คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : SNSD&WG:คุณหนูไฮโซกับยัยสัตว์เลี้ยง 31
31
ทิฟฟานี่ตื่นขึ้นมาในยามเช้าหากแต่กลับไม่เจออีกคนข้างกาย เธอสะลึมสะลือลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินออกหาคนรักไปตามทาง แล้วก็เห็นแทยอนยืนคุยกับชายหนุ่มผิวสีเข้มที่กำลังส่งตะกร้าอะไรบางอย่างมาให้ ทำเอาทิฟฟานี่ที่ตั้งใจจะเอ่ยเรียกหยุดมองดูอย่างกะทันหัน
ชายคนนั้นโค้งตัวลงให้แทยอนอย่างนอบน้อม ในขณะที่คนตัวเล็กเอาแต่ยิ้มและเอ่ยกับชายคนนั้นอีกสองสามประโยค และถ้าฟังไม่ผิด เธอว่าเมื่อกี้นี้แทยอนพูดเป็นภาษาอังกฤษ!!
ทิฟฟานี่ย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธออยู่กับแทยอนตลอดเวลาก็จริง หากแต่ไม่รู้เรื่องะไรเกี่ยวกับคนตัวเล็กเลย และถ้าให้เธอลองคิดดู คนที่มีพ่อติดการพนันจนต้องเป็นหนี้พ่อเธอ แล้วเข้ามาอยู่ในบ้านเธอเพื่อแลกกับหนี้ที่พ่อของเขาสร้าง ไม่น่าจะดูเหมือนคนมีอำนาจสั่งการผู้ชายผิวสีเข้มเมื่อกี้ได้นะ!!
นั่นเพราะถ้าเธอจำไม่ผิด ชายคนนั้นเขาเป็นผู้จัดการโรงแรมชเวที่เมื่อคืนนี้ที่เธอไปกินอาหารที่นั่นและเขาก็เป็นชาวฮ่องกง ทำให้ไม่ถนัดพูดสื่อสารเป็นภาษาเกาหลี เขาจึงพูดสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษที่เขาถนัดมากกว่า เธอว่าเธอจำไม่ผิดคนนะ ก็เขามาต้อนรับพวกเธอเองเลยนี่นา....
ตอนแรกเธอก็คิดแค่เพียงว่า เขาคงจะจำได้ว่ากลุ่มพวกเธอมีแต่ลูกคนรวย คนมีชื่อเสียงเลยมาต้อนรับและรับรองเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้เธอกลับคิดอีกอย่าง....
อีกอย่างที่เธอต้องสืบให้รู้ให้ได้ ว่าตกลงแล้วแทยอนเป็นใคร มีฐานะไหนกันแน่ เพราะดูท่าทางแล้ว แทยอนคงไม่ใช่แค่คนธรรมดา ไม่ใช่คนที่เป็นแค่ลูกหนี้ของพ่อเธอแน่ๆ ....
คนตัวเล็กมีอะไรปิดบังเธอออยู่อย่างนั้นหรอกหรอ?
แทยอนเดินกลับเข้ามาในบ้าน นั่นทำให้คนที่แอบมองอยู่อย่างทิฟฟานี่วิ่งเข้าไปในตัวบ้านแทบไม่ทัน ก่อนที่เจ้าตัวจะแกล้งทำเป็นเดินงัวเงียออกมาแทน
“อื้อ แทแท....หายไปไหนมา” ทิฟฟานี่เอ่ยถามเสียงงัวเงียได้สมบทบาทเสียจนคนตัวเล็กไม่รู้สึกเอะใจเลยซักนิด
“อ๋อ แทออกไปเอาอาหารที่ซูมันสั่งเอาไว้น่ะ นี่ไง ....” แทยอนชูตะกร้าขึ้นสูงในระดับตา
“อ๊ะ.. ทิฟไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยววันนี้แทจะเป็นไกด์พาไปเที่ยวต่อกันนะ” แทยอนเอ่ยเสียงร่าเริง เธอเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้หวายหน้าบ้านพร้อมกับกางหนังสือท่องเที่ยวออกอ่าน ทิฟฟานี่มองท่าทางนั้นอย่างแปลกใจเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าแทยอนจะดูมีประสบการณ์เกี่ยวกับการนำเที่ยวอะไรพวกนี้ยังไงชอบกล? สังเกตได้จากการวางตารางที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยของเจ้าตัว นี่ถ้าเธอไม่รู้จักคนตัวเล็ก เธอว่าเขาต้องเป็นนักวางแผนการตลาด การท่องเที่ยวอะไรทำนองนี้แน่ๆ
แทยอนหันมามองทิฟฟานี่อย่างแปลกใจ คิ้วเรียวถูกเลิกขึ้นสูง ทิฟฟานี้ยิ้มแหยขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัว.....
.
.
.
.
กว่าจะได้เวลาเดินทางออกจากที่พักก็เกือบแปดโมงเช้าไปแล้ว ทำให้แทยอนต้องเลื่อนตารางที่เธอวางเอาไว้ออกไปเสียหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนักกับตารางที่เธอวางเอาไว้ ก็แค่มีเวลาเที่ยวในที่บางที่น้อยลงหน่อยก็เท่านั้นเอง และคราวนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงการนั่งโดยสารในรถนิดหน่อย เมื่อคนตัวเล็กต้องเป็นคนนำทาง เจ้าตัวจึงย้ายมาขับรถของซูยอง ทำให้ฮโยยอนต้องย้ายไปนั่งรถของยูบินแทน
ทิฟฟานี่มองคนข้างกายอย่างแปลกใจ อีกครั้งแล้วที่ทิฟฟานี่นึกไม่ถึง ดูแทยอนจะเชี่ยวชาญเส้นทางในเกาะเชจูมากๆ แต่นั่นก็คงไม่เท่าที่เจ้าตัวขับรถได้นิ่มนวลเสียจนคนที่นั่งมาด้วยกันอย่างซูยองและซันนี่เผลอหลับไป ว่าแต่ แทยอนขับรถเป็นด้วยหรอ? ข้อนี้แหละที่เธอแปลกใจน่ะ!!
ไม่ช้ารถก็เคลื่อนตัวเข้าสู้จุดหมายแรก โดยการนำขบวนรถอีกสามคันของแทยอน และเมื่อรถจอดสนิทลง สิ่งแรกที่แทยอนทำก็คือ กิน!! นั่นคงเป็นเพราะ ก่อนออกมายังไม่มีใครได้กินอะไรเลยก็ได้ละมั้ง หรือว่าคนตัวเล็กตั้งใจกันแน่นะ เพราะถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังไม่ทันถึงเก้าโมงเช้าเลย ยังไม่สายไปสำหรับอาหารเช้า
ตะกร้าใส่อาหารเมื่อเช้าที่เธอเห็นถูกคนตัวเล็กหยิบมันออกมาและไม่ช้ามันก็หายไปอย่างรวดเร็วจากฝีมือสาวๆทั้งสิบห้าคนภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
แทยอนเก็บตะกร้านั่นกลับเข้าท้ายรถก่อนจะพาออกเดินไปดูวิวรอบๆ ที่ๆแทยอนพามาเป็นที่แรกนี้คือ“ซอพจิโกจิ” ซึ่งคำว่า “โกจิ” เป็นภาษาถิ่นของชาวเชจู หมายถึง อ่าวขนาดเล็ก มีโขกหินรูปร่างแปลกตา เป็นทุ่งหญ้ากว้างติดทะเล และ มีประภาคารสีขาวโดดเด่นอยู่บนเนินเขา
ทั้งหมดใช้เวลาเดินชมรอบๆเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่จะพากันเดินขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อเข้าชมประภาคารสีขาว
ระหว่างทางไกด์จำเป็นที่ทำท่าทางเหมือนไกด์มืออาชีพได้อย่างน่าประหลาดเอ่ยบอกกับคนที่เหลือที่ตอนนี้กลายสภาพเป็นคณะลูกทัวร์กลุ่มย่อยๆถึงสัญลักษณ์ของเกาะเชจู 3 อย่าง !!
“สัญลักษณ์ของที่นี่อย่างแรกก็คือ “ลม” นั่นก็เพราะเกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่มีลมพัดตลอดปี” แทยอนยกนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้ว พร้อมกับอธิบายถึงสัญลักษณ์ของเกาะเชจู
“อย่างที่สองคือ “ผู้หญิง” เพราะเมื่อก่อนเชจู เป็นสถานที่ที่ใช้เนรเทศพวกนักโทษทางการเมือง หรือโทษหนักๆ แล้วพวกที่เคยเป็นขุนนางก็จะเอาคนรับใช้มาด้วย จำนวนมาก หลังจากพวกขุนนางตาย พวกสาวๆ เหล่านี้ก็ไม่รู้จะไปไหนก็เลยตั้งรกรากอยู่ที่นี่” นิ้วของแทยอนเพิ่มมาอีกหนึ่งนิ้วเป็นเชิงนับในสิ่งที่เธอพูดว่ามันคือสัญลักษณ์อย่างที่สอง
“เขาพูดกันว่าชายบ้านไหนได้สาวเกาะเชจูเป็นแม่บ้านจะสบายล่ะ” แทยอนพูดติดตลกเธอพูดค้างไว้แค่นั้นและไม่ยอมอธิบายให้จบ ทำเอาคนที่เหลืองงกันเป็นแถบๆ เดือดร้อนซูยองต้องอธิบายในสิ่งที่แทยอนค้างคาเอาไว้ให้คนอื่นเข้าใจ
“ที่แทมันพูดหมายถึง ผู้หญิงชาวเกาะเชจูจะทำหน้าที่เป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัวน่ะ ส่วนพวกผู้ชายก็อยู่ดูแลบ้าน ประมาณว่าสลับบทบาทหน้าที่ต่างจากในเมืองโซลที่ผู้หญิงจะเป็นแม่บ้านแล้วผู้ชายออกไปทำงานน่ะ” ทั้งหมดพยักหน้าเข้าใจทันทีเมื่อฟังในสิ่งที่ซูยองอธิบายจบ
“อย่างสาวเอียนโยสาวนักดำน้ำที่ซูพาไปดูเมื่อวานหรือเปล่า?” ซอนมีเอ่ยถามอย่างสงสัย ซึ่งได้รบคำตอบคือการพยักหน้ารับของแทยอน
“แล้วสัญลักษณ์อีกอย่างอ่ะ แทแท” ทิฟฟานี่ถามขึ้นมาอย่างสงสัยเมื่อคนตัวเล็กหยุดพูดไปเสียดื้อๆ ทั้งๆที่เธอกำลังรอฟังอยู่อย่างตั้งใจ
“แหะๆ แทลืมน่ะ” สิ้นสุดคำพูดเป็นเสียงโวยวายของยูบิน ยูริ และยุนอา ที่กำลังตั้งใจฟังอย่างสงสัย หากแต่ไกด์จำเป็นกลับลืมไปเสียอย่างนั้น แล้ววันนี้เธอจะรู้ไหมเนี๊ยะว่าอย่างที่สามมันคืออะไร
“ซูรู้ไหม อย่างที่สามมันคืออะไร” ซันนี่เอ่ยถามคนตัวสูงที่ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที
“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ ไอ้แทมันก็รู้ แต่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้” สิ้นสุดคำพูดของซูยอง ทิฟฟานี่ก็หันไปดึงหูคนตัวเล็กทันที
“โกหกหรอ....หืม ทิฟเกลียดคนโกหกนะรู้ไหม ถ้าแทแทรู้ทำไมไม่บอกละคะ” สิ่งที่ทิฟฟานี่พูดทำเอาซูยอง ซันนี่ ฮโยยอน ยูบิน และตัวแทยอนเองสะอึกกันเป็นแถบๆ นั่นก็เพราะคนตัวเล็กกำลังโกหกสาวผมสั้นอยู่น่ะซิ....
แทยอนหันไปมองยูบินเล็กน้อย เธอทำหน้าซีดเสียจนยูบินอดสงสารไม่ได้ เธอเองก็ลืมไปเลยนะเนี๊ยะว่าน้องสาวเธอเกลียดคนโกหกมากแค่ไหน แล้วนี่ถ้าเจ้าตัวรู้เรื่องที่แทยอนเข้ามาในบ้านตระกูลฮวังเพราะมีเหตุผลทางธุรกิจ....เธอเองก็ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวเองจะพึ่งรู้ก็เถอะว่าเธอเองก็โดนหลอกให้เข้าใกล้ทิฟฟานี่ แต่รู้แล้ว แล้วไม่บอกเนี๊ยะ ถ้าจะเป็นปัญหาใหญ่!!
“ว่าไงคะ อย่างที่สาม สัญลักษณ์ของเกาะเชจู” ซอฮยอนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“อย่างที่สามเป็น “หินลาวา” จ๊ะ เพราะที่นี่มีภูไฟอยู่มากมาย ก็เลยมีหินลาวาเยอะไปด้วย” แทยอนรีบตอบหลังจากแกะหูตัวเองหลุดจากมือทิฟฟานี่ได้
“หนึ่งในหินลาวาที่มีชื่อเสียง คือ คุณปู่ของชาวเกาะเชจู "ทอลฮารุบัง"” โซฮีพูดขึ้นมาลอยๆ ทำเอาทั้งหมดหันไปมองด้วยความสงสัย ซึ่งเจ้าตัวก็เอาแต่ทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้เสียจนคนข้างกายอย่างซอนมีหมั่นไส้ โซฮีเลยโดนหยิกเข้าที่แขนไปหนึ่งที
“หยิกทำไมเล่า เจ็บนะ” โซฮีพูดเสียงอ่อย แต่สายตาที่มองซอนมีกลับไม่สบอารมณ์ซักเท่าไหร่
“รู้กับเขาด้วยหรอ” เป็นซอนเยที่เดินอยู่อีกข้างหนึ่งของซอนมีเอ่ยถาม
“ก็อ่านเจอในหนังสือนานแล้วน่ะ” พูดจบเจ้าตัวก็เดินเลี่ยงไปอีกที่ จะให้เธอบอกได้ไงเล่าว่าเธอพึ่งเสนอให้ทางโรงแรมชเวจัดทัวร์ชมหินปู่นี่น่ะ
ขืนถ้าเธอบอกไป เป็นอันได้รู้กันถ้วนหน้าแน่ว่าเธอมีหุ้นอยู่ในโรงแรมชเว แล้วมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่เข้าไปอีก ถ้าพวกนี้รู้อีกอย่างว่าซูยองกับแทยอนเป็นผู้ถื้อหุ้นใหญ่ ในขณะที่ลุกคุณหนูอย่างเธอเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยเท่านั้นน่ะ!!
แทยอนพาทั้งหมดเดินมาชมแหล่งรวมหินปู่หรือก็คือ “สวนหินทอลฮารุบัง” เป็นที่ต่อไปทันที
“แทแท ไอ้นี่หรอที่เค้าเรียกกันว่าทอลฮารุบัง ”ทิฟฟานี่เอ่ยถาม นิ้วชี้ ชี้ไปที่หินคุณปู่ทอลฮารุบัง
“อื้ม หินทอลฮารุบัง หินนี่เป็นรูปปั้นทำจากหินลาวาสลักเป็นรูปคนแก่ใจดี มีให้เห็นอยู่ทั่วเกาะ แต่ที่นี่เป็นคล้ายๆกับพิพิธภัณฑ์สะสมทอลฮารุบังกลางแจ้งเลยนะ ถ้าสังเกตุดูดีๆมันมีเยอะมากๆ” แทยอนตอบยิ้มๆ
“เห็นไหมซัน ซูบอกแล้วว่าแทมันเหมาะสมจะเป็นไกด์” ซูยองเอ่ยกับซันนี่เสียงแผ่ว แต่นั่นก็ดังพอที่จะให้เยอึน ยูริ เจสสิก้า และซอนมีได้ยินมัน และพยักหน้าลงอย่างเห็นด้วย
โซฮีสะกิดซอนมีที่ดูท่าทางจะออกแนวปลื้มแทยอนจนเกินเหตุให้หันกลับมามองคนรักอย่างเธอบ้าง แหม..เวลาเห็นแฟนตัวเองมีท่าทีปลื้มอกปลื้มใจคนอื่นมากกว่าที่จะหันมาสนใจตัวเองเนี๊ยะ ทำไมมันถึงรู้สึกไม่ชอบใจเอาซะเลยนะ!!
แทยอนพาทั้งหมดเดินไปถ่ายรูปตามจุดต่างๆกับเจ้าหินทอลฮารุบังซึ่งดูเหมือนจะเป็นที่ถูกอกถูกใจคนชอบถ่ายรูปอย่างยูริเอามากๆ แถมยังเล่าถึงความเก่าแก่นับพันปีของทอลฮารุบังให้ทั้งหมดฟังอีกด้วย
“ทอลฮารุบังนี่เป็นรูปปั้นที่ชาวเกาะเชจูเชื่อว่า เป็นผู้พิทักษ์คุ้มครองชาวเกาะและสถานที่ต่างๆ มีหลากหลายรูปแบบและมีระดับชนชั้นอยู่ในตัวเอง ถ้าหากเจอทอลฮารุบังที่มือขวาทาบที่ตัวอยู่สูงกว่ามือซ้าย แสดงว่าทอลฮารุบังตัวนั้น คือ ชนชั้นปกครอง” แทยอนเอ่ยบอกคนทั้งหมดที่เดินตามเธอมาเรื่อยๆ ซึ่งทั้งหมดก็ทำเพียงพยักหน้ารับรู้ทำตัวเป็นลูกทัวร์ที่ดี
“ทอลฮารุบังนี่มีความศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะ มักมีผู้มาขอพรในเรื่องต่างๆมากมาย มีความเชื่ออยู่ว่า หากต้องการให้ตนเองร่ำรวยให้ลูบที่ท้องของทอลฮารุบัง หากอยากมีคนรักให้ลูบที่หัวหรือหมวกของทอลฮารุบัง ถ้าอยากได้ลูกสาวให้ลูบที่หูและหากอยากได้ลูกชายให้ลูบที่จมูก” สิ้นสุดคำพูด ซันนี่ก็เอ่ยแซวฮโยยอนทันที
“ฮโยไม่ลูบหัวหน่อยหรอ...” ฮโยยอนบ่นขมุบขมิบทันทีที่โดนล้อเรื่องไร้คู่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับทำตามที่ซันนี่ว่าด้วยการเอื้อมมือไปลูบที่หมวกของทอลฮารุบังตัวที่อยู่ใกล้ๆมือ
“ถ้าฉันมีคู่เมื่อไหร่ อย่ามาง้อก็แล้วกัน!!” ฮโยยอนเอ่ยเสียงสะบัดเรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
“นี่ยูล ดูทอลฮารุบังตัวนี้ซิ” เจสสิก้าดึงยูริมาดูหินทอลฮารุบังที่ยกมือขึ้นไปแตะกลางหัวทำท่าบอกรัก ยูริทำท่าเดียวกันกับเจ้าตัวนั้นทันที เจสสิก้าหัวเราะขำกับท่าทางของยูริ
“หัวเราะทำไมคะ ยูลกำลังบอกรักเจสอยู่นะ.... ซารางเฮ ซารางเฮ ซารางเฮ” ยูริพูดเสียงหวานพลางยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เจสสิก้าที่หน้าขึ้นสีขึ้นมาเล็กน้อย ยูบินที่ยืนอยู่ข้างหลังดันหัวยูริออกไปทันที
“แกจะทำอะไรน้องฉันห๊ะ ยูล...” ยูบินพูดเสียงขรึม เจสสิก้าหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย
“น้องพี่ แต่แฟนยูลนะ!!” ยูริปัดมือที่ยูบินดันศีรษะเธอเอาไว้ออกไปพลางทำหน้ายุ่ง แล้วจัดผมตัวเองที่ยุ่งเล็กน้อยให้เข้าที่
“อย่าพึ่งฆ่ากันตายนะ เรายังต้องไปเที่ยวกันต่ออีก หรือไม่อยากไปกันแล้วคะ?”แทยอนรีบเดินเข้ามาห้ามศึกได้ทันท่วงที ก่อนจะออกเดินนำกลับไปที่รถ เจสสิก้ารีบลากแขนยูริตามมาทันที ในขณะที่ยูบินหัวเราะขำที่ได้แกล้งยูริ
รถเคลื่อนตัวไปยังจุดหมายต่อไปคือซงซานโพ จากสวนหินทอลฮารุบังมาถึงซงซานโพกินเวลาไปราวชั่วโมงกว่า เวลาตอนนี้คือสิบเอ็ดโมงครึ่ง แทยอนพาทั้งหมดไปกินข้าวที่ร้านอาหารในเมือง ก่อนจะพาทั้งหมดไป อิลชุลบุง....หินทรงกรวยคว่ำ หรือยอดเขาแห่งตะวันรุ่งซึ่งเป็นเพียงเมืองเล็กๆ และดูเหมือนจะช่างแตกต่างจากคำแปลของซงซานโพที่แปลได้ว่า เมืองท่าซึ่งเป็นป้อมปราการบนเขา!!
“อิลชุลบุงนี่เป็นหนึ่งในภูเขาไฟ ทั้งหมด 360 แห่งบนเกาะเชจู ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนเกาะทางเดินแคบ ๆ จากเบื้องล่างมุ่งไปสู่ขอบปล่องภูเขาไฟทางด้านตะวันตกและเลยไปจนถึงยอด ถ้าปีนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดก็ได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามโดยเฉพาะตอนที่พระอาทิตย์ขึ้น มันสวยมากๆเลยนะ” แทยอนอธิบาย
“ซออยากขึ้นไปจัง แต่ขึ้นไปก็คงไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรอก นี่มันจะบ่ายโมงแล้วอ่ะ ทำไมแทไม่พามาตั้งแต่เช้า” ซอฮยอนบ่นอุบ แทยอนหันมายิ้มแหยๆทันที
“ซอจะออกจากบ้านตอนตีสี่หรือไงคะ เอาไว้วันหลังมาเที่ยวพักโรงแรมแถวๆนี้ซิ จะได้ไปดูอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าได้” ยุนอาเอ่ยแซวคนรักที่ทำหน้ายู่ลงอย่างขัดใจทันที
“ซอ ไว้วันหลังเราแอบหนียุนมาเที่ยวกันสองคนดีกว่า” ฮยอนอาได้ทีเอ่ยชวนซอฮยอนที่ยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างถูกใจ แต่ยุนอากลับรั้งตัวเธอเข้ามากอดเสียอย่างนั้น
“จะมาก็มาด้วยกัน ห้ามหนีมาเด็ดขาด ฮยอนอา เธอก็อย่าชวนแฟนคนอื่นหนีเที่ยวซิ” ยุนอาเอ็ดญาติตัวเองที่เอาแต่หัวเราะขำท่าทางหวงๆของยุนอา
“ไปที่อื่นกันต่อเถอะ เดี๋ยวจะอดเที่ยวอีกหลายที่เลยถ้ายังช้ากันอยู่” แทยอนเอ่ยขัดก่อนจะจูงมือทิฟฟานี่กลับไปที่ตัวรถไปยังที่หมายต่อไป....ถ้ำมานจังกุล ที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือ มีความยาว 13.4 กม. และเป็นถ้ำที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของลาวาที่ยาวที่สุดในโลก ทั้งหมดใช้เวลาเดินชมและถ่ายรูปในเวลาไม่นาน แทยอนก็พาทั้งหมดย้ายที่หมายใหม่อย่างรวดเร็ว
การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็วจากไกด์แทยอนที่ดูเหมือนจะใช้ทุกนาทีได้อย่างมีค่าเหลือเกินจากถ้ำมานจังกุลเจ้าตัวก็พาย้ายฝั่งจากด้านตะวันออกของเกาะมาที่ฝั่งด้านตะวันตกโดยที่เจ้าตัวบอกกับทุกคนว่าจะพาไปเกาะอูโดฝั่งตะวันออกคราวหน้าถ้ามาด้วยกันอีก เพราะถ้าไปวันนี้จะอดเที่ยวในส่วนตะวันตกของเกาะ
และจุดหมายแรกของเกาะเชจูฝั่งตะวันตกนี่ก็คือซกวิโพ เมืองท่าเพื่อการประมงและเป็นเมืองสำคัญบริเวณชายฝั่งทางใต้ ถนนที่นี่เชื่อมระหว่าง ซกวิโพ กับตัวเมือง เชจู และที่ๆเจ้าตัวพาไปในยามบ่ายแก่ๆแบบนี้ก็คือน้ำตก!!
หลังจากที่ทั้งหมดได้เล่นน้ำแก้ร้อนกันไปพอหอมปากหอมคอ แทยอนก็เคลื่อนขบวนทั้งหมดไปเดินช็อปซื้อของจากการจัดงานแสดงสินค้าต่างๆที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเชจู ซึ่งมีทิวทัศน์ของมหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่อยู่ด้านหน้า และภูเขาฮัลลาซันอันงามสง่าอยู่ด้านหลัง ตัวศูนย์การประชุมมีทั้งหมด 7 ชั้น แบ่งเป็นชั้นใต้ดิน 2 ชั้น และชั้นบนอีก 5 ชั้น ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากบริเวณรายรอบเกาะเชจู ตัวอาคารกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมอย่างสวยงามและไม่ทำลายความงดงามของทิวทัศน์โดยรอบและเข้ากับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
“ที่จริงฝั่งด้านตะวันตกนี่มีการท่องเที่ยวด้วยเรือดำน้ำ สนามล่าสัตว์ ศูยน์การตกปลา อนุสรณ์นักเดินเรือ พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลล็อค ถ้ำซานบังกุลซา แล้วก็ที่อื่นๆอีกเยอะเลยอ่ะ แต่ถ้าให้แทพาไปทั้งหมดภายในวันนี้คงไม่หมด ขอเป็นเลือกสถานที่บางที่ก็แล้วกันนะคะ” แทยอนเอ่ยออกมาเสียงดังพอให้คนอื่นๆได้ยิน ซึ่งก็ไม่มีใครขัดอะไรซักเท่าไหร่ เพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยๆกันบ้างแล้ว สำหรับทัวร์การเดินทางแบบสุดคุ้มของคิมแทยอน ที่พาพวกเธอไปท่องเที่ยวได้หลายที่อย่างน่าแปลกใจภายในวันเดียว!!
และที่ต่อมาที่แทยอนพาทั้งหมดมาก็คือ สวนเมืองจำลอง ที่มีเมืองจำลองและสถาปัตยกรรมก่อสร้างจำลองกว่า 100 แห่ง ที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น วัดพูลกุกซา ของเกาหลี เมืองต้องห้ามของจีน หอคอยเอียงแห่งเมืองปิซา แถมยังได้ชมและสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ หลากหลายซึ่งมีวัฒนธรรมยุคหินแห่งเชจู เตาเผาเซรามิก โรงละครกลางแจ้ง สนามแข่งรถและอื่น ๆอีกมากมาย ถูกใจคณะลูกทัวร์จำเป็นของไกด์จำเป็นแบบแทยอนเอามากๆ ยิ่งตรงสนามแข่งรถด้วยแล้ว ยิ่งดูเหมือนจะถูกใจ ยูบิน ยุนอา ยูริ และเยอึนเป็นพิเศษ
แทยอนก็พึ่งรู้เดียวนี้เองว่านอกจากยูบินแล้ว ยุนอา ยูริ และเยอึนต่างก็สนใจในเรื่องของความเร็วเหมือนกัน....
“ขอโทษคะ ใครชอบกินช็อกโกแลตบ้าง....” แทยอนถามขึ้นมาเสียงดัง ทำเอาทั้งหมดหันมามองอย่างแปลกใจ
“ไม่มีใครไม่ชอบกินช็อกโกแลตหรอกนะแทแท” ซอนเยเอ่ยยิ้มๆ และนั่นก็ทำเอาแทยอนยิ้มตาม
“งั้นเราไปปราสาทช็อกโกแลตกันเถอะคะ” ซูยองยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีที่แทยอนพูดจบ ในขณะที่คนอื่นทำหน้าสงสัย
“มันมีด้วยหรอ ปราสาทช็อกโกแลต” ซอนมีเอ่ยถามตาวาว
“ถ้าสงสัย งั้นก็ตามมาเลย....” พูดจบเจ้าตัวก็พาไปปราสาทช็อกโกแลตทันที...
“และนี่คือ.....ปราสาทช็อกโกแลต ศูนย์รวมของช็อกโกแลต เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของเกาหลีที่สร้างด้วยหินภูเขาไฟแห่งเกาะเชจู ในนี้มีช็อกโกแลตขนาดและรูปแบบต่าง ๆ ที่รวบรวมจากทั่วโลก มีทั้งช็อกโกแลตรถโสม รสชาเขียว รสมะม่วง และรสใหม่ ๆอีกมากมายที่ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับผู้นิยมช็อกโกแลต” แทยอนอธิบายทันทีที่เดินทางมาถึง ทั้งหมดเดินมองดูช็อกโกแลตต่างๆอย่างตื่นตา
พวกเธอก็พึ่งรู้เอาวันนี้แหละว่าในเกาหลีมีพิพิธภัณฑ์ปราสาทช็อกโกแลตที่ดูเหมือนจะน่ากินจนพวกเธอแอบกลืนน้ำลายลงคอกันเป็นแถวๆ
“มาดูวิธีการผลิตช็อกโกแลตแบบท้องถิ่นตรงนี้ดีกว่าคะ...” แทยอนเอ่ยเรียกทั้งหมดที่กระจัดกระจายดูช็อกโกแลตแบบต่างๆให้หันมาสนใจการผลิตช็อกโกแลตแบบท้องถิ่นผ่านการมองผ่านตู้กระจก ซักพักใหญ่เจ้าตัวก็พาไปที่หมายต่อไปทันที ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นที่หมายสุดท้ายของวันเนื้องจากเวลาในตอนนี้ก็ปาเข้าไปหกโมงครึ่งแล้ว
และแล้วก็ถึงที่หมายสุดท้าย พิพิธภัณฑ์แท็ดดี้แบร์.....
ทันทีที่มาถึง ทิฟฟานี่ก็วิ่งเข้าไปหาเจ้าตุ๊กตาตัวใหญ่ข้างหน้านั่นทันที และเรียกให้แทยอนช่วยถ่ายรูปให้เธอ ซึ่งดูเหมือนคนตัวเล็กเองก็ไม่ขัดอะไร แถมยังวิ่งเข้าไปถ่ายรูปคู่กันอีกต่างหาก ก่อนที่ทั้งหมดจะเคลื่อนตัวเข้าชมตัวพิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์ด้านใน
“เจ้าตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์พวกนี้ เป็นสัญลักษณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 ของเท็ดดีแบร์แฟชั่น มีเท็ดดี้แบร์แบบต่างๆจัดโชว์มากมาย มีกระทั้งพิธีแต่งงานแบบเท็ดดีแบร์ให้ชมด้วยนะ” แทยอนอธิบายถึงเจ้าตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ที่ถูกจัดโชว์ในตู้ ก่อนจะบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันดูไปเรื่อยๆ แล้วค่อยไปเจอกันอีกทีตอนสามทุ่มครึ่งที่รถเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่มีใครขัดอะไร ต่างคนก็ต่างจูงแขน จูงมือคู่ของตัวเองไปดูตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ตัวที่สนใจอย่างเพลิดเพลิน จนถึงเวลานัดหมายนั่นแหละ ทั้งหมดถึงได้เคลื่อนขบวนกลับบ้านพักด้วยความเหนื่อยอ่อน
และดูเหมือนว่า ทันทีที่ถึงบ้านพัก ต่างคนก็ต่างรีบวิ่งเข้าหาที่นอนของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อนทันที......
........................................
อันนยองฮาเซโย.....
ซึนกีมาแล้วค่ะ ช่วงนี้มาเร็วหน่อยนะค่ะ เพราะกำลังเร่งเพื่อจัดทำรูปเล่ม จะได้ทราบราคาของหนังสือซักที ^^
คนที่สนใจอย่าลืมลงชื่อสั่งจองไว้ด้วยละ เพราะซึนกีจัดพิมพ์ตามจำนวนคนสั่งเท่านั้น !!
ไม่มีเผื่อ ไม่มีเหลือ หมดแล้วหมดเลย อย่ามาเสียดายเอาทีหลังนะเออ....เหอๆ
อืม....อืม.... เอาเป็นว่า รอบนี้ไม่คุยมากเพราะรีบสุดๆ
อ่านแล้วก็อย่าลืมคอมเม้นด้วยนะค่ะ ^^
BY: ฮันซึนกี
ความคิดเห็น