ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate Stay Night / Legend of Terra(ยกเลิกแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #4 : อัญเชิญวีรชน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 64



    ปราสาทไอซ์เบิร์นส์ , เยอรมนี

    5ปีก่อน

    เอมิยะ คิริทซึงุนั่งกุมมือเงียบๆอยู่ภายในห้องพิธีกรรมของปราสาทตระกูลไอซ์เบิร์นส์ ได้ยินเสียงฝีเท้าสาวใช้วิ่งเข้ามาในห้องบอกข่าวเรื่องภรรยา

    "ท่านคิริทซึงุค่ะ"

    แม่บ้านหอบเล็กน้อยเหมือนเธอวิ่งมาให้เร็วที่สุด เธอสวมชุดสีขาวและมีหน้าตาเหมือนโฮมุนครูสอื่นๆในปราสาท

    "เด็กคลอดอย่างปลอดภัยแล้วค่ะ"

    คิริทซึงุเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เขาได้ลูกอีกคนและอิลิยามีน้องชาย เขาพยักหน้าตามสาวใช้ไปที่ห้องของภรรยาเขา 

    สักพักเขามาหาภรรยาที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงแต่ก็มีรอยยิ้มสดใส อิลิยาตามเข้ามาเห็นน้องชายที่กำลังร้องไห้ เธอให้เขาจับนิ้วด้วยมือเล็กๆและก็หยุดร้องไห้ ยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข

    ภายในใจเขาเจ็บปวด เขาเป็นหนึ่งในคนที่ไม่คู่ควรจะยิ้มและได้รับของขวัญที่ภรรยามอบให้

    พวกสาวใช้ต้องขอให้อิลิยากลับห้องเพื่อให้ริมุรุได้หลับพักผ่อน เธอยอมแม้จะไม่เต็มใจนัก คิริทซึงุทนมองดูไม่ได้และย้ายไปที่หน้าต่างข้างเตียงภรรยา

    "อิลิยามีความสุขมากๆที่มีน้องชาย ฉันดีใจจริงๆที่ได้ให้กำเนิดเด็กคนนี้"

    จากมุมตาของเขา เขาเห็นภรรยาจ้องลูกชายเขา เขารักภรรยาของเขาอย่างแท้จริงและเธอได้มอบสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ แต่ไม่ได้เปลี่ยนความจริงว่าเขาจะเข้าร่วมพิธีกรรมและทำให้เธอตาย

    "ไอรี่ ฉันน่ะมีชะตากรรมที่ทำให้เธอต้องนะ"

    ไอริสฟิลยอมรับว่านั่นเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

    "ฉันเข้าใจค่ะ เพื่อความปรารถนาของไอส์นเบิร์น ตัวฉันที่อยู่เพื่อการนั้น ได้รู้ในอุดมคติของ ได้โอบกอดคำภาวนาเดียวกัน ถึงได้มีฉันในตอนนี้ไงค่ะ คุณที่คอยชี้นำฉัน คุณมอบชีวิตที่ไม่ใช่ตุ๊กตาให้แก่ฉัน คุณไม่ต้องอาลัยฉันก็ได้ เพราะฉันได้เป็นส่วนหนึ่งของคุณแล้ว ดังนั้น..."

    "ผมน่ะ...ไม่มีสิทธิที่จะได้อุ้มเด็กคนนั้น"

    เขากำมือด้วยความเสียใจ เขารู้สึกได้ถึงเรย์จูที่สลักอยู่บนมือขวาของเขา

    "คิริทซึงุ โปรดอย่าลืมนะ โลกที่ไม่มีใครต้องเสียน้ำตา นั่นคืออุดมคติที่เอมิยะ คิริทซึงุใฝ่ฝันใช่ไหม อีก5ปี แล้วการต่อสู้ของเธอก็จะจบสิ้นลง เธอกับฉันจะทำให้อุดมคติเป็นจริง จอกศักดิ์สิทธิ์จะต้องช่วยเธอได้แน่นอน ดังนั้นโอบกอดเด็กคนนี้ เอมิยะ ฮารุยูกิ เถอะนะ ยืดอกและภูมิใจในฐานะพ่อคนหนึ่งเถอะ"

    คิริทซึงุหันไปหาไอรี่และมองทารกแรกเกิด เดินไปที่เตียงและอุ้มทายาทของเขาไว้ เขามีเหตุผลที่ต้องสู้อย่างแท้จริง

    @@@@@@@@@

    คฤหาสน์โทซากะ

    ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่หน้าต่างบ้านโทซากะ

    "เฮ้ นายเป็นใคร?"

    แอสซาซินหันไปมองสาวน้อยผมทวิลเทลที่ยกกระเป๋าเดินทาง เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของโทซากะ โทคิโอมิ

    เขาเคยเห็นรินมาก่อนเมื่อเขารักษาความปลอดภัยให้คฤหาสน์โทซากะตามคำสั่งคิเรย์ แต่ส่วนใหญ่เขาซ่อนตัวและไม่เผยตัวจนถึงตอนนี้

    เขาไม่ใช่วีรชนทั่วไปแต่เป็นนักฆ่าในสังกัดฮัซซันและเขามักจะใช้สกิลปลอมตัวเปลี่ยนรูปร่างตนเองเพื่อให้เดินในบ้านได้สะดวกขึ้น

    "ผมเป็นเซอร์วอนท์ของโคโตนิเมะ คิเรย์"แอสซาซินตอบ

    "หือ? เพื่อนของไอ้คนน่าขนลุกนั้น"รินทำหน้าครุ่นคิดวางกระเป๋าของเธอ

    "นายดูเหงาๆ ให้ฉันพาชมรอบๆไหม"รินถาม มันเป็นความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของเด็กที่ยังไม่หายไปจากการฝึกของจอมเวทย์

    "ขอบคุณครับ แต่ผมดูจนทั่วแล้ว"แอสซาซินตอบ 

    "ชิ เป็นคนไม่สนุกเลย"รินทำหน้างอน แอสซาซินยิ้มมุมปาก

    "นายควรเรียกฉันท่านริน"รินประกาศอย่างภูมิใจเอามือทาบอก"แล้วอาวุธนายอยู่ไหน"

    "อาวุธ?"

    "อาวุธที่นายจะใช้ปกป้องพ่อฉันไง"

    "ขอโทษนะคุณหนู โคโตมิเนะ มาสเตอร์ของผมเป็นพันธมิตรกับพ่อของคุณก็จริง แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนในอนาคต ผมจึงไม่ควรบอกสาวน้อยที่มีความสัมพันธ์กับคู่แข่งมาสเตอร์ผมขนาดนั้น"แอสซาซินบอกตามความจริงไม่ได้โกหก

    "เจ้าคนไร้มารยาท"

    รินหงุดหงิดและลากกระเป๋าจากไป

    แอสซาซินยิ้มเขาก็แค่พูดตามความจริงแต่เธอรับไม่ได้ อย่าเข้าใจผิด เขาชื่นชอบเด็กๆ พวกเขาบริสุทธิ์และไร้เดียงสา แต่ในฐานะผู้นำฮัซซันคนหนึ่งจะใช้อารมณ์

    เขาหันกลับไปคิดเรื่องสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์และมาสเตอร์ของเขา

    เขาไม่เข้าใจโคโตนิเมะ คิเรย์เลย โคโตมิเนะเป็นคนอุสาหะตั้งใจทำงานโดยไม่มีความสุข จากสิ่งที่เขารู้ใน1สัปดาห์ คิเรย์ไม่มีความปรารถนาต่อจอกศักดิ์สิทธิ์ เขารับใช้โทคิโอมิเพราะคำสั่งโบสถ์เท่านั้น

    มาสเตอร์ของเขารับใช้มาสเตอร์อีกคนนึง เขาอยู่ในระดับต่ำสุดของพันธมิตร นั่นทำให้โอกาสที่เขาจะได้ครองจอกศักดิ์สิทธิ์นั้นต่ำมาก

    ได้ยินว่าโทคิโอมิกำลังรอสื่ออัญเชิญของเขามาถึงเพื่อเรียกเซอร์วอนท์ เขาไม่รู้ว่าจะเป็นวีรชนคนไหน

    @@@@@@@@@

    ปราสาทไอส์นเบิร์น , เยอรมนี

    คิริทซึงุนั่งอยู่หน้าคอมพ์ขณะที่ไอริมองหิมะตกนอกหน้าต่าง

    "ในที่สุดก็มาถึงแล้วรึ"

    ไอรี่หันมาสนใจเดินมาที่โต๊ะทำงานของสามี

    "รายงานอะไรเหรอ"

    เธอถามแม้จะรู้อยู่แล้ว
    "รายงานจากพวกที่ส่งเข้าไปสืบในหอนาฬิกาน่ะ ท่าทางจอกศักดิ์สิทธิ์ได้เลือกมาสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสมาคมจอมเวทย์หอนาฬิกาล่ะ"

    ไอรี่ถามว่าใคร คิริทซึงุฝืนยิ้ม

    "หมอนี่ล่ะตัวปัญหา ลูกชายคนโตของตระกูลอาร์ชิโบล ตระกูลจอมเวทย์ผู้มีชื่อเสียงรุ่นที่9 เคย์เนธ เอลเมลอย อาร์ชิโบล"

    @@@@@@@@@

    2สัปดาห์ก่อน

    เวเวอร์ เวลเว็ตเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องสมุดหอนาฬิกาเทหนังสือและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้ยินว่าอาจารย์เคย์เนธ เอลเมลอย อาร์ชิโบลจะเข้าร่วม การต่อสู้ระหว่าง7มาสเตอร์และ7เซอร์แวนท์เพื่อครองจอกศักดิ์สิทธิ์

    มาสเตอร์แต่ละคนจะได้รับเซอร์แวนท์1ตนและเซอร์แวนท์ได้ถูกแบ่งออกเป็นคลาสทั้ง7

    เซเบอร์, แลนเซอร์, อาเชอร์, ไรเดอร์, แคสเตอร์, แอสซาซิน และเบอเซิร์กเกอร์ ทุกคลาสมีจุดแข็งและจุดอ่อน พวกเขาเป็นเหล่าวีรชนในอดีตที่คืนชีพมาต่อสู้ในยุคปัจจุบัน

    "สงครามจอกศักดิ์สิทธิ์"เวเวอร์พึมพำเงียบๆ

    มีเพียงผู้มีพรสวรรค์ที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดในสงคราม

    "นี่เป็นเวทีที่เหมาะกับฉันเลยไม่ใช่หรือยังไง"เวเวอร์พูดด้วยรอยยิ้มมั่นใจ

    อาจารย์ของเขาฉีกวิทยานิพนธ์กลางห้องบรรยาย ดูถูกเขาต่อหน้าคนทั้งห้อง 

    สายตาเวเวอร์หันไปมองกล่องดำที่เป็นสื่ออัญเชิญที่เคย์เนธสั่งให้ส่งมาจากต่างประเทศแต่ผู้ส่งมอบมันให้เขาด้วยความเข้าใจผิด เขาเปิดดูเห็นเศษผ้าคลุมที่ใช้อัญเชิญเซอร์แวนท์ เวเวอร์แน่ใจว่าวีรชนที่เคย์เนธเลือกจะต้องแข็งแกร่งแน่นอน

    เวเวอร์เก็บข้าวของและเดินทางไปที่เมืองฟุยุคิเพื่ออัญเชิญเซอร์แวนท์และชนะสงครามจอก เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้อาจารย์โง่ๆและตระกูลเก่าแก่เห็นว่าพวกเขาคิดผิด!!

    @@@@@@@@

    คิริทซึงุและไอริสฟิลคุกเข่าต่อหน้ายูตัสไฮน์ หัวหน้าตระกูลไอส์นเบิร์นที่แต่งตัวด้วยเสื้อคลุมสีขาว

    "ในที่สุดเราได้ค้นพบวัตถุโบราณที่ตามหาในดินแดนคอร์นเวลล์ ถ้าใช้เป็นสื่อแล้วล่ะก็จะสามารถอัญเชิญเซอร์วอนท์ซึ่งเป็นวิญญาณวีรชนผู้ใช้ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดได้ คิริทซึงุเอ๋ย นี่เป็นความช่วยเหลือที่มากที่สุดเท่าที่ไอส์นเบิร์นจะสามารถให้ได้"

    "เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ ท่านผู้นำ"

    "ในครั้งนี้อย่าปล่อยให้มีผู้รอดชีวิต ไล่ล่าสังหารเซอร์วอนท์ทั้ง6ให้หมด ต้องทำให้เวทย์อันยิ่งใหญ่ที่3 เฮฟเว่นฟีล สำเร็จให้จงได้"

    คิริทซึงุได้ยินมาจนเบื่อและตอบไป

    "รับทราบครับ"

    @@@@@@@@@@

    คฤหาสน์โทซากะ

    คิเรย์ดูตกใจเมื่อได้ยินชื่อคิริทซึงุ

    "ผมเคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อนนะครับ"

    โทคิโอมิขบขันเล็กน้อยกับปฎิกิริยาของเขา

    "ทางโบสถ์ก็ยังเคยได้ยินงั้นรึ?"

    คิเรย์ก้าวไปข้างหน้ารับกระดาษมาอ่าน

    "นักฆ่าจอมเวทย์เอมิยะนั้น ในยุคสมัยของเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงเลวร้าย เบื้องหน้าอาจจะดูเหมือนเป็นพวกหัวแข็งที่ไม่ยอมขึ้นกับสมาคม แต่พวกเบื้องบนได้ใช้หมอนั่นทำงานต่างๆมากมาย"

    ฟังดูคล้ายๆกับคิเรย์

    "เป็นผู้พิฆาตมารเหมือนกับเพรชฆาตอย่างพวกเราหรือเปล่าครับ?"

    "ชื่อเสียงเลวร้ายกว่าเยอะ ผู้ชายคนนี้น่ะคือมือลอบสังหารรับจ้างซึ่งเชี่ยวชาญในการสังหารจอมเวทย์เป็นพิเศษ เพราะรู้จักเวทมนตร์เป็นอย่างดี เขาจึงไล่ล่าจอมเวทย์ด้วยวิธีการที่ไม่สมเป็นจอมเวทย์ ลองอ่านดูสิ"

    คิเรย์อ่านข้อมือ ซุ่มยิง วางยาพิษ ระเบิดวินาศกรรมกลางที่สาธารณะ ระเบิดเครื่องบินแค่เพราะว่าเป้าหมายอยู่บนเครื่องบิน

    โทคิโอมิยังพูดต่อไป

    "เป็นผู้ชายที่ใช้วิธีการต่ำช้าได้อย่างไม่สะทกสะท้านไงล่ะ จอมเวทย์นั้น เป็นตัวตนที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของโลก จึงต้องทำตามกฎที่ตั้งขึ้นมาเองอย่างเคร่งครัด แต่ผู้ชายคนนี้ ไม่มีเศษเสี้ยวของความภาคภูมิใจในฐานะจอมเวทย์เลยแม้แต่น้อย วิธีการของเขาไม่สามารถยอมรับได้"

    คิเรย์รู้สึกสับสนขึ้นมา

    "ถ้างั้นชายที่ชื่อเอมิยะ คิริทซึงุนี่ จะเป็นนักฆ่าไปเพื่ออะไรกัน"

    "ก็คาดว่าน่าจะเป็นเงินละมั้ง ในรายงานนั้นก็มีเขียนอยู่ด้วย เจ้านั่นไม่ได้เกี่ยวข้องแค่การลอบสังหารจอมเวทย์เท่านั้น แต่ได้ไปปรากฎตัวยังสนามรบทั่วโลกเพื่อหาเงินในฐานะทหารรับจ้างอีกด้วย"

    คิเรย์รู้สึกสนใจชายคนนี้ ทำไมเขาถึงสู้เพื่อเงิน เขาอยากรู้

    "รายงานฉบับนี้ ขอยืมไปสักหน่อยจะได้ไหมครับ"

    @@@@@@@@@@

    ปราสาทไอส์นเบิร์น, เยอรมนี

    คิริทซึงุและภรรยากลับมาที่ห้องทำงานของเขาที่ใช้รวบรวมข้อมูลสำหรับสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ ไอรี่ดูเครื่องแฟกซ์พิมพ์กระดาษออกมา

    "มาจัดการข้อมูลที่ได้มากันดีกว่าไอรี่"

    คิริทซึงุมองภาพ4ใบและข้อมูลของพวกเขา

    "โทซากะ โทคิโอมิ ผู้นำตระกูลโทซากะ เป็นจอมเวทย์อัญมณีสายไฟ"

    คิริทซึงุมองชายผมดำและใบหน้าแบบญี่ปุ่นกับดวงตาสีฟ้าโดดเด่น เขามองภาพถัดไปที่เป็นชายหนุ่มสวมเสื้อกันหนาวสีเทาและมีผมสีเทาเข้ม

    "มาโต้ คาริยะ จัดการดึงตัวผู้สืบทอดที่หนีไปกลับมาเป็นมาสเตอร์งั้นรึ ตาแก่นั่นคงหมดน้ำยาแล้วล่ะ"

    ต่อไปเป็นชายใส่เสื้อคลุมสีฟ้า ผมสีบลอนด์และตาสีเขียว

    "เคย์เนธ เอลเมลอย อาร์ชิโบล ผู้ใช้เวทน้ำและสายลม"

    จากนั้นก็เป็นมาสเตอร์คนสุดท้ายไม่นับตนเอง

    "มาสเตอร์คนที่5 คนของศาสนจักร โคโตมิเนะ คิเรย์ เป็นลูกชายของกรรมการ บาทหลวงโคโตมิเนะ ริเซย์ 3ปีก่อนก็ไปเป็นลูกศิษย์ของโทซากะ โทคิโอมิ หลังจากนั้นเรย์จูได้ปรากฎขึ้นจึงต้องตัดสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์"

    แต่มีสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับมาสเตอร์คนสุดท้ายนี้

    "ไอรี่ ลองอ่านดูสิ"

    คิริทซึงุพยายามตัดสินว่านักบวชเป็นคนเช่นไร ทุกครั้งที่คิเรย์เกือบจะเชี่ยวชาญก็เปลี่ยนไปอย่างอื่นทิ้งสิ่งที่เรียนเหมือนขยะ ข้อเท็จจริงว่าเขาเป็นเพรชฆาตเหมือนเขาที่เคยไล่ล่าเหล่าจอมเวทย์ ทำไมเขาต้องเสี่ยงชีวิตมาหาจอกศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องระวังชายคนนี้ไว้

    @@@@@@@@@@@

    คฤหาสน์มาโต้

    คาริยะได้ผ่านนรกมาตลอด1ปีเต็มเพื่อเตรียมตัวเป็นมาสเตอร์ของมาโต้ในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ เพื่อพาซากุระกลับไปหารินและแม่เธออาโออิ ให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อสมัยก่อน

    คาริยะเดินโซเซลงมาในห้องหนอนใต้ดินที่คาริยะใช้เวลาอยู่ในนี้มา1ปี จากนั้นมาโต้ โซเคนก็โผล่มาจากเงามืด

    "มาแล้วเหรอคาริยะ นึกว่าจะหนีไปซะแล้ว"โซเคนพูดเสียงแหบแห้ง

    "ฉันจะชนะและนำจอกมาให้แกเอง"เขากล่าว

    "ใช่ๆ เจ้าต้องพยายามหนักเท่าที่ทำได้ ไม่งั้นการฝึกตลอด1ปีนี้คงสูญเปล่า"โซเคนพยักหน้าพูดอย่างไม่คาดหวังอะไร

    คาริยะพยายามอดทนเพื่อไม่ไปกระตุ้นหนอน เขาก้าวมาใกล้วงเวทอัญเชิญที่โซเคนเตรียมไว้ให้

    "คงจำคาถาอัญเชิญได้แล้วใช่ไหม"

    "แน่นอน"

    "ดีมาก แต่ฉันจะให้แกเพิ่มบทอัญเชิญเข้าไปอีก2วรรค"

    "หมายความว่ายังไง"

    "อะไรกันก็เรื่องง่ายๆ คาริยะ ในฐานะจอมเวทความสามารถของแกด้อยกว่ามาสเตอร์คนอื่นหลายขั้นนัก มันจะส่งผลไปถึงความสามารถพื้นฐานของเซอร์แวนท์ด้วย ถ้างั้นก็ต้องปรับปรุงมันตั้งแต่เรื่องคลานของเซอร์แวนท์ เราจะดันความเป็นไปได้ขึ้นมาจากรากฐานเลย"

    "อยากให้ฉันทำอะไร?"

    "อัญเชิญเขาออกมาในฐานะเบอเซิร์กเกอร์"

    @@@@@@@@@

    บ้านแม็กเคนซี่ , เมืองฟุยุคิ

    เวเวอร์ได้มาพักอยู่ที่บ้านสองตายายโดยใช้เวทสะกดจิตให้พวกเขาคิดว่าเป็นหลาน

    ตอนนี้เวเวอร์จ้องมองมือขวาที่สัญลักษณ์เรย์จูได้ปรากฎขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าเขามีคุณค่าพอ ตอนนี้ได้เวลาอัญเชิญเซอร์วอนท์

    @@@@@@@@@

    เยอรมนี , ปราสาทไอนซ์เบิร์น

    “คาดไม่ถึงเลยว่าจะเจอฝักดาบในตำนานที่หายไปจริง ไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย นี่เป็นของล้ำค่าจากยุคสมัยเมื่อ1,500ปีก่อนอย่างงั้นเหรอ”

    ”เพียงแค่ถือครองไว้ฝักดาบจะรักษาบาดแผลของผู้ถือครองตามตำนาน ไม่มีความแก่ชราลง แน่นอนว่าต้องได้รับพลังเวทจากผู้ถือครองที่แท้จริงด้วยนะ”

    คิริทซึงุพยักหน้าเงียบๆกลับไปนั่งคิด ถ้ามีสื่ออัญเชิญที่สมบูรณ์แบบก็จะสามารถอัญเชิญวีรชนที่เป็นเป้าหมายของพวกเขามาได้อย่างแน่นอน ราชาอัศวินในตำนาน อาเธอร์ เพนดราก้อน

    ”คุณไม่พอใจอะไรเหรอ”

    ”ไม่มีใครห่างไกลจากวิถีอัศวินเท่าฉันอีกแล้ว การปะทะซึ่งหน้าไม่ใช่แนวฉัน ถ้ากำหนดเป้าหมายได้แล้วไม่ลอบฆ่าก็เล่นงานข้างหลัง จึงไม่คิดว่าอัศวินผู้สูงส่งจะยอมร่วมมือกับกลยุทธ์นี้ บอกตามตรงสู้เป็นแคสเตอร์หรือแอสซาซินน่าจะเข้าทางฉันมากกว่า”

    “แต่มากังวลก่อนหน้าการอัญเชิญก็ไม่ได้ช่วยอะไรนี่นา ในบรรดาคลาสทั้ง7เซเบอร์แข็งแกร่งที่สุดนะ ยิ่งได้ราชันอัศวินมาลงคลาสนั่นด้วย ก็ต้องเป็นไพ่ตายที่แกร่งที่สุดของคลาสเซเบอร์แน่นอน“

    ”คิดแผนออกแล้ว วิธีใช้ความแข็งแกร่งที่สุดนั่น”

    @@@@@@@@@@@

    ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์โทซากะ โทคิโอมิกำลังเตรียมการอัญเชิญราชาวีรชนกิลกาเมซซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อแผนการพวกเขาที่จะชนะสงคราม ในพิธีกรรมนี้เขาได้ทุ่มอัญมณีที่ตระกูลโทซากะเก็บสะสมมานานถึง40ปี

    คิเรย์และริเซย์ยืนอยู่ด้านหลังร่วมเป็นสักขีพยานการอัญเชิญเซอร์วอนท์ที่เป็นกุญแจสู่ชัยชนะของพวกเขา

    เมื่อกล่าวบทร่ายจบลงก็ปรากฎร่างเซอร์วอนท์เกราะทองคำ เป็นชายหนุ่มผมสีบลอนด์และดวงตาสีแดงเข้ม สวมเกราะทองคำแบบเมโสโปเตเมียและที่หลังเหน็บดาบทองคำไว้สองเล่ม

    "เราชนะแล้วคิเรย์ ชัยชนะนี้เป็นของเราแล้ว"โทคิโอมิพูดด้วยความยินดี

    ”ข้าคือเซอร์วอนท์แคสเตอร์ เจ้าเป็นมาสเตอร์ที่อัญเชิญข้ามาใช่หรือไม่”ดวงตามองที่โทคิโอมิอย่างเหยียดหยาม

    ”ใช่แล้วขอรับ ผมโทซากะ โทคิโอมิเป็นมาสเตอร์ของท่าน”โทคิโอมิโค้งหัวอย่างนอบน้อมและแสดงเรย์จูของเขาเป็นหลักฐานเพิ่มเติม อาเชอร์เย้ยหยันกับการแสดงความภักดีของโทคิโอมิ

    "เจ้าอาจอัญเชิญข้ามาแต่อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านาย ข้าคือราชา เจ้าเป็นเพียงข้ารับใช้"

    "แน่นอนครับองค์ราชา"โทคิโอมิกล่าว แคสเตอร์มีสีหน้าเบื่อหน่าย

    "เจ้าปรารถนาอะไรต่อจอกศักดิ์สิทธิ์

    "เพื่อไปให้ถึงรากเหง้าของสรรพสิ่ง ความปรารถนาของโทซากะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น"โทคิโอมิพูดด้วยความภูมิใจ

    "น่าเบื่อซะจริง"แคสเตอร์ถอนหายใจ โทคิโอมิไม่พอใจที่กิลกาเมซดูถูกแต่เงียบไว้

    เขาหันไปสนใจอีกสองคนด้านหลังโทคิโอมิ

    "แล้วสองคนนี้เป็นใคร เขาเป็นมาสเตอร์ด้วยหรือ?"แคสเตอร์ถามด้วยสายตาอยากรู้

    "นี่คือโคโตมิเนะ คิเรย์ มาสเตอร์ของเบอเซิร์กเกอร์และโคโตมิเนะ ริเซย์พ่อของเขาผู้ทำหน้าที่กรรมการ ทั้งสองเป็นพันธมิตรของเรา"

    แคสเตอร์เลิกคิ้วสูงและจ้องมองสองพ่อลูกก่อนสายตาจ้องที่คิเรย์

    "นักบวช เจ้าปรารถนาอะไรต่อจอกศักดิ์สิทธิ์"

    คิเรย์ขมวดคิ้วที่แคสเตอร์ถามก่อนจะตอบ

    "ผมไม่มีความปรารถนาอะไรต่อจอกครับ"

    "ฮ่าๆๆ"แคสเตอร์หัวเราะลั่น"ไม่ได้เห็นพวกตัวตลกที่ทำให้ข้าหัวเราะได้แบบนี้มานานแล้ว"

    โทคิโอมิเบิกตากว้างเมื่อแคสเตอร์เดินไปที่ประตู

    "ท่านจะไปไหน?"

    "เพื่อสำรวจสนามรบและทักทายศัตรูที่ข้าเจอ"แคสเตอร์ยิ้ม เหล่าประชาชนควรได้รับรู้การกลับมาของเขา

    "ท่านทำไม่ได้!!!!"โทคิโอมิร้องห้าม

    "ข้ารับใช้อย่างเจ้ากล้าห้ามข้าหรือ?"แคสเตอร์ถามแผ่จิตสังหารก่อนโทคิโอมิรีบคุกเข่าลง

    "ราชาแห่งวีรชน เรามีแผนที่จะใช้เบอเซิร์กเกอร์สอดแนมข้อมูลเซอร์วอนท์ทุกตนและจากนั้นเหนือหัวก็ค่อยไปเก็บกวาด"

    "เจ้าเชิญวางแผนได้ถ้าต้องการ ข้าจะนำจอกศักดิ์สิทธิ์มาให้เอง ทำไมไม่ไปร่วมสำรวจกับข้า"แคสเตอร์ถามเพื่อลองใจเขา โทคิโอมิเลือกคำตอบอย่างระวัง

    "ผมต้องปรึกษาหารือกับพันธมิตรเราครับ"

    แคสเตอร์เงียบจ้องมองโทคิโอมิพักนึง

    "ข้าได้เห็นธาตุแท้ของเจ้าแล้ว หนูขี้ขลาดที่ไม่กล้าเสี่ยงทั้งที่มีกำลังพร้อม ข้าเมตตาเพราะเห็นแก่ความภักดีที่เจ้าแสดง ตอนนี้ข้าโกรธ อับอายและละอายใจที่คิดว่าผู้ทำพันธสัญญากับข้าเป็นแบบนี้"

    โทคิโอมิเหงื่อตกและแคสเตอร์กระชากคอเสื้อเขาให้จ้องมองดวงตาสีแดงคมกริบ

    "จงทำตัวให้สมเป็นข้ารับใช้ เหยียบย่ำความภาคภูมิใจของข้าแล้วข้าจะไม่เมตตาเจ้า"

    แคสเตอร์ปล่อยโทคิโอมิซึ่งถอยหลังทรุดลงพื้น

    "ถึงอย่างงั้นเจ้ายังเป็นมาสเตอร์ ข้ายังเป็นเซอร์วอนท์"แคสเตอร์พูดเหมือนมันเป็นคำสาป"ข้ายอมรับพันธสัญญานี้แม้เจ้าจะน่าเบื่อ เมื่อข้าลงสู่สนามรบข้าตั้งใจที่จะนำชัยชนะมา แม้ข้าแน่ใจว่ามีผู้อื่นคู่ควรกับจอกมากกว่าเจ้า"

    แคสเตอร์คุยกับโทคิโอมิเสร็จแล้วหันไปมองคิเรย์

    "โคโตมิเนะ ข้าจะไปสำรวจเมืองตามที่ตั้งใจไว้และจะกลับมาเมื่อพอใจ"

    จากนั้นแคสเตอร์เปลี่ยนเป็นร่างวิญญาณฝุ่นสีทองสลายหายไป โทคิโอมิยันตัวลุกขึ้นเมื่อเซอร์วอนท์ไปแล้ว

    "ให้ตายสิ ตัวปัญหาชัดๆ"เขาพึมพำเบาๆด้วยความโกรธ

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@

    ป่าในเมืองฟุยุคิ เวเวอร์ เวลเว็ตสามารถอัญเชิญอเล็กซานเดอร์มหาราชมาในคลาสไรเดอร์โดยใช้สื่ออัญเชิญที่ขโมยมาจากอาจารย์เคย์เนธ เอลเมลอยหลังเขาทำให้ตนอับอายในห้องเรียนโดยล้อเลียนวิทยานิพนของเขา เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมสงครามเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

    ”ข้าคือราชาผู้พิชิต อิสกันดาห์ ข้าได้รับการอัญเชิญมาในคลาสไรเดอร์ เจ้าใช้มาสเตอร์ที่อัญเชิญข้ามาใช่หรือไม่”

    “ชะ ใช่แล้ว...ฉันเป็นมาสเตอร์....เวเวอร์ เวลเว็ต”

    "เอาล่ะ ทำพันธสัญญากันเรียบร้อยแล้ว ที่นี่พาข้าไปหาหนังสือซิ"

    "เอ๋?"เขางงก่อนถูกจับคอเสื้อลอยขึ้น

    "หนังสือไงหนังสือ ถ้าเจ้าเป็นจอมเวทก็น่าจะมีคลังหนังสือ2-3คลังใช่มั้ยล่ะ"

    เวเวอร์ส่ายหัว เขาจะไปมีของพวกนั้นได้ไง"

    "หา ไม่มีงั้นเหรอ"

    "แต่ฉันรู้จักที่ที่หาได้"เวเวอร์รีบพูด

    "ดี งั้นไปกันเลย"ไรเดอร์ยิ้ม

    ”ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับฉัน”เวเวอร์ร้องออกมา

    @@@@@@@@@@@@

    คฤหาสน์มาโต้

    เกิดแสงสว่างจ้าและดับลง คาริยะค่อยๆลืมตาขึ้นมา

    คาริยะตกตะลึงเมื่อเห็นเซอร์แวนท์ที่เขาอัญเชิญ เขาหรือเธอสวมชุดนายพลญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่18-19 ผมสีเงินยาวลงมาเกือบถึงพื้น สวมหมวกทหารที่เป็นรูปพระอาทิตย์ของรัฐบาลเอโดะ


    เขาสังเกตสีหน้าของโซเคน ใบหน้าตาแก่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

    "ตอนนี้แกก็ทำให้ข้าผิดหวัง"โซเคนตะคอก"เซอร์วอนท์ตนนี้มันใครกัน?"

    และความตกใจต่อมา เซอร์แวนท์ผมเงินหันไปมองตาแก่ เขาจ้องตาโซเคนท่ามกลางความเงียบครู่นึง ก่อนหันไปมองผู้ที่เป็นมาสเตอร์

    "ข้าขอถาม ท่านเป็นมาสเตอร์ที่อัญเชิญข้ามาใช่หรือไม่?"

    @@@@@@@@@@@@

    ห้องของอิลิยาน่ารักและอบอุ่นที่สุดในปราสาทไอนซ์เบิร์น แต่มันก็มืดมนเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงสว่างเกินกว่าจะนอนหลับ ลมเหมันต์พัดข้างนอกและเสียงหมาป่าหิวโหย

    อิลิยานอนไม่หลับและออกมานอกห้อง พ่อแม่มีพิธีกรรมสำคัญวันนี้เธอเลยไม่รบกวนเขา และพวกเขาจะไปญี่ปุ่นเร็วๆนี้ อิลิยาสัญญาว่าจะอดทนรอจนกว่าพ่อแม่จะกลับ ลึกลงไปเธอกลัว เธอไม่อยากให้พวกเขาไปแม้จะแค่1-2สัปดาห์ เธออยากให้พวกเขาอยู่กับเธอตลอดไปและไปเดินเล่นนับต้นวอลนัทด้วยกัน

    มีห้องเล็กๆและห้องลับในปราสาทซึ่งบางห้องถูกทิ้งร้างและใช้เป็นห้องเก็บของ แม้จะถูกห้ามไว้แต่อิลิยาที่เดินไปทั่วปราสาทสามารถแอบลอบเข้าไปได้โดยไม่โดนจับ

    เธอลงมาห้องใต้ดินและสัมผัสได้ถึงพลังเวท เธอปัดฝุ่นบนพื้น แม้จะสกปรกและฝุ่นจับแต่วงกลมสีแดงส่องแสงและเปล่งพลังงานแปลกๆ อิลิยาเคยเห็นเมื่อเธอแอบไปดูคิริทซึงุทำงาน เขาวาดมันและกล่าวบทร่ายเหมือนเพลง เธอไม่แน่ใจว่าเป็นคาถาหรือพ่อเธอแค่พูดพล่าม

    “จงเติมเต็มๆๆๆ”อิลิยาพูดอย่างสนุกสนานหมุนวนไปวนมา”ข้าขอให้คำสัตย์ว่าข้าจะเป็นทุกความยุติธรรมบนโลก.....ข้าจะกำจัดสิ้นทุกอธรรมบนโลก....ยากแฮะ....จงออกมาจากวังวน.....แล้วก็....ผู้พิทักษ์แห่งตาชั่วเอ๋ย”เธอพูดจบแล้วไขว้แขนกัน”คิริทซึงุคิดเพลงไม่เพราะเลย มันน่าเบื่อ....โอ๊ย!!!”

    วงจรเวททั้งหมดในร่างเธอตอบสนองราวกับถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้าช็อต อิลิยากรีดร้องและแสงสีขาวปกคลุมทำให้ตาเธอมืดบอด มีบางอย่างที่ทรงพลังมากกำลังมาและเธอทำได้เพียงนั่งบนพื้นเย็นๆ

    @@@@@@@@@@@@

    เมื่อนักฆ่าจอมเวทกล่าวบทร่ายจบก็เกิดแสงสว่างจ้าจากวงเวท เมื่อแสงหายไปก็ปรากฎเป็นเด็กสาวผมบลอนด์สวมชุดน้ำเงินและเกราะสีเงิน เธอลืมตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีเขียวมรกต

    ”ข้าขอถาม ท่านคือมาสเตอร์ของข้าเหรอ”เด็กสาวถามชายหญิงสองคนที่ประหลาดใจ

    ”นี่คือกษัตริย์อาเธอร์ในตำนานเหรอ”ไอริสฟิลร้อง ขณะที่คิริทซึงุเย้ยหยันในลำคอ ตำนานอัศวินที่ยิ่งใหญ่กลับเป็นแค่เด็กสาวที่ถูกโยนหน้าที่ราชาให้ เขาหันหลังจะเดินจากไป แต่ทว่าเขารู้สึกร้อนที่มือและพบว่าเรย์จูอีกสามเส้นปรากฎที่มืออีกข้าง เพียงแต่เรย์จูนี้เป็นสีดำ

    ”มาสเตอร์ขออภัยที่ท่านอาจไม่พอใจ แต่ข้าสัมผัสได้ถึงเซอร์วอนท์อีกตนนึง”

    ”เซอร์วอนท์อีกตนในปราสาท?”ไอริสฟิลถาม

    เซเบอร์พยักหน้าเท่านั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังๆจากทางเดิน มีการส่งสัญญาณเตือนภัยและเหล่าโฮมุนครูสมุ่งหน้าไปห้องใต้ดิน แม้แต่ยูสตัคไฮน์ก็ไปด้วยแสดงว่าภัยคุกคามต้องร้ายแรงมาก

    คิริทซึงุและไอริสฟิลกังวลเมื่อรู้ว่าพวกเขาไปทางหนีรีบวิ่งไป เซเบอร์รีบตามมาสเตอร์ของเธอไป

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    ร่างหนึ่งปรากฎตรงหน้าอิลิยา เขาร่างสูงโปร่ง ผมสีบลอนด์ ตาสีเขียวและสวมชุดสีแดง

    “เซอร์วอนท์เซเบอร์ได้มาตามคำอัญเชิญแล้วมาสเตอร์”เธอกล่าว

    ”มาสเตอร์....”อิลิยากล่าว เนื่องจากถูกสร้างเป็นจอกน้อยทำให้เธอรู้เรื่องระบบมาสเตอร์กับเซอร์วอนท์”เซอร์วอนท์....ของฉันงั้นเหรอ”

    ”ใช่แล้ว ท่านคือมาสเตอร์ข้า”เซเบอร์พยักหน้ายิ้มเมื่อเห็นดวงตาสีแดงเปล่งประกายยินดี

    ”ว้าว!!!!”เธอยอมรับมือที่ยื่นมาช่วยเธอลุกขึ้นและกอดขาเธอ”หมายความว่าเธอจะทำทุกอย่างที่ฉันสั่งใช่มั้ย”

    “อืม ใช่แล้ว แต่....”

    ”เยี่ยมไปเลย!!!”

    เซเบอร์เหงื่อตกก่อนจะยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของมาสเตอร์เธอและเข้าประเด็นหลัก

    ”มาสเตอร์ ข้าขอทราบชื่อท่านได้ไหม”

    “ฉัน อิลิยาสฟิล ฟอน ไอซน์เบิร์น เธอมีชื่อด้วยเหรอ”

    ”ข้ามีนามว่าเซเบอร์ แต่....”เซเบอร์ชุดแดงหยุดและเรียกดาบสีแดงเล่มโตผลักอิลิยาถอยไปด้านหลังเธอ

    “อะไรเหรอ”

    ”มีคนกำลังมามาสเตอร์ ข้ารู้สึกได้ถึงเซอร์วอนท์ศัตรู”เซเบอร์บอก

    ”ศัตรู?”อิลิยาไม่เข้าใจ

    ”ไม่ต้องห่วงมาสเตอร์ข้าจะปกป้องท่าน”

    ประตูเปิดออก แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องเมื่อเห็นดาบแดงเล่มโต ยูสคัคไฮน์ที่ล้อมรอบด้วยโฮมุนครูสติดอาวุธขมวดคิ้วไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

    “เร็วเกินไป เธอยังไม่สมบูรณ์”

    ”ยังไม่สมบูรณ์.....ทำไมเรียกเหมือนเครื่องมือ”

    เซเบอร์เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับจอมเวทปราสาทนี้และเธอต้องรู้ถึงเป้าหมายพวกเขาต่ออิลิยาตัวน้อย

    “ขออภัย แต่ข้ายอมให้เข้าใกล้มาสเตอร์ข้าไม่ได้จนกว่าจะบอกความตั้งใจพวกเจ้าที่มีต่อนาง”เธอชี้ดาบไปข้างหน้า”บอกมาพวกเจ้าเป็นใคร”

    ”เจ้าไม่มีสิทธิถามแต่ต้องเชื่อฟัง เซอร์วอนท์”

    ”ข้าฟังคำสั่งมาสเตอร์ข้าเท่านั้น”

    “จริงเหรอ แล้วถ้าเราปล่อยเจ้าไว้จะทำอะไรกับเด็กน้อยล่ะ เจ้าเซอร์วอนท์แปลกปลอม”

    ”ช่างน่าเศร้าที่ผู้คนยุคนี้ไม่ได้ยกย่องในวีรบุรุษอีกแล้ว”เซเบอร์แดงกล่าว

    “ความอวดดีและหยิ่งผยองจากเซอร์วอนท์คลาสเซเบอร์”ตาเฒ่าอาชเริ่มจะหมดความอดทนและมองอาเชอร์”รู้จักที่ต่ำที่สูงซะบ้าง เจ้าเป็นเพียงเครื่องมือ”

    ”เราอาจเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เราก็ยังเป็นวีรชนที่ถูกจารึกชื่อหลังตายไปแล้ว”เซเบอร์แดงเถียงกลับ

    ตอนนั้นเองมีอีกสามคนเข้ามาซึ่งโฮมุนครูสเปิดทางให้ คนนึงเป็นชายผมดำร่างสูง หญิงผมเงินและ...อัศวินชุดน้ำเงินที่หน้าเหมือนเธอเปี๊ยบ

    “นี่มันอะไร....”คิริทซึงุตกตะลึงรอบสอง ครั้งแรกกษัตริย์อาเธอร์เป็นผู้หญิง แล้วมีเซอร์วอนท์ที่อิลิยาอัญเชิญมาหน้าตาเหมือนเซเบอร์เปี๊ยบ

    ”อิลิยา!!!!”ไอริสฟิลวิ่งไปหาลูกสาวโดยไม่สนใจเซเบอร์แดงและเธอก็ปล่อยให้ไอริสฟิลผ่านไป แต่เมื่อคิริทซึงุจะทำแบบเดียวกันเธอกลับจับดาบแน่นเตรียมสู้

    ”มาสเตอร์ ขอคำสั่งด้วย”เซเบอร์ตะโกน

    “หยุดสู้ได้แล้วพวกโง่เง่า”ยูสตัคไฮน์พูดด้วยเสียงไร้อารมณ์”แค่บอกให้เซอร์วอนท์เชื่อฟัง เขาจะรับใช้เราได้ดี”

    “เซเบอร์ ถอยออกมา”คิริทซึงุสั่งทำให้ราชาอัศวินถอยออกมา

    “แม่ ดูสิเซอร์วอนท์ของหนู”อิลิยาที่กอดไอริสฟิลไว้ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”เธอแข็งแกร่งมาก เธอบอกจะทำทุกอย่างตามที่หนูสั่ง”

    “เข้าใจแล้วจ๊ะ ช่วยบอกให้เขาสงบลงและลดดาบได้ไหม”ไอริสฟิลพูดขึ้น

    ”ข้าทำไม่ได้”เซเบอร์แดงขอโทษ”ไม่ใช่ต่อหน้าศัตรู”

    “คิริทซึงุไม่ใช่ศัตรู”

    ”อืม เขาเป็นพ่อ”อิลิยาพูดเสริมทำให้เซเบอร์แดงนิ่งไปและสักพักเธอก็ลดอาวุธลง

    ”ขอบคุณ มาเถอะอิลิยา ลูกต้องไปนอนแล้ว เราคุยกันต่อพรุ่งนี้ได้”

    ”แต่เซเบอร์ของหนูจะไม่ไปไหนใช่ไหม”อิลิยาถามอย่างกังวล

    “แน่นอนมาสเตอร์ ข้าจะไม่ไปไหนถ้าไม่มีท่าน”เซเบอร์แดงยิ้ม

    ”สัญญา”

    ”ข้าสัญญา”

    อิลิยายิ้มโบกมือให้เขาและออกไปกับแม่

    “งั้นแกมาจากตำนานไหน ทำไมหน้าตาเหมือนเซเบอร์?"คิริทซึงุถาม

    ”ข้าคือจักรพรรดิเนโร่ คลอเดียสแห่งจักรวรรดิโรมัน”

    ”เนโร่?”คิริทซึงุขมวดคิ้ว จักรพรรดิโรมันที่ถูกรัฐประหารและขึ้นชื่อเรื่องศิลปกรรม

    ”ทำไมเจ้าหน้าตาเหมือนข้า”เซเบอร์ถาม

    ”ไม่รู้สิ เจ้าเป็นลูกหลานข้ารึเปล่า”เนโร่ถาม

    ”เหลวไหล คิดเล่นตลกกับข้าเหรอเนโร่”เซเบอร์น้ำเงินกล่าว แต่เนโร่หันไปมองคิริทซึงุที่นิ่งเงียบมองทั้งคู่

    "เพอเฟ็ค"เขายิ้มเล็กน้อย เขามีแผนใหม่สำหรับฝาแฝดเซเบอร์แล้ว

    @@@@@@@@@@@

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×