ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate Ragnarok : GOD VS Heroic Spirit

    ลำดับตอนที่ #9 : โลกนี้อยู่ภายใต้อำนาจของข้า(100%)

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 64


    ทั้งสนามเงียบกริบจากคำพูดของบีสต์โฟว์ พวกเขาไม่เคยได้ยินใครพูดหยิ่งยโสแบบนี้ต่อเทพเจ้าสูงสุดของเมโสโปเตเมีย มีเพียงคนเดียวคือคิงกู...และทุกคนรู้ว่ามันจบลงยังไง

    มาร์ดุกก็มืดมนจากคำพูดของคู่ต่อสู้

    “มาร์ดุก...กำลังโกรธ”เอนคิดูพึมพำมองหนึ่งในผู้สร้างเขา ผมสีเขียวถูกสร้างโดยเทพธิดาอารูรุ ซึ่งเป็นลักษณะของเทพธิดาเซฟานี ภรรยาของมาร์ดุก จึงถือได้ว่าเขาเป็นลูกชายของมาร์ดุกกับเซฟานี

    “ผิดแล้ว”เสียงหนึ่งแทรก มันเป็นเสียงของเทพชายหนุ่มที่มีผมสีขาวสวมแว่นตา”พ่อไม่ได้โกรธ แต่ตรงกันข้ามเขากำลังตื่นเต้น”

    คนที่พูดคือนาบู ลูกชายคนโตของราชาเทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมีย และในแง่หนึ่งเขาคือพี่ชายของเอนคิดู

    “น่าเสียดายที่เจ้าพูดถูก”เซฟานีกล่าว

    การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว ไม่มีเหตุผลต้องยั้งมืออีกต่อไป

    แผ่นดินสั่นสะเทือน ทะเลปะทุ ท้องฟ้ากรีดร้อง ฟ้าผ่าและแสงวาววับราวกับความทุกข์ยากในดินแดนบาบิโลน ลมก่อตัวเป็นพายุเฮอริเคนทำให้มนุษย์เสียการทรงตัว แต่เขายังยืนหยัดสู้ต่อไป

    "ข้ามีหัวของอัปโปเป็นบ้านของข้า ร่างกายของเทียแมทเป็นดินแดนของข้า....แต่เจ้าจะเป็นถ้วยรางวัลของข้า"เทพเจ้าประกาศดวงตาส่องสว่าง

    “อั๊ก”ชายผมขาวจับหัว เขาเจ็บปวดจากความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขา

    “นักรบกล้าหาญ ผู้ล่านกนางแอ่น ผู้ฆ่ายักษ์ ทหารเทพเจ้าที่ต่อสู้กับมังกรบนหลัง กษัตริย์ที่ตกอยู่ในห้วงความรักกับวัลคีรี่ของโอดิน อีกผู้หนึ่งที่ปรารถนาจะเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม และอัศวินที่สังหารสหายของเขา”

    “นี่มันเจ็บ”บีสต์พึมพำด้วยตาบูดบึ้งขณะที่เขายิ้มเล็กๆเมื่อหัวหยุดปวด มีรอยแตกเล็กๆใต้ตาแม้เขายังระวังประกาศของเทพบาบิโลเนีย

    “เอมิยะคุง”รินพูดอย่างเป็นห่วง

    “รุ่นพี่”ซากุระตะโกนตาใส

    “ชิโร่”อาเธอร์เรียพึมพำ

    “การประกาศครั้งยิ่งใหญ่ของราชันเทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมีย เขาจะสามารถทำให้เป็นจริงได้หรือไม่”

    “ใช่”

    “เขาเป็นเหนือหัวของเรา”

    “สิ่งที่มาร์ดุกพูดเป็นจริง”

    “นี่ของโลกของท่าน คำพูดท่านคือกฎหมาย”

    เหล่าทวยเทพตะโกนอย่างดุเดือด ไม่มีใครเชื่อว่าสัตว์ร้ายของอลายาจะสามารถเอาชนะเทพเจ้าบาบิโลนได้แม้เขาจะสามารถสังหารมังกรของมาร์ดุกได้ก็ตาม

    “การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว”อลายาพูดขณะกัดเล็บ ริตสึกะ ริเนะ มาชู และคนอื่นๆเฝ้าดูอย่างคาดหวังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

    และเทพเจ้า....ฉันทิ้งความหายนะให้กับมนุษย์ชาติเพื่อให้พวกเขาเผชิญด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามี

    รถม้าแห่งพายุ

    มูบาลิตไรซ์

    บนท้องฟ้า เสียงคำรามและฟ้าร้องดังก้องไปทั่วดินแดนบาบิโลน เสียงม้าดังขึ้น ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นไปเห็นราชรถของเทพเจ้าลงมาจากท้องฟ้า

    เป็นม้าศักดิ์สิทธิ์4ตัวที่ออกเส้นทางเพลิง เดสทรอยเยอร์, อันเบรคเกอร์ ทัมปิ้ง สวิฟ สัตว์ร้ายเหล่านั้นไม่รู้จักความเหนื่อยล้า ทั้ง4ตัวบรรทุกรถม้าส่วนตัวของมาร์ดุกซึ่งเป็นคันเดียวกับที่เขารบกับเทียแมทในสมัยโบราณ

    “ม้าสวรรค์ตัวเดิม....ไอ้เด็กน้อยเจอปัญหา”คูฮูลินน์ขมวดคิ้ว เขามีรถม้าเป็นของตัวเอง แต่ม้าของมาร์ดุกมีพลังมากกว่าเป็นพันเท่า

    “ฉันเชื่อในตัวเขาคู”บาเซ็ตยืนยันแม้จะกังวล

    บุตรแห่งแสงของไอร์แลนด์ส่งเสียงกรนยิ้มอย่างสนุก 

    บีสต์ทำตาบูดบึ้ง ม้าจอดด้านข้างของนายและนายก็นั่งรถม้าอย่างใจเย็น มันเป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับมาร์ดุกบนรถม้าที่เคลื่อนที่เร็ว อย่างน้อยมังกรก็ใหญ่และช้า แต่ม้าถูกสร้างเพื่อสิ่งเดียว

    ความเร็ว

    เมื่อราชันแห่งบาบิโลนกุมบังเหียน ตัวเขาก็เต็มไปด้วยไฟที่ร้อนยิ่งกว่าดวงอาทิตย์

    นี่คือรถม้าสุริยะดั้งเดิมที่เทพเจ้าเช่นเฮลิออส อะพอลโล่และสุริยะเทพคนอื่นๆสืบทอดมาจากเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 

    เทพเจ้าสูงสุดกระตุกบังเหียนให้ม้าเริ่มวิ่งไปด้วยความเร็วเหนือแสง

    “ความเร็วระดับเทพน่ากลัวจริงๆ ม้าของท่านเบล มาร์ดุกเป็นม้าที่ดีที่สุด”ไฮม์ไดม์ตะโกนออกมา

    ต้องใช้ประสบการณ์และสัญชาตญาณเพื่อเดาการเคลื่อนไหวและหลบหลีกได้ทันเวลา แต่มาร์ดุกไม่ได้สนใจ แทนที่จะพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วที่มากกว่า

    “เวร”บีสต์สบถมองดูพื้นที่เริ่มดูเหมือนลาวาเดือดลดเส้นทางหนีของมนุษย์

    “ดินละลาย”ริทสึกะเห็นภูมิประเทศกลายเป็นลาวามากขึ้นเรื่อยๆ

    “ความร้อนของรถม้าเบล มาร์ดุกร้อนจนล้างพื้นดินได้”มาชูกล่าว

    “นั่นคือเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ เป็นไปได้ว่านี่เป็นแผนของเชามาตั้งแต่ต้น”

    เทพเจ้าสะบัดบังเหียนม้าเพิ่มความเร็วของรถม้าไปยังระดับสูงสุด

    “ตอนนี้แกจะทำยังไงมนุษย์?”มาร์ดุกพูดอย่างฉุนเฉียวมีรอยยิ้มเล็กๆ”เจ้ามีสองทางเลือก ถูกขยี้ด้วยรถม้าหรือโดนเผาทั้งเป็น อยากจะตายแบบไหน”

    “นี่คือจุดจบของตัวแทนมนุษย์ชาติหรือ”ไฮม์ไดม์ตะโกน

    บีสต์โฟว์จ้องมองเทพเจ้าบาบิโลนก่อนจะทำเรื่องสิ้นคิดสำหรับผู้ชมมากมาย....เขาวิ่งเข้าหารถม้าแสงอาทิตย์ของมาร์ดุกอย่างไม่ลังเล ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ชมทั้งหมด

    “สัตว์ร้ายวิ่งตรงไปหามาร์ดุก!? เขาบ้าไปแล้ว?”

    หลายคนเริ่มพึมพำเกี่ยวกับการกระทำของตัวแทนมนุษย์ชาติ คำเยาะเย้ยจากเทพเจ้าและเสียงก่นด่าของมนุษย์

    “เด็กนั่นเสียสติรึไง!?”เมเดียอุทานด้วยความตกใจ แม่มดแห่งการทรยศดึงผมเธอด้วยความหงุดหงิดกับการกระทำสิ้นคิด

    “ใจเย็นเมเดีย”เฮอร์คิวลิสพูดขณะดูการกระทำของสัตว์ร้าย”ต้องมีเหตุผลว่าทำไมเขาทำเช่นนั้น เชื่อใจเขาเถอะ”

    เมเดียมองเพื่อนเธอก่อนจะหัวเราะเยาะ เธอไม่สามารถคิดอะไรที่สมเหตุสมผลที่จะยอมรับการกระทำของบีสต์โฟว์

    “เขาพยายามจะทำอะไร?”อาโอโกะกอดอกอย่างสงสัย

    “ฉันไม่รู้ แต่นี่มันเข้าไปตายชัดๆ”อลายากัดเล็บด้วยความกังวล

    “ลุยเลยบีสต์ซัง ทุบหัวมัน!”กูดาโกะร้องเชียร์ปราศจากความละอาย

    "รุ่นพี่/กูดาโกะ/ริทสึกะจัง"มาชู อัจฉริยะสากลและราชาจอมเวทกล่าวตามลำดับพร้อมถอนหายใจ กูดาโอะหัวเราะเบาๆกับความบ้าของสาวผมแดง แต่ทุกคนโฟกัสไปที่การต่อสู้

    ทุกคนคาดหวังสิ่งที่บีสต์โฟว์จะทำเพื่อเอาชนะมาร์ดุก

    สำหรับหลายคน หนุ่มเสื้อแดงกำลังวิ่งเข้าไปหาความตาย แต่บุคคลที่รู้จักไม่ได้สนใจ เพราะสำหรับเขา เขาไม่ได้วิ่งผ่านดินแดนบาบิโลเนีย แต่กำลังวิ่งไปบนเนินเขาแห่งดาบ

    “เทรซออน”

    จิตใจของมนุษย์ที่บิดเบี้ยวกำลังค้นหาอาวุธที่จำเป็นและเหมาะสมเพื่อเอาชนะความทุกข์ยากบนสวรรค์แห่งนี้ซึ่งกำหนดโดยเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย มาร์ดุก

    และเขาได้พบมันวางอยู่มีปลายที่ถูกสาปติดอยู่ที่พื้นขณะที่ด้ามของมันชี้ขึ้นฟ้าแนวทแยงมุม

    ด้วยรอยยิ้มเขาถือมันขึ้นมาไว้ในมือ

    มีบางสิ่งที่ยาวเท่าหอกปรากฎขึ้นในมือของเขา แต่ใบมีดโค้งเป็นทรงกลม มันเป็นเคียวที่มีใบมีดเป็นดาบโค้ง สร้างความรู้สึกอึดอัดแก่เทพเจ้าและสัตว์เทพทั้งหมด โดยเฉพาะเทพยูเรนัสและเมดูซ่า

    เคียวสังหารผู้เป็นอมตะ

    เคียวแบบเดียวกับที่ไททันโครนอสใช้โค่นพ่อของเขาและดาบโค้งที่ดีมีเทอร์ไว้เก็บเกี่ยวพืชผล ดาบเทพเจ้าที่ถูกมอบให้กับเพอร์ซิอุสที่เอาชนะกอร์กอน....ชื่อของมันคือ

    ฮาร์ป


    “สิ่งนั้น”เมดูซ่ากอดตัวเองไม่ชอบอาวุธต้องสาปนั่นเลย และมีเหตุผลสมควรเพราะมันเป็นดาบเคียวที่ฆ่าเธอเมื่อหลายพันปีก่อน

    กอร์กอนที่อายุน้อยที่สุดถูกล่อลวงให้ลงโทษชายผมขาวที่เรียกดาบเล่มนั้น แต่ตัดสินใจจะให้อภัยเพราะเธอเข้าใจเหตุผลและพลังของฮาร์ป

    “ย๊าก!”เขาใช้กำลังทั้งหมดฟาดที่สายรัดม้าของ

    "ยังไง"เซธตกตะลึง

    “นั่นมันบ้าอะไรวะ!”ไกอาตะโกนตกใจ

    “ทางนี้จะไป ช่วยคืนทุนให้ข้าเถอะ”เทพหนุ่มร้องโหยหวน คางุสึจิไม่สนใจรูปลักษณ์ที่ไม่พอใจ

    แต่มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น

    บีสต์ยกตัวขึ้นไปบนอากาศ เนื่องจากความยาวของฮาร์ปมากกว่าม้าศักดิ์สิทธิ์ บีสต์หลบการโจมตีและลงมาบนม้าตัวหนึ่ง

    คนธรรมดามองอย่างตกใจขากรรไกรร่วงลงพื้นจากความสำเร็จของตัวแทนมนุษย์ชาติ

    “อะไร?”

    “คำนวณไว้แล้วเหรอ”

    “เยี่ยมมาก”อัลเควอุทานด้วยรอยยิ้มสดใส

    “ฉันต้องยอมรับว่าได้ผลดีทีเดียว จงภูมิใจที่ดาวินชี่จังอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ยกย่องคุณ ความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ"โลลิอัจฉริยะร้องอุทานอย่างตื่นเต้น

    “ฉันรู้เสมอว่ามันเป็นสื่อบันเทิงที่ยอดเยี่ยม”เซลเรซกล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่าเบื่อ

    เหมือนรอบก่อนหน้านี้ สายตาจของมนุษย์และเทพเจ้าเต็มไปด้วยความตกใจ

    “เป็นไปไม่ได้”เทพเจ้าตะโกนไม่เชื่อที่มนุษย์ได้กระทำสิ่งที่ฆ่าตัวตายเพื่อผ่านอุปสรรค

    รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ พูดกับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งบาบิโลเนียโดยปราศจากความเย่อหยิ่ง

    “บอกฉันทีซิ อมตะเลือดออกได้ไหม”

    มนุษย์พูดจบแล้วก่อนมาร์ดุกจะทำอะไรเขาก็เหวี่ยงดาบตัดหัวม้าสองตัวด้านหน้าและทำแบบเดียวกับม้าสองตัวด้านหลัง ฮาร์ปตัดมันเหมือนมีดหั่นเนยแข็งความสามารถมันเหมาะที่สุดที่จะใช้กับคนที่มีความอมตะ

    “ม้าของมาร์ดุกถูกตัดหัว ม้าที่มาพร้อมกับเทียแมทได้จบสิ้นลงแล้ว”

    “ไม่”เซฟานีอ้าปากค้าง

    “เอ๋? ดูเหมือนม้าของพ่อต้องหยุดใช้งาน”นาบูแสดงความเห็นด้วยรอยยิ้มขบขันเล็กน้อย

    “คงไม่เลวร้าย”เอนคิดูพึมพำ แม้เขาจะสนับสนุนมนุษย์ชาติ แต่ไม่ได้หมาบความว่าเขาเห็นด้วยกับการสังหารสัตว์เทพ

    “ไม่ต้องรู้สึกแย่สหายข้า”กิลกาเมซพูดด้วยรอยยิ้ม”การได้เห็นราชันเทพเจ้าตกหลุมพรางเฟคเกอร์เป็นความบันเทิงที่ดีที่สุดที่โลกมอบให้ข้าได้”

    ชายหัวเขียวเพียงส่ายหัวกับคำพูดของเพื่อน แต่ตัดสินใจจะไม่หักล้างคำพูดของเขา เขาสบตากับซุนดูรีผู้ซึ่งยิ้มให้เขาอย่างขบขันกับท่าทีของราชาแห่งวีรชน พวกเขาตกลงจะไม่รบกวนเขาชมการต่อสู้ไป

    เทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมียตกตะลึงไปชั่วขณะม้าที่ต่อสู้กับเทียแสทร่วมกับเขาโดนมนุษย์เพียงคนเดียวตัดหัว ความสำเร็จที่เป็นไปไม่ได้ แต่มันเกิดขึ้นต่อหน้าเขา

    ไม่ เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา มาร์ดุกไม่สามารถมองเขาแบบนั้นได้อีกต่อไป มันจะเป็นการดูถูกม้าและเทียแมท ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาต้องพิจารณามนุษย์ตรงหน้าในฐานะมนุษย์ที่น่ากลัว มนุษย์ที่....ไร้ชื่อ แต่มีอาวุธมากมาย ความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติเกิดมาเพื่อทำร้ายเทพเจ้า....ความชั่วร้ายของโลกนี้!!

    เขาต้องตาย

    มาร์ดุกสาบานว่าจะฆ่ามนุษย์ตรงหน้า

    ชายผมขาวอยู่บนหลังม้าตัวหนึ่งที่ยังวิ่งต่อไปแม้ไม่มีศีรษะ เป็นความสามารถอย่างหนึ่งที่แม้จะเหนื่อยหรือตายม้าพวกนี้จะไม่หยุด แต่เมื่อไม่มีหัว พวกมันไม่สามารถวิ่งได้เต็มสปีดและวิ่งเป็นเส้นตรงได้เท่านั้น

    บีสต์ยกเคียวขึ้นพร้อมจะผ่าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

    "บีสต์คิดจะจบศึกในทันที ฮาร์ป ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้ามอบให้กับวีรบุรุษกรีก เป็นอาวุธยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจสังหารเทพ"ไฮม์ไดม์อุทานด้วยความตื่นเต้นกับการพัฒนาที่ไม่คาดคิด

    "เอาเลยไอ้หนู"ซาซากิร้องอุทานอยากเห็นเทพเจ้าโดนหั่นเป็นชิ้นๆ

    "มาดูกันว่าผลจะเป็นยังไง"EMIYAดูทุกอย่างจากในเงามืด

    "โฟวๆๆ"โฟร์ร้องอุทานสนับสนันชัยชนะของเพื่อน

    แต่....

    เช่นเดียวกับมนุษย์ที่มีอาวุธมากมายในสต็อก....เทพเจ้ามีอำนาจสูงสุดในโลกซึ่งเขาสามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้

    เพลิงสุริยัน

    มนุษย์แทบไม่มีเวลาแปลกใจเมื่อคำเดียวออกจากปากเทพเจ้า ทำให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ดังก้องทั่วโคลอสเซียมสร้างความตกตะลึงให้กับฝูงชน รถม้าสุริยะของเขากลายเป็นโบรเคนแฟนทาสม์ซึ่งเป็นการโจมตีสุดท้าย

    "ช่างเป็นการกระทำที่คาดไม่ถึง มาร์ดุก ราชาเทพเจ้าถูกต้อนจนมุมและถูกบังคับให้ทำลายรถม้าของเขาเอง"

    "โอ้ นี่ไม่ทำให้น่าตื่นเต้นกว่านี้เหรอ"เทอร์ร่ากล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เขามีความสุขอย่างมากกับภาพตรงหน้าเขา

    เขาไม่ใช่เทพเจ้าคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น นอกจากเขาแล้วอามาเทราสึ ไรจิน ซูซาโนะโอ ฮอรัสและเทพเจ้าองค์อื่นๆที่ไม่ต้องการให้มนุษย์สูญสิ้นไป พวกเขารู้สึกมีความหวัง

    ในทางกลับกัน เทพเจ้าองค์อื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่เซฟานีหรือนาบู คาดว่าราชันแห่งเมโสโปเตเมียจะใช้กลยุทธ์สิ้นหวังแบบนี้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าถ้าเขาจะฆ่ามนุษย์ผู้นี้ มาร์ดุกควรใช้พลังทั้งหมดในการกำจัด

    บีสต์กระเด็นไปหลายเมตร มือของเขามีโล่ขนาดใหญ่เป็นรูปไม้กางเขน เขาตอบสนองต่อการระเบิดรถม้าพลังงารแสงสร้างโล่เพื่อป้องกันตัวเอง

    มันเป็นโล่ที่ยอดเยี่ยมสร้างโดยอัศวินโต๊ะกลมผู้กล้าหาญที่สุด ความแข็งแกร่งไม่มีวันลดลงตราบใดที่จิตใจของผู้ใช้ยังต่อสู้ การป้องกันของมันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของจิตใจ

    และบีสต์มีจิตใจเป็นดาบ

    โล่แห่งอัศวินโต๊ะกลมเปล่งรัศมีให้ทุกคนตื่นตากับพลังปกป้องของมัน


    มันคือโล่ของสุภาพบุรุษใน"ตำแหน่งว่าง"บนโต๊ะกลม สำหรับผู้แสวงหาจอกศักดิ์สิทธิ์ โล่ที่เซอร์กาลาฮัทเรียกป้อมปราการแห่งยูโทเปียอันห่างไกล กำแพงสีขาวของคาเมล็อทที่เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์รวมตัวเคียงข้างราชาผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวของพวกเขา

    “โล่ของอัศวินจอก ความแข็งแกร่งเทียบได้กับกำแพงสีขาวบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่ของคาเมล็อท ชายคนนี้มีอาวุธกี่ชิ้น”

    “ทำได้ดีมากชิโร่”อาเธอร์เรียอุทานเสียงกระซิบด้วยความโล่งใจ

    “โล่ของเซอร์กาลาฮัท...น่าประทับใจ”เซอร์เพอร์ซิวัลพึมพำมือลูบคาง

    “ความสามารถขนาดนั้น”เซอร์กาเวนตาเปล่งประกายสดใส

    “บางทีอาจเป็นพลังของเขาในฐานะสัตว์ร้าย?“แลนเซล็อตพูดอย่างไม่มั่นใจ เซอร์กาลาฮัทลูกชายของเขาข้างๆไม่ได้แสดงความเห็น

    อัศวินจอกมองไปยังที่ของมาชู เขารู้มีบางคนไม่พอใจที่เขาทิ้งเธอ แต่งานของพี่น้องร่วมสาบานนั้นชั่วนิรันดร์

    “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเราต้องรอดู”เซอร์เบดิเวียร์พูดอย่างใจเย็น

    แต่อัศวินที่มีแขนสีเงินกำลังประหลาดใจกับวิธีที่กษัตริย์ของเขามองและรู้สึกหวั่นไหวกับความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ

    กลับไปที่การต่อสู้ระหว่างเทพสุริยะกับสัตว์ร้ายของอลายา แม้ฝ่ายหลังจะโดนระเบิดรุนแรงแต่ด้วยโล่ของเซอร์กาลาฮัท ชายผมขาวสามารถป้องกันตัวจากความเสียหานหนักได้ และโดนส่งกระเด็นไปไกลหลายเมตร

    เมื่อบีสต์กลับมาตั้งตัวได้มองดูจุดที่รถแสงอาทิตย์ระเบิดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนซึ่งมาร์ดุกน่าจะอยู่ ม่านควันบดบังตัวเทพเจ้าเอาไว้

    บีสต์ขมวดคิ้วขณะเฝ้าดูควันที่บดบังการกระทำของราชาเทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมีย สัญชาตญาณและประสบการณ์มากมายในการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองบอกว่าจะมีสิ่งที่ทรงพลังและอันตรายมากปรากฎขึ้น

    เขาแทบไม่ต้องรอเมื่อควันถูกกลืนโดยแสงอาทิตย์ที่เผาผลาญทุกสิ่งและขยายใหญ่ขึ้น แม้แต่ผู้ชมก็รู้สึกถึงความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นนรก ทุกคนเฝ้าดูดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

    “ว้าว มันร้อน”กูดาโกะหายใจไม่ออกเพราะอุณภูมิที่เริ่มสูงขึ้น แม้แต่วิญญาณวีรชนก็มีเหงื่อไหล่จากความร้อน

    “ได้น้ำอัดลมก็ไม่เลว”กอดอล์ฟพึมพำเหงื่อแตกเหมือนหมู

    “ใช่แล้วเพื่อนหมูตอน”อาโอโกะพูดหันไปมองพ่อมดแห่งหอนาฬิกา”คุณมัวรออะไรอยู่? ใช้เวทมนตร์ของคุณสร้างอะไรบางอย่างนอกจากเรื่องตลกของคุณ”

    “หึๆ คราวนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ”เซลเรซกระแทกไม้เท้ากับพื้นเปิดใช้งานเวทมนตร์ที่แท้จริงของเขา

    คาไลโดสโคป

    เวทมนตร์ลำดับที่2ซึ่งเป็นหนึ่งในเวทมนตร์ที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อหาทางไปสู่อาคาช่า รากเหง้าของสรรพสิ่ง

    มันถูกใช้เพื่อมอบเครื่องดื่มเย็นๆให้มนุษย์ทุกคนรวมทั้งเทพเจ้าด้วย แม้ว่าบางขวดของเหลวแทนที่จะเป็นฟอง กลับเป็นซอสร้อนแทน

    เพราะโลกคู่ขนานไร้ที่สิ้นสุด

    ต่อหน้าสายตาคนทั้งโลก ดวงอาทิตย์แห่งการทำลายล้างเริ่มมีขนาดเล็กลงเมื่อมันลอยอยู่บนจุดสูงสุดของท้องฟ้า เผยให้เห็นมาร์ดุกที่ถือคันธนูสีทอง ดวงอาทิตย์ก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นลูกศรแสงที่ร้อนมาก


    “โอ้ ไอ้เด็กเวรยังมีชีวิตอยู่”เด็กชายผมขาวพูดติดตลก

    “ท่านมาร์ดุกให้ความสำคัญกับการดวลครั้งนี้ เขาจะใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดควบคู่ไปกับความเชี่ยวชาญในการยิงธนู”ไฮม์ไดม์ประกาศอย่างตื่นเต้น เขาไม่ได้เห็นมาร์ดุกสู้ด้วยธนูมานานแล้ว

    ครั้งสุดท้ายคือที่ต่อสู้กับเซฟาร์เมื่อ12000ปีก่อน ซึ่งวิหารแพนธีออนของกรีกถูกโจมตีและเกือบจะถูกยึด พวกเขาต้องเรียกร้องให้เบล มาร์ดุกทำลายด้วยดาบของเขาเป็นหนทางสุดท้าย มันเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เทพเจ้าสนุกมากในเวลานั้น แต่ตั้งแต่นั้นมาทุกอย่างก็น่าเบื่อ ไม่มีการต่อสู้ ไม่มีความขัดแย้ง ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องจำเจ

    จนกระทั่งตอนนี้

    นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเริ่มแร็กนาร็อค

    เพราะมันเบื่อหน่ายจริงๆ

    “ในนามดวงอาทิตย์และข้าเรียกลงมาเพื่อให้ศัตรูของข้า...มอดไหม้!”มาร์ดุกพูดร่ายทำให้ลูกศรเปล่งแสงและพลังมากขึ้น

    เขาเรียกสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจเขาในฐานะเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย....การอัญเชิญเทพเจ้า

    เขากำลังเรียกพลังของเทพเจ้าระดับล่างที่จำได้ว่าเขาคือเทพเจ้าสูงสุด และเทพเจ้าที่ได้รับเลือกให้แทงอย่างไร้ปราณีและทำให้มนุษย์เป็นขี้เถ้าคือ...

    ชาแมชหรือรู้จักในชื่ออาร์ตู น้องชายฝาแฝดของอิชทาร์ ซึ่งตัวสั่นนั่งถัดจากพี่สาวของเขาอิชทาร์และเอเรซติกัล ซึ่งมองเขาด้วยความกังวลขณะที่เห็นเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียเรียกร้องอำนาจของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ระดับต่ำกว่าต่อสู้กับความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ

    “พลังของข้าเป็นของท่านเทพเจ้าแห่งสุริยะ”ชาแมชพูดด้วยความเคารพขณะคุกเข่าและกระแทกศีรษะกับพื้นทำให้ราชันแห่งเมโสโปเตเมียใช้อำนาจเขาได้เต็มที่และไม่มีข้อจำกัดใดๆ

    “นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าทำไมจึงเป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่”

    ผู้เฝ้าดูดวงอาทิตย์ ผู้ตามล่าสัตว์มหึมา

    “อาซารุลูดูชาแมช ฮูวาบา”

    ลูกธนูพุ่งไปเหมือนลำแสงด้วยความเร็วระดับทวยเทพพุ่งไปที่เป้าหมายเดียวราวกับตั้งใจทำลายล้างเมืองทั้งเมือง แต่จุดมุ่งหมายมันคือ เจาะกะโหลกศีรษะของมนุษย์ที่กล้าเผชิญหน้ากับเทพเจ้า เหนือสิ่งอื่นใดมันคือการลงทัณฑ์จากเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย

    “เอมิยะคุง”รินร้องอุทานจากการโจมตีรุนแรงของเทพเจ้าบาบิโลน

    “รุ่นพี่”ปฎิกิริยาเดียวกันจากสาวผมม่วง

    “ชิโร่”เมดูซ่าร้องขึ้น กอร์กอนต์สัมผัสได้ถึงพลังต่อต้านสัตว์อสูรในลูกศร

    “การโจมตีโดยตรงใส่สัตว์ร้ายของอลายา เขาจะสามารถรับมันไว้ได้เหมือนก่อนหน้านี้หรือจะพ่ายแพ้ใต้เทพเจ้า”

    แต่บีสต์โฟว์ไม่ได้กังวลกับสถานการณ์นี้ ยังคงยิ้มให้กับความกังวลของผู้ชม 

    “เทรซออน”

    โลหะทรงกลมลอยอยู่เหนือมือของชายผมขาว วัตถุนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับเทพเจ้าเซลติก แต่สำหรับบาเซ็ตเธอยิ้มกว้าง หมาเฝ้ายามของอุลเตอร์แสดงสีหน้าดุดันและขบขัน ขณะที่ราชาองค์ใหม่ของเทพเจ้าเซลติก และบิดาของเซตันตะ ลูดท์ ดวงตาเขาส่องประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    “ข้าไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เห็นมนุษย์คนอื่นนอกจากฟราก้าที่เขาให้พรเมื่อนานมาแล้วใช้ดาบแสนรักของเขา”

    “นั่นใช่ที่ข้าคิดรึเปล่า”ไฮม์ไดม์เบิกตากว้าง เขาไม่ได้คาดคิดว่าอาวุธชิ้นนี้จะปรากฎ

    “แน่นอนมนุษย์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ”ลูพึมพำอย่างครุ่นคิดขณะเฝ้ามองสัตว์ร้ายของอลายา

    “และอีกมากมาย....ท่านรู้ไหม? ข้ารักชายคนนั้น”มอร์กาน่า เทพธิดาแห่งความตายกล่าว ต้องการคนแทนที่เทพเจ้าแด็กดาที่หายตัวไปก่อนหน้านี้โดยความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญมากมายจากมุมมองของเทพธิดา

    เทพธิดาและหญิงบางคนมองที่เทพธิดาเซลติกอย่างไม่เป็นมิตรจากคำพูดที่ชัดเจนของเธอ แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้สนใจมากนักเกี่ยวกับความหึงหวงของคนเหล่านั้น

    “โอ้ นี่เยี่ยมมาก”คูฮูลินท์มีรอยยิ้มกระหายเลือด

    “ดาบของเทพเจ้าแห่งสงครามปรากฎขึ้นเพื่อมนุษย์ชาติอีกครั้ง”บาเซ็ตพึมพำมองดูบีสต์โฟว์บรรจุกระสุนปืนของลู

    ขณะที่ลูกศรพุ่งเข้ามา ทรงกลมที่ลอยเหนือมือของมนุษย์เริ่มสร้างและเพิ่มพูนไฟฟ้าอย่างรุนแรงซึ่งมีรูปร่างเป็นใบมีดแหลมคมรวมทั้งสลักรูนบนใบมีด ขณะที่วงแหวนมีอักษรรูนอยู่ข้างในลอยอยู่รอบๆฐานของใบมีดคล้ายกับวงแหวนดาวเสาร์


    “นั่นมัน...”

    “เป็นไปไม่ได้”

    “ชายคนนั้นเป็นใคร”

    เขาเพิกเฉยต่อความเห็นของผู้ชม สัตว์ร้ายของอลายายกหมัดชกทรงกลมทำให้ดาบพุ่งเข้าหาศัตรู สร้างความตกตะลึงให้กับหลายคนที่ไม่รู้จักอาวุธชิ้นนี้และสร้างความประหลาดใจให้กับเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียที่จดจำดาบเล่มนั้นได้

    แต่มันสายไปแล้ว

    พลังที่ใช้เมื่อกระทบทรงกลมและพลังที่เล็ดลอดออกมา ถุงมือของเขาถูกเผาจนเกือบจะไหม้มือของเขา แต่ดาบพุ่งไปเร็วกว่าศรของมาร์ดุก

    ฟลาการัช

    สไตรค์ลาสต์ สไตรค์เฟิร์ส

    “ดาบแห่งแสงของเทพเจ้าลู!!”ไฮม์ไดม์ประกาศเสียงดังก้องทำให้ทุกคนรู้ถึงศาสตราทรงอานุภาพ

    ดาบแห่งแสงของไอร์แลนด์พุ่งด้วยความเร็วสูงสกัดกั้นลูกศรสุริยะของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และเมื่อทั้งสองปะทะกัน ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ทำลายการโจมตีของเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย มันไม่หยุดเพียงเท่านั้นและพุ่งเข้าหามาร์ดุก

    “มาร์ดุก!!!”ภรรยาอุทาน ด้วยตาทิพย์เธอรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้มาเยือนสามีของเธอ

    นาบุยังเงียบด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก ข้างๆเขาคางุสึจิมีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย

    “ลูกชาย”เออาพึมพำด้วยความกังวล

    พระศิวะ, เซธ, ไกอาและเทพเจ้าอื่นๆมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าซึ่งดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ 

    “ฟลาการัสทำลายการโจมตีของเทพเจ้าและตอนนี้เขาตั้งใจจะตอบโต้ด้วยการโจมตีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเขาเอง”

    เทพเจ้าแห่งบาบิโลนสัมผัสได้ถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้เขาและรับรู้ถึงดาบที่เป็นของเทพเจ้าองค์หนึ่งที่สืบทอดอำนาจดวงอาทิตย์และพายุ ลู เทพแสงของไอร์แลนด์ เขาเริ่มใช้พลังอำนาจของเขาเพื่อตอบโต้การโจมตีคู่ต่อสู้

    เพราะโลกนี้อยู่ใต้อำนาจของเขา

    พื้นที่รอบฟลาการัชเริ่มโค้งงอเป็นผลมาจากอำนาจของราชันแห่งบาบิโลนพยายามจะต่อต้านดาบของลูที่จะแทงทะลุหัวใจของเป้าหมาย การอยู่ในดินแดนบาบิโลนทำให้เขามีอำนาจเพิ่มขึ้น

    “เอ๋? เกิดอะไรขึ้น? ดาบของเทพลูดูเหมือนจะโค้งงอ”ไฮม์ไดม์กล่าวอย่างตกตะลึง ดาบแห่งเทพเจ้าสงครามรู้จักกันดีว่าทะลวงหัวใจได้อย่างแม่นยำ

    ดวงตามาร์ดุกลุกโชนด้วยเปลวไฟสีทอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาใช้อำนาจสูงสุดของเขาซึ่งเป็นมาเบิ้ลแฟนทาสม์เพื่อต่อสู้กับดาบ

    ดาบที่จะพุ่งทะลวงหัวใจหักเหอย่างน่าอัศจรรย์ต่อหน้าผู้ชมทั้งหมดที่ตกตะลึง

    แต่....โลหิตของเทพเจ้าไหลออกมา

    “ท่านมาร์ดุกเลือดออก!?”ไฮม์ไดม์ตะโกนอย่างตกตะลึงและตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น เทพเจ้าแห่งบาบิโลนไม่เคยเลือดไหลสักครั้งตั้งแต่เขาต่อสู้กับเทพธิดาองค์เดิมของเมโสโปเตเมีย

    “ท่านพ่อเลือดออก”นาบูกล่าวด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง

    “โอ้ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”คางุสึจิอุทานด้วยความสนุกสนาน เขาใกล้จะได้รับเงินคืนและการแก้แค้น แก้แค้นต่อสวรรค์ที่สาปส่งเขา

    “ทำได้ดีเฟคเกอร์ ไม่เลวสำหรับไอ้เลียนแบบอย่างแก จงยินดีที่ได้รับความเคารพ”กิลกาเมซมีความสุขที่เทพเจ้าหลั่งเลือด สำหรับราชาแห่งอูรุก เฟคเกอร์ก็พอๆกับภัยพิบัติ แต่ความเกลียดชังต่อเทพเจ้ามีมากกว่า และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นเทพเจ้าสูงสุดแห่งบาบิโลนได้รับบาดเจ็บจากของปลอมอย่างความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ

    “เยี่ยมไปเลยบีสต์ซัง”กูดาโกะร้องชูหมัด

    “นั่นคือสัตว์ร้ายของฉัน ของฉัน และของฉันเท่านั้น”ตัวแทนที่สองของเคาเตอร์กาเดี้ยนพูดอย่างหน้าด้านและบอกความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติเป็นของเธอเอง

    “รู้สึกแปลกที่สนับสนุนสัตว์ร้ายในฐานะแกรนเซอร์แวนท์ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยอมรับ”โซโลมอนยิ้มเล็กน้อยขณะดูการต่อสู้ถัดจากโลลิดาวินชี่

    “ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้น”เมอร์ลินตอบด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

    ฉันหวังว่าเขาจะชนะอย่างรวดเร็ว....หรือร่างกายของเขาจะสร้างดาบอนันต์

    พื้นเริ่มสั่นสะเทือนชายหัวขาวออกจากความคิด บีสต์สังเกตรอยแตกเริ่มเปิดขึ้น

    “อะไร?”มนุษย์มองคู่ต่อสู้เขา

    “ใช่ แกทำมันแล้ว”EMIYAพูดจากในเงามืดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    “มันไม่ใช่เรื่องใหม่”โคจิโร่ยิ้มบางๆกับการทำให้เทพเจ้าโกรธ

    ผู้ชมทุกคนตัวสั่นเมื่อเห็นร่างของเทพเจ้า เทพเจ้าสูงสุดที่ให้โอกาสมนุษย์ชาติในการคุ้มครองอย่างนอบน้อม....สิ่งที่สมบูรณ์แบบแต่แรก

    เทพเจ้าหลั่งเลือดจากน้ำมือของมนุษย์....ยอมรับไม่ได้

    “ความผิดที่มนุษย์กระทำต่อราชาเทพเจ้าจะถูกลงทัณฑ์”

    สายตาฆาตกรรมที่มาร์ดุกมอบให้บีสต์ยืนยันคำพูดของไฮม์ไดม์ 

    ด้วยอำนาจของเทพเจ้าสูงสุด

    ข้าขอเรียกขานเทพเจ้าอีกครั้บ....แต่แทนที่จะเรียกพลังแห่งดวงอาทิตย์ มาร์ดุกเรียกพลังแห่งยมโลก

    ข้าขอเรียกประตูแห่งความตาย....

    เอเรซติกัลตัวสั่น อิชทาร์มองเธอด้วยความกังวล

    “เทพเจ้าสูงสุด สิ่งอื่นใดที่อยู่เบื้องล่างสวรรค์เป็นของท่าน....แม้ข้าจะเป็นราชินีแห่งยมโลก ท่านคือผู้ตัดสินว่าวิญญาณใดจะลงมายังอาณาจักรข้า”เทพธิดาผมบลอนด์กล่าว ยอมให้เทพเจ้าบาบิโลนเข้าถึงดินแดนยมโลกได้เต็มที่

    เธอไม่อาจหักล้างคำสั่งของเขาได้ เพราะโลกนี้คำพูดของมาร์ดุกคือกฎหมายและผู้มีอำนาจสูงสุด

    คูล คิกัล อิลคาดูร่า

    รอยแตกบนพื้นเริ่มปรากฏมือโครงกระดูกขนาดมหึมาเพื่อจับและลากเขาสู่แดนยมโลก แต่ปฏิกิริยาที่รวดเร็วของสัตว์ร้ายแห่งอลายาทำให้เขาหลบได้อย่างสง่างาม

    “สุดยอดมาก! เบล มาร์ดุกได้เข้าควบคุมดินแดนยมโลกเพื่อฉีกวิญญาณจากสัตว์ร้ายของอลายา”

    แต่มือผีเริ่มเพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อยและดุร้ายมากขึ้น 

    “โอ้ ช้า....ช้ามาก”บีสต์กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะหลบไปเรื่อยๆ

    “นี่มันแย่....ถ้าเขาโดนจับได้ก็จบเห่”เฮอร์คิวลิสพูด ในฐานะวีรชนที่เดินทางไปกลับยมโลกเมื่อฮาเดสเป็นผู้ปกครอง เขาเห็นว่าดินแดนแห่งความตายเลวร้ายแค่ไหนสำหรับชาวกรีก คูร์หรืออีร์กัลลาสำหรับชาวเมโสโปเตเมีย

    เขาเองก็เคยเห็นเธเซอุส ลูกพี่ลูกน้องของเขาติดอยู่และถูกทรมาณในสถานที่แห่งนั้น มันเป็นเพียงความเมตตาหรือความไม่สนใจที่ฮาเดสมีต่อวีรชนที่ปล่อยให้เขาจากมาได้โดยไม่มีปัญหามากนัก 

    “ตอนนี้เจ้ามองโลกในแง่ร้าย”เมเดียพูดกับเพื่อนเก่า”ถ้าเจ้าเชื่อมั่นในตัวเขาก็จงเชื่อใจเขาว่าจะผ่านพ้นสิ่งนี้ไปได้”

    เฮอร์คิวลิสจ้องมองแม่มดเงียบครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างสนุกสนานทำให้หลานสาวของไททันดวงอาทิตย์หงุดหงิด

    “ลืมไปเจ้าแพ้ทางวีรชนงี่เง่า”

    “หุบปาก!!”อดีตภรรยาของเจสันกรีดร้องด้วยความโกรธ บุตรชายของซุสหัวเราะกับปฏิกิริยาของแม่มด

    สัตว์ร้ายของอลายายังหลบหลีกมือยักษ์ของยมโลกจนกระทั่งเขาโดนล้อมไว้ทุกด้าน

    “ฟ่อ!!”

    “ชิโร่”เมดูซ่าพูดอย่างกังวลกระดิกหางอย่างประหม่า

    “ไม่”อลายาอุทาน

    “โอ้ บีสต์โฟว์ถูกต้อนจนจมุมแล้ว มาร์ดุกจะได้แก้แค้นและพึงพอใจที่ได้จบชีวิตคู่ต่อสู้หรือไม่”

    @@@@@@@@@@

    จนกว่าจะถึงสงครามครั้งต่อไป

    สามพี่น้องได้ผ่านความยากลำบากร่วมกันจนถึงจุดจบของสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ และได้มายังใต้ดินของวัดริวโด

    เพื่อปลดปล่อยความชั่วร้ายทั้งหมดของโลกนี้

    อาเธอร์เรียได้จากไปด้วยรอยยิ้มหวังว่าจะได้พบฝักดาบของเธออีกครั้ง

    คูฮูลินน์กลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือด

    EMIYAเผชิญหน้ากับเงาอย่างเต็มที่ แต่การทำภารกิจของอลายาในขณะปกป้องริน ในที่สุดเขาก็ฝากให้ตัวเขาสมัยเด็กจัดการต่อ

    เมดูซ่าเข้าร่วมกับสามพี่น้องเพื่อช่วยซากุระแม้กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดกอร์กอนต์

    เมเดียคลุ่มคลั้ง ร่างกายเสื่อมสภาพและจิตใจแตกสลาย สิ่งที่เธอเห็นคือเจสันและความเกลียดชังเธอก็เพิ่มพูน....จนเธอถูกกำจัด

    ซาซากิ โคจิโร่ถูกสังเวยเพื่ออัญเชิญทรูแอสซาซินออกมา

    เฮอร์คิวลิสถูกย้อมด้วยเงาจนความบ้าคลั่งเพิ่มพูนไปอีกระดับ....แต่เขายังปกป้องนางฟ้าหิมะ

    กิลกาเมซ....ตายด้วยความประมาท

    และวีรชนที่คุกเข่าอยู่หน้าจอกศักดิ์สิทธิ ร่างกายของเขาถูกทำลายด้วยดาบที่ออกมาจากร่างกายและอันอื่นๆที่แทงเขาเป็นของขวัญจากราชาทองคำ

    มิยุ

    น้องสาวเขาอยู่ในชุดสีดำแดง

    @@@@@@@@@

    “เทรซออน”วงจรเวทของบีสต์สว่างไสวเป็นสีฟ้า ขณะเขายกมือขึ้นรอยแตกก็เริ่มก่อตัวและสร้างรูปร่างเป็นอาวุธชิ้นเดียวที่ทำลายเขตแดนแห่งความตายทั้งหมดด้วยคมของมัน

    หอกที่ไม่มีวันลืมของบิดาทุกคน

    “นั่น....เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม”เฟรย่าอุทานไม่อยากเชื่อเมื่อหอกที่มีชื่อเสียงมากในแพนธีออนของเธอปรากฏขึ้นในมือสัตว์ร้ายของอลายา

    แม้แต่เบลกิมและวิด้ายังอ้าปากค้างกับการปรากฎของหอกบิดาผู้ล่วงลับในแร็กนาร็อค

    มันเป็นสีทองสุกใส อักษรรูนถูกแกะสลักบนใบมีดและด้ามจับซึ่งทำมาจากกิ่งไม้ขนาดใหญ่ มันเป็นอาวุธของราชาแห่งแอสการ์ดและพินาศในยามสนธยาของเหล่าเทพนอร์ส

    “กุงนีล”แล้วความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติก็ปลดปล่อย”การประกาศสงครามของมหาเทพแห่งความตาย”

    ทั้งหมดเพื่อตอบโต้อำนาจของยมโลกที่ปิดล้อมเขา หอกของโอดินมีพลังน้อยกว่าเก โบลก์เรื่องอำนาจการยิง แต่....ระยะโจมตี ความเร็วและความสามารถของมันเพิ่มโอกาส2เท่า

    หอกมีลักษณะเฉพาะที่ทำให้มันมีอำนาจสูงสุดในบรรดาหอกทั่วโลก

    หอกนั้นถูกสร้างมาเพื่อขว้าง

    แม้มันไม่สามารถใช้ได้ในระยะประชิด แต่คุณค่าที่แท้จริงของหอกของโอดินก็เผยเมื่อมันถูกขว้าง

    มาร์ดุกพยายามใช้อำนาจสูงสุดของเขาอีกครั้งกับอาวุธบีสต์ แต่ความเร็วกุงนีลเหนือกว่าฟราการัสหรือเก โบลก์

    กุงนีลตัดมาร์ดุก

    ราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมโสโปเตเมียไม่ได้บาดเจ็บเพียงครั้งเดียวแต่ถึงสองครั้ง

    “สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ เราเป็นพยานเหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มาร์ดุกไม่ได้รับบาดเจ็บเพียงครั้งเดียว แต่ถึงสองครั้ง”


    รออีก50%


    “มาร์ดุก”เซฟานีพึมพำ

    “เป็นไปไม่ได้”ไกอาอุทานอย่างกระวนกระวาย

    “มันไม่ได้อยู่ในวิสัยทัศน์ของข้า”เซท ราชาแห่งทะเลทรายมีสีหน้าว่างเปล่า

    “ว้าว สนุกดี”คางุสึจิพูดอย่างอารมณ์ดีรู้สึกที่ราชาเทพได้รับบาดเจ็บ

    “มนุษย์ที่ไม่ใช่มนุษย์”เฟรย่าพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม

    การทำร้ายเทพแห่งดวงอาทิตย์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ยังถึง2ครั้ง บางคนคิดว่ามันเป็นโชคช่วยในครั้งก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ทุกคนตระหนักได้ว่าสัตว์ร้ายของอลายาสามารถสู้กับเทพเจ้าสูงสุดได้อย่างทัดเทียม

    อย่างไรก็ตามหอกไม่ได้ระเบิดร้ายแรง แต่แตกต่างจากฟลาการาส ตรงที่มีการโจมตีสำคัญกว่าดาบแห่งเทพเจ้าสงครามซึ่งมันเฉือนผ่านเทพเจ้าสูงสุดและเรียกเลือด

    “จอมเวทระดับนั้น...”

    “เจ้าสังเกตเห็น”โซโลมอนมองแคสเตอร์คู่หู่ของเขา บทสนทนาดึงความสนใจคนที่อยู่ในห้อง

    ทางด้านเซลเรซแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัยทำให้ได้รับสายตาสงสัยและรำคาญจากอัลเควและอาโอโกะ ผู้หญิงทั้งสองรู้จักปรมาจารย์แห่งเวทมนตร์ลำดับ2เป็นอย่างดีและรอยยิ้มนั้นบอกว่า”ฉันรู้บางอย่างที่พวกนายไม่รู้”ซึ่งทำให้หลายคนหงุดหงิด รวมถึงอลายาที่สังเกตเห็นรอยยิ้มของแวมไพร์

    คนอื่นๆหันมามองแกรนแคนเตอร์ทั้งสองคน

    “คุณหมายถึงอะไร”กูดาโกะถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

    เวทมนตร์ของบีสต์โฟว์มีพลังมากหรือไม่”มาชูถามอย่างกังวลว่าในอนาคตต้องเผชิญสัตว์ร้ายของอลายาหรือไม่

    พวกเขาไม่หวัง แต่บางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกยิ่งกว่าแฟนเก่า

    “ค่อนข้างตรงข้าม”เมอร์ลินยิ้มเล็กน้อย”เป็นเวทมนตร์ที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในโลก”

    “หา?”ริทสึกะสับสนกับจอมเวทแห่งบริเตน

    “แต่เมื่อกี้นี่คุณดูประหลาดใจกับเวทมนตร์”กอร์ดอล์ฟพูดสับสนเหมือนคนอื่น

    “นั่นเพราะเขานำเวทมนตร์ที่ไรัประโยชน์ดีงขึ้นสู่ระดับใหม่”ดาวินซี่ตอบรู้สึกว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง

    “ตามที่วิศวกรอัจฉริยะบอก”โซโลมอนพูดด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ”เวทมนตร์ที่บีสต์ใช้คือการวิเคราะห์โครงสร้าง แต่ถูกยกระดับขึ้นด้วยเวทเสริมพลังและต้นกำเนิด”

    “เช่นอะไร”

    “การเสริมพลังของเขาอยู่ในระดับที่เขาสร้างแบบจำลองของโนเบิลแฟนทาสม์ได้

    เทพเจ้าบาบิโลนไม่สนใจความเจ็บปวด พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาพุ่งขึ้นสูงเป็นสัญญาณว่าเขาจะปลุกพลัมของเทพเจ้าอีกองค์นึงภายใต้บัญชาของเขาเพื่อกำจัดมนุษย์

    ช่องว่างมิติเปิดออกเหนือนักรบทั้งสอง ทุกคนมองดูอวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาวและดาวเคราะห์

    "สวรรค์เปิดกว้างสำหรับเทพเจ้าสูงสุด บีสต์จะรอดการโจมตีนี้หรือไม่"

    เวลาเดียวกับที่ไฮม์ไดม์พูด อิชทาร์ตัวสั่นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับชาแมชและเอเรซติกัล ราชาเทพเจ้าได้ใช้พลังของวีนัส

    "หนึ่งในชายไม่กี่คนที่ไม่เห็นค่าความรักของข้าและเอาน้องสาวข้าไปเป็นภรรยาแทน....เดาว่าข้าคงไม่มีทางเลือก"เทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์บ่นด้วยความรำคาญ

    การทำลายล้างโลกจากท้องฟ้า

    อัน กาล ทา คิกาล ชุ(ฟืนสะเทือนภูผาแห่งดาวพระศุกร์)

    และแล้วพลังจากอวกาศก็โจมตีมนุษย์อย่างไร้ปราณี ลำแสงของพลังเข้มข้นถูกยิงออกไปยังบีสต์ของอลายา

    "ชิโร่"อาเธอร์เรียร้องอย่างกังวล เช่นเดียวกับเธอ ริน ซากุระ บาเซ็ต เมดูซ่าและคนอื่นๆก็มีสีหน้าคล้ายกัน

    คนอื่นเช่นคู ฮูลินน์, เฮอร์คิวลิส , ซาซากิ แม้แต่EMIYAก็ตึงเครียดกับการโจมตีของเทพเจ้าสูงสุด

    แต่มนุษย์ที่ถูกเรียกขานว่าความชั่วร้ายของมนุษย์....เขาเอาชนะความทุกข์ยากนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับครั้งนี้

    @@@@@@@@@@

    สิ่งนั้นมาจุติบนเนินเขาแห่งดาบ

    พบร่างของชิโร่ที่ริมแม่น้ำพร้อมกับดาบปริศนา แต่สิ่งที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่คือความปรารถนาของมิยุ

    เมดูซ่าพบเขาและพากลับไปที่บ้านเอมิยะอย่างระมัดระวังเพื่อช่วยเขา อิลิยาได้ใช้พลังเวททั้งหมดเพื่อให้วิญญาณในตัวเขา แต่ตอนนี้มันเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมและมหัศจรรย์ที่ยังรักษาวิญญาณได้

    ด้วยการใช้การเชื่อมต่อกับนางฟ้าหิมะและความช่วยเหลือของรินในการหาร่างตุ๊กตาที่เหมาะสมซึ่งทำโดยนักเวทบางคนที่เกลียดนักเวทที่แท้จริง

    ในที่สุดอิลิยาใช้อาภรณ์สวรรค์เพื่อถ่ายโอนวิญญาณของน้องชายไปยังร่างใหม่ มันค่อนข้างง่ายแต่เด็กผมขาวมีปัญหาในการใช้เวทมนตร์ที่แท้จริงของตระกูลเธอ

    วงจรเวทมนตร์ของพวกเขาเริ่มเสื่อมลงไม่มีทีท่าจะหยุด

    ชิโร่ ริน ซากุระและเมดูซ่าพยายามเต็มที่เพื่อช่วยเธอ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ การปรับสภาพของปู่ได้สร้างเธอเพื่อให้เธอถูกทำลายล้างสำหรับลูกสาวของคิริทซึงุ

    ดังนั้นที่พวกเขาทำได้คือปลอบโยนเธอ

    ผ่านไป1ปี เด็กสาวผมขาวตาปิดลง มือเธอถูกจับโดยน้องชายที่ร้องไห้ไม่หยุด

    เขาได้สูญเสียครอบครัวของเขา คิริทซึงุ มิยุ และตอนนี้อิลิยา....มันยากเกินกว่าเขาจะแบกรับไหว

    แต่

    "มีชีวิตต่อไปชิโร่....ฉันรู้มีเหตุผลที่เธอรอดมาได้จนถึงตอนนี้"หญิงสาวพูดด้วยท่าทางว่างเปล่า เธอมองไม่เห็นอีกต่อไป แต่เธอไม่สน เธอมีบางอย่างที่สำคัญจะพูด"ฉันรักคุณ....ฉันจะไปเจอมิยุกับพ่อ"

    "อิลิยา"เขาร้องสะอึกสะอื้น

    ในที่สุดนางฟ้าสีขาวก็ยิ้ม

    "ฉันพอใจแล้วล่ะ"

    และนางฟ้าก็ไปสู่โลกแห่งจินตนาการและความสุขชั่วนิรันดร์ของเธอ อวาลอนที่ห่างไกลได้เปิดประตูในที่สุด

    @@@@@@@@@

    ธนูสีดำของบีมต์โฟร์ปรากฏขึ้นในมืออีกครั้งและเขาก็คุกเข่าลง

    นี่เป็นหนึ่งในการยิงที่ยิงใหญ่ที่สุด

    การยิงนี้ต้องใช้สมาธิทั้งหมดของเขา....เขาอาจฆ่าตัวตายได้

    มือขวาเขาสร้างดาบที่จะเผชิญหน้าเทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมียในครั้งนี้

    ความร้อนปกคลุมสนามไปถึงที่นั่งชม....ความร้อนนั้นมากพอๆกับมาร์ดุก

    อุณภูมิสูงจนเสื้อคลุมสีแดงกลายเป็นขี้เถ้าเหลือเพียงกางเกงที่ยังอยู่

    “ตอนนี้....ดาบเล่มนั้น....มันคือสัตว์ประหลาด”เฟรย่าพูดด้วยตัวสั่น สัญชาตญาณเธอบอกให้หนีไป นี่คือดาบที่เอาชีวิตเฟรย์น้องชายที่รัก และในที่สุดก็เป็นอาวุธที่โลกิเคยใช้เพื่อทำลายโลกทั้ง9

    มันคือดาบที่รวมทั้งสาม เซิร์ต, เฟรย์ และโลกิ มีลักษณะคล้ายรองโกมิเนียตโดยมีข้อจำกัด9ประการ มันแทนแต่ละโลกและต้องปลดลิมิตเพื่อดึงพลังของอาวุธทำลายล้างที่ทรงพลังที่สุดของสแกนดิเนเวียออกมา

    ดวงตาสกาดี้สว่างขึ้นพยายามหลีกหนีจากทุกสิ่ง แต่รูปลักษณ์ของดาบทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เธอเปิดปากท่องคำพูดศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนได้ยิน

    แอสการ์ดได้รับการอนุมัติ

    ศัตรูต้องเป็นเทพเจ้า

    ศัตรูเขาคือมาร์ดุก เทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

    อัฟเฮมได้รับการอนุมัติ

    จิตวิญญาณของผู้ใช้ต้องบริสุทธิ์

    แม้มีความยากลำบาก แต่จิตวิญญาณของเขาก็สะท้องแสงเมื่อได้รับความสดใสจากผู้อื่น

    มิดการ์ดได้รับการอนุมัติ

    ผู้ใช้ต้องไม่ได้มีความเป็นมนุษย์

    แม้ว่าเขาจะต่อสู้เพื่อมนุษย์ชาติและครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์ แต่ในฐานะความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ เขาไม่ใช่มนุษย์

    วานาไฮม์ได้รับการอนุมัติ

    การต่อสู้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน

    เขาเป็นหนึ่งในความหวังของมนุษย์ชาติที่ต่อสู้เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอด

    โยทันไฮม์ได้รับการอนุมัติ

    มอนสเตอร์ต้องเข้าใจ

    คาธ พาลัคถูกมองว่าเป็นสัตว์ประหลาดสำหรับบางคน แต่สำหรับบีสต์แห่งอลายา มันเป็นสาเหตุทำให้เธอยังคงต่อสู้ต่อไป มันคงไม่มีเหตุผลจะเรียกเขาว่าเพื่อนที่ดีที่สุด....ไม่นับอิซเซย์ แน่นอนนั่นเพื่อนที่เขาดื่มชาด้วยทุกเช้า

    เฮลไดม์ได้รับการอนุมัติ

    ต้องรู้จักความชั่วร้ายทั้งหมดของนรก

    ชายคนนี้เป็นคนแรกที่หน่วยความจำเห็นนรกบนโลกและจากความทรงจำรุ่นอื่นของตัวเอง เขาสัมผัสขุมนรกมามากมาย

    นีวาเลเฟียได้รับการอนุมัติ

    เจตจำนงของผู้ใช้มากกว่าฝ่ายตรงข้าม

    เจตจำนงของเขาคือเหล็กกล้า ความมุ่งมั่นของเขาคือเหล็ก และความพากเพียรของเขามีความแกร่งดุจเพชร เจตจำนงของเขาไม่มีวันสั่นคลอน ชายคนนี้ไม่รู้จักยอมแพ้

    มุสเพลเฮมได้รับการอนุมัติ

    มันต้องเกิดจากไฟ

    เกิดจากเปลวไฟคำสาปที่สร้างโดยเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายและความมืด อังรี มายู

    นิฟเฮมได้รับการอนุมัติ

    ต้องมีความปรารถนาเบื้องหลังอย่างใดอย่างหนึ่ง

    เขาอยากเป็นผู้ผดึงความยุติธรรม โง่เง่าแต่จริงใจ

    “ไปเลยลิเวียธาน!”ชายผมยาวปล่อยดาบจากคันธนูทำให้แขนของเขาไหม้ คลื่นกระแทกส่งมนุษย์ลอยไป

    “รุ่นพี่”ซากุระร้องอย่างตื่นตระหนก

    แต่หลายคนจับจ้องธนูที่ยิงออกไป

    “เหมือนกับว่ามันเป็น....ธนูเอง”เฮอร์คิวลีสพูดอย่างประหลาดใจ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงธนูและเป็นหนึ่งในมือธนูที่เก่งที่สุดในกรีซ มีเพียงไอไรอ้อน ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ทัดเทียมหรือเหนือกว่า

    “นั่นเป็นทักษะมากมาย”ซาซากิพึมพำกับตัวเอง เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธนู แต่เขาอ่านคนเก่งและความสามารถเขาบอกได้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่า

    ลูกศรสังหารยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าพุ่งขึ้นสูงใส่ศัตรูที่ตกลงมาจากฟ้า

    เมื่อทั้งสองปะทะกันก็เกิดคลื่นกระแทก

    “การปะทะพลังช่างรุนแรงอะไรขนาดนี้ อาวุธใหม่ของบีสต์โฟร์สามารถปะทะกับศาสตราเทพของเทพเจ้า มีอะไรที่ชายคนนี้ทำไม่ได้บ้าง”ไฮม์ไดม์กล่าวด้วยความยินดีกับความลันเทิงมากมายที่เธอได้รับจากความพากเพียรที่ตัวแทนมนุษย์ชาติคนที่3แสดง

    ความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติลุกขึ้นยืนอีกครั้งแม้การหายใจเขาจะตอดขัดและรอยแตกบนร่างกายของเขาก็เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะที่แขนและใบหน้าของเขา

    “ชิโร่”บาเซ็ตพูดมองสภาพย่ำแย่ของเขา

    ร่างกายชายผมขาวได้รับผลกระทบจากการสร้างอาวุธในตำนานมากมายเพื่อตอบโต้เทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมีย

    มาร์ดุกเริ่มหายใจแรงขณะที่สายตาเทพเจ้าองค์อื่นๆนิ่งเงียบและกังวล โดยเฉพาะจากภรรยา พ่อ และแม่ของเขา ความโกรธเริ่มเข้าครอบงำเทพเจ้าบาบิโลนเมื่อถูกมองว่าอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้

    คางุสึจิยิ้ม ไม่ซ่อนความสุขที่ได้เห็นภาพตรงหน้า

    "จำไว้มาร์ดุก ไม่มีชัยชนะใดได้มาโดยไร้ความเจ็บปวด"

    พลังของมาร์ดุกพุ่งขึ้นเขาได้ยินคำของเทพเจ้าแห่งไฟอย่างชัดเจนและไม่รู้สึกขบขัน ความโกรธกลืนกินทำให้ท้องฟ้าแตกเป็นเสี่ยงๆเหมือนกระจกแตกทำให้ช่องว่างมันใหญ่ขึ้นต่อหน้าทุกคน

    และด้วยเหตุนี้

    ดาวหางดวงเดียวล้างบางมนุษย์ชาติ

    เซฟานีตัวสั่น

    "โอ้ ที่รักของข้า พลังของข้าเป็นของที่ท่านใช้ได้อิสระ"

    "นินนา เบลติยา อารูรู"

    ดวงดาวจำนวนหนึ่งเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า อย่างไรก็ตามไม่ว่าภาพจะสวยงามแค่ไหน พลังของแต่ละดาวรุนแรงเกินกว่าจะรับได้

    บรรดาผู้ห่วงสวัสดิภาพของความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติเริ่มสิ้นหวังกับความรุนแรงของการโจมตีจากเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียปลดปล่อยใส่สัตว์ร้ายของอลายา เมื่อถึงจุดนี้ผู้สังหารเทียแมทไม่มีความเมตตาและอ้างหัวของสัตว์ร้ายตัวที่สองเป็นถ้วยรางวัล

    "มาร์ดุกทำให้ท้องฟ้าพังทลายด้วยพลังของเขา ท่านต้องการฆ่าความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติมากหรือไม่"

    บีสต์กัดฟันขณะยืดตัวตรงและยกมือซ้ายที่เรือแสงสีฟ้า

    กระนั้นชีวิตนี้จะไม่มีวันเปล่งประกายเจิดจ้าและสว่างไสวอีกต่อไป

    หลังจากการตายของอิลิยา ชิโร่ได้ตัดสินใจเดินทางไปเรียนที่หอนาฬิกา การต่อสู้ระหว่างโทซากะกับอเดลเฟลท์ทำให้เขาสนุกสนานเล็กน้อย

    นอกจากนี้เขาเข้าร่วมภารกิจกับจอมเวทอิสระที่ชื่อบาเซ็ต และร่วมกับเพชรฆาตของศาสนจักรที่ใกล้ชิดกับเด็กหนุ่มชื่อเซล(Ciel - ไม่รู้ออกเสียงถูกไหม ไม่เคยดูไทป์มูนเรื่องนี้)

    ภารกิจประสบความสำเร็จ สร้างชื่อให้ตัวเองมากพอๆกับราชินีหอนาฬิกาลอเรเรย์

    เขาเป็นที่รู้จักในฐานะ....นักเวทเหล็กพิโรธ

    แต่หนึ่งในภารกิจที่กำหนดมาโดยปรมาจารย์เวทเซลเรซ เขาพาเขาไปที่ป่าที่เขาพบสิ่งมีชีวิตสีขาว

    มันดูเหมือนกระรอก แต่ขณะเดียวกันเหมือนสุนัข 

    "โฟวๆๆ"สัตว์ร้องเมื่อเห็นชิโร่

    "เฮ้ ใจเย็น เจ้าบาดเจ็บเหรอ?"เขาบอกเจ้าตัวสีขาว ไม่กี่ปีมานี้ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนอาเชอร์ มันเข้าหาชิโร่อย่างระมัดระวัง

    "โฟวๆๆ"

    "โฟร์ นั่นชื่อนายเหรอ?"เขาได้รับการพยักหน้าเล็กน้อยจากสิ่งมีชีวิตที่ชื่อโฟร์"ฉันคิดว่ามันดีกว่าที่แกจะออกจากที่นี่และรักษานาย"

    เขาได้พามันไปที่ปลอดภัย ในที่สุดเขากลายเป็นสัตว์เลี้ยงและเพื่อนของเขาจนกระทั่ง....

    แวมไพร์สายเลือดแท้และอัครสาวกเริ่มโจมตีเขาอย่างต่อเนื่องทั้งหมดเพราะต้องการสัตว์คู่บารมีไกอา ซึ่งก็คือโฟร์ และยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นแคธ พาลัส

    จอมเวทเหล็กพิโรธเอาชนะพวกเขาทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงพลังที่ชนะวิญญาณวีรชนในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์

    แต่สิ่งที่แลกคือ....ชีวิตของเขา

    เอมิยะ ชิโร่นอนพิงต้นไม้หายใจแรงจากอาการบาดเจ็บ ดวงตาของเขาเหลือบขึ้น เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ดูคล้าย

    พี่สาวของเขา

    "โฟว"โฟร์ร้องไห้ให้กับเพื่อนคนเดียว

    "โฟร์"จอมเวทยิ้มลักษณะเดียวกับคิริทซึงุได้ยินเมื่อช่วยเขา"เจ้าปลอดภัย...ข้าดีใจ..."

    นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเขา

    "โฟร์ โฟร์ๆๆๆ"

    "เสียใจแค่ไหนที่เห็นเจ้าร้องไห้คาส พาลัส"เสียงชั่วร้ายด้านหลัง สัตว์ร้ายของไกอา

    โฟร์หันไป....พบกับราชาปีศาจ

    เกอร์เทีย

    สวมใส่ร่างกายของโซโลมอน

    "แต่ไม่ต้องกังวลข้าจะใช้ร่างกายของเขาให้เป็นประโยชน์"ความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติกล่าวค่อยๆเดินเข้ามาพร้อมจะใส่เมล็ดพันธ์ปีศาจไว้ในร่างไร้ชีวิตของชายผมขาว ความสามารถเขาเป็นประโยชน์ในการเร่งการสูญพันธุ์ของมนุษย์ชาติ

    แต่เมื่อเขากำลังเข้าใกล้ โฟร์....ร้องคำรามกลายร่างเป็นผู้สังหารเทพพยายามปกป้องร่างกายของเพื่อน

    "ข้าเข้าใจ"โซโลมอนปลอมพูด

    คาส พาลัสหันไปหาเพื่อนของเขาและใช้พลังเธอแบ่งปันให้กับมนุษย์ช้าๆ เอมิยะ ชิโร่ประหลาดใจที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือการได้เห็นโฟร์ในฐานะผู้สังหารเทพและโซโลมอนจอมปลอมต่อหน้าเขา

    ทันใดนั้นโฟร์กลับเป็นร่างเล็กของเขาและสลบไป เอมิยะ....ไม่สิ บีสต์โฟร์ยกเขาขึ้นมาเหลือบมองบีสต์วันอย่างอันตราย

    "เจ้าจะสู้กับข้ารึ? เจ้าต้องการสู้กับสัตว์ร้ายและทำลายดินแดนหรือไม่"

    "นั่นไม่ใช่ภารกิจของข้า แต่ข้ารู้ว่าเจ้าจะถูกหยุด"

    "โอ้ อะไรทำให้เจ้าพูดแบบนั้น?"

    "ฮีโร่มักมาสายเสมอ"บีสต์โฟร์ตอบก่อนจะจากไป

    หลังจากนั้นก็เหมือนที่เขาพูด เกอร์เทียได้เผชิญหน้ากับริทสึกะและกูดาโกะ และหญิงสาวที่ถือโล่ของกาลาฮัท

    หลังการเผชิญหน้าแห่งชะตากรรม เอมิยะ ชิโร่ได้มาถึงสำนักงานของเซลเรซเพื่อขอความช่วยเหลือ....เพื่อพาโฟร์ไปยังโลกที่ไม่มีใครต้องการพลังของเขา

    สถานที่ที่จะมีความสุข

    บีสต์ของไกอาประท้วง แต่บีสต์ของอลายาในอนาคตสามาถเปลี่ยนใจเขาได้

    ในที่สุดโฟร์มายังสถานที่ที่เรียกว่าคาลเดียและมีความสุขกับยัยแว่น(มาชู)และหนุ่มสาวที่ช่วยเหลือมนุษย์ชาติจากการสูญพันธุ์

    ในทางกลับกันเอมิยะ ชิโร่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก่อนจากไปด้วยรอยยิ้ม

    และปรากฏในดินแดนดาบอนันต์ของเขา

    "พี่ชาย"เสียงหญิงสองคนที่ชายผมขาวรู้จักดีและอยากได้ยิน

    เอมิยะ ชิโร่ไม่มีอะไรจะขอไปมากกว่านี้

    @@@@@@@@@@@

    "อะไรน่ะ"

    "ดาบมากมาย"

    ผู้ชมมองดูรอบๆบีสต์ของอลายา มีดาบนิรนามจำนวนมากที่ออกแบบแตกต่างกัน ดาบตะวันตกไปถึงดาบตะวันออก เก่าและใหม่

    ทั้งหมดเพื่อต่อกรกับเทพเจ้า

    "ไป!!!"

    ด้วยคำสั่งง่ายๆของเหล็กกล้าแห่งมนุษย์ชาติ เส้นแสงสีฟ้าไปปะทะกับแสงสวรรค์ของเทพเจ้า

    "เปรี้ยงๆๆๆตูมๆๆๆเคร้งๆๆ"

    ผู้ชมได้แต่เฝ้าดูความพิศวงขณะที่ดาบปะทะกับดวงดาวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้ที่สิ้นสุดเหมือนระบำแห่งความตายที่พลาดครั้งเดียวอาจถึงตาย

    "พ่อมีคู่แข่ง"นาบูกล่าว

    "เป็นไปไม่ได้ นั่นคือมาร์ดุก! ราชาเทพเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุด!"ไกอาอุทานอย่างตื่นตระหนกกับบุตรชายของเทพเจ้าสูงสุด

    "ท่านไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเรา"วิษณุกล่าวทำหน้าบูด เขาเป็นหนึ่งในผู้ประเมินมนุษย์ต่ำเกินไป แต่เมื่อเห็นเทพสุริยะถูกต่อกรทำให้มีแต่ต้องยอมกลืนคำพูด

    "เขามีพลังอะไรถึงสามารถทำซ้ำอะไรแบบนี้"เฟรย่ามองชายผมขาว

    "ยอดเยี่ยม"คางุสึจิอุทานยกแขนขึ้นอย่างสนุกสนาน เขาถูกจ้องมองจากอิซานางิ และเทพเจ้านอกรีตไม่สนใจแม้แต่น้อย"ไม่รู้ว่าทำไม แต่เด็กชายคนนั้นทำให้ข้าภูมิใจ"

    ไม่มีใครประท้วงเทพเจ้าแห่งไฟ ทุกคนจดจ่อกับความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติที่สามารถทัดเทียมราชันเทพเจ้าได้

    มาร์ดุกเองขมวดคิ้วเมื่อสหายเทพของเขาบอกว่าเขากำลังมีคู่ต่อกร เทพเจ้าบาบิโลนเห็นว่าอีกฝ่ายสูสีกับเขาทั้งด้านพลังและความเร็ว เขาตัดสินใจเพิ่มพลังให้กับการโจมตีมากขึ้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยเปลวไฟสีขาว

    "เร็วขึ้น"คูฮูลินน์อุทานขมวดคิ้ว เขาสังเกตได้ว่าเทพเจ้าเพิ่มพลังและความเร็ว คนอื่นๆเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้

    สัตว์ร้ายแห่งอลายาขมวดคิ้ว มันยากขึ้นเรื่อยๆที่จะตามให้ทัน แต่สิ่งต่างๆเลวร้ายลงเมื่อดาวดวงหนึ่งตกลงมาเจาะเข้าที่ไหล่ขวา

    "ชิโร่"อาเธอร์เรียตกใจกับเหตุการณ์ รินกับซากุระก็เหมือนราชาอัศวิน

    "สาปแช่งโชคแรงค์E"EMIYAบ่น ตัวเขาขึ้นชื่อเรื่องดวงซวยจริงๆ

    จากนั้นอีกสองลูกชนเข้าที่ท้องและอีกอันที่หัวของเขาทำให้เขามีบาดแผลสาหัสเหมือนมาร์ดุก

    "ชิโร่"เมดูซ่าอุทานด้วยความกลัวเอากรงเล็บปิดตาไม่อยากเห็นเขาเจ็บ

    "บีสต์ซัง"กูดาโกะ ริทสึกะและมาชูร้องพร้อมเพรียงกัน

    "ระเบิด!!!"

    และมันก็เกิดขึ้น อาวุธทั้งหมดที่สัตว์ร้ายของอลายาส่งมาจากสวรรค์เริ่มระเบิดสร้างกำแพงกั้นระหว่างดวงดาวและพื้นดิน ยื้อเวลาให้บีสต์โฟร์ฟื้นตัว

    น่าเสียดายที่ความโกรธเกรี้ยวของมาร์ดุกไม่ยอมปล่อยเขา

    "มีการเสนอบททดสอบใหม่ของมนุษย์ชาติ! น้ำท่วมกลับมาเพื่อทำลายทุกชีวิตบนโลก"

    "มาร์ดุกไม่มีความเมตตา เขาใช้มหาโลกาวินาศกับบีสต์โฟร์ต่อไป"ไฮม์ไดม์อุทาน

    มาร์ดุกยกธนูขึ้นเล็งไปที่เท้าของชาวผมขาว อีกฝ่ายมองเขาอย่างสับสนก่อนจะเบิกตากว้าง

    "พลังของข้าเป็นของลูกชายเสมอ ตั้งแต่เจ้าเกิด"เออากล่าวโค้งคำนับ

    "อาชาร์รุเอน กิอาสุ!"

    ทุกคนเห็นการเคลื่อนไหวเมื่อลมพัดมาบรรจบกันรอบความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ เขาเป็นศูนย์กลางของพายุเฮอร์ริเคน

    "ตายซะเถอะมนุษย์"

    "เทรซออน..."

    และแล้ว

    อาเรส เทพเจ้าแห่งสงครามสั่นสะท้าน

    "ไม่...มันเป็นไปไม่ได้..."เขาตะโกนเมื่อแกนศักดิ์สิทธิ์ของเขาตอบสะนองต่อการปรากฏตัวของอาวุธใหม่ในมือชายคนนั้น

    ดาบแห่งอนาคต แต่มีขอบสามสีเหมือนไลท์เซเบอร์ของจริงต่อหน้าทุกคน


    อย่างไรก็ตามรูปร่างมันไม่ใช่ดาบ แต่เป็นสว่านเลเซอร์ เขาใช้ฟังชั่นนั้นเล็งไปที่ท้องฟ้าเหนือเขา เมื่อทำเช่นนั้นวงเวทขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือพายุที่กำลังจะซัดชายผมขาว

    "เทียร์ดรอป โฟรตอนเรย์"

    ควิรินัสลืมตาขึ้น พลังที่แท้จริงของดาบพ่อเธอ

    อัลเทร่าจ้องมองไปที่ภาพนั้นอย่างไม่สบอารมณ์

    "ก็ไม่ได้แย่"

    โบดิก้าเริ่มเหงื่อตก การใช้อำนาจของเทพเจ้าองค์หนึ่งต่ออีกองค์หนึ่ง

    "คนอะไรช่างเหลือเกิน....ข้าชอบเขา"เธอพูดโดยอาจลืมไปว่ามันเป็นอำนาจเทพเจ้ากรีก-โรมัน

    มาร์ดุกอ้าปากเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร เขาทำได้เพียงใคร่ครวญเมื่อดาบแห่งแสงขนาดยักษ์ก่อตัวจากอำนาจเทพเจ้าแห่งสงครามมาร์ส หรืออาเรสสำหรับชาวกรีก ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าชนกับพายุ

    ทุกอย่างกลายเป็นสีขาว

    "หวา เกิดอะไรขึ้น?"ไฮม์ไดม์ร้อง

    แต่ไม่นานทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ

    สัตว์ร้ายของอลายาคุกเข่าอยู่บนพื้น แต่มาร์ดุกไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดี ตาขวาของเขามีบาดแผลขนาดใหญ่

    เห็นชัดว่าการโจมตีจากดาวอังคารมาถึงเขา

    "ข้า....ข้าเบื่อแล้ว...การดึงรงอยู่ของเจ้าเป็นการดูหมิ่นเทพเจ้า ข้ายอมรับว่าคิดผิดสำหรับเจ้าและสำหรับสิ่งที่ข้าชดใช้...แต่ตอนนี้ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างคู่ควร....เหมือนสัตว์ร้าย"

    ทันใดนั้นท้องฟ้าและทะเลกลายเป็นสีทอง มันเป็นทะเลทองคำซึ่งสามารถกลืนบีสต์โฟร์ได้

    "นี่คือ..."ไฮม์ไดม์พูด แต่ความประหลาดใจทำให้เขาชะงักเล็กน้อย

    เทอร์ร่าขมวดคิ้วอยู่ข้างสนามในช่วงสุดท้ายนี้ แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบ

    "มันคืออำนาจของเทียแมท...อำนาจที่มาร์ดุกขโมยมาจากเธอเมื่อเขาฉีกเธอจากข้างในและกินหัวใจ....ผู้มีอำนาจที่สุดในทะเลแห่งชีวิต"

    "อับ คาล ลานี เบล เทียแมท"

    พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นสีทองยกเว้นจุดที่สัตว์ร้ายของอลายาอยู่ นี่เป็นการโจมตีด้วยการทำลายโลกทั้งใบและใช้เพื่อสังหารคนคนเดียว

    มันเป็นวิธีเดียวที่จะฆ่าความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติให้สนิท

    แต่แม้มีการโจมตีรุนแรงเช่นนี้พุ่งใส่เขา แต่สัตว์ร้ายแห่งอลายาไม่ได้ทำอะไรนอกจากคุกเข่าลง พวกมนุษย์เริ่มสิ้นหวังเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนั้น

    ทุกคนล้วนคิดถึงความพ่ายแพ้....ยกเว้นคนคนเดียว

    "เฟคเกอร์"เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวของราชาแห่งวีรชนดังก้องไปทั่วสนาม

    "นั่งทำอะไรอยู่ เจ้าอยากตาย? อย่ามาล้อเล่นกับข้า แสดงคุณค่าของมนุษย์ชาติเฟคเกอร์ หรือข้าจะลงไปด้วยตัวเองและให้เจ้าได้รับบทลงโทษที่เหมาะสมสำหรับการตายเหมือนสวะ"

    โคลลอสเซียมตกตะลึงกับสิ่งที่กิลกาเมซพูด ก่อนเสียงหัวเราะที่ว่างเปล่าจะดังขึ้นเงียบๆ

    "กิลกาเมซ เจ้ามีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ในจุดเอกพจน์ของบาบิโลเนีย มันเผาเจ้ามากจนข้ามีที่ว่าง มาเยือนที่นี่เพื่อต่อกรกับเทพเจ้าสูงสุดของดินแดนเจ้า"บีสต์โฟร์พูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันถอนหายใจลึกๆ"ข้าแค่หลงทาง....ข้าอยากจะบอก"

    มาร์ดุกตะลึงชั่วครู่กับการกระทำของงฝ่ายตรงข้าม แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงจริงๆคือสิ่งที่เขาจะทำต่อไป

    บีสต์ยกมือขวาขึ้นและเส้นเชื่อมต่อทับซ้อนกับทะเลแห่งความตาย

    "ข้าไม่อยากจะตายอีกแล้ว...แต่ถ้าข้าหนีไปข้าคงเป็นพวกงี่เง่า นั่นคือเหตุผลที่ข้าจะใช้โนเบิลแฟนทาสม์ชิ้นสุดท้าย ที่นี่และเดี๋ยวนี้"เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม ผู้ชมตระหนักว่าในที่สุดก็ได้เห็นไม้ตายที่แท้จริงของสัตว์ร้ายของอลายา

    "ทั้งหมดที่ข้าต้องการคือ...ไม่ให้ใครต้องเสียน้ำตา ฉันยอมรับว่ามนุษย์อ่อนแอและโง่เขลา มันเป็นเพียงความเพียรพยายามของเราที่ทำให้เราแข็งแกร่ง นั่นคือเหตุผลที่ข้าไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อคนที่ไม่เชื่อในอนาคตของมนุษย์ชาติ"

    คำพูดของบีสต์โฟร์ทำให้ผู้คนเต็มไปด้วยความหวัง ได้แต่มองเขาอย่างชื่นชม

    คำพูดนี้ทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ในสายตาคนทั้งโลก

    เป็นการเปลี่ยนกฏของดาวเคราะห์และปฏิเสธโลก

    โลกแตกเหนือทะเลสีทองแห่งชีวิตและเปลวไฟสีฟ้าปะทุขึ้นจากรอยแตกเหล่านั้น การปะทุกลืนกินทั้งมาร์ดุกและบีสต์โฟร์ แสงไฟทำให้ทุกคนตาบอด

    "เกิดอะไรขึ้น นี่คือไม้ตายสุดท้ายของสัตว์ร้ายของอลายาเหรอ"ไฮม์ไดม์ร้อง

    และโลกก็....เปลี่ยนไป

    แสงจ้าหยุดลงในที่สุด ทุกคนต้องกระพริบตากับภาพตรงหน้า

    ดินแดนเหล็กไร้ที่สิ้นสุด

    สนามรบแห่งดาบอนันต์

    โลกนิรันดร์

    ดินแดนแห้งแล้งของบาบิโลนได้หายไปแทนที่ด้วยทุ่งหญ้ากว้างและพืชพรรณ มีแม้กระทั่งเนินเขาสูง ภูเขาเล็กๆ ต้นไม้ ก้อนหิน ฯลฯ แต่ทิวทัศน์สวยงามถูกทำลายด้วยเหล็กกล้า มีดาบจำนวนนับไม่ถ้วนถูกตอกเหมือนหลุมฝังศพของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่และทรราชในดินแดนสีเขียวที่เต็มไปด้วยความสงบสุข แต่ละคนรอคอยเวลาจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

    บางที วันนี้อาจเป็นวันนั้น

    "นั่นคือ....?"ไฮม์ไดม์ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี

    สิ่งที่แปลกตาแต่ในเวลาเดียวกันก็เข้ากับทุกอย่างที่นี่คือฟันเฟืองขนาดเล็กใหญ่ฝังอยู่บนพื้นหรือโยนไประหว่างดาบ เฟืองเป็นสนิมและเต็มไปด้วยมอสสีเขียว

    มันเป็นโลกแห่งชีวิตและเหล็กกล้าที่หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์

    "มันสวยงาม"คางุสึจิพูดด้วยเสียงกระซิบขณะที่มองทุ่งหญ้าไร้ที่สิ้นสุด เทพธิดาอย่างเฟรย่า, มอกาน่า , อิชทาร์, เอเรซติกัล และแอชเทียร์ อดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับเทพแห่งไฟ

    ในทางตรงข้าม เทพและสิ่งมีชีวิตอื่นจากอีกด้านหนึ่งของโลกมองด้วยความหวาดกลัวกับโลกใหม่ตรงหน้าพวกเขา ที่แย่ที่สุดคือไกอาที่เหมือนจะเห็นร่างที่แท้จริงของ

    "นี่คือ...."มาร์ดุกพูดเมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาถูกทำลายสลายไปในพริบตา

    "จิตวิญญาณของฉัน"

    ทุกคนหันไปเมื่อได้ยินเสียงสัตว์ร้ายของอลายา ชายผมขาวยืนอยู่บนเนินเขาซึ่งมีดาบที่ทำมาอย่างสวยงามฝังอยู่ในก้อนหินข้างชายคนนั้น

    "นี่คือโลกภายในตัวฉัน จิตวิญญาณของฉัน"เขาสะบัดผมขึ้นให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจ สีหน้าดูดีขึ้น บาดแผลหลายแห่งและรอยแตกบนร่างกายเขาได้รับการเยียวยาเล็กน้อย

    แต่ดูเหมือนเขาจะขบขันเมื่อเห็นสีหน้ามาร์ดุกที่มองเขา

    "นี่คือ....สิ่งที่เจ้าซ่อนไว้ตลอดเวลา"มาร์ดุกอุทานด้วยความโกรธ

    "การแลกเปลี่ยนบุคคลกับกลุ่ม จิตนาการและความเป็นจริง ภายในภายนอก จริงและเท็จ ศาสตร์เวทที่ปรับสภาพได้ใกล้เคียงกับเวทมนตร์ที่แท้จริง ข้อห้ามในหมู่ข้อห้าม ความลึกลับท่ามกลางความลับของจอมเวท"สัตว์ร้ายของอลายาพูดไม่สนใจรูปลักษณ์และน้ำเสียงของคู่ต่อสู้เขา

    "เขตแดนเฉพาะตัว"มาร์ดุกกล่าวเสียงพิษ

    กิลกาเมซยิ้มมีตาทิพย์ช่วยให้เขาเห็นผลลัพย์นี้ แม้ว่ามันจะทำให้เขาหงุดหงิดที่พ่ายแพ้ในโลกคู่ขนานด้วยเวทมนตร์ของเฟคเกอร์ แต่แปลกที่มันเหมาะสมที่สุดที่จะเอาชนะเทพเจ้า

    ราชาแห่งอุรุกเรียกป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลมออกมา คนของเขาเอนคิดูและซิดูริมองดูอยู่ด้านข้าง ตอนนี้เขาอารมณ์ดี

    พระราชาจะได้รับความบันเทิง

    "ใช่....นี่คือเวทมนตร์เดียวที่เอมิยะ ชิโร่สามารถใช้ได้"

    ทุกคนกระพริบตาเมื่อได้ยินชื่อที่แท้จริงของความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ อาเธอร์เรีย ริน ซากุระ บาเซ็ตและเมดูซ่าต่างก็ยิ้มกว้าง พวกเธอมีความสุขมากที่เขาจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร ริทสึกะ กูดาโกะและมาชูเขียนชื่อเพื่อขอข้อมูลของเขาและอัญเชิญมาที่คาลเดีย

    "ข้าเข้าใจแล้ว...เจ้าเลือกที่จะตาย!!"มาร์ดุกตะโกน รังสีอำมหิตกลายเป็นหอกพุ่งไปหามนุษย์

    จากนั้นหอกทั้งหมดสลายไปด้วยดาบทองคำที่พุ่งขึ้นมา

    อาเธอร์เรียยิ้มอย่างอ่อนหวานเมื่อเห็นดาบในมือคนรัก

    ดาบทองคำของกษัตริย์ผู้มีชัย

    ตัวแทนมนุษย์ชาติชี้ดาบไปที่เทพเจ้า

    "นี่ไม่ใช่ที่ตายของฉัน"เขาตอบ

    @@@@@@@@@@@@@@

    ศึกที่3ของแร็กนาร็อค

    เอมิยะ ชิโร่ VS มาร์ดุก

    ผล : ?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×