ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tower Of God King Baam

    ลำดับตอนที่ #36 : Escape from the Dead

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 98
      6
      3 เม.ย. 64

    “กินคนด้วยกันเหรอ? จะตลกร้ายยังไงก็เกินไปแล้ว”สึกูฮะคิดขณะเธอกับนางาตะ ชินอิจิอยู่ใกล้กำแพงไม่ขวางฝูงชนที่ตื่นตระหนก

    “โกหกชัดๆ เรื่องพรรค์นี้มันโกหกชัดๆเลย แม่ครับ ใช่มั้ยครับ”เด็กนักเรียนพึมพำขณะกุมบาดแผลที่คอ ซอมบี้จับหน้าเขาดึงไปกิน สึกูฮะกับชินอิจิฉวยโอกาสนี้วิ่งผ่านไป

    “สึกูฮะจัง จะหนีไปที่ไหนครับเนี่ย”

    “นายคิดจะทำยังไงเหรอ”

    “ไปแจ้งที่ห้องพักครูแล้วค่อยไปที่...“

    “ไม่มีประโยชน์ คิดเหรอว่าพวกอาจารย์จะทำอะไรได้น่ะ”

    แต่ว่าสึกูฮะจัง สภาพแบบนี้...”

    “ฉันขอถามคำถามหนึ่ง”

    “อะไรครับ”

    “นายอยากตายหรืออยากมีชีวิตรอดล่ะ”

    “เรื่องนั้น...”

    “ดูนั่น พวกคนที่คิดแบบเดียวกับนายและไปที่ห้องพักครูน่ะ”

    พวกเขาหันไปเห็นนักเรียนทุบประตูไปที่ห้องพักครู ประตูเปิดออกแล้วพวกครูที่กลายเป็นซอมบี้ดึงนักเรียนเข้าไป

    “ฉันอยากมีชีวิตรอดเข้าใจไหม ไปกันได้แล้ว”

    “ครับ”

    @@@@@@@

    คิริโตะและอาสึนะยังอยู่บนหลังคานานกว่า1ชั่วโมง ตอนนี้พวกเขาต้องตามหาเพื่อนคนอื่นๆ

    “ฉันจะลองโทรหาพ่อดูอีกครั้ง”

    “ถึงพ่อเธอจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เถอะ แต่เบอร์110โทรไม่ได้นี่นา”

    “ฉันรู้ เบอร์ลับที่ตอนปกติห้ามโทรไปน่ะ”

    “พี่ค่ะ”

    “ฮัลโหลๆ เบอร์นี้ คิริกายะเหรอ”

    “พี่ค่ะ”

    “ฮัลโหล คิริกายะคุงใช่ไหม ได้เบอร์มาจากอาสึนะสินะ อาสึนะปลอดภัยไหม โธ่เว้ย สัญญาณมัน”

    “พี่ค่ะ ไม่ได้ยินเสียงหนูเหรอ

    “ฟังนะคาสึโตะ ปกป้องอาสึนะ ตอนนี้เมือง”

    “ปัง!!”

    เสียงเงียบไปครู่นึงและกลับมา

    “เข้าใจนะ ในเมืองกำลังวุ่นวายไปหมดรีบหนีไป”

    จากนั้นสายก็หลุดไป

    “ไม่มีสัญญาณแล้วเหรอ เมื่อกี้ยังติดต่อได้อยู่เลยนี่”

    “อาสึนะ”

    “คิริโตะคุง...พ่อฉัน...ตอนสายหลุดไปก็ยังไม่รู้ว่าฉันเป็นคนโทรไป”

    @@@@@@@@

    “คิริกายะซัง มันผิดกฎโรงเรียนก็จริง แต่พกมือถือมารึเปล่าครับ”

    “ฉันเป็นนักเรียนดีเด่น”เธอพูดอย่างขุ่นเคือง”แล้วถ้าฉันมีจะโทรไปไหนกันล่ะ”

    “คือว่า...แจ้งตำรวจ”

    “นายนี่โง่จริงๆนะ วุ่นวายซะขนาดนี้มันต้องมีคนโทรไปแจ้งอยู่แล้วล่ะ ทั้งที่เป็นแบบนั้นกลับไม่ได้ยินเสียงหวอเลยสักกะเอะเดียว เข้าใจแล้วใช่มั้ย”

    “ในเมืองเองก็คงเป็นแบบนี้”

    “น่าจะนะ ทั้งที่ตำรวจเคลื่อนไหวแล้วแน่ๆแต่สภาพยังเละเทะแบบนี้เลย”

    “เรียกกองกำลังป้องกันตนเองไหมครับ”

    “อย่าหวังมากเลยจะดีกว่า”

    “นั่นสิ ถ้าไม่มีคำสั่งจากรัฐบาลก็จะออกปฎิบัติการหรือออกรักษาความปลอดภัยไม่ได้”

    “ไม่ได้หมายความแบบนั้น”

    “งั้นหมายความว่าไง”

    “ก็เหมือนตำรวจนั่นแหละ ถ้าเมืองทุกเมืองมีคนไล่กินคนไม่เลิกแบบนี้ คิดว่ามันจะเป็นยังไงล่ะ ญี่ปุ่นมีประชากร130ล้านคน จะมีคนจากกองกำลังป้องกันตนเองกี่คน แล้วถ้าเกิดในหน่วยของกองกำลังป้องกันตนเองก็เกิดเรื่องแบบเดียวกันนี่ขึ้นมาล่ะ”

    ตอนนั้นเองซอมบี้ตัวหนึ่งเดินลงบันไดมา

    “หนีไปจากตรงนี้กันก่อนเถอะน่า”

    “ครับ”

    @@@@@@@@

    อ.มาริคาว่า ชิซูกะ หมอประจำโรงเรียนเดินไปรอบๆห้อง เธอเป็นผู้หญิงวัย26ปี ผมสีบลอนด์ยาวและหน้าอกคัพJ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงยาวสีน้ำตาล

    “โอคาดะ”นักเรียนคนหนึ่งมองเพื่อนเขากลายเป็นซอมบี้เอาไม้ค้ำยันสำหรับผู้ป่วยฟาดเพื่อน”ยกโทษให้ด้วย”

    "พนักงานดับเพลิงกับตำรวจติดต่อไม่ได้ ฉันทำการปฐมพยาบาลให้แล้ว แต่คนเจ็บก็ยังตายอยู่ดี คนที่ตายไปแล้วกลายเป็นผีดิบอย่างกับในหนังอีกต่างหาก"

    "เรารีบเผ่นเถอะครับอ.ชิซูกะ"

    "เดี๋ยวก่อนฉันต้องเอาของไปด้วย"ชิซูกะเปิดตู้และพึมพำ"หวังว่าโชคุงจะโอเค"

    ซอมบี้พังหน้าต่างเข้ามา

    "หวา อาจารย์รีบหนีเร็วครับ"

    "เธอชื่ออะไรนะ"

    นักเรียนถูกผลักล้มลงและซอมบี้กินเขา พวกมันเข้าไปหาพยาบาล

    "ไม่นะ ฉันยังต้องบอกมารุฟูจิคุงว่ารู้สึกยังไงกับเขา"เธอคิดอย่างสิ้นหวัง แต่โชคดีที่คนมาช่วย ถ้าจำไม่ผิดเธอมาจากชมรมเคนโด้ที่ชอบท้าทายคิริกายะเป็นครั้งคราว

    บุซุจิม่า ซาเอโกะ เธอมีผมสีครามยาวและตรงหน้าผากเป็นรูปสามเหลี่ยม มีดวงตาสีฟ้า เธอสวมชุดนักเรียนปกติ แต่สวมกระโปรงยาว เธอมีหน้าอกใหญ่คัพD

    เธอจัดการซอมบี้ทั้งหมดอย่างง่ายดาย เธอเดินไปหานักเรียนที่ถูกกัด

    "ฉันกัปตันชมรมเคนโด้ บุซูจิม่า ซาเอโกะ เธอชื่ออะไรหนุ่มน้อย"

    "อิจิอิ คาซุ"

    "เก่งมากที่ปกป้องอ.โมริคาว่าได้ ขอเชยชมในความกล้าหาญ เธอคงรู้สินะว่าถูกกัดแล้วจะเป็นยังไง ถ้าไม่ว่าอะไรฉันจะส่งเคราะห์ให้"

    เด็กชายรู้ว่ายังไงเขาก็ตายไม่ว่ายังไงก็ตามแล้วยิ้มอ่อนๆ 

    "รบกวนด้วยครับ"

    เธอหยิบดาบขึ้นมาเตรียมจบเรื่องนี้ ชิซูกะก็ตื่นตระหนก

    “เดี๋ยวก่อน เธอทำอะไรน่ะ”

    “คุณเป็นหมอประจำโรงเรียนฉันเข้าใจ แต่อย่าเข้ามายุ่ง การปกป้องเกียรติของผู้ชายถือเป็นความภาคภูมิใจ”ซาเอโกะยกดาบ อิชิยิ้มก่อนทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำ

    ชิซูกะมองด้วยความกลัว แต่ไม่มีเวลาเสียใจเพราะคราวนี้พวกนั้นเข้ามาทางประตู ซาเอโกะมองพวกเขาแล้วยิ้มซาดิส แต่ก่อนเธอจะเริ่มละเลงเลือดก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเด็กชาย

    “มารุฟูจิคุงเธออยู่ไหน”

    “คุณรู้จักมารุฟูจิคุงเหรอ”ซาเอโกะถามประหลาดใจ

    @@@@@@@

    สึกูฮะกับชินอิจิที่กำลังหนีได้เจอกับอาซาดะ ชิโนะที่มาเยี่ยมชมโรงเรียนแต่เพราะเหตุการณ์เลยติดอยู่ที่นี่

    “คุณอาซาดะ คุณคิริกายะมาที่นี่คิดจะทำอะไรเหรอครับ”นางาโตะถาม

    “นางาโตะ นายน่ะเงียบไปเลย ไปปิดล็อคประตูพวกมันจะได้เข้ามาไม่ได้”

    นางาโตะรีบทำตามที่สึกูฮะบอก พวกเขามองดูเครื่องมือที่วางอยู่บนโต๊ะ

    “จะใช้เป็นอาวุธเหรอครับ”

    “ปืนยิงตะปู แล้วก็แก๊ส หายห่วงได้”ชิน่อนพึมพำเริ่มกระกอบอาวุธอย่างใจเย็น

    “คุณอาซาดะมันมาถึงหน้าประตูแล้ว!!!”

    ประตูถูกพังเข้ามาได้ โชคดีที่ชิโนะทำสำเร็จและยิงเจาะหัวพวกมันทั้งหมดด้วยตะปู

    “ก็อตฉะ”

    “ยอดเลยคุณชิน่อน”

    @@@@@@@

    ขณะเดียวกันคิริโตะกับอาสึนะก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง พวกเขาใช้สายยางดับเพลิงใกล้ๆ

    “พร้อมไหม”

    “อืม”

    “เปิดเลย”

    ปืนฉีดน้ำทรงพลังส่งพวกมันกระเด็นร่วงลงบันไดทางขึ้น บางตัวก็ลอยตกจากดาดฟ้า

    @@@@@@@

    โช ยูกิ ริกะ และเคย์โกะอยู่ที่โถงทางเดินแห่งนึง มีพวกมัน2-3ตัวข้างหน้า ริกะคิดจะทดลองบางอย่างหยิบผ้าเปียกมา

    “จะทำอะไรค่ะ”เคย์โกะถาม

    “ดูเงียบๆไปเถอะน่า”

    ริกะโยนผ้าใส่ล็อกเกอร์ แล้วซอมบี้นักเรียนก็เดินไปที่ตู้เก็บเริ่มกระแทกมัน

    @@@@@@@

    พวกมันพุ่งเข้าใส่เธอ แต่เธอฟาดมันทิ้งราวกับไม่มีอะไร

    ซาเอโกะและชิซูกะวิ่งตามโถงทางเดินโดยที่ซาเอโกะผลักพวกซอมบี้ออกเมื่อเข้าใกล้


    "ทำไมไม่ฟันหัวมันให้ขาดเหมือนทุกที คุณบูซูจิม่าจัดการได้สบายอยู่แล้วนี่นา"ชิซูกะถาม

    "ถ้าทำแบบนั้นเราจะถูกรุมได้ พวกมันมีพละกำลังแขนเหนือมนุษย์ หากเราถูกมันจับได้ก็จบกัน"

    "เธอนี่สุดยอดไปเลย ว๊าย!!!"

    พยาบาลสาวสะดุดล้มลง หน้าอกเธอกระเด้งขึ้นลงและอยู่ในตำแหน่งเร้าอารมณ์

    “โธ่ นี่มันอะไรกันนักกันหนานะ”ชิซูกะบ่น

    "กระโปรงแบบนี้วิ่งไม่ออกหรอก"ซาเอโกะฉีกกระโปรงเธอจนถึงสะโพกเผยให้เห็นชุดชั้นใน

    "นี่ของแบรนเนมเลยนะ"

    "เสื้อผ้ากับชีวิตอย่างไหนสำคัญกว่าค่ะ"

    "ทั้งคู่"

    “กรี๊ดดดดด!!!”

    ทันใดนั้นพวกเธอได้ยินเสียงร้องดังขึ้น

    “อะไรน่ะ?”พยาบาลถาม

    “มาจากห้องพักครูเหรอ”ซาเอโกะถาม

    พวกเธอเริ่มวิ่งไปทางนั้น ซาเอโกะถามขึ้น

    “แล้วคุณรู้จักคิริกายะกับมารุฟูจิคุงได้ยังไง”

    ชิซูกะมองเธออย่างสับสนแล้วยิ้มกว้าง

    “โอ้...เขาช่วยให้ฉันเป็นพยาบาลประจำโรงเรียน”

    “คุณให้คนขี้เกียจนั้นช่วยได้ยังไง”

    “ง่ายมาก...ฉันให้มารุฟูจิกับแฟนนอนในห้องของฉัน”

    ซาเอโกะได้ยินแล้วยิ้มพอใจเล็กน้อย

    “ถ้างั้นคุณไม่ได้ชอบคิริกายะคุง”เธออยากยืนยัน

    “เปล่า ฉันชอบมารุฟูจิคุง แม้เขาจะมีแฟนแต่ฉันจะสารภาพความรู้สึกต่อเขา”ชิซูกะบอกแล้วพูดบ้าง”บูซูจิม่าซับชอบคิริโตะคุง”

    ซาเอโกะยิ้มไม่ตอบ มันเห็นชัดได้ง่ายจากที่เธอชอบไปหยอกล้อและชวนเขาเข้าชมรมเคนโด้ และข่าวดีคือเขาเพิ่งเลิกกับอาสึนะ

    “ฉันหวังว่าคิริโตะคุงจะปลอดภัยนะ”

    @@@@@@@@

    สึกูฮะ ชิโนะและนางาตะจนมุมที่ห้องพักครู ชิโนะยิงตะปูและนางาโตะใช้ไม้เบสบอล

    “ช่วยสู้ด้วยสิครับสึกุ”

    “ฉันไม่มีอาวุธ”สึกุร้อง เธอมีแต่วิชาเคนโด้และเธอทิ้งมันไว้ที่ห้องชมรม

    “ตะปูใกล้จะหมดแล้วนะ”

    “ก็โหลดใหม่สิ”

    “แต่ว่ามันเข้ามาข้างหลังแล้วนะครับ”นางาตะพูดอย่างอ่อนแรง

    สึกุกรีดร้องโหยหวนทำให้ทุกคนรู้ตำแหน่งเธอ

    @@@@@@@@


    ทางด้านคิริโตะกับอาสึนะลงบันไดมาได้ยินเสียงคุ้นหู

    “สึกุ!!”เขารีบวิ่งไป

    @@@@@@@@

    ด้านโชรู้ทันทีว่าแฟนสาวตกอยู่ในอันตราย

    “พวกเธออยู่ที่นี่กับยูกิ ฉันจะไปช่วยสึกุ”

    “โซจิโร่ซัง”ซิลิก้าเรียกเขา

    “ไม่ต้องห่วงฉันจะกลับมา”เขาบอกอย่างมั่นใจและวิ่งไป

    @@@@@@@@

    สึกูฮะถอยหลังด้วยความกลัวจนมาติดตู้ถ้วยรางวัล

    “ถอยไปนะ ถอยไป!!”เธอโยนถ้วยรางวัลใส่ซอมบี้ แต่ไม่มีผลอะไรขณะมันเดินเข้าไปหาเธอ

    เธอมองไปรอบๆและเหลือบเห็นสว่านไฟฟ้าไร้สายเจาะปากซอมบี้จนเลือดสาดกระเซ็นขณะเธอหันหน้าหนี

    นั่นคือตอนที่ซาเอโกะ คิริโตะ โช มาถึงพอดี ทั้งสามเข้าจัดการฝูงซอมบี้

    จากนั้นโชรีบวิ่งเข้าไปหาสึกูฮะดูเธอ

    “สึกุไม่เป็นไรนะ”

    “ชะ โชคุง”สึกุพึมพำและร้องไห้กอดเขา

    “สบายดีไหม...บุซุจิม่าซัง?”

    “จ๊ะ”เธอยิ้ม

    อาสึนะเห็นแล้วคิ้วกระตุกด้วยความหึงหวง เธอจำได้ว่าเธอคนนี้เป็นกัปตันชมรมเคนโด้ รู้สึกจะชอบชวนคิริโตะเข้าชมรม 

    จากนั้นโชก็ขอตัวกลับไปพาพวกยูกิมาที่นี่ ขณะที่คิริโตะและอาสึนะคอยปลอบสึกู ขณะที่ชิซูกะและนางาตะเว้นระยะห่างเล็กน้อย ซาเอโกะตัดสินใจพูด

    “พวกเธอทุกคนโมริคาว่า หมอประจำโรงเรียนใช่ไหม ฉันบุซุจิม่า ซาเอโกะ ปี3ห้องA”

    “ฉันยูกิ อาสึนะ ชมรมศิลปกรรม ปี2ห้องB”อาสึนะแนะนำตัว สองสาวจ้องตากันแทบจะมีสายฟ้าพุ่งใส่ 

    ชิโนะเดินมาข้างคิริโตะแล้วยกศอกกระทุ้งหน้าอกเขา

    “ทำอะไรเนี่ย”

    “เสน่ห์แรงจังเลยนะ”ชิโนะหยอกล้อแล้วไปค้นของในห้องเผื่อเติมหากระสุนตะปูได้

    @@@@@@@@

    15นาทีต่อมา ทุกคนเข้ามายังห้องพักครูและปิดประตูล็อคไว้ ต่างพักเอาแรงและวางแผน

    “อ.มาริคาว่า กุญแจรถอยู่ไหนเหรอครับ?”คิริโตะถาม

    “เดี๋ยวนะ น่าจะอยู่ในนี้แหละจ๊ะ”ชิซูกะ

    “ฉันว่าถ้าจะฝ่าพวกมันออกไปเราน่าจะใช้รถบัสจะดีกว่านะ”

    “แผนคือตรวจสอบครอบครัวเรา เราน่าจะแวะไปที่ล้านทุกคนตั้งแต่ที่ใกล้สุดและถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยพวกเขา หลังจากนั้นค่อยหาที่ปลอดภัย”คิริโตะกล่าว

    “เป็นแผนที่ดีคิริโตะ แต่ฉันแนะนำว่าเราควรมุ่งหน้าไปที่หลบภัยของโทโจบนเกาะอิซุ ที่นั่นมีฐานทัพทหารและยานพาหนะทุกประเภท”โชกล่าว”ด้วยเฮลิคอปเตอร์เราสามารถไปยังที่ต่างๆได้เร็วขึ้นมาก ช่วยค้นหาครอบครัวพวกนายเร็วขึ้น”

    ”ฉันเห็นด้วยกับโชคุง”ยูกิพูดขึ้น”ฉันเคยไปมาแล้วครั้งนึง เกาะนั้นเหมือนป้อมปราการ มีทุกสิ่งที่เราต้องการและอื่นๆอีกมากมาย และเฟรย์ซังจะต้อนรับเรา”

    “แล้วเสบียงล่ะ”ชิน่อนถามปรับแว่นตา

    “เราหาอาหารจากนอกเกาะ แต่ส่วนใหญ่เพาะปลูกเอง”เขาตอบ”เสบียงอยู่ได้หลายปี”

    “ทุกคนดูนี่สิ”

    อาสึนะเรียกทุกคนเธอชี้ไปที่ทีวี มีรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซาเอโกะคว้ารีโมทเพิ่มเสียง

    “รัฐบาลได้พิจารณามาตรการฉุกเฉินต่อการจลาจลที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ แต่ยังไม่มีคำอธิบายจากรัฐบาลถึงสาเหตุเรื่องที่เกิดขึ้น”

    “เรียกว่าจลาจลเหรอ”คิริโตะเย้นหยัน

    “ชู่ว!”ซาเอโกะเปลี่ยนช่องเป็นช่องข่าวถ่ายทอดสด

    “ผู้เสียหายในเขตจังหวัดไซตามะพุ่งเกิน1หมื่นคนแล้วค่ะ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน”

    “ปัง”

    “เริ่มยิงกันแล้วค่ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มเปิดฉากยิงแล้วไม่ทราบว่ายิงอะไรกันแน่”

    “ปังๆๆๆ”

    “อะไรกันเนี่ย ไม่จริง อ๊า ช่วยด้วยยย!!!”

    ตากล้องหนีไปพร้อมกล้องล้มลงภาพตัดไป ภาพสุดท้ายที่เห็นคือขาที่เลือดออกโดนลากไป

    ภาพตัดกลับไปที่ช่องรายงานข่าว

    “จากนี้ไปจะรายงานจากทางห้องส่งค่ะ อย่างไรก็ดีดูเหมือนสถานการณ์ข้างนอกจะอันตรายมาก โปรดอย่าออกมาข้างนอกเท่าที่ทำได้ ทันทีที่แก้ปัญหาถ่ายทอดสดได้เราจะตัดกลับไปฟังรายงานสดจากที่เกิดเหตุอีกครั้งค่ะ”

    คิริโตะทุบหมัดลงโต๊ะ

    “แค่นั้นเองเหรอ ทำไมถึงถ่ายทอดแค่นั้นเล่า”

    “กลัวคนจะสติแตกยังไงล่ะ”ชิน่อนกล่าว

    “กลัวป่านนี้เนี่ยนะ”อาสึนะถาม

    “เพราะว่าเป็นตอนนี้ต่างหากล่ะ”ชิน่อนกล่าว”ความหวาดกลัวทำให้เกิดความโกลาหล ความโกลาหลนำมาซึ่งการล่มสลายของระเบียบสังคม แล้วถ้าระเบียบสังคมล่มสลายแล้วจะเผชิญหน้ากับศพเดินได้ได้ยังไงล่ะ”

    “สถานการณ์วิกฤตินี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอเมริกา รัฐบาลได้สละทำเนียบข่าวและย้ายไปที่เรือบรรทุกเครื่องบินกลางมหาสมุทร ทางสภามีข้อเสนอใช้นิวเคลียร์แต่มีเสียงค้านว่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ไม่นานมานี้ได้รับการติดต่อจากกรุงมอสโก ลอนดอนยังรักษาความสงบเอาไว้ได้ แต่ปารีสและโรมมีการปล้นสะดมและประกาศกฎอัยการ”

    “ทีวีไปแล้ว”มารุฟูจิถอนหายใจ”มันแพร่ทั่วโลก”

    “อะไรกัน ตอนแอบเข้าเน็ตเมื่อเช้ายังปกติอยู่เลย”นางาตะพูด

    “ไม่อยากจะเชื่อเลย แค่ไม่กี่ชั่วโมงทั่วโลกกลับกลายเป็นแบบนี้”อาสึนะก้าวถอยหลังคว้าแขนคิริโตะ”นี่ เป็นงี้ใช่มั้ย ต้องมีที่ที่ยังปลอดภัยอยู่แน่ๆ แล้วมันก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม”

    “มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงเล่า”ชิน่อนพูด

    “ไม่เห็นต้องพูดแบบนั้นเลยนี่”คิริโตะกล่าว

    “มันเป็นเชื้อไวรัสนี่นา ทำอะไรไม่ได้หรอก”

    “เชื้อไวรัส”

    “การแพร่ระบาดไปทั่วน่ะ คือการแพร่ระบาดของโรคชนิดเดียวกันไปทั่วโลกเลยนะ”

    “เหมือนกับไข้วัดใหญ่น่ะเหรอ”คิริโตะถาม

    “เหมือนกับไข้หวัดสเปนในปี1918 มีผู้ติดเชื้อมากกว่า600ล้านคน มีคนตายกว่า50ล้านคน ไม่นานมานี้ก็ตื่นตระหนกกันใหญ่เพราะไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ใช่ไหมล่ะ”ชิน่อนกล่าว

    “พูดไปแล้วอาจจะใกล้เคียงกับกาฬโรคที่ระบาดในศตวรรษที่14ก็ได้”ชิซูกะพูด

    “ตอนนั้นมีคนตายถึง1ใน3ของยุโรปเลยนะ”ชิน่อนกล่าว

    “แล้วการแพร่ระบาดของโรคหยุดลงได้ยังไง”คิริโตะถาม

    “ก็คิดได้กลายอย่างนะ พอคนตายมากๆเข้ามันก็จะหยุดไปเอง เพราะไม่มีคนให้แพร่เชื้อน่ะ”ชิซูกะพูด

    “แต่ว่าคนที่ตายไปแล้วทุกคนกลับเคลื่อนไหวไล่ฆ่าคนอื่นได้”ริกะมองนอกหน้าต่าง

    “แปลว่าไม่มีวิธีหยุดการแพร่กระจายในวงกว้างเลยสินะ”ซาเอโกะกล่าว

    “เดี๋ยวก็ร้อนขึ้นแล้ว พอเนื้อเน่าจนเหลือแต่กระดูกก็คงเคลื่อนไหวไม่ได้แล้วล่ะ”ชิซูกะกล่าว

    “แล้วจะใช้เวลาเท่าไหร่ละค่ะ”ซาเอโกะถาม

    “ถ้าฤดูร้อนประมาณ20วันคงทำให้บางส่วนเหลือแต่กระดูก ถ้าเป็นฤดูหนาวคงใช้เวลาหลายเดือน แต่ว่าคงไม่นานไปกว่านั้นหรอก”

    “ยังไม่รู้สักหน่อยว่าจะเน่าตายได้รึเปล่า”ชิน่อนขัดจังหวะ

    “หมายความว่าไง?”

    “เรื่องศพขยับได้ไล่ฆ่าคนเนี่ยมันนอกประเด็นทางการแพทย์แล้ว เผลอๆอาจอยู่ได้เรื่อยๆด้วยซ้ำ”

    “ที่สำคัญคือการเดินทางไปเกาะอิซุโดยเร็วที่สุดและตรวจสอบความปลอดภัยของครอบครัว”ซาเอโกะกล่าว”ยังไงก็ตามถ้าหากเคลื่อนไหวตามลำพังคงไม่รอดแน่ ต้องเป็นทีม เราต้องรวมทีมกัน”

    “ตามนั้น”

    ทุกคนต่างยกอาวุธตัวเองขึ้นมา ยกเว้นชิซูกะที่กอดกล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไว้

    “รวบรวมคนที่ยังรอดเท่าที่ทำได้และไปด้วยกัน”

    “ครับ”

    “แล้วจะออกไปทางไหนล่ะ”อาสึนะถาม

    “ออกไปทางประตูหน้าจะใกล้ลานจอดรถที่สุดเลย”

    “ไปกันเถอะ”

    คิริโตะเปิดประตูแล้วชิน่อนก็ยิงปืนตะปู

    พวกเขาวิ่งฝ่าฝูงซอมบี้ โดยมีคิริโตะ ยูกิและเฟรย์เป็นแนวหน้า

    “ขอย้ำอีกครั้งว่าอย่าต่อสู้โดยไม่จำเป็น ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ให้เลี่ยงซะ”อาร์โก้บอกทั้งกลุ่ม

    “พวกมันไวเฉพาะต่อเสียง นอกเหนือจากนั้นมันยังมีแรงขนาดพังประตูธรรมดาได้ ถ้าโดนจับได้ถูกกินแน่ ระวังด้วยล่ะ”

    พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้อง ทางเดินด้านล่างนักเรียน5คน ผู้ชายหน้าตาธรรมดา3คนและเด็กสาว2คนกำลังจนมุม

    ชิน่อนยิงตะปูใส่ซอมบี้ที่พุ่งใส่นักเรียน

    โชโดดข้ามราวบันไดลงมาฟาดดาบไม้ คิริโตะวิ่งมาตามบันไดเอาไม้ตี และอาสึนะกับสึกูฮะจัดการข้างล่าง ชิน่อนคอยยิงคุ้มกันพวกเขา คนอื่นในกลุ่มตามมาข้างหลัง

    “ขอบคุณนะค่ะโซจิโร่ซัง”

    “อย่าส่งเสียงดังไป”ซาเอโกะพูดเบาๆ”มีใครโดนกัดบ้างไหม”

    “ไม่มีค่ะ”เธอส่ายหัว

    “ดูท่าจะปลอดภัยกันหมดเลยนะ”อาสึนะกล่าว

    “พวกเราจะหนีออกจากที่นี่และมุ่งหน้าไปที่หลบภัย จะมาด้วยกันไหม”คิริโตะถาม

    “คะ ค่ะ”

    @@@@@@@

    กลุ่มชายหญิง15คนรวมตัวกันที่บันไดมองดูซอมบี้จำนวนมากอยู่ในล็อกเกอร์รองเท้าหน้าประตูอาคารเรียน

    “ลุยตรงๆนี่ไม่อยากเลยแฮะ”คิริโตะพูด

    “พวกมันตอบสนองต่อเสียงเท่านั้นนะ ไม่เห็นจะต้องแอบเลย มันมองไม่เห็นสักหน่อย”ริกะเรียกร้อง

    “งั้นลิซก็ออกไปพิสูจน์ดูสิ”คิริโตะถาม

    “....”ช่างตีเหล็กเงียบไป

    “แต่ว่าขืนอยู่ในตึกต่อไป ตอนถูกโจมตีเราจะขยับไปไหนไม่ได้เลยนะ”ซาเอโกะกล่าว

    “มีแต่ต้องฝ่าประตูหน้าไปเท่านั้นสินะ”อาสึนะกล่าว

    “ไม่งั้นก็คงต้องมีใครสักคนไปพิสูจน์ทฤษฎีของริกะ”ซาเอโกะพูด

    คิริโตะเหลือบมอง ทุกคนรวมทั้งซาเอโกะต่างกลัวจะลงไปข้างล่าง

    “ฉันไปเอง”

    “ถ้าคิริโตะคุงไปงั้นฉัน...”

    “ฉันออกนำไปก่อนจะดีกว่านะ”

    “รุ่นพี่บุซุจิม่าซังเตรียมพร้อมไว้ดีกว่าครับ”

    “คิริโตะคุง...”

    คิริโตะเดินมาหาเธอและโน้มตัวจูบหน้าผากทำให้เธอแก้มแดงด้วยความอาย

    ทุกคนประหลาดใจ ริกะมีท่าทางอิจฉาและชิซูกะยิ้มให้กับหนุ่มสาว

    คิริโตะเดินลงไปท่ามกลางฝูงซอมบี้ ทุกคนเกรงเมื่อวอล์กเกอร์ตัวหนึ่งจะชนเขาแต่มันเดินผ่านไปแทน เมื่อทฤษฏีของริกะได้รับคำยืนยัน เขาหยิบรองเท้าโยนใส่ตู้เก็บล่อพวกมันไป

    คิริโตะพยักหน้าให้คนอื่นแล้วค่อยๆเปิดประตูหน้า ทุกคนเดินออกประตูไปอย่างเงียบๆ

    แต่แล้วทาคุซะนักเรียนถือไม้ปลายรูปUนำอาวุธไปกระแทกราวบันไดทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่วและทำให้ทุกคนหวาดผวา

    “วิ่งเลย”

    ทั้งกลุ่มไม่พูดอะไรรีบวิ่งไป

    “ตะโกนทำไมยะ ถ้าเงียบไว้ล่ะก็แค่จัดการตัวที่อยู่ใกล้ก็น่าจะผ่านไปได้แล้วแท้ๆ”ริกะร้อง

    วอล์กเกอร์เข้ามาด้านหลังแต่เฟรย์ทุบมันทิ้ง

    “เสียงมันดังก้องซะขนาดนั้นน่ะต้านไม่ไหวหรอก”อาสึนะฟาดขาทำให้วอล์กเกอร์ล้มลง

    ชิน่อนเล็งไปที่วอล์กเกอร์หลายสิบตัว

    “มันมากันเรื่อยๆเลย”

    ทุกคนวิ่งฝ่าฝูงซอมบี้ถึงจะใช้เวลาหน่อยแต่ก็มาถึงรถบัส ทุกคนรีบขึ้นไปขณะที่คิริโตะ โชและสึกูฮะจัดการวอล์กเกอร์ส่วนใหญ่ อาสึนะและชิน่อนคอยจัดการพวกด้านหลัง โชคไม่ดีทาคุสะถูกล้อมและถูกกิน

    “ทาคุสะ”นาโอมิร้อง

    “หนีไปเร็วเข้า”เขาร้อง

    เธอวิ่งกลับไปหาแฟนแต่ริกะคว้าตัวไว้

    “ตัดใจซะเถอะ ถูกกัดไปแล้วถึงหนีได้ก็ไม่มีประโยชน์”

    แต่เด็กสาวไม่ฟังและวิ่งไปหาเด็กชาย

    “ทำไมล่ะ? อธิบายให้ฟังแล้วแท้ๆ ทำไมถึงกลับไปล่ะ”

    “ฉันเข้าใจนะ”ชิซูกะพูดถอยหลังช้าๆ”ถ้าเกิดโลกทั้งโลกกลายเป็นแบบนี้หมด ตายไปพร้อมกับคนรักคงมีความสุขกว่า”

    “เธอน่ะ เป็นหมอแล้วยังพูดแบบนั้นอีก”สึกุร้อง

    “คิริกายะซัง ใจเย็นไว้ก่อนครับ”นางาตะพูด

    “เจ้า4ตา ถือดียังไงมาสั่งสอนฉัน”สึกูฮะกำลังเครียดสุดๆ

    “จะด่ายังไงก็เชิญครับลีฟาจัง แต่จะออกไปพร้อมผมรึเปล่า”นางาตะยิ้มและสึกูฮะพูดไม่ออก

    “สนิทกันจนน่าอิจฉาเลยนะ”ยูกิยิ้มตวัดดาบฟันหัวซอมบี้

    “อ.ชิซูกะกุญแจรถ!!”

    ชิซูกะเปิดประตูและทุกคนเข้าไปในรถบัส ชิน่อนเปิดหน้าต่างและคอยยิงคุ้มกันให้พวกคิริโตะที่คุ้มกันรถ

    “คิริกายะคุง ทุกคนขึ้นไปหมดแล้ว”ซาเอโกะบอก

    “รุ่นพี่ไปก่อนเลย”คิริโตะบอก

    ชิซูกะนั่งที่คนขับแต่มีปัญหานิดหน่อย

    “ไม่เหมือนรถฉันเลยแฮะ คันเร่ง เบรค คลัทช์”

    เมื่อทุกคนขึ้นไปหมด คิริโตะเข้ามาคนสุดท้ายจะปิดประตูรถบัสแต่ได้ยินเสียง

    “ช่วยด้วย”

    มารุฟูจิมองไปเห็นกลุ่มนักเรียนและครูคนหนึ่ง เธอจำนักเรียนคนไหนไม่ได้ แต่เธอจำครูได้ โคอิจิ ชิโด้

    และอาสึนะก็บังเอิญรู้จักเขาด้วย

    “จะไปกันได้หรือยัง”ชิซูกะถาม

    “ช่วยรออีกแป๊บครับ”คิริโตะบอก

    “มันมาข้างหน้าแล้วด้วย ถ้ามามากเข้าจะออกรถไม่ได้นะ”ชิซูกะบอก

    “ก็ขับชนไปเลยก็ได้นี่ครับ”

    “รถนี่น่ะ ถ้าชนมากๆก็คว่ำได้นะ”ชิน่อนเตือน

    คิริโตะจะลงไปช่วยแต่อาสึนะจับแขนเขาไว้

    “ไม่ต้องไปช่วยหรอกคนพรรค์นั้นน่ะ”

    “อาสึนะ พูดอะไรของเธอน่ะ”

    “ไม่ต้องไปช่วยนั่นแหละดีแล้ว คนพรรค์นั้นให้ตายไปซะได้ก็ดี”

    ซาเอโกะฟังอาสึนะแล้วมองไปเห็นชิโด้ถูกหยุดโดยเด็กที่ข้อเท้าแพลง เขายกเท้าทุบหน้าเด็กชายและเดินจากไปอย่างสงบไม่สนใจนักเรียนที่โดนกิน

    “บางทีอาสึนะอาจจะพูดถูก คนแบบนั้นไม่ใช่คนที่ฉันอยากเข้าใกล้”

    เธอคิดขณะชิโด้ขึ้นรถบัสด้วยรอยยิ้มและชิซูกะออกรถทันที

    “มันไม่ใช่คนแล้วๆ”

    รถบัสวิ่งชนพวกซอมบี้และพังประตูใหญ่ออกไป

    ยูกิไม่เคยโกรธเท่านี้มาก่อน บางครั้งที่เธอโกรธก็จะคลุมคลั่ง มีเพียงโชแฟนเธอเท่านั้นที่รักษาอาการนั้นได้ ตอนนี้เธอทำตัวเหมือนกระต่ายที่ขู่ใส่ชิโด้

    5นาทีผ่านไปหลังยูกิทุบเจ้าโลกคิริโตะเพราะความผิดพลาดงี่เง่าของเขาและคิริโตะยังนอนอยู่บนเบาะกุมหว่างขา คนอื่นๆในกลุ่มโชบางคนก็ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจที่ไร้หัวคิด

    “โอเค ใช้เครื่องเนิร์ฟเกียร์เหมือนวิทยุคุยกันแบบส่วนตัว”

    “เข้ามาแล้ว”

    “ฉันด้วยค่ะ”

    “ฉันก็เหมือนกัน”

    “เอาล่ะ เป้าหมายเราไม่เปลี่ยนแปลงคือไปที่หลบภัยของตระกูลโทโจที่เกาะอิซุ แต่ตอนนี้เราต้องหาที่พักจนกว่าจะได้รับการติดต่อจากโทโจ”

    “แต่ก่อนอื่นเลย...”

    “เราต้องกำจัดชิโด้ใช่มั้ย”

    “เห็นด้วย”อาสึนะกับยูกิต่างเห็นด้วย

    “เขาเดินมาใกล้คุณแล้วบุซุจิม่าซัง”นางาตะกล่าว

    ชิโด้เดินมาข้างหน้าใกล้ซาเอโกะที่ทำความสะอาดดาบไม้เธอ

    “ช่วยไว้ได้พอดีเลย คุณบุซุจิม่าเป็นผู้นำกลุ่มเหรอครับ”

    “ไม่มีผู้นำหรอก ก็แค่ร่วมมือกันเอาชีวิตรอดเท่านั้นแหละค่ะ”

    “แบบนั้นไม่ได้หรอกนะครับ เพื่อที่จะมีชีวิตรอดจะต้องมีผู้นำกลุ่มครับ”

    “แล้วจะต้องเสียใจ”อาสึนะโน้มตัวไปหาคิริโตะ”นายจะต้องเสีนใจทีหลังแน่ที่ช่วยมันขึ้นมา”

    แต่พวกเขาถูกขัดด้วยเสียงตะโกน

    “เมือง”

    ทุกคนมองออกไปเห็นเมืองพังพินาศ บ้านโดนรถชน ตึกไฟไหม้ ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าทำให้เหมือนเห็นขุมนรก

    @@@@@@@@


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×