ตอนที่ 1 : Come Closer : บทนำ 100%
บทนำ
ในช่วงหน้าฝนที่มีอากาศอบอ้าวมากที่สุดแห่งปีแต่ภายในร้านของฉันก็ยังคงเย็นฉ่ำด้วยอานิสงส์ของแอร์ที่ซื้อมาติดตั้งแต่เปิดร้าน ฉันเปิดร้านขายดอกไม้เล็ก ๆ กลางเมืองหลังจากที่ออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านที่เปิดใหม่แต่ผลตอบรับก็เกินคาดมาก เนื่องจากนักธุรกิจหรือแม้กระทั่งคู่รักต่าง ๆ ก็แวะเวียนเข้ามาสั่งดอกไม้จากร้านของฉันเสมอจนแทบจะจัดไม่ทันกันเลยทีเดียว
นอกจากจะมาอุดหนุนแล้วลูกค้าหลาย ๆ คนก็ยังช่วยบอกต่อผู้คนที่อยู่รอบตัวจนทำให้ร้านของฉันกลายเป็นร้านที่เป็นที่นิยมมาก ๆ แห่งหนึ่ง
“น้องแพรมีออเดอร์ใหม่เข้ามาค่ะ” พี่อ้อมพนักงานในร้านของฉันเดินเข้ามาหาพร้อมกับกระดาษอะไรบางอย่าง
“อะไรหรอคะ” ฉันเอื้อมมือไปหยิบพร้อมกับก้มลงมองที่กระดาษใบนั้น ข้อความที่เขียนอยู่เป็นข้อความสั้น ๆ ที่ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนที่สั่งต้องการจะแสดงความยินดีหรือกวนประสาทคนที่รับกันแน่
“ข้อความที่จะเขียนลงไปในการ์ดค่ะ” เธอตอบฉันเพื่อคลายความสงสัย
ฉันพยักหน้าให้เธอพร้อมกับเดินไปจัดดอกไม้ตามที่ลูกค้าสั่งเอาไว้ ดอกไม้ที่ถูกเลือกเป็นดอกยิปโซสีขาวล้วนห่อด้วยกระดาษสีดำตามที่ลูกค้าบอกไว้พร้อมกับริบบิ้นสีน้ำเงินเข้มที่ถูกเลือกมาใช้เพื่อไม่ให้ดูเหมือนกับงานไว้อาลัยจนเกินไป
ฉันลงมือเขียนการ์ดใบนั้นด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดใด ๆ มือที่จับปากกาสีดำค่อย ๆ เขียนลงไปที่กระดาษแข็งแผ่นสวยสีทองด้วยความประณีต
‘ไหน ๆ มึงก็ขยายสาขาให้ใหญ่ขึ้น ขอแลมโบให้กูสักคันเถอะ’
เรย์
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้รู้จักกับคนสองคนนี้เป็นการส่วนตัวแต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่าเขาคงเป็นเพื่อนสนิทกันเมื่อดูจากข้อความนี้แล้ว
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยฉันก็เอาช่อดอกไม้ที่ไม่ใหญ่มากนักช่อนี้ใส่ลงไปในกล่องสีน้ำเงินเข้มและตามด้วยริบบิ้นสีทองผูกทับเข้าไปเพื่อให้ของข้างในดูมีมูลค่ามากขึ้น
“พี่อ้อมคะ ของเสร็จแล้วนะคะให้พี่แดนไปส่งได้เลยค่ะ” ฉันหันไปบอกพี่อ้อมที่กำลังคัดเลือกดอกไม้อยู่หลังร้าน
“พี่ลืมบอกไปเลยค่ะ วันนี้พี่แดนเขาไปประชุมผู้ปกครองให้ลูกชายแกค่ะ น่าจะไม่ได้เข้าร้านในวันนี้ เดี๋ยวของพี่โทรเรียกให้คนไปส่งให้นะคะ” เธอรีบเดินออกมาจากหลังร้านด้วยท่าทีเร่งรีบ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปส่งเอง พอดีบ่ายนี้ว่างค่ะ ไม่ได้ไปไหน”
ฉันอาสาที่จะไปแทนเพราะไม่อยากจ้างบริษัทเอกชนสักเท่าไหร่เพราะกลัวว่าคนส่งจะทำของเสียหาย พูดจบฉันก็ยกกล่องดอกไม้กล่องใหญ่ไปที่รถเพื่อเตรียมตัวจะเอาไปส่งให้กับลูกค้าตามที่ต้องการ
ตึกสูงใหญ่ที่มีกระจกสะท้อนแสงวิบวับจนแสบตาไปหมดเป็นที่หมายที่ฉันต้องเอาดอกไม้ในกล่องนี้มาส่งให้ ฉันจอดรถไว้หน้าตึกที่เป็นบริเวณที่มีไว้จอดรถสำหรับคนส่งของโดยเฉพาะและรีบเดินเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็วเพราะเริ่มรู้สึกว่าอากาศรอบตัวนั้นเริ่มร้อนระอุขึ้นเป็นเท่าตัว ฉันเดินเข้าไปในลิฟต์และกดตามชั้นที่ระบุมาในกระดาษ พอมองหาหมายเลขก็พบว่าเป็นชั้นบนสุดของตึกแห่งนี้ ฉันใช้เวลาในการขึ้นลิฟต์ค่อยข้างนานเพราะตึกแห่งนี้สูงมาก พอถึงที่หมายฉันก็รีบก้าวเดินออกมาเพื่อติดต่อกับยามที่นั่งประจำอยู่ข้างหน้าห้องกระจกขนาดใหญ่
“ขอโทษนะคะ เอาของมาส่งต้องฝากไว้ที่ไหนคะ” ฉันเอ่ยถามคุณลุงยามเพื่อเอาคำตอบ
“เข้าไปข้างในเลยหนู มีผู้หญิงนั่งอยู่หน้าประตูฝากเขาไว้ได้เลย” คุณลุงชี้เข้าไปข้างในเพื่อบอกทางฉัน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันไหว้ขอบคุณพร้อมทั้งเดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่แห่งนี้เพื่อตามหาคนที่คุณลุงบอก
ผู้หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่หน้าห้องเป็นเป้าหมายหลักของฉัน เมื่อสายตาของฉันเหลือบไปเห็นเธอฉันจึงรีบมุ่งหน้าเข้าไปหาเธอเพื่อฝากของที่นำมาส่งไปให้ปลายทาง
“ขอโทษนะคะ พอดีมาส่งของค่ะ ฝากไว้ที่ไหนได้บ้างคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างมีมารยาท
เธอเงยหน้าจากมือถือเมื่อได้ยินเสียงฉันพร้อมกับตอบออกมา
“ฝากให้ใครหรอคะ” น้ำเสียงที่หนักแน่นมีความมั่นใจสูงนั้นทำให้ฉันแอบกลัวอยู่เล็กน้อย
“คุณอิฐค่ะ” ฉันตอบชื่อคนรับที่ระบุไว้
“อ้อ ฝากไว้ที่นี่ได้เลยค่ะ”
ฉันวางกล่องดอกไม้กล่องใหญ่ไว้ที่โต๊ะที่คิดว่าน่าจะเป็นโต๊ะทำงานของเธอ พร้อมกับส่งยิ้มไปให้อย่างจริงใจ “รบกวนด้วยนะคะ”
พูดจบฉันก็หมุนตัวออกมาเพื่อที่จะกลับไปที่ร้านอย่างเดิมโดยไม่ลืมที่จะขอบคุณลุงยามที่นั่งอยู่หน้าห้องใหญ่เมื่อกี๊ ฉันสาวเท้ามาที่ลิฟต์ตัวเดิมที่เคยขึ้นมาเมื่อครู่พร้อมทั้งยืนรออยู่ตรงนั้น
ครืด ครืด
ระหว่างที่รอโทรศัพท์มือถือของฉันสั่นขึ้นมาเพื่อแจ้งเตือนว่ามีคนโทรมาในตอนนี้ ฉันล้วงมือไปหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าใบโปรดพร้อมทั้งจ้องไปที่หน้าจอเพื่อดูว่าใครคือคนที่โทรมาหาในตอนนี้
CAKE รายชื่อที่อยู่บนหน้าจอเป็นชื่อของเพื่อนสนิทของฉัน เราสนิทกันตั้งแต่ช่วงมหาวิทยาลัยจนตอนนี้เรียนจบกันแล้วเราก็ยังคงเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม
ติ๊ง! เสียงลิฟต์เปิดเป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้ฉันรีบเดินเข้าไปในนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ระหว่างนั้นฉันก็กดรับสายเพื่อนสนิทพลางมองไปที่ผู้ชายตัวสูงที่อยู่ในชุดสูทเรียบร้อยที่เดินสวนออกไปจากลิฟต์ตัวนี้ ไหล่กว้าหนา แผ่นหลังที่มีพื้นที่กว้างพร้อมทั้งขาเรียวยาวราวกับนายแบบทำให้เขาดูโดดเด่นมาก ถึงแม้ว่าฉันจะมองไม่เห็นหน้าเขาก็เถอะ ทันใดนั้นตัวลิฟต์ก็ปิดไปทำให้ภาพ ๆ นั้นหายไปจากสายตามีเพียงแค่เงาของตัวฉันเองที่อยู่ในกระจกที่สะท้อนกลับมา
“ว่าไงเค้ก” ฉันเปล่งเสียงไปยังปลายสายทันทีที่รู้สึกตัว
(แกจะมาที่ร้านตอนไหน ตอนนี้คนอื่น ๆ มาครบกันแล้วนะ) เสียงเล็ก ๆ ของเพื่อนทำให้ฉันต้องคิดหนักเมื่อรู้ว่าตัวเองลืมนัดสำคัญของเพื่อนในวันนี้
“เอ่อ...คือ” ฉันยกแขนข้างซ้ายขึ้นมาดูเวลาเพื่อคำนวณเวลาคร่าว ๆ เพื่อจะได้ไปถึงร้านของเค้กให้เร็วที่สุด
(อย่าบอกว่าลืมอีกแล้วนะ) น้ำเสียงของเพื่อนสนิทเริ่มเข้าสู่อาการงอนเมื่อเห็นว่าฉันอึกอักกับคำตอบเมื่อครู่นี้
“ไม่ลืม ๆ กำลังออกไปเลย พอดีฉันติดมาส่งของแทนพี่แดนน่ะ อาจจะช้านิดหน่อย” คำแก้ตัวถูกปล่อยออกมาเพื่อไม่ให้เพื่อนน้อยใจไปมากกว่านี้
ฉันเป็นคนขี้ลืมมาตั้งแต่เด็กแล้ว ยิ่งนัดของเพื่อนนี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องตั้งเวลาไว้เพื่อไม่ให้ผิดนัดมาตั้งแต่สมัย ม.ปลาย มีครั้งหนึ่งตอนที่ฉันยังเด็กฉันถูกเลือกให้เป็นตัวแทนของกลุ่มเพื่อที่จะไปแข่งขันทักษะทางวิชาการของโรงเรียนแต่พอถึงวันแข่งจริง ๆ ฉันกลับลืมไปสนิท ทำให้อาจารย์ต้องให้เพื่อนอีกคนไปแข่งแทนฉันที่ผิดนัดในวันนั้น ฉันรู้สึกผิดมาตลอดเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่มันทำให้ฉันเริ่มที่จะตั้งเวลาไว้เพราะกลัวว่าตัวเองจะผิดนัดสำคัญไปอีก
(ให้มันจริงเถอะ อย่าให้รู้นะว่าลืมอีกนะ คราวนี้ฉันจะโกรธไปถึงเดือนหน้าเลย) น้ำเสียงที่ดูจริงจังทำให้ฉันแอบขำอยู่ในใจ
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวรีบไปนะ” ฉันตอบเพื่อนไป
เราคุยกันต่ออีกหน่อยก่อนที่จะวางสายไป
@THE BEEF
ฉันใช้เวลาขับรถมาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ไม่ใช่เพราะว่าระยะทางมันไกลหรอกนะแต่เป็นเพราะว่ารถมันติดเกินไปต่างหากล่ะ กว่าจะฝ่ารถติดมาได้ฉันก็ปาดเหงื่อไปหลายรอบกันเลยทีเดียว
เมื่อรถจอดอยู่ที่ประจำแล้วฉันก็รีบเดินเข้าไปในร้านของเพื่อนสาวเพื่อเข้าไปทักทายเพื่อน ๆ คนอื่นตามปกติ วันนี้เป็นวันเกิดของแฟนหนุ่มของเค้กทำให้เราต้องมาช่วยงานกันตั้งแต่เนิ่น ๆ
“ฉันตื่นเต้นจังเลย แกว่าเพียวจะรู้รึเปล่าว่าฉันจัดงานให้น่ะ” เค้กเดินมาเกาะแขนฉันพร้อมทั้งเขย่าไปมาเพื่อเอาคำตอบ
“คงไม่รู้หรอกมั้งแกก็ไม่ได้มีพิรุธอะไรนี่” ฉันตอบไปตามความจริงเพราะว่าเพื่อนสาวคนนี้เป็นทั้งนักแสดงชื่อดัง มีหรอที่จะพลาดเรื่องแบบนี้
“แต่เขาจับผิดเก่งนี่นา กลัวว่าจะรู้ก่อนที่ฉันจะเซอร์ไพรส์” เค้กพูดถึงแฟนหนุ่มที่เป็นนักร้องวงร็อคชื่อดังที่ชื่อว่าวง The real เป็นวงที่ก่อตัวมาได้ไม่กี่ปีแต่กลับมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็วคงเป็นเพราะเนื้อหาของเพลงค่อนข้างจะกินใจวัยรุ่นส่วนใหญ่ เค้กกับคุณเพียวคบกันมาได้สองปีแล้วโดยที่ทั้งสองคนเจอกันในกองถ่ายรายการอะไรสักอย่าง ฉันก็แปลกใจอยู่นิดหน่อยที่นักร้องที่มีนิสัยไม่สุงสิงกับใครอย่างคุณเพียวมาตามจีบเพื่อนสาวดาราของฉัน แต่กว่าทั้งคู่จะคบกันได้ก็ทำเอาเพียวเข่าแทบทรุด ก็เพราะว่าเพื่อนตัวดีของฉันนั้นฮอตปรอทแตกเลยน่ะสิ คนตามจีบเป็นสิบแต่ละคนก็โปรไฟล์ดีไม่ต่างกันสุดท้ายคนที่ได้หัวใจของเพื่อนฉันไปครองก็เป็นคุณเพียวนักร้องชื่อดังคนนี้ ก็นะคนมันจะคู่กันต่อให้มีคนเป็นร้อยมาเข้าให้เลือกยังไงก็ต้องคู่กันอยู่ดี
“อย่าคิดมากเลย ฉันว่าคุณเพียวเขาคงไม่รู้หรอก แกบอกเองไม่ใช่รึไงว่าเขายุ่งกับคอนเสิร์ตอยู่นี่ อย่ากังวลไปเลย” ฉันปลอบเค้กไปเพราะเพื่อนของฉันค่อนข้างที่จะประหม่าเมื่อมีงานอะไรที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ
เมื่อคุยกับแม่งานเสร็จฉันก็เดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนที่เหลือที่กำลังช่วยกันจัดของอยู่กับพนักงานของร้าน
“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า” ฉันเดินเข้าไปถามเกรซที่กำลังจัดดอกไม้อยู่
“อ้าว มาแล้วหรอ” เธอไม่ได้ตอบอะไรแค่ตกใจกับการปรากฏตัวของฉันนิดหน่อย
“อื้ม” ฉันพยักหน้าให้พร้อมทั้งนั่งลงข้าง ๆ เกรซ
“ทำไมวันนี้ถึงมาช้านักล่ะ” ในขณะที่ฉันกำลังเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้มาช่วยจัดเกรซก็ถามขึ้นมา
“พอดีติดส่งของให้ลูกค้ากะทันหันน่ะเลยช้านิดหน่อย” ฉันตอบกลับไปอย่าไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“ดูคิงสิ ตั้งแต่แกมาก็เอาแต่มองมาทางนี้ไม่หยุดเลย” คำพูดของเกรซทำให้ฉันต้องหันไปมองคนที่เธอกล่างถึง
คิงเป็นเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม เป็นผู้ชายคนเดียวที่อยู่ในกลุ่มของเราและยังเป็นคนที่ฉันตีตัวออกห่างมากที่สุด ฉันพอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับฉันแต่ฉันก็พยายามที่จะถอยออกมาแล้ว
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันที่มหาวิทยาลัยคิงก็แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าจะจีบฉันแต่ฉันก็ทำเป็นไม่ได้สนใจเพราะเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ทำให้ฉันพยายามตีตัวออกหากจากเขาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคงทำแบบนั้นถึงแม้ว่าคิงจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ตาม
“แกอย่าพูดอย่างนี้สิเดี๋ยวมีใครมาได้ยิน” ใครที่ฉันว่าก็หนีไม่พ้นปรายแฟนของคิงนั่นแหละ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าปรายรู้เรื่องราวเหล่านี้รึเปล่าเพราะฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาสักเท่าไหร่
“ก็ดูคิงสิ ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วยังส่งสายตามาไม่หยุด” คำพูดของเกรซทำให้ฉันเริ่มคิดหนักเพราะกลัวว่าเกรซจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่
“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันจะอยู่ห่างจากคิงเอง” ฉันพยายามแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้มีใครต้องผิดใจกันเพราะเรื่องราวในอดีตนี้อีก
ฉันหาเรื่องอื่นมาคุยกับเกรซเพื่อให้เกรซเลิกให้ความสนใจคิง ฉันรู้ว่าเกรซไม่ค่อยชอบคิงสักเท่าไหร่ ทุกครั้งที่เจอเธอมักจะจิกกัดคิงอยู่ตลอด ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่คิงไปทำอะไรให้มันโกรธนักหนามันถึงได้ไม่ชอบหน้าเขาขนาดนี้ คนในกลุ่มอย่างพวกฉันต้องคอยห้ามปรามอยู่ตลอดเมื่อเห็นว่าเกรซเริ่มทำตัวไม่ดีกับคิงครั้งไหน
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแผนที่เตรียมมาเซอร์ไพรส์ก็สำเร็จ คุณเพียวมาที่ร้านตามเวลาที่นัดไว้อย่างตรงเวลา ทำให้เพื่อนฉันถือโอกาสเซอร์ไพรส์ซึ่งคุณเพียวก็ดูตกใจนิดหน่อยแต่ด้วยความเป็นคนเงียบ ๆ นิ่ง ๆ ทำให้เขาไม่ค่อยแสดงใบหน้านั้นออกมาสักเท่าไหร่ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ถือว่ามันแย่อะไรเพราะเค้กก็เคยบอกกับฉันว่าคุณเพียวน่ะเวลาที่อยู่กับเธอก็จะเป็นอีกคนหนึ่งเป็นบุคลิกที่ไม่มีใครเคยเห็น ซึ่งฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้ชายแบบนี้จึงไม่ได้ถือสาอะไร
ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มครึ่งเป็นเวลาที่ฉันควรจะต้องกลับบ้านแล้วจึงบอกลาทุกคนที่อยู่ในงานและเดินมาขึ้นรถที่หน้าร้านอาหารของเพื่อนสาว คงเป็นเพราะที่ร้านเพิ่งจะเปิดใหม่ได้ไม่ถึงเดือนทำให้ยังขาดอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น ไฟ ตอนนี้ฉันเดินมาตามทางเดินอันมืดมิดเพื่อมาขึ้นรถ ฉันไม่เคยมาที่ร้านในช่วงกลางคืนแบบนี้ทำให้รู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย ปกติร้านอาหารของเค้กร้านนี้จะเปิดแค่ช่วงกลางวันจึงได้มองข้ามการติดไฟที่ทางเดินไปเพราะเห็นว่ามันสว่างดีอยู่แล้ว
ฉันเดินมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะสุดทางแต่ก็มีมือของใครบางคนมาจับแขนของฉันเอาไว้ ด้วยความตกใจมันทำให้ฉันกรีดร้องออกเสียงดัง
“กรี๊ดดด อุบ” ไม่ถึงเสี้ยววินาทีเสียงที่เปล่งออกมาก็ถูกมือใหญ่ของใครบางคนมาปิดปากเอาไว้
“เราเอง” เสียงทุ้มของคิงที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ฉันรู้สึกโกรธอยู่ลึก ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนฉันก็ตาม เมื่อคิงเห็นว่าฉันเงียบไปเขาจึงปล่อยมือออกจากปากของฉัน
“ปล่อยเรา” ฉันพยายามสะบัดมือที่จับอยู่ที่แขนของฉันให้หลุดไปเพราะกลัวว่าจะมีคนมาเห็นเข้า
“ให้เราไปส่งไหม มันดึกแล้ว” เขาตอบมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
“ไม่ต้องเรากลับเองได้” ฉันพูดด้วยอารมณ์ที่เริ่มโกรธนิด ๆ
“มันอันตรายเดี๋ยวเราไปส่ง” เขายังคงตื้อฉันไม่หยุดทำให้ฉันนึกรำคาญอยู่ไม่น้อย
“ไม่ต้อง! เรากลับเองได้” ฉันพยายามที่จะใช้มือแกะไปที่มือหนาของเขาแต่มันก็ไม่ได้ผลเมื่อเขายังคงจับแขนของฉันเอาไว้แน่น
“มีอะไรกัน” เสียงที่ดูแข็งกร้าวดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของคิงทำให้มือของเขาที่เคยจับอยู่หลุดออกไปอย่างง่ายดาย คนที่มาขัดก็เป็นเกรซเพื่อนคนที่ไม่ชอบหน้าคิงสักเท่าไหร่
เมื่อเกรซเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเธอได้ชัดขึ้น ฉันส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้เธอเพื่อทำให้ฉันหลุดออกจากสถานการณ์นี้
“พอดีเห็นว่าแพรเดินมาคนเดียวเราเลยเดินมาส่งน่ะ” คิงตอบพร้อมกับจ้องมาที่ฉัน
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวฉันจะไปส่งแพรเอง นายกลับไปดูปรายเถอะ เริ่มเดินตามหานายแล้ว” เกรซใช้เสียงต่ำที่ทำให้รู้ว่าไม่ชอบใจมากและเดินมาคว้ามือของฉันเดินออกไปจากตรงนี้
“ทีหลังก็ปฏิเสธไปเลยไม่ต้องไปสนใจคนอย่างมัน” คำพูดคำนั้นถูกปล่อยออกมาหลังจากที่ฉันถูกพาตัวมาส่งที่รถอย่างดี
“เข้าใจแล้ว” ฉันตอบพร้อมทั้งพยักหน้าให้และขึ้นไปนั่งบนรถ
เมื่อบอกลาเสร็จรถคันสวยของฉันก็เคลื่อนตัวออกไปจากร้านแห่งนี้เพื่อมุ่งหน้าไปที่บ้านหลังใหญ่ที่เป็นบ้านที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันนี้
ภายใต้แสงไฟที่ถูกเปิดสว่างจ้าอยู่ตามท้องถนนและจำนวนรถที่ยังคงเหลืออยู่ประปรายบ่งบอกถึงเวลาขณะนี้ ถึงแม้ที่นี่จะเป็นเมืองหลวงที่ใคร ๆ ก็คิดว่าต้องครื้นเครงอยู่ตลอดเวลาแต่มันไม่ใช่เลย ที่นี่ก็ยังมีความเงียบไม่ต่างอะไรกับที่อื่น ๆ เพียงแต่มีแสงไฟที่เปิดไว้ตามท้องถนนเท่านั้นที่เป็นจุดทำให้เมืองงหลวงแห่งนี้ไม่มืดสนิท
ฉันขับรถมาจนถึงหน้าหมู่บ้านหนึ่งซึ่งมีระดับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ฉันขับเข้ามาภายในหมู่บ้านที่เงียบสนิทและมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านหลังโต บ้านของฉันมีความผิดปกติอยู่นิดหน่อย ตรงที่หน้าบ้านยังคงเปิดไฟเอาไว้ทั้ง ๆ ที่เวลานี้ทุกคนที่บ้านน่าจะนอนกันไปหมดแล้ว ฉันใช้รีโมทเปิดประตูบ้านและเคลื่อนตัวรถเข้าไปที่จอดรถตามปกติ แต่ความสงสัยก็โลดแล่นเข้ามาในหัวเมื่อมีรถหรูของใครบางคนมาจอดไว้แทนที่ที่จอดประจำของฉัน
ฉันขับรถไปจอดไว้อีกที่ทันทีเมื่อเห็นว่ามันไม่ว่างและก้าวลงมาจากรถเพื่อมาสำรวจรถคันใหม่ที่จอดอยู่ตรงนี้
หรือว่าพี่แทนจะซื้อรถใหม่นะ?
ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจในเมื่อหาคำตอบให้กับความสงสัยไม่ได้ จึงต้องเลิกสนใจรถคันนี้แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านตามปกติ
“ครับ” เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นมาเมื่อฉันเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่มีไว้รองรับแขก ทำให้ต่อมของความอยากรู้สั่งให้สองขาของฉันก้าวเดินไปใกล้ต้นเสียงมากขึ้น
“วันนี้ผมไม่ว่าง ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน” ดูเหมือนว่าคนแปลกหน้าคนนี้จะกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคน
“ผมพูดคำไหนคำนั้น” ฉันเดินย่องเข้าไปจนเจอกับแผ่นหลังของต้นเสียงที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูเป็นทางการกำลังยืนหันหลังให้กับฉันพร้อมทั้งคุยโทรศัพท์ไปด้วย
ตอนนี้ฉันยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่สามก้าวเท่านั้นทำให้เห็นรูปร่างและตัวเขาอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีแมลงอะไรสักอย่างที่ตัวใหญ่มาเกาะอยู่บนเสื้อเชิ้ตของเขา ทำให้มนุษย์ที่กลัวแมลงอย่างฉันต้องรีบง้างแขนและใช้กระเป๋าใบโปรดที่อยู่ในมือตีลงไปบนไหล่หนานั้นอย่างแรง
พลั่ก!
“โอ๊ย” เสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดแล่นเข้ามาในหูของฉันพร้อมกับการเคลื่อนไหวและที่เร็วมากจนฉันมองไม่ทัน ทำให้ตัวของฉันกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรงด้วยฝีมือของคนตรงหน้า กระเป๋าที่เคยอยู่ในมือร่วงลงไปกับพื้นพร้อมทั้งแขนทั้งสองข้างถูกรวบตึงเอาไว้ด้วยมือใหญ่ของเขา
“คุณเป็นใคร” น้ำเสียงที่นิ่งงันทำให้ฉันเริ่มใจสั่นด้วยความกลัว
ใบหน้าคมคายที่ยังคงลักษณะเด่นทางพันธุกรรมบ่งบอกว่าเขาคงมีเชื่อสายจีนหรือไม่ก็ประเทศที่อยู่ละแวกนั้น ดวงตาที่เฉี่ยวคมจ้องเข้ามาในตาของฉันนิ่ง ๆ เพื่อต้องการกดดันให้ฉันกลัวยิ่งทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นไปอีก
“อื้อ อื้อ” ฉันพยายามส่งเสียงเพื่อประท้วงให้เขารู้ว่ามือของเขาปิดปากของฉันเอาไว้อยู่
“คุณเป็นใคร” คำถามเดิมถูกถามซ้ำมาอีกรอบ
“ฉันต้องถามคุณรึเปล่าว่าทำไมมาอยู่ในบ้านของฉันได้” ฉันถลึงตามองเขาด้วยความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่หล่อบาดใจนั้นแสสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
นอกจากจะเข้ามาในบ้านฉันแล้วยังมาถามอีกนะว่าฉันเป็นใคร
“ทำอะไรกันวะ”
----------------------------------------------------
ทุกคนไรท์กลับมาแล้ว คิดถึงกันบ้างมั้ยยยยย
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ ไรท์สัญญาว่าจะทำให้ดีกว่าเรื่องที่แล้ว
ฝากติดตามด้วยน้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

92 ความคิดเห็น
-
#4 Duangruedeeee (จากตอนที่ 1)วันที่ 14 สิงหาคม 2563 / 21:20รอต่อจ้าาาาาา#41
-
#4-1 มาปาปา(จากตอนที่ 1)15 สิงหาคม 2563 / 00:14จะรีบมาต่อนะคะ🤗#4-1
-
-
#3 nuttha1990_ (จากตอนที่ 1)วันที่ 14 สิงหาคม 2563 / 20:22รอน๊าาาา#31
-
#3-1 มาปาปา(จากตอนที่ 1)15 สิงหาคม 2563 / 00:14เลิฟๆน้า#3-1
-
-
#2 Aunyarat (จากตอนที่ 1)วันที่ 13 สิงหาคม 2563 / 16:56แค่เริ่มก็น่าสนุกแล้วค้าา รอนะคะ#21
-
#2-1 มาปาปา(จากตอนที่ 1)13 สิงหาคม 2563 / 20:41จริงเปล่า?????😽#2-1
-
-
#1 Arena29 (จากตอนที่ 1)วันที่ 13 สิงหาคม 2563 / 08:25รอนะคะ สู้ๆน้าาาาา#11
-
#1-1 มาปาปา(จากตอนที่ 1)13 สิงหาคม 2563 / 10:51ขอบคุณนะคะ😽#1-1
-