ลำดับตอนที่ #189
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #189 : ตอนที่ 68 เบียคโกะและมหาศาสตราชิ้นที่3
ตอนที่ 68
ดาร์คกับโอริวตามเหมยลี่อิงมาที่สำนักของเธอ เมื่อมาถึงแล้วดาร์คกับโอริวก็เห็นสำนักที่เหมือนยังกับพระราชวังจีนสมัยโบราณ และสำนักก็ใหญ่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ดาร์คมองป้ายชื่อสำนักขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ด้านบนเป็นภาษาจีน
"คมเขี้ยวพยัคฆ์คำรน"ดาร์คอ่านชื่อบนป้ายด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
"นายมีปัญหาอะไรกับชื่อสำนักที่ฉันอยู่รึไงกัน"เหมยลี่อิงถามอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นท่าทีดาร์ค
"ไม่มีปัญหาอะไรกับชื่อสำนักหรอก เพียงแต่ฉันคิดว่าฝึกคนเดียวมีสมาธิกว่าตั้งเยอะ อยู่ในที่มีคนส่งเสียงหนวกหูแล้วมันน่ารำคาญ"ดาร์คกล่าวเสียงเรียบ
"แบบนั้นมันหมายถึงพวกโลกส่วนตัวสูงแล้วยะ แล้วนายมีบ้านส่วนตัวกับอาจารย์ส่วนตัวฝึกให้รึไงกัน"เหมยลี่อิงตวาดใส่แล้วถาม
"ก็มีน่ะสิ"ดาร์คพูดขึ้นมาเบาๆ
"นายว่าอะไรนะ"เหมยลี่อิงถาม เมื่อเห็นดาร์คพูดอะไรบางอย่าง
"เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่จะเปิดประตูให้เข้าไปเมื่อไหร่"ดาร์คพูดตัดบท
"เชอะ"เหมยลี่อิงสบถอย่างไม่พอใจ เดินไปที่ประตูบานใหญ่แล้วหยิบกุญแจที่มีรูปตราเสือขาวออกมาเสียบที่ประตู ก่อนประตูเหล็กบานใหญ่ตรงหน้าจะเปิดออก พวกดาร์คเดินเข้าไปในสำนักพร้อมประตูที่ปิดลง
"อ้าว!?"เหมยลี่อิงพูดอย่างตกใจเมื่อเห็นด้านในสำนักที่น่าจะมีคนที่มาฝึกอยู่เต็มกลับไม่มีใครอยู่สักคน ดาร์คกับโอริวไม่เห็นลูกศิษย์สำนักนี่สักคนก็เริ่มสงสัย
"นี่ สำนักนี่มีคนมาฝึกกี่คนเนี่ย"ดาร์คพูดพร้อมทั้งกวาดสายตามองรอบๆอย่างดูถูก ทำให้เหมยลี่อิงหัวเสียอย่างมากปนอาย
"อย่ามาพูดบ้าๆนะ สำนักนี้มีคนมาฝึกเต็มไปหมดเลย มีคนเข้ามาสมัครวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า100คน"เหมยลี่อิงรีบพูดแก้ตัว
"แล้วไหนล่ะที่ว่ามีคนมาฝึกเต็มไปหมด เป็นอะไรไปโอริว!?"ดาร์คพูดดูแคลนสำนักต่อไม่ทันไรก็หันไปเห็นโอริวที่มีปฎิกิริยา จมูกเธอเริ่มดมกลิ่นด้วยประสาทด้านการดมกลิ่นที่เหนือกว่ามนุษย์100เท่า
"เปล่าค่ะท่านดาร์ค คือพอเข้ามาในสำนักนี่แล้วข้าก็ได้กลิ่นของ..."โอริวพูดไม่ทันจบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
"ตึงๆๆๆ.."เสียงอึกกะทึกโครมครามดังมาจากด้านในทำให้ทั้งสามหันไปมองทางเสียงที่ดังมาแต่ไกล ดาร์คเลยใช้พลังจิตตรวจสอบจิตทั่วสำนักนี้
"ที่แท้ก็ไปกระจุกรวมกันอยู่ที่ห้องด้านในนั้นเอง"ดาร์คพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เหมยลี่อิงได้ยินแล้วยิ้มที่มุมปาก
"เห็นไหมล่ะ บอกแล้วไงว่าลูกศิษย์ในสำนักของเราเยอะมาก"เหมยลี่อิงพูดตอกดาร์คกลับแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างสะใจ
"นี่เธอใช้พลังจิตตรวจสอบพื้นที่โดยรอบเป็นไหมเนี่ย"ดาร์คถามอย่างสงสัย ผู้เล่นที่มาทวีปไกอาอย่างน้อยก็น่าจะทำเป็น แล้วเหมยลี่อิงก็สะดุ้ง
"ท่าทางแบบนั้นแสดงว่าทำไม่เป็นสินะ อย่างนี้นี่เอง เอาแต่เก็บระดับและเสริมพลังปราณกับเวทมนตร์ที่เป็นสองสายที่จำเป็นในอาชีพตัวเอง และไม่คิดจะฝึกพลังจิต เพื่อที่จะเก่งได้เร็วขึ้น เลยใช้ได้แต่ใช้พลังจิตยกของเบาๆเท่านั้น"ดาร์คพูดสิ่งที่เหมยลี่อิงคิดอยู่ในใจออกมาหมด จนเธอหันมามอง
"นี่นายอ่านใจฉันได้เรอะ หรือว่านายเป็นผู้มีพลังพิเศษในการอ่านใจคนอื่น"เหมยลี่อิงพูดอย่างตกใจ
"เปล่าซะหน่อย สายพลังจิตสามารถอ่านใจอีกฝ่ายได้ ถ้าพลังจิตเหนือกว่ามาก แค่เพ่งจิตไปที่หัวเธอก็อ่านออกแล้ว"เมื่อได้ยินที่ดาร์คพูดแล้วเหมยลี่อิงก็อึ้งไปปนตกใจ เพราะไม่นึกมาก่อนว่าสายพลังจิตจะทำแบบนี้ได้
"ระ..รีบไปกันเถอะ"เหมยลี่อิงหันกลับไปเดินต่อ
"แล้วทำไมสำนักนี้ถึงไปฝึกรวมกันอยู่ห้องเดียวได้ล่ะ"ดาร์คถามอย่างสงสัย ดูจากเสียงโครมครามเมื่อกี้คงไม่ได้กำลังประชุมอยู่แน่
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"เหมยลี่อิงก็สงสัยเช่นกันว่าทำไมถึงไปรวมกันในห้องโถงใหญ่ที่ไว้ประชุมกัน ดาร์คได้ยินแล้วหันมามองเหมยลี่อิงจนเธอรู้สึกกลัวมากอย่างบอกไม่ถูก
"เอาเถอะน่า เข้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง"เหมยลี่อิงพูดขณะที่เดินมาถึงประตูบานใหญ่ด้านหน้า ยังมีเสียงโครมครามดังมาจากด้านในไม่หยุด ดาร์คเดาว่าอาจจะกำลังประลองกันอยู่ก็ได้ แล้วเขาก็นึกถึงเรื่องที่โอริวยังพูดไม่จบได้เลยหันไปถาม
"จริงสิโอริว เธอบอกว่าได้กลิ่นอะไรนะ"ดาร์คถามแล้วโอริวหรี่ตาลงมองดาร์คอย่างงอนๆ คงจะโกรธที่เขาดังลืมเธอไปซะสนิท แต่ดาร์คเห็นว่ามันน่ารักมากกว่าน่ากลัว โอริวคลายอารมณ์โกรธแล้วตอบดาร์คเสียงเรียบ
"ข้าได้กลิ่นของ.."โอริวพูดไม่ทันจบประตูก็เปิดออก และเสียงหลายเสียงที่ดังเข้ามาไม่หยุด
"จับมัน!!!"
"อย่าให้มันขโมยเงินและไอเท็มในคลังไปได้"
"ห้ามฆ่านังนั้นนะเพราะของทั้งหมดอยู่ที่มัน"
"นังแมวขโมยหยุดนะ!!"
.............
เสียงตะโกนโหวกเหวกของผู้เล่นจำนวนมากที่ท่าทางจะเป็นลูกศิษย์ในสำนักนี้ดังไม่หยุด ดาร์คมองคนจำนวนมากตรงหน้ากำลังไล่จับเงาดำๆที่เคลื่อนที่เร็วมาก และดูเหมือนพวกนั้นจะไม่กล้าโจมตี คงเพราะโจรคนนี้เป็นผู้เล่น ถ้าฆ่าทิ้งของที่โดนขโมยไปก็จะตามมันไปเกิดใหม่ด้วย
"..ข้าได้กลิ่นของแคทค่ะ"โอริวพูดต่อให้จบ ดาร์คเบิกตากว้างเล็กน้อย มองแคทที่สวมชุดคลุมดำที่โผล่มาแค่หน้าของเธอ ที่แตกต่างไปก็คือเธอมีหูแมวสีขาวสองข้างขึ้นมาที่หัว ท่าทางกำลังพยายามหนีออกจากที่นี้ไปพร้อมเงินและไอเท็มที่ขโมยได้
"จับมันสิ!!!"ผู้เล่นคนหนึ่งวิ่งเข้าไปรวบตัวแคท และกระชากแขนเธอได้สำเร็จ แต่เธอก็หันมามองด้วยแววตาวาวโรจน์ กรงเล็บเล็กๆแหลมคมงอกขึ้นมาจากนิ้วมือ ก่อนที่จะข่วนใส่หน้าของผู้เล่นคนนั้นทันที
"ฉัวะๆ"1,232,464!Critical!1,443,355!Critical!
"อ๊ากกกก.. หน้าตู"ผู้เล่นคนนั้นร้องอย่างเจ็บปวดและปล่อยมือจากแคท เอามือจับหน้าตัวเองที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด จากรอยแผลรูปตัวX
"ตึง"2,353,654!Critical!
ไม่ทันไรร่างนั้นก็โดนแคทเตะบาทาเข้าเต็มหน้าซ้ำอีกที ร่างนั้นกระเด็นไปชนผู้เล่นหลายคนด้านหลังล้มไปตามๆกัน แคทยิ้มเยาะเย้ยพวกมันแล้วรีบวิ่งไปที่หน้าต่างบานที่เปิดอยู่ แต่ก่อนที่เธอจะกระโดดหนีออกนอกหน้าต่างสำเร็จ ร่างเธอก็โดนยกลอยขึ้นเหนือพื้น และขยับไปไหนไม่ได้
"มันเสร็จเราแล้ว"พวกผู้เล่นร้องขึ้นเข้ามาล้อมแคทอยู่ด้านล่าง
"อะไรกันเนี่ย เราใช้พลังจิตต้านไว้แล้วนี่นา"แคทถามอย่างสงสัย เธอมีทักษะพลังจิตสูงถึงระดับ60 ไม่ใช่ระดับที่คนมีทักษะพลังจิตเหนือกว่าไม่ถึง10ระดับจะยกเธอลอยขึ้นได้ และเธอแน่ใจว่าไม่น่าจะใช่คนในสำนักนี่ ไม่งั้นมันคงใช้วิธีนี้ตั้งแต่ที่เธอขโมยของะวกมันมาแล้ว
"ครืนๆๆ.."ไม่ทันไรจิตสังหารที่ดำมืดและเย็นเฉียบก็ปะทุขึ้นมา ทำให้ทุกสายตาหันไปมองประตูด้านหน้าห้องประชุมที่พวกดาร์คยืนอยู่ รังสีอำมหิตของดาร์คกำลังพุ่งตรงไปที่แคทจนเธอเหงื่อตก
'ทำไมดาร์คมาอยู่ที่นี่ได้ละเนี่ย'แคทคิดในใจด้วยความสงสัย ขณะที่ตัวเธอสั่นไปหมดเพราะอาจจะโดนดาร์คลงโทษ
"เหมยลี่อิง เธอพาปีศาจไร้หัวใจอย่างหมอนี้เข้ามาทำไม..เฮือก!!"ชายตัวใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาถามเหมยลี่อิงอย่างไม่กลัวเกรงดาร์คที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ทันไรจิตสังหารก็พุ่งเข้าใส่ชายคนนี้จนขยับร่างไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
"หลีกทางให้ฉันหน่อย"ดาร์คพูดเสียงเรียบแล้วเดินเข้าไปอย่างไม่รีบร้อนพร้อมกับโอริว ผู้เล่นนับร้อยที่รายล้อมแคทอยู่แหวกทางให้ดาร์คผ่านอย่างไม่กล้าขัดคนตรงหน้า ดาร์คเดินมาตรงหน้าแคทแล้วมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย
"ตึง"แคทหล่นลงมาที่พื้นก้นกระแทกเสียงดัง
"โอ๊ย ฉันเจ็บนะดาร์ค"แคทลุกขึ้นมาเอามือลูบก้นของตัวเอง
"เจ็บสิดี เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?"ดาร์ตวาดแล้วถามอย่างสงสัย
"ฉันก็เดินทางเก็บระดับเรื่อยๆและเปลี่ยนเผ่าเป็นเผ่าแมวป่าน่ะ พอมาเมืองนี้แล้วเดินเล่นในเมือง เห็นสำนักนี้ท่าทางจะรวยไม่ใช่เล่น ฉันเลยทนไม่ไหวเข้ามาปล้นเงินกับไอเท็มในสำนักนี้น่ะ อ๊ะ.."แคทพูดแล้วก็มีจิตสังหารพุ่งเข้ามาหาเธอจากเหล่าผู้เล่นโดยรอบที่จ้องเธออย่างโกรธแค้น เพราะเธอแท้ๆทำให้การฝึกวันนี้วุ่นวายไปหมด
"ดาร์ค นายกับแคทรู้จักกันเหรอ"เหมยลี่อิงเดินเข้ามาถามอย่างสงสัย
"นิดหน่อยน่ะ"ดาร์คกล่าว เขาไม่คิดจะบอกเรื่องที่แคทอยู่กลุ่มเดียวกับเขา แต่เหมยลี่อิงก็ยังสงสัยว่าดาร์คปิดบังอะไรไว้อยู่
"บรึ้มมมม"ไม่ทันไรดาร์คก็ยิงลำแสงเข้าใส่แคท ทำให้ร่างเธอหายไปทันที พวกผู้เล่นพากันตกใจเมื่อเห็นดาร์คฆ่าแคทไป ซึ่งดาร์คก็ฆ่าจริงๆเพื่อให้เธอหนีไปพร้อมเงินและไอเท็ม แค่ต้องรอเกิดใหม่สองชั่วโมงเท่านั้น ดาร์คโทรจิตคุยกับแคทแล้วรู้ว่าเธอไม่ได้เซฟจุดเกิดไวัที่เมืองนี้ เพราะฉะนั้นเธอต้องโผล่ไปเกิดเมืองอื่นแน่นอน
"ทำอะไรของแกฟะ!!!"ผู้เล่นคนหนึ่งร้องถามขึ้นมา เพราะแคทหนีไปพร้อมเงินและไอเท็มแล้ว
"ก็แค่ฆ่าทิ้งเท่านั้น มีปัญหาอะไรเหรอ หรือจะให้ฉันสั่งให้โอริวฆ่าทุกคนในนี้ให้พวกแกระดับลดไปเริ่มเล่นใหม่โดยที่เงินและไอเท็มโดนทำลายไปหมด"ดาร์คพูดแล้วพวกผู้เล่นก็เปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นหวาดกลัวถอยห่างจากดาร์คทันที
"เจ้าสำนักนี้อยู่ไหนค่ะ"โอริวถามขึ้นมา
"ถ้าพูดถึงท่านละก็อยู่ห้องด้านในสุดน่ะ"ผู้เล่นคนหนึ่งกล่าว
"เรียกเขาออกมาพบท่านดาร์คด้วยค่ะ"โอริวพูดเสียงเรียบทำให้ทุกคนชะงัก ก่อนที่ดาร์คจะนั่งลงกับพื้น
"จะบ้าเหรอ พวกแกต่างหากที่ต้องเข้าไปพบท่านด้านในน่ะ.."ผู้เล่นคนหนึ่งพูดไม่ทันไรพลังของโอริวก็แผ่ออกไปรอบตัวจนทุกคนได้ยินเสียงประกาศจากทางระบบดังขึ้น
"พวกเจ้าคงรู้แล้วสินะ ว่าข้าสามารถสังหารพวกเจ้าได้ง่ายดายขนาดไหน ข้าไม่คิดจะให้ท่านดาร์คลดศักดิ์ศรีตนเองหรอก แค่ตามมาที่สำนักก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว"สายตาโอริววาวโรจน์มองไปรอบๆ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังโกรธจนแทบอยากจะอาละวาด
"ฉันว่าพวกนายทำตามที่เธอพูดจะดีกว่านะ"เหมยลี่อิงพูดด้วยเสียงสั่นเครือมองโอริวอย่างกลัวนิดๆ เพราะเธอไม่อยากจะโดนลูกหลงตายไปด้วย พวกผู้เล่นยังมีท่าทีลนลานตัดสินใจไม่ได้ ดาร์คมองดูก็เห็นว่าเจ้าสำนักนี้พวกผู้เล่นคงจะเคารพในฐานะอาจารย์มากเลยทีเดียว
"ฉันจะไปเชิญเจ้าสำนักมาพบนายเอง"เหมยลี่อิงพูดแล้วเดินเข้าไปที่ห้องด้านใน ดาร์คก็หลับตาลงนอนกลางวันไป ไม่สนใจสายตาของผู้เล่นที่มองดาร์คอย่างขุ่นเคืองใจ
"ปึง!!"ประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ดาร์คลืมตาขึ้นมาเห็นเหมยลี่อิงเดินมาพร้อมกับผู้เล่นจำนวนหนึ่ง ด้านหลังยังมีชายหนุ่มผมสีเงินสลับดำรูปร่างสูงโปร่ง และดวงตาสีเหลืองอมทอง สวมชุดจอมยุทธจีนสีขาวตราพยัคฆ์เดินเข้ามาหาดาร์คกับโอริว
"ท่านดาร์ค คนคนนั้น"โอริวเห็นร่างของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วชะงักไป เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่คุ้นเคยจากชายหนุ่มตรงหน้า เธอเข้ามากระซิบดาร์คบอกเป็นนัยให้
"เข้าใจแล้วครับ"ดาร์คพูดแล้วลูบหัวโอริวทำให้หน้าเธอขึ้นสีแดงจัด ดาร์คยิ้มที่มุมปากเช่นเดียวกับชายหนุ่มเจ้าสำนัก ส่วนพวกผู้เล่นชายมองอย่างอิจฉาริษยา
"ยินดีที่ได้พบกันท่านดาร์ค ชื่อเสียง(ไม่ดี)ของท่านโด่งดังไกลมาถึงเมืองที่ข้าพำนักอยู่เลยทีเดียว"ชายหนุ่มเจ้าสำนักกล่าวพร้อมก้มหัวทำความเคารพให้เกียรติดาร์คเป็นอย่างสูง
"วูบ"มีเก้าอี้ปรากฎขึ้นมาด้านหลังดาร์คแล้วเขาก็นั่งลงไป มองเจ้าสำนักด้วยสายตาเรียบเฉย ยิ่งทำให้ผู้เล่นจอมยุทธทั้งหลายเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม
"ฉันต้องการจะคุยในที่ที่เป็นส่วนตัว มีแค่ฉัน นายแล้วก็โอริว ส่วนคนอื่นให้ไสหัวไป"ดาร์คพูดแล้วผู้เล่นหลายคนกำหมัดแน่นขึ้นไปอีก หลายคนลุกขึ้นยืนแต่ถูกผู้เล่นคนอื่นที่ยังใจเย็นอยู่ห้ามเอาไว้
"เข้าใจแล้ว พวกเจ้าทุกคนออกไปจากห้องก่อน"เสียงของชายหนุ่มเจ้าสำนักดังไปทั่วห้องทำให้ลูกศิษย์ของเค้าชะงักไป
"แต่ท่านเจ้าสำนัก.."ผู้เล่นคนหนึ่งกำลังจะแย้ง เช่นเดียวกับอีกหลายคน แต่เมื่อเจอสายตาคมกริบของชายหนุ่มเจ้าสำนักก็ยินยอมแต่โดยดี ทุกคนเดินออกไปจากห้องจนเหลือแค่พวกดาร์คสามคนนั่งคุยกัน
"ข้าได้กางม่านพลังป้องกันเอาไว้แล้ว จะไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ได้ รวมถึงไม่มีใครได้ยินบทสนทนานี้ด้วยขอรับท่านดาร์ค"ชายหนุ่มกล่าวและผงกหัว
"ดูนายให้ความเคารพฉันจังเลยนะ เบียคโกะ พยัคฆ์ขาวแห่งทิศตะวันตก"ดาร์คกล่าวบอกนามของคนตรงหน้า สัตว์อสูรที่ปกครองขุนเขาทางทิศตะวันตกของทวีปไกอา
"แน่นอนสิขอรับท่านดาร์ค ตอนนี้ท่านเป็นนายของโอริวที่เป็นหัวหน้าของเราเหล่าอสูรประจำทั้ง4ทิศ เท่ากับว่าเป็นนายของพวกข้าด้วย ว่าแต่ข้าขอนั่งเก้าอี้ได้ไหมขอรับ"เบียคโกะพูดแล้วถามทันที
"ได้"ดาร์คพูดแล้วก็มีเก้าอี้ปรากฏขึ้นมา เบียคโกะนั่งลงทันที พร้อมทั้งมีน้ำชาปรากฏขึ้นมาให้ดื่ม
"ว่าแต่ที่เชิญมาเพื่อจะประลองกับฉันนี่เรื่องจริงรึเปล่า"ดาร์คถามถึงคำเชิญของเบียคโกะ
"ตอนแรกข้าก็คิดว่าจะทำเพื่อทดสอบท่านขอรับ แต่หลังจากข้าสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของท่านข้าก็เลิกคิดแล้วขอรับ อีกอย่างถ้าข้ายังคิดประลองกับท่านอยู่ โอริวคงจะประลองแล้วจบลงโดยที่ข้าบาดเจ็บสาหัสละมั้ง อ้อ นั้นรวมถึงเมืองซากุระแห่งนี้และพื้นที่โดยรอบถูกทำลายด้วยนะขอรับ"เบียคโกะพูดแล้วมองโอริวที่เตรียมจะลุกขึ้นมาสู้ได้ทุกเมื่อ ดาร์คลูบหัวให้เธออารมณ์เย็นลง
"ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าอยู่ที่นี่จนกระทั่งเจ้าเข้ามาภายในห้องนี้"โอริวกล่าวอย่างสงสัย ว่าทำไมเธอสัมผัสถึงเบียคโกะไม่ได้เลย
"ทั่วทั้งเมืองนี้มีการกางเขตแดนไว้อยู่นะขอรับท่านโอริว มันทำให้สามารถอำพรางจิตของผู้ใช้ได้อย่างสมบูรณ์ อีกฝ่ายจะไม่รู้สึกจนกระทั่งเข้ามาใกล้ เนื่องจากข้ากางเขตแดนนี้ไว้มาหลายพันปีแล้ว ไม่แปลกที่พวกท่านจะสัมผัสถึงมันไม่ได้เมื่อเข้ามาในเมือง"
"ข้าไม่ได้เจอเจ้ามาหลายร้อยปีแล้ว ร้อยปีที่ผ่านมาเจ้าทำอะไรอยู่เหรอ"
"ข้าก็ใช้ชีวิตฝึกสอนวิชาของข้าให้ผู้อื่นเล็กน้อยอย่างที่เจ้าเห็น ไม่เกี่ยวว่าเป็นผู้เล่นหรือคนในโลกเรา ข้าชอบอยู่สงบๆแบบนี้มากกว่า อยู่มาถึงห้าพันปีมันก็เริ่มไม่มีอะไรทำแล้ว แน่นอนว่าพวกผู้เล่นไม่รู้ตัวจริงหรือชื่อข้าเลย"
"นายอายุมากกว่าโอริวเรอะ"ดาร์คถามอย่างสงสัย
"ใช่ขอรับท่านดาร์ค พญามังกรทองรุ่นก่อนหรือก็คือมารดาของโอริวเป็นหัวหน้าของพวกเรา ข้าเองก็สืบทอดตำแหน่งต่อจากพ่อของข้าที่สิ้นชีพไปเช่นกัน ถ้าเรียงตามลำดับในปัจจุบัน คนที่อยู่มานานที่สุดคือเกนบุ ตัวข้า ซูซาคุ โอริว แล้วก็เซริวที่เป็นน้องสาวของโอริว"ดาร์คได้ยินหันมามองโอริวทันที
"ท่านไม่รู้หรอกหรือ!?"เบียคโกะพูดอย่างแปลกใจ
"ข้าขอโทษค่ะท่านดาร์ค ข้าเห็นว่าเรื่องครอบครัวข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยไม่พูดออกมา"โอริวกล่าวขอโทษดาร์คทันที
"ผมไม่ได้โกรธนี่ครับโอริว มันเป็นเรื่องของครอบครัวโอริวนี่นา"ดาร์คพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก
"พูดก็พูดเถอะนะโอริว เซริวกำลังโกรธที่เจ้ามาทำพันธสัญญากับดาร์คมาก เท่าที่ข้าได้ข่าวมา เธอไม่พอใจที่เจ้าที่เป็นมังกรลดตัวไปเป็นผู้ติดตามให้เผ่ามาร..เอื๊อก"เบียคโกะพูดไม่ทันจบรังสีอำมหิตก็พุ่งออกมาจากตัวโอริวจนเบียคโกะกลืนน้ำลายเสียงดัง สายตามองมาทางนี้อย่างโกรธแค้น
"เดี๋ยวก่อน ข้าแค่พูดให้ฟังเฉยๆเท่านั้นเองนะ"เบียคโกะพูดแล้วยกมือยอมแพ้ ทำให้รังสีอำมหิตของเธอจางหายไป เบียคโกะถอนหายใจอย่างโล่งอก
"ท่านดาร์คค่ะ หลังจากกลับไปที่บ้านแล้วข้าขอเดินทางไปพบเซริวและสั่งสอนน้องสาวข้าสักหน่อยค่ะ"โอริวพูดด้วยสายตาวาวโรจน์เหมือนขู่บังคับ จนดาร์คไม่กล้าปฏิเสธ
"ได้สิ"ดาร์คพูดเสียงสั่นนิดๆ
"ขอบคุณมากค่ะ"โอริวกล่าวเสียงเรียบ
"จริงสิท่านดาร์ค ที่ข้าเรียกท่านมาพบก็เพราะมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ เผ่าเทพกำลังรวบรวมกำลังพลเพื่อเตรียมเปิดศึกกับนามธรรมที่มีลูซิลพ่อของท่านนำทัพอยู่ คิดว่าอีกไม่นานสงครามต้องเปิดฉากเต็มรูปแบบแน่นอน ถึงตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวก็เถอะ"เบียคโกะพูดแล้วดาร์คสงสัยขึ้นมาทันที
"นายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นลูกชายของลูซิล"ดาร์คถามด้วยเสียงทรงอำนาจ โอริวมองมาที่เบียคโกะอย่างสงสัยเช่นกัน เพราะเรื่องของดาร์คเหล่าอสูรประจำทั้ง4ทิศไม่น่าจะรู้ได้
"เผ่าเทพส่งมิคาเอลมาเชิญข้าเข้าร่วมกองทัพ รวมถึงบอกเรื่องของท่านมาด้วยเช่นกัน"เบียคโกะพูดแล้วจิบชาต่อ
"แล้วเจ้าตอบพวกมันไปว่ายังไง"โอริวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิมแทบจะเป็นตะคอก เบียคโกะมองแล้วยิ้มที่มุมปาก
"เพล้ง"แก้วน้ำชาโดนเบียคโกะบีบจนแตกเป็นชิ้นๆพร้อมทั้งชายหนุ่มลุกขึ้นมาตะโกนเสียงดัง
"ไม่มีทาง ข้าไม่มีวันยอมร่วมกองทัพของผู้ที่ทำให้พ่อของข้าต้องตายเด็ดขาด!!!"เบียคโกะพูดด้วยแววตาโกรธแค้น สายตาที่เต็มไปด้วยความชิงชังต่อเผ่าเทพ
"พ่อของเบียคโกะตายเพราะเผ่าเทพเรอะ"ดาร์คหันไปถามโอริว เธอก็พยักหน้า ดาร์คจึงคิดจะเข้าไปอ่านใจเบียคโกะดูว่าพ่อเขาตายยังไง
'ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดหรอกค่ะ เพราะเขาไม่เคยพูดให้ข้าฟัง ข้าแนะนำว่าอย่าอ่านใจเขาจะดีกว่านะท่านดาร์ค เบียคโกะมีพลังจิตสูงพอที่จะรู้ว่าถูกท่านอ่านใจ เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ ถ้าท่านรู้แล้วเบียคโกะต้องอาละวาดแน่นอน'โอริวโทรจิตบอกดาร์คก่อนที่เขาจะได้อ่านใจ ดาร์คเลยพยักหน้าเบาๆอย่างจำยอม
"ข้าต้องขอโทษด้วยที่แสดงกิริยาเช่นนั้นออกไป ส่วนอสูรประจำทั้ง4ทิศนอกจากข้าก็ถูกเชื้อเชิญเช่นกัน จากที่ข้าได้ให้คนของข้าสืบข่าวมา เกนบุปฏิเสธไม่เข้าร่วมกองทัพ ซูซาคุเองก็ปฏิเสธ ส่วนเซริวน้องสาวของท่านขอเวลาไตร่ตรองดูก่อน แต่เธอมีใจเอนเอียงที่จะเข้าร่วมกองทัพเทพแน่นอน"เบียคโกะพูดมองมาที่โอริว
"ยัยน้องสาวบ้าเอ๊ย"โอริวสบถออกมาอย่างไม่พอใจ
"โอริว ผมขอสั่งให้เธอรีบเดินทางไปยังที่ที่เซริวอยู่ทันที เกลี่ยกล่อมเธอให้ได้ ถ้าหากไม่สำเร็จต่อให้ต้องใช้กำลังบังคับก็ต้องพาตัวมาหาผม"ดาร์คหันไปสั่งโอริวทันที
"รับทราบค่ะ"โอริวพูดแล้วปีกมังกรทองก็งอกออกมาจากแผ่นหลัง หันไปมองเบียคโกะให้รีบคลายม่านพลัง
"อีกเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องบอกท่านคือ ข้าทราบว่าท่านกำลังรวบรวมมหาศาสตราอยู่ ข้ารู้ว่ามหาศาสตราที่เผ่าฮาร์ปี้เก็บไว้อยู่ที่ไหน"ดาร์คหันมามองด้วยสายตาเบิกกว้างทันที เช่นเดียวกับโอริวที่พุ่งเข้ามากระชากคอของเบียคโกะ
"มันอยู่ที่ไหน"โอริวตวาดเสียงดังจนเบียคโกะหูชาไปเลย
"ที่ทวีปทางตอนเหนือของทวีปไกอา ทวีปอีเดน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีป มีเผ่าฮาร์ปี้อาศัยอยู่ เป็นที่เก็บรักษามหาศาสตราและเป็นที่อยู่ของราชินีเผ่าฮาร์ปี้ด้วย"
"ข่าวเรื่องนี้เชื่อถือได้แค่ไหน"ดาร์คถามเพื่อความแน่ใจ
"ประมาณ95%"เบียคโกะพูดเบาๆ ก่อนที่โอริวจะปล่อยเบียคโกะเป็นอิสระ เขาคลายม่านพลังออก โอริวกำลังจะบินออกไปนอกหน้าต่างแต่ทันใดนั้นเอง
"ปึง!!!"ประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรงพร้อมกับพวกผู้เล่นวิ่งเข้าด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด
"แย่แล้วครับท่านเจ้าสำนัก มีผู้หญิงสามคนบุกเข้ามาในสำนัก พวกมันฆ่าคนของเราไปเกือบครึ่ง..ฉัวะ!!"ผู้เล่นกลุ่มนั้นพูดได้ไม่ทันไรก็โดนฆ่าตาย บ้างก็โดนตัดหัวขาด โดนไฟเผาร่างจนตาย หรือโดนธนูเสียบดอกเดียวตายทันทีกันทั้งนั้น ก่อนที่สามร่างที่ดาร์คคุ้นเคยจะเดินเข้ามา
"โอริววว!!!!!"เทียแมท เฟนีย่าและกราบรีเอลตะโกนขึ้นมา รังสีอำมหิตพุ่งเข้ามาหาเธอทันที พร้อมทั้งชักอาวธระดับSSSออกมา
"หยุดเดี๋ยวนี้ทั้งสามคน ห้ามทำอะไรโอริว"เมื่อดาร์คพูดแล้วมีแต่กราบรีเอลที่คลายรังสีอำมหิตและลดอาวุธลง ส่วนเทียแมทกับเฟนีย่ายังไม่ยอมลดอาวุธลง
"เทียแมท เฟนีย่า อยากจะโดนลงโทษอีกรอบ หรืออยากให้ผมเกลียดพวกเธอ"แค่ประโยคแรกก็ทำให้พวกเธอสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว แต่คำพูดสุดท้ายได้ผลยิ่งกว่า อาวุธทั้งสามคนสลายหายไปทันที
"รู้แล้วดาร์ค อย่าเกลียดพวกข้าเลยนะ"เทียแมทกล่าวเสียงออดอ้อน ดาร์คเดินเข้าไปลูบหัวเทียแมท
"ไม่เกลียดหรอกครับ พวกเธอเป็นภรรยาในอนาคตของผมนี่นา"ดาร์คพูดแล้วลูบหัวพวกเธอสามคน พวกเทียแมทหน้าขึ้นสีแดงจัด ดาร์คหันไปมองโอริวที่หน้าแดงไม่แพ้กัน ดาร์คพยักหน้าเป็นสัญญาณแล้วเธอก็บินออกนอกหน้าต่างไปทันที
"โอริวบินไปไหนน่ะค่ะ"กราบรีเอลที่สังเกตเห็นคนแรกถาม
"ไปพบเซริวน้องสาวเธอน่ะครับ ส่วนพวกเราจะไปเอามหาศาสตราชิ้นที่3จากเผ่าฮาร์ปี้ที่ทวีปไดมอนด์ เบียคโกะ นายอธิบายหน่อยซิ"ดาร์คหันไปหาเบียคโกะ พวกเทียแมทชะงักเมื่อได้ยินชื่อของเบียคโกะ
"เจ้าเหรอเบียคโกะ พยัคฆ์ขาวแห่งทิศตะวันตก"เฟนีย่ายิ้มที่มุมปาก มองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เบียคโกะเองก็รู้ว่าหญิงสาวมังกรคนนี้อันตรายมาก
"ว่าแต่พวกเธอออกมาจากมิติได้ยังไง"ดาร์คถามอย่างสงสัย
"พวกเราขอแรงท่านอาเธน่าค่ะ ตอนนี้เธอออกมาข้างนอกมิติเช่นกัน"กราบรีเอลพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก อาเธน่าวาดวงเวทเข้าไปในมิติได้ ก็ต้องออกมาได้เช่นกัน ก่อนที่เบียคโกะจะเริ่มเล่าให้พวกเทียแมทฟัง หลังจากนั้นไม่นานดาร์คก็ต้องออฟไลน์ออกไปเพราะถึงกำหนด8ชั่วโมงแล้ว
ประเทศญี่ปุ่น, บ้านพักของมิโกะในโตเกียว
มิโกะลืมตาตื่นขึ้นมาจากเกมได้ไม่นาน เมื่อเธอปรับสายตาได้แล้วมองที่หมวกเครื่องเกมที่เธอพึ่งถอดออก แล้วเธอก็นึกถึงดาร์คขึ้นมาและทั้งโกรธทั้งอาย
"อีตาบ้าดาร์คคคค~~~"มิโกะตะโกนเสียงดังลั่นแล้วยกหมอนขึ้นมาปาใส่ผนังห้อง แต่มันไปโดนรูปภาพที่ตั้งอยู่บนผนัง รูปภาพที่ตั้งไว้ตกลงมาที่พื้นทันที
"เพล้ง!!"กระจกแตกทันที มิโกะยกมือปิดปากตกใจ รีบวิ่งไปดูรูปภาพที่ตกลงมา มันเป็นภาพของเธอสมัยเด็กและพ่อกับแม่ที่ไปเที่ยวด้วยกัน กระจกที่แตกที่เป็นรอยสองแห่งบนใบหน้าของพ่อกับแม่เธอราวกับตอกย้ำ
"คุณพ่อ คุณแม่"มิโกะกอดรูปภาพไว้แน่นแล้วหลั่งน้ำตา
ตระกูลยาบาบุกิร่ำรวยมากจนติดอันดับโลกเลยทีเดียว แต่ตอนที่เธอยังเด็กนั้น พ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต ทำให้เธอที่เป็นทายาทรับสืบทอดมรดกต่อ แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากต่างหวังฮุบบริษัทของตระกูลเธอที่สืบทอดต่อกันมาหลายรุ่นไป แต่เพราะลูกน้องของพ่อเธอช่วยเหลือทำให้ผ่านมาได้จนถึงวันนี้ แต่พวกที่คอยเกาะกินผลประโยชน์ของบริษัทยามาบุกิที่อ่อนแอลงมากก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และเมื่อพลังของเธอตื่นก็ยิ่งทำให้มีศัตรูมากขึ้นอีก
"ทำไมพ่อกับแม่ต้องจากหนูไปด้วย..ฮึกๆ.."มิโกะร้องไห้ออกมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอซ่อนตัวตนที่อ่อนแอของเธอไว้เบื้องลึกของจิตใจ แม้ว่าภายนอกเธอจะเข้มแข็ง แต่ภายในใจอยากจะมีคนที่ช่วยให้ความอบอุ่นและคลายความเหงา แม้จะมีเพื่อนอย่างพวกราดิช วาเลนไทน์ ก็ช่วยรักษาแผลในใจนี้ไม่ได้มาก
"คุณหนูค่ะ คุณฮอนดะมาค่ะ..เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ"คนรับใช้สาวเดินเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะเห็นมิโกะนั่งอยู่กับพื้นวิ่งเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง
"ไม่มีอะไร เธอช่วยให้คนมาเก็บเศษกระจกและเปลี่ยนกรอบรูปอันใหม่ด้วยนะ"มิโกะรีบเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของเธอ ก่อนที่จะหันมาพูดกับคนรับใช้แล้วเดินออกจากห้องไป
มิโกะเดินเข้ามาที่ห้องรับแขกก็เห็นชายวัยกลางคนสวมชุดสูทสีขาว ใส่หมวกสีเดียวกัน ซึ่งเขาก็คือคนที่ชื่อฮอนดะ และเป็นอาของเธอด้วย มิโกะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับฮอนดะ
"คุณอาฮอนดะ"มิโกะเริ่มเปิดบทสนทนา
"ไงมิโกะหลานรัก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"ฮอนดะกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
"มีธุระอะไรงั้นเหรอค่ะ ถึงได้เดินทางมาจากฮอกไกโดมาที่บ้านฉันเนี่ย"มิโกะถามอย่างสงสัย
"คืออามีเรื่องอยากให้หลานช่วยหน่อย หลานมีเงินให้อายืมสัก50ล้านไหม"มิโกะได้ยินจำนวนเงินแล้วหรี่ตาลง
"50ล้านงั้นเหรอ เงินน่ะมีหรอกว่าแต่คุณอาจะเอาเงินมากมายขนาดนั้นไปทำอะไรค่ะ"
"ก็อาอยากจะได้เงินไปลงทุนในธุรกิจของอาหน่อยน่ะ หลานก็รู้ว่าธุรกิจของอามันยุ่งยาก"
"ฉันก็ทราบมาบ้างนะค่ะ ว่าคุณอาเอาเงินไปลงบ่อนเล่นการพนันมากกว่าจะเอาไปลงทุนในธุรกิจของคุณอา"มิโกะพูดขัดคอแล้ว ทำให้ฮอนดะไม่พอใจมาก
"แล้วหลานจะให้เงินอารึเปล่า"ฮอนดะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม
"เงินน่ะให้แน่ค่ะ แต่ว่าฉันจะให้เงินกับคุณอาเป็นงวดๆ งวดล่ะ5ล้านนะค่ะ ถ้าไม่พอค่อยมาเอาใหม่"มิโกะพูดแล้วสั่นกระดิ่ง มีคนรับใช้ชายวัยหนุ่มคนนึงเดินเข้ามาก่อนที่มิโกะจะให้เขาไปเอาสมุดเช็กมาให้เธอ แล้วมิโกะก็เขียนจำนวนเงินและเซ็นชื่อให้อาของเธอไป
"นี้ค่ะ"มิโกะยื่นเช็กให้กับอาของเธอ
ฮอนดะมองอย่างไม่พอใจก่อนจะรับเงินแล้วเดินออกจากบ้านไปด้วยความฉุนเฉียว เมื่อเสร็จธุระแล้วมิโกะก็เดินไปทานข้าวเช้าและอาบน้ำ ก่อนจะเดินไปที่มหาวิทยาลัย ความจริงเธอจะให้คนขับรถไปส่งก็ได้ แต่เธอเลือกที่จะเดินเพราะมหาวิทยาลัยอยู่ไม่ไกลจากบ้านเธอ และเธอไม่ชอบนั่งรถเพราะมันทำให้เธอเสียพ่อแม่เธอไป
สนามบินในโตเกียว
ฮอนดะที่กำลังรอขึ้นเครื่องบินกลับฮอกไกโดอยู่ เขาไปอยู่ในที่ลับตาคนแล้วกดโทรศัพท์ไปหาทนายประจำตระกูลยามาบุกิ
"ครับ ผมทนายประจำตระกูลยามาบุกิครับ มีอะไรงั้นเหรอครับ"
"ผมฮอนดะ ยามาบุกิ อาของมิโกะครับ ผมอยากทราบว่าถ้ามิโกะเสียชีวิต ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลใครจะได้ไปครับ"ฮอนดะพูดเสียงเรียบด้วยแววตาแสนอำมหิต
"ถ้าคุณมิโกะตายไป ทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะตกเป็นของคุณฮอนดะ ที่เป็นญาติใกล้ชิดที่สุดครับ ไม่ทราบว่าถามเรื่องนี้ทำไมครับ"
"ผมแค่อยากทราบไว้เท่านั้นเองจะได้เตรียมตัวไว้ครับ ขอบคุณมากครับ"ฮอนดะพูดด้วยรอยยิ้มที่มุมปากแล้วกดวางสายไป แล้วเขาก็กดโทรศัพท์ไปหาอีกคนหนึ่ง
"ฮัลโหล ผมต้องการจ้างวานกลุ่มฆาตกรที่มีพลังพิเศษครับ"
____________________________________________________
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น