คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : โลกนี้อยู่ภายใต้อำนาจของข้า(100%)
ทั้งสนามเงียบกริบจากคำพูดของบีสต์โฟว์ พวกเขาไม่เคยได้ยินใครพูดหยิ่งยโสแบบนี้ต่อเทพเจ้าสูงสุดของเมโสโปเตเมีย มีเพียงคนเดียวคือคิงกู...และทุกคนรู้ว่ามันจบลงยังไง
มาร์ดุกก็มืดมนจากคำพูดของคู่ต่อสู้
“มาร์ดุก...กำลังโกรธ”เอนคิดูพึมพำมองหนึ่งในผู้สร้างเขา ผมสีเขียวถูกสร้างโดยเทพธิดาอารูรุ ซึ่งเป็นลักษณะของเทพธิดาเซฟานี ภรรยาของมาร์ดุก จึงถือได้ว่าเขาเป็นลูกชายของมาร์ดุกกับเซฟานี
“ผิดแล้ว”เสียงหนึ่งแทรก มันเป็นเสียงของเทพชายหนุ่มที่มีผมสีขาวสวมแว่นตา”พ่อไม่ได้โกรธ แต่ตรงกันข้ามเขากำลังตื่นเต้น”
คนที่พูดคือนาบู ลูกชายคนโตของราชาเทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมีย และในแง่หนึ่งเขาคือพี่ชายของเอนคิดู
“น่าเสียดายที่เจ้าพูดถูก”เซฟานีกล่าว
การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว ไม่มีเหตุผลต้องยั้งมืออีกต่อไป
แผ่นดินสั่นสะเทือน ทะเลปะทุ ท้องฟ้ากรีดร้อง ฟ้าผ่าและแสงวาววับราวกับความทุกข์ยากในดินแดนบาบิโลน ลมก่อตัวเป็นพายุเฮอริเคนทำให้มนุษย์เสียการทรงตัว แต่เขายังยืนหยัดสู้ต่อไป
"ข้ามีหัวของอัปโปเป็นบ้านของข้า ร่างกายของเทียแมทเป็นดินแดนของข้า....แต่เจ้าจะเป็นถ้วยรางวัลของข้า"เทพเจ้าประกาศดวงตาส่องสว่าง
“อั๊ก”ชายผมขาวจับหัว เขาเจ็บปวดจากความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขา
“นักรบกล้าหาญ ผู้ล่านกนางแอ่น ผู้ฆ่ายักษ์ ทหารเทพเจ้าที่ต่อสู้กับมังกรบนหลัง กษัตริย์ที่ตกอยู่ในห้วงความรักกับวัลคีรี่ของโอดิน อีกผู้หนึ่งที่ปรารถนาจะเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม และอัศวินที่สังหารสหายของเขา”
“นี่มันเจ็บ”บีสต์พึมพำด้วยตาบูดบึ้งขณะที่เขายิ้มเล็กๆเมื่อหัวหยุดปวด มีรอยแตกเล็กๆใต้ตาแม้เขายังระวังประกาศของเทพบาบิโลเนีย
“เอมิยะคุง”รินพูดอย่างเป็นห่วง
“รุ่นพี่”ซากุระตะโกนตาใส
“ชิโร่”อาเธอร์เรียพึมพำ
“การประกาศครั้งยิ่งใหญ่ของราชันเทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมีย เขาจะสามารถทำให้เป็นจริงได้หรือไม่”
“ใช่”
“เขาเป็นเหนือหัวของเรา”
“สิ่งที่มาร์ดุกพูดเป็นจริง”
“นี่ของโลกของท่าน คำพูดท่านคือกฎหมาย”
เหล่าทวยเทพตะโกนอย่างดุเดือด ไม่มีใครเชื่อว่าสัตว์ร้ายของอลายาจะสามารถเอาชนะเทพเจ้าบาบิโลนได้แม้เขาจะสามารถสังหารมังกรของมาร์ดุกได้ก็ตาม
“การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว”อลายาพูดขณะกัดเล็บ ริตสึกะ ริเนะ มาชู และคนอื่นๆเฝ้าดูอย่างคาดหวังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
และเทพเจ้า....ฉันทิ้งความหายนะให้กับมนุษย์ชาติเพื่อให้พวกเขาเผชิญด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามี
รถม้าแห่งพายุ
มูบาลิตไรซ์
บนท้องฟ้า เสียงคำรามและฟ้าร้องดังก้องไปทั่วดินแดนบาบิโลน เสียงม้าดังขึ้น ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นไปเห็นราชรถของเทพเจ้าลงมาจากท้องฟ้า
เป็นม้าศักดิ์สิทธิ์4ตัวที่ออกเส้นทางเพลิง เดสทรอยเยอร์, อันเบรคเกอร์ ทัมปิ้ง สวิฟ สัตว์ร้ายเหล่านั้นไม่รู้จักความเหนื่อยล้า ทั้ง4ตัวบรรทุกรถม้าส่วนตัวของมาร์ดุกซึ่งเป็นคันเดียวกับที่เขารบกับเทียแมทในสมัยโบราณ
“ม้าสวรรค์ตัวเดิม....ไอ้เด็กน้อยเจอปัญหา”คูฮูลินน์ขมวดคิ้ว เขามีรถม้าเป็นของตัวเอง แต่ม้าของมาร์ดุกมีพลังมากกว่าเป็นพันเท่า
“ฉันเชื่อในตัวเขาคู”บาเซ็ตยืนยันแม้จะกังวล
บุตรแห่งแสงของไอร์แลนด์ส่งเสียงกรนยิ้มอย่างสนุก
บีสต์ทำตาบูดบึ้ง ม้าจอดด้านข้างของนายและนายก็นั่งรถม้าอย่างใจเย็น มันเป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับมาร์ดุกบนรถม้าที่เคลื่อนที่เร็ว อย่างน้อยมังกรก็ใหญ่และช้า แต่ม้าถูกสร้างเพื่อสิ่งเดียว
ความเร็ว
เมื่อราชันแห่งบาบิโลนกุมบังเหียน ตัวเขาก็เต็มไปด้วยไฟที่ร้อนยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
นี่คือรถม้าสุริยะดั้งเดิมที่เทพเจ้าเช่นเฮลิออส อะพอลโล่และสุริยะเทพคนอื่นๆสืบทอดมาจากเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เทพเจ้าสูงสุดกระตุกบังเหียนให้ม้าเริ่มวิ่งไปด้วยความเร็วเหนือแสง
“ความเร็วระดับเทพน่ากลัวจริงๆ ม้าของท่านเบล มาร์ดุกเป็นม้าที่ดีที่สุด”ไฮม์ไดม์ตะโกนออกมา
ต้องใช้ประสบการณ์และสัญชาตญาณเพื่อเดาการเคลื่อนไหวและหลบหลีกได้ทันเวลา แต่มาร์ดุกไม่ได้สนใจ แทนที่จะพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วที่มากกว่า
“เวร”บีสต์สบถมองดูพื้นที่เริ่มดูเหมือนลาวาเดือดลดเส้นทางหนีของมนุษย์
“ดินละลาย”ริทสึกะเห็นภูมิประเทศกลายเป็นลาวามากขึ้นเรื่อยๆ
“ความร้อนของรถม้าเบล มาร์ดุกร้อนจนล้างพื้นดินได้”มาชูกล่าว
“นั่นคือเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ เป็นไปได้ว่านี่เป็นแผนของเชามาตั้งแต่ต้น”
เทพเจ้าสะบัดบังเหียนม้าเพิ่มความเร็วของรถม้าไปยังระดับสูงสุด
“ตอนนี้แกจะทำยังไงมนุษย์?”มาร์ดุกพูดอย่างฉุนเฉียวมีรอยยิ้มเล็กๆ”เจ้ามีสองทางเลือก ถูกขยี้ด้วยรถม้าหรือโดนเผาทั้งเป็น อยากจะตายแบบไหน”
“นี่คือจุดจบของตัวแทนมนุษย์ชาติหรือ”ไฮม์ไดม์ตะโกน
บีสต์โฟว์จ้องมองเทพเจ้าบาบิโลนก่อนจะทำเรื่องสิ้นคิดสำหรับผู้ชมมากมาย....เขาวิ่งเข้าหารถม้าแสงอาทิตย์ของมาร์ดุกอย่างไม่ลังเล ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ชมทั้งหมด
“สัตว์ร้ายวิ่งตรงไปหามาร์ดุก!? เขาบ้าไปแล้ว?”
หลายคนเริ่มพึมพำเกี่ยวกับการกระทำของตัวแทนมนุษย์ชาติ คำเยาะเย้ยจากเทพเจ้าและเสียงก่นด่าของมนุษย์
“เด็กนั่นเสียสติรึไง!?”เมเดียอุทานด้วยความตกใจ แม่มดแห่งการทรยศดึงผมเธอด้วยความหงุดหงิดกับการกระทำสิ้นคิด
“ใจเย็นเมเดีย”เฮอร์คิวลิสพูดขณะดูการกระทำของสัตว์ร้าย”ต้องมีเหตุผลว่าทำไมเขาทำเช่นนั้น เชื่อใจเขาเถอะ”
เมเดียมองเพื่อนเธอก่อนจะหัวเราะเยาะ เธอไม่สามารถคิดอะไรที่สมเหตุสมผลที่จะยอมรับการกระทำของบีสต์โฟว์
“เขาพยายามจะทำอะไร?”อาโอโกะกอดอกอย่างสงสัย
“ฉันไม่รู้ แต่นี่มันเข้าไปตายชัดๆ”อลายากัดเล็บด้วยความกังวล
“ลุยเลยบีสต์ซัง ทุบหัวมัน!”กูดาโกะร้องเชียร์ปราศจากความละอาย
"รุ่นพี่/กูดาโกะ/ริทสึกะจัง"มาชู อัจฉริยะสากลและราชาจอมเวทกล่าวตามลำดับพร้อมถอนหายใจ กูดาโอะหัวเราะเบาๆกับความบ้าของสาวผมแดง แต่ทุกคนโฟกัสไปที่การต่อสู้
ทุกคนคาดหวังสิ่งที่บีสต์โฟว์จะทำเพื่อเอาชนะมาร์ดุก
สำหรับหลายคน หนุ่มเสื้อแดงกำลังวิ่งเข้าไปหาความตาย แต่บุคคลที่รู้จักไม่ได้สนใจ เพราะสำหรับเขา เขาไม่ได้วิ่งผ่านดินแดนบาบิโลเนีย แต่กำลังวิ่งไปบนเนินเขาแห่งดาบ
“เทรซออน”
จิตใจของมนุษย์ที่บิดเบี้ยวกำลังค้นหาอาวุธที่จำเป็นและเหมาะสมเพื่อเอาชนะความทุกข์ยากบนสวรรค์แห่งนี้ซึ่งกำหนดโดยเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย มาร์ดุก
และเขาได้พบมันวางอยู่มีปลายที่ถูกสาปติดอยู่ที่พื้นขณะที่ด้ามของมันชี้ขึ้นฟ้าแนวทแยงมุม
ด้วยรอยยิ้มเขาถือมันขึ้นมาไว้ในมือ
มีบางสิ่งที่ยาวเท่าหอกปรากฎขึ้นในมือของเขา แต่ใบมีดโค้งเป็นทรงกลม มันเป็นเคียวที่มีใบมีดเป็นดาบโค้ง สร้างความรู้สึกอึดอัดแก่เทพเจ้าและสัตว์เทพทั้งหมด โดยเฉพาะเทพยูเรนัสและเมดูซ่า
เคียวสังหารผู้เป็นอมตะ
เคียวแบบเดียวกับที่ไททันโครนอสใช้โค่นพ่อของเขาและดาบโค้งที่ดีมีเทอร์ไว้เก็บเกี่ยวพืชผล ดาบเทพเจ้าที่ถูกมอบให้กับเพอร์ซิอุสที่เอาชนะกอร์กอน....ชื่อของมันคือ
ฮาร์ป
“สิ่งนั้น”เมดูซ่ากอดตัวเองไม่ชอบอาวุธต้องสาปนั่นเลย และมีเหตุผลสมควรเพราะมันเป็นดาบเคียวที่ฆ่าเธอเมื่อหลายพันปีก่อน
กอร์กอนที่อายุน้อยที่สุดถูกล่อลวงให้ลงโทษชายผมขาวที่เรียกดาบเล่มนั้น แต่ตัดสินใจจะให้อภัยเพราะเธอเข้าใจเหตุผลและพลังของฮาร์ป
“ย๊าก!”เขาใช้กำลังทั้งหมดฟาดที่สายรัดม้าของ
"ยังไง"เซธตกตะลึง
“นั่นมันบ้าอะไรวะ!”ไกอาตะโกนตกใจ
“ทางนี้จะไป ช่วยคืนทุนให้ข้าเถอะ”เทพหนุ่มร้องโหยหวน คางุสึจิไม่สนใจรูปลักษณ์ที่ไม่พอใจ
แต่มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น
บีสต์ยกตัวขึ้นไปบนอากาศ เนื่องจากความยาวของฮาร์ปมากกว่าม้าศักดิ์สิทธิ์ บีสต์หลบการโจมตีและลงมาบนม้าตัวหนึ่ง
คนธรรมดามองอย่างตกใจขากรรไกรร่วงลงพื้นจากความสำเร็จของตัวแทนมนุษย์ชาติ
“อะไร?”
“คำนวณไว้แล้วเหรอ”
“เยี่ยมมาก”อัลเควอุทานด้วยรอยยิ้มสดใส
“ฉันต้องยอมรับว่าได้ผลดีทีเดียว จงภูมิใจที่ดาวินชี่จังอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ยกย่องคุณ ความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ"โลลิอัจฉริยะร้องอุทานอย่างตื่นเต้น
“ฉันรู้เสมอว่ามันเป็นสื่อบันเทิงที่ยอดเยี่ยม”เซลเรซกล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่าเบื่อ
เหมือนรอบก่อนหน้านี้ สายตาจของมนุษย์และเทพเจ้าเต็มไปด้วยความตกใจ
“เป็นไปไม่ได้”เทพเจ้าตะโกนไม่เชื่อที่มนุษย์ได้กระทำสิ่งที่ฆ่าตัวตายเพื่อผ่านอุปสรรค
รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ พูดกับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งบาบิโลเนียโดยปราศจากความเย่อหยิ่ง
“บอกฉันทีซิ อมตะเลือดออกได้ไหม”
มนุษย์พูดจบแล้วก่อนมาร์ดุกจะทำอะไรเขาก็เหวี่ยงดาบตัดหัวม้าสองตัวด้านหน้าและทำแบบเดียวกับม้าสองตัวด้านหลัง ฮาร์ปตัดมันเหมือนมีดหั่นเนยแข็งความสามารถมันเหมาะที่สุดที่จะใช้กับคนที่มีความอมตะ
“ม้าของมาร์ดุกถูกตัดหัว ม้าที่มาพร้อมกับเทียแมทได้จบสิ้นลงแล้ว”
“ไม่”เซฟานีอ้าปากค้าง
“เอ๋? ดูเหมือนม้าของพ่อต้องหยุดใช้งาน”นาบูแสดงความเห็นด้วยรอยยิ้มขบขันเล็กน้อย
“คงไม่เลวร้าย”เอนคิดูพึมพำ แม้เขาจะสนับสนุนมนุษย์ชาติ แต่ไม่ได้หมาบความว่าเขาเห็นด้วยกับการสังหารสัตว์เทพ
“ไม่ต้องรู้สึกแย่สหายข้า”กิลกาเมซพูดด้วยรอยยิ้ม”การได้เห็นราชันเทพเจ้าตกหลุมพรางเฟคเกอร์เป็นความบันเทิงที่ดีที่สุดที่โลกมอบให้ข้าได้”
ชายหัวเขียวเพียงส่ายหัวกับคำพูดของเพื่อน แต่ตัดสินใจจะไม่หักล้างคำพูดของเขา เขาสบตากับซุนดูรีผู้ซึ่งยิ้มให้เขาอย่างขบขันกับท่าทีของราชาแห่งวีรชน พวกเขาตกลงจะไม่รบกวนเขาชมการต่อสู้ไป
เทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมียตกตะลึงไปชั่วขณะม้าที่ต่อสู้กับเทียแสทร่วมกับเขาโดนมนุษย์เพียงคนเดียวตัดหัว ความสำเร็จที่เป็นไปไม่ได้ แต่มันเกิดขึ้นต่อหน้าเขา
ไม่ เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา มาร์ดุกไม่สามารถมองเขาแบบนั้นได้อีกต่อไป มันจะเป็นการดูถูกม้าและเทียแมท ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาต้องพิจารณามนุษย์ตรงหน้าในฐานะมนุษย์ที่น่ากลัว มนุษย์ที่....ไร้ชื่อ แต่มีอาวุธมากมาย ความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติเกิดมาเพื่อทำร้ายเทพเจ้า....ความชั่วร้ายของโลกนี้!!
เขาต้องตาย
มาร์ดุกสาบานว่าจะฆ่ามนุษย์ตรงหน้า
ชายผมขาวอยู่บนหลังม้าตัวหนึ่งที่ยังวิ่งต่อไปแม้ไม่มีศีรษะ เป็นความสามารถอย่างหนึ่งที่แม้จะเหนื่อยหรือตายม้าพวกนี้จะไม่หยุด แต่เมื่อไม่มีหัว พวกมันไม่สามารถวิ่งได้เต็มสปีดและวิ่งเป็นเส้นตรงได้เท่านั้น
บีสต์ยกเคียวขึ้นพร้อมจะผ่าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
"บีสต์คิดจะจบศึกในทันที ฮาร์ป ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้ามอบให้กับวีรบุรุษกรีก เป็นอาวุธยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจสังหารเทพ"ไฮม์ไดม์อุทานด้วยความตื่นเต้นกับการพัฒนาที่ไม่คาดคิด
"เอาเลยไอ้หนู"ซาซากิร้องอุทานอยากเห็นเทพเจ้าโดนหั่นเป็นชิ้นๆ
"มาดูกันว่าผลจะเป็นยังไง"EMIYAดูทุกอย่างจากในเงามืด
"โฟวๆๆ"โฟร์ร้องอุทานสนับสนันชัยชนะของเพื่อน
แต่....
เช่นเดียวกับมนุษย์ที่มีอาวุธมากมายในสต็อก....เทพเจ้ามีอำนาจสูงสุดในโลกซึ่งเขาสามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้
เพลิงสุริยัน
มนุษย์แทบไม่มีเวลาแปลกใจเมื่อคำเดียวออกจากปากเทพเจ้า ทำให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ดังก้องทั่วโคลอสเซียมสร้างความตกตะลึงให้กับฝูงชน รถม้าสุริยะของเขากลายเป็นโบรเคนแฟนทาสม์ซึ่งเป็นการโจมตีสุดท้าย
"ช่างเป็นการกระทำที่คาดไม่ถึง มาร์ดุก ราชาเทพเจ้าถูกต้อนจนมุมและถูกบังคับให้ทำลายรถม้าของเขาเอง"
"โอ้ นี่ไม่ทำให้น่าตื่นเต้นกว่านี้เหรอ"เทอร์ร่ากล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เขามีความสุขอย่างมากกับภาพตรงหน้าเขา
เขาไม่ใช่เทพเจ้าคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น นอกจากเขาแล้วอามาเทราสึ ไรจิน ซูซาโนะโอ ฮอรัสและเทพเจ้าองค์อื่นๆที่ไม่ต้องการให้มนุษย์สูญสิ้นไป พวกเขารู้สึกมีความหวัง
ในทางกลับกัน เทพเจ้าองค์อื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่เซฟานีหรือนาบู คาดว่าราชันแห่งเมโสโปเตเมียจะใช้กลยุทธ์สิ้นหวังแบบนี้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าถ้าเขาจะฆ่ามนุษย์ผู้นี้ มาร์ดุกควรใช้พลังทั้งหมดในการกำจัด
บีสต์กระเด็นไปหลายเมตร มือของเขามีโล่ขนาดใหญ่เป็นรูปไม้กางเขน เขาตอบสนองต่อการระเบิดรถม้าพลังงารแสงสร้างโล่เพื่อป้องกันตัวเอง
มันเป็นโล่ที่ยอดเยี่ยมสร้างโดยอัศวินโต๊ะกลมผู้กล้าหาญที่สุด ความแข็งแกร่งไม่มีวันลดลงตราบใดที่จิตใจของผู้ใช้ยังต่อสู้ การป้องกันของมันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของจิตใจ
และบีสต์มีจิตใจเป็นดาบ
โล่แห่งอัศวินโต๊ะกลมเปล่งรัศมีให้ทุกคนตื่นตากับพลังปกป้องของมัน
มันคือโล่ของสุภาพบุรุษใน"ตำแหน่งว่าง"บนโต๊ะกลม สำหรับผู้แสวงหาจอกศักดิ์สิทธิ์ โล่ที่เซอร์กาลาฮัทเรียกป้อมปราการแห่งยูโทเปียอันห่างไกล กำแพงสีขาวของคาเมล็อทที่เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์รวมตัวเคียงข้างราชาผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวของพวกเขา
“โล่ของอัศวินจอก ความแข็งแกร่งเทียบได้กับกำแพงสีขาวบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่ของคาเมล็อท ชายคนนี้มีอาวุธกี่ชิ้น”
“ทำได้ดีมากชิโร่”อาเธอร์เรียอุทานเสียงกระซิบด้วยความโล่งใจ
“โล่ของเซอร์กาลาฮัท...น่าประทับใจ”เซอร์เพอร์ซิวัลพึมพำมือลูบคาง
“ความสามารถขนาดนั้น”เซอร์กาเวนตาเปล่งประกายสดใส
“บางทีอาจเป็นพลังของเขาในฐานะสัตว์ร้าย?“แลนเซล็อตพูดอย่างไม่มั่นใจ เซอร์กาลาฮัทลูกชายของเขาข้างๆไม่ได้แสดงความเห็น
อัศวินจอกมองไปยังที่ของมาชู เขารู้มีบางคนไม่พอใจที่เขาทิ้งเธอ แต่งานของพี่น้องร่วมสาบานนั้นชั่วนิรันดร์
“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเราต้องรอดู”เซอร์เบดิเวียร์พูดอย่างใจเย็น
แต่อัศวินที่มีแขนสีเงินกำลังประหลาดใจกับวิธีที่กษัตริย์ของเขามองและรู้สึกหวั่นไหวกับความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ
กลับไปที่การต่อสู้ระหว่างเทพสุริยะกับสัตว์ร้ายของอลายา แม้ฝ่ายหลังจะโดนระเบิดรุนแรงแต่ด้วยโล่ของเซอร์กาลาฮัท ชายผมขาวสามารถป้องกันตัวจากความเสียหานหนักได้ และโดนส่งกระเด็นไปไกลหลายเมตร
เมื่อบีสต์กลับมาตั้งตัวได้มองดูจุดที่รถแสงอาทิตย์ระเบิดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนซึ่งมาร์ดุกน่าจะอยู่ ม่านควันบดบังตัวเทพเจ้าเอาไว้
บีสต์ขมวดคิ้วขณะเฝ้าดูควันที่บดบังการกระทำของราชาเทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมีย สัญชาตญาณและประสบการณ์มากมายในการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองบอกว่าจะมีสิ่งที่ทรงพลังและอันตรายมากปรากฎขึ้น
เขาแทบไม่ต้องรอเมื่อควันถูกกลืนโดยแสงอาทิตย์ที่เผาผลาญทุกสิ่งและขยายใหญ่ขึ้น แม้แต่ผู้ชมก็รู้สึกถึงความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นนรก ทุกคนเฝ้าดูดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ว้าว มันร้อน”กูดาโกะหายใจไม่ออกเพราะอุณภูมิที่เริ่มสูงขึ้น แม้แต่วิญญาณวีรชนก็มีเหงื่อไหล่จากความร้อน
“ได้น้ำอัดลมก็ไม่เลว”กอดอล์ฟพึมพำเหงื่อแตกเหมือนหมู
“ใช่แล้วเพื่อนหมูตอน”อาโอโกะพูดหันไปมองพ่อมดแห่งหอนาฬิกา”คุณมัวรออะไรอยู่? ใช้เวทมนตร์ของคุณสร้างอะไรบางอย่างนอกจากเรื่องตลกของคุณ”
“หึๆ คราวนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ”เซลเรซกระแทกไม้เท้ากับพื้นเปิดใช้งานเวทมนตร์ที่แท้จริงของเขา
คาไลโดสโคป
เวทมนตร์ลำดับที่2ซึ่งเป็นหนึ่งในเวทมนตร์ที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อหาทางไปสู่อาคาช่า รากเหง้าของสรรพสิ่ง
มันถูกใช้เพื่อมอบเครื่องดื่มเย็นๆให้มนุษย์ทุกคนรวมทั้งเทพเจ้าด้วย แม้ว่าบางขวดของเหลวแทนที่จะเป็นฟอง กลับเป็นซอสร้อนแทน
เพราะโลกคู่ขนานไร้ที่สิ้นสุด
ต่อหน้าสายตาคนทั้งโลก ดวงอาทิตย์แห่งการทำลายล้างเริ่มมีขนาดเล็กลงเมื่อมันลอยอยู่บนจุดสูงสุดของท้องฟ้า เผยให้เห็นมาร์ดุกที่ถือคันธนูสีทอง ดวงอาทิตย์ก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นลูกศรแสงที่ร้อนมาก
“โอ้ ไอ้เด็กเวรยังมีชีวิตอยู่”เด็กชายผมขาวพูดติดตลก
“ท่านมาร์ดุกให้ความสำคัญกับการดวลครั้งนี้ เขาจะใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดควบคู่ไปกับความเชี่ยวชาญในการยิงธนู”ไฮม์ไดม์ประกาศอย่างตื่นเต้น เขาไม่ได้เห็นมาร์ดุกสู้ด้วยธนูมานานแล้ว
ครั้งสุดท้ายคือที่ต่อสู้กับเซฟาร์เมื่อ12000ปีก่อน ซึ่งวิหารแพนธีออนของกรีกถูกโจมตีและเกือบจะถูกยึด พวกเขาต้องเรียกร้องให้เบล มาร์ดุกทำลายด้วยดาบของเขาเป็นหนทางสุดท้าย มันเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เทพเจ้าสนุกมากในเวลานั้น แต่ตั้งแต่นั้นมาทุกอย่างก็น่าเบื่อ ไม่มีการต่อสู้ ไม่มีความขัดแย้ง ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องจำเจ
จนกระทั่งตอนนี้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเริ่มแร็กนาร็อค
เพราะมันเบื่อหน่ายจริงๆ
“ในนามดวงอาทิตย์และข้าเรียกลงมาเพื่อให้ศัตรูของข้า...มอดไหม้!”มาร์ดุกพูดร่ายทำให้ลูกศรเปล่งแสงและพลังมากขึ้น
เขาเรียกสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจเขาในฐานะเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย....การอัญเชิญเทพเจ้า
เขากำลังเรียกพลังของเทพเจ้าระดับล่างที่จำได้ว่าเขาคือเทพเจ้าสูงสุด และเทพเจ้าที่ได้รับเลือกให้แทงอย่างไร้ปราณีและทำให้มนุษย์เป็นขี้เถ้าคือ...
ชาแมชหรือรู้จักในชื่ออาร์ตู น้องชายฝาแฝดของอิชทาร์ ซึ่งตัวสั่นนั่งถัดจากพี่สาวของเขาอิชทาร์และเอเรซติกัล ซึ่งมองเขาด้วยความกังวลขณะที่เห็นเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียเรียกร้องอำนาจของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ระดับต่ำกว่าต่อสู้กับความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ
“พลังของข้าเป็นของท่านเทพเจ้าแห่งสุริยะ”ชาแมชพูดด้วยความเคารพขณะคุกเข่าและกระแทกศีรษะกับพื้นทำให้ราชันแห่งเมโสโปเตเมียใช้อำนาจเขาได้เต็มที่และไม่มีข้อจำกัดใดๆ
“นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าทำไมจึงเป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่”
ผู้เฝ้าดูดวงอาทิตย์ ผู้ตามล่าสัตว์มหึมา
“อาซารุลูดูชาแมช ฮูวาบา”
ลูกธนูพุ่งไปเหมือนลำแสงด้วยความเร็วระดับทวยเทพพุ่งไปที่เป้าหมายเดียวราวกับตั้งใจทำลายล้างเมืองทั้งเมือง แต่จุดมุ่งหมายมันคือ เจาะกะโหลกศีรษะของมนุษย์ที่กล้าเผชิญหน้ากับเทพเจ้า เหนือสิ่งอื่นใดมันคือการลงทัณฑ์จากเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย
“เอมิยะคุง”รินร้องอุทานจากการโจมตีรุนแรงของเทพเจ้าบาบิโลน
“รุ่นพี่”ปฎิกิริยาเดียวกันจากสาวผมม่วง
“ชิโร่”เมดูซ่าร้องขึ้น กอร์กอนต์สัมผัสได้ถึงพลังต่อต้านสัตว์อสูรในลูกศร
“การโจมตีโดยตรงใส่สัตว์ร้ายของอลายา เขาจะสามารถรับมันไว้ได้เหมือนก่อนหน้านี้หรือจะพ่ายแพ้ใต้เทพเจ้า”
แต่บีสต์โฟว์ไม่ได้กังวลกับสถานการณ์นี้ ยังคงยิ้มให้กับความกังวลของผู้ชม
“เทรซออน”
โลหะทรงกลมลอยอยู่เหนือมือของชายผมขาว วัตถุนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับเทพเจ้าเซลติก แต่สำหรับบาเซ็ตเธอยิ้มกว้าง หมาเฝ้ายามของอุลเตอร์แสดงสีหน้าดุดันและขบขัน ขณะที่ราชาองค์ใหม่ของเทพเจ้าเซลติก และบิดาของเซตันตะ ลูดท์ ดวงตาเขาส่องประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ข้าไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เห็นมนุษย์คนอื่นนอกจากฟราก้าที่เขาให้พรเมื่อนานมาแล้วใช้ดาบแสนรักของเขา”
“นั่นใช่ที่ข้าคิดรึเปล่า”ไฮม์ไดม์เบิกตากว้าง เขาไม่ได้คาดคิดว่าอาวุธชิ้นนี้จะปรากฎ
“แน่นอนมนุษย์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ”ลูพึมพำอย่างครุ่นคิดขณะเฝ้ามองสัตว์ร้ายของอลายา
“และอีกมากมาย....ท่านรู้ไหม? ข้ารักชายคนนั้น”มอร์กาน่า เทพธิดาแห่งความตายกล่าว ต้องการคนแทนที่เทพเจ้าแด็กดาที่หายตัวไปก่อนหน้านี้โดยความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญมากมายจากมุมมองของเทพธิดา
เทพธิดาและหญิงบางคนมองที่เทพธิดาเซลติกอย่างไม่เป็นมิตรจากคำพูดที่ชัดเจนของเธอ แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้สนใจมากนักเกี่ยวกับความหึงหวงของคนเหล่านั้น
“โอ้ นี่เยี่ยมมาก”คูฮูลินท์มีรอยยิ้มกระหายเลือด
“ดาบของเทพเจ้าแห่งสงครามปรากฎขึ้นเพื่อมนุษย์ชาติอีกครั้ง”บาเซ็ตพึมพำมองดูบีสต์โฟว์บรรจุกระสุนปืนของลู
ขณะที่ลูกศรพุ่งเข้ามา ทรงกลมที่ลอยเหนือมือของมนุษย์เริ่มสร้างและเพิ่มพูนไฟฟ้าอย่างรุนแรงซึ่งมีรูปร่างเป็นใบมีดแหลมคมรวมทั้งสลักรูนบนใบมีด ขณะที่วงแหวนมีอักษรรูนอยู่ข้างในลอยอยู่รอบๆฐานของใบมีดคล้ายกับวงแหวนดาวเสาร์
“นั่นมัน...”
“เป็นไปไม่ได้”
“ชายคนนั้นเป็นใคร”
เขาเพิกเฉยต่อความเห็นของผู้ชม สัตว์ร้ายของอลายายกหมัดชกทรงกลมทำให้ดาบพุ่งเข้าหาศัตรู สร้างความตกตะลึงให้กับหลายคนที่ไม่รู้จักอาวุธชิ้นนี้และสร้างความประหลาดใจให้กับเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียที่จดจำดาบเล่มนั้นได้
แต่มันสายไปแล้ว
พลังที่ใช้เมื่อกระทบทรงกลมและพลังที่เล็ดลอดออกมา ถุงมือของเขาถูกเผาจนเกือบจะไหม้มือของเขา แต่ดาบพุ่งไปเร็วกว่าศรของมาร์ดุก
ฟลาการัช
สไตรค์ลาสต์ สไตรค์เฟิร์ส
“ดาบแห่งแสงของเทพเจ้าลู!!”ไฮม์ไดม์ประกาศเสียงดังก้องทำให้ทุกคนรู้ถึงศาสตราทรงอานุภาพ
ดาบแห่งแสงของไอร์แลนด์พุ่งด้วยความเร็วสูงสกัดกั้นลูกศรสุริยะของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และเมื่อทั้งสองปะทะกัน ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ทำลายการโจมตีของเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย มันไม่หยุดเพียงเท่านั้นและพุ่งเข้าหามาร์ดุก
“มาร์ดุก!!!”ภรรยาอุทาน ด้วยตาทิพย์เธอรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้มาเยือนสามีของเธอ
นาบุยังเงียบด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก ข้างๆเขาคางุสึจิมีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย
“ลูกชาย”เออาพึมพำด้วยความกังวล
พระศิวะ, เซธ, ไกอาและเทพเจ้าอื่นๆมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าซึ่งดูเหมือนเป็นไปไม่ได้
“ฟลาการัสทำลายการโจมตีของเทพเจ้าและตอนนี้เขาตั้งใจจะตอบโต้ด้วยการโจมตีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเขาเอง”
เทพเจ้าแห่งบาบิโลนสัมผัสได้ถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้เขาและรับรู้ถึงดาบที่เป็นของเทพเจ้าองค์หนึ่งที่สืบทอดอำนาจดวงอาทิตย์และพายุ ลู เทพแสงของไอร์แลนด์ เขาเริ่มใช้พลังอำนาจของเขาเพื่อตอบโต้การโจมตีคู่ต่อสู้
เพราะโลกนี้อยู่ใต้อำนาจของเขา
พื้นที่รอบฟลาการัชเริ่มโค้งงอเป็นผลมาจากอำนาจของราชันแห่งบาบิโลนพยายามจะต่อต้านดาบของลูที่จะแทงทะลุหัวใจของเป้าหมาย การอยู่ในดินแดนบาบิโลนทำให้เขามีอำนาจเพิ่มขึ้น
“เอ๋? เกิดอะไรขึ้น? ดาบของเทพลูดูเหมือนจะโค้งงอ”ไฮม์ไดม์กล่าวอย่างตกตะลึง ดาบแห่งเทพเจ้าสงครามรู้จักกันดีว่าทะลวงหัวใจได้อย่างแม่นยำ
ดวงตามาร์ดุกลุกโชนด้วยเปลวไฟสีทอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาใช้อำนาจสูงสุดของเขาซึ่งเป็นมาเบิ้ลแฟนทาสม์เพื่อต่อสู้กับดาบ
ดาบที่จะพุ่งทะลวงหัวใจหักเหอย่างน่าอัศจรรย์ต่อหน้าผู้ชมทั้งหมดที่ตกตะลึง
แต่....โลหิตของเทพเจ้าไหลออกมา
“ท่านมาร์ดุกเลือดออก!?”ไฮม์ไดม์ตะโกนอย่างตกตะลึงและตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น เทพเจ้าแห่งบาบิโลนไม่เคยเลือดไหลสักครั้งตั้งแต่เขาต่อสู้กับเทพธิดาองค์เดิมของเมโสโปเตเมีย
“ท่านพ่อเลือดออก”นาบูกล่าวด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“โอ้ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”คางุสึจิอุทานด้วยความสนุกสนาน เขาใกล้จะได้รับเงินคืนและการแก้แค้น แก้แค้นต่อสวรรค์ที่สาปส่งเขา
“ทำได้ดีเฟคเกอร์ ไม่เลวสำหรับไอ้เลียนแบบอย่างแก จงยินดีที่ได้รับความเคารพ”กิลกาเมซมีความสุขที่เทพเจ้าหลั่งเลือด สำหรับราชาแห่งอูรุก เฟคเกอร์ก็พอๆกับภัยพิบัติ แต่ความเกลียดชังต่อเทพเจ้ามีมากกว่า และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นเทพเจ้าสูงสุดแห่งบาบิโลนได้รับบาดเจ็บจากของปลอมอย่างความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ
“เยี่ยมไปเลยบีสต์ซัง”กูดาโกะร้องชูหมัด
“นั่นคือสัตว์ร้ายของฉัน ของฉัน และของฉันเท่านั้น”ตัวแทนที่สองของเคาเตอร์กาเดี้ยนพูดอย่างหน้าด้านและบอกความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติเป็นของเธอเอง
“รู้สึกแปลกที่สนับสนุนสัตว์ร้ายในฐานะแกรนเซอร์แวนท์ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยอมรับ”โซโลมอนยิ้มเล็กน้อยขณะดูการต่อสู้ถัดจากโลลิดาวินชี่
“ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้น”เมอร์ลินตอบด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
ฉันหวังว่าเขาจะชนะอย่างรวดเร็ว....หรือร่างกายของเขาจะสร้างดาบอนันต์
พื้นเริ่มสั่นสะเทือนชายหัวขาวออกจากความคิด บีสต์สังเกตรอยแตกเริ่มเปิดขึ้น
“อะไร?”มนุษย์มองคู่ต่อสู้เขา
“ใช่ แกทำมันแล้ว”EMIYAพูดจากในเงามืดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มันไม่ใช่เรื่องใหม่”โคจิโร่ยิ้มบางๆกับการทำให้เทพเจ้าโกรธ
ผู้ชมทุกคนตัวสั่นเมื่อเห็นร่างของเทพเจ้า เทพเจ้าสูงสุดที่ให้โอกาสมนุษย์ชาติในการคุ้มครองอย่างนอบน้อม....สิ่งที่สมบูรณ์แบบแต่แรก
เทพเจ้าหลั่งเลือดจากน้ำมือของมนุษย์....ยอมรับไม่ได้
“ความผิดที่มนุษย์กระทำต่อราชาเทพเจ้าจะถูกลงทัณฑ์”
สายตาฆาตกรรมที่มาร์ดุกมอบให้บีสต์ยืนยันคำพูดของไฮม์ไดม์
ด้วยอำนาจของเทพเจ้าสูงสุด
ข้าขอเรียกขานเทพเจ้าอีกครั้บ....แต่แทนที่จะเรียกพลังแห่งดวงอาทิตย์ มาร์ดุกเรียกพลังแห่งยมโลก
ข้าขอเรียกประตูแห่งความตาย....
เอเรซติกัลตัวสั่น อิชทาร์มองเธอด้วยความกังวล
“เทพเจ้าสูงสุด สิ่งอื่นใดที่อยู่เบื้องล่างสวรรค์เป็นของท่าน....แม้ข้าจะเป็นราชินีแห่งยมโลก ท่านคือผู้ตัดสินว่าวิญญาณใดจะลงมายังอาณาจักรข้า”เทพธิดาผมบลอนด์กล่าว ยอมให้เทพเจ้าบาบิโลนเข้าถึงดินแดนยมโลกได้เต็มที่
เธอไม่อาจหักล้างคำสั่งของเขาได้ เพราะโลกนี้คำพูดของมาร์ดุกคือกฎหมายและผู้มีอำนาจสูงสุด
คูล คิกัล อิลคาดูร่า
รอยแตกบนพื้นเริ่มปรากฏมือโครงกระดูกขนาดมหึมาเพื่อจับและลากเขาสู่แดนยมโลก แต่ปฏิกิริยาที่รวดเร็วของสัตว์ร้ายแห่งอลายาทำให้เขาหลบได้อย่างสง่างาม
“สุดยอดมาก! เบล มาร์ดุกได้เข้าควบคุมดินแดนยมโลกเพื่อฉีกวิญญาณจากสัตว์ร้ายของอลายา”
แต่มือผีเริ่มเพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อยและดุร้ายมากขึ้น
“โอ้ ช้า....ช้ามาก”บีสต์กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะหลบไปเรื่อยๆ
“นี่มันแย่....ถ้าเขาโดนจับได้ก็จบเห่”เฮอร์คิวลิสพูด ในฐานะวีรชนที่เดินทางไปกลับยมโลกเมื่อฮาเดสเป็นผู้ปกครอง เขาเห็นว่าดินแดนแห่งความตายเลวร้ายแค่ไหนสำหรับชาวกรีก คูร์หรืออีร์กัลลาสำหรับชาวเมโสโปเตเมีย
เขาเองก็เคยเห็นเธเซอุส ลูกพี่ลูกน้องของเขาติดอยู่และถูกทรมาณในสถานที่แห่งนั้น มันเป็นเพียงความเมตตาหรือความไม่สนใจที่ฮาเดสมีต่อวีรชนที่ปล่อยให้เขาจากมาได้โดยไม่มีปัญหามากนัก
“ตอนนี้เจ้ามองโลกในแง่ร้าย”เมเดียพูดกับเพื่อนเก่า”ถ้าเจ้าเชื่อมั่นในตัวเขาก็จงเชื่อใจเขาว่าจะผ่านพ้นสิ่งนี้ไปได้”
เฮอร์คิวลิสจ้องมองแม่มดเงียบครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างสนุกสนานทำให้หลานสาวของไททันดวงอาทิตย์หงุดหงิด
“ลืมไปเจ้าแพ้ทางวีรชนงี่เง่า”
“หุบปาก!!”อดีตภรรยาของเจสันกรีดร้องด้วยความโกรธ บุตรชายของซุสหัวเราะกับปฏิกิริยาของแม่มด
สัตว์ร้ายของอลายายังหลบหลีกมือยักษ์ของยมโลกจนกระทั่งเขาโดนล้อมไว้ทุกด้าน
“ฟ่อ!!”
“ชิโร่”เมดูซ่าพูดอย่างกังวลกระดิกหางอย่างประหม่า
“ไม่”อลายาอุทาน
“โอ้ บีสต์โฟว์ถูกต้อนจนจมุมแล้ว มาร์ดุกจะได้แก้แค้นและพึงพอใจที่ได้จบชีวิตคู่ต่อสู้หรือไม่”
@@@@@@@@@@
จนกว่าจะถึงสงครามครั้งต่อไป
สามพี่น้องได้ผ่านความยากลำบากร่วมกันจนถึงจุดจบของสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ และได้มายังใต้ดินของวัดริวโด
เพื่อปลดปล่อยความชั่วร้ายทั้งหมดของโลกนี้
อาเธอร์เรียได้จากไปด้วยรอยยิ้มหวังว่าจะได้พบฝักดาบของเธออีกครั้ง
คูฮูลินน์กลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือด
EMIYAเผชิญหน้ากับเงาอย่างเต็มที่ แต่การทำภารกิจของอลายาในขณะปกป้องริน ในที่สุดเขาก็ฝากให้ตัวเขาสมัยเด็กจัดการต่อ
เมดูซ่าเข้าร่วมกับสามพี่น้องเพื่อช่วยซากุระแม้กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดกอร์กอนต์
เมเดียคลุ่มคลั้ง ร่างกายเสื่อมสภาพและจิตใจแตกสลาย สิ่งที่เธอเห็นคือเจสันและความเกลียดชังเธอก็เพิ่มพูน....จนเธอถูกกำจัด
ซาซากิ โคจิโร่ถูกสังเวยเพื่ออัญเชิญทรูแอสซาซินออกมา
เฮอร์คิวลิสถูกย้อมด้วยเงาจนความบ้าคลั่งเพิ่มพูนไปอีกระดับ....แต่เขายังปกป้องนางฟ้าหิมะ
กิลกาเมซ....ตายด้วยความประมาท
และวีรชนที่คุกเข่าอยู่หน้าจอกศักดิ์สิทธิ ร่างกายของเขาถูกทำลายด้วยดาบที่ออกมาจากร่างกายและอันอื่นๆที่แทงเขาเป็นของขวัญจากราชาทองคำ
มิยุ
น้องสาวเขาอยู่ในชุดสีดำแดง
@@@@@@@@@
“เทรซออน”วงจรเวทของบีสต์สว่างไสวเป็นสีฟ้า ขณะเขายกมือขึ้นรอยแตกก็เริ่มก่อตัวและสร้างรูปร่างเป็นอาวุธชิ้นเดียวที่ทำลายเขตแดนแห่งความตายทั้งหมดด้วยคมของมัน
หอกที่ไม่มีวันลืมของบิดาทุกคน
“นั่น....เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม”เฟรย่าอุทานไม่อยากเชื่อเมื่อหอกที่มีชื่อเสียงมากในแพนธีออนของเธอปรากฏขึ้นในมือสัตว์ร้ายของอลายา
แม้แต่เบลกิมและวิด้ายังอ้าปากค้างกับการปรากฎของหอกบิดาผู้ล่วงลับในแร็กนาร็อค
มันเป็นสีทองสุกใส อักษรรูนถูกแกะสลักบนใบมีดและด้ามจับซึ่งทำมาจากกิ่งไม้ขนาดใหญ่ มันเป็นอาวุธของราชาแห่งแอสการ์ดและพินาศในยามสนธยาของเหล่าเทพนอร์ส
“กุงนีล”แล้วความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติก็ปลดปล่อย”การประกาศสงครามของมหาเทพแห่งความตาย”
ทั้งหมดเพื่อตอบโต้อำนาจของยมโลกที่ปิดล้อมเขา หอกของโอดินมีพลังน้อยกว่าเก โบลก์เรื่องอำนาจการยิง แต่....ระยะโจมตี ความเร็วและความสามารถของมันเพิ่มโอกาส2เท่า
หอกมีลักษณะเฉพาะที่ทำให้มันมีอำนาจสูงสุดในบรรดาหอกทั่วโลก
หอกนั้นถูกสร้างมาเพื่อขว้าง
แม้มันไม่สามารถใช้ได้ในระยะประชิด แต่คุณค่าที่แท้จริงของหอกของโอดินก็เผยเมื่อมันถูกขว้าง
มาร์ดุกพยายามใช้อำนาจสูงสุดของเขาอีกครั้งกับอาวุธบีสต์ แต่ความเร็วกุงนีลเหนือกว่าฟราการัสหรือเก โบลก์
กุงนีลตัดมาร์ดุก
ราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมโสโปเตเมียไม่ได้บาดเจ็บเพียงครั้งเดียวแต่ถึงสองครั้ง
“สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ เราเป็นพยานเหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มาร์ดุกไม่ได้รับบาดเจ็บเพียงครั้งเดียว แต่ถึงสองครั้ง”
รออีก50%
“มาร์ดุก”เซฟานีพึมพำ
“เป็นไปไม่ได้”ไกอาอุทานอย่างกระวนกระวาย
“มันไม่ได้อยู่ในวิสัยทัศน์ของข้า”เซท ราชาแห่งทะเลทรายมีสีหน้าว่างเปล่า
“ว้าว สนุกดี”คางุสึจิพูดอย่างอารมณ์ดีรู้สึกที่ราชาเทพได้รับบาดเจ็บ
“มนุษย์ที่ไม่ใช่มนุษย์”เฟรย่าพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม
การทำร้ายเทพแห่งดวงอาทิตย์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ยังถึง2ครั้ง บางคนคิดว่ามันเป็นโชคช่วยในครั้งก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ทุกคนตระหนักได้ว่าสัตว์ร้ายของอลายาสามารถสู้กับเทพเจ้าสูงสุดได้อย่างทัดเทียม
อย่างไรก็ตามหอกไม่ได้ระเบิดร้ายแรง แต่แตกต่างจากฟลาการาส ตรงที่มีการโจมตีสำคัญกว่าดาบแห่งเทพเจ้าสงครามซึ่งมันเฉือนผ่านเทพเจ้าสูงสุดและเรียกเลือด
“จอมเวทระดับนั้น...”
“เจ้าสังเกตเห็น”โซโลมอนมองแคสเตอร์คู่หู่ของเขา บทสนทนาดึงความสนใจคนที่อยู่ในห้อง
ทางด้านเซลเรซแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัยทำให้ได้รับสายตาสงสัยและรำคาญจากอัลเควและอาโอโกะ ผู้หญิงทั้งสองรู้จักปรมาจารย์แห่งเวทมนตร์ลำดับ2เป็นอย่างดีและรอยยิ้มนั้นบอกว่า”ฉันรู้บางอย่างที่พวกนายไม่รู้”ซึ่งทำให้หลายคนหงุดหงิด รวมถึงอลายาที่สังเกตเห็นรอยยิ้มของแวมไพร์
คนอื่นๆหันมามองแกรนแคนเตอร์ทั้งสองคน
“คุณหมายถึงอะไร”กูดาโกะถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
เวทมนตร์ของบีสต์โฟว์มีพลังมากหรือไม่”มาชูถามอย่างกังวลว่าในอนาคตต้องเผชิญสัตว์ร้ายของอลายาหรือไม่
พวกเขาไม่หวัง แต่บางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกยิ่งกว่าแฟนเก่า
“ค่อนข้างตรงข้าม”เมอร์ลินยิ้มเล็กน้อย”เป็นเวทมนตร์ที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในโลก”
“หา?”ริทสึกะสับสนกับจอมเวทแห่งบริเตน
“แต่เมื่อกี้นี่คุณดูประหลาดใจกับเวทมนตร์”กอร์ดอล์ฟพูดสับสนเหมือนคนอื่น
“นั่นเพราะเขานำเวทมนตร์ที่ไรัประโยชน์ดีงขึ้นสู่ระดับใหม่”ดาวินซี่ตอบรู้สึกว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง
“ตามที่วิศวกรอัจฉริยะบอก”โซโลมอนพูดด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ”เวทมนตร์ที่บีสต์ใช้คือการวิเคราะห์โครงสร้าง แต่ถูกยกระดับขึ้นด้วยเวทเสริมพลังและต้นกำเนิด”
“เช่นอะไร”
“การเสริมพลังของเขาอยู่ในระดับที่เขาสร้างแบบจำลองของโนเบิลแฟนทาสม์ได้
เทพเจ้าบาบิโลนไม่สนใจความเจ็บปวด พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาพุ่งขึ้นสูงเป็นสัญญาณว่าเขาจะปลุกพลัมของเทพเจ้าอีกองค์นึงภายใต้บัญชาของเขาเพื่อกำจัดมนุษย์
ช่องว่างมิติเปิดออกเหนือนักรบทั้งสอง ทุกคนมองดูอวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาวและดาวเคราะห์
"สวรรค์เปิดกว้างสำหรับเทพเจ้าสูงสุด บีสต์จะรอดการโจมตีนี้หรือไม่"
เวลาเดียวกับที่ไฮม์ไดม์พูด อิชทาร์ตัวสั่นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับชาแมชและเอเรซติกัล ราชาเทพเจ้าได้ใช้พลังของวีนัส
"หนึ่งในชายไม่กี่คนที่ไม่เห็นค่าความรักของข้าและเอาน้องสาวข้าไปเป็นภรรยาแทน....เดาว่าข้าคงไม่มีทางเลือก"เทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์บ่นด้วยความรำคาญ
การทำลายล้างโลกจากท้องฟ้า
อัน กาล ทา คิกาล ชุ(ฟืนสะเทือนภูผาแห่งดาวพระศุกร์)
และแล้วพลังจากอวกาศก็โจมตีมนุษย์อย่างไร้ปราณี ลำแสงของพลังเข้มข้นถูกยิงออกไปยังบีสต์ของอลายา
"ชิโร่"อาเธอร์เรียร้องอย่างกังวล เช่นเดียวกับเธอ ริน ซากุระ บาเซ็ต เมดูซ่าและคนอื่นๆก็มีสีหน้าคล้ายกัน
คนอื่นเช่นคู ฮูลินน์, เฮอร์คิวลิส , ซาซากิ แม้แต่EMIYAก็ตึงเครียดกับการโจมตีของเทพเจ้าสูงสุด
แต่มนุษย์ที่ถูกเรียกขานว่าความชั่วร้ายของมนุษย์....เขาเอาชนะความทุกข์ยากนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับครั้งนี้
@@@@@@@@@@
สิ่งนั้นมาจุติบนเนินเขาแห่งดาบ
พบร่างของชิโร่ที่ริมแม่น้ำพร้อมกับดาบปริศนา แต่สิ่งที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่คือความปรารถนาของมิยุ
เมดูซ่าพบเขาและพากลับไปที่บ้านเอมิยะอย่างระมัดระวังเพื่อช่วยเขา อิลิยาได้ใช้พลังเวททั้งหมดเพื่อให้วิญญาณในตัวเขา แต่ตอนนี้มันเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมและมหัศจรรย์ที่ยังรักษาวิญญาณได้
ด้วยการใช้การเชื่อมต่อกับนางฟ้าหิมะและความช่วยเหลือของรินในการหาร่างตุ๊กตาที่เหมาะสมซึ่งทำโดยนักเวทบางคนที่เกลียดนักเวทที่แท้จริง
ในที่สุดอิลิยาใช้อาภรณ์สวรรค์เพื่อถ่ายโอนวิญญาณของน้องชายไปยังร่างใหม่ มันค่อนข้างง่ายแต่เด็กผมขาวมีปัญหาในการใช้เวทมนตร์ที่แท้จริงของตระกูลเธอ
วงจรเวทมนตร์ของพวกเขาเริ่มเสื่อมลงไม่มีทีท่าจะหยุด
ชิโร่ ริน ซากุระและเมดูซ่าพยายามเต็มที่เพื่อช่วยเธอ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ การปรับสภาพของปู่ได้สร้างเธอเพื่อให้เธอถูกทำลายล้างสำหรับลูกสาวของคิริทซึงุ
ดังนั้นที่พวกเขาทำได้คือปลอบโยนเธอ
ผ่านไป1ปี เด็กสาวผมขาวตาปิดลง มือเธอถูกจับโดยน้องชายที่ร้องไห้ไม่หยุด
เขาได้สูญเสียครอบครัวของเขา คิริทซึงุ มิยุ และตอนนี้อิลิยา....มันยากเกินกว่าเขาจะแบกรับไหว
แต่
"มีชีวิตต่อไปชิโร่....ฉันรู้มีเหตุผลที่เธอรอดมาได้จนถึงตอนนี้"หญิงสาวพูดด้วยท่าทางว่างเปล่า เธอมองไม่เห็นอีกต่อไป แต่เธอไม่สน เธอมีบางอย่างที่สำคัญจะพูด"ฉันรักคุณ....ฉันจะไปเจอมิยุกับพ่อ"
"อิลิยา"เขาร้องสะอึกสะอื้น
ในที่สุดนางฟ้าสีขาวก็ยิ้ม
"ฉันพอใจแล้วล่ะ"
และนางฟ้าก็ไปสู่โลกแห่งจินตนาการและความสุขชั่วนิรันดร์ของเธอ อวาลอนที่ห่างไกลได้เปิดประตูในที่สุด
@@@@@@@@@
ธนูสีดำของบีมต์โฟร์ปรากฏขึ้นในมืออีกครั้งและเขาก็คุกเข่าลง
นี่เป็นหนึ่งในการยิงที่ยิงใหญ่ที่สุด
การยิงนี้ต้องใช้สมาธิทั้งหมดของเขา....เขาอาจฆ่าตัวตายได้
มือขวาเขาสร้างดาบที่จะเผชิญหน้าเทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมียในครั้งนี้
ความร้อนปกคลุมสนามไปถึงที่นั่งชม....ความร้อนนั้นมากพอๆกับมาร์ดุก
อุณภูมิสูงจนเสื้อคลุมสีแดงกลายเป็นขี้เถ้าเหลือเพียงกางเกงที่ยังอยู่
“ตอนนี้....ดาบเล่มนั้น....มันคือสัตว์ประหลาด”เฟรย่าพูดด้วยตัวสั่น สัญชาตญาณเธอบอกให้หนีไป นี่คือดาบที่เอาชีวิตเฟรย์น้องชายที่รัก และในที่สุดก็เป็นอาวุธที่โลกิเคยใช้เพื่อทำลายโลกทั้ง9
มันคือดาบที่รวมทั้งสาม เซิร์ต, เฟรย์ และโลกิ มีลักษณะคล้ายรองโกมิเนียตโดยมีข้อจำกัด9ประการ มันแทนแต่ละโลกและต้องปลดลิมิตเพื่อดึงพลังของอาวุธทำลายล้างที่ทรงพลังที่สุดของสแกนดิเนเวียออกมา
ดวงตาสกาดี้สว่างขึ้นพยายามหลีกหนีจากทุกสิ่ง แต่รูปลักษณ์ของดาบทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เธอเปิดปากท่องคำพูดศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนได้ยิน
แอสการ์ดได้รับการอนุมัติ
ศัตรูต้องเป็นเทพเจ้า
ศัตรูเขาคือมาร์ดุก เทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
อัฟเฮมได้รับการอนุมัติ
จิตวิญญาณของผู้ใช้ต้องบริสุทธิ์
แม้มีความยากลำบาก แต่จิตวิญญาณของเขาก็สะท้องแสงเมื่อได้รับความสดใสจากผู้อื่น
มิดการ์ดได้รับการอนุมัติ
ผู้ใช้ต้องไม่ได้มีความเป็นมนุษย์
แม้ว่าเขาจะต่อสู้เพื่อมนุษย์ชาติและครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์ แต่ในฐานะความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ เขาไม่ใช่มนุษย์
วานาไฮม์ได้รับการอนุมัติ
การต่อสู้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน
เขาเป็นหนึ่งในความหวังของมนุษย์ชาติที่ต่อสู้เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอด
โยทันไฮม์ได้รับการอนุมัติ
มอนสเตอร์ต้องเข้าใจ
คาธ พาลัคถูกมองว่าเป็นสัตว์ประหลาดสำหรับบางคน แต่สำหรับบีสต์แห่งอลายา มันเป็นสาเหตุทำให้เธอยังคงต่อสู้ต่อไป มันคงไม่มีเหตุผลจะเรียกเขาว่าเพื่อนที่ดีที่สุด....ไม่นับอิซเซย์ แน่นอนนั่นเพื่อนที่เขาดื่มชาด้วยทุกเช้า
เฮลไดม์ได้รับการอนุมัติ
ต้องรู้จักความชั่วร้ายทั้งหมดของนรก
ชายคนนี้เป็นคนแรกที่หน่วยความจำเห็นนรกบนโลกและจากความทรงจำรุ่นอื่นของตัวเอง เขาสัมผัสขุมนรกมามากมาย
นีวาเลเฟียได้รับการอนุมัติ
เจตจำนงของผู้ใช้มากกว่าฝ่ายตรงข้าม
เจตจำนงของเขาคือเหล็กกล้า ความมุ่งมั่นของเขาคือเหล็ก และความพากเพียรของเขามีความแกร่งดุจเพชร เจตจำนงของเขาไม่มีวันสั่นคลอน ชายคนนี้ไม่รู้จักยอมแพ้
มุสเพลเฮมได้รับการอนุมัติ
มันต้องเกิดจากไฟ
เกิดจากเปลวไฟคำสาปที่สร้างโดยเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายและความมืด อังรี มายู
นิฟเฮมได้รับการอนุมัติ
ต้องมีความปรารถนาเบื้องหลังอย่างใดอย่างหนึ่ง
เขาอยากเป็นผู้ผดึงความยุติธรรม โง่เง่าแต่จริงใจ
“ไปเลยลิเวียธาน!”ชายผมยาวปล่อยดาบจากคันธนูทำให้แขนของเขาไหม้ คลื่นกระแทกส่งมนุษย์ลอยไป
“รุ่นพี่”ซากุระร้องอย่างตื่นตระหนก
แต่หลายคนจับจ้องธนูที่ยิงออกไป
“เหมือนกับว่ามันเป็น....ธนูเอง”เฮอร์คิวลีสพูดอย่างประหลาดใจ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงธนูและเป็นหนึ่งในมือธนูที่เก่งที่สุดในกรีซ มีเพียงไอไรอ้อน ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ทัดเทียมหรือเหนือกว่า
“นั่นเป็นทักษะมากมาย”ซาซากิพึมพำกับตัวเอง เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธนู แต่เขาอ่านคนเก่งและความสามารถเขาบอกได้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่า
ลูกศรสังหารยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าพุ่งขึ้นสูงใส่ศัตรูที่ตกลงมาจากฟ้า
เมื่อทั้งสองปะทะกันก็เกิดคลื่นกระแทก
“การปะทะพลังช่างรุนแรงอะไรขนาดนี้ อาวุธใหม่ของบีสต์โฟร์สามารถปะทะกับศาสตราเทพของเทพเจ้า มีอะไรที่ชายคนนี้ทำไม่ได้บ้าง”ไฮม์ไดม์กล่าวด้วยความยินดีกับความลันเทิงมากมายที่เธอได้รับจากความพากเพียรที่ตัวแทนมนุษย์ชาติคนที่3แสดง
ความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติลุกขึ้นยืนอีกครั้งแม้การหายใจเขาจะตอดขัดและรอยแตกบนร่างกายของเขาก็เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะที่แขนและใบหน้าของเขา
“ชิโร่”บาเซ็ตพูดมองสภาพย่ำแย่ของเขา
ร่างกายชายผมขาวได้รับผลกระทบจากการสร้างอาวุธในตำนานมากมายเพื่อตอบโต้เทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมีย
มาร์ดุกเริ่มหายใจแรงขณะที่สายตาเทพเจ้าองค์อื่นๆนิ่งเงียบและกังวล โดยเฉพาะจากภรรยา พ่อ และแม่ของเขา ความโกรธเริ่มเข้าครอบงำเทพเจ้าบาบิโลนเมื่อถูกมองว่าอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้
คางุสึจิยิ้ม ไม่ซ่อนความสุขที่ได้เห็นภาพตรงหน้า
"จำไว้มาร์ดุก ไม่มีชัยชนะใดได้มาโดยไร้ความเจ็บปวด"
พลังของมาร์ดุกพุ่งขึ้นเขาได้ยินคำของเทพเจ้าแห่งไฟอย่างชัดเจนและไม่รู้สึกขบขัน ความโกรธกลืนกินทำให้ท้องฟ้าแตกเป็นเสี่ยงๆเหมือนกระจกแตกทำให้ช่องว่างมันใหญ่ขึ้นต่อหน้าทุกคน
และด้วยเหตุนี้
ดาวหางดวงเดียวล้างบางมนุษย์ชาติ
เซฟานีตัวสั่น
"โอ้ ที่รักของข้า พลังของข้าเป็นของที่ท่านใช้ได้อิสระ"
"นินนา เบลติยา อารูรู"
ดวงดาวจำนวนหนึ่งเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า อย่างไรก็ตามไม่ว่าภาพจะสวยงามแค่ไหน พลังของแต่ละดาวรุนแรงเกินกว่าจะรับได้
บรรดาผู้ห่วงสวัสดิภาพของความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติเริ่มสิ้นหวังกับความรุนแรงของการโจมตีจากเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียปลดปล่อยใส่สัตว์ร้ายของอลายา เมื่อถึงจุดนี้ผู้สังหารเทียแมทไม่มีความเมตตาและอ้างหัวของสัตว์ร้ายตัวที่สองเป็นถ้วยรางวัล
"มาร์ดุกทำให้ท้องฟ้าพังทลายด้วยพลังของเขา ท่านต้องการฆ่าความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติมากหรือไม่"
บีสต์กัดฟันขณะยืดตัวตรงและยกมือซ้ายที่เรือแสงสีฟ้า
กระนั้นชีวิตนี้จะไม่มีวันเปล่งประกายเจิดจ้าและสว่างไสวอีกต่อไป
หลังจากการตายของอิลิยา ชิโร่ได้ตัดสินใจเดินทางไปเรียนที่หอนาฬิกา การต่อสู้ระหว่างโทซากะกับอเดลเฟลท์ทำให้เขาสนุกสนานเล็กน้อย
นอกจากนี้เขาเข้าร่วมภารกิจกับจอมเวทอิสระที่ชื่อบาเซ็ต และร่วมกับเพชรฆาตของศาสนจักรที่ใกล้ชิดกับเด็กหนุ่มชื่อเซล(Ciel - ไม่รู้ออกเสียงถูกไหม ไม่เคยดูไทป์มูนเรื่องนี้)
ภารกิจประสบความสำเร็จ สร้างชื่อให้ตัวเองมากพอๆกับราชินีหอนาฬิกาลอเรเรย์
เขาเป็นที่รู้จักในฐานะ....นักเวทเหล็กพิโรธ
แต่หนึ่งในภารกิจที่กำหนดมาโดยปรมาจารย์เวทเซลเรซ เขาพาเขาไปที่ป่าที่เขาพบสิ่งมีชีวิตสีขาว
มันดูเหมือนกระรอก แต่ขณะเดียวกันเหมือนสุนัข
"โฟวๆๆ"สัตว์ร้องเมื่อเห็นชิโร่
"เฮ้ ใจเย็น เจ้าบาดเจ็บเหรอ?"เขาบอกเจ้าตัวสีขาว ไม่กี่ปีมานี้ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนอาเชอร์ มันเข้าหาชิโร่อย่างระมัดระวัง
"โฟวๆๆ"
"โฟร์ นั่นชื่อนายเหรอ?"เขาได้รับการพยักหน้าเล็กน้อยจากสิ่งมีชีวิตที่ชื่อโฟร์"ฉันคิดว่ามันดีกว่าที่แกจะออกจากที่นี่และรักษานาย"
เขาได้พามันไปที่ปลอดภัย ในที่สุดเขากลายเป็นสัตว์เลี้ยงและเพื่อนของเขาจนกระทั่ง....
แวมไพร์สายเลือดแท้และอัครสาวกเริ่มโจมตีเขาอย่างต่อเนื่องทั้งหมดเพราะต้องการสัตว์คู่บารมีไกอา ซึ่งก็คือโฟร์ และยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นแคธ พาลัส
จอมเวทเหล็กพิโรธเอาชนะพวกเขาทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงพลังที่ชนะวิญญาณวีรชนในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์
แต่สิ่งที่แลกคือ....ชีวิตของเขา
เอมิยะ ชิโร่นอนพิงต้นไม้หายใจแรงจากอาการบาดเจ็บ ดวงตาของเขาเหลือบขึ้น เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ดูคล้าย
พี่สาวของเขา
"โฟว"โฟร์ร้องไห้ให้กับเพื่อนคนเดียว
"โฟร์"จอมเวทยิ้มลักษณะเดียวกับคิริทซึงุได้ยินเมื่อช่วยเขา"เจ้าปลอดภัย...ข้าดีใจ..."
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเขา
"โฟร์ โฟร์ๆๆๆ"
"เสียใจแค่ไหนที่เห็นเจ้าร้องไห้คาส พาลัส"เสียงชั่วร้ายด้านหลัง สัตว์ร้ายของไกอา
โฟร์หันไป....พบกับราชาปีศาจ
เกอร์เทีย
สวมใส่ร่างกายของโซโลมอน
"แต่ไม่ต้องกังวลข้าจะใช้ร่างกายของเขาให้เป็นประโยชน์"ความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติกล่าวค่อยๆเดินเข้ามาพร้อมจะใส่เมล็ดพันธ์ปีศาจไว้ในร่างไร้ชีวิตของชายผมขาว ความสามารถเขาเป็นประโยชน์ในการเร่งการสูญพันธุ์ของมนุษย์ชาติ
แต่เมื่อเขากำลังเข้าใกล้ โฟร์....ร้องคำรามกลายร่างเป็นผู้สังหารเทพพยายามปกป้องร่างกายของเพื่อน
"ข้าเข้าใจ"โซโลมอนปลอมพูด
คาส พาลัสหันไปหาเพื่อนของเขาและใช้พลังเธอแบ่งปันให้กับมนุษย์ช้าๆ เอมิยะ ชิโร่ประหลาดใจที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือการได้เห็นโฟร์ในฐานะผู้สังหารเทพและโซโลมอนจอมปลอมต่อหน้าเขา
ทันใดนั้นโฟร์กลับเป็นร่างเล็กของเขาและสลบไป เอมิยะ....ไม่สิ บีสต์โฟร์ยกเขาขึ้นมาเหลือบมองบีสต์วันอย่างอันตราย
"เจ้าจะสู้กับข้ารึ? เจ้าต้องการสู้กับสัตว์ร้ายและทำลายดินแดนหรือไม่"
"นั่นไม่ใช่ภารกิจของข้า แต่ข้ารู้ว่าเจ้าจะถูกหยุด"
"โอ้ อะไรทำให้เจ้าพูดแบบนั้น?"
"ฮีโร่มักมาสายเสมอ"บีสต์โฟร์ตอบก่อนจะจากไป
หลังจากนั้นก็เหมือนที่เขาพูด เกอร์เทียได้เผชิญหน้ากับริทสึกะและกูดาโกะ และหญิงสาวที่ถือโล่ของกาลาฮัท
หลังการเผชิญหน้าแห่งชะตากรรม เอมิยะ ชิโร่ได้มาถึงสำนักงานของเซลเรซเพื่อขอความช่วยเหลือ....เพื่อพาโฟร์ไปยังโลกที่ไม่มีใครต้องการพลังของเขา
สถานที่ที่จะมีความสุข
บีสต์ของไกอาประท้วง แต่บีสต์ของอลายาในอนาคตสามาถเปลี่ยนใจเขาได้
ในที่สุดโฟร์มายังสถานที่ที่เรียกว่าคาลเดียและมีความสุขกับยัยแว่น(มาชู)และหนุ่มสาวที่ช่วยเหลือมนุษย์ชาติจากการสูญพันธุ์
ในทางกลับกันเอมิยะ ชิโร่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก่อนจากไปด้วยรอยยิ้ม
และปรากฏในดินแดนดาบอนันต์ของเขา
"พี่ชาย"เสียงหญิงสองคนที่ชายผมขาวรู้จักดีและอยากได้ยิน
เอมิยะ ชิโร่ไม่มีอะไรจะขอไปมากกว่านี้
@@@@@@@@@@@
"อะไรน่ะ"
"ดาบมากมาย"
ผู้ชมมองดูรอบๆบีสต์ของอลายา มีดาบนิรนามจำนวนมากที่ออกแบบแตกต่างกัน ดาบตะวันตกไปถึงดาบตะวันออก เก่าและใหม่
ทั้งหมดเพื่อต่อกรกับเทพเจ้า
"ไป!!!"
ด้วยคำสั่งง่ายๆของเหล็กกล้าแห่งมนุษย์ชาติ เส้นแสงสีฟ้าไปปะทะกับแสงสวรรค์ของเทพเจ้า
"เปรี้ยงๆๆๆตูมๆๆๆเคร้งๆๆ"
ผู้ชมได้แต่เฝ้าดูความพิศวงขณะที่ดาบปะทะกับดวงดาวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้ที่สิ้นสุดเหมือนระบำแห่งความตายที่พลาดครั้งเดียวอาจถึงตาย
"พ่อมีคู่แข่ง"นาบูกล่าว
"เป็นไปไม่ได้ นั่นคือมาร์ดุก! ราชาเทพเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุด!"ไกอาอุทานอย่างตื่นตระหนกกับบุตรชายของเทพเจ้าสูงสุด
"ท่านไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเรา"วิษณุกล่าวทำหน้าบูด เขาเป็นหนึ่งในผู้ประเมินมนุษย์ต่ำเกินไป แต่เมื่อเห็นเทพสุริยะถูกต่อกรทำให้มีแต่ต้องยอมกลืนคำพูด
"เขามีพลังอะไรถึงสามารถทำซ้ำอะไรแบบนี้"เฟรย่ามองชายผมขาว
"ยอดเยี่ยม"คางุสึจิอุทานยกแขนขึ้นอย่างสนุกสนาน เขาถูกจ้องมองจากอิซานางิ และเทพเจ้านอกรีตไม่สนใจแม้แต่น้อย"ไม่รู้ว่าทำไม แต่เด็กชายคนนั้นทำให้ข้าภูมิใจ"
ไม่มีใครประท้วงเทพเจ้าแห่งไฟ ทุกคนจดจ่อกับความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติที่สามารถทัดเทียมราชันเทพเจ้าได้
มาร์ดุกเองขมวดคิ้วเมื่อสหายเทพของเขาบอกว่าเขากำลังมีคู่ต่อกร เทพเจ้าบาบิโลนเห็นว่าอีกฝ่ายสูสีกับเขาทั้งด้านพลังและความเร็ว เขาตัดสินใจเพิ่มพลังให้กับการโจมตีมากขึ้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยเปลวไฟสีขาว
"เร็วขึ้น"คูฮูลินน์อุทานขมวดคิ้ว เขาสังเกตได้ว่าเทพเจ้าเพิ่มพลังและความเร็ว คนอื่นๆเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้
สัตว์ร้ายแห่งอลายาขมวดคิ้ว มันยากขึ้นเรื่อยๆที่จะตามให้ทัน แต่สิ่งต่างๆเลวร้ายลงเมื่อดาวดวงหนึ่งตกลงมาเจาะเข้าที่ไหล่ขวา
"ชิโร่"อาเธอร์เรียตกใจกับเหตุการณ์ รินกับซากุระก็เหมือนราชาอัศวิน
"สาปแช่งโชคแรงค์E"EMIYAบ่น ตัวเขาขึ้นชื่อเรื่องดวงซวยจริงๆ
จากนั้นอีกสองลูกชนเข้าที่ท้องและอีกอันที่หัวของเขาทำให้เขามีบาดแผลสาหัสเหมือนมาร์ดุก
"ชิโร่"เมดูซ่าอุทานด้วยความกลัวเอากรงเล็บปิดตาไม่อยากเห็นเขาเจ็บ
"บีสต์ซัง"กูดาโกะ ริทสึกะและมาชูร้องพร้อมเพรียงกัน
"ระเบิด!!!"
และมันก็เกิดขึ้น อาวุธทั้งหมดที่สัตว์ร้ายของอลายาส่งมาจากสวรรค์เริ่มระเบิดสร้างกำแพงกั้นระหว่างดวงดาวและพื้นดิน ยื้อเวลาให้บีสต์โฟร์ฟื้นตัว
น่าเสียดายที่ความโกรธเกรี้ยวของมาร์ดุกไม่ยอมปล่อยเขา
"มีการเสนอบททดสอบใหม่ของมนุษย์ชาติ! น้ำท่วมกลับมาเพื่อทำลายทุกชีวิตบนโลก"
"มาร์ดุกไม่มีความเมตตา เขาใช้มหาโลกาวินาศกับบีสต์โฟร์ต่อไป"ไฮม์ไดม์อุทาน
มาร์ดุกยกธนูขึ้นเล็งไปที่เท้าของชาวผมขาว อีกฝ่ายมองเขาอย่างสับสนก่อนจะเบิกตากว้าง
"พลังของข้าเป็นของลูกชายเสมอ ตั้งแต่เจ้าเกิด"เออากล่าวโค้งคำนับ
"อาชาร์รุเอน กิอาสุ!"
ทุกคนเห็นการเคลื่อนไหวเมื่อลมพัดมาบรรจบกันรอบความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ เขาเป็นศูนย์กลางของพายุเฮอร์ริเคน
"ตายซะเถอะมนุษย์"
"เทรซออน..."
และแล้ว
อาเรส เทพเจ้าแห่งสงครามสั่นสะท้าน
"ไม่...มันเป็นไปไม่ได้..."เขาตะโกนเมื่อแกนศักดิ์สิทธิ์ของเขาตอบสะนองต่อการปรากฏตัวของอาวุธใหม่ในมือชายคนนั้น
ดาบแห่งอนาคต แต่มีขอบสามสีเหมือนไลท์เซเบอร์ของจริงต่อหน้าทุกคน
อย่างไรก็ตามรูปร่างมันไม่ใช่ดาบ แต่เป็นสว่านเลเซอร์ เขาใช้ฟังชั่นนั้นเล็งไปที่ท้องฟ้าเหนือเขา เมื่อทำเช่นนั้นวงเวทขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือพายุที่กำลังจะซัดชายผมขาว
"เทียร์ดรอป โฟรตอนเรย์"
ควิรินัสลืมตาขึ้น พลังที่แท้จริงของดาบพ่อเธอ
อัลเทร่าจ้องมองไปที่ภาพนั้นอย่างไม่สบอารมณ์
"ก็ไม่ได้แย่"
โบดิก้าเริ่มเหงื่อตก การใช้อำนาจของเทพเจ้าองค์หนึ่งต่ออีกองค์หนึ่ง
"คนอะไรช่างเหลือเกิน....ข้าชอบเขา"เธอพูดโดยอาจลืมไปว่ามันเป็นอำนาจเทพเจ้ากรีก-โรมัน
มาร์ดุกอ้าปากเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร เขาทำได้เพียงใคร่ครวญเมื่อดาบแห่งแสงขนาดยักษ์ก่อตัวจากอำนาจเทพเจ้าแห่งสงครามมาร์ส หรืออาเรสสำหรับชาวกรีก ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าชนกับพายุ
ทุกอย่างกลายเป็นสีขาว
"หวา เกิดอะไรขึ้น?"ไฮม์ไดม์ร้อง
แต่ไม่นานทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ
สัตว์ร้ายของอลายาคุกเข่าอยู่บนพื้น แต่มาร์ดุกไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดี ตาขวาของเขามีบาดแผลขนาดใหญ่
เห็นชัดว่าการโจมตีจากดาวอังคารมาถึงเขา
"ข้า....ข้าเบื่อแล้ว...การดึงรงอยู่ของเจ้าเป็นการดูหมิ่นเทพเจ้า ข้ายอมรับว่าคิดผิดสำหรับเจ้าและสำหรับสิ่งที่ข้าชดใช้...แต่ตอนนี้ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างคู่ควร....เหมือนสัตว์ร้าย"
ทันใดนั้นท้องฟ้าและทะเลกลายเป็นสีทอง มันเป็นทะเลทองคำซึ่งสามารถกลืนบีสต์โฟร์ได้
"นี่คือ..."ไฮม์ไดม์พูด แต่ความประหลาดใจทำให้เขาชะงักเล็กน้อย
เทอร์ร่าขมวดคิ้วอยู่ข้างสนามในช่วงสุดท้ายนี้ แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบ
"มันคืออำนาจของเทียแมท...อำนาจที่มาร์ดุกขโมยมาจากเธอเมื่อเขาฉีกเธอจากข้างในและกินหัวใจ....ผู้มีอำนาจที่สุดในทะเลแห่งชีวิต"
"อับ คาล ลานี เบล เทียแมท"
พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นสีทองยกเว้นจุดที่สัตว์ร้ายของอลายาอยู่ นี่เป็นการโจมตีด้วยการทำลายโลกทั้งใบและใช้เพื่อสังหารคนคนเดียว
มันเป็นวิธีเดียวที่จะฆ่าความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติให้สนิท
แต่แม้มีการโจมตีรุนแรงเช่นนี้พุ่งใส่เขา แต่สัตว์ร้ายแห่งอลายาไม่ได้ทำอะไรนอกจากคุกเข่าลง พวกมนุษย์เริ่มสิ้นหวังเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนั้น
ทุกคนล้วนคิดถึงความพ่ายแพ้....ยกเว้นคนคนเดียว
"เฟคเกอร์"เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวของราชาแห่งวีรชนดังก้องไปทั่วสนาม
"นั่งทำอะไรอยู่ เจ้าอยากตาย? อย่ามาล้อเล่นกับข้า แสดงคุณค่าของมนุษย์ชาติเฟคเกอร์ หรือข้าจะลงไปด้วยตัวเองและให้เจ้าได้รับบทลงโทษที่เหมาะสมสำหรับการตายเหมือนสวะ"
โคลลอสเซียมตกตะลึงกับสิ่งที่กิลกาเมซพูด ก่อนเสียงหัวเราะที่ว่างเปล่าจะดังขึ้นเงียบๆ
"กิลกาเมซ เจ้ามีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ในจุดเอกพจน์ของบาบิโลเนีย มันเผาเจ้ามากจนข้ามีที่ว่าง มาเยือนที่นี่เพื่อต่อกรกับเทพเจ้าสูงสุดของดินแดนเจ้า"บีสต์โฟร์พูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันถอนหายใจลึกๆ"ข้าแค่หลงทาง....ข้าอยากจะบอก"
มาร์ดุกตะลึงชั่วครู่กับการกระทำของงฝ่ายตรงข้าม แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงจริงๆคือสิ่งที่เขาจะทำต่อไป
บีสต์ยกมือขวาขึ้นและเส้นเชื่อมต่อทับซ้อนกับทะเลแห่งความตาย
"ข้าไม่อยากจะตายอีกแล้ว...แต่ถ้าข้าหนีไปข้าคงเป็นพวกงี่เง่า นั่นคือเหตุผลที่ข้าจะใช้โนเบิลแฟนทาสม์ชิ้นสุดท้าย ที่นี่และเดี๋ยวนี้"เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม ผู้ชมตระหนักว่าในที่สุดก็ได้เห็นไม้ตายที่แท้จริงของสัตว์ร้ายของอลายา
"ทั้งหมดที่ข้าต้องการคือ...ไม่ให้ใครต้องเสียน้ำตา ฉันยอมรับว่ามนุษย์อ่อนแอและโง่เขลา มันเป็นเพียงความเพียรพยายามของเราที่ทำให้เราแข็งแกร่ง นั่นคือเหตุผลที่ข้าไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อคนที่ไม่เชื่อในอนาคตของมนุษย์ชาติ"
คำพูดของบีสต์โฟร์ทำให้ผู้คนเต็มไปด้วยความหวัง ได้แต่มองเขาอย่างชื่นชม
คำพูดนี้ทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ในสายตาคนทั้งโลก
เป็นการเปลี่ยนกฏของดาวเคราะห์และปฏิเสธโลก
โลกแตกเหนือทะเลสีทองแห่งชีวิตและเปลวไฟสีฟ้าปะทุขึ้นจากรอยแตกเหล่านั้น การปะทุกลืนกินทั้งมาร์ดุกและบีสต์โฟร์ แสงไฟทำให้ทุกคนตาบอด
"เกิดอะไรขึ้น นี่คือไม้ตายสุดท้ายของสัตว์ร้ายของอลายาเหรอ"ไฮม์ไดม์ร้อง
และโลกก็....เปลี่ยนไป
แสงจ้าหยุดลงในที่สุด ทุกคนต้องกระพริบตากับภาพตรงหน้า
ดินแดนเหล็กไร้ที่สิ้นสุด
สนามรบแห่งดาบอนันต์
โลกนิรันดร์
ดินแดนแห้งแล้งของบาบิโลนได้หายไปแทนที่ด้วยทุ่งหญ้ากว้างและพืชพรรณ มีแม้กระทั่งเนินเขาสูง ภูเขาเล็กๆ ต้นไม้ ก้อนหิน ฯลฯ แต่ทิวทัศน์สวยงามถูกทำลายด้วยเหล็กกล้า มีดาบจำนวนนับไม่ถ้วนถูกตอกเหมือนหลุมฝังศพของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่และทรราชในดินแดนสีเขียวที่เต็มไปด้วยความสงบสุข แต่ละคนรอคอยเวลาจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
บางที วันนี้อาจเป็นวันนั้น
"นั่นคือ....?"ไฮม์ไดม์ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี
สิ่งที่แปลกตาแต่ในเวลาเดียวกันก็เข้ากับทุกอย่างที่นี่คือฟันเฟืองขนาดเล็กใหญ่ฝังอยู่บนพื้นหรือโยนไประหว่างดาบ เฟืองเป็นสนิมและเต็มไปด้วยมอสสีเขียว
มันเป็นโลกแห่งชีวิตและเหล็กกล้าที่หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์
"มันสวยงาม"คางุสึจิพูดด้วยเสียงกระซิบขณะที่มองทุ่งหญ้าไร้ที่สิ้นสุด เทพธิดาอย่างเฟรย่า, มอกาน่า , อิชทาร์, เอเรซติกัล และแอชเทียร์ อดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับเทพแห่งไฟ
ในทางตรงข้าม เทพและสิ่งมีชีวิตอื่นจากอีกด้านหนึ่งของโลกมองด้วยความหวาดกลัวกับโลกใหม่ตรงหน้าพวกเขา ที่แย่ที่สุดคือไกอาที่เหมือนจะเห็นร่างที่แท้จริงของ
"นี่คือ...."มาร์ดุกพูดเมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาถูกทำลายสลายไปในพริบตา
"จิตวิญญาณของฉัน"
ทุกคนหันไปเมื่อได้ยินเสียงสัตว์ร้ายของอลายา ชายผมขาวยืนอยู่บนเนินเขาซึ่งมีดาบที่ทำมาอย่างสวยงามฝังอยู่ในก้อนหินข้างชายคนนั้น
"นี่คือโลกภายในตัวฉัน จิตวิญญาณของฉัน"เขาสะบัดผมขึ้นให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจ สีหน้าดูดีขึ้น บาดแผลหลายแห่งและรอยแตกบนร่างกายเขาได้รับการเยียวยาเล็กน้อย
แต่ดูเหมือนเขาจะขบขันเมื่อเห็นสีหน้ามาร์ดุกที่มองเขา
"นี่คือ....สิ่งที่เจ้าซ่อนไว้ตลอดเวลา"มาร์ดุกอุทานด้วยความโกรธ
"การแลกเปลี่ยนบุคคลกับกลุ่ม จิตนาการและความเป็นจริง ภายในภายนอก จริงและเท็จ ศาสตร์เวทที่ปรับสภาพได้ใกล้เคียงกับเวทมนตร์ที่แท้จริง ข้อห้ามในหมู่ข้อห้าม ความลึกลับท่ามกลางความลับของจอมเวท"สัตว์ร้ายของอลายาพูดไม่สนใจรูปลักษณ์และน้ำเสียงของคู่ต่อสู้เขา
"เขตแดนเฉพาะตัว"มาร์ดุกกล่าวเสียงพิษ
กิลกาเมซยิ้มมีตาทิพย์ช่วยให้เขาเห็นผลลัพย์นี้ แม้ว่ามันจะทำให้เขาหงุดหงิดที่พ่ายแพ้ในโลกคู่ขนานด้วยเวทมนตร์ของเฟคเกอร์ แต่แปลกที่มันเหมาะสมที่สุดที่จะเอาชนะเทพเจ้า
ราชาแห่งอุรุกเรียกป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลมออกมา คนของเขาเอนคิดูและซิดูริมองดูอยู่ด้านข้าง ตอนนี้เขาอารมณ์ดี
พระราชาจะได้รับความบันเทิง
"ใช่....นี่คือเวทมนตร์เดียวที่เอมิยะ ชิโร่สามารถใช้ได้"
ทุกคนกระพริบตาเมื่อได้ยินชื่อที่แท้จริงของความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ อาเธอร์เรีย ริน ซากุระ บาเซ็ตและเมดูซ่าต่างก็ยิ้มกว้าง พวกเธอมีความสุขมากที่เขาจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร ริทสึกะ กูดาโกะและมาชูเขียนชื่อเพื่อขอข้อมูลของเขาและอัญเชิญมาที่คาลเดีย
"ข้าเข้าใจแล้ว...เจ้าเลือกที่จะตาย!!"มาร์ดุกตะโกน รังสีอำมหิตกลายเป็นหอกพุ่งไปหามนุษย์
จากนั้นหอกทั้งหมดสลายไปด้วยดาบทองคำที่พุ่งขึ้นมา
อาเธอร์เรียยิ้มอย่างอ่อนหวานเมื่อเห็นดาบในมือคนรัก
ดาบทองคำของกษัตริย์ผู้มีชัย
ตัวแทนมนุษย์ชาติชี้ดาบไปที่เทพเจ้า
"นี่ไม่ใช่ที่ตายของฉัน"เขาตอบ
@@@@@@@@@@@@@@
ศึกที่3ของแร็กนาร็อค
เอมิยะ ชิโร่ VS มาร์ดุก
ผล : ?
ความคิดเห็น