ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kingdom War Online สงครามแห่งอำนาจ

    ลำดับตอนที่ #52 : บทที่ 49 เทศกาล(3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      24
      9 ก.ค. 59

    บทที่ 49

         ค่ำคืนวันนี้ของงานเทศกาลในเมืองซิสการ์ด เป็นวันคืนแห่งความโรแมนติกสำหรับคู่รักหลายคู่ เพราะเป็นวันเต้นรำ หน้าปราสาทมีหนุ่มสาวที่แต่งกายเสริมความหล่อสวยเดินเข้างานมาไม่ขาดสาย


         งานเลี้ยงเต้นรำในปราสาทพึ่งเริ่มขึ้น เหล่านักดนตรีเริ่มบรรเลงเพลง ตามกฎของปราสาท ขุนนางชั้นสูงจะได้เลือกคู่เต้นรำก่อน สิทธิคนแรกเป็นของโครอน แต่โครอนปฎิเสธไม่ไปเต้นรำ จึงเป็นตาของเหล่า5ขุนพลแห่งคาออส พวกอาเดลก็โดนหนุ่มสาวทั้งหลายเข้าไปขอเต้นรำกันใหญ่


         ไฮเกลเลือกคู่เต้นรำเป็นผู้เล่นสาวคนนึงในสังกัดค้าเองและเดินเข้าฟลอเต้นรำไปเป็นคนแรก มาริคมองอาเดลเล็กน้อย ก่อนจะเลือกลูกสาวขุนนางใหญ่ที่หน้าตาสวยออกไปเต้นรำอีกคน จึงเหลือแต่สองสาวเท่านั้น


         อาโรนมีสายมารายล้อมเหมือนกัน พวกเธออยากชวนเขาเต้นรำ แต่ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปขอ เด็กหนุ่มกำลังมองหาคานาเรียที่เขานอนกับเธอเมื่อวานนี้ ตอนที่เขาตื่นมาซัคคิวบัสสาวก็ตื่นออกจากโรงแรมไปแล้ว และดูท่าเธอจะอายไม่กล้าเจอหน้าอาโรน เลยแกล้งป่วยไม่มางานวันนี้ เขารู้สึกเสียดายไม่น้อย


         "อาโรน"เขาหันไปตามเสียงเรียก เห็นอาเดลเดินเข้ามาหา เธออยู่ในชุดราตรีสีฟ้างดงาม อวดทรวดทรงของเธอแก่หนุ่มทั้งหลายเป็นอย่างดี ทำให้พวกชายหนุ่มที่เดินตามมาด้านหลังมองตาเป็นมัน แม้แต่อาโรนยังรู้สึกถึงความกระหายในตัวเอง ที่อยากได้เธอมาครอบครอง


         "มีอะไรครับ"อาโรนยิ้มให้อย่างรู้กันเอง


         "ช่วยเต้นรำกับฉันได้ไหมค่ะ"อาเดลขออย่างผู้หญิงคนนึง ไม่ขอในแนวพี่สาว


         เสียงกลืนน้ำลายและเสียงถอนหายใจด้วยความเสียดายดังขึ้นมาโดยรอบ ผู้หญิงเสียดายอาโรน แต่ผู้ชายเป็นมากกว่าอีก ทั้งเจ้าเมือง แม่ทัพ ขุนนาง และคนต่างแคว้น ต่างหมายปองอาเดล ขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดของคาออส หวังจะได้เต้นรำกับเธอสักครั้ง แต่ผู้ชายเป็นร้อยคนไปขอเธอก็โดนปฎิเสธกันหมด แต่อาโรนไม่ต้องพูด ไม่ต้องขยับตัวเลยสักนิดเดียว ชิ้นเนื้อก็ลอยมาเข้าปาก อาเดลเป็นฝ่ายเข้ามาชวนด้วยตัวเอง


         "ด้วยความยินดีครับ"อาโรนพูดเสียงสุภาพ


         จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าไปที่ฟลอเต้นรำ ตอนนี้เหลือแต่มิโอเรียคนเดียว แต่เนื่องจากเรื่องที่เธอก่อเมื่อวันก่อน ทำให้ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปชวนเธอ มิโอเรียหวังให้อาโรนเข้ามาชวนเธอเหมือนที่เขาเข้าไปหาโครเนเรียเมื่อวาน แต่เธอคิดผิด เธอน่าจะเข้าไปชวนเข้าก่อนอาเดล มิโอเรียรู้สึกเสียดายก่อนจะเดินไปนั่งมุมโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ เป็นการปฎิเสธเต้นรำ จากนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มจับคู่เต้นรำกัน


         มิโอเรียนั่งคุยกับซายะและชานะ และมองคู่เต้นรำหลายร้อยคู่ที่เต้นรำกันอยู่ คู่ที่โดดเด่นที่สุดคือคู่ของอาโรนกับอาเดลอย่างที่เธอคิดไว้ ทั้งสองเต้นเข้ากันดีมาก บวกกับความหน้าตาดี หล่อ สวย น่ารัก ทำให้ทุกคนพากันมองคู่นี้กันหมด มิโอเรียแอบเห็นอาโรนหาเรื่องมาริคด้วยการแกล้งทำเป็นเผลอเหยียบเท้าด้วย แต่มาริคก็ไม่ล้มง่ายๆและเอาคืน แต่อาโรนก็หลบได้ แถมไม่ทำให้จังหวะการเต้นแปลกไปแต่อย่างใด ในสายตาผู้ชม พวกเขาก็แค่เต้นอยู่ใกล้กันเท่านั้น


         "กาดิสล่ะ"มิโอเรียถามขึ้น


         "ไม่รู้ค่ะ"ชานะพูดเสียงทุ่มต่ำ ไอ้หมอนั้นยังไม่เห็นโผล่หน้ามาสักที เมื่อวานตอนที่เธอเดินจากไป ก็ไม่ตามมาง้อเลย มิโอเรียรู้ว่าหญิงสาวกำลังงอนชายหนุ่มที่ชอบอยู่


         "ขอโทษนะครับ เต้นรำกับผมไหมครับ"มีชายหนุ่มคนนึงเข้ามาชวนชานะจากด้านหลัง


         "โทษทีนะค่ะ ฉัน...."ชานะหันไปมองและพูดค้างไว้แค่นั้น คนที่เธอเห็นเป็นกาดิสที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศยื่นมือให้เธอ ดูหล่อเข้มมากและตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองก็ใกล้จนแทบจะจูบกัน ชานะหน้าแดงรีบถอยห่าง


         "ว่ายังไงครับ คุณชานะ"กาดิสยิ้มให้


         "กะ...ก็ได้ค่ะ"ชานะลุกขึ้นและเดินตามกาดิสออกไปเต้นรำ


         "หึ!!!โจเซฟมองชานะกับกาดิสด้วยความอิจฉาคนมีแฟน เขาก็เคยลองจีบชานะกับซายะมาก่อน แต่ชานะปฎิเสธอย่างไร้เยื่อใย ตอนซายะเขาเลยพยายามคบเป็นเพื่อนไว้ก่อน แต่พออยู่กันสองต่อสองแล้ว โจเซฟลองถามเรื่องเป็นแฟนกัน ซายะตอบเอาง่ายๆว่า ร่างกายนี้เป็นของท่านเฟต ทำเอาเขาใจสลาย


         แต่ตอนนั้นเขาก็หันไปเห็นหญิงสาวคนนึงกำลังเดินมาทางนี้ เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยทำให้มิโอเรียชิดซ้ายได้ และเกือบเท่าอาเดล อยู่ในชุดเต้นรำสีเขียวอ่อน และกำลังส่งรอยยิ้มมาทางนี้ เมื่อเธอเข้ามาใกล้เขา


         "ยินดีที่ได้...../สวัสดีจ๊ะลอรัส"เจสสิก้าไม่เหลี่ยวแลโจเซฟและเข้าไปคุยกับลอรัสที่นั่งอยู่ข้างๆ


         "หวัดดีครับคะ....เจสสิก้า"ลอรัสเกือบสลับคำแทบไม่ทัน เมื่อเห็นแววตาเธอเย็นชาไปแว็บนึง


         "ตามสัญญา เธอต้องไปเต้นรำกับฉันนะ"ลอรัสได้ยินก็นิ่งไป เขายังไม่ตอบตกลง แต่เธอพูดเองเออเอง ถึงอย่างงั้นลอรัสก็ลุกขึ้นจับมือเธอและพาเดินไปเต้นรำ เจสสิก้ารวบแขนเขากอดไว้อีกครั้ง


         "พี่คิดออกแล้วล่ะ จากนี้ไปให้เธอเรียกฉันว่าพี่นะ ไหนพูดซิ"


         "พี่เจสสิก้า"


         หญิงสาวได้ยินแล้วยิ้ม ก่อนจะยื่นหน้ามากใกล้ลอรัสและจูบแก้ม ทำเอาเขาหน้าขึ้นสีแดง หญิงสาวหัวเราะนิดๆ ทั้งสองขึ้นไปบนฟลอเต้นรำแล้วก็เริ่มเต้น ลอรัสเต้นได้แย่ แต่ก็ได้เจสสิก้าช่วยจนเต้นได้เป็นปกติ ถึงจะไม่ค่อยเก่งก็ตาม


         โจเซฟมองลอรัสกับเจสสิก้าตาค้าง งานนี้ไม่ใช่แค่โกรธแต่ถึงกับช๊อคไปเลย แพ้อาโรน แพ้กาดิส เขายังพอรับได้ แต่นี่เขาแพ้เรื่องจีบผู้หญิงแม้แต่ลอรัสเหรอเนี่ย และคำพูดจากผู้ชายทั้งหลายที่กำลังมองลอรัสกับเจสสิก้าเหมือนเขาก็ดังมาเข้าหู


         "เจสสิก้าเดินไปขอเด็กนั้นเต้นรำเลย มันเป็นใครนะ ถึงได้สนิทกับอดีตขุนพลไทโรเนียได้น่ะ"


         โจเซฟตกใจเมื่อได้รู้ตัวจริงของเจสสิก้า เธอเป็นอดีตขุนพลแม้จะเป็นแค่อดีตแต่ก็ยังฝีมือเทียบเท่าขุนพล แต่ตอนนี้ไม่ได้สังกัดแคว้นไหน ทำให้แคว้นต่างๆพากันแย่งตัว ในบรรดาคนที่เคยเป็นขุนพลก็มีคนชื่อเจสสิก้าอยู่คนเดียว จอมเวทภัยพิบัติเจสสิก้า


         มิโอเรียนั่งทานอาหารอยู่คนเดียวพักนึง ก็เห็นว่าเสียงพูดเริ่มดังขึ้นมาก เธอหันไปมองที่ฟลอเต้นรำอีกที ก็เห็นอาโรนกับอาเดลเดินออกจากฟลอเต้นรำเข้ามาหาเธอ นี่สินะที่มาของเสียง อาเดลนั่งลงข้างมิโอเรีย ในขณะที่อาโรนยื่นมือมาให้เธอ


         "ไปสิจ๊ะมิโอเรีย อยากเต้นรำไม่ใช่เหรอ"อาเดลพูดขึ้น แต่มิโอเรียยังเฉยอยู่ ไม่คิดจับมืออาโรน


         "ไปเต้นรำกับผมนะครับมิโอเรีย"อาโรนพูดเสียงอ้อน คิดว่ามังกรอย่างเธอจะใจอ่อนให้เหรอ


         "ไม่ค่ะ"อาโรนได้ยินแล้วเข้าไปกระซิบที่ข้างหู


         "นะครับ ไม่งั้นผมจะเผยแพร่เสียงในเครื่องบันทึกนะ"มิโอเรียได้ยินแล้วสะดุ้งโหยง เธอลืมไอ้เครื่องที่อาโรนใช้แบล็กเมลเธอไปเลย เด็กสาวยื่นมือจับอาโรน โดยที่สีหน้านังถลึงตามองเขาด้วยความโกรธ


         "ไปก็ได้ยะ!!!"


         "ดีมากครับ"อาโรนยิ้มเจ้าเล่ห์และจูบมือลูน่าพาเข้าฟลอเต้นรำไป


         บริเวณหอสังเกตการณ์ที่กำแพงของปราสาท พวกทหารยามกำลังทำหน้าที่ด้วยสีหน้าเซ็งๆ พวกเขาก็อยากเข้าไปสนุกกับงานเลี้ยงในเมืองเหมือนกัน แต่ดังต้องมาเป็นเวรยามคืนนี้ เลยมีทหารไม่น้อยที่อู้งาน


         ทหารคนนึงเดินกลับมา มือไม้กำลังใส่ชุดตัวเองอยู่ ีสีหน้าเหนื่อยล้าเหมือนพึ่งไปทำอะไรมา


         "เป็นไงบ้างวะเพื่อน"เพื่อนมันที่เห็นไอ้ทหารคนนี้เดินกลับมาถาม


         "ได้กำไรสุดๆเลยเว้ย ไอ้แก่ที่ร้านนั้นโดนขู่นิดเดียว มันก็รีบมอบเงินให้ข้าเลย"


         "เดี๋ยวทีหลังชวนข้าไปด้วยล่ะ ข้าร่ะไม่มีเงินไปซื้อเหล้า ซื้อผู้หญิงแล้ว"


         "ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวคราวหน้าข้า ฉัวะ!!!!!"


         ทหารคนนั้นไม่ทันได้พูดต่อ ก็มีร่างเงานึงพุ่งลงมาใช้ดาบผ่าหัวมันขนสมองไหลออกมา เพื่อนของมันสองคนตกใจไม่ทันได้ร้องอะไร ร่างในผ้าคลุมอีกสองคนก็เชือดคอพวกมันจากด้านหลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ตายตามเพื่อนมันไป


          "เป็นยังไงบ้าง"


          "เรียบร้อยแล้วครับ ทหารนอกห้องจัดงานโดยจัดการหมดแล้ว ส่วนพวกที่เหลือก็รับสินบนพวกเราไปแล้ว"


          "ดีมาก รีบแจ้งนายท่านให้ทราบโดยเร็ว"


          ทอส แขกคนสำคัญจากแคว้นกอลโดนาไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันนี้ ไม่สิ ที่จริงเขาเข้างานไปแล้ว และชวนลูกสาวขุนนางตั้ง5คนออกมาด้านนอกออกมาหาห้องว่างๆ คงไม่ต้องบอกว่ามาทำอะไรกัน บรรดาลูกขุนนางกำลังมองทอสด้วยแววตาเขินอายและเริ่มถอดชุดออก พวกเธอสวยมาก


          "ไปนอนบนเตียงกันให้หมด"ทอสพูดแล้ว ทั้ง5คนในสภาพเปลื่อยก็ไปนอนบนเตียง ส่งสายตาเชิญชวนให้ทอสรีบเข้ามาจัดการต่อ ทอสยิ้มและเดินเข้ามา


          "ฉัวะๆๆๆ....!!!!!!"


          ทันใดนั้นดาบของเขาก็ชักออกมาและฟันคอพวกเธอ5คนขาดกระเด็นในพริบตา พวกหญิงสาวตายไปโดยไม่ทันได้ร้องสักแอะ มีแต่แววตาที่เบิกโพล่งก่อนที่ดาบจะฟันคอพวกเธอขาดเท่านั้น


          "หึ ไอ้พวกหญิงร่าน"ทอสพูดเสียงดูถูก


          "แว๊บ!!!!!"วงเวทอักขระเลือดสีแดงที่เขาวาดไว้รอบเตียงเริ่มส่องแสงออกมา มันทำงานเพราะได้รับการสังเวยเลือดจากหญิงสาวทั้ง5คน  ที่เขาล่อผู้หญิง5คนนี้ออกมา ก็เพราะพวกเธอมีปริมาณพลังเวทในตัวมาก แม้จะใช้มันไม่ได้ก็ตามที ทอสร่ายมนตร์ปากขมุบขมิบให้เวทสัมฤทธิ์ผล


          ประตูมิติอาคมเลือด


          "ตูมมมมมมม!!!!!!"เกิดระเบิดอย่างรุนแรงและสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งปราสาท ร่างของผู้หญิงทั้ง5กลายเป็นสัตถุดิบในการเรียกประตูมิติสีแดงโลหิตออกมา ก่อนที่จะมีคนเดินออกมาจากประตูมิติ จากที่เห็นน่าจะมีเกินกว่าร้อยคน ทอสคุกเข่าลง เบื้องหน้าชายหนุ่มผมสีทอง ดวงตาสีมรกต มีคนในชุดแม่ทัพและนายทหารเดินตามออกมาเรื่อยๆ


         "เจ้าทำงานได้ดีมากทอส ตอนนี้ประตูวาร์ปจุดอื่นก็ทำงานแล้วสินะ"ชายหนุ่มกล่าว


         "ครับ ท่านรากัส"ทอสผงกหัวลงต่ำ


         "ไม่ต้องเรียกข้าแบบนั้นก็ได้ ยังไงอีกไม่นาน เจ้าก็จะเป็นพี่เขยข้าแล้วนี่นา รีบลุกขึ้นเถอะ"


         "ขอบคุณครับ"ทอสลุกขึ้นยืน


         "แล้วทีนี้ ห้องจัดงานมันอยู่ทางไหน"รากัสยิ้มที่มุมปาก


         "ทางนี้ครับ"ทอสจะพารากัสไป แต่ตอนนั้นก็มีร่างนึงอยู่หน้าประตูชี้มือมาทางพวกดขาด้วยความตกตะลึง


         "พะ...พวกแกทำอะไรน่ะ!!!!!"โจเซฟตะโกน เขาทนอยู่ในงานไม่ไหวเลยเดินออกมา พอดีเห็นทอสพาสาวออกจากงานก็ตามมาดู ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ เมื่อนึกได้เขาก็รีบชักดาบเล่มใหญ่ของตัวเองขึ้นมา


         "ฉัวะ!!!!!!...ฉูดดดดดด!!!!!!!!595,793!Critical!


         แต่ก่อนที่เขาจะได้ร้องตะโกนเรียกคน หัวของเขาก็หลุดจากบ่าในเสี้ยวพริบตา ด้วยฝีมือของรากัส ทั้งหมดเดินออกจากห้องไป


         อาโรนกับมิโอเรียเต้นรำอยู่บนฟลอเต้นรำ สายตาชายหนุ่มทั้งหลายมองอาโรนอย่างอิจฉาริษยาปนเกลียดชัง ไม่ใช่แค่คนพี่ แต่คนน้องก็ยังตกเป็นของมัน ผู้ชายหลายใจ เสียงพวกนี้ดังแว่วเข้าหูอาโรนอยู่ตลอด


         เสียงเพลงจบลง จากนั้นอาโรนก็จูงมือพามิโอเรียเดินออกจากฟลอเต้นรำ


         "ชอบรึเปล่า"


         "อะ..อืม"


         มิโอเรียที่กำลังมองหน้าอาโรนที่ตอนนี้ดูเคล้งขรึมอย่างเพลินๆสะดุ้งรีบตอบ อาโรนยิ้มและลูบหัวเธอ ก่อนที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หูเธอ


         "อยากต่ออีกสักเพลงไหมครับที่รัก หรือเราจะไปต่อกันที่ห้องดี"


         มิโอเรียได้ยินแล้วหน้าขึ้นสีแดงแปร๊ดทันที ในหัวนึกไปถึงตอนที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน เธอผลักอาโรนให้ออกห่างจากเธอทันที


         "ตาบ้า!!!"มิโอเรียวิ่งหนีกลับโต๊ะเธอไป อาโรนแค่มองดูแล้วยิ้มด้วยความสนุกที่ได้แกล้งเธอ


         'มีปฎิกิริยาตอบรับตรงไปตรงมาแบบนี้สิถึงสนุก มิร่านี่แกล้งได้ไม่เบื่อเลยจริงๆ'


         นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้อาโรนแกล้งมิโอเรียมาตั้งแต่เด็ก และมิโอเรียก็เสียท่าเขาเกือบทุกครั้งด้วย แต่เพราะทั้งสองใกล้ชิดกันมานานตั้งแต่เด็ก ทำให้มิโอเรียตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


         อาโรนเต้นรำกับมิโอเรียเสร็จแล้ว ก็เริ่มมองหาใครบางคน และเขาก็เห็นเกรเซียนั่งอยู่ที่โต๊ะของพวกกอลโดนา เธอกำลังปฎิเสธพวกผู้ชายที่มาขอเธอเต้นรำด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเพ่งมอง ก็เห็นว่าแก้มของเกรเซียมีรอยแดงจางๆ แต่ถูกกลบไว้ด้วยแป้ง ถ้าตาไม่ดีมองไม่เห็นแน่


         เกรเซียเหลือบตามองอาโรนเสี้ยววินาทีนึง เธอหน้าแดงขึ้นมาและรีบหลบสายตา อาโรนครุ่นคิดอยู่พักนึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา สักเพลงคงไม่เป็นไร เขาเดินเข้าใกล้โต๊ะแล้วเกรเซียก็รู้ใจ ไม่คิดจะหลบหนีจากอาโรนเหมือนเมื่อวาน รอให้เด็กหนุ่มเข้าไปชวน


         "เดี๋ยวก่อน"แต่ก็มีมารมาผจญ ชายหนุ่มคนนึงเข้ามาขวางเขาไว้


         เขาเป็นชายหนุ่มผมสีทอง ดวงตาสีฟ้า มีร่างกายสูงโปร่งและแข็งแรง ใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลา อยู่ในชุดสูททักซิโด้นีดำ ท่าทางของเชาที่เคร่งขรึมทำให้สาวรอบข้างพากันหลง ยกเว้นเกรเซียที่มองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง


         "ฉันแค่จะมาขอเกรเซียเต้นรำสักเพลงเท่านั้นแกมม่า"


         อาโรนรู้จักแกมม่าเป็นอย่างดี มันคือหนึ่งในขุนพลของกอลโดนา มีฝีมือหอกที่ร้ายกาจจนแม้แต่เขายังต้องยอมรับ แม้ว่าระดับจะต่ำกว่าเขาไปหน่อยก็ตาม มันเป็นขุนพลที่ทอสไว้ใจมากที่สุด เพราะตัวจริงของมันก็เป็นมือขวาให้ทอสในโลกจริง


         "ไม่ได้ คุณเกรเซียมีคู่หมั้นแล้วแกก็รู้ พวกเขากำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่วัน เพราะฉะนั้นมันไม่เหมาะสม ถ้าเธอจะเต้นรำกับคนอื่น มันอาจทำให้คู่หมั้นเข้าใจผิดและทะเลาะกันได้ เดินกลับโต๊ะตัวเองไปซะเถอะ"


         อาโรนโดนอีกฝ่ายเอ่ยปากไล่ แววตาวาวโรจน์อยากฆ่าคนตรงหน้าทิ้ง เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็กำลังคิดแบบเดียวกันแน่ ดูจากจิตสังหารที่ถาโถมใส่เขา แต่อาโรนต้านมันไว้ได้ และดีดกลับจนเขาแทบกระอักเลือด แกมม่าก็นึกแปลกใจที่อาโรนต้านจิตสังหารเขาได้ ทำให้เขาเริ่มรู้แล้วว่าทำไมเกรเซียไปหลงรักเด็กคนนี้ได้ เพราะเขามีสิทธิจะเติบใหญ่ขึ้นมาทัดเทียมราชันอย่าเจ้านายเขาได้นั่นเอง


         "ถ้าคู่หมั้นเขารู้ใจกัน เขาไม่โกรธกันเพราะเรื่องแค่นี้หรอก นอกจากว่าทั้งสองคนไม่ได้รักกันจริง ไม่สิ หรือเรียกว่าไม่เคยเจอหน้ากันจะดีกว่า การแต่งงานทางการเมืองน่ะ มีให้เห็นออกบ่อยไป แกล้งทำเป็นรักกัน สร้างภาพไปวันๆ"


         อาโรนจงใจพูดเสียงดัง ทำให้คนมองมาทางนี้กันไม่น้อย


         แววตาแกมม่าเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เขาตกใจยิ่งกว่าที่โดนอีกฝ่ายตอกกลับซะอีก เพราะอีกฝ่ายดังรู้ข้อมูลวงใน ทั้งที่ในสายตาคนภายนอก พวกเขาได้เห็นแค่ข้อมูลในเน็ตและภาพของทั้งคู่ที่ถ่ายคู่กันหลายร้อยใบ ซึ่งเป็นภาพดัดแปลงทั้งนั้น


         'มันเป็นใครกันแน่'


         เขารู้แต่ว่าอาโรนต้องไม่ใช่สามัญชนในโลกจริงแน่แต่เป็นคนของตระกูลใหญ่สักตระกูลแน่ แกมม่ารู้จักทายาทตระกูลใหญ่เป็นจำนวนมาก และจำหน้าตาได้เกือบทุกคน แต่เขาคิดหัวแทบแตก ก็จำไม่ได้เลยว่าเคยเจออาโรนให้งานเลี้ยงของคนตระกูลใหญ่ที่ไหนมาก่อน แม้แต่หน่วยข่าวกรองของตระกูลเอโดราสก็สืบไม่เจออะไรเลย


         "พูดอะไรอย่างงั้นละครับอาโรน พวกเขาสนิทกันจะตายไป"


         "งั้นเหรอคุณแกมม่า พวกเขาคงสนิทกันจนแทบอยากฆ่ากันตายเลยละมั้ง เห็นแก่หน้าคุณและคู่หมั้นของเกรเซียจะยอมถอยก็ได้ ถึงยังไงฉันกับเกรเซียก็รู้จักกันมานานอยู่แล้ว"


         อาโรนพูดจบแล้วเดินกลับไปท่ามกลางสายตาผู้ร่วมงานไม่ต่ำกว่า30คนที่ได้ยินบทสนทนาที่ดังชัดเจน


         'อยากฆ่ามัน!!!!'ในหัวแกมม่ากำลังร้องอย่างงั้น เขาไม่เคยเจอใครที่กล้าด่าว่าและหยามเขาและตระกูลที่เขาภักดีแบบนี้เลย เขามั่นใจว่าในอนาคตอาโรนต้องเป็นอุปสรรคใหญ่แน่


         แววตาแค้นเคืองของแกมม่ามองอาโรนแล้วหันมามองเกรเซีย สายตาเธอที่กำลังมองอาโรนที่เดินจากไปด้วยความเสียดาย รีบหลบสายตามือขวาของพี่ชายที่คอยจับผิดเธอทันที


         ในตอนนั้นเอง ทั้งแกมม่า เกรเซียและอาโรนก็รู้สึกว่าเสียงในงานเลี้ยงเงียบลง และมีเสียงฮือฮาดังมาจากประตูห้องจัดงาน เด็กหนุ่มหันไปมองแล้วเบิกตากว้าง


         อาโรนเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่ง ผมดำยาวสลวยในชุดราตรีชั้นสูงสีแดงงดงาม ดวงตาสีแดงดุจอัญมณี และใบหน้าที่งดงามจนเทียบรัศมีหรืออาจเหนือกว่าเกรเซียกับอาเดล ทำให้ตอนนี้สายตาชายหนุ่มทั้งงานมองเธอไม่วางตา โดยไม่สนใจผู้หญิงของตัวเองที่ทุบตีพวกเขาด้วยความไม่พอใจที่ไปมองสาวอื่น


         เด็กหนุ่มอึ้งไปหลายวิ ก่อนเขาจะสังเกตเห็นว่าภายใต้นัยน์ตาของเธอคมกริบดุจสัตว์ป่า และคิ้วเรียวโค้งเป็นวงดาบ กลิ่นที่ปามากับน้ำหอม ทำให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่ใคร แต่เป็นลูน่านั่นเอง คำถามที่ตามมาคือทำไมเธอมาร่วมงาน ไม่สิ ที่อยากถามคือ ใครสอนเธอแต่งตัวกัน


         คำถามทั้งสองข้อ อาโรนได้คำตอบทันทีที่เห็นคานาเรียในชุดราตรีสีดำเดินตามลูน่ามาด้านหลัง เธอเป็นคนลงมือทั้งหมดแน่ แต่ใช้วิธีไหนถึงกล่อมให้ลูน่ามาร่วมงานได้กันนะ


         เมื่อผู้ชายทั้งหลายหายอึ้งกันแล้ว ก็พากันเดินเข้าไปขอลูน่าเต้นรำ แต่เพียงได้สบตากับนัยน์ตาที่เย็นยะเยือกและอำมหิตของเธอ พวกผู้ชายก็ต้องพากันหยุดชะงักห่างจากเธอ10เมตรทันที


         ลูน่าเริ่มเดินเข้ามาในงานเลี้ยงแล้วกวาดตามองหาคน ส่วนคานาเรียเดินหลบไปทางอื่น หลังมองหาอยู่ ลูน่าก็เดินมาทางที่อาโรนยืนอยู่


         ผู้ชายที่เห็นการกระทำของลูน่า ต่างก็หรี่ตามองด้วยแววตาคมกริบ คอยดูว่าชายหนุ่มคนไหนที่เป็นคนของหญิงสาวปริศนามองหาอยู่ ก่อนที่เธอจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าอาโรน ลูน่าพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า


         "เต้นรำสักเพลงไหมค่ะ"เสียงหวานของลูน่าเพราะมาก จนอาโรนเผลอเคลิ้มไปพริบตานึง


         แต่เขาก็ได้สติ เมื่อพบว่าตัวเองโดนสายตาอาฆาตของผู้ชายทั้งหลายล้อมไว้หมดแล้ว แค่อาโรนครองสามสาวงานประจำงานเลี้ยงไว้คนเดียว พวกเขาก็แค้นมากอยู่แล้ว แต่นี่สาวที่พึ่งเคยเห็นครั้งแรกก็ยังสนใจ และเข้ามาเอ่ยปากชวนเองอีก


         "ด้วยความยินดีครับ"อาโรนจับมือลูน่าเดินไปที่ฟลอเต้นรำ เขาแปลกใจที่ลูน่าเดินในชุดราตรีได้ดีพอสมควร ลูน่ากระซิบที่หู


         "ไอ้เจ้านายอำมหิต มาขู่ข้าจนต้องมางานเลี้ยงมนุษย์อีกรอบจนได้นะ"


         "เธอพูดเรื่องอะไร"


         "ก็คานาเรียมาบอกฉันว่า นายจะเปิดศึกกับท่านพ่อถ้าเธอไม่มางานเต้นรำ ฉันก็เลยขอให้เธอ...."

         เสียงของเธอเบาลงจนไม่ได้ยินที่พูด แต่ตอนนี้เขาก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว เป็นคานาเรียที่หลอกให้ลูน่ามางานในชุดราตรี


         ภาพพูดคุยตรงหน้า ทำให้คนทั้งงานมองว่าทั้งสองกำลังจู๋จี๋กันไม่อายฟ้าอายดิน


         'ดูเหมือนต้องให้รางวัลเธอหน่อยแล้วสิ'อาโรนยิ้ม


         ในขณะเดียวกัน เกรเซียมองภาพตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ และสงสัยอย่างหนักกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน


         เมื่อทั้งคู่เริ่มเต้นรำ เขามองดูลูน่าที่ทำสีหน้าหงุดหงิด เพราะเต้นได้สักพักเธอก็เริ่มเต้นไม่ตามจังหวะเพลงแล้ว


         "เต้นดีๆหน่อยสิครับ"อาโรนกระซิบหูมังกรดำ แต่การกระทำของพวกเขาทำให้เกิดเสียงของคนในงานไม่น้อย เพราะถ้ามองดูจากระยะไกล มันจะเหมือนพวกเขาหอมแก้มกัน ลูน่าก็พอเข้าใจว่าคนรอบข้างคิดยังไงก็รู้สึกอาย


         "ขี้โกง"ลูน่าพูดขึ้น


         "ช่วยไม่ได้ เธอไม่ให้ความร่วมมือเอง ก็ต้องบังคับกันหน่อย"อาโรนพูดล้อเลียน


         "ตึง!!!"เท้าของมังกรสาวเหยียบใส่เท้าอาโรน แต่เธอเหยียบโดนแค่พื้นเพราะอาโรนไหวตัวทัน


         ลูน่าพยายามกระทืบเท้าอาโรนต่อไป แต่อาโรนก็สามารถหลบหลีกได้ตลอด ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ทั้งคู่ก็เต้นรำตามจังหวะเพลงได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน และไม่ผิดสังเกตคนรอบข้างที่มองดูอยู่ มีแต่ซายะ มิโอเรียกับอาเดล ที่พอดูออกว่าลูน่ากำลังทำอะไรอยู่


         "แฮ่กๆๆ..."ลูน่าเมื่อยขาหลังจากพยายามเป็นร้อยครั้ง ในที่สุดก็ยอมหยุดและเต้นตามปกติในที่สุด ลูน่าได้รับการสอนจากอาโรนก่อนมางานเลี้ยงแล้ว แต่ก็ยังมีจุดผิดพลาด เขาจึงคอยแนะนำไปพลางๆและถือโอกาสที่เธอหมดแรงโอบตัวเธอให้เข้ามาชิดกับเขามากกว่าเดิม มิโอเรียหน้าขึ้นสีแดงนิดๆ และในที่สุดเพลงก็จบลง


         "พลั๊ก.....ว๊ายยยย!!!!"


         รองเท้าที่ลูน่าใส่เกิดหักขึ้นมาเพราะกระแทกพื้นหลายครั้ง หญิงสาวกำลังจะลื่นล้มหัวฟาดพื้น


         "หมับ!!!"แต่อาโรนจับตัวลูน่าขึ้นมาได้ก่อน ลูน่าโดนอาโรนอุ้มโดยที่ปากทั้งสองใกล้จนแทบจะจูบกัน เป็นตอนที่เพลงจบจังหวะสุดท้ายพอดี ทำให้มีเสียงโห่ร้องไปทั่ว


         ลูน่าเบิกตากว้างค้างและหน้าขึ้นสีแดงจัด ก่อนที่อาโรนจะเงยหน้าขึ้นและพาเธอเดินลงจากฟลอเต้นรำทั้งแบบนั้น ท่ามกลางสายตาคนที่มองอยู่ ทำให้เธอได้สติ


         "ปะ..ปล่อยข้าลงได้แล้ว"


         "รองเท้าพังอยู่นะ"อาโรนหาข้ออ้าง


         "ถอดรองเท้าเดินได้ ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้"ลูน่าเริ่มฉุนหนัก เด็กหนุ่มยอมปล่อยเธอลงเดินเองในที่สุด


         "ฉันมีธุระนิดหน่อย แล้วค่อยคุยกัน"อาโรนหอมแก้มลูน่า มังกรสาวนิ่งค้างไปหลายวิก่อนจะได้สติ เธอจะหันไปว่าอาโรน แต่เขาเดินออกจากห้องจัดงานไปแล้ว


         "ไอ้คนฉวยโอกาส"ลูน่าหน้าแดง ไม่อาจซ่อนความเขินอายได้


         ลูน่าถอดรองเท้าที่หักออกแล้วเดินกลับโต๊ะตัวเอง ที่มีอาเดล มิโอเรีย ซายะ และคานาเรียที่พึ่งเข้างานมานั่งอยู่


         "เป็นไงลูน่า เต้นรำสนุกดีไหม ฉันเห็นทุกอย่างเลยนะ รวมถึง2คนนี้ด้วย"อาเดลพูดเสียงหวานยิ้มอย่างมีเลศนัย สายตามองไปทางมิโอเรีย ซายะกับคานาเรียที่แสดงความไม่พอใจอย่างไม่ปกปิด ลูน่าได้ยินแล้วหน้าแดงมองไปทางอื่น


         "จะ..เจ้านั้นบังคับข้าเองนี่นา จริงสิคานาเรีย ทำไมวันนี้เจ้ามางานช้า"มิโอเรียเถรไปเรื่องอื่น คานาเรียได้ยินแล้วสะดุ้งโหย่ง พยายามไม่แสดงอาการเขินอายออกมา เพราะมีอาเดล มิโอเรียกับซายะที่จ้องจับผิดอยู่


         "ข้าไปเดินที่ตลาดในเมือง เลยมาสายนิดหน่อยน่ะ"


         "โกหก!!! สายของฉันไม่เห็นเจ้าที่ตลาดในเมืองเลย"ซายะพูดเสียงดังแทบจะเป็นตวาด ที่จริงซายะทราบจากลูกน้องเธอแล้วว่าอาโรนนอนกับคานาเรีย เธอทั้งโกรธทั้งหึง แต่ยังต้องปิดเป็นความลับตามหน้าที่ เลยพูดไปแค่นั้น มิโอเรียได้ยินแล้วมองคานาเรียอย่างสงสัย


         "ลูน่า อย่าเบี่ยงประเด็นสิ คานาเรีย เธอหายไปไหนมา แล้วซายะ สายที่เธอพูดถึงเป็นใคร"


         อาเดลกวาดตามองสามสาว ใบหน้าเธอยังยิ้มแย้ม แต่น้ำเสียงของเธอหวานปนเย็นยะเยือกจนน่ากลัว ทำให้ทั้งสามที่กำลังจ้องจับผิดกันสะดุ้งโหยง หันมามองหญิงสาวที่อาวุโสที่สุดกันหมด ก่อนที่พวกเธอจะเริ่มก้มหน้าลงพูดไม่ออก ลูน่าเริ่มรู้สึกว่าเธอต้องระวังอาเดลไว้ซะแล้ว


         "ว่ายังไงคานา...../บรึ้มมมม!!!!!"


         อาเดลจะถามคานาเรียที่น่าสงสัยที่สุด และท่าทางเรื่องนี้มันจะเกี่ยวกับอาโรนแน่ๆ แต่เธอพูดไม่ทันไร ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจากด้านบน


         "ตึงๆๆ/กรี๊ดดดด!!!!!!"เพดานเหนือฟลอเต้นรำถล่มลงมาทับใส่เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงที่กำลังเต้นรำอยู่ บรรดาหญิงสาวต่างกรีดร้องลั่น


        "เปรี้ยงงงง!!!!!"กาดิสกระโดดขึ้นไปยกหมัดชกเพดานที่ถล่มลงมาแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตอนนั้นเองเขาก็เห็นเงาบางอย่างจากด้านบน


        "ตูมๆๆเปรี้ยงๆๆ...!!!!"67,694!60,584!....


        กระสุนเวทหลายร้อยลูกยิงลงมาใส่กาดิสและคนในงาน แต่พวกทหารที่เริ่มรู้ตัวรีบวิ่งเข้ามาป้องกันเหล่าขุนนางไว้ แต่ก็มีหลายคนบาดเจ็บ มีลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่กาดิส แต่ชานะสร้างบาเรียป้องกันได้ทัน เขาลงมายืนที่พื้นอย่างปลอดภัย


        "ฆ่าพวกมัน!!!!"เหล่าผู้บุกรุกจำนวนมากเริ่มโดดลงมากลางงานสู้กับทหารคาออส พวกมันใส่ชุดคลุมสีดำปกปิดตัวเอง ทั้งสองฝ่ายเริ่มห่ำหั่นกัน ลำแสงเส้นนึงพุ่งไปหาพวกมันคนนึงโดนยิงล้มลงตายทันที ราชันจอมวางแผนเดินเข้าไปสู้ และเห็นชุดด้านในเสื้อคลุมของคนที่เขาฆ่าไป มันเป็นคนของไทโรเนีย

    __________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×