ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Empire Online ภาค มหาสงครามดาวเบสเทีย

    ลำดับตอนที่ #162 : ตอนที่ 41 งานเลี้ยงของเหล่าทวยเทพ(แก้ไข)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.98K
      37
      28 พ.ค. 57

    ตอนที่ 41
     
        ดาร์คและสาวๆทั้ง4คนเดินทางออกจากเมืองเฟอิน โดยดาร์คเอาผ้าคลุมรัตติกาลมาคลุมตัวปิดบังหน้าตาไว้อีกครั้ง นอกจากนี้ผมของดาร์คยังเปลี่ยนเป็นสีดำและดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลด้วยฝีมือของเฟนีย่า และดาร์คยังต้องเปลี่ยนไปใส่ชุดจอมเวทสีน้ำเงินที่เฟนีย่าไปซื้อมา แม้ว่าเขาจะไม่อยากทำก็ตามที แต่เพราะต้องตามหามหาศาสตราชิ้นที่เหลือและแบบแปลนอาวุธระดับ X ถ้ามีผู้เล่นคอยตามสืบเค้าอาจจะโดนชิงตัดหน้าแย่งไปก็ได้ ส่วนพวกเทียแมทก็สวมชุดคลุมสีดำที่ปกปิดหน้าตาไว้
     
        หลังจากที่ตั้งกิลด์เสร็จแล้ว พวกดาร์คก็หนีหายไปจากสายตาของพวกผู้เล่น เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันเดินทางออกจากเมืองเฟอินทันที พวกลูเซียสป่านนี้คงแยกย้ายกันไปคนละทางหมดแล้ว ดาร์คหวังว่าพวกลูเซียสจะทำได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ 
     
        สาเหตุที่พวกดาร์คไม่ใช่เวทเคลื่อนที่บินเดินทางไปเลย เป็นเพราะว่าไม่รู้ว่ามหาศาสตราอยู่ที่ไหน แม้จะรู้ว่าอยู่กับเผ่าพันธุ์ไหนบ้างแล้วก็ตาม แต่ในทวีปไกอาเผ่าต่างๆก็กระจัดกระจายกันไปหมด เผ่าคนแคระที่ดาร์คเล็งไว้ก็ไม่ได้มีแค่หมู่บ้านหรือเมืองเดียวซะด้วย ถึงต้องเดินทางตามหาแบบนี้
     
        "แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ ไม่มีเบาะแสอะไรเลยแบบนี้"เทียแมทกล่าวอย่างหัวเสีย ทวีปไกอาก็กว้างใหญ่มาก เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทรเลย ดาร์คถามเดธไซธ์ มันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนแคระจะเก็บมหาศาสตราประจำเผ่าตนไว้ที่ไหน
     
        "เราจะเดินทางไปยังเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเผ่าคนแคระกันก่อน ดูตามแผนที่แล้วเมืองอยู่ทางใต้ของทวีปไกอานี่แหละ ถ้าวิ่งไปด้วยความเร็วสูงน่าจะถึงภายใน3วัน"
     
        "ถ้างั้นใช้พลังของดาร์คพาเราไปเลยไหม"เทียแมทเอ่ยขึ้น แต่สามสาวมองมาแล้วส่ายหน้าทันที
     
        "จำที่ดาร์คเหนื่อยล้าอย่างหนักจากการใช้พลังได้ไหม ตอนที่ทำลายเมืองท่าก็ใช้ไปพอสมควรแล้ว เราไม่ควรเสี่ยงแบบนั้นอีก เพราะฉะนั้นวิ่งไปแหละดีแล้ว"เฟนีย่าพูดแล้วเทียแมทพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่ทั้งหมดจะวิ่งด้วยความเร็วสูงเพื่อไปยังมหานครของเผ่าคนแคระ
     
        พวกดาร์คเดินทางมาเรื่อยๆผ่านทุ่งหญ้าและเทือกเขาที่มีผู้เล่นกำลังตีสัตว์อสูรเก็บระดับกันอยู่ แต่ดาร์คไม่สนใจเท่าไหร่นัก เมื่อมาถึงเขตที่สัตว์อสูรโจมตีก่อนแล้วพวกดาร์คก็ปล่อยจิตสังหารเข้าใส่ พวกสัตว์อสูรที่สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลก็รีบเผ่นหนีกันไปทันที ไม่มีตัวไหนกล้าเข้ามาโจมตีพวกดาร์ค

        ระหว่างที่พวกดาร์คเดินทางกันอยู่นั้น เสียงประกาศจากระบบก็ดังขึ้นในหัวผู้เล่นทุกคน

        "ทางบริษัทGMขอแจ้งอีเว้นพิเศษหลังสงครามทวีปไกอาที่จะเริ่มในอีก3เดือน เมื่อสงครามจบแล้วจะมีการโหวตเลือกจักรพรรดิคนที่10ขึ้นมา โดยผู้เล่นทุกคนในเกมจะเป็นคนลงคะแนนโหวต โดยจักรพรรดิทั้ง9จะเลือกผู้เล่นอย่างละหนึ่งคนและให้คะแนนผู้เล่นคนนั้น จักรพรรดิแต่ละคนมีคนละ1ล้านคะแนน ในกรณีที่เลือกซ้ำกันผู้เล่นคนนั้นก็จะได้ไปก่อน 2 ล้านหรืออาจมากกว่านั้น ส่วนผู้เล่นทั่วไปทุกคนลงคะแนนได้คนละ 1 คะแนน หรือจะไม่ลงคะแนนก็ได้ครับ"

        เมื่อจบเสียงประกาศก็ทำให้ผู้เล่นพากันฮือฮาทันที เพราะการได้เป็นจักรพรรดิหมายถึงชื่อเสียงของตนที่จะโด่งดังไปทั่วโลก ผู้เล่นระดับแนวหน้าหลายคนต่างหวังที่จะได้ครองตำแหน่งจักรพรรดิคนที่10 ส่วนดาร์คมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่อาจรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่
     
        เมื่อพวกดาร์คเดินทางมาจนถึงช่วงเย็นแล้วมาถึงเมืองแห่งหนึ่งตรงหน้า พวกดาร์คก็เข้าไปในเมืองและทานข้าวเย็นที่ภัตตาคาร ก่อนที่จะเข้าไปพักในโรงแรมทันที โดยมีสายตาผู้เล่นมองพวกดาร์คที่สวมเสื้อคลุมปกปิดหน้าตาตัวเองอย่างสงสัย พวกดาร์คจ่ายเงินพักแล้วก็ขึ้นไปที่ห้องพักทันที
     
         เมื่อเข้ามาในห้องแล้วสาวทั้ง4คนก็เข้าไปอาบน้ำก่อนทันที ดาร์ครออยู่สักพักใหญ่เลยเปิดหน้าต่างข่าวสารขึ้นมาดู พวกผู้เล่นจำนวนมากกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองเฟอิน มีนักข่าวแห่กันไปที่นั้นเป็นจำนวนมาก และยังมีคนโพสด่าเขาไม่หยุดอีกเช่นเคย ค่าหัวของดาร์คยังพุ่งขึ้นสูงจนตอนนี้เกิน3ล้านไปเรียบร้อยแล้ว
     
         "ดาร์ค ตาเจ้าแล้ว"เสียงเรียกของหญิงสาวทำให้ดาร์คหันไปมอง เห็นพวกเธอเปิดประตูเดินออกมาโดยที่ยังสวมแต่ผ้าขนหนูเอาไว้ ทำให้หน้าดาร์คขึ้นสีแดงทันที เพราะเขาเห็นร่างเนินอกขาวๆของพวกเธอแต่ละคนทันที เมื่อพวกเธอเห็นดาร์คหน้าขึ้นสี ทำให้สาวๆหัวเราะไม่หยุด
     
         "คิกคิกๆๆ.."

         ดาร์คหงุดหงิดที่โดนสาวที่เป็นผู้ติดตามตนแกล้ง ก่อนที่ดาร์คจะแสยะยิ้มขึ้นมานิดๆ ทำให้ทั้ง4คนขนลุกชันขึ้นมาทันที แม้แต่เฟนีย่าเองก็ด้วย 

        "ผมเตือนไว้แล้วนะครับ ว่าจะเอาคืนน่ะ"ดาร์คพูดเสียงสุภาพขึ้นมาทันที ก่อนที่เขาจะยกนิ้วขึ้นมา ทำให้พวกเฟนีย่าตกใจเพราะรู้ว่าดาร์คจะทำอะไร

        มาริโอเน็ต

        ด้ายที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าไปหา4สาวทันที แต่ก่อนที่ด้ายจะโดนตัว เฟนีย่าจะยิงไฟออกมาเผาด้ายทิ้งไปหมด แม้เวทมนตร์ของมีนอสจะน่ากลัวมาก แต่ถ้าระวังไม่ให้มันเข้ามาโดนตัวก็ไม่มีอะไรต้องห่วง เพราะมันเป็นเหมือนด้ายธรรมดาที่ถูกไฟเผาได้ง่ายๆ เฟนีย่ายิ้มมุมปากให้ดาร์ค แต่เขายิ้มขึ้นมา เฟนีย่าแปลกใจว่าดาร์คยิ้มทำไม เธอครุ่มคิดเล็กน้อยก่อนจะรู้ตัว แต่ก็สายไปซะแล้ว

        "แย่แล้วรีบออกห่างจาก..อุ๊บ.."เฟนีย่าพูดได้ไม่ทันไรกราบรีเอลก็พุ่งเข้ามาล๊อคตัวเธอจากด้านหลังและปิดปากไว้ ลืมไปเลยว่าดาร์คสามารถออกคำสั่งกราบรีเอลได้ทุกอย่าง เส้นด้ายพุ่งเข้ามาควบคุมร่างเธอไว้ ก่อนที่ดาร์คจะสั่งทางจิตให้กราบรีเอลปล่อยตัวเฟนีย่าเป็นอิสระ ซึ่งเธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

        "อย่าลืมสิทั้ง4คน ตอนนี้ผมเป็นเจ้านายตัวจริงแล้วนะ เพราะฉะนั้นอย่าแกล้งผมแบบนี้อีก ไม่งั้นละก็..."ดาร์คพูดค้างไว้ก่อนจะหันไปทางโอริวกับเทียแมท

        "ก่อนอื่นทุกคนไปใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้"ดาร์คสั่งด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะเห็นของแบบนี้จริงๆ โอริวทำตามอย่างว่าง่าย เช่นเดียวกับเทียแมทและกราบรีเอล ส่วนเฟนีย่าที่เจ้าเล่ห์ที่สุด เขาบังคับร่างเธอให้หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ แต่ไม่วายเธอยังพูดแกล้งเขาได้อีก

        "ดาร์ค เจ้านี่อินโนเซ้นท์จริงๆนะ"เฟนีย่าพูดแล้วตัวเธอก็โดนควบคุมให้ลงไปนอนที่เตียงนิ่งๆไม่ขยับเขยื้อนทันที ก่อนที่ดาร์คจะเกินเข้ามาขึ้นคร่อมเธอ เฟนีย่าตกใจเช่นเดียวกับพวกเทียแมท

        "ดาร์ค เจ้าจะทำอะไรข้าน่ะ"เฟนีย่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้น พวกเทียแมทก็มองตาไม่กระพริบ

        "ลงโทษก่อนนอนไงครับ"ดาร์คพูดแล้วเขาก็ยกมือขึ้นมาและเริ่มขยับนิ้วมือไปมา ก่อนที่มือดาร์คจะเข้าไปจั๊กจี้เธอทั่วทุกที่ของร่างกายทันที ยกเว้นส่วนที่เป็นของสำคัญของผู้หญิง

        "ฮ่าฮ่าๆๆ..ดาร์คค่ะ..ฮ่าๆ..พอแล้ว..คิกคิกๆๆ..อ๊าๆๆคิกคิกๆๆ.."เฟนีย่าหัวเราะไม่หยุดทั้งครางออกมานิดๆและน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะหัวเราะมากเกิน พอดาร์คจั๊กจี้ที่หลังเฟนีย่าก็ครางออกมา ทำให้ดาร์คทำตรงนั้นหลายครัง จนกระทั่งเกือบ10นาทีผ่านไป..

        เฟนีย่ายังหัวเราะออกมานิดๆเพราะยังไม่หายจากที่ดาร์คทำ สีหน้าเขินอายอย่างชัดเจนที่โดนทำแบบนั้น หรือไม่ก็เพราะหัวเราะมากไป พวกเทียแมทมองสภาพของเฟนีย่าที่ตงจะขยับไปไหนไม่ได้ไปสักคืนหนึ่ง ดาร์คหันมามองพวกเทียแมทด้วยรอยยิ้มกระชากใจสาว

        "ใครอยากจะโดนเหมือนเฟนีย่ารึเปล่าครับ"ดาร์คถามแล้วพวกเทียแมทก็เผ่นหนีออกจากห้องนอนทันที

        "หึหึๆๆ.."ดาร์คหัวเราะแล้วลูบหัวเฟนีย่าเล็กน้อย ซึ่งเธอก็ยอมแต่โดยดี ก่อนที่ดาร์คจะมากระซิบที่หู

        "อย่าแกล้งผมอีกนะ"ดาร์คพูดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป โดยมีเฟนีย่ายิ้มุมปากมองดาร์คด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
     
        เมื่อดาร์คอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเปิดประตูออกมา 4สาวที่ไปนอนรอบนเตียงเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งทำตาหวานมองมาทางนี้อย่างเชิญชวนให้มานอนกลางเตียง ไม้อ่อนยังใช้ได้ผลตามเคย ดาร์คเดินขึ้นเตียงเข้าไปนอนตรงกลางทันที แล้วพวกเธอก็กอดดาร์คไว้แน่นเหมือนทุกที ซึ่งดาร์คก็รู้สึกอบอุ่นมากก่อนจะนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
     
     
     
     
        อีกด้านหนึ่งบนท้องฟ้า ในแดนสวรรค์อันเป็นที่อยู่ของเหล่าทวยเทพ วิหารและบ้านเรือนสีขาวส่องแสงสีขาวที่ศักดิ์สิทธิ์ออกมา ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีและดอกไม้นานาชนิดกระจายอยู่เต็มที่พื้นที่ เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เด็กน้อยเผ่าเทพและภูติน้อยรวมถึงสัตว์ต่างๆที่อาศัยอยู่บนสวรรค์กำลังวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข กลิ่นหอมจากดอกไม้ทำให้ที่นี่น่าอยู่มาก แม่น้ำบนสวรรค์ใสสะอาดและอร่อยกว่าน้ำบนพื้นพิภพหลายร้อยเท่า อีกทั้งสามารถฟื้นฟูบาดแผลได้ด้วย ที่ดินบนสวรรค์สามารถเพาะปลูกอาหารได้เร็วกว่าที่ดินบนพื้นพิภพ ผลไม้ที่แปลกตาและอร่อยมาก ความสงบสุขและความอุดมสมบูรณ์อันเป็นที่สุดของโลกใบนี้ ทำให้ทุกเผ่าพัณธุ์มองด้วยความอิจฉา
     
        "การเตรียมกำลังป้องกันพร้อมเต็มที่ใช่ไหม เฮเฟตัส"อะพอลโล่เอ่ยถามเฮเฟตัสที่กำลังนั่งตีอาวุธอยู่ภายในวิหารของตนเอง อะพอลโล่เป็นชายผมสีทองดวงตาสีส้มเหลืองดุจพระอาทิตย์ มีรูปร่างสูงโปร่งและสวมชุดเกราะสีเพลิงไว้ หน้าตาหล่อเหลาเอาการ ดาบแบบเดียวที่แผ่พลังเวทสีขาวออกมากองอยู่รวมกัน รวมถึงยังมีโล่และหอกอีกเป็นจำนวนมาก ค้อนในมือของเฮเฟตัสทุบตีใส่ดาบตรงหน้าไม่หยุด ประกายไฟจากการตีดาบแผ่ไปทั่ว ดาบที่เฮเฟตัสตีมีพลังมากกว่าอาวุธเทพที่ถูกเทพช่างคนอื่นตีมาก สมกับที่เป็นเทพแห่งช่างตีเหล็ก
     
        "พร้อมแล้วอะพอลโล่ อาวุธที่ข้าตีจำนวน1ล้านเล่มได้ถูกส่งไปมอบให้นายทหารกันเรียบร้อยแล้ว การป้องกันสวรรค์แน่นหนามาก ข้าว่าพวกนามธรรมคงไม่บุกมาตอนนี้หรอก"เฮเฟตัสกล่าวอย่างมั่นใจ เฮเฟตัสเป็นชายผมสีน้ำตาลและดวงตาสีฟ้า มีรูปร่างหน้าตาไปทางหล่อแต่ไม่มาก สวมชุดช่างตีเหล็กสีขาวของเผ่าเทพไว้
     
        "อย่าได้ประมาทเฮเฟตัส ข้ามาแจ้งเจ้าตามคำสั่งของท่านซุสว่าให้เจ้าระวังตัวไว้ เพราะนามธรรมอาจจะหมายหัวเจ้าอยู่ก็ได้ ในสงครามครั้งก่อนเจ้าก็เกือบจะถูกเดรคฆ่าตายแล้ว ถ้าข้าไม่ช่วยเจ้าไว้"อะพอลโล่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
     
        "ข้าทราบแล้วน่า ว่าแต่เจ้าจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยงหน่อยเรอะ เจ้าชอบพาผู้หญิงเข้าไปนอนด้วยประจำ"เฮเฟตัสหยุดมือและหันมาถาม เพราะตอนนี้มีงานเลี้ยงเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ เทพชั้นสูงหลายองค์ก็ไปร่วมงานกัน ถ้าเป็นตามปกติอะพอลโล่คงไปร่วมงานและควงเทพสาวสักคนไปนอนที่วิหารตนแน่ ชื่อเสียงความเจ้าชู้ของอะพอลโล่ไม่ได้ด้อยไปกว่าซุสแต่อย่างใด ถ้าให้พูดแล้วซุสแค่มีผู้หญิงนอนด้วยเยอะกว่าเท่านั้น
     
        "ข้าไม่มีอารมณ์"อะพอลโล่กล่าวเสียงเรียบ
     
        "อะพอลโล่ ข้ารู้สึกว่าการที่ท่านซุสส่งอาธีน่าลงไปที่พื้นพิภพไม่ใช่เรื่องดีนะ"เฮเฟตัสพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ขณะที่มือของเค้าเริ่มทุบใส่ดาบต่อ
     
        "ไม่ดีอยู่แล้ว อาเรสพยายามจะกำจัดอาเธน่าออกจากตำแหน่งไป ให้มันได้เป็นเทพสงครามเพียงผู้เดียว ดีที่นางโดนแค่ให้ไปทำงานสืบข่าวของเจ้าเด็กนั้น"
     
        "หวังว่าคงจะไม่เกิดเรื่องแบบเดียวกับกราบรีเอลนะ ข้าได้ยินจากเฮอร์มีสแล้ว เรื่องที่ท่านซุสให้ส่งคอยดูความเคลื่อนไหวของอาเธน่าไว้"เฮเฟตัสพูดอย่างเป็นกังวล
     
        "อาเรสคงจะยุแยงท่านซุสน่ะสิ การที่กราบรีเอลทรยศไปทำให้ท่านยิ่งระมัดระวังไม่ให้เกิดการทรยศขึ้นอีก"อะพอลโล่พูดอย่างหัวเสีย เฮเฟตัสเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น
     
        "นี่อะพอลโล่ หลังจากที่ข้าทราบว่ากราบรีเอลทรยศพวกเราไป บางทีข้าก็คิดเหมือนกันนะว่าทำแบบนั้นถูกต้องกว่าก็ได้"อะพอลโล่ได้ยินแล้วเบิกตากว้าง รีบกวาดสายตาหันไปมองรอบๆทั้งเพ่งพลังจิตตรวจสอบดูรอบทิศทาง เห็นว่าไม่มีใครแอบฟังอยู่ก็โล่งใจ
     
        "ทำไมเจ้าคิดแบบนั้นล่ะ"อะพอลโล่ถาม
     
        "เรากำลังร่วมมือกับผู้ที่มาจากต่างโลกอยู่เจ้าก็รู้ ตอนที่ทำข้อตกลงกันข้ากับเจ้าก็คัดค้านเรื่องนี้เหมือนกับกราบรีเอลไม่ใช่เหรอ ถึงแมันามธรรมกับพวกเราจะเป็นศัตรูกันก็ตาม แต่ข้าคิดว่าควรร่วมมือกันจัดการพวกมันก่อนดีกว่า"เฮเฟตัวพูดแล้วอะพอลโล่มองมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พร้อมอุณภูมิโดยรอบที่ร้อนขึ้นมา
     
        "เฮเฟตัส ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้ว เผ่าเทพตัดสินใจเลือกทางนี้แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมมือกับพวกนั้นจัดการนามธรรม เพื่อให้เผ่าพันธุ์ของเราไม่สูญสิ้นไป เจ้าคงไม่คิดว่าถ้านามธรรมชนะสงครามแล้วจะยอมบะเว้นชีวิตพวกเราหรอกนะ"เฮเฟตัสไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้า อะพอลโล่เดินออกจากวิหารของเฮเฟตัสไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจก็รู้ดีว่าสิ่งที่เฮเฟตัสพูดมานั้นเป็นสิ่งที่เผ่าเทพควรทำ แต่เผ่าเทพได้เลือกที่จะยอมร่วมมือกับผู้รุกรานโลกที่มีพลังเหนือกว่าพวกตน
     
        ภายในวิหารของซุสที่เวลานี้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ มีเทพชั้นสูงอยู่เป็นจำนวนมาก มหาเทพทั้งสาม เทพเฮร่า เทพเฮสเทีย เทพอะโฟรไดท์ เทพอาร์ทีมิสและเทพแห่งแอสการ์ดที่มาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เทพโอดินและลูกทั้งสองก็มาร่วมงานทั้งคู่ ยังมีเทพแอสการ์ดอีกหลายองค์ และยังมีเทพจากแดนสวรรค์อื่นๆมาอีกเป็นจำนวนมาก
     
         กลางงานเลี้ยงที่เป็นที่มาบองเสียงดนตรีอันไพเราะ เฮสเทียและเหล้าเทพเกรซทั้งสามกำลังบรรเลงเสียงเพลงอันแสนไพเราะออกมา จนเหล่าเทพต่างมองตามเสียงเพลงอย่างหลงใหลทั้งเสียงเพลงและความงามของเทพสาวทั้ง4
     
        "นางช่างสวยงามยิ่งนัก ข้าอยากจะเอานางมาเป็นของข้า"โลกิที่กำลังถือจานใหญ่ขึ้นมากินพูดและมองไปทางเทพเฮสเทียที่กำลังร้องเพลงอยู่ ธอร์ผู้เป็นพี่ชายบุญธรรมไม่ต้องหันไปมองเลยว่าใครกันที่กล้าพูดจาถึงเทพแห่ง12สภาโอลิมปัสเช่นนี้
     
        "โลกิ ถ้าเจ้ากล้าเอ่ยปากพูดถึงเทพชั้นสูงแบบนี้ ข้าจะบอกท่านพ่อให้จับเจ้าขังคุกซะเดือนหนึ่ง เทพเฮสเทียเป็นหญิงพรหมจรรย์ตลอดกาลเจ้าก็รู้"ธอร์หันมาพูดกับโลกิด้วยสายตาจริงจัง ถ้าไปพูดต่อหน้าเฮสเทีย นางอาจฆ่าโลกิเลยก็เป็นได้ แร่ธอร์รู้ดีว่าน้องชายตนไม่โดนใครฆ่าตายง่ายๆหรอก
     
        "บางทีถ้าข้าจีบนาง นางอาจยอมละทิ้งพรหมจรรย์ก็ได้นะ สวยขนาดนั้นน่าเสียดายออก ถ้างั้นข้าจีบเทพเกรซแทนก็ได้ คนไหนหน้าตาดีสุดนะ"โลกิยังไม่หยุดพูดแล้วมองไปทางเทพเกรซทั้งสาม เทพธิดาอเกลอา เทพธิดายูโฟรสินี และเทพธิดาธาไลอา ทำให้ธอร์เริ่มหงุดหงิด นี่ดีนะที่ว่าโอดินผู้เป็นบิดากำลังสนทนาอยู่กับซุสที่อีกด้านนึงของงาน ถ้าโอดินได้ยินที่โลกิพูดคงโดนลงโทษแน่นอน
     
        "นี่เจ้า..."ธอร์กำลังจะดุโลกิ แต่ตัวเทพหนุ่มจอมสำราญก็ยื่นแก้วไวน์ที่พึ่งเทใส่มาให้ธอร์
     
        "ท่านพี่ดื่มไวน์ให้ใจเย็นลงเถอะน่า"โลกิพูดด้วยรอยยิ้มที่ตนคิดว่าน่ารักมาก แต่ธอร์ไม่เห็นว่ามันจะน่ารักตรงไหนเลย
     
        "ครั้งสุดท้ายที่เจ้าเอาน้ำให้ข้าดื่ม ข้าสลบไปแล้วเจ้าก็ไปควงเทพธิดาเข้าห้องนอนไป"ธอร์กล่าวเสียงเรียบ โลกิยิ้มแล้วเอาไวน์วางไว้บนถาดตามเดิม ไม่ทันไรก็มีเทพชั้นกลางคนนึงเดินเข้ามาหยิบไวน์แล้วจับแก้วนั้นพอดี เขาดื่มเข้าไปก่อนที่จะหน้าเขาจะแดงขึ้นมาทันที ก่อนที่จะเดินโซเซแล้วล้มลงสลบไป เทพตนอื่นรีบเดินมาดูเห็นว่าเทพหนุ่มคนนี้ดื่มหนักเกินไป ทำให้เทพอัศวินที่อยู่ตามทางเดินเข้ามาหิ้วตัวออกจากงานไป โลกิยิ้มแห้งๆแล้วกล่าวขึ้น
     
        "ข้าขอตัวไปทำความรู้จักเทพองค์อื่นก่อนนะ จะหาเทพสาวที่ระดับพอๆกับข้าละกัน"โลกิพูดแล้ววิ่งหนีธอร์ไปทันที ธอร์ตกใจรีบไล่ตามไป แต่คนในงานที่เบียดเสียดกันทำให้เค้าคลาดสายตาโลกิไปในที่สุด
     
        "บ้าเอ๊ย"ธอร์สบถออกมา โอดินสั่งให้เค้าจับตาดูโลกิอย่าให้ก่อเรื่องขึ้นซะด้วย
     
        "เอาล่ะ ไปจีบผู้หญิงสวยๆดีกว่า อ้อ คนนั้นน่ารักดีแฮะ"โลกิที่หนีจากพี่ชายมาได้ก็กวาดสายตาไปรอบๆแล้วเห็นเทพธิดาหน้าตาสวยคนหนึ่งกำลังคุยกับเพื่อนของเธออยู่ โลกิเล็งเหยื่ิเรียบร้อยก็เดินเข้าไปหาทันที แต่ทว่า...
     
        "พวกเจ้าหลีกทางให้ข้าหน่อยซิ"เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นมา พร้อมกับเหล่าเทพธิดาที่แหวกทางให้เทพที่พูดเมื่อกี้เดินผ่านสบายๆ โลกิมีเหงื่อไหลออกมาเต็บใบหน้า เพราะเทพที่เดินเข้ามาหาตนก็คือเทพนิกซ์นั้นเอง
     
        "เจ้ามากับข้า"นิกซ์หายตัวไปอยู่ด้านหลังโลกิแล้วบีบหูลากโลกิเดินไป โลกิส่งเสียงร้องทำให้เทพหลายองค์หันมามอง แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปเพราะรู้ดีว่านิกซ์เป็นเทพแห่งปฐมกาล ก่อนที่นิกซ์จะพามาจนเจอธอร์ที่เดินสวนมาพอดี เธอก็เหวี่ยงร่างยูกิใส่ธอร์ทันที ธอร์รรับไว้ได้ก่อนที่โลกิจะวิ่งไปหลบหลังธอร์ทันที
     
        "สวัสดีครับเทพนิกซ์"โลกิพูดแล้วนิกซ์หยิบมีดบนจานขึ้นมาปาใส่โลกิเฉียดแก้มเขาไปเพียงนิดเดียว
     
        "ถ้าครั้งหน้าเจ้ากวนประสาทพวกข้าอีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่"นิกซ์พูดแล้วเดินออกจากงานไป
     
        "ข้าถึงได้บอกเจ้าไงว่าระวังเทพแห่งปฐมกาลไว้"ธอร์พูดแล้วโลกิยิ้มที่มุมปาก
     
        "ข้าไปสนุกต่อนะ"โลกิพูดแล้ววิ่งไปอีกรอบ ธอร์รีบตามโลกิไป
     
        "โลกิ ปัดโธ่เอ๊ย"ธอร์แสนจะเอื่อมระอากับนิสัยของน้องชายตน
     
        ไม่ไกลจากจุดที่ธอร์กับโลกิยืนทานอาหารจนถึงเมื่อกี้นี่มากนัก อาร์ทีมิสกำลังพิงผนังห้องจิบชาฟังเสียงเพลงของเฮสเทียและเหล่าเทพเกรซอยู่ เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา
     
        "ว่าไงอาร์ทีมิส ไม่ลองไปหาผู้ชายมาควงสักคนเหรอ"อาร์ทีมิสหันไปมองตามเสียง เห็นอะโฟรไดท์เดินเข้ามาหาโดยที่สองมือของเธอกอดคอเทพหนุ่มหน้าตาดีสองคน เทพทั้งสองกำลังตกอยู่ใต้มนตร์เสน่ห์ของเธอ อาร์ทีมิสคิดว่าเดี๋ยวอะโฟรไดท์ต้องพาผู้ชายหลายสิบคนไปที่วิหารเธอแล้วทำเรื่องอย่างว่าตลอดทั้งคืนแน่นอน ให้ตายสิ เธอคนนี้เป็นเทพแห่งตัณหาราคะรึไงกัน
     
        "ข้าไม่ชอบเปิดใจให้พวกผู้ชายง่ายๆเหมือนท่านหรอกอะโฟรไดท์ เห็นคนหล่อหน่อยก็จะพาไปที่วิหารแล้วให้รุมโทรมเจ้าเชียวเรอะ"อาร์ทีมิสพูดแล้วอะโฟรไดท์ก็โกรธขึ้นมา เทพหนุ่มทั้งสองรีบออกห่างจากอะโฟรไดท์เมื่อเธอแผ่พลังเวทออกมา อาร์ทีมิสก็ไม่ยอมง่ายๆเช่นเดียวกันจึงแผ่พลังเวทออกมาบ้าง พลังเวทที่แผ่ออกมาทำให้เหล่าเทพต่างหยุดงานเลี้ยงมองดูเทพแห่งโอลิมปัสทั้งสิงที่กำลังจะมีเรื่องกัน
     
        "เจ้ากล้าด่าข้าเหรออาร์ทีมิส"อะโฟรไดท์ถามด้วยเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว
     
        "แล้วใครล่ะที่ควงผู้ชายไปทั่ว เจ้าเป็นเทพสาวที่ขึ้นเตียงกับผู้ชายง่ายที่สุดแล้ว ขอแค่หล่อเป็นพอ"
     
        "กรี๊ดดดด..."อะโฟรไดท์ทนไม่ไหวยิงเวทใส่อาร์ทีมิส แต่เธอก็สร้างโล่เวทมนตร์มาป้องกันไว้ได้ทัน
     
        "หยุด!!!"เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เทพทั้งสองต้องหยุดการกระทำของตนทันที ราชินีแห่งเหล่าทวยเทพ เทพเฮร่าเดินเข้ามาหาทั้งสองพร้อมทั้งปล่อยพลังออกมา เทพทุกองคฺไม่ว่าจะต่ำหรือสูงก็รีบคุกเข่าลงทันที รวมถึงอาร์ทีมิสกับอะโฟรไดท์ด้วย
     
        "พวกเจ้าสองคนทะเลาะกันเรื่องอะไร"เฮร่าถามด้วยแรงกดดันที่ทำให้สร้างความตื่นกลัวให้เทพในงานไปเกือบหมดทุกองค์ ก่อนที่เฮร่าจะฟังที่ทั้งสองเล่ามา แล้วเอ่ยขึ้น
     
        "พวกเจ้าทั้งคู่มีความผิดที่ด่าว่าใส่อีกฝ่ายและคิดสู้กันกลางงานเลี้ยงโดยไม่สนว่าใครจะบาดเจ็บ ครั้งนี้ข้าละเว้นไว้ แต่อย่าให้มีอีก ทุกท่านเชิญสนุกกับงานเลี้ยงต่อได้เลย"เฮร่าพูดแล้วเดินไป เธอรู้ดีว่าทั้งสองยังขัดแย้งกันเพราะเรื่องในการประชุมที่ตัดสินให้อาเธน่าลงไปทำภารกิจแก้ตัวที่พื้นพิภพอยู่
     
        อาร์ทิมีสกับอะโฟรไดท์หันมาจ้องหน้ากันอย่างกินเลือดกินเนื้อ ก่อนที่หลับตาลงระงับอารมณ์โกรธแล้วลุกขึ้นเดินออกจากงานเลี้ยงไป อะโฟรไดท์เดินกลับไปหาหนุ่มๆของเธอต่อ เหล่าเทพหนุ่มจับเนื้อต้องตัวเทพสาว เธอก็ร้องครางได้เสียงน่าฟังมาก แม้หน้าตาเธอจะดูสดใส แต่ภายในใจแค้นเคืองอาร์ทีมิสอย่างมาก
     
        'ข้าจะต้องกำจัดเจ้าและอาเธน่าให้จงได้ในสักวันหนึ่ง ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม!! ข้าขอสาบานๆ!!!'
     
        แม้ทุกอย่างจะสงบลงแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครสนุกสนานกับงานเลี้ยงอีกต่อไปเพราะพึ่งผ่านเหตุการณ์รุนแรงมา เทพหลายตนจึงขอตัวกลับไป มีแค่เทพบางตนเท่านั้นที่ยังสนุกอยู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโลกินั้นเอง
     
        เวลาผ่านไปจนถึงช่วงกลางคืน เฮร่าที่กำลังจะเตรียมตัวนอนหลับโดยไม่รอซุสผู้เป็นสามี เพราะคงจะไปหาเทพสาวตนอื่นไปนอนกันที่วิหารอีกตามเคย ซุสรวบรัดเธอที่เป็นพี่สาวมาเป็นมเหสี แต่พอแต่งงานแล้วก็ไม่หยุดนิสัยเจ้าชู้ทำให้เธอโกรธมาก ซุสแต่งงานกับเทพสาวมาแล้ว10กว่าคน(รวมเฮร่าด้วย) ชู้รักที่ประกาศตัวร้อยกว่าคน และที่ไม่เปิดเผยนามอีกเป็นพันคน เฮร่าเคยฆ่าชู้รักของซุสหรือสาปใส่มาแล้วหลายคน
     
        "ไอ้น้องบ้าเอ๊ย"เฮร่าพูดอย่างหัวเสีย ถ้าหลังจากโค่นโครนอสได้แล้วเธอไม่ติดกับของซุสเข้าละก็ เธออาจจะเป็นหญิงพรหมจรรย์หรือไม่ก็มีชีวิตสมรสที่ดีกว่านี้แล้ว เพราะชีวิตหลังสมรสของพวกเธอมักจะทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
     
        ในเวลาเดียวกันนั้น มหาเทพซุสที่กำลังถูกเฮร่าพูดถึงอยู่กำลังประชุมปรึกษาหารืออยู่กับโอดิน โพไซดอนและฮาเดส และถึงช่วงผลสรุปของการประชุม
     
        "การป้องกันแดนสวรรค์ได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แต่ข้าอยากจะขอกำลังจากทางโอลิมปัสไปคอยป้องกันแอสการ์ด ข้าอยากได้เทพที่มีฝีมือไม่แพ้ธอร์"โอดินกล่าวขึ้น ซุสเข้าใจว่าโอดินหมายความว่าไง ถ้าจะหาเทพที่เก่งด้านการต่อสู้ไม่แพ้ธอร์ คงมีเพียงเทพสงครามทั้งสองเท่านั้น และตอนนี้หนึ่งในนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่
     
        "ข้าไม่อาจเรียกให้อาเธน่ากลับมาตอนนี้ได้หรอกนะโอดิน นางโดนลงโทษอยู่"ซุสรู้ว่าโอดินก็ไม่เห็นด้วยกับการลงโทษอาเธน่าในที่ประชุมคราวก่อน
     
        "ท่านอย่าได้เอาแต่ทำตัวสูงศักดิ์ในเวลานี้ได้ไหม การส่งอาเธน่าไปแทบไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยนอกจากรู้ความเคลื่อนไหวของดาร์คเท่านั้น เรื่องแบบนี้ให้เทพอื่นทำก็ได้ มันเป็นการตัดกำลังรบของเรามากกว่า"
     
        "ข้าตัดสินใจแล้ว"ซุสพูดเสียงแน่วแน่ เมื่อเขาตัดสินโทษให้อาเธน่าไปทำแล้ว เขาจะเปลี่ยนใจไม่ได้เด็ดขาด
     
        "ข้าขอพูดหน่อยนะโอดิน ถึงพาอาเธน่ากลับมาที่สวรรค์ แต่พลังของนางก็ไม่อาจเทียบกับนามธรรมได้หรอกนะ ในสงครามครั้งก่อนแม้จะมีสติปัญญาของนางช่วย แต่ก็ทำได้เพียงรบพลางถอยพลางเท่านั้น สุดท้ายพวกเจ้าก็จะให้พวกมนุษย์ผู้มาจากต่างโลกช่วยใช่ไหมล่ะ"ฮาเดสเอ่ยขึ้น ทำให้ซุสหันมามอง
     
        "เจ้าเองเถอะฮาเดส ในสงครามครั้งนี้เจ้าจะช่วยพวกเราหรือไม่"
     
        คำตอบของข้าคือไม่ ข้าไม่มีความจำเป็นต้องช่วยพวกเจ้าที่เนรเทศข้าไปอยู่ในนรก ข้าจะขอเป็นกลางดูเหล่านามธรรมฆ่าพวกเจ้าละกัน บางทีข้าอาจยอมร่วมมือถ้าเจ้าสละบัลลังก์ราชาแห่งเหล่าเทพให้ข้านั่งแทน"ฮาเดสพูดอย่างไม่กลัวเกรง และสิ่งตอบแทนจากคำพูดนี้คือ
     
        "เปรี้ยงงงง!!!"สายฟ้าของซุสปรากฎขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าใส่ฮาเดสทันที แต่เจ้าแห่งยมโลกก็ไม่ยอมง่ายๆ ฮาเดสยกดาบสีดำลุกติดเพลิงทมิฬขึ้นมาฟาดทำลายสายฟ้าหายไปหมด
     
        "ฟุ่บๆ"ฮิปนอสกับทานาทอสพุ่งเข้ามายืนอารักขาผู้เป็นนายทันที ฮาเดสมองสีหน้าซุสที่โกรธจัดอย่างอารมณ์ดี
     
        "ข้าหวังอย่างยิ่งว่าเหล่านามธรรมจะฉุดเจ้าลงมาจากบัลลังก์ที่แสนจะเย่อหยิ่งของเจ้าได้ในสักวันหนึ่ง แล้วพบกันใหม่นะถ้าเจ้ายังไม่ตาย"ฮาเดสพูดแล้วเขากับเทพฝาแฝดทั้งสองก็หายตัวไปทันที ซุสมองฮาเดสที่หนีหายไปอย่างโกรธแค้น
     
        "ฮาเดส ถ้าจัดการนามธรรมได้เมื่อไหร่ ข้าจะกำจัดเจ้าทันที"ซุสพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
     
        "ซุส ข้าเองก็อยากจะบอกเจ้าเช่นกัน ว่าสงครามครั้งนี้ข้าเองก็ขอเป็นกลาง"โพไซดอนพูดไม่สบตาซุส ซุสหันไปมองราชาแห่งท้องทะเลอย่างไม่อยากเชื่อ
     
        "นี่เจ้าก็ไม่คิดจะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของเจ้ารึไง ได้ ไปซะสิ ไปเลย!!!"ซุสตะโกนอย่างหังเสียแล้วโพไซดอนเดินออกจากห้องประชุมไป แต่ก่อนจะไปเขาหันมามองซุสแล้วพูดว่า
     
        "ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย แต่คนของข้าตายไปมากในสงครามครั้งก่อน ข้าไม่อยากเสี่ยงกับสงครามครั้งนี้อีก เจ้าพวกนั้น..พวกผู้มาจากต่างโลก มันใช้พวกเราเป็นแนวหน้าเพื่อให้พวกคนบนดาวนี้ฆ่ากันเอง และการที่เจ้าเลือกจะร่วมมือกับพวกมัน เจ้าคิดว่าทำเพื่อเผ่าเทพอยู่หรือเพื่อรักษาอำนาจของเจ้าไว้กัน"โพไซดอนเดินจากไป ซุสได้แต่นิ่งเงียบไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
     
        "ข้าขอตัวก่อนนะ"โอดินพูดแล้วเดินออกไปจากห้องประชุม แต่ทันใดนั้นเอง..
     
        "ผู้บุกรุกๆๆ.."เสียงตะโกนดังขึ้นมาก่อนที่ทหารเทพคนหนึ่งจะเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขารีบเข้ามาก้มคารวะซุสและโอดินทันที
     
        "แย่แล้วขอรับท่านซุส ตอนนี้นามธรรม3ตนได้บุกเข้ามาในแดนสวรรค์แล้วขอรับ"สิ้นเสียงของทหารผู้นั้น ซุสกับโอดินก็ตกใจดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที
    ______________________________________
    หลังจากนี้จะเป็นเรื่องของดาร์คสลับกับนามธรรมนะครับ แต่จะเน้นไปที่ดาร์คครับ แต่ตอนหน้าเป็นการปะทะกันระหว่างเทพกับนามธรรมครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×