ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Empire Online ภาค มหาสงครามดาวเบสเทีย

    ลำดับตอนที่ #316 : ตอนที่ 4 ยึดระบบดาว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      11
      8 พ.ย. 58

    ตอนที่ 4

         กองทัพเบสเทียทำการจับกุมทหารลิซาร์ดและยึดยุทธโธปกรณ์เอาไว้ทั้งหมด บนดาวของชาวแซน ทัพบุกเบิกก็ได้เข้ายึดจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเอาไว้แล้ว 3วันหลังยึดครองดาวสำเร็จ กองยานอวกาศของเบสเทียลงมาจอดที่ท่าอากาศยาน ที่อยู่ในศูนต์บัญชาการใหญ่ลิซาร์ดประจำดาวแซนแลนด์(ชื่อดาว)

         "โอ๊ย เบาๆหน่อยสิ"

         ราชบุตรเขยของจักรพรรดิลิซาร์ด ที่รู้สึกว่าจะชื่อคูโร โดนทหารเบสเทียหลายคนคุมตัวลงมาจากยานรบลิซาร์ดที่โดนยึด พร้อมกับทหารลิซาร์ดทั้งหลาย เครีน่ากับเคเทรียลเดินเข้าไปในตึกศูนต์บัญชาการ เหล่าทหารเบสเทียที่เดินผ่านต่างรีบก้มหัวให้พวกเขา

         พวกเขาเดินเข้าตึกศูนต์บัญชาการมา ซึ่งเจ้าคูโรยังส่งเสียงน่ารำคาญจากด้านหลังไม่หยุดปาก ทั้งร้องอ้อนวอน หรือพูดข่มขู่พวกเขาว่ากองทัพลิซาร์ดมหึมาจะมาจัดการพวกแก แต่ก็ต้องเงียบหลังทหารเบสเทียทำตาดุใส่

         พวกทหารเบสเทียพาพวกเชลยศึกไปคุมขังที่ห้องใต้ดิน ซึ่งเป็นห้องที่เหม็นมาก ยกเว้นคูโร แต่ทว่า....

         "เอาไอ้อ้วนนี่ไปขังด้วย"เครีน่าสั่ง ทำให้ทหารเบสเทียเข้ามาพาคูโรไปด้วยทันที คูโรรู้ว่าตัวเองโดนปฎิบัติเท่าทหารใต้บังคับบัญชาก็ไม่พอใจ

         "เดี๋ยว พวกแกกล้าทำกับข้าแบบนี้ได้ยังไง ข้าคนนี้เป็นถึง...."

         คูโรพูดร่ายยาว ทั้งสองไม่สนใจ สั่งให้ทหารรีบลากมันไปที่ห้องขัง และหาอะไรอุดปากมันไว้ด้วย

         เครีน่ากับเคเทรียลเดินเข้ามาในห้องวางแผน มีแท่นขนาดใหญ่ที่ฉายภาพโฮโลแกรมอยู่ มันสามารถตรวจสอบทุกพื้นที่บนดาวดวงนี้และอวกาศในบริเวณโดยรอบได้ ซึ่งแม่ทัพ เสนาธิการ และหญิงสาวผมม่วง ดวงตาสีมรกต กำลังปรึกษาหารือกันอยู่ มีแม่ทัพเผ่าแซนหลายคนอยู่ในห้องด้วย

         หลังเบสเทียยึดครองดาวพวกเขา ทำให้ฝ่ายทหารของแซนและราชาต้องยอมทำงามตามคำสั่งของเบสเทีย เพื่อแลกกับการที่เบสเทียจะรวบรวมศพทหารแซนส่งคืนตามบ้าน ให้ประชาชนนำไปทำพิธีศพ รวมถึงเพื่อไม่ให้ทหารเบสเทียก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชน

         "ท่านแม่ค่ะ!!!"เครีน่าวิ่งเข้ามาและกอดอาเธน่าในทันที เหล่าแม่ทัพเบสเทียกับแซนทั้งหลายต่างหันมามอง สีหน้าของแม่ทัพเบสเทีสที่สูงมองเครีน่าอย่างเหนื่อยใจ

         "เครีน่า แม่กำลังยุ่งอยู่นะ"อาเธน่าดันเครีน่าถอยไปและพูดตำหนิลูกสาวเธอ เทพีสงครามอายที่ต้องมาสั่งสอนลูกต่อหน้าแม่ทัพทั้งหลาย สำหรับเบสเทียมันชินตาไปแล้ว ส่วนเผ่าแซนรู้สึกแปลกใจและขำ แต่ต้องอดกลั้นไว้ในปาก

         "เราชนะศึกและยึดครองได้ทั้งดาวแล้วนะค่ะ แม่ไปพักผ่อนก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องมาทำงานพวกนี้เลย"เครีน่าบ่น นิสัยของแม่เธอนั้นชอบจัดการควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง เพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์

         "ไม่ได้หรอกจ๊ะ"

         "ชิ!!!"เครีน่าแค้นเสียงอย่างไม่พอใจ และถอยห่างไปในที่สุด

         "ท่านอาเธน่าค่ะ!!!"เสียงนึงดังขึ้น หญิงสาวคนนึงเดินเข้ามา ทุกคนหันไปมองและทำให้แม่ทัพหลายคนต้องร้องเหวอ แต่พวกที่ท่าทางชินตากันแล้วดูเฉยมาก

         หญิงสาวที่เดินเข้ามาเป็นเผ่าฮาร์ปี้ เธอมีผมสีชมพูและดวงตาสีม่วงคมกริบดุจสัตว์ป่า ผิวสีขาวออกชมพู สวมใส่ชุดเกราะสีม่วงที่ห่อหุ้มปีกเหล็กของเธอไว้ด้วย เธอมีแส้ที่เหน็บไว้ที่เอวเป็นศาสตราประจำตัว สิ่งที่ทำให้แม่ทัพหลาคนตกใจ คือตัวเธอมีเลือดสีเขียวของพวกลิซาร์ดเปรอะเปื้อนอยู่ไม่น้อยหยดมาตามพื้น ราวกับพึ่งผ่านศึกหนักมา

         "เป็นไงบ้างไลล่า"อาเธน่าถามเสียงเรียบ แววตาจริงจังขึ้นมา

         "ข้าได้เค้นข้อมูลจากพวกเชลยลิซาร์ดแล้วค่ะ พวกมันปกครองกาแล็กซี่ถึง3กาแล็กซี่ มีดาวบริวารนับพันนับหมื่นเป็นดาวบริวาร จำนวนทหารคงไม่อาจคำนวนได้ แต่พวกมันีทหารประจำการอยู่ในกาแล็กซี่นี่ถึง100ล้านคนค่ะ เรื่องอาวุธยุทธโธปกรณระดับสูงของลิซาร์ดคงถามอะไรพำวกมันไม่ได้มาก เหมือนพวกนี่จะเป็นแค่กองทัพที่ถูกส่งมาคุมระบบดาวในบริเวณโดยรอบนี่เท่านั้นค่ะ"

         ไลล่าพูดด้วยรอยยิ้ม สีหน้าเธอกำลังพอใจมากกับการได้ทรมาณนักโทษ ไลล่าเป็นลูกสาวคนโตของโรซ่า เธอเป็นผู้นำกองทัพเบสเทียโจมตียึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่างๆบนดาวดวงนี้ ในเรื่องฝีมือนั้น อยู่ในระดับหัวแถวของลูกดาร์คเลยทีเดียว ความฉลาดของเธอก็เรียกได้ว่าสูงมาก แม้เธอจะไม่ได้ฉลาดเท่าดาร์ค แต่ความเหลี่ยมจัดไม่ได้ด้อยกว่าเลย สิ่งที่ทหารเบสเทียต่างหวาดกลัวเธอ คือเธอเป็นลูกศิษย์โดยตรงของโซเฟีย ทำให้เธอชื่นชอบการทรมาณนักโทษและเก่งจนแม้แต่พวกจอมทัพของจักรวรรดิต่างๆที่ปากแข็ง ไม่เคยยอมพูดความลับให้รั่วไหล่ ต้องยอมสารภาพออกมาแล้วด้วย

          "อืม ถ้างั้นราชบุตรเขยของจักรพรรดิคนนี้ มันก็คงไม่มีประโยชน์กับเราสินะ"อาเธน่าคิดวิเคราะห์ ถ้ามันเป็นราชบุตรเขยและถูกส่งมาที่ชายแดนห่างไกลขนาดนี้ เป็นไปได้มากว่ามันเป็นพวกที่ไม่มีความสำคัญกับจักรวรรดิเอาซะเลย

          ไลล่าเมื่อได้ยินแล้วดวงตาเธอเป็นประกายทันที

          "ท่านอาเธน่า ถ้างั้นให้ข้าฆ่ามันและพวกเชลยศึกเถอะค่ะ ข้าจะ*%^(&@$.... (น่าสยดสยองจนไม่อาจเอามาลงให้อ่านได้) ต้องสนุกแน่ๆเลย ฮิๆๆๆ....."ไลล่าสาธยายวิธีทรมาณของเธอจบแล้ว ก็มีแม่ทัพเบสเทียและแซนหลายคนที่อาเจียนออกมา อีกหลายคนมองเธออย่างหวาดกลัว พวกแซนต่างนุึกดีใจที่พวกตนไม่ต้องโดนคุมขังในคุกใต้ดินนั้น

          "ไม่ได้ไลล่า ข้ามีวิธีใช้ประโยชน์จากมันที่ดีกว่านั้น ตอนนี้เจ้าไปพักผ่อนเถอะ"

          "ได้ค่ะ ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนนะเครีน่า เคเทรียล"ไลล่าโบกมือลาพี่น้องต่างแม่เธอสองคน พวกเขาสองคนสะดุ้งและรีบยิ้มรับ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหวาดกลัวพี่น้องของพวกเขาคนนี้ขนาดไหน

          "ท่านแม่ทัพ เมื่อไหร่ประชาชนบนดาวท่านจะยอมสงบซะที"เมื่อไลล่าไปแล้ว เทพีสงครามก็หันไปถามแม่ทัพแซนที่สูงอายุ

          "คงใช้เวลาอีกสักระยะครับ"แม่ทัพชรากล่าว

          ตลอด3วันหลังเบสเทียยึดครองดาวได้ มีประชาชนชาวแซนจำนวนนับหมื่นทั่วดาว ที่ทำการก่อวินาศกรรมตามพื้นที่ต่างๆ ทำให้อาคาร ทรัพย์สินและอาวุธโยปกรณ์ส่วนนึงของเบสเทียเสียหาย อาเธน่าสั่งการจากยานหลวงบนอวกาศ ให้จัดการโดยห้ามฆ่าใครทั้งนั้น ผลคือมีคนถูกจับมากกว่าหมื่นคน ทำให้ความไม่พอใจของชาวแซนมีมากขึ้น ในขณะที่เบสเทียมียอดผู้บาดเจ็บเกินพันคนแล้ว ที่ยังไม่มีใครตายต้องขอบคุณวิทยาการการแพทย์ระดับสูงของเบสเทีย แต่ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป คงมีคนตายเข้าสักวัน และลุกลามเป็นการจลาจล อาเธน่าจึงคิดลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

         "พรุ่งนี้ข้าต้องการจัดการประชุมทำสัญญาระหว่างเบสเทียกับเผ่าแซน รบกวนพวกท่านช่วยไปแจ้งให้ราขาของพวกท่านทราบด้วย"

         "ทราบแล้วครับท่านอาเธน่า"

         ในความคิดของแม่ทัพชรา เขาไม่คิดว่าการทำสัญญาตอนนี้จะเป็นเรื่องดีนัก เพราะประชาชนตอนนี้มีแต่ความโศกเศร้า ถ้าพวกเขาที่ข้อตกลงบางอย่างกับเบสเทีย ซึ่งยังไงก็ไม่พ้นการถูกยึดครองอยู่แล้ว ประชาชนจะยิ่งโกรธแค้นหนักกว่าเดิม แต่ยังไงเผ่าแซนก็ค้านอะไรเบสเทียไม่ได้

         "ข้าขอตัวก่อน"

         อาเธน่า เครีน่า เคเทรียลและทหารอารักขาพากันเดินออกจากห้องไป เมื่อออกมาแล้วเคเทรียลที่รู้ดีถึงผลที่จะตามมา ซึ่งไม่ต่างจากที่แม่ทัพชราคิด ได้อธิบายกับอาเธน่า

         "เจ้าห่วงว่าจะมีการจลาจลและก่อวินาศกรรมสินะเคเทรียล"อาเธน่าหันมามองชายหนุ่มหลังเขาพูดจบ

         "ใช่ครับ"แม่ทัพอีกหลายคนมีสีหน้ากังวลไม่ต่างจากเค้า

         "พวกท่านอย่าได้ห่วงกันเลย ข้าจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง จะไม่เกิดสิ่งที่พวกท่านคิดแน่"อาเธน่ายิ้มกว้าง พวกเคเทรียลหันไปมองหน้ากัน

         "อย่างน้อย....ท่านอาเธน่าก็น่าจะบอกเราบ้างนะครับ ว่าท่านคิดจะทำอะไร"

         "เป็นความลับจ๊ะ ถ้ารู้ก่อนก็ไม่สนุกน่ะสิ"เธอถือโอกาาสยืมคำพูดดาร์คมาใช้ ทำให้เคเทรียลกับเหล่าแม่ทัพต้องยอมหยุดถามไป เธอคงไม่ยอกบอกอะไรพวกเขาแน่

         "เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะท่านแม่ คาเธสหายไปไหนค่ะ ข้าไม่เป็นเขาเลย"

         เครีน่าเป็นคนเดียวที่ไม่ใส่ใจเรื่องนั้นเลย เธอเดินเข้ามากอดแขนแม่เธอ แม้เครีน่าจะเป็นลูกสาวของดารคกับอาเธน่า และได้รับความฉลาดมามากพอสมควร แต่เธอไม่ชอบใช้มันในการรบนักถ้าไม่จำเป็น เพราะเธอชอบลุยอยู่แนวหน้ามากกว่า เธอได้รับนิสัยด้านความเอาแต่ใจและและหัวแข็งมาจากดาร์คเต็มๆ

         "ตอนนี้คาเธสไปทำภารกิจลับให้แม่อยู่จ๊ะเครีน่า"

         "ภารกิจลับอะไรเหรอค่ะ"

         "เป็นความลับจ๊ะ"อาเธน่ายิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย และเดินกลับห้องพักเธอไป ทุกคนได้แต่เก็ความสงสัยและรอดูคำตอบวันพรุ่งนี้

         ใจกลางเมืองซาบัล ที่ตอนนี้มีชาวเมืองรวมอยู่กันเป็นจำนวนมากตอนนี้ได้มีซากศพร่างไร้วิญญาณของชาวแซนไม่ต่ำกว่า5แสนนอนตาย ซึ่งเป็นซากศพจากการรบบนอวกาศและภาคพื้น ถ้ารวมกับศพที่ถูกทยอยส่งตามหัวเมืองต่างๆ จะนับได้เกินกว่า10ล้านคน ทหารเบสเทียนับแสนควบคุมลานกลางเมืองไม่ให้เกิดความวุ่นวาย บรรดาชาวเมือง ไม่ว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ลูกๆ หรือเพื่อนๆ ต่างกอดศพคนตาย เหล่าทหารเบสเทียต่างนึกสงสัยกันว่า พวกเขาดูออกได้ยังไงว่าศพไหนเป็นของใคร เพราะกว่าครึ่งยังใส่ผ้าคลุมไว้อยู่เลย

          "ท่านจอมทัพ จักรพรรดินีอาเธน่าเสด็จ!!!!!"

          อาเธน่ากับเหล่าแม่ทัพเดินผ่านถนนใจกลางเมืองเพื่อเข้าไปในปราสาท ชาวเมืองเห็นเธอกันถ้วนหน้า ใบหน้าของชาวแซนมีแต่ความโกรธแค้นเบสเทียที่สังหารญาติพี่น้องพวกเขาตายไปในสงคราม มีเสียงก่นด่าสาปแช่งเธอและเบสเทียไม่หยุดปาก หลายคนขว้างปาหินและสิ่งของใส่เธอ หรือเข้าไปรุมทำร้าย แต่ถูกเหล่าทหารเบสเทียที่ยืนขวางริมถนนขวางไว้

           เทพีสงครามเดินเข้ามาในปราสาทเผ่าแซน ที่เป็นปราสาทหิน รูปร่างดูไม่มีความสวยงามเอาซะเลย เธอเดินเข้ามาในห้องประชุม ที่มีคนกลุ่มนึงรออยู่ เป็นชนชั้นปกครองของเผ่าแซน

          "ยินดีต้อนรับขอรับฝ่าบาท"ราชาแห่งเผ่าแซน ซึ่งเป็นชายชรามีเคราสีน้ำตาลยาว สวมชุดคลุมทะเลทรายชั้นสูงที่มีเครื่องประดับ ลุกขึ้นและคุกเข่าให้ เช่นเดียวกับเหล่าแม่ทัพแซนและเชื้อพระวงศ์ที่อยู่ด้านหลัง แม้พวกเขาจะโกรธแค้นที่เบสเทียสังหารพวกเขาตายไปมาก แต่พวกเขาไม่มีทางสู้กองทัพเบสเทีย ที่ทำลายกองทัพลิซาร์ดที่โค่นพวกเขาอย่างง่ายดายมาแล้วได้แน่

          อาเธน่าพยักหน้าและเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งเธอแล้วผายมือ

          "เชิญนั่ง"ราชาเผ่าแซนนั่งลงด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัว

          "ฝ่าบาทคงทราบแล้วนะเพค่ะ ว่าตอนนี้กองทัพลิซาร์ดที่เฝ้าดาวดวงนี้และทัพเสริมที่ยกมา ถูกกองทัพเบสเทียทำลายหมดสิ้นแล้ว"อาเธน่าเปิดประเด็นด้วยการพูดจาข่มขู่

          "ข้าทราบดีขอรับ กองทัพเบสเทียแข็งแกร่งสมคำร่ำลือเหลือเกิน"

          "และข้าได้จับตัวแม่ทัพใหญ่ของข้าศึกได้หลายคน รวมถึงราชบุครเขยของจักรพรรดิลิซาร์ดด้วย"คำนี้ทำให้ราชาเผ่าแซนเลลิกคิ้วสูง จากนั้นพวกเขาก็เห็นทหารเบสเทีย นำตัวบรรดาแม่ทัพรวมทั้งลิซาร์ดร่างอ้วนที่ชื่อคูโรเข้ามา

          "ไอ้สารเลว!!!"เชื้อพระวงศ์แซนสองคนที่น่าจะเป็นเจ้าชาย พุ่งเข้าไปยกหมัดชกใส่ไคลัสด้วยความโกรธไปคนละหมัด อาเธน่าและทหารเบสเทียไม่ห้ามแต่อย่างใด ราชาผู้ชราภาพตกใจมาก เพระถือเป็นการไม่ให้เกียรติฝ่ายเบสเทีย

          "พวกเจ้าทั้งสองคนหยุดนะ!!!!"เสียงตวาดของผู้เป็นพ่อ ทำให้เจ้าชายทั้งสอง ซึ่งเตะต่อยคูโรสลงไปกองกับพื้นหลายหมัดรีบหยุดมือและก้มหัวขอโทษหญิงสาวผมม่วง อาเธน่าส่งสายตาคมกริบใส่พวกเขาและผายมือไปทางไคลัสที่ร้องขอให้ช่วยทั้งน้ำตา

          "เชิญต่อได้"ประโยคนี้ของเธอทำให้เจ้าชายทั้งสอง ราชา และแม่ทัพของแซนงุงงง พวกเขามองอาเธน่าแล้วหันไปมองหน้ากันเอง

          "ข้าบอกว่าพวกเจ้าจะทำต่อก็ได้"อาเธน่าส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้อย่างจริงใจ สำหรับเธอเจ้าคนนี้จะโดนอัดจนตายก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าชายทั้งสองที่เห็นรอยยิ้มมัจจุราชในคราบเทพธิดาก็รีบถอยไปยืนข้างหลังเสด็จพ่อตน ชายชราก็กล่าวตำหนิทั้งสองเล็กน้อย เขาโมโหมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าประชุมอยู่คงด่าหนักเป็นชั่วโมง

          "ข้าต้องการทำสนธิสัญญากับเผ่าแซน สัญญานี่ยังรวมไปถึงดาวบริวารของดาวแซนแลนด์ด้วย"ราชาได้ยินแล้วชะงัก

          "ดาวบริวารเหรอ แซนแลนด์เป็นดาวบริวารของลิซาร์ดนะขอรับ"

          "ข้าหมายถึงดาวบริวารกว่า20ดาว ใน5ระบบรอบข้างระบบดาวของแซนแลนด์ ที่เคยเป็นของพวกท่นสมัยยังเป็นเอกราชอยู่ เบสเทียต้องการให้แซนแลนด์ให้สิทธิของเราในการตั้งฐานทัพทางทหาร สิทธิในการค้าขาย บนดาวเหล่านี้"

          ในอดีตแซนแลนด์ถือเป็นนักบุกเบิกดาวที่เก่งกาจ ดาวบริวารส่วนใหญ่มีประชากรเป็นชาวแซนที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ ทำให้ง่ายต่อการปกครอง แต่หลังแพ้สงครามดาวแซนแลนด์ก็ขาดการหนุนทรัพยากรจากดาวบริวารเหล่านั้น

          "ถึงเบสเทียจะต้องการแบบนั้นก็เถอะ แต่ตอนนี้ดาวเหล่านั้นเป็นของลิซาร์ด....."

          "รายงาน!!!!"

          "ซุบซิบๆๆ....."ทหารเดินเข้ามากระซิบราชาเผ่าแซน เขาฟังแล้วหันมามองอาเธน่าด้วยสีกน้าตกตะลึง

          "ดาวเหล่านั้นตกเป็นของเบสเทียหมดแล้ว เป็นไปได้อย่างไรกัน"

          "อีกไม่นานท่านก็จะทราบเอง สิ่งตอบแทนที่ข้าจะให้กับเผ่าแซนคือ เราจะคุ้มครองอาณาจักรพวกท่านไม่ให้โดนลิซาร์ดรุกรานอีก รวมถึง...จะชุบชีวิตชาวแซนที่ตายในสงครามให้ทั้งหมดด้วยค่ะ"

          "ชะ..ชุบชีวิตคนที่ตาย...."ราชาแซนคิดว่าตนฟังผิดไปเลยถามอีกครั้ง

          "จักรพรรดิของเราบันดาลได้ทุกสิ่ง และข้าคือภรรยาของเขา ข้าได้รับพลังส่วนนึงของเขามา ชาวแซนมีโครงสร้างร่ายกายที่ง่ายดาย ทำให้การชุบชีวิตทำได้ง่าย ข้าขอบอกไว้เลยว่าไม่ใช่ทุกดาวจะโชคดีแบบนี้"ราชาชรายังไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็พูดต่อว่า

          "ถ้าท่านทำได้ตามที่พูด เราจะยอมรับข้อเสนอของท่าน"

          อาเธน่าได้ทำการชุบชีวิตผู้ตายของชาวแซนในสงครามทุกคน ราชาแซนจึงยอมเข้าร่วมกับเบสเทีย อาเธน่าเตือนด้วยว่า สามารถดึงชีวิตคนตายกลับมาได้ครั้งเดียวเท่านั้น ผลจากเรื่องนี้ทำให้ปฎิกิริยาของชาวแซนเปลี่ยนไป อาเธน่าถูกมองเป็นพระเจ้าจนถึงกับมีการสร้างรูปปั้นให้เลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะเริ่มสร้างก็เป็นอีกหลายพันปีต่อมา ที่เรื่องราวของเธอในดาวนี้กลายเป็นตำนานที่ถูกเสริมเติมแต่งไปแล้ว






    กาแล็กซี่ไคโร,ดาวลิซาร์ด

         กาแล็กซี่ไคโร เป็นกาแล็กซี่ที่อยู่กึ่งกลางของ3กาแล็กซี่ที่จักรวรรดิลิซาร์ดครอบครอง ทำให้กาแล็กซี่นี่เป็นเส้นทางเดินทางที่สำคัญในการเดินทางไปมาระหว่าง3กาแล็กซี่ กาแล็กซี่นี่ใหญ่เป็น6เท่าของกาแล็กซี่ที่ดาวเบสเทียตั้งอยู่ แค่กาแล็กซี่ไคโร ก็มากกว่ากาแล็กซี่ทั้งหมดที่ดาร์คครอบครองแล้ว

         จักวรรดิลิซาร์ดเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ จักรวรรดิอยู่มานานนับหมื่นปี ชาวลิซาร์ดเป็นชนเผ่านักรบที่แข็งแกร่ง มีทั้งพลังปราณ พลังจิตและพลังเวทที่แข็งแกร่ง สามารถให้กำเนิดประชากรได้เป็นจำนวนมาก ประชากรทั้งหมดของจักรวรรดิ มีถึง60%ที่เป็นชาวลิซาร์ด กว่าครึ่งของชาวลิซาร์ดอาศัยอยู่ในกาแล็กซี่ไคโร

        ตั้งแต่จักรวรรดิได้ทำสงคราม ปราบจักรวรรดิศัตรูคู่อาฆาตไปเมื่อ2พันปีก่อน ก็ไม่เคยมีจักรวรรดิใดกล้ามาท้าทายพวกเขาอีกเลย แม้จะบอกว่าพวกเขาครองเพียง3กาแลกซี่แต่ยังมีอีกหลาย10กาแล็กซี่ที่พวกเขาครอบครอง โดยอาศัยชื่อจักรวรรดิพันธมิตรบังหน้า และในจักรวรรดิพันธมิตรเหล่านั้นก็มีประชากรชาวลิซาร์ดไม่ต่ำกว่า10%

         ภายในท้องพระโรงของปราสาทสีเขียวอ่อนขนาดใหญ่โตมโหฬาร จักรพรรดิแห่งเผ่าลิซาร์ด ที่มีผิวสีเขียวเข้ม ดวงตาสีเหลืองคมกริบ สวมใส่ชุดกษัตริย์ที่แสนหรูหรา เวลานี่ปากขององค์จักรพรรดิกำลังแยกเขี้ยวออกมาด้วยความโกรธ

         จักรพรรดิลิซาร์ดหนุ่มผู้นี้คือ ไคลัส จักรพรรดิผู้ปกครองจะจักรวรรดิมากว่า100ปี

         "เจ้าปล่อยให้พวกมันชิงดาวของเราไปกว่า20ดาว เสียไพร่พลไปนับล้าน อาวุธยุทธโธปกรณ์นับไม่ถ้วน ประชากรจำนวนมาก โดยที่แทบทำอะไรมันไม่ได้เลยได้ยังไงกัน"ไคลัสตวาด

         "ขออภัยด้วยพะยะค่ะฝ่าบาท พวกมันใช้แผนสกปรก โดยใช้ยานรบและคนของเราที่มันจับได้ ลอบบุกเข้าดาวดวงต่างๆแทบจะในเวลาเดียวกัน พวกเราไม่ทันตั้งตัว โดนพวกมันสังหารไปเกือบหมด ข้าได้แต่พยายามตีฝ่าออกมาเพื่อแต้งข่าวเท่านั้น"

         แม่ทัพคนนึงที่เป็นขุนพลระดับสูงแถบชายแดนคุกเข่ากล่าว เขามีเลือดท่วมตัวและบาดเจ็บสาหัส จักรพรรดิไม่พอใจมากกับการพ่ายแพ้อันน่าอัปยศ

         "เจ้าทำให้จักรวรรดิของเราเสียเกียรติครั้งใหญ่ เป็นโทษที่ไม่อาจอภัยได้ ทหาร นำตัวมันไปประหารชีวิตซะ!!!!!"

         ทหารได้รับคำสั่งก็เข้ามาคุมตัวแม่ทัพออกจากท้องพระโรงไป

         "ฝ่าบาท โปรดให้โอกาสข้าได้แก้ตัวด้วยฝ่าบาท ฝ่าบาท!!!!!"แม่ทัพคนนั้นร้องอ้อนวอนแต่ไม่เป็นผลแต่อย่างใด เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น ความเงียบก็ก่อตัว จักรพรรดินิ่งไปสักพัก โดยที่ไม่มีขุนนางเอ่ยอะไรทั้งสิ้น

         "ตูมมมมมมมม!!!!!"พลังปราณระเบิดออกมาจากร่างองค์จักรพรรดิ มีเกราะเวทคุ้มกันอยู่รอบนอก ทำให้พลังไม่สังหารคนในท้องพระโรงจนตายหมด

         "ไอ้พวกเบสเทีย เป็นแค่จักรวรรดิเล็กๆที่พึ่งเกิดใหม่แท้ๆ เราทำการค้ากับพวกมัน แต่มันกล้าหันคมดาบใส่เรา ข้าจะต้องทำการกำจัดมันเสีย!!!!!"ไคลัสตวาดด้วยความพิโรธ

         เมื่อพันปีก่อน จักวรรดิของมนุษย์โลกและจักรวรรดิไดโรอัสเป็นศัตรูที่น่าเกรงกลัวของจักรวรรดิลิซาร์ด ทางลิซาร์ดได้สั่งเตรียมพร้อมรบไว้ แต่กลายเป็นว่า2จักวรรดินั้นล่มสลาย ด้วยฝีมือของจักรวรรดิท่ีพึ่งเกิดใหม่ที่ชื่อเบสเทีย

         ตอนแรกจักวรรดิลิซาร์ดคิดจะบุกครองกาแล็กซี่นั้น แต่เพียง2ปีต่อมา มีราชทูตจากจักวรรดิเบสเทียมาพบจักรพรรดิลิซาร์ดในสมัยนั้น ซึ่งก็คือพ่อของเขาเอง ราชทูตเป็นหญิงสาวผมแดง ดวงตาสีแดง ใบหน้างดงามที่ชื่อเฟนีย่า เธอมาพร้อมกับของกำนัลจำนวนมหาศาล พร้อมทั้งสินค้าแปลกตาที่ผลิตจากดาวเบสเทียล้วนๆ เธอบอกว่าตัวเองคือจักรพรรดินีองค์ที่2ของเบสเทีย เฟนีย่ายังได้ท้าประลองจอมทัพลิซาร์ด ผลคือเสมอกัน ทำให้พ่อของเขาเลือกประนีประนอม เปิดทำการค้ากับเบสเทียแทน

          ความสัมพันธ์ระหว่าง2จักรวรรดิมีเพียงการค้าขาย เบสเทียไม่เคยยอมสวามิภักดิ์ให้ใคร ตลอดพันปีมานี้เบสเทียขยายดินแดน ด้วยการทำสงคราม การแต่งงานกับจักรพรรดิหรือลูกหลาน ทำให้จักรวรรดิขยายอย่างรวดเร็วและมั่นคง กลายเป็นอุปสรรคในการขยายดินแดนของจักรวรรดิลิซาร์ดเมื่อมาถึงยุคของพระองค์

          "ข้าเห็นด้วยแก่การประกาศสงครามกับเบสเทียพะยะค่ะ เบสเทียเป็นหนามยอดอกเรามานาน ดาร์คเป็นคนทะเยอทะยาน ควรรีบกำจัดเสีย"

          "ดาร์คเป็นจักรพรรดิที่ทำผิดศีลธรรม จักรพรรดินีควรแต่งตั้งได้แค่คนเดียว แต่มันกลับมีเป็นร้อยคน ยังไม่นับลูกหลานมันที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆที่กระทำแบบเดียวกัน เราต้องสั่งสอนพวกมัน"

          "เบสเทียเอาแต่ขยายอำนาจไม่รู้จักหยุด ทำลายไปหลายจักรวรรดิ บางจักรวรรดิก็เป็นคู่ค้าและพันธมิตรของเราหรือจักรวรรดิอื่น พวกเขาก็ไม่พอใจเรื่องนี้มาก"

          "ถ้าเราชนะเบสเทียละก็ จะไม่มีจักรวรรดิใดมายิ่งใหญ่ทัดเทียมเราได้อีกต่อไป จักรวรรดิอื่นจะเกรงกลัวเรา ข้าสนับสนุนให้ประกาศสงคราม"

          "ดี ระดมกองทัพทั่วทั้งจักรวรรดิและพันธมิตร รวมถึงส่งข้อเสนอให้จักรวรรดิอื่นร่วมสงครามเพื่อปราบเบสเทียด้วย!!!!!"
    ____________________________
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×