คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : เปิดศึกแร็กนาร็อค
ประวัติศาสตร์อันยาวนาน7ล้านปีของมนุษย์ชาตินั้นกำลังจะสาถึงจุดจบ
เพราะอะไรงั้นหรือ? สงครามนิวเคลียร์? อุกกาบาต? หรือว่าการรุกรานจากต่างดาว? ไม่ใช่!!!
“ดูเหมือนกำลังจะเริ่มแล้วล่ะคะท่านพี่”
สิ่งที่กำลังจะนำมาซึ่งจุดจบของมนุษย์ชาตินั้น ไม่ใช่อะไรนอกไปเสียจาก ประสงค์ของเหล่าเทพเจ้าผู้สร้างมวลมนุษย์ขึ้นมานั่นเอง
สภาสูงแห่งวัลฮาร่า ห้องประชุมหลัก
ห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหล่าเทพเจ้านั่งตามลำดับรอบบัลลังก์ เทพเจ้ากรีก นอร์ส อียิปต์ และอื่นๆแม้แต่เทพเมโสโปเตเมียก็รวมนัวอยู่ที่นั่น ห้องเต็มไปด้วยเสียงพึมพำขนกระทั่งชายชราร่างเล็กและทรุดโทรมสวมเสื้อคลุมเดินไปนั่งบัลลังก์ใจกลางห้อง
“ฟังทางนี้ทุกคน”เขายกค้อนทุบโต๊ะเล็กๆข้างบัลลังก์”มันก็ผ่านมาพันปีแล้วสินะหลังจากการประชุมครั้งก่อน มาเริ่มการประชุมกันเลยดีกว่า”เขาพูดลูบสัตว์เลื่อยคลานตัวใหญ่
ชายชราคนนี้ไม่ใช่ใครนอกจากประธานสภาวัลฮัลล่าและราชาแห่งเทพเจ้ากรีก ซุส
ในทุกๆพันปี เหล่าทวยเทพจะมารวมตัวกันที่สภาแห่งนี้เพื่อที่จะทำการตัดสินใจ...ถึงการมีอยู่ของมวลมนุษย์ชาติ
“หวา เหล่าเทพเจ้าได้มารวมกันที่นี่แล้ว”แกรอาแสดงความเห็นเมื่อมองเทพเจ้าจากดินแดนต่างๆ”เป็นทิวทัศน์ที่อัศจรรย์มากๆว่าไหมค่ะท่านพี่”
พี่สาวเธอบรุนฮิลด์ไม่ตอบสนองและทำหน้าเรียบเฉย กังวลต่อการตัดสินของเทพเจ้าต่อการมีอยู่ของมนุษย์ชาติ
“ถ้างั้นข้าขอถามพวกเจ้าจากประวัติศาสตร์การอยู่รอดของเจ้าพวกมนุษย์ในรอบพันปีที่ผ่านมา เราควรเมตตาให้อภัยพวกมนุษย์หรือควรมอบจุดจบให้แก่พวกมัน เอาล่ะ ถึงเวลาตัดสินใจแล้ว”
“ได้เลย”ชายผิวสีน้ำตาลที่มีผ้าโพกหัว ดวงตาที่สามและแขน4ข้างชูไม้Xด้วย2มือ”ข้าว่าน่าจะรีบล้างบางได้แล้วมั้ง”
เทพเจ้าแห่งการสร้างและการทำลายล้าง พระศิวะ(อินเดีย/ฮินดู) และเป็นเทพเจ้าแห่งอินเดียที่แข็งแกร่งที่สุด
“จากที่ข้าได้เห็นผ่านตามาในช่วงพันปีที่ผ่านมานี้ พวกมนุษย์ไม่มีทีท่าจะคิดปรับปรุงตัวแม้แต่น้อย”พระศิวะนึกถึงสงครามที่เกิดหลายครั้ง”จะไปชี้นำพวกมันก็เสียเวลาเปล่า กลังจากล้างบางพวกมันแล้ว ฉันว่าเราลองพัฒนาสัตว์อื่นซะยังจะดีกว่า”
“ทะ ท่านศิวะ ทำไมกัน”
“ถูกต้องแล้ว”เสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนหันไปดูว่าใครพูด
เขาเป็นเทพเจ้าหนุ่มผิวสีแทนสวมเสื้อคลุมสีดำเปิดโล่งบางส่วน ดวงตาสีม่วงอาร์เทมิส สวมหมวกที่รูปร่างเหมือนสัตว์มายาจิ้งจอก เขายังสวมกำไลที่แขนและขา
เซธ เทพเจ้าแห่งความโกลาหล ความแห้งแล้งและทะเลทราย
เทพเจ้าองค์อื่นเช่นฮอรัส รา และโอซีรีสพี่ชายของเขา มองดูเขาด้วยความตึงเครียดสำหรับการตัดสินใจโดยไร้ความลังเล เนฟิธิสและอนูบิสนิ่งเงียบ
“พวกมนุษย์เอาแต่ทำสงครามแย่งชิงอำนาจเพื่อไปถึงจุดสูงสุด ไม่เพียงไปให้ถึงบัลลังก์แห่งเทพเจ้าเท่านั้น แต่เข้าถึงรากเพื่อเป็นพระเจ้าที่แท้จริง พวกที่เอาแต่ขอพลังจากเรารีบทำลายไปซะ เราน่าจะทำตั้งแต่สร้างอดัม“เซธอธิบายด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
โอซีรีส ราชาเทพเจ้าอียิปต์เห็นด้วยกับเทพเจ้าแห่งความโกลาหลอย่างไม่เต็มใจ แม้แต่ฮอรัสกับราห์ก็เห็นด้วยกับเขา
“เป็นเรื่องจริง ข้าสนับสนุนคำพูดของเซธ”เสียงหญิงงามที่เกือบเทียบเท่าอลายาและที่จริงทั้งสองคล้ายกันมาก ต่างเพียงผมสีเขียวและดวงตาสีเทา รูปร่างของเธอเซ็กซี่และหน้าตาไร้ที่ติ
ไกอา เทพีมารดาแห่งปฐพี หนึ่งในเทพเจ้าที่เก่าแก่ที่สุด
ไกอามีสีหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตาเธอมีแต่ความโกรธและความเกลียดชัง เธอชิงชังมนุษย์มากที่สุด แม้เธอจะใช้อำนาจเธอบดขยี้เหล่าจอมเวทไม่ให้ไปถึงราก มีบางคนเลี่ยงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของเธอ อัครสาวก ปีศาจและจอมเวทก็เข้าถึงจุดสูงสุดของศาสตร์เวท นั่นคือโลกจำลอง
“ที่ผ่านมามนุษย์ชาติได้ทำลายธรรมชาติไปมากมายและพวกเขาใช้ประโยชน์จากชีพจรวิญญาณในผืนดินเพื่อเป็นโรงงานวิจัยเวทมนตร์ ทะเลเต็มไปด้วยน้ำมันและขยะ ป่านั้นก็แทบจะไม่เหลือแล้ว ส่วนสัตว์ต่างๆก็ค่อยๆสูญพันธุ์ไปทีละตัว หรือจะให้พูดตรงๆ พวกมนุษย์ไม่ต่างจากมะเร็งร้ายที่กัดกินโลก...เป็นภัยพิบัติที่จะนำโลกไปถึงจุดจบไม่ใช่รึไง?“
ข้างเธอมีพี่น้องและสามีเธอ ยูเรนัสและทาร์ทารัสยิ้มกระหายการทำลายล้าง ข้างๆพวกเขาเป็นเหล่าบุตรเทพไททั่นและไซคลอกตะโกนตามแม่ของเขา ไทฟอน ลูกที่ทรงพลังที่สุดของไกอาที่ได้ชื่อว่าสัตว์ร้ายของไกอาที่ยังคงนิ่งเงียบแต่พยักหน้า
ฝั่งเทพเจ้าแห่งโอลิมปัส เป็นครั้งแรกในชีวิตอมตะของพวกเขาที่เห็นด้วยกับไกอาและลูกๆของเธอ แม้มีข้อยกเว้นคือเฮสเทียที่คัดค้าน ยังมีเทพีอีกองค์หนึ่งที่ไม่เห็นด้วยคือแอสทรัล เทพีแห่งความยุติธรรมของกรีก
“รีบล้างบางให้มันจบๆไปซะ”
เสียงดังมาจากที่นั่งใกล้ประธานสภาที่สุด ตำแหน่งที่สงวนไว้สำหรับหนึ่งในเทพเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดบนโลก
เมโสโปเตเมีย
เขาสวมชุดเกราะสงคราม ผมสีเงินและดวงตาสีอาร์เทมิส แต่เขายังมีตาเล็กอีก3ตาบนหน้าผากรูปสามเหลี่ยม ผิวของเขาเป็นสีขาว แม้จะเป็นนักรบแต่เขาก็ไม่เคยบาดเจ็บสักครั้ง
เทพเจ้าแห่งสวรรค์และโลก เทพเจ้าสูงสุดของชาวบาบิโลน เบล มาร์ดุค
เทพที่เผชิญหน้ากับเทียแมทและลูกๆของเธอ เขายังนำร่างกายเทียแมทสร้างวิหารของเทพเจ้าแต่ละองค์และสร้างมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อของคิงกุ
และมาร์ดุคไม่ได้ใส่ใจการกระทำของมนุษย์
เขาแค่รู้สึกผิดหวัง
เทพบาบิโบลองค์อื่นๆ เอนู เออา เอลิล ซึ่งเป็นเทพเจ้าสำคัญไม่กล้าขัดแย้งกับผู้มีพระคุณ และสนับสนุนโดยไม่ลังเล คนอื่นๆเช่นอุลเทียร์ นาร์กาและคุธ สนับสนุนเทพสูงสุดของพวกเขาอย่างเปิดเผย คำพูดของมาร์ดุคคือกฎหมายและเขาเป็นนายเหนือหัวพวกตน
ในบรรดาเทพเจ้ามีสองคนที่โต้แย้ง พวกเธอคือเอเรซติกัลและอิชทาร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก คนหนึ่งคือราชินีแห่งยมโลกชาวสุเมเรียน และเทพีวีนัสอีกคนหนึ่งไม่ได้มองมนุษย์เป็นมากกว่าของเล่น
แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจเพราะพวกเธอมีความคิดและขัดแย้งเช่นเดียวกับเทพีแห่งความยุติธรรมของกรีกแอสทรัล ทั้งสองถูกอัญเชิญมาในฐานะเซอร์แวนท์โดยใช้ร่างจอมเวทย์ซึนดาเระที่ทำใัห้เกิดความคิดแบบมนุษย์โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาอยู่ใกล้มือธนูชุดสีแดงหรือร่างอัลเทอร์ของเขา
เทพเจ้าของญี่ปุ่น อามาเทราสึก็เห็นด้วยกับพวกเธอ เนื่องจากเธอคือทามาโมะ โนเอะ พ่อของเธอมินาโมโตะ โน ไรกะ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งสำหรับลูกชายของเขา แต่ก็เข้าข้างเทพเจ้าส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับไรจิน พ่อของซากาตะ กินโทกิ แต่ก็ออกเสียงเดียวกับเพื่อนตน
เทพเจ้าแห่งอเมริกากลาง เควซซาโคลกัดฟันอย่างหมดหนทาง เธอได้เรียนรู้และรู้จักคุณธรรมยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติจากการชกหมัดของเด็กชาย ทั้งสองยังสอนเธอว่ามนุษย์ยังมีความหวัง แต่คำตัดสินของมาร์ดุคทำให้เธอไม่อาจช่วยอะไรได้ นักรบจากัวร์ข้างๆเธอมีสีหน้าหงุดหงิดเล่นกัน
โลฮี แม่มดและเทพธิดาฟินแลนด์ที่ถูกอัญเชิญโดยคาร์เดียก็รู้สึกขัดแย้ง แต่เธอก็ยอมรับและสนับสนุนการล้างบาง เอซโคเปียส อดีตมนุษย์ครึ่งเทพชาวกรีกก็ได้แต่เสียใจและยอมรับ เธติส เทพธิดาของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งสงครามกรุงทรอยก็เห็นด้วยกับมาร์ดุค แม้ว่าจะมีส่วนหนึ่งของมนุษย์ที่เธอรัก แต่การตายของลูกชายในสงครามยังกัดกินเธอแม้ผ่านมานาน
แม้แต่เทพีแห่งดวงจันทร์ก็ต่อต้าน แต่นั่นเพราะคนรักของเธอโอไรอ้อน มีเทพไม่มากที่สนับสนุนมนุษย์ อินดรา อาชูร่า ปาเตวี คาร์มะ กาเนช่า ลู้ด นิซุน คาไมทาจิ เฟรย่า ต่างลังเลต่อการตัดสินใจก่อนจะยอมจำนนต่อเสียงข้างมากของเทพเจ้า
“เบล มาร์ดุคพูดถูก”
“พวกมนุษย์ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้าย”
“พวกมันเกินจะเยียวยาแล้วล่ะ”
“ถูกต้อง”
“มอบจุดจบให้พวกมัน”
“เห็นด้วย ล้างบางให้หมด”
คำพูดเดิมๆดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แกรอารู้สึกสิ้นหวังมาก
“มันไม่มีทางเลยที่จะขัดประสงค์ของทวยเทพได้ ถ้าหากการประชุมนี้จบลงที่การล้างบางแล้วละก็ มวลมนุษย์ก็จะ...
เทพเจ้าทั้งหมดยกไม้ชูสัญลักษณ์X
สูญสิ้นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยประวัติศาสตร์ ถ้าเป็นประสงค์ของทวยเทพล่ะก็ มันเป็นจุดจบที่ไม่มีใครหยุดได้
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้ข้อสรุปแล้วสินะ ถ้างั้นจุดจบของมนุษย์ชาติเป็นอัน...“ซุสยกค้อนกำลังจะทุบลงโต๊ะ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”อลายาตะโกนขึ้นมาด้านบนของรัฐสภา เมอร์ลินและวัลคีรี่ประหลาดใจกับการกระทำของเทพีแห่งมนุษย์ชาติ
“หืม?”ซุสชะงักมือเหลือบมองเธอ
เทพเจ้าองค์อื่นหันไปมองอย่างรวดเร็วขณะอลายาเดินลงบันไดโดยมีเมอร์ลินและวัลคีรี่ตามมา
“หา?”มาร์ดุคเหลือบดูเธอ
ใบหน้าไกอาบิดเบี้ยวด้วยความรังเกียจ เกลียดชังและโกรธแค้นต่อศัตรูคู่อาฆาต ขณะที่เธอพยายามทำลายมนุษย์ อลายาเป็นเทพเจ้าที่เกิดมาจากความเชื่อมั่นที่อยากปกป้องมวลมนุษย์ชาติ
“อลายานี่?”
“เมอร์ลินกับวัชคีรี่ด้วย?”
“เทพธิดาจอมปลอมมาทำอะไรที่นี่?”
“เฮ้ย แกจะทำอะไร?”
“เจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรอลายา! เจ้าเป็นเทพธิดาของมนุษย์เพราะเจ้าถือกำเนิดมาจากกลไกปกป้องของพวกมัน”มาร์ดุคตะโกน แต่อลายายังเดินมาอย่างเย่อหยิ่งเมินเทพแห่งเมโสโปเตเมีย
ไม่มีเทพเจ้าองค์ไหนชอบอลายา
“ขออภัยที่เข้ามาขัดจังหวะการประชุมนะคะ แต่ข้าอยากจะพูดอะไรสักหน่อย”
“สามหาวยิ่งนักอลายา!! กล้าดียังไงมาขัดจังหวะการประชุมของเหล่าทวยเทพ”ไกอาคำราม
“เทพธิดาจอมปลอม”เซธคำรามด้วยความขุ่นเคือง”การปรากฎตัวของเจ้าทำให้เรารังเกียจและเสียงน่ารังเกียจเจ้าทำลายหูข้า”
“มันก็จริงที่มนุษย์ทำผิดพลาดนับครั้งไม่ถ้วนซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“อย่าเมินกันสิ”ไกอาตะโกน
“แต่จะให้กำจัดพวกเขาแบบนั้นเลยมันก็ไม่น่าเบื่อเกินไปหรอกหรือ?“
คำพูดสุดท้ายทำให้เหล่าทวยเทพมองเทพธิดาจอมปลอมด้วยความสนใจ ไกอาเลิกคิ้วด้วยความสับสน
“การจะตัดสินว่ามนุษย์ชาตินั้นคู่ควรที่จะได้อยู่ต่อหรือไม่นั่น ด้วยความยิ่งใหญ่และเมตตาของทวยเทพแล้ว ทำไมเราไม่ลองทดสอบพวกเขาดูล่ะ”
“ทดสอบพวกมันงั้นเหรอ?”ไกอาถาม”อยากได้น้ำท่วมโลก? หรือจะทำให้เกิดยุคน้ำแข็งอีกรอบดีล่ะ?“
“ไม่ค่ะ ดิฉันมีบททดสอบที่ดีกว่านั้น”
“อะไรงั้นหรือ”
“แกวางแผนอะไรไว้ล่ะเจ้าชั้นต่ำ”
“พูดออกมาสิ”
“ศึกระหว่างทวยเทพและมนุษย์ชาติ แร็กนาร็อค”อลายาประกาศอย่างหนักแน่น
เหล่าเทพเจ้าประหลาดใจ เซธขมวดคิ้วขณะที่ไกอามีสีหน้าเยาะเย้ย มาร์ดุ๊คยังนิ่งเฉยแต่ยกคิ้วเล็กน้อย
“ระ แร็กนาร็อค”แกรอาเคยได้ยินตำนานแร็กนาร็อคของเทพเจ้านอร์ส เป็นจุดจบของโลกที่เกิดจากโลกิกับลูกๆของเขาเผชิญหน้ากับเทพเจ้าแอสการ์ด โลกิและบุตรสิ้นชีพเช่นเดียวกับเหล่าเทพนอร์ส
มันทำให้ตำนานเทพเจ้านอร์สถึงจุดจบ ไม่สิ...มันทำมีมนุษย์ยกตนขึ้นมาเป็นเทพเจ้าปกครองดินแดนหนาวเหน็บ
“หัวข้อที่62 ในย่อหน้าที่15สำหรับในกรณีพิเศษ ศึกตัวต่อตัวระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า”
ศึกระหว่างทวยเทพและมนุษย์ชาติแร็กนาร็อค
โดยมีตัวแทน13คนจากทั้งสองฝ่าย ฝ่ายที่ได้รับชัยชนะครบ7ครั้งก่อนจะเป็นผู้ชนะ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากฝ่ายมนุษย์นั้นพ่ายแพ้ครบ7ครั้งก็เป็นอันจบสิ้น แต่ถ้าหากบังเอิญว่าฝ่ายมนุษย์ชนะก็จะดำรงอยู่ไปอีกพันปี ยังไงก็ตามแต่...กฎที่ว่านั้นไม่เคยได้นำมาใช้เลยตั้งแต่สร้างมนุษย์ขึ้นมา
เหตุผลนั้นก็คือ
มันไม่มีทางเลยที่มนุษย์จะสามารถเอาชนะเทพเจ้าที่สร้างตนเองขึ้นมาได้
กฎที่ว่านั้นเขียนโดยไดโอนีซุสในช่วงเมาเหล้า มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากมุขขำๆที่เหล่าเทพใส่เอาไว้
“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ได้เข้าใจอะไรเลยนะ มนุษย์น่ะเทียบเคียงเทพเจ้าไม่ได้หรอก สิ่งที่เจ้าเสนอมามันไร้สาระสิ้นดี”ไกอาประกาศมองเธอราวกับเยาะเย้ยเทพธิดาที่โง่เขลา
เทพเจ้าองค์อื่นๆก็เห็นด้วยว่ามันง่ายเกินไปหรือไม่มีค่าให้สนใจ
“ใช่แล้ว”
“เรียกว่าฆ่าเวลายังไม่ได้เลย”
“จะไปสู้กับพวกมันทำไม”
“ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีกฎเก่าๆพรรค์นั้น”
“งั้นหมายความว่าประสงค์ของเหล่าทวยเทพคือล้างบางมนุษย์และหลีกเลี่ยงการปะทะกับมนุษย์สินะคะ”เทพธิดาแห่งมนุษย์กล่าวด้วยเสียงเข้าใจและพยักหน้า
“หา?”เซธหรี่ตาลงเมื่อได้ยินประโยคท้าย
“พวกเราต้องการจะล้างบางมนุษย์ชาติโดยไม่ต้องลงไปสู้กับพวกมนุษย์ เราไม่อยากลงไปร่วมสังเวียนเดียวกับพวกมัน”อลายาพูดเสียดสีล้อเลียนเทพเจ้า
”อย่าบอกนะว่าพวกท่าน...กลัวมนุษย์”
แกรอาเข่าทรุดลงไปเมื่อฟังสิ่งที่ผู้นำของพวกเธอพูดออกมา ขณะที่พี่สาวก้าวออกมา
“ถ้าผู้นำดิฉันพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องไปก็ขออภัยด้วยค่ะ”บรินฮิลด์พูดบ้างแต่ไม่ต่างจากการดูถูกเพิ่ม
“นั่นสิ ลืมเรื่องแร็กนาร็อคไปเถอะ”อลายาเห็นด้วย
“พอเถอะค่ะท่านผู้นำ ท่านพี่”แกรอาขอร้องให้พวกเธอหยุด
“หึๆๆๆ”ไกอาหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ”พระศิวะหัวเราะ ไม่นานเทพองค์อื่นก็หัวเราะไปทั่วสภา
อลายายิ้มมั่นใจ แกรอายืนสับสนแต่ไม่ช้าก็กลัวเมื่อเสียงกัดฟันดังขึ้น
การดูถูกศักดิ์ศรีของเหล่าทวยเทพ ประโยคนั้นทำให้เหล่าทวยเทพต่างพิโรธไปตามๆกัน กับคำพูดที่ว่าเทพเจ้ากลัวมนุษย์
“กล้าดียังไง”
“สามหาว”
“แกรู้รึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่ยัยเทพธิดาจอมปลอม”
“กล้าดูถูกพวกเรางั้นเหรอ”
“รู้สถานะตัวเองซะบ้าง”
มันเป็นดูถูกเหยียดหยามถึงที่สุดสำหรับเหล่าทวยเทพ
“ท่านอลายา ถ้าท่านต้องการดึงดูดความสนใจท่านทำได้แล้ว”เมอร์ลินเข้าใจเป้าหมายของอลายา
“เธอรู้ว่าถ้าเทียบกับมนุษย์ เทพเจ้าน่ะหลอกง่ายกว่ากันเยอะ”อลายายิ้มให้กับตัวเอง
“โฮะๆ อย่างนี้นี่เอง แร็กนาร็อคงั้นสินะ”ซุสลูบไล้สัตว์เลื่อยคลานทางด้านขวา”ช่างเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจเสียนี่กระไร”
“พูดได้ดีนี่อลายา ข้อเสนอของเจ้า แม่งโคตร...”ซุสเพิ่มแรงบีบทำให้สัตว์ระเบิดเป็นน้ำพุเลือด
“แล้วก็นะ ข้าคิดว่ามันก็นานแล้วไม่ใช่หรือที่เราจะแสดงให้เห็นถึงความเกรียงไกรของทวยเทพ”ซุสแสยะยิ้มน่ากลัว
“พวกเจ้าคิดว่าไงบ้างล่ะ พวกเราควรจะจัดมันขึ้นเลยดีไหม? การประลองระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า”
“ใช่!!!”เหล่าเทพเจ้าตอบเป็นเสียงเดียว
ซุสเอาค้อนประธานทุบโต๊ะแหลกและทำให้พื้นกับผนังระเบิด
“ศึกระหว่างทวยเทพกับมนุษย์ชาติแร็กนาร็อคก็ถูกจัดขึ้น”
@@@@@@@@
อลายาและเมอร์ลินเดินออกมาจากสภาและคุยเรื่องก่อนหน้านี้
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะทำแบบนั้นอลายา หากเทพเจ้าเห็นชอบว่าจะกำจัดมนุษย์มันก็เป็นเพียงชะตากรรมของพวกเขา ขณะที่โลกคู่ขนานอื่นๆจะรอดพ้นจากชะตากรรมนี้”มหาจอมเวทย์กล่าวอย่างหงุดหงิด
“เจ้าไม่เข้าใจเมอร์ลิน”อลายาถอนหายใจทำให้จอมเวทย์สังสน”เจ้าก็รู้จักทวยเทพ พวกเขาจะกำจัดมนุษย์ทั้งหมดในแต่ละโลกและทำลายโดยไม่เหลืออะไรเลย ข้าไม่อาจทนดูให้มนุษย์ชาติสูญสิ้นได้”
“แล้วท่านวางแผนจะชนะได้ยังไง? มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชนะเทพเจ้า”
“มันง่ายมาก”
@@@@@@@@
ในสำนักงานของหอนาฬิกา ชายชราคนหนี่งสวมชุดขุนนางชั้นสูง
เขาคนนี้คือคิชัวร์ เซลเรซ ชไวนอร์ก ผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์ลำดับที่2 ชายประหลาดที่ทำทุกอย่างเพื่อความสนุกสนาน
เมื่ออลายาปรากฎตัวต่อหน้าเขา เขาก็รู้ว่าเรื่องน่าสนุกกำลังจะเกิดขึ้น
@@@@@@@@
อาโอโกะ อาโอซากิอยู่ที่ไหนสักแห่งในยุโรป การเป็นปรมาจารย์เวทมนตร์ลำดับที่5ทำให้เธอมีอิสระทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ
แต่เมื่อจุดจบของมวลมนุษย์ชาติใกล้เข้ามา เธอก็ไม่มีทางเลือกมากนักเมื่ออลายามาหาเธอ
@@@@@@@@
คาร์เดีย องค์กรที่ดูแลปกป้องประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติจากภัยคุกคามใดๆ
แต่แน่นอนว่าฟูจิมารุ ริทสึกะ/ริเนะ มาชู ดาวินซีจัง ด็อกเตอร์โรมานอฟไม่คิดว่าภัยคุกคามต่อจากการแก้ปัญหาในอินเดียจะกลายเป็นเทพเจ้า
กอร์ดอล์ฟเป็นลมเมื่อได้ยิน
......
“คุณบอกว่าคุณมาจากโลกคู่ขนานที่เทพเจ้ายังมีอำนาจ และมนุษย์สมัยใหม่ที่ไม่เคารพยำเกรงเทพเจ้าแล้ว ทำให้เทพเจ้าขุ่นเคืองและต้องการทำลายมนุษย์ชาติในทุกไทม์ไลน์และสร้างสิ่งมีชีวิตอื่นแทน”
“ถูกแล้ว”
“และคุณต้องการการสนับสนุนจากเราเพื่อ....ให้มนุษย์ต่อกรกับเทพเจ้าได้ เราต้องการตัวแทนของเราที่เป็นความหวังสุดท้ายของมนุษย์ชาติ วิญญาณวีรชนที่จะต่อกรกับเทพเจ้า”
อลายาพยักหน้าอย่างเรียบง่าย
“คุณต้องการให้เราช่วยเลือกด้วยไหมค่ะ”
“ใช่”เทพีแห่งมนุษย์ชาติยิ้ม
อาโอโกะและอัลเควถอนหายใจ กอร์ดอล์ฟแทบจะเป็นลม เซลเรซยิ้มด้วยความสนใจ เมอร์ลินมองอลายาไม่รู้คิดอะไรอยู่ ดาวินชี่ตัวน้อยหัวเราะแม้ในใจจะเริ่มวางแผนก็ตาม
“ข้าได้เลือกแนวหน้าของมวลมนุษย์ชาติเอาไว้แล้ว ข้าเชื่อมั้นว่านักสู้คนแรกของเราจะเผชิญหน้ากับเทพเจ้าได้”
“หืม?”มาสเตอร์ทั้งสองมองด้วยความสนใจไปที่วิญญาณวีรชนที่ถูกเลือกโดยเทพธิดาของมนุษย์ชาติ
“นักบุญและทรราชที่ตั้งตัวเป็นเทพเจ้า จักรพรรดิผู้น่าสพรึงกลัวและอันตรายที่สุด”อลายาแสดงภาพนักสู้คนแรก
“นั่นมัน...”พวกเขาอุทาน
@@@@@@@@@
สนามประลองวัลฮาร่า
สนามกีฬาใหญ่รูปร่างเหมือนโคลอสเซียมเต็มไปด้วยผู้คน ชะตาของมนุษย์ชาติจะถูกตัดสินที่นี่ มีระเบียงเด่นอยู่กลางอัฒจันทร์ซึ่งเป็นที่นั่งของเทพหลัก
เทพและมนุษย์แยกกันนั่งสองฟากสนามตะโกนเชียร์ฝ่ายตนอย่างดุเดือด อโฟรไดท์จิบเครื่องดื่มอย่างสงบจ้องมนุษย์อย่างเยาะเย้ย พระศิวะดูเบื่อๆมองแมลงสาบตรงหน้าเขา ไกอามีสีหน้าเรียบเฉยแต่น่ากลัว
“นี่เป็นช่วงเวลาที่เรารอคอยมาอย่างเนิ่นนาน เวลาที่แตรนี่จะถูกเป่า เวลาที่การประลองจะเริ่มขึ้นกำลังจะมาถึงแล้ว”
ไฮม์ไดม์ (อดีต)เทพผู้พิทักษ์ของนอร์ส
“พวกท่านพร้อมแล้วหรือยัง กฎนั้นง่ายนิดเดียว สู้จนตายกันไปข้าง ชัยชนะตัดสินกันด้วยจุดจบของอีกฝ่าย”
“ถึงเวลาแล้วอลายา”เมอร์ลินพูดอย่างตึงเครียด อลายาไม่ได้พูดอะไร
ข้างหลังพวกเขาคือองค์กรปกป้องมนุษย์ชาติ ริทสึกะ ริเนะ มาชู กอร์ดอล์ฟ ดาวินชี่ อาโอโกะ อันเคว เซลเรซ และวัลคีรี่บรุนฮิลด์กับแกรอายังตึงเครียดกับการประลองที่กำลังจะเปิดฉาก
“คู่แรก แนวหน้าจากฝั่งทวยเทพ ลองมอลล์ของเขาสามารถแยกภูผากับท้องนภาได้”
“ถ้าเขาไม่ออกมาสู้แล้วใครจะมาแทนเขาได้กันล่ะ นักรบดรูอิด เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ราชาแห่งเทพเซลติก เทพแห่งความรู้ แด็กดา”
”แด็กดา”ไฮม์ไดม์ตะโกนทำให้เทพเจ้าโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น
แด็กดาเป็นเทพเจ้าเซลติกที่สูงเกือบ5เมตร เขามีเคราและผมยาวสีขาวเหมือนชายชราวัย60 ขณะที่ผิวของเขาเป็นสีแทน เขาสวมเสื้อคลุมใหญ่สีน้ำเงินพร้อมกำไลทองจำนวนมากที่มีสัญลักษณ์รูน
“บดขยี้พวกมันให้สิ้นซากซะ”มอริแกนสั่ง เทพธิดาแห่งสงครามและโชคชะตาของตำนานเซลติก
“ว่าแล้วพวกเขาต้องส่งแด็กดามาเป็นตัวแทน”เทพธิดามนุษย์พูดโดยเธอได้เลือกนักสู้คนแรกที่จะต่อกรเทพเจ้าองค์นี้โดยเฉพาะ
“และแล้วอีกฟากของลานประลอง ตัวแทนของมนุษย์ชาติคือชายคนนี้”
เสียงกลองศึกดังขึ้นมา
“มันจะจบลงตรงนี้งั้นเหรอ ประวัติศาสตร์อันยาวนาน7ล้านปี มันจะถูกลืมเลือน ณ ที่นี่งั้นหรือ 7ล้านปีแห่งความเย่อหยิ่ง”
“ไม่ๆๆๆ”มนุษย์ตะโกนโดยเฉพาะพวกที่ใส่ชุดดำ
ผู้ชมได้ยินเสียงฝีเท้าอันทรงพลังผ่านประตู
“บุรุษผู้นี้สืบทอดเจตนารมย์ของมวลมนุษย์ชาติ ได้ยินไหม จะมีใครอีกถ้าไม่ใช่เขา ชายผู้นี้จะถูกกลืนกินโดยทวยเทพงั้นหรือ”
“ไม่”
“มาเพื่อปราบปรามผู้ที่คุกคามมนุษย์ชาติ มนุษย์น่ากลัวที่กลายเป็นสัตว์ประหลาด เขาจะเผชิญหน้ากับเทพเจ้า มีใครจะคัดค้านไหม”
“ไม่”
“เจ้าชายมอสโกที่กลายเป็นซาร์แห่งรัสเซีย จักรพรรดิสายฟ้าผู้โหดเหี้ยม”
ทั้งเทพและมนุษย์พูดไม่ออกเมื่อเห็นสัตว์ประหลาดออกมาเดื่อปกป้องมนุษย์ชาติ
ตัวแทนของมนุษย์ชาติ อีวานผู้โหดเหี้ยม
VS
ตัวแทนฝั่งเทพเจ้า แด็กดา
ในขณะที่นักสู้ทั้งสองฝ่ายจ้องกันและกัน บรินฮิลด์เห็นมนุษย์คนหนึ่งกำลังอธิษฐาน
“มนุษย์เอ๋ยหยุดสวดภาวนาเสียเถอะ เพราะว่าอีกฝ่ายที่เราต้องโค่นน่ะ ก็ไม่ใช่ใครนอกเสียจาก เทพเจ้าที่พวกเจ้าสวดภาวนานั่นแหละ”
“แร็กนาร็อคศึกแรก...เริ่มได้”
ความคิดเห็น