ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY REMEMBER'S

    ลำดับตอนที่ #5 : [FIC ALINA TOWN] When the snow drop..

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 58


    CR.SQ

                    ในค่ำคืนหนาวเหน็บอันแสนหอมหวานที่อบอวลไปด้วยแสงไฟ เสียงเพลงและเสียงหัวเราะที่ดังมาจากทั่วทุกสารทิศ บรรดาร้านค้าน้อยใหญ่ต่างพากันขายของอย่างสนุกสนาน แม้จะเลยเวลาปิดทำการมาแล้วก็ตาม แม้มันน่าจะเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับคนที่ต้องการที่เงียบๆ สงบๆ อย่างฉัน ณ ขณะนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ น่าสนุก สำหรับใครหลายคนเลยทีเดียว จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อวันนี้เป็นวัน คริสต์มาส นี่นา..

     

                    ฉันเดินไปตามแนวถนนที่วันนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างออกมาเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน พลางสะบัดหัวไล่ความคิดหลายอย่างที่ไหลออกกันมากองกันอย่างสะเปะสะปะ หลายปีที่ฉันตื่นมานี้ ไม่มีวันไหนที่หัวสมองฉันจะว่างเว้นจากการที่คิดเรื่องราวต่างๆ มากมายที่เคยเกิดขึ้น ณ สถานที่ที่ได้ชื่อว่า เอลิน่า  มันอาจจะเป็นเรื่องปกติของโชคชะตาของคนเรา ที่โดนกำหนดมาแล้ว และใช่ พรหมลิขิตขีดเส้นให้พวกเรากลับมาพบกัน ฉันเชื่อว่ามันต้องเป็นเพราะอย่างนั้น และเพราะอย่างนั้นสินะ พวกเขาถึงพยายามตามหาและช่วยฉันให้ตื่นจากนิทรา แม้ว่าฉันจะไม่ใช่ใครคนเดิมที่พวกเขาตามหาก็ตาม

     

                    ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่ใช่ เอมิเลีย แต่ฉันคือ กรอนดิเอลญ่าร์ หนึ่งในผู้นำสูงสุดของกวินซีเวียร์ ตระกูลที่พวกเราทุกคน ไม่สิ ต้องพูดว่า พวกเขาและฉันร่วมกันสร้างขึ้นมา เดี๋ยวสิ นี่ไม่ใช่ประเด็นตอนนี้สักหน่อย ประเด็นมันอยู่ที่ว่าฉันไม่ใช่คนเดิม ฉันไม่ใช่เอมิเลีย พี่สาว น้องสาวที่พวกเขาใฝ่หา ไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในความทรงจำพวกเขา ฉันก็แค่บังเอิญหน้าตาเหมือนหล่อนเท่านั้น ฉันก็แค่บังเอิญได้รับความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับหล่อนมาก็เท่านั้น มันอาจจะดูเป็นอะไรที่งี่เง่าและโง่เขลามากที่ฉันไม่ยอมรับความจริง แต่นี่ก็คือฉันในตอนนี้ ฉันที่แสนจะขี้ขลาด แต่เพราะฉันรู้สึกผิดที่ฉันไม่สามารถตอบรับความรู้สึกทุกอย่างของทุกๆ คนได้ เพราะฉันทำได้เพียงแค่จำพวกเขาเหล่านั้น จำได้แค่อดีต ของตนเองรักพวกเขามากมายขนาดไหน เคยมีความทรงจำร่วมกันเพียงใด แต่ฉันไม่ได้มีความรู้สึกร่วมไปกับมัน นี่ฉันคงเป็นเหมือนซอมบี้ที่กินสมองของคนตายสินะ ..

     

                    “คิดอะไรอยู่เหรอ” เสียงทุ้มๆ ของใครบางคนปลุกฉันขึ้นจากภวังค์

     

                    “อ๊ะ ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” ฉันยิ้มให้ตาหยีพร้อมกับตอบใครคนนั้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง

     

                    “อืมมม”  ดูก็รู้ว่าไม่เชื่อ ให้ตายสิ –A-

     

                    “ฮะๆ แต่ว่าตอนนี้เรารีบไปกันดีกว่านะ เดี๋ยวเด็กๆ จะรอนาน” ฉันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเร่งฝีก้าวให้เร็วขึ้น โดยจุดหมายปลายทางข้างหน้าคือ ร้าน ‘Novena’

     

                     “อือ ไปสิ” คนๆ นั้นเลื่อนมือมากุมมือฉันก่อนบีบมันเบาๆ ราวกับให้กำลังใจอะไรบางอย่าง ให้ตายสิ มีใครจะทำตัวน่ารักแบบนี้ไปถึงไหนเนี่ย แค่นี้ฉันก็หลงนายจะแย่แล้วนะ ฉันบ่นในใจพลางอมยิ้มไปตลอดทาง

     

    ณ ร้าน Novena

                    “อ้าว  คุณกรอนด์มาแล้วเหรอครับ สวัสดีนะครับ” ชายร่างบางเจ้าของนาม ฟอกซ์เทล เอ่ยขึ้นพร้อมกับยกถาดวางคุกกี้มาที่โต๊ะอาหาร


                    “อื้อ ขอโทษที่มาช้านะคะ” ฉันตอบรับคำก่อนก้มหัวเชิงขอโทษกลายๆ


                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณมาทุกคนก็ดีใจแล้วล่ะ” ฟอกซ์เทลส่ายหน้าให้กับฉันพร้อมกับยิ้มละไมมาให้


                    “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ ฮะๆ ว่าแต่ เจ้าของร้าน ไปไหนเหรอคะ”


                    “พี่เรย์น่ะเหรอครับ ? อยู่หลังร้านมั้งครับ ตะกี้ผมเห็นบ่นว่าของขาดอะไรนี่แหละครับ”


                    “อย่างนั้นเหรอคะ .. ? งั้นกรอนด์ขอตัวไปหาเจ้าของร้านก่อนนะคะ” ฉันยิ้มให้ฟอกซ์เทลอีกทีก่อนจะเดินลัดเลาะมาทางหลังร้านอย่างชำนาญ จนเจอกับแผ่นหลังของใครบางคนที่แสนจะคุ้นตา


                    “เรย์ ทำอะไรอยู่น่ะ” ฉันถามพลางชะโงกหน้าไปดู


                    “เฮ้ย ! พี่กรอนด์มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ชายหนุ่มเจ้าของนามว่า เรย์ หรือ เรย์นาร์ด สะดุ้งอย่างตกใจ แต่ฉันก็เป็นสิ่งที่เรียกอารมณ์ขันจากฉันได้ไม่มากก็น้อย อย่างน้อยฉันก็แกล้งเจ้าของร้านได้ล่ะนะ


                    “ตะกี้นี้เอง กะจะแวะมาทักทายเจ้าของร้านก่อน เค้าถือเป็นมารยาทที่ดีน่ะ” ฉันยิ้มให้เรย์ก่อนที่จะยื่นของบางอย่างให้ “อะ ! นี่ของขวัญ สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ”


                    “อะครับ สุขสันต์วันคริสต์มาสเหมือนกันนะพี่กรอนด์”


                    “จ้ะ ยังไงก็รีบทำงานต่อให้เสร็จเร็วๆ นะ แล้วเจอกันข้างนอก” ฉันลาเรย์ก่อนที่จะเดินกลับออกมาแล้วสำรวจโซนร้านที่วันนี้ประดับประดาไปด้วยของตกแต่งมากมายให้เข้ากับเทศกาลวันคริสต์มาส ถึงแม้จะตกแต่งให้เข้ากับเทศกาล แต่ร้านนี้ก็ไม่ได้เปิดในวันคริสต์มาสแต่อย่างใด ก็เพราะวันนี้เรามีนัดฉลองวันคริสต์มาสกับ กวินซีเวียร์ กันไงล่ะ !


                     “อ้าว ราล์ฟ สวัสดีค่ะ”


                    “สวัสดี -_-” ฉันยู่ปากให้กับคำตอบของราล์ฟ หญิงสาวผมสีขาวที่มาพร้อมกับชุดคลุมและใบหน้าอันเรียบเฉย ด้วยถ้อยคำที่เขาตอบฉันมานั้นทำให้ฉันคิดว่านั่นอาจจะเป็นการทักทายที่ยาวที่สุดของเขาแล้วก็ได้ เฮ้อ ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ไม่ชินกับหน้าและสไตล์การตอบแบบนั้นของเขาอยู่ดี แต่ก็แปลก ถึงราล์ฟจะดูเป็นคนที่เย็นชาและทำให้ใครหลายคนกลัวได้ แต่เขากลับมีหญิงสาวที่น่ารัก น่าฟัด น่ากอดมาเป็นศรีภรรยาซะงั้น ซึ่งก็คือ เดลนั่นเอง ฉันเลื่อนสายตามามองหญิงสาวร่างเล็ก ที่ดูนุ่มนิ่มและน่าทะนุถนอมคนนั้น


                    “สวัสดี เดล ไม่เจอกันนานเลยนะ”


                    “สวัสดีค่ะพี่กรอนด์ นั่นสินะคะ ไม่เจอกันนาน คิดถึงจังเลย~” เดลหันมาทักทายฉันพร้อมกับโผตัวเข้ากอด และนั่นทำให้ฉันเกือบรับร่างบางนี้ไม่ทัน แต่ฉันคงต้องรับทันแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเจ้าของสายตาอันเย็นชานั่นคงจะฆ่าฉันตายอีกครั้ง ล่ะมั้งนะ ฉันได้แต่คิดในใจพลางลูบหัวคนที่โผเข้ากอด


                    “ฮะๆ คิดถึงเหมือนกันจ้ะ สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ” ฉันบอกเดลด้วยน้ำเสียงเอ็นดูพลางเลื่อนไปสบสายตากับสามีของนางให้ได้ยินคำอวยพรของฉันด้วย


                    “สุขสันต์วันคริสต์มาสเช่นกันค่ะ” เดลยิ้มกว้างก่อนจะผละออกแล้วไปเป็นลูกแมวน้อยของราล์ฟเช่นเดิม บางทีฉันก็คิดนะ นี่ฉันมาปาร์ตี้หรือมางานอะไรกันแน่ เพราะอะไรน่ะหรือ ทั้งร้านนี่แทบจะแบ่งโซนใครโซนมัน ครอบครัวใครครอบครัวมัน คู่ใครคู่มันเลยก็ว่าได้ และแน่นอน ฉันไม่ใช่คนที่จะเดินเข้าไปทักทายทุกกลุ่มหรอกนะ ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะสอดสายตาหาใครบางคนที่เป็นคนพิเศษของฉัน อีกคน ในค่ำคืนนี้

     

                   “ตัว~ Merry Christmas” ฉันกระซิบเข้ากับหูของชายคนหนึ่งที่กำลังยืนมองทิวทัศน์ด้านนอกเบาๆ พร้อมกับสวมกอดจากด้านหลังด้วยความคิดถึง และแน่นอน เขาสะดุ้งล่ะนะ


                    “ทำไมตัวเล่นอะไรแบบนี้ เค้าตกใจหมดเลย”


                    “ก็เค้าอยากแกล้งตัวนี่” ฉันแกล้งทำตาใสซื่อใส่หลังจากที่ผละออกแล้วมายืนตรงหน้าชายผู้ที่ฉันเรียกว่าตัว หรือที่คนอื่นๆ เรียกเขาว่า ลูอิส เขาเป็นชายผู้มีผมสีขาวดั่งสีหิมะแรก ซึ่งตัดกับดวงตาสีแดงคล้ายสีเลือดนั่น แต่คงเพราะสองสิ่งนี้นี่แหละทำให้เขาเป็นเหมือน ฝาแฝด กับอดีตของฉัน และเพราะเช่นนั้นฉันจึงมีสายสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะแนบแน่นกับเขา


                    คนตรงหน้าฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอื้อมมือมาลูบผมฉัน และหลังจากนั้นเราสองคนก็คุยกันนิดหน่อยถึงเรื่องความเป็นมาและอะไรหลายๆ อย่างในช่วงที่ไม่ได้เจอกัน


                    “หิมะนี่มันให้ความรู้สึกอ้างว้างเหลือเกินแฮะ”


                    “ไม่หรอก แต่อันที่จริงมันก็ขึ้นอยู่กับคนมองล่ะมั้ง” ฉันพูดพลางมองหิมะที่ตกโปรยปรายอยู่ข้างนอก


                    “งั้นเหรอ ฮะๆ”


                    “แต่ยังไงเค้าก็อยู่กับตัวเสมอนะ” ฉันเอื้อมมือไปดึงมือของอีกคนขึ้นมากุม ก่อนจะยิ้มให้ลูอิสด้วยความจริงใจ ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นคนสำคัญที่ฉันจะไม่มีวันทิ้งเขาไปแน่นอน


                    “อื้อ ขอบคุณนะ” ลูอิสหันมองฉันด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ฉันลูบหัวเขาเบาๆ ก่อนที่จะขอตัวไปทักทายคนอื่นบ้าง และคนที่ฉันมองเป็นเป้าหมายต่อไปนั่นก็คือ เฌอมิเกล ชายร่างบางที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากปกป้องเขาทุกครั้งที่ได้ยินหรือได้เห็นหน้า มันคงเป็นผลพวงจากอดีตของฉันล่ะมั้ง


                    “เกล ไง (‘ ‘)/”ฉันโบกมือทักทายให้กับเด็กผู้ชายที่หน้าหวานเหมือนกับเด็กผู้หญิง อ่า.. ฉันเริ่มรู้สึกอายตนเองแล้วสิ ทำไมเขาหน้าหวานขนาดนี้นะ ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งเหมือนกับเด็กผู้หญิง นี่ถ้าไม่ใช่เพราะชุดที่เขาใส่อยู่ ฉันคงคิดว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิง


                    “อ๊ะ สวัสดี กรอนด์” เขาหันมาก้มหัวทักทายฉันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มไร้เดียงสาให้ฉัน และนั่นก็ทำให้ฉันแก้มร้อนผ่าวอีกระรอก เป็นเด็กผู้ชายที่น่ารัก น่าฟัด และไร้เดียงสามากที่สุดเท่าที่เคยเจอ T///T


                    “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ เกล มีความสุขมากๆ นะ” ฉันยิ้มให้เกล ก่อนจะอ้าแขนรอรับกอด


                    “อื้อ สุขสันต์วันคริสต์มาสเหมือนกันนะกรอนด์” เด็กชายยิ้มละไมให้ฉันก่อนจะตอบรับกอดด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย ทำไมฉันรู้สึกว่ากอดของเขาอบอุ่นจังเลยนะ ฉันหลับตาพริ้มกักเก็บความรู้สึกตรงนี้ไว้ก่อนจะผละออกเพราะเจ้าของร้านอย่างเรย์ตะโกนเรียกทุกคนมาเนื่องจากอาหารและทุกๆ อย่างถูกเตรียมการไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว            


                    ฉันเดินจูงมือมิเกลมาที่โต๊ะอาหารก่อนจะเลือกนั่งลงข้างๆ กับใครบางคนที่มาพร้อมกับฉันในวันนี้ ก่อนที่จะเริ่มต้นฉลองวันคริสต์มาสกับ 'พวกเขา' ฉันยิ้มอย่างมีความสุขพลางมองไล่แต่ละคนที่นั่งล้อมรอบโต๊ะอาหาร ... เรย์นาร์ด ดาเอวา ฟอกซ์เทล โวค มิเกล ฌอห์น ราล์ฟ เดล ลูอิส อาเธอร์ มิช ชาร์ลีฟ พี่เฟรย์ ซิลเวีย ไอจิ เมงุมิ เจเจ และพี่เคลียร์ ดูเหมือนทุกคนมีความสุขกับเทศกาลคริสต์มาสนะ ฉันคิดในใจ แม้ว่าตัวฉันจะไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเทศกาลนี้มาก แต่เพราะพวกเขาตรงหน้าเป็นคนสำคัญที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกฉัน ดังนั้น การที่ได้ทำอะไรให้พวกเขา แม้จะน้อยนิด แค่เพียงมาร่วมงานปาร์ตี้วันนี้ก็ถือเป็นสื่งที่พวกเขาได้รับแล้วมีความสุข แค่นั้นมันก็คงพอแล้วมั้ง


                    "เอวา เจ้าไปตัดผมสั้นมาเหรอ" ฉันทักขึ้นหลังจากสังเกตได้ว่า ผมสีแดงของชายหนุ่มเจ้าของนาม 'เอวา' หรือ 'ดาเอวา'


                    "ผมเหรอ ใช่ ข้าเพิ่งไปตัดมาเองน่ะ"


                    "อืมม เจ้าดูเป็นผู้ชายขึ้นนะ.. แม้จะแค่นิดเดียวก็เถอะ ^^" ฉันชมเอวาจากใจจริง การที่เขานั้นไปตัดผมมันทำให้เขาดูเป็นผู้ชายมากขึ้น แม้จะแค่นิดเดียวก็เถอะ ดาเอวา ชายหนุ่มผู้หน้าตาสวยเกินหญิง ประกอบกับผมสีแดงเพลิงที่ซอยประบ่านั้น ทำให้เขายังดูเหมือนผู้หญิงแนวลุยๆ มากกว่าผู้ชายอยู่วันยังค่ำ และนั่นคงไม่นับรวมนิสัยหลายอย่าง ที่.. อืม ฉันคิดว่า เขานั้นเหมาะที่จะเป็นผู้หญิงสุดๆ เลยล่ะ แม้เขาจะไม่เคยยอมรับว่าตัวเองนั้นเหมือนผู้หญิงมากเพียงใดก็ตาม


                    "ข้าควรดีใจใช่มั้ย" 


                    "มากถึงมากที่สุดเลยล่ะ อ๊ะ ฟอกซ์ ข้ามีของจะให้เจ้า"


                    "คุณกรอนด์มีของจะให้ผมเหรอครับ อะไรครับนั่น" น้ำเสียงของฟอกซ์เทลเจือความตื่นเต้นระคนดีใจที่เก็บไม่อยู่ แน่นอนล่ะ ฉันพึงใจกับปฏิกิริยาตอบกลับของเค้ามาก ถ้าเขาใช้ไม่แสดงปฏิกิริยาแบบนี้ ฉันคงเก็บของแล้วจะไม่มีวันให้อะไรเขาอีกแน่ๆ


                    "กำไลของชนเผ่าโบราณน่ะ พอดีวันก่อนมีธุระที่จะต้องไปสะสางแถวนั้น เห็นแล้วนึกถึงเจ้าขึ้นมา" 


                    "ว้าว ขอบคุณที่นึกถึงผมนะครับ มันสวยมากๆเลย" ฟอกซ์เทลรับกำไลที่ฉันส่งให้อย่างระมัดระวัง เขามองมันด้วยด้วยความสนใจ ในตาของเขาเหมือนเด็กน้อยที่เจอสิ่งที่ตัวเองถูกใจ นี่คือรางวัลสำหรับคนที่ให้ของผู้อื่นสินะ ความสุขของคนที่ได้รับน่ะ ?


                    "ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็รักษามันดีๆ นะ แน่นอน มันมีอะไรอยู่ในนั้น" ฉันขยิบตาให้ฟอกซ์เทลเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะในลำคอเมื่อฟอกซ์เทลทำสีหน้าสงสัยกับคำว่า 'มีอะไรอยู่ในนั้น' แต่ยังไงฉันก็ไม่บอกหรอก ปล่อยให้เขาหาให้ได้ตัวเอง ไม่งั้นจะเป็นของขวัญจากซานต้าได้อย่างไรล่ะ คิก~


                    แต่แล้ววันเวลาแสนงดงามนั้นก็ได้จบลง ก็อย่างที่หลายๆ คนบอก เวลาที่มีความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ แม้จะเป็นความสุขที่ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมฉันถึงมีความสุขก็ตาม แต่ช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตไปพร้อมกับพวกเขา พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์และเล่นเกมกัน เป็นช่วงเวลาที่ดูมีค่ามากๆ สำหรับฉัน และสำหรับวันนี้ มันได้หมดลงไปแล้ว ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก็เบนสายตามามองคนที่เดินเคียงคู่กันในเส้นทางที่จะกลับบ้าน


                    ถึงแม้ว่าตอนกลับ ถนนจะไม่ได้เต็มไปด้วยผู้คน แต่ก็ถือว่ายังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่ยังเดินเที่ยวเตร็ดเตร่ตามแนวถนนในช่วงเวลาแบบนี้ แต่ตอนนี้อะไรก็คงไม่สำคัญเท่ากับคนข้างๆ ฉันอีกแล้วล่ะ ฉันอมยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะสะกิดคนที่อยู่ข้างๆ


                    “นาย ~ เรายังไม่อยากกลับบ้านอะ”


                    “หืม แล้วจะไปไหน ?” คนๆ นั้นเลิกคิ้วมองด้วยแววตาสงสัย


                    “ไม่รู้ แค่ยังอยากอยู่กับนายให้มากกว่านี้เท่านั้นเอง” ฉันเลื่อนสายตาไปสบตาสายตาคนอีกคนอย่างอ้อนๆ ก่อนที่จะได้รับคำตอบเป็นมือที่มาลูบหัวอย่างอ่อนโยน


                    “นาย” ฉันเรียกคนๆ นั้นเบาๆ


                    “หืม.. ว่าไง ?”


                    “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ” ฉันพูดเบาๆ ก่อนเขย่งตัวขึ้นจุ๊บปากคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แต่คงไม่เร็วเท่าใครตรงหน้าฉันที่รั้งฉันไว้ก่อนงับริมฝีปากฉันเบาๆ เหมือนเป็นการเอาคืน


                    “สุขสันต์วันคริสต์มาสเช่นกันนะ ;)”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×