ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หยางเฟยเทียนผู้ไร้ค่า(ซะเมื่อไหร่)
ณ อาณาจักรเฟย
เมืองเว่ย
มีขุมอำนาจใหญ่ในเมืองเว่ยทั้งหมด 3 ขุมอำนาจใหญ่
คือตระกูลใหญ่ทั้งสามตระกูล อันได้แก่
ตระกูลหยาง
ตระกูลชิง
ตระกูลอู่
ทั้งสามตระกูลต่างมีอำนาจเทียบเท่ากันในเมืองเว่ยและก็ค่อนข้างจะไม่ค่อยเป็นมิตรกันเท่าไหร่
โดยเฉพาะตระกูลหยางและตระกูลอู่ที่เเสดงออกถึงความเป็นศัตรูกันอย่างชัดเจน
เมื่อหกปีก่อน ตระกูลหยางได้ให้กำเนิดทารกเพศชายออกมาคนหนึ่ง โดยเป็นลูกของท่านผู้นำตระกูล
และฮูหยิน ซึ่งมีนามว่าเฟยเทียน แซ่หยาง
เฟยเทียนเดินได้ตั้งแต่อายุเก้าเดือนพูดได้ตั้งแต่หนึ่งขวบและอ่านหนังสือได้ตั้งแต่สองขวบ
ทุกคนในตระกูลต่างดีใจมากและตั้งความหวังกับเฟยเทียนเอาไว้อย่างสูงเพราะคิดว่าเฟยเทียนเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจ แต่เมื่อเฟยเทียนอายุห้าขวบแล้วได้เข้ารับการวัดระดับลมปราณแรกกำเนิด ซึ่งเด็กทุกคนที่อายุห้าขวบต่างต้องเข้ารับการทดสอบกันทั้งนั้น
และเป็นที่น่าผิดหวังเมื่อเฟยเทียนมีลมปราณแรกกำเนิดอยู่ที่ระดับ ก่อกำเนิดขั้นสอง
ซึ่งถือว่าต่ำมาก เพราะเด็กคนอื่นๆต่างก็มีลมปราณอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า ก่อกำเนิดขั้นห้า
ทำให้เฟยเทียนโดนดูถูกเหยียดหยาม ผู้เป็นพ่อและแม่รวมถึงผู้คนในตระกูลต่างตีตัวออกห่าง เฟยเทียน
อยู่ในตระกูลอย่างยากลำบาก จนเมื่ออายุได้หกปีจึงโดนผู้นำตระกูลผู้เป็นพ่อสั่งให้คนนำไปปล่อยในป่าอสูรทมิฬ ซึ่งมีสัตว์อสูรอยู่เต็มไปหมดตั้งเเต่ระดับก่อกำเนิดจนถึงระดับเชี่ยวชาญ เพราะอับอายที่มีบุตรชายไร้ค่าอย่างเฟยเทียน
ลึกลงไปในป่าอสูรทมิฬ เกิดความวุ่นวายขึ้นนิดหน่อย อันเกิดจาก...
"วู้ วู้ เร็วอีกๆ ฮ่าๆๆ วิ่งไปให้เร็วกว่านี้เร็วเจ้าแมว ฮ่าๆๆ"
ภาพของเด็กชายตัวเล็กอายุประมาณหกขวบกำลังควบขี่เสือดำลายเมฆขาวที่มีหางสองหางซึ่งมีระดับลมปราณอยู่ที่ขั้น ฝึกตนขั้นเก้าจวนจะเลื่อนขั้นเป็นระดับชำนาญขั้นหนึ่งแล้วอย่างเมามันส์ สัตว์อสูรที่อยู่โดยรอบซึ่งมีระดับปราณต่ำกว่าต่างหลบกันจ้าละหวั่น ซึ่งเด็กชายคนนั้นไม่ใช่ใคร หยางเฟยเทียนนั่นเอง
"เอ้าหยุด หยุดก๊อน หยุดเด้ ได้ ไม่หยุดใช่มั้ย"
ผัวะ โฮก
เฟยเทียนรวบรวมลมปราณของตนแล้วซัดลงไปที่หัวของเสือดำลายเมฆขาวอย่างเเรงจนมันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และหยุดร่างของมันลงยังจุดที่ใกล้ๆกับน้ำตกที่เฟยเทียนเล็งไว้ เฟยเทียนกระโดดลงจากหลังเจ้าเสือดำลายเมฆขาวแล้วเดินไปดื่มน้ำจากบ่อน้ำตกนั้น
"ฮ่า ชื่นใจชะมัด"
เฟยเทียนพูดขึ้นหลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว
"งืมๆ ดีชะมัดเลยน้า~ อิสระเนี่ย"
เฮ้อ ทนอยู่ที่นั่นมาตั้งหกปี ข้าถึงแม้ภายนอกจะเป็นเฟยเทียน แต่ไส้ในเป็นอดีตแม่ทัพสวรรค์เฟยเทียนผู้เก่งกาจเชียวน้า ชาตินี้ก็เป็นชาติที่ 999 ของข้าแล้วล่ะมั้ง มันพอจะมีหนทางหลุดพ้นจากโทษบ้าๆนี่มั้ยน้า อืม ใช่แล้ว มันมีอยู่ แต่ก็ยากลำบากสุดๆเลยนะสำหรับร่างและอายุขัยของมนุษย์น่ะ ถึงเเม้จริงๆแล้วข้าจะไม่ได้ไร้ค่าก็เถอะ แต่ถ้าไม่ปกปิดพลังของข้าเอาไว้ได้เป็นเรื่องใหญ่กันพอดี เพราะระดับพลังของข้ามันมากเกินกว่าที่เด็กในวัยนี้ควรมีไปเยอะสุดๆ ก็แหม ข้าได้ฝึกฝนพลังปราณตั้งแต่อายุหนึ่งขวบเลยนะ ด้วยเคล็ดวิชาที่ขุดคุ้ยขึ้นมาจากสมอง และร่างนี้ก็มีเส้นชีพจรลมปราณมหาเทพ ซึ่งสามารถฝึกฝนปราณถึงขั้นมหาเทพ ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของลมปราณได้โดยไม่ต้องผ่านภัยพิบัติทั้ง 999 ประการ
พูดง่ายๆก็คือ ข้าในชาติเนี้ยเกิดมาเพื่อเป็นมหาเทพโดยแท้เลยล่ะ อุวะฮ่าๆๆ สงสัยเง็กเซียนฮ่องเต้สหายรักของข้า คงยกโทษให้ข้าแล้วล่ะนะ
อา แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าคืนตำแหน่งให้ข้าโดยที่ไม่ต้องให้ข้าลำบากฝึกฝนอีกอะ ฮือออ เสียจายยย
เอาล่ะ ในตอนนี้ตัวข้ามีระดับลมปราณอยู่ที่ขั้น ฝึกตนระดับสอง ซึ่งระดับนี้ส่วนมากเป็นเด็กอายุไม่ต่ำกว่าสิบสี่ปีที่จะมีได้และข้ายังสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีลมปราณมากกว่าข้าหนึ่งระดับขั้นอีกด้วย
(ขั้นชำนาญ) ข้าคิดว่าจะฝึกฝนอยู่ในป่าแห่งนี้ จนกว่าจะอายุสิบปี หากถามว่าข้าได้วิชายุทธมาจากไหน ก็ได้มาจากความทรงจำตอนที่เป็นเทพสวรรค์
และยังมีชาติภพอื่นๆที่ข้าเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วนับไม่ถ้วน บางชาติข้าเกิดเป็นยอดยุทธ์ บางชาติข้าก็เป็นหมอ บางชาติก็เป็นนักฆ่า ขอทาน นางโลม นักธุรกิจ
บลาๆๆ เอาเป็นว่าข้าเป็นมันมาหมดแล้วอ่ะนะ เหอะๆ
หากถามว่าใครเชี่ยวชาญศาสตร์ทุกแขนงในโลกนี้
ก็ต้องขอตอบว่าข้าผู้นี้นี่แหละนะ เหอๆๆ
หลังจากที่ข้าดื่มน้ำและนั่งรำลึกความหลังเสร็จ ข้าก็ต้องขอสำรวจป่าแห่งนี้ก่อนละนะ อิอิ ก่อนอื่นก็เริ่มจากน้ำตกนี่เลยแล้วกัน
ข้าใช้ปราณห่อหุ้มกายแล้วเดินฝ่าน้ำตกเข้าไปยังด้านหลัง ซึ่งข้าว่าข้าแอบเห็นถ้ำอยู่แวบๆนะ
เมื่อเดินเข้าไปข้าก็เจอถ้ำจริงๆนั่นแหละ อืม ลองเดินเข้าไปดูดีกว่า เพราะข้าว่าข้าสัมผัสถึงกลิ่นไอศักสิทธิ์ได้นิดหน่อยอ่ะเนอะ
ภายในถ้ำมืดสนิทจนข้ามองไม่เห็น ข้าจึงรวบรวมลมปราณที่มีมากมายหลายสายในตัวข้าแล้วส่งไปยังดวงตาของข้าซึ่งเป็นเคล็ดวิชาเนตรกระจ่าง ทำให้ข้าสามารถมองเห็นภายในถ้ำทั้งหมด แม้เเต่ฝุ่นละอองในอากาศยังไม่อาจรอดพ้นสายตาข้า
ข้าเดินเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ ข้ายิ่งได้กลิ่นไอศักสิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดข้าก็มาถึงในสุด สิ่งที่ปรากฏอยู่ครงหน้าของข้าคือ...
"นี่มัน!!! ผลรุ้งสวรรค์ สามารถเพิ่มพลังลมปราณได้อย่างมากมายมหาศาล แล้วยังจะนั่นอีก น้ำทิพย์สวรรค์ที่ช่วยในการฝึกฝนและยังสามารถรักษาบาดแผลและพิษต่างๆ ข้านี่มันช่างโชคดีจริงๆ เหอๆๆ"
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเฟยเทียนคือ ต้นไม้ที่สูงกว่าเฟยเทียนหนึ่งเท่าซึ่งมีผลไม้สีรุ้งที่แผล่กลิ่นไอศักสิทธิ์ออกมามหาศาลและยังบ่อน้ำขนาดเล็กที่สามารถลงไปแช่ได้สองคนที่มีน้ำสีฟ้าใสอยู่ ซึ่งก็แผ่กลิ่นไอศักสิทธิ์ออกมาเช่นกัน
"เอาล่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเก็บตัวฝึกอยู่ที่นี่เนี่ยแหละ คงต้องไปหาก้อนหินปิดถ้ำก่อน ส่วนอาหารคงไม่ต้องเพราะแค่ผลรุ้งสวรรค์ลูกนี้ลูกเดียวข้าก็อิ่มไปเป็นสิบปีเเล้ว เหอๆๆ"
พูดจบก็รีบไปหาหินมาปิดถ้ำทันทีด้วยวิชาก้าวพริบตา
ซึ่งแอบฝึกฝนมาตลอดตั้งแต่อายุสามขวบจเชี่ยวชาญ
ปึง!!!
เสียงดังขึ้นจากการที่เฟยเทียนผลักหินไปปิดปากถ้ำแล้วจากนั้นจึงใช้ลมปราณหลอมรวมมันเข้ากับปากถ้ำจนเป็นเนื้อเดียวกัน
"เหอๆๆ เอาล่ะ ได้เวลาฝึกวิชาแล้ว"
.
.
.
เวลาผ่านไปสี่ปี
ณ บริเวณปากถ้ำที่ถูกปิดตายหลังน้ำตก ได้เกิดเสียงดังขึ้น
ตูม!!!
ปากถ้ำที่ถูกปิดตายด้วยหินแตกกระจายออกด้วยฝีมือของผู้ที่อยู่ข้างในนั้น
เฟยเทียนเดินออกมานอกถ้ำ หลังจากเก็บตัวฝึกถึงสี่ปี ใบหน้าเเม้ยังเด็กแต่ก็หล่อเหลางดงามดุจเทพสวรรค์ร่างกายสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เสียอย่าเดียว
ดันเปลือยล่อนจ้อนออกมา!!!
"ฮ้า~ อากาศสดชื่นเสียจริง อืม ก่อนอื่นคงต้องไปหาอะไรใส่ก่อนสินะ เฮ้อ ทำไงได้ เสียผ้าที่ใส่ตอนแรกก็ดันตัวเล็กจนใส่ไม่ได้อีก คนหล่อเซ็ง"
(นั่นๆ มันยังมีหน้ามาหลงตัวเองอีกนะ เฮ้อ เพลียจิต)
ว่าแล้วก็เริ่มปฏิบัติการตามล่าหาชุดเพื่อมาสวมใส่ปิดกายล่อนจ้อนอุจาดตา
เฟยเทียนทะยานร่างไปในป่าด้วยวิชาเซียนเหิน ซึ่งสามารถทำให้ลอยตัวอยู่บนอากาศได้
และแล้วเฟยเทียนก็หาชุดที่ถูกใจได้ในที่สุด
"เหอๆๆ จิ้งจอกน้อยเอ๋ย จงมาเป็นชุดให้ข้าเสียเถอะ"
ตุบ เอ๋ง แอ็ก
เฟยเทียนจัดการปาหัวจิ้งจอกน้อย(ที่ไม่น้อย)ด้วยก้อนหินจนตายในที่สุด
"เหอๆๆ เอาล่ะมาเริ่มสร้างชุดกันเถอะ"
.
.
.
เฟยเทียนใช้เวลาในการทำชุดจากหนังและขนจิ้งจอกหนึ่งชั่วยามเต็ม ก็ได้ชุดออกมาหนึ่งชุด เฟยเทียนจึงสวมใส่มัน ซึ่งในตอนนี้เฟยเทียนช่างดูสง่างามยิ่งนัก
"งืมๆ จะว่าไป ข้ายังไม่รู้เลยนะว่าจะออกจากป่านี้ได้ไง เอาเป็นว่า เดินๆไปเดี่ยวก็เจอเองแหละนะ"
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น พูดกับตนเองว่า
"เอาล่ะ มาเริ่มปฏิบัติการหาทางออกจากป่าเลยเถอะ"
.
.
.
***********************************************
จบแล้วค่า~ กับตอนที่หนึ่ง ช่วยเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ บ๊ายบาย อิอิ
เมืองเว่ย
มีขุมอำนาจใหญ่ในเมืองเว่ยทั้งหมด 3 ขุมอำนาจใหญ่
คือตระกูลใหญ่ทั้งสามตระกูล อันได้แก่
ตระกูลหยาง
ตระกูลชิง
ตระกูลอู่
ทั้งสามตระกูลต่างมีอำนาจเทียบเท่ากันในเมืองเว่ยและก็ค่อนข้างจะไม่ค่อยเป็นมิตรกันเท่าไหร่
โดยเฉพาะตระกูลหยางและตระกูลอู่ที่เเสดงออกถึงความเป็นศัตรูกันอย่างชัดเจน
เมื่อหกปีก่อน ตระกูลหยางได้ให้กำเนิดทารกเพศชายออกมาคนหนึ่ง โดยเป็นลูกของท่านผู้นำตระกูล
และฮูหยิน ซึ่งมีนามว่าเฟยเทียน แซ่หยาง
เฟยเทียนเดินได้ตั้งแต่อายุเก้าเดือนพูดได้ตั้งแต่หนึ่งขวบและอ่านหนังสือได้ตั้งแต่สองขวบ
ทุกคนในตระกูลต่างดีใจมากและตั้งความหวังกับเฟยเทียนเอาไว้อย่างสูงเพราะคิดว่าเฟยเทียนเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจ แต่เมื่อเฟยเทียนอายุห้าขวบแล้วได้เข้ารับการวัดระดับลมปราณแรกกำเนิด ซึ่งเด็กทุกคนที่อายุห้าขวบต่างต้องเข้ารับการทดสอบกันทั้งนั้น
และเป็นที่น่าผิดหวังเมื่อเฟยเทียนมีลมปราณแรกกำเนิดอยู่ที่ระดับ ก่อกำเนิดขั้นสอง
ซึ่งถือว่าต่ำมาก เพราะเด็กคนอื่นๆต่างก็มีลมปราณอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า ก่อกำเนิดขั้นห้า
ทำให้เฟยเทียนโดนดูถูกเหยียดหยาม ผู้เป็นพ่อและแม่รวมถึงผู้คนในตระกูลต่างตีตัวออกห่าง เฟยเทียน
อยู่ในตระกูลอย่างยากลำบาก จนเมื่ออายุได้หกปีจึงโดนผู้นำตระกูลผู้เป็นพ่อสั่งให้คนนำไปปล่อยในป่าอสูรทมิฬ ซึ่งมีสัตว์อสูรอยู่เต็มไปหมดตั้งเเต่ระดับก่อกำเนิดจนถึงระดับเชี่ยวชาญ เพราะอับอายที่มีบุตรชายไร้ค่าอย่างเฟยเทียน
ลึกลงไปในป่าอสูรทมิฬ เกิดความวุ่นวายขึ้นนิดหน่อย อันเกิดจาก...
"วู้ วู้ เร็วอีกๆ ฮ่าๆๆ วิ่งไปให้เร็วกว่านี้เร็วเจ้าแมว ฮ่าๆๆ"
ภาพของเด็กชายตัวเล็กอายุประมาณหกขวบกำลังควบขี่เสือดำลายเมฆขาวที่มีหางสองหางซึ่งมีระดับลมปราณอยู่ที่ขั้น ฝึกตนขั้นเก้าจวนจะเลื่อนขั้นเป็นระดับชำนาญขั้นหนึ่งแล้วอย่างเมามันส์ สัตว์อสูรที่อยู่โดยรอบซึ่งมีระดับปราณต่ำกว่าต่างหลบกันจ้าละหวั่น ซึ่งเด็กชายคนนั้นไม่ใช่ใคร หยางเฟยเทียนนั่นเอง
"เอ้าหยุด หยุดก๊อน หยุดเด้ ได้ ไม่หยุดใช่มั้ย"
ผัวะ โฮก
เฟยเทียนรวบรวมลมปราณของตนแล้วซัดลงไปที่หัวของเสือดำลายเมฆขาวอย่างเเรงจนมันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และหยุดร่างของมันลงยังจุดที่ใกล้ๆกับน้ำตกที่เฟยเทียนเล็งไว้ เฟยเทียนกระโดดลงจากหลังเจ้าเสือดำลายเมฆขาวแล้วเดินไปดื่มน้ำจากบ่อน้ำตกนั้น
"ฮ่า ชื่นใจชะมัด"
เฟยเทียนพูดขึ้นหลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว
"งืมๆ ดีชะมัดเลยน้า~ อิสระเนี่ย"
เฮ้อ ทนอยู่ที่นั่นมาตั้งหกปี ข้าถึงแม้ภายนอกจะเป็นเฟยเทียน แต่ไส้ในเป็นอดีตแม่ทัพสวรรค์เฟยเทียนผู้เก่งกาจเชียวน้า ชาตินี้ก็เป็นชาติที่ 999 ของข้าแล้วล่ะมั้ง มันพอจะมีหนทางหลุดพ้นจากโทษบ้าๆนี่มั้ยน้า อืม ใช่แล้ว มันมีอยู่ แต่ก็ยากลำบากสุดๆเลยนะสำหรับร่างและอายุขัยของมนุษย์น่ะ ถึงเเม้จริงๆแล้วข้าจะไม่ได้ไร้ค่าก็เถอะ แต่ถ้าไม่ปกปิดพลังของข้าเอาไว้ได้เป็นเรื่องใหญ่กันพอดี เพราะระดับพลังของข้ามันมากเกินกว่าที่เด็กในวัยนี้ควรมีไปเยอะสุดๆ ก็แหม ข้าได้ฝึกฝนพลังปราณตั้งแต่อายุหนึ่งขวบเลยนะ ด้วยเคล็ดวิชาที่ขุดคุ้ยขึ้นมาจากสมอง และร่างนี้ก็มีเส้นชีพจรลมปราณมหาเทพ ซึ่งสามารถฝึกฝนปราณถึงขั้นมหาเทพ ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของลมปราณได้โดยไม่ต้องผ่านภัยพิบัติทั้ง 999 ประการ
พูดง่ายๆก็คือ ข้าในชาติเนี้ยเกิดมาเพื่อเป็นมหาเทพโดยแท้เลยล่ะ อุวะฮ่าๆๆ สงสัยเง็กเซียนฮ่องเต้สหายรักของข้า คงยกโทษให้ข้าแล้วล่ะนะ
อา แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าคืนตำแหน่งให้ข้าโดยที่ไม่ต้องให้ข้าลำบากฝึกฝนอีกอะ ฮือออ เสียจายยย
เอาล่ะ ในตอนนี้ตัวข้ามีระดับลมปราณอยู่ที่ขั้น ฝึกตนระดับสอง ซึ่งระดับนี้ส่วนมากเป็นเด็กอายุไม่ต่ำกว่าสิบสี่ปีที่จะมีได้และข้ายังสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีลมปราณมากกว่าข้าหนึ่งระดับขั้นอีกด้วย
(ขั้นชำนาญ) ข้าคิดว่าจะฝึกฝนอยู่ในป่าแห่งนี้ จนกว่าจะอายุสิบปี หากถามว่าข้าได้วิชายุทธมาจากไหน ก็ได้มาจากความทรงจำตอนที่เป็นเทพสวรรค์
และยังมีชาติภพอื่นๆที่ข้าเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วนับไม่ถ้วน บางชาติข้าเกิดเป็นยอดยุทธ์ บางชาติข้าก็เป็นหมอ บางชาติก็เป็นนักฆ่า ขอทาน นางโลม นักธุรกิจ
บลาๆๆ เอาเป็นว่าข้าเป็นมันมาหมดแล้วอ่ะนะ เหอะๆ
หากถามว่าใครเชี่ยวชาญศาสตร์ทุกแขนงในโลกนี้
ก็ต้องขอตอบว่าข้าผู้นี้นี่แหละนะ เหอๆๆ
หลังจากที่ข้าดื่มน้ำและนั่งรำลึกความหลังเสร็จ ข้าก็ต้องขอสำรวจป่าแห่งนี้ก่อนละนะ อิอิ ก่อนอื่นก็เริ่มจากน้ำตกนี่เลยแล้วกัน
ข้าใช้ปราณห่อหุ้มกายแล้วเดินฝ่าน้ำตกเข้าไปยังด้านหลัง ซึ่งข้าว่าข้าแอบเห็นถ้ำอยู่แวบๆนะ
เมื่อเดินเข้าไปข้าก็เจอถ้ำจริงๆนั่นแหละ อืม ลองเดินเข้าไปดูดีกว่า เพราะข้าว่าข้าสัมผัสถึงกลิ่นไอศักสิทธิ์ได้นิดหน่อยอ่ะเนอะ
ภายในถ้ำมืดสนิทจนข้ามองไม่เห็น ข้าจึงรวบรวมลมปราณที่มีมากมายหลายสายในตัวข้าแล้วส่งไปยังดวงตาของข้าซึ่งเป็นเคล็ดวิชาเนตรกระจ่าง ทำให้ข้าสามารถมองเห็นภายในถ้ำทั้งหมด แม้เเต่ฝุ่นละอองในอากาศยังไม่อาจรอดพ้นสายตาข้า
ข้าเดินเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ ข้ายิ่งได้กลิ่นไอศักสิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดข้าก็มาถึงในสุด สิ่งที่ปรากฏอยู่ครงหน้าของข้าคือ...
"นี่มัน!!! ผลรุ้งสวรรค์ สามารถเพิ่มพลังลมปราณได้อย่างมากมายมหาศาล แล้วยังจะนั่นอีก น้ำทิพย์สวรรค์ที่ช่วยในการฝึกฝนและยังสามารถรักษาบาดแผลและพิษต่างๆ ข้านี่มันช่างโชคดีจริงๆ เหอๆๆ"
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเฟยเทียนคือ ต้นไม้ที่สูงกว่าเฟยเทียนหนึ่งเท่าซึ่งมีผลไม้สีรุ้งที่แผล่กลิ่นไอศักสิทธิ์ออกมามหาศาลและยังบ่อน้ำขนาดเล็กที่สามารถลงไปแช่ได้สองคนที่มีน้ำสีฟ้าใสอยู่ ซึ่งก็แผ่กลิ่นไอศักสิทธิ์ออกมาเช่นกัน
"เอาล่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเก็บตัวฝึกอยู่ที่นี่เนี่ยแหละ คงต้องไปหาก้อนหินปิดถ้ำก่อน ส่วนอาหารคงไม่ต้องเพราะแค่ผลรุ้งสวรรค์ลูกนี้ลูกเดียวข้าก็อิ่มไปเป็นสิบปีเเล้ว เหอๆๆ"
พูดจบก็รีบไปหาหินมาปิดถ้ำทันทีด้วยวิชาก้าวพริบตา
ซึ่งแอบฝึกฝนมาตลอดตั้งแต่อายุสามขวบจเชี่ยวชาญ
ปึง!!!
เสียงดังขึ้นจากการที่เฟยเทียนผลักหินไปปิดปากถ้ำแล้วจากนั้นจึงใช้ลมปราณหลอมรวมมันเข้ากับปากถ้ำจนเป็นเนื้อเดียวกัน
"เหอๆๆ เอาล่ะ ได้เวลาฝึกวิชาแล้ว"
.
.
.
เวลาผ่านไปสี่ปี
ณ บริเวณปากถ้ำที่ถูกปิดตายหลังน้ำตก ได้เกิดเสียงดังขึ้น
ตูม!!!
ปากถ้ำที่ถูกปิดตายด้วยหินแตกกระจายออกด้วยฝีมือของผู้ที่อยู่ข้างในนั้น
เฟยเทียนเดินออกมานอกถ้ำ หลังจากเก็บตัวฝึกถึงสี่ปี ใบหน้าเเม้ยังเด็กแต่ก็หล่อเหลางดงามดุจเทพสวรรค์ร่างกายสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เสียอย่าเดียว
ดันเปลือยล่อนจ้อนออกมา!!!
"ฮ้า~ อากาศสดชื่นเสียจริง อืม ก่อนอื่นคงต้องไปหาอะไรใส่ก่อนสินะ เฮ้อ ทำไงได้ เสียผ้าที่ใส่ตอนแรกก็ดันตัวเล็กจนใส่ไม่ได้อีก คนหล่อเซ็ง"
(นั่นๆ มันยังมีหน้ามาหลงตัวเองอีกนะ เฮ้อ เพลียจิต)
ว่าแล้วก็เริ่มปฏิบัติการตามล่าหาชุดเพื่อมาสวมใส่ปิดกายล่อนจ้อนอุจาดตา
เฟยเทียนทะยานร่างไปในป่าด้วยวิชาเซียนเหิน ซึ่งสามารถทำให้ลอยตัวอยู่บนอากาศได้
และแล้วเฟยเทียนก็หาชุดที่ถูกใจได้ในที่สุด
"เหอๆๆ จิ้งจอกน้อยเอ๋ย จงมาเป็นชุดให้ข้าเสียเถอะ"
ตุบ เอ๋ง แอ็ก
เฟยเทียนจัดการปาหัวจิ้งจอกน้อย(ที่ไม่น้อย)ด้วยก้อนหินจนตายในที่สุด
"เหอๆๆ เอาล่ะมาเริ่มสร้างชุดกันเถอะ"
.
.
.
เฟยเทียนใช้เวลาในการทำชุดจากหนังและขนจิ้งจอกหนึ่งชั่วยามเต็ม ก็ได้ชุดออกมาหนึ่งชุด เฟยเทียนจึงสวมใส่มัน ซึ่งในตอนนี้เฟยเทียนช่างดูสง่างามยิ่งนัก
"งืมๆ จะว่าไป ข้ายังไม่รู้เลยนะว่าจะออกจากป่านี้ได้ไง เอาเป็นว่า เดินๆไปเดี่ยวก็เจอเองแหละนะ"
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น พูดกับตนเองว่า
"เอาล่ะ มาเริ่มปฏิบัติการหาทางออกจากป่าเลยเถอะ"
.
.
.
***********************************************
จบแล้วค่า~ กับตอนที่หนึ่ง ช่วยเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ บ๊ายบาย อิอิ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น