขึ้นมาดูบ้างก็เถอะ แทยอนสะกิดคนรักให้ดูอาการของเจสสิก้า และนั่นก็ทำเอาทิฟฟานี่เลิกสนใจของอย่างอื่นไปเลย เธอเอาแต่เดินตามหลังเจสสิก้าไปเรื่อยๆ และเมื่อพี่สาวเธอยังคงมีใบหน้าโศกเศร้าดังเช่นเดิม ทิฟฟานี่จึงลากพี่สาวเข้าไปดูหนังตลกในโรงหนังหวังจะให้พี่สาวได้หัวเราะ แต่มันช่างตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอคิดเหลือเกิน เมื่อพี่สาวเธอกลับนั่งร้องไห้ ในขณะที่คนอื่นเขานั่งหัวเราะกัน!!
นี่เธอคิดผิดใช่ไหมนี่ ที่พาพี่เธอออกมาข้างนอกแบบนี้.....
.
.
.
.
ยูริถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาดูและลูบไล้นิ้วมือลงไปบนรูปพักหน้าจอโทรศัพท์ รูปของเธอและเจสสิก้า.... น้ำตาแทบไหลออกมาเพียงแค่คิดว่าเธออาจจะไม่ได้ใกล้ชิดกับคนที่เธอรักอีกแล้ว ยูริเงยหน้าขึ้นมองบนเพดานเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมา ละนั่นก็หาได้รอดพ้นสายตาของคุณควอนที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย
นี่เขาผิดหรือเปล่านะ ที่ขโมยความสุขมาจากลูกสาวเขา.....
เขาเองก็พอจะรู้สึกได้ว่าตั้งแต่ที่เขาเข้าโรงพยาบาลมา ยูริเองดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่ไม่มีความสุขเพราะเขาป่วย แต่ไม่มีความสุขเพราะเขาสั่งให้เลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นต่างหาก....
ถึงแม้ลูกสาวเขาจะยอมทำตามที่เขาพูด ไม่โทรไป ไม่ติดต่อ ไม่ไปหาผู้หญิงคนนั้น แต่ถึงอย่างนั้นทุกครั้งที่ลูกสาวเขาคิดว่าเขาหลับ ยูริก็จะนั่งมองรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัว และทุกครั้งที่ลูกสาวเขามองภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือ ก็จะมีอาการอย่างที่เขาเห็นวันนี้ อาการเงยหน้าขึ้นมองเพดาน เพื่อที่จะกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่มันคงจะไม่ได้ช่วยอะไรมากซักเท่าไหร่ เมื่อหยาดน้ำใสก็ยังคงรินไหลออกจากดวงตาคู่นั้นอยู่ดี
ยูริปาดน้ำตาออกไปลวกๆ เธอยิ้มบางๆให้ตัวเองเล็กน้อย วันนี้ ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า ว่ามีเจสสิก้าอยู่ใกล้ๆ และนั่นก็ทำเอาเธอบ้าบอขนาดเดินไปเดินมาในโรงพยาบาลเสียหลายชั่วโมง เพียงเพราะแค่อยากให้ความรู้สึกที่ว่ามันอยู่กับเธอนานๆ และถึงแม้เธอจะพยายามโกหกตัวเองมากแค่ไหน ว่าเจสสิก้าอยู่ใกล้ๆเธอ อยู่กับเธอ หรือแม้แต่อยู่ในที่แห่งเดียวกับเธอ และเธอเองก็พยายามมองหาเจสสิก้า เพียงแค่อยากให้สิ่งที่เธอคิดมันเป็นความจริง แต่เธอก็พบเพียงแค่ว่า เจสสิก้าไม่ได้อยู่กับเธอ และเธอเพียงแค่คิดไปเองเท่านั้น......
สุดท้ายเธอก็มานั่งโกหกตัวเองว่า อย่างน้อยเธอก็ได้หายใจในโลกใบเดียวกับคนรัก มองท้องฟ้าผืนเดียวกับคนรัก และรับรู้ถึงความรู้สึกรักของคนรักเธอจากในนี้... ในหัวใจของเธอเอง และเธอก็รู้ว่า เจสสิก้าก็คงจะรู้สึกเชกเช่นเดียวกันกับเธอ....
“พระเจ้าคะ ถ้าชาตินี้ลูกไม่ได้อยู่ด้วยกันกับคนรัก ชาติหน้าลูกขอให้เราได้อยู่ด้วยกันได้ไหม......” ยูริเปรยกับตัวเองเสียงแผ่ว น้ำตาที่เจ้าตัวเช็ดมันออกไปเมื่อครู่รินไหลลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เจ้าตัวกลับปล่อยให้มันไหลไปอย่างนั้น....
.
.
.
.
แทยอนเกิดอาการอ้าปากค้าง เมื่อน้ำสีอำพันในแก้วใบใสไหลลงคอผ่านริมฝีปากบางของเจสสิก้าไปอย่างรวดเร็ว และเธอจะไม่ออกอาการแบบนี้แน่ๆถ้ามันเป็นน้ำผลไม้ หรือน้ำหวาน หากแต่ว่าเจ้าน้ำนั่นมันกลับกลายเป็นน้ำเมา!! น้ำที่มีส่วนผสมของแอลกอฮออล์อยู่เต็มเปี่ยม นั่นก็เพราะ เจ้าตัวเล่นกินมันเข้าไปเพียวๆโดยที่ไม่ผสมกับอะไรเลย แม้แต่น้ำแข็งยังไม่ใส่ลงไปด้วยซ้ำ!! ในขณะที่เธอและทิฟฟานี่ได้แต่นั่งมองด้วยความเป็นห่วง
ทั้งเธอและทิฟฟานี่ถูกเจสสิก้าลากออกมาจากห้างหลังจากที่หนังจบลง และเจสสิก้าที่ดึงแย่งกุญแจรถจากเธอไปก็ขับรถมาที่ผับของพี่ยูบินและเริ่มดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงแม้เธอและทิฟฟานี่จะเอ่ยปรามและดึงแย่งแก้วใส่น้ำสีอำพันนั่นจากมือเจ้าตัวมาก็ตาม เจ้าตัวก็ไปคว้าเอาแก้วใหม่มาใส่ดื่มต่อหน้าตาเฉย ทำเอาทั้งเธอและทิฟฟานี่มองหน้ากันเลิกลั่ก และยังเผื่อแผ่ไปมองยูบินที่ยืนมองอยู่หลังเค้าเตอร์อย่างเป็นห่วง
พอเธอจะเอ่ยปากอะไรกับพี่ยูบินเจ้าตัวก็เอาแต่จุ๊ปากให้เธอเงียบ แถมยังคอยเติมเหล้าให้กับเจสสิก้าอีกต่างหาก นี่เขาคิดอะไรของเขาอยู่นะ!!
สุดท้าย เจสสิก้าที่ดื่มเหล้าเข้าไปเกินลิมิตก้ฟุบหน้าลงกับเค้าเตอร์ ในขณะที่ยูบินยิ้มกริ่มขึ้นมาก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาใครบางคน ไม่นานนัก ยูริก็โผล่เข้ามาในร้านอย่างรวดเร็วและอุ้มเจสสิก้าขึ้นไปยังชั้นสองของร้านทันที...
แทยอนหันมามองยูบินที่ยกไหล่ขึ้นเล็กน้อยด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“นี่พี่กะจะทำอย่างนี้อยู่แล้วซินะ พี่ยูบิน” เป็นทิฟฟานี่ที่เอ่ยขึ้น ยูบินทำเพียงยิ้มกว้างส่งกลับมาให้และหันไปผสมทำอะไรซักอย่างใส่แก้วผสมเหล้าด้านหลัง ก่อนจะหันกลับมายื่นให้เธอและทิฟฟานี่คนละแก้ว....
“ดื่มซะ แล้วเงียบไว้ อย่าบอกกับสิก้าเชียวว่ายูลมันมาหาน่ะ” แทยอนและทิฟฟานี่พยักหน้าลงแทบจะพร้อมกันทันที
.........................................................................
อันนยองฮาเซโยค้า.....ซึนกีมาแล้ว มารวดเร็วปานสายฟ้า
นั่นก็เพราะกำลังเร่งให้จบเรื่องเร็วๆจะได้รู้จำนวนหน้าที่ชัดเจนซักทีน่ะคะ ^^
อืมๆ.......รู้สึกไหม ว่าหลังๆมานี้ เรื่องมันจะเริ่มเจ้มจ้น (เข้มข้นย่ะไม่ใช่เจ้มจ้น ทำเป็นเด็ก3ขวบเชียว><")
อื่มๆ รีดเดอร์คงจะต้องอ่านเรื่องปวดตับไปอีกซัก2-3ตอนแหละคะ เพราะมันจะจบแล้ว
ปมที่ผูกก็ต้องเริ่มแก้ทีละปม (หลังจากนั้นค่อยแก้ปลดกระดุม!! O_o">>>ไม่ใช่ละ)
พอจบปัญหาของยูลสิก ก็ต้องมาตามต่อด้วยปัญหาของแททิฟ (ใช่ไหม?!!)
อุอุ...อ่านไปเถอะคะ ไม่กวนแล้ว จะเอาเวลาไปปั่นฟิคต่อ ฮี่ ฮี่
เหมือนเดิมแล้วกันนะคะ อ่านให้สนุกแล้วขอคอมเม้นด้วยน๊า~
BY:ฮันซึนกี
ความคิดเห็น