NC

คำเตือนเนื้อหานิยาย

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหานิยาย

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gundam Seed Extended : Bluedevil from Mars

    ลำดับตอนที่ #34 : Phase 33 : Trembling World

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 893
      36
      9 ก.พ. 64

    ฟรีด้อม อิคารุกะ จัสติส แร็กนาร็อค เอ็กเซีย ฟาร์ไซท์และเอ็มวันจากยานคุซานางิลอยอยู่รอบๆขณะคุซานางิทำการเชื่อมต่อยาน

    “รู้สึกดีจังที่ได้กลับมาอวกาศอีกครั้ง”

    “คุณอยู่ในอวกาศครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

    “นานมากแล้ว ฉันไม่ใช่คนอยู่บนพื้นเหมือนแอนดี้ อวกาศเป็นบ้านฉัน”จอห์นตอบ”ตอนเราอายุเท่าพวกเธอ เราต่างเป็นนักบินที่มีทักษะ เราร่วมมือกันแล้วเสริมจุดแข็งและปกปิดจุดอ่อนกันและกัน น่าเสียดายที่เราไม่ได้ต่อสู้เคียงข้างกันอีก”

    "คุซานางินี่อิคารุกะ"เอลกล่าว"คุณอลิเซียร์อยู่บนยานไหม"

    "ฉันอยู่นี่โนอาคุง"เสียงเธอดังตอบมาและเอลก็ถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อยขณะที่คุซานางิเชื่อมต่อยานเสร็จสิ้น

    "เอาล่ะคุยกันมามากพอแล้ว"จอห์นกล่าว"แล้วเราจะลงจอดที่ไหน"

    "เราจนกว่าเราจะรู้ว่าจะประชุมกันที่ไหนหรือมีแผนอะไรต่อ"เซเรนกล่าว

    @@@@@@@@

    อาร์คแองเจิ้ล

    "การดอกกิ้งของและคุซานางิเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ"คิซากะบอกอาร์คแองเจิ้ลผ่านมอนิเตอร์

    "แล้วคุณคางาริล่ะ"เมอริวถาม

    "ก็ทำใจได้พอสมควรแล้วล่ะ เจอมาหลายเรื่องแบบนั้น ตอนนี้น่ะคงบอกให้หยุดร้องไห้ไม่ได้"

    "เมื่อเราได้รับอนุญาติให้ขึ้นยานแล้วเราจะคุยกันถึงเรื่องต่อจากนี้"เลอาพูดจากยานซิลเวอร์วิงซ์

    “เราจะเตรียมการให้พร้อม”คิซากะกล่าว

    @@@@@@@@@

    ภายในคุซานางิ เจ้าหญิงออร์บนั่งอยู่บนเตียงในห้องเธอตาของเธอแดงและบวมจากการร้องไห้ รู้สึกเหมือนทั้งโลกของเธอพังทลายเมื่อแมสไดรเวอร์คางุยะระเบิด เธอก้าวเข้าไปที่อ่างล้างหน้าเช็ดน้ำตา ก่อนจะหยิบรูปที่พ่อให้มาดูพลิกไปด้านหลัง

    "คางาริ?"เป็นเสียงคิระแต่เธอไม่ได้ตอบกลับ

    "ทุกอย่างเรียบร้อยรึเปล่า"

    อัสรันจ้องมองคิระไม่รู้ว่านั่นเป็นเพราะนิสัยอ่อนโยนหรือไร้เดียงสาของเขา มันจะเรียบร้อยได้ยังไง ประเทศของเธอถูกยึดและพ่อของเธอเพิ่งตายไป เขาเกือบจะถามคิระไปแบบนั้น

    คางาริคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้แห้ง เธอออกมาเปิดประตูเห็นคิระ อัสรัน เซเรนและเอลเนสตี้อยู่ข้างนอก เธอไม่กล้ามองคิระและจับแขนอัสรันไว้ เธอมองเอลพูดติดอ่าง

    "ฉันขอโทษ...ฉันทำไม่ได้...พ่อของฉันกับโทเบียส...พวกเขาเลือกจะอยู่...ฉันทำไม่ได้...ขอโทษ"

    "เดี๋ยว ไม่ต้องกังวลแม้เธอจะยืนยันความปลอดภัยของพวกเขาไม่ได้ แต่ฉันมั่นใจว่าพวกเขาไม่เป็นไร พ่อฉันสัญญาแล้วใช่ไหม เธอไม่ต้องรู้สึกผิด เธอไม่ได้ทำอะไรผิดและฉันไม่ได้เพิ่มภาระให้เธอ..."

    แต่เขาหยุดเมื่อมีแต่ความเงียบเมื่อจ้องดวงตาของคางาริและรับรู้ความจริงที่เขาไม่อยากยอมรับ

    "เฮ้ ผมบอกแล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก!!"เขาโกรธมากตะโกนขึ้นมา แม้รู้ว่าไม่ควรพูดแบบนี้

    "นี่"เจ้าหญิงผู้โศกเศร้ามอบซองจดหมายให้เธอ ลูกชายเลฟฟอร์ตหยิบมันเปิดและอ่านจดหมาย มันเป็นลายมือพ่อเขา แต่....เขากระทืบหลังอ่านไปไม่กี่บรรทัดและพุ่งจากไปด้วยสายตามุ่งมั่น ด้วยความกังวลว่าเขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามจากที่เห็นสีหน้าอัสรันรีบหยุดไว้

    "เอล นายจะไปไหน!"

    "นายคิดว่าจะไปไหน ฉันจะกลับไปที่ออร์บ ฉันจะค้นหาทุกซอกทุกมุมถ้าฉันต้องทำ"เอลตะคอก เซเรนคว้าแขนหยุดเขาไว้

    "อย่าพูดบ้าๆนะค่ะ ตอนนี้กองทัพโลกยึดที่นั่นแล้ว ไม่มีทางที่คุณจะทำอะไรแบบนั้นได้ และแม้ว่าคุณจะลงไปคุณจะกลับมาหาเราได้ยังไง เราต้องการคุณที่นี่!"เจ้าหญิงมังกรตำหนิ นี่ไม่สมเป็นเอลที่ทำอะไรโง่ๆ

    "เธอไม่เข้าใจ พ่อของผมไม่มีวันโกหก เขาเป็นคนสอนผมไม่ให้โกหกครอบครัวและคนสำคัญ ดังนั้นเขาต้องหนีได้ เขาโกหกไม่ได้ เขาทำไม่ได้ เขาทำไม่ได้..."

    ถึงพูดแบบนั้นแต่เอลเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นและคุกเข่าจับไหล่สาวผมดำไว้...เพราะลึกๆเขารู้ความจริง เขากำลังพังทลายและผู้ที่ปลอบเขามีแต่เซเรนที่กอดเขาเบาๆ

    "ขอโทษนะคิระ"เธอพูดหันไปมองคนอื่น"ขอเวลาหน่อยได้ไหม"

    "ได้สิ"คิระจากไปพร้อมเซเรนที่ปลอบเอลเหลือแต่พวกเขาสองคน

    อัสรันตามคางาริเข้ามาในห้อง เธอนั่งลงบนเตียงนิ่งเงียบ เมื่ออัสรันยิ้มให้เธอเศร้าๆและให้กำลังใจเธอ เธอก็น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งโผเข้าไปกอดเขา

    “ทำไม ทำไมพ่อไม่มากับฉัน”

    “ฉันไม่รู้คางาริ ฉันเสียใจด้วยจริงๆ”อัสรันพูดโอบแขนกอดเธอเบาๆ

    @@@@@@@@@@

    ทางด้านเมอริวและมูขึ้นยานลำเลียงมาที่ยานคุซานางิ เพราะปัญหามันอยู่ต่อจากนี้

    เมื่อพวกเขามาถึงยาน ซามูเอล คิซากะและจอห์นก็รอพวกเขาและพาไปที่สะพาน

    “คุซานางิลำนี้น่ะถูกใช้งานในฐานะยานติดต่อกับเฮลิโอโปลิสมาตั้งแต่ก่อนนี้แล้ว ทั้งระบบสนับสนุนโมบิลสูท ทั้งอาวุธ มีติดตั้งไว้พร้อมแล้วก็จริง แต่ว่าคงไม่เท่าของอาร์คแองเจิ้ลหรอก”

    “แบ่งส่วนประกอบเป็น5ส่วน และให้ศูนย์กลางเป็นส่วนที่เคลื่อนไหวอย่างงั้นเหรอ นับว่าเป็นวิธีที่ไม่เลวเลยนะเนี่ย”

    คิซากะพยักหน้าแล้วพวกเขาก็มาถึงสะพานเดินเรือ เมื่อเข้าไปแล้วเมอริวกับมูก็ประหลาดใจ

    "เหมือนกับอาร์คแองเจิ้ลเลยเหรอเนี่ย"เมอริวกล่าว

    "อาร์คแองเจิ้ลเหมือนเราต่างหาก เพราะทั้งคู่น่ะเกิดที่มอเก้นเรทนี่นา ช่วยส่งแผนที่อวกาศให้หน่อยซิ"คิซากะหันไปหาเจ้าหน้าที่

    "ค่ะ"เสียงหญิงสาวดังขึ้น พวกเมอริวมองเสียงที่คุ้นเคย และเห็นว่าเป็นใคร

    "ด็อกเตอร์เอริก้า ชิม่อน"มูพูดอย่างแปลกใจ

    "สวัสดีค่ะผู้พัน"เอริก้ากล่าว

    "และเธอไม่ใช่คนเดียว"เสียงคุ้นอีกคนนึงดังขึ้น

    เมอริวกับมูหันไปเห็นโจแอนนา ดันเต้

    "ก็กองกำลังของเราน่ะไม่ถนัดการรบในอวกาศ ถ้าเราไม่มาด้วยก็คงจะลำบาก"เอริก้าพูด

    จากนั้นเอริก้าฉายแผนที่อวกาศขึ้นมา

    "ตำแหน่งปัจจุบันของพวกเราคือที่นี่"ซามูเอลชี้ไปที่จุดสีเขียวที่กระพริบอยู่"อย่างที่รู้ๆกันL5ก็คือแพลนท์ L4เมนเดล L3ก็คืออาเทมิส"

    ขณะที่พวกเขาคุยกันคิระ เอลเนสตี้ อัสรัน เซเรน เอเลน่าและคางาริก็เข้ามาสะพานเดินเรือ

    "จะไปโคโลนี่ตรงจุดL4อย่างงั้นเหรอ?"เมอริวถาม

    "อุปกรณ์และเสบียงอาหารที่เตรียมมาของซิลเวอร์วิงซ์ , คุซานางิและอาร์คแองเจิ้ลคงพอไปไหว แต่ใช่ว่าจะไม่หมดนะ โดยเฉพาะน้ำน่ะมันต้องเกิดปัญหาแน่ หมู่โคโลลี่เมนเดลน่ะ เริ่มถูกทำลายตั้งแต่ก่อนเริ่มสงคราม1ปีและทยอยถูกขับไล่ออกไป ถึงตอนนี้จะไม่มีคนอยู่แล้ว แต่เรื่องน้ำน่ะยังใช้ได้อยู่"ซามูเอลอธิบาย

    "ทำให้คิดถึงเรื่องนั้นเลยนะ"เซเรนพึมพำนึกถึงตอนที่อาร์คแองเจิ้ลเจอปัญหาเรื่องน้ำหลายเดือนก่อน

    "ไม่เป็นไรหรอกน่า มันไม่เหมือนกับที่ยูนิอุสเซเว่นหรอก"มูกล่าว

    "ที่L4น่ะ ยังมีโคโลนี่ที่ทำงานอยู่บางส่วนนะ"อัสรันกล่าว ทำให้ทุกคนหันมามอง"อาจจะเป็นข้อมูลเก่าไปหน่อย แต่มีรายงานว่ายังมีปฎิกิริยาพลังงานนิดหน่อยส่งออกมา ทางซาฟท์เองก็เคยไปตรวจสอบมาแล้ว ถึงจะไม่มีคนอยู่แล้ว แต่มีโคโลนี่จำนวนไม่น้อยที่อุปกรณ์ต่างๆยังคงทำงานอยู่"

    "ฟังดูเป็นแผนที่ดีนะครับ"คิระกล่าว

    “โคโลนี่เมนเดลเหมาะที่สุด”ซามูเอลเน้น

    “เมนเดลเหรอ ที่นั่นถูกทิ้งร้างไป16ปีเพราะเกิดไบโอฮาซาร์ตนี่นา”จอร์นถาม”มันจะปลอดภัยเหรอ”

    “เชื่อฉันสิ เราต้องไปเมนเดล”

    ซามูเอลหยิบฮาร์ทไดรฟ์ออกมาดูไม่สนใจคนอื่น

    “ถึงเวลาที่พวกเขาต้องรู้อดีตอันมืดมิดของเมนเดล”เขาคิดก่อนเก็บใส่กระเป๋า

    คนอื่นๆสงสัยว่าทำไมเขายืนกรานจะไปเมนเดล 

    มูหันไปมองอัสรัน

    "แต่ว่าเธอทำแบบนี้จะดีจริงๆเหรอ?"มูถามขึ้น"แน่อนไม่ใช่แค่เธอหรอก รวมทั้งทหารซาฟท์คนอื่นด้วย"

    มูมองเอเลน่าเล็กน้อย

    "ผู้พัน"เมอริวจะแทรกแต่เขาจับมือเธอหยุดไว้

    "ช่วงปะทะกันที่ออร์บน่ะฉันพอจะเข้าใจอยู่นะ เพราะสถานการณ์มันพาไปอย่างงั้น ฉันไม่คิดจะดูถูกเครื่องแบบทางทหารที่ใส่อยู่หรอก แต่ว่ามันก็แล้วแต่สถานการณ์ เพราะจากนี่ไปเราอาจจะต้องปะทะกับกองกำลังของซาฟท์อีกก็ได้ มันต่างจากตอนที่อยู่ที่ออร์บแล้วนะ เธอเตรียมใจไว้ขนาดนั้นรึเปล่าล่ะ ฉันรู้จอห์นอยู่ข้างเรา โดยเฉพาะเธอด้วย เธอเป็นลูกชายของผู้นำประเทศไม่ใช่เหรอ?"

    "จะเป็นลูกใครก็ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี่นา!!"คางาริเริ่มโกรธ

    "การที่ทหารตีตัวออกห่างจากกองทัพฝ่ายเดียวกันนั้น เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้นะ โดยเฉพาะที่หัวหน้าอีกฝ่ายเป็นพ่อของตัวเองด้วยแล้ว จะไปทำสงครามกับใครได้กันล่ะ ฉันจะขอถามซ้ำอีกครั้งนะ มันเท่ากับเป็นการทรยศเลยนะ เพราะเขาไม่เหมือนกับคิระ เขาเป็นทหารอย่างเป็นทางการของซาฟท์ อย่าคิดว่าหาเรื่องเลยนะ เธอแน่ใจแล้วเหรอ?"

    "ที่ออร์บ ไม่สิ ทั้งที่แพลนท์และที่โลก ได้เห็นและได้ฟัง ทำให้ผมได้คิดอะไรมากมาย จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจกันแน่ผมก็ไม่รู้นะ เพียงแต่ว่าโลกที่ผมอยากจะให้เป็นน่ะน่าจะเป็นเหมือนพวกคุณ ตอนนี้ผมรู้สึกอย่างงั้นจริงๆนะครับ"

    "พวกคุณสามารถไว้ใจฉันได้"เอเลน่ากล่าว"ฉันเข้าร่วมซาฟท์เพราะหวังจะปกป้องบ้านเกิด สงครามของแพทริค ซาล่าไม่ใช่เหตุผลฉัน และฉันมีคนสำคัญสุดที่อยากปกป้องไว้"

    เซเรนเหลือบมองเอเลน่าเช่นเดียวกับอัสรัน ทั้งคู่ไม่แน่ใจว่าจะทำยังไงกับความรู้สึกเธอที่มีต่อเอลเนสตี้

    "ทั้งคู่จริงจังมากเลยนะ แตกต่างจากคิระเยอะเลย"มูพูดแล้วไปตบหลังหนุ่มผมน้ำตาล

    "ไม่ได้มีแต่พวกเราหรอกครับ ผมเชื่อว่าผู้คนของสหพันธ์ฯ โลกและแพลนท์ก็อยากให้เกิดสันติภาพเช่นกัน"คิระกล่าว

    "ที่แพลนท์ก็มีคนคิดแบบนี้อยู่นะ"อัสรันพูดขึ้น

    "ลักซ์น่ะเหรอ"คิระกล่าว

    "เจ้าหญิงผมสีชมพูเหรอ"มูพูด

    “เธอเป็นคู่หมั้นของอัสรันน่ะครับ”คิระพูด

    อัสรันเห็นคางาริมองเขาแต่รีบหันไปอย่างรวดเร็ว

    จริงๆแล้วการหมั้นของพวกเขาถูกพ่อของอัสรันยกเลิก มันยังไม่ถูกประกาศต่อสาธารณะชน และนี่ไม่ใช่เวลาที่จะบอกคนอื่นเรื่องนี้

    "ตอนนี้เธอกำลังถูกตามล่าอยู่น่ะครับ ในฐานะของกบฎน่ะ พ่อผมเป็นคนสั่งเองด้วย"อัสรันกล่าว

    “เธอสบายดีมั้ย?”เอลถามอย่างกังวล

    “เธอสบายดีเอล ลูกน้อยของเธอด้วย”อัสรันพูดและด่าตัวเองที่เผลอไป

    “ลูก?”มูขมวดคิ้ว

    “ไม่มีอะไร ผมเพียงหวังว่าเธอจะปลอดภัย”อัสรันพูดไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด ถึงอย่างงั้นทุกคนสงสัยคำพูดเมื่อกี้แต่จอห์นเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

    "ไม่ได้มีแค่พวกเขาหรอก”จอห์นกล่าวขึ้น"ถ้าฉันติดต่อเพื่อนฉันในกองทัพได้ พวกเขาน่าจะร่วมกับเรา"

    "นายพูดถึงกองยานที่11ใช่มั้ย?"มูถาม

    "ใช่แล้ว”จอห์นยิ้ม

    "อะไรที่ทำให้เธอคิดว่าพวกเขาจะร่วมกับเรา?"มูถาม

    "เชื่อฉันสิ พวกเขาจะเข้าร่วมกับเราแน่นอน"จอร์นพูดอย่างมั่นใจ

    "งั้นก็เป็นอันตกลง พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่ไซด์ลูมเพื่อรวมพล"เมอริวกล่าว

    "มีอีกเรื่องหนึ่งกัปตันราเมียส รู้สึกว่ายานคุณมีตำแหน่งว่างในCICเพราะร้อยโทบาจิรูลถูกย้ายไปแล้ว หากไม่ว่าอะไรฉันจะประจำตำแหน่งนั้นแทน"ซามูเอลกล่าว

    "แต่ฉันคิดว่าคุณจะคุมยานคุซานางิ?"เมอริวถาม คนอื่นก็แปลกใจ

    "คิซากะคุ้นกับคุซานางิมากกว่าฉัน ให้เขาทำหน้าที่กัปตันดีกว่า"ซามูเอลกล่าว

    "ฉันยอมรับข้อเสนอคะนายพลดันเต้"เมอริวกล่าว

    @@@@@@@@@@

    แพลนท์

    การสื่อสารถูกตัดและลักซ์ถอนหายใจ

    “ต้องย้ายที่อีกแล้วสิเนี่ย”ลักซ์พูดกับเกรแฮม เอเคอร์

    “ครับ ต้องขอประทานโทษด้วยนะครับ”เกรแฮมกล่าว

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นไรหรอก มีข่าวอะไรใหม่บ้างไหมคะ”ลักซ์ถาม

    “วิคตอเรีย สหพันธ์ตะวันออก และออร์บถูกกองทัพโลกโจมตีครับ มีแต่สหพันธ์ตะวันออกที่ขับไล่กองทัพโลกไปได้ แมสไดรเวอร์นั้นทางออร์บได้ทำลายไปแล้ว ส่วนวิคตอเรียก็ถูกยึดไปได้ครับ”

    “ที่วิคตอเรียมีทหารซาฟท์ประจำการอยู่มากนี่ค่ะ?“

    “ดูเหมือนกองกำลังของโลกจะใช้โมบิลสูทรุ่นใหม่โจมตีครับ”

    “คงต้องรีบแล้วสินะค่ะ”ลักซ์พูดเอื้อมมือจับท้องเธอ

    "เจ้าหนู แกช่างโชคดีเหลือเกิน"เกรแฮมคิดรู้สึกอิจฉาลูกน้องเขา

    คนของไคลน์และSOLASคอยตรวจดูบริเวณบ้านและเก็บข้าวของใส่รถ และลักซ์สวมผ้าคลุมหัวมีเกรแฮมกับดาคอสต้าคุ้มกัน ตอนนั้นเองลูกน้องของวอลเฟลได้รับโทรศัพย์

    “ว่าไงนะท่านซีเกลเหรอ!?”

    @@@@@@@@@

    เรือโพเวล

    อัสราเอลโกรธมาก การยึดออร์บสำเร็จลุล่วงแต่สิ่งที่เขาต้องการโดนระเบิดไปแล้ว

    เขาเดินเข้ามาในห้องพยาบาลที่เหลือCPUทั้ง6กำลังร้องด้วยความเจ็บปวดจากที่ยาหมดฤทธิ ชานี่ขดตัวกลมขณะที่ออร์ก้านอนคว่ำจับขอบเตียง โครโตพิงกำแพงส่งเสียงร้อง และเกล็นนอนจับท้องที่ยังมีผ้าพันแผลบิดตัวไปมา

    "เอาล่ะพวกแก เราต้องคุยกันหน่อย"

    "ขอ...ยา"เควินกล่าว

    อัสราเอลเหยียบมือเขา ทำให้เควินร้องออกมา เขาเตะหน้าให้เกล็นกระเด็นไปด้านข้างและเหยียบท้องเขา

    "พวกแกทั้ง6คนทำงานล้มเหลวในการบุกออร์บ มันทำให้ฉันผิดหวังมาก อย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก"

    อัสราเอลหันไปกระทืบโครโตทำให้เขาร้องออกมา เขาชกหน้าโครโตต่อก่อนที่เขาจะหยุด

    "เราไม่ได้แมสไดรเวอรและเทคโนโลยีจากมอเก้นเรท"อัสราเอลดึงผมชานี่ดึงขึ้นมา"และนี่คือบทลงโทษพวกแก"

    อัสราเอลชกเอ็กซ์เทนเด็ดผมเขียนทำให้เลือดกำเดาไหล อัสราเอลหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตใส่ท้องชานี่ให้เขาร้องทรมาณ

    "ความจริงพวกแกน่าจะโดนส่งกลับไปลุคโดเนียที่ที่พวกแกจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก แต่ฉันเป็นคนเมตตานะ จะให้โอกาสพวกแกอีกครั้งแล้วกัน"

    อัสราเอลบีบคอออร์ก้ายกเขาขึ้นมาชกต่อยและช็อตไฟฟ้าเขาเช่นกัน จากนั้นเขาปล่อยแล้วปัดฝุ่นเดินไปที่ประตู

    "แพทย์จะเข้ามามอบยาให้พวกแก อีกไม่นานเราจะเข้าร่วมปฎิบัติการที่วิคตอเรียและฉันหวังว่าพวกนายจะทำตามเป้าหมายได้ลุล่วง แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแมสไดรเวอณ์ คราวนี้แหละพวกแกได้กลับไปลูโดเนียแน่ เข้าใจมั้ย"

    "ครับ/ค่ะ"

    "เราไม่ทำล้มเหลวแน่ครับ"เควิน

    "แน่นอนพวกแกคงไม่อยากล้มเหลว"อัสราเอลเดินออกไป

    @@@@@@@@

    อาโมรี่วัน

    "สถานะโมบิลสูทเราเป็นยังไง?"ไดอาน่าถามขณะลูกเรือจัดการกับเกวซ หุ่นรุ่นใหม่ของพวกเขา

    "เกือบจะเสร็จแล้วครับ ทุกตัวจะถูกอัพเกรดในไม่กี่วัน หุ่นพวกนี้น่าประทับใจมาก ผมมั่นใจว่าโมบิลสูทกองทัพโลกเทียบไม่ได้กับหุ่นพวกนี้เมื่อซาฟท์เริ่มทยอยผลิตมัน"

    "ใช่ พวกมันน่าประทับใจ แต่เรายังไม่รู้ว่ามันเหนือกว่าโมบิลสูทกองทัพโลกหรือไม่"

    ในใจเธอนึกถึงเรื่องอื่น ในบ้านเกิดเธอทุกอย่างเลวร้ายลง หุ่นรุ่นใหม่ของซาฟท์โดนขโมย ตระกูลไคลน์ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ ผู้สนับสนุนไคลน์ในสภาถูกจับกุม พ่อของเธอกำลังหลบหนี

    "ผู้บัญชาการ"เสียงหนึ่งดังดึงสติเธอกลับมา

    "ลูเซียส มีอะไรเหรอ?"

    "เราได้รับรายงานว่าการต่อสู้ที่ออร์บสิ้นสุดลงแล้ว"เขาตอบ"กองทัพโลกชนะ แต่ออร์บทำลายมอเก้นเรทและแมสไดรเวอร์ก่อนจะยอมแพ้"

    "เข้าใจแล้ว"

    "ไม่ใช่แค่นั้น เราได้รับข้อความส่วนตัวถึงท่าน"

    "ใครส่งมา"

    "เขาคนนั้นครับ"

    "ส่งมาที่ห้องฉันทันที"

    "ครับ"

    @@@@@@@@

    อัสรันอยู่ในห้องล็อคเกอร์มองเข้าไปในโรงเก็บ เขานึกถึงสิ่งที่พ่อเขากำลังนำประเทศไปสู่ความพินาศและกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขายังกังวลเรื่องความปลอดภัยของอดีตคู่หมั้นและพ่อของเธอ

    "อัสรัน"

    เขามองไปเห็นคิระ เอล เซเรนและเอเลน่าเข้ามาในห้องในชุดนักบินพวกเขา

    "ทางนี้น่ะท่าทางจะเรียบร้อยหมดแล้วนะ เรากลับไปที่อาร์คแองเจิ้ลกับซิลเวอร์วิงซ์กันดีกว่า"คิระกล่าว"ที่จริงอยู่ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ แต่ทางนี้แค่M1ก็แทบแย่แล้ว"

    ประตูด้านหลังเปิด พวกเขาเห็นคางาริเข้ามา

    "คิระ ขอเวลาหน่อยได้ไหม?"

    "ถ้างั้นเดี๋ยวพวกเรา..."อัสรันกับคนอื่นๆจะออกไป

    "เดี๋ยวก่อนสิอยู่ก่อนสิ"คางาริไปจับแขนอัสรันไว้"ไม่สิ ช่วยอยู่ด้วยเถอะนะ"

    คางาริลอยไปหาคิระ

    "เป็นอะไรไปคางาริ?"คิระถาม

    คางาริเอื้อมมือหยิบรูปภาพในกระเป๋าเสื้อออกมาให้

    คิระรับมาดูขณะที่คนอื่นเข้ามาดูด้วย

    "รูปเหรอ? รูปใคร?"คิระถาม

    "ข้างหลัง"คางาริพูดสั้นๆ

    คิระมองข้างหลังแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นชื่อทั้งสองที่เขียนไว้

    "ตอนที่ยานคุซานางิกำลังจะขึ้น คุณพ่อเป็นคนยื่นมาให้น่ะ บอกว่าฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว บอกว่าฉันมีพี่ชายอยู่"

    คิระเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำว่าพี่ชาย คางาริเอื้อมมือไปจับแขนเสื้ออัสรันไว้

    อีก3คนมองดูรูปภาพและมองเพื่อนของพวกเขา และอัสรันก็เห็นความคล้ายคลึง แต่เขาไม่แน่ใจ เขาอ้าปากจะพูดอะไร แต่พูดไม่ออก

    “เดี๋ยวก่อนขอฉันพูดตรงๆนะ พ่อของเธอให้รูปนี้มาและบอกว่าเธอมีพี่ชายอยู่และพี่ชายเธอคือคิระถูกมั้ย?“เซเรนถาม

    คางาริพยักหน้า

    “นี่มันเหมือนละครห่วยๆ”เธอพึมพำ

    "มันหมายความว่ายังไงกันน่ะ?"คางาริถาม

    "ไม่รู้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน"คิระพูด 

    "คู่แฝดเหรอ แล้วคนที่อุ้มเด็กล่ะ?"อัสรันกล่าวขึ้นเอารูปมาถือดูเอง คางาริส่ายหัว

    "ถ้าเป็นพี่น้องกับนายแล้ว ถ้างั้นฉันก็..."

    "ตอนนี้คิดอะไรไปก็ช่วยไม่ได้หรอกนะคางาริ และถึงจะเป็นอย่างงั้นก็ตาม พ่อของคางาริก็คือคุณอุซุมิอยู่ดีนั่นแหละ"

    "คิระ"คางาริน้ำตาไหลออกมา

    ไม่นาน คางาริเฝ้าดูฟรีด้อม จัสติส อิคารุกะ แร็กนาร็อค เอ็กเซียและชัตเติ้ลจากอาร์คแองเจิ้ลเตรียมออกจากคุซานางิกลับยานตัวเอง

    "คิระ อยู่กับเขาไปก่อนไม่ดีกว่าเหรอ?"อัสรันถาม

    "ไม่หรอก ถึงจะอยู่ด้วยกันก็รังแต่จะคิดมากไปเปล่าๆ"คิระพูด

    เขาไม่อาจหยุดคิดเรื่องนี้ได้เช่นกันและมีคำถามและข้อสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ

    “มันอาจจะแย่กว่านี้”เซเรนพูดขึ้น

    “ยังไง?”

    “พวกนายสองคนอาจจะเป็น...อืม พวกนายอาจใกล้ชิดกันมากเมื่อรู้เรื่องนี้ โชคดีนายนอนกับสาวผมแดง”เซเรนหัวเราะเบาๆ

    “เซเรน อย่าพูดเรื่องนี้!”คิระพูดอย่างหงุดหงิดและอายเล็กน้อยทำให้เจ้าหญิงมังกรหัวเราะมากขึ้น


    กันดั้มทั้ง5เครื่องออกจากคุซานางิกลับไปอาร์คแองเจิ้ล

    “คิระ กลับไปที่อาร์คแองเจิ้ลแล้ว ฉันขอยืมชัตเติ้ลสักลำจะได้ไหม ฉันจะกลับไปที่แพลนท์อีกสักครั้งนึง คิดดีๆแล้วฉันอยากจะคุยกับคุณพ่ออีกสักครั้ง”

    “อัสรัน แต่ว่า....”

    “ฉันเข้าใจดีน่า แต่ว่าเขาเป็นพ่อของฉันนะ”

    “เข้าใจแล้ว ฉันจะบอกพวกคุณเมอริวให้”

    “ขอโทษทีนะ”

    @@@@@@@@

    ฐานทัพดวงจันทร์เต็มไปด้วยยานชั้นเนลสันและเดรคจำนวนมาก ยานลำเดียวที่แตกต่างคือโดมิเนียนซึ่งเป็นยานชั้นอาร์คแองเจิ้ลลำที่สอง มีสีแดงเหมือนกัน แต่ส่วนที่ลำแรกเป็นสีขาวกลับเป็นสีเทาออกเงิน

    หญิงสาวเข้ามาในห้องและทำความเคารพ

    “หน่วยกองยานที่7 พันตรีนาทาล บาจิรูลมาถึงแล้วค่ะ”

    “มีคำสั่งขอแต่งตั้งเธอเป็นกัปตันยานโดมิเนียน ซึ่งเป็นยานชั้นอาร์คแองเจิ้ลลำที่สอง”

    @@@@@@@@@

    วิคตอเรีย

    28 มิถุนายน , CE 71

    หลังการต่อสู้อย่างหนัก1สัปดาห์ฐานวิคตอเรียถูกกองทัพโลกยึดคืน โดยรวมแล้วศึกวิคตอเรียครั้งที่3ใช้เวลา10วัน

    แม้ทหารซาฟท์จำนวนมากจะหลบหนีไปได้ แต่หลายคนไม่ได้โชคดีขนาดนั้น และกองทัพโลกเต็มใจทำแบบทหารซาฟท์ที่ปานามา

    ทหารกองทัพโลกได้ทำการกวาดล้างฐานทัพและเตรียมพร้อมสำหรับการออกยาน

    ทหารคนนึงเห็นนกแร้งจ้องไปในค็อกพิท เขาพบทหารซาฟท์ที่รอดชีวิตคนนึงและยิงทิ้ง รถจี๊บผ่านไปโดยทหารกำลังเร่งทำงานให้เสร็จ ภายในรถจี๊บมีอัสราเอลและพันเอกซัทเทอร์แลนด์ อัสราเอลรู้สึกยินดีอย่างมาก ในที่สุดCPUก็พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้นกองทัพโลกได้ทำลายความเหนือกว่าด้านโมบิลสูทของซาฟท์ไปได้

    "ว้าวๆ น่ายินดีจริงๆเลยนะครับ" สมแล้วที่เป็นท่านพันเอกซูทเทอร์แลนด์"อัสราเอลพูดชมผู้บัญชาการโจมตีวิคตอเรีย

    "ไม่หรอก เพราะได้สไตรค์แด็กเกอร์และหุ่นรุ่นใหม่6ตัวมาทำงานให้ จึงสามารถทำให้ผลของการรบออกมาดีขนาดนี้ได้"ซัทเธอร์แลนด์ตอบ

    "แต่ก็ยังมีปัญหาอีกเยอะเลยนะครับ ทางผมเองก็ด้วย"อัสราเอลพูดถึงออร์บ สหพันธ์ตะวันออกและสหภาพเส้นศูนย์สูตร ซึ่งต่างเป็นสมาชิกสหพันธ์มนุษย์

    "ผมเชื่อว่าปัญหาที่ดินแดนสหพันธ์มนุษย์เพราะมันมีโมบิลสูทที่เราไม่รู้จักมาก่อน"ซัทเธอร์แลนด์กล่าว

    "แต่ว่าไม่คิดเลยว่ามันจะต่อต้านคาลามิตี้ ฟอร์บิดเดน เรดเดอร์ ไดเวอร์เจนต์ เมอร์ซาสและทไวไลท์ได้ขนาดนั้นรวมถึงกำจัดไซโฟดีแอส มันเป็นกองทัพที่เหลือเชื่อจริงๆออร์บเนี่ย ไม่รู้ว่าคิดอะไรของเขานะ?"

    "คงคิดง่ายๆว่าไปยืนชักใยอยู่เบื้องหลังและเอาแต่ความดีเข้าตัวเองสินะ พวกมันเป็นประเทศที่ขี้โกงจริงๆ รู้สึกว่าพวกมันได้วิทยาการของทางแพลนท์ไปไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่สินะ ดีไม่ดีเจ้า4เครื่องนั้นอาจจะเป็นเครื่องของซาฟท์เองก็ได้"

    อัสราเอลเฝ้าดูเรดเดอร์ คาลามิตี้ ไดเวอร์เจนต์ ฟอร์บิดเดน เมอร์ซาส และทไวไลท์ ขึ้นไปยานบรรทุกที่จะพาพวกเขาไปยังดวงจันทร์ในไม่ช้า

    "ไม่ว่ายังไงเราต้องหาทางจัดการมันให้ได้ แต่จะได้มันมารึเปล่านี่สิ"

    "เพราะเช่นนี้ก็เลยต้องขึ้นไปในอวกาศเองเหรอครับ?"

    "ถ้าเป็นไปอย่างที่ผมคาดไว้ หุ่น4เครื่องนั่นอาจจะใช้พลังงานจากนิวเคลียร์ก็เป็นไปได้นะครับ"

    "ว่าไงนะ!!!"ซูทเทอร์แลนด์ตกตะลึง

    "มันก็ยังไม่มีหลักฐานหรอกนะครับ แต่ว่าด้วยพลังงานขนาดนั้นน่ะ ไม่น่าจะเป็นพลังงานทั่วไปนี่นา"

    ทั้งสองเดินผ่านตึกศูนย์บัญชาการไปที่ชัตเติ้ล

    "ก็พวกโคออดิเนเตอร์มันเป็นคนสร้างเอ็นแจมเมอร์เองนี่นา ถ้าเป็นพวกมันละก็ การจะทำให้สิ่งนั้นหายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ และถ้าเป็นเรื่องจริงละก็ นับเป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆ"

    "เฮ้ๆ นี่คุณไม่เชื่อสายตาของประธานองค์การอุตสาหกรรมเพื่อความมั่นคงแห่งชาติอย่างผมเหรอครับ"อัสราเอลหัวเราะเล็กน้อย

    "เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดอย่างงั้นเลย"ซัทเทอร์แลนด์รีบตอบ

    "ที่สำคัญ เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเท่านั้นเอง กับพวกที่เขี้ยวเล็บแข็งแกร่ง ถ้าไม่จัดการจับพวกมันขังเอาไว้ หรือล่ามให้แน่นหนาก่อนละก็ มันจะอันตรายนะครับ"อัสราเอลกล่าว

    "ใช่ เราจะปล่อยให้พวกมันแพร่พันธุ์ในอวกาศไม่ได้ แม้เราจะเป็นคนสร้างพวกมันขึ้นมา"

    "ผมจะพยายามกำจัดพวกมันให้หมดเอง ไม่ต้องห่วง"อัสราเอลกล่าวขณะพวกเขาขึ้นยาน

    ในขณะที่CPUทั้ง5เข้ามานั่งที่ พวกเขาต่างรักษาระยะห่างกับสมาชิกคนที่ 6

    หลุยส์ทำให้คนอื่นกลัว ระหว่างการรบที่วิคตอเรียเธอไม่กระตือรือร้นและเบื่อหน่าย พวกเขาไม่ชอบศัตรูที่อ่อนแอแต่ก็สนุกกับการฆ่า แต่หลุยส์ไม่มีความสุขเลย แม้แต่หมอยังเบื่อหน่ายหลุยส์ตั้งแต่คางุยะถูกทำลาย เธออดทนต่อความเจ็บปวดได้ดีฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเกือบสมบูรณ์ แน่นอนเธอยังเจ็บปวดแสนสาหัส แต่เธอแสดงออกแค่หอบหายใจหนัก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธยิ่งกว่าอัสราเอล แต่มันไม่ได้พุ่งไปที่หมอด้วยซ้ำ

    ชานี่เป็นคนเดียวที่รู้ว่าหลุยส์เสียใจและโกรธแค่ไหน ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจ

    หลุยส์มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยดวงตาที่สิ้นหวัง เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์หลังจากออร์บแต่เธอเหมือนกำลังจะตายตั้งแต่คางุยะถูกทำลาย การต่อสู้ของเธอกับโมบิลสูทสีเงินทำให้เธอมีชีวิตขึ้นมา หลุยส์พบว่าเธอไม่มีความพอใจอะไรนอกจากเผชิญหน้ากับหุ่นสีเงินในการต่อสู้ เธอต้องการแสดงความรัก

    เธอต้องการฆ่าคนที่ขโมยหัวใจของเธอไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×