ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate Ragnarok : GOD VS Heroic Spirit

    ลำดับตอนที่ #8 : ดราก้อนสเลเยอร์คนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 64


    ขณะที่การแข่งรอบที่3กำลังจะเริ่ม ตัดไปที่ห้องพักผ่อนของผู้เข้าประลอง

    ซิกปล่อยหาวเล็กๆขณะลุกขึ้นเนื่องจากดวงอาทิตย์ที่ส่องผ่านใบหน้าจากหน้าต่าง ตอนแรกเขาพยายามทำเป็นไม่สนใจเอาผ้าคลุมหน้า แต่ตอนนี้มันสายไปและเขาก็ตื่นแล้วจึงถอนหายใจและเอื้อมมือออกไปข้างลำตัว แต่...มือซ้ายของเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง บางสิ่งบางอย่างที่นุ่มนวล

    "ไม่นะ...ไม่ๆๆๆ ได้โปรดอย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิด"เขาคิดกับตัวเองหันศีรษะไปด้านซ้าย

    เขาสาบานได้ว่าวิญญาณของเขาแทบหลุดออกจากร่าง

    เพราะแจนน์นอนอยู่ข้างเขาในสภาพเสื้อผ้าชุดรบเธอถูกฉีกกระชากเหมือนโดนข่มขืน

    และเฟรย่านอนอยู่ข้างๆเขาในสภาพเปลื่อยเปล่า

    และเขาลูบคล้ำเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ

    มันเกิดขึ้นได้ยังไง จำได้ว่าก่อนหน้านั้นเฟรย่าเข้ามาทักทายเขาก่อนแจนน์จะดึงเขากลับด้วยความหึงหวงและพาเขาไปทานอาหารเย็น แจนน์พาเขากลับมาส่งห้องและพบเฟรย่านอนเปลื่อยบนเตียงรออยู่  

    ทันใดนั้นแจนน์ก็ล็อคประตู ดวงตาของเธอเหม่อลอย ก่อนเขาจะถามอะไรเธอก็จูบปากเขา ก่อนเฟรย่าเข้าผสมโรง

    และแน่นอนด้วยมนตร์เสน่ห์ของเทพธิดาผู้งดงามของนอร์ดิกบวกกับความอ่อนเพลีย ซิกก็กลายเป็นสัตว์ร้ายเข้าขยี้นักบุญแห่งออเลอองค์และเทพธิดานอร์ดิกดุจเดรัจฉาน

    จะว่าไงเฟรย่ารู้รหัสผ่านเข้าห้องเขาได้ยังไง นอกจากอลายาแล้วมีแต่คนที่เขาบอกรหัสห้องเท่านั้นที่เข้ามาได้

    และแล้วเฟรย่าก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมามองเขาด้วยสายตารักใคร่

    "ว่าไงจ๊ะซีกคุง"

    "ฟะ...เฟรย่าซัง"ซิกพูดพยายามไม่มองเธอ

    "เมื่อคืนนี้วิเศษมากเลยนะจ๊ะ"

    "พอเถอะครับ"ซิกปัดมือเธอ

    "ซิก...ซิกเกลียดฉันเหรอค่ะ"เธอส่งสายตาลูกหมา

    "ไม่ เดี๋ยว อย่าร้องนะครับ"ซิกพยายามปลอบเทพธิดาที่แอบยิ้มเจ้าเล่ห์

    แล้วเฟรย่าก็ขอโทษเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

    ซิกก็ไม่ได้ชอบหรอกแต่ก็ไม่ได้รังเกียจ เพราะมันวิเศษมากจริงๆที่เขาได้ทำกับแจนน์กับเฟรย่า


    "ซิกคุงยกโทษให้แล้วสินะ ดีจังเลย"เทพธิดาหัวเราะคิกคักเอียงคอดูเซ็กซี่

    "ผมมีแค่แจนน์คนเดียว"

    "อืม ช่วยไม่ได้ เธอคงชอบแจนน์มากกว่าสินะ"เฟรย่าพูดถอนหายใจและจูบแก้มเขากระซิบที่หู

    "แต่ถ้าต้องการอีกเมื่อไหร่ก็มาหาได้เสมอนะ"

    "บอกว่าไม่ไงครับ"

    "ผู้ชายก็ชอบพูดแบบนี้แหละ"เฟรย่ายิ้มและเริ่มแต่งตัว ก่อนจะกลายเป็นแสงออกไปจากห้อง

    ซิกถอนหายใจเมื่อเทพธิดาไปแล้ว

    แต่ก่อนอื่นเขาต้องคุยกับแจนน์ที่กำลังจะตื่นขึ้นมา

    ทันใดนั้นแจนน์ลืมตาตื่นขึ้นมา เธอสังเกตเห็นมือของซิกอยู่บนหน้าอกเธอ

    เสียงกรีดร้องดังลั่นของเธอแทบจะดังไปทั่วโคลอสเซียมถ้าไม่ใช่เพราะเสียงผู้ชมกลบมันให้เบาลง

    "ผะ...ผมขอโทษ!!!"ซิกขอโทษอย่างสิ้นหวังลุกจากเตียงก้มหน้าลง

    ตอนนั้นเองประตูก็เปิดออกและเซมิรามิสที่โกรธเกรี้ยวก็เข้ามา

    "มีอะไรแจนน์ ใครทำร้ายเธอ!!?"เธอถามเสียงดังแต่เห็นซิกก้มหน้าลงพื้นและมีแจนน์นอนเปลื่อยบนเตียงคลุมตัวลุกลี้ลุกลน ดูเหมือนเธอจะเชื่อมโยงเรื่องเข้าด้วยกันได้

    "งั้น...นายได้นอนกับเธอคืนหนึ่งและตอนนี้แสดงตัวว่าเป็นหมาป่า"เธอพูดเสียงคุกคามพร้อมเรียกโซ่พิษออกมาจ้องสายตาอยากฆ่าที่ซีก

    "เดี๋ยวก่อน ฟังฉันก่อน ฉันกับแจนน์โดนวางกับดักโดยเฟรย่า"ซีกพูดแก้ตัวและไหว้สวดอ้อนวอนเพื่อขอความเมตตา

    "งั้นเจ้านอนกับเทพธิดา ศัตรูของมนุษย์"เซริมาริสจะปล่อยพิษ

    "นางเข้ามาเอง ฉันไม่รู้เธอมาได้ไง"ซิกรีบพูด

    เซมิรามิสเบรกตัวเองไว้ชั่วขณะ เธอสังเกตว่าเฟรย่าจับตาดูซิกตั้งแต่การประลองเริ่มขึ้น

    "โอ้ เป็นความจริงเหรอ?"เธอถามหันไปหาแจนน์หาคำตอบ

    "ฉัน...ฉันไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้ยังไง...ทำไมฉันจำไม่ได้ ฉันมั่นใจว่าฉันกับซิกไม่ได้ดื่มอะไรเลย"

    ซิกพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับแจนน์

    "หืม...ถ้าเธอไม่ได้ลักลอบพาเธอไปที่เตียง และทั้งเจ้าและนางไม่ได้เมาพอไปถึงขั้นนั้น....งั้นมีเพียงคำอธิบายเดียวคือมีคนอื่นพาเธอเข้ามา"

    สิ่งนี้ทำให้ทั้งสามโกรธและตะโกนชื่อหนึ่งขึ้นมา

    "แอสโทโฟร!!!!!"

    @@@@@@@@@@@

    “ได้เวลาเริ่มตัดสินใจว่าสนามครั้งต่อไปจะเป็นที่ไหน เนื่องจากฝ่ายเทพแพ้ไปในครั้งก่อน ครั้งนี้ฝ่ายเทพจะเป็นผู้เลือกสนาม”

    “เรื่องนั้นไม่จำเป็น”มาร์ดุกกล่าว

    “เอ๋?”

    “ข้ายกสิทธินั้นให้เจ้า ไอ้เจ้ามนุษย์ เพราะถ้าไม่ต่อให้หน่อยเกมส์ก็น่าเบื่อแย่”

    “เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นสิทธิเลือกสนามคราวนี้ตกเป็นของฝ่ายมนุษย์”

    สำหรับฝั่งมนุษย์แล้วนี่นับเป็นเรื่องดี แต่ถือเป็นการดูถูกเหยียดหยาม

    “เทพเจ้าไม่กลัวเหรอว่ามนุษย์จะได้เปรียบเรื่องสนาม”

    “เพื่อเป็นการต่อให้ไง”

    “เช่นนั้นแล้วตัวแทนฝั่งมนุษย์ เชิญเลือกสนามแข่งรอบที่3”ไฮม์ไดม์ชี้ชายใส่เสื้อกันฝนสีขาว

    “เอาล่ะ เลือกบ้านเกิดของคุณแล้วเราจะชนะ”ริทสึกะพูดอย่างมั่นใจ

    “แม้ฉันสงสัยว่าเขามาจากไหน แต่ฉันจำเขาไม่ได้”มาชูแสดงความเห็น เธอศึกษามากมายเกี่ยวกับตำนานเทพนิยาย วิทยา และสิ่งต่างๆของวิญญาณวีรชน แต่ไม่พบสิ่งที่บอกได้ว่าเขาเป็นใคร

    “เขาดูเหมือนอาเชอร์ที่เราเจอที่เมืองฟุยุคิ...และเขาก็คล้ายกับเอมิยะอัลเทอร์และปู่มุรามาสะ”ริทสึกะคิดถึงความเกี่ยวข้องของสัตว์ร้ายกับทั้ง3

    เซลเรซ โซโลมอน แม้แต่อาโอโกะก็ไม่พูดเรื่องนี้ ทั้งสามจำชายคนนี้ได้โดยเฉพาะเซลเรซที่เคยพบเขา สิทธิพิเศษในฐานะผู้ถือครองเวทมนตร์ลำดับที่2 โลกคู่ขนาน

    “มันไม่สำคัญแล้วตอนนี้”อลายาตะโกนกังวลว่าจะแพ้การต่อสู้อีกครั้ง แต่ไว้วางใจในชายคนนี้”นายสามารถเลือกได้ทุกที่ตราบใดที่ไม่ใช่...“

    “บาบิโลน”

    คำพูดคำเดียวทำให้ความเงียบปกคลุมไปทั้งสนามประลอง ทุกคนมองสัตว์ร้ายของอลายาที่ถือโฟวไว้ในอ้อมแขน ไม่สนใจสีหน้าของผู้ชมทั้งหมดใช้กอดเพื่อนเก่าไว้เท่านั้น

    มาร์ดุกก็แสดงสีหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่คู่แข่งพูด เทพเจ้าบาบิโลนหลายองค์แสดงสีหน้าคล้ายๆกันเมื่อเข้าใจสิ่งที่มนุษย์พูดออกมา เขากล้าดียังไง? นี่เป็นเรื่องตลกเหรอ? นี่คือการหยามเทพเมโสโปเตเมีย!

    “อ๊ะ ขอโทษนะผมคิดว่าตัวเองได้ยินไม่ชัด”ไฮม์ไดม์พูดด้วยรอยยิ้มประหม่า”คุณพูดอีกครั้งได้ไหม? คุณเลือกที่ไหนเป็นสนามแข่ง”

    “ฉันบอกว่าบาบิโลน”เขาพูดอย่างหนักแน่นมองมาร์ดุก”นั่นชัดเจนไหมเทพเจ้า ฉันไม่รับไอ้สิ่งที่เรียกว่าความเมตตาของทวยเทพจากแก!!“

    ทั้งสนามสั่นสะเทือน มนุษย์บางคนกรีดร้องด้วยความสยดสยอง คนอื่นเป็นลมด้วยความตกใจ เทพเจ้าบางคนเช่นเซธกับวิษณุแสดงท่าทางงุงงงและตกตะลึง คนอื่นๆเช่นไกอากับเซฟานีมองว่าเขาบ้า

    ในทางกลับกันคางุสึจิ

    “อย่าคาดคั้นฉัน”เป็นสิ่งเดียวที่เทพอัคคีสามารถพูดได้ เขารู้ถึงความโง่เขลาของอลายา แต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ สู้กับเทพเจ้าเป็นเรื่องหนึ่ง...แต่การสู้กับเทพเจ้าบนดินแดนของเขาต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    “ฉ่าๆๆ ถูกต้องเฟคเกอร์ ตามที่คาดหวังสำหรับไอ้สวะอย่างเจ้า เจ้าพยายามเต็มที่เพื่อความบันเทิงของราชา”ราชาแห่งวีรชนหัวเราะอย่างมีความสุขโบกแท็บเล็ตหินในมืออย่างตื่นเต้น เขาเกือบตีมิชูผู้น่าสงสารที่หัวด้วยสิ่งนั้น กิลกาเมซเฝ้าดูด้วยรอยยิ้มขบขันแทบไม่สามารถเก็บความสุขที่เขารู้สึกได้จากทางเลือกอันงดงามของสนามรบที่เลือกโดยสัตว์ร้ายแห่งอลายา

    เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่าการขยี้เทพเจ้ายกเว้นการบดขยี้เทพเจ้าในดินแดนของเขาเอง

    แต่สหายของราชาอูรูค โซ่แห่งสวรรค์เอนคิดูและชิดูริ เลขาของราชาแห่งวีรชนไม่มีความเห็นใด แต่กังวลต่อสนามรบแห่งใหม่

    นั่นหมายความว่า...เบล มาร์ดุก จะไม่ออมมือในศึกครั้งนี้

    หญิงสาวคนหนึ่งถอนหายใจ เธอดูเหมือนอายุ30 มีผมสีดำยาวถึงกลางหลังและดวงตาสีฟ้า สวมเสื้อแขนยาวสีแดงที่มีลายสีขาวเข้ากับกระโปรงยาวของเธอ สวมรองเท้าบู๊ทนีน้ำตาล เธอเป็นที่รู้จักที่หอนาฬิกาในฐานะลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ขอบโลกเวทมนตร์รวมทั้งรู้จักสัตว์ร้ายรุ่นที่4

    แม้เขาจะจำเธอได้ไม่ดีนักก็ตาม

    เธอคือ...โทซากะริน

    “เส้นทางที่ยากที่สุดคือเส้นทางที่ยากเสมอ”หญิงสาวผมดำบ่นขณะส่ายหัวด้วยความโกรธเคืองกับการกระทำของชายคนนั้น

    ผู้หญิงข้างๆเธอหัวเราะอย่างขบขันและประหม่า 

    “คุณรู้ว่าเขาเป็นยังไงรุ่นพี่”

    หญิงคนที่สองอายุไล่เลี่ยกัน ผมและตาสีม่วง สวมเสื้อแขนยาวสีขาวคู่กับกระโปรงยาวสีเหลืองและรองเท้าแตะสีน้ำเงิน

    เธอเป็นคนใกล้ชิดของสัตว์ร้ายมาก ชื่อของเธอคือ โทซากะ ซากุระ

    “ใช่ เขาเป็นคนแบบนั้น”เธอพูดหลับตาและกอดอก การต่อสู้ครั้งนี้จะมีเรื่องประหลาดใจมากมายถ้ามีบางอย่างบอกพวกเธอถึงสิ่งที่ไม่คาดคิด

    กลางสนามเหล่าเทพเจ้าสูงสุดมองลงไปที่ตัวแทนมนุษย์

    “เจ้าอยากตายเหรอ?”ไฮม์ไดม์ถามอย่างขบขัน

    คนดังกล่าวแค่ยักไหล่ไม่ใส่ใจขณะที่โฟวในอ้อมแขนร้องอย่างมีความสุข

    “ฉันต้องการป้องกันไม่ให้สาธารณชนคิดว่าฉันชนะเพราะเทพเจ้าต่อให้”

    คำพูดเหมือนหินในทะเลสาบจมลงไปด้วยพลังและความรุนแรงในจิตใจของผู้ชม

    “เขาบ้า”

    “เราจะแพั”

    “ทำไมเลือกคนอย่างเขา”

    ผู้ชมฝั่งมนุษย์ต่างมีปฎิกิริยาแง่ลบต่อการเลือกสัตว์ร้ายของอลายา

    “โฟวดูเหมือนจะชอบวิธีที่เขาถือมัน”มาชูแสดงความเห็นจ้องสัตว์วิเศษด้วยตาว่างเปล่า

    “ฮิๆ ใจเย็นมาชูจัง”ดาวินชี่พูดเสียงเครียดขณะเขาลูบหัวมะเขือยาวแม้มันจะยากเพราะส่วนสูงต่างกัน

    “ไม่ต้องห่วงมาชู”ริเนะร้องกอดเธอ”เรายังรักคุณ”

    “ใช่ คุณคือรุ่นน้องที่เราชื่นชอบ”ริทสึกะกอดอีกข้างหนึ่ง

    “โอเค”หญิงสาวหน้ามุ่ยแก้มแดงอ่อนๆ แม้เธอจะอารมณ์เสีย แต่เธอรู้สึกมีความสุขจากคำพูดและอ้อมกอดของรุ่นพี่

    ไฮม์ไดม์มองไปที่มาร์ดุก ดวงตามีเงาปกคลุม แต่เขารู้สึกได้ถึงความขุ่นเคืองที่เขาได้รับจากคำพูดของคู่แข่ง

    “โอ้ สิ่งนี้น่าสนใจ”กรรมการพูดเสียงสนุกสนานและตื่นเต้น”เมื่อเป็นแบบนี้...สนามรบในรอบ3ของศึกแร็กนาร็อคจะเป็นบาบิโลน”

    สนามประลองถูกย้ายไปยังดินแดนบ้านเกิดของราชาแห่งเทพเจ้าเมโสโปเตเมีย

    โฟวลงจากสัตว์ร้ายของอลายามาบนพื้นสนามโคลอสเซียมก่อนจะถูกส่งไปยังสนามรบ  

    “ขอโทษเพื่อน แต่เจ้าอยู่ที่นี่”

    “โฟๆๆ”มันส่งเสียงประท้วง

    “ขอโทษ แต่ครั้งนี้ฉันจะกลับมา”เป็นสิ่งเดียวที่เขาพูดได้เพื่อสร้างความมั่นใจ เมื่อเขาพูดเสร็จแล้วก็ถูกส่งไปยังดินแดนแห้งแล้งของบาบิโลน

    ทั้งสองยืนอยู่ในบ้านเกิดของมาร์ดุก สัตว์ร้ายของอลายามองสภาพแวดล้อมอย่างประหลาดใจ เขาไปมาหลายที่ แต่บาบิโลนเป็นหนึ่งในสถานที่ไม่กี่แห่งที่เขาอยากเดินทางไป

    “เจ้าคิดว่าตนเป็นใคร”มาร์ดุกถามขึ้น”ทำไมอำนาจของข้าไม่มีผลกระทบกับเจ้า”

    “ทำไมฉันต้องคุกเข่าให้คนอย่างคุณ? ถ้าคุณคาดหวังแบบนั้นฉันเสียใจที่ต้องบอกว่าฉันไม่ยอมรับคุณเป็นกษัตริย์ของฉัน”

    โคลอสเซียมอ้าปากค้างเพราะความกล้าของมนุษย์ผู้นั้น คนที่กล้าพูดแบบนั้นกับราชาเทพเจ้าแห่งเมโสโปเตเมียสามารถนับด้วยมือข้างเดียว บางทีกิลกาเมซก็เป็นได้ มาร์ดุกยังมองเขาอยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้โกรธหรือโมโหแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    “โอ้ การต่อสู้ยังไม่เริ่ม แต่พวกเขาก็เฉือนกันด้วยคำพูด”

    “แล้วใครบนโลกนี้ที่เป็นราชาของเจ้า”มาร์ดุกถาม

    เพื่อตอบคำถามราชาแห่งบาบิโลนเขายกมือข้ามหัวไหล่ไปด้านหลังเขา

    เทพเจ้าบาบิโลนสับสนกับการกระทำของชายในเสื้อฮูดขาว ผู้ชมส่วนใหญ่ก็คิดเหมือนมาร์ดุก

    “มนุษย์ชาติ”สัตว์ร้ายเห็นความสับสนของเทพเจ้าจึงตอบด้วยคำพูด”มนุษย์ชาติคือราชาของฉัน ฉันต่อสู้เพื่อพวกเขา ในวันนี้เพราะคำอธิษฐานของพวกเขาข้าถึงมาที่ห่างไกลเช่นนี้”

    ดวงตามาร์ดุกฉายแววอันตรายเห็นชัดว่าไม่ชอบใจคำตอบของมนุษย์ที่เขาเผชิญหน้า เมฆพายุบรรจบกันขณะที่เทพเจ้ากำลังสั่งการ

    “งั้น...เจ้าบอกว่ามนุษย์มีค่าพอจะรับใช้ แต่ไม่ใช่ข้า”

    “ใช่ ข้าว่านั่นคือสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไป”สัตว์ร้ายลูบมือที่หลังคอขณะทำหน้าบูดบึ้งใส่กลุ่มเมฆ

    “คำพูดที่ท้าทายจากตัวแทนของมนุษย์ชาติ”

    “แต่ดูขนาดพวกนั้นสิ...”ริเนะพูดแต่ดาวินชี่ปิดปากเธอ

    “อย่าพูดจบประโยค”อัจฉริยะสากลเตือนยิ้มหวานให้เด็กสาวผมส้มทำให้ทั้งห้องสั่นสะท้าน

    “เรามีกำหนดการสำหรับทั้งครอบครัว”

    “เข้าใจ...ข้าเห็นแล้ว” 

    เซฟานีมองสามีของเธอด้วยความเป็นห่วง เขาโกรธแทบจะนับครั้งได้ และนี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาเลวร้ายนั้น

    “เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่าตัวเองเป็นใคร? บอกว่าเจ้าจะชนะข้าในบ้านตัวเอง หยิ่งมากมนุษย์ แม้มันจะเลวร้ายถ้าข้าแพ้ในบ้านตัวเอง แต่สถานการณ์นี้มนุษย์ได้สิ่งใดบ้าง”

    “ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นใคร? ว้าว ฉันเป็นใครกันแน่”

    ทุกคนสับสนกับการแสดงออกของสัตว์ร้ายของอลายา เขาลืมชื่อตัวเองไปได้ไง

    “งี่เง่าจริงๆ”รินบ่น

    “ช่วยไม่ได้นี่ค่ะ”ซากุระหัวเราะคิกคัก

    แต่พวกเธอกังวลจริงๆว่าเขาจำชื่อตัวเองไม่ได้ บรรดาผู้ที่รู้จักเขาและจดจำเขาได้ก็รู้สึกงงงวยหรือกังวลกับความโชคร้ายนี้

    “เอ่อ...ฉันเดาว่าตัวเองเป็นวีรชนไร้นามหรืออะไรบางอย่าง ฉันไม่รู้แต่มีบางอย่างที่ฉันแน่ใจ”สัตว์ร้ายมองเข้าไปในดวงตาของราชาแห่งเทพเจ้าและพูดคำที่สั่นสะเทือน

    “ตัวข้าคือแกนของดาบ”

    ดาบสองเล่มปรากฎขึ้นในมือสัตว์ร้ายของอลายา

    อัศวินชุดแดงกระโจนไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ราชาเทพเจ้าบาบิโลนเบิกตากวัางไม่ทันได้ตั้งตัวกับการเคลื่อนไหวที่ฆ่าตัวตายแบบโง่ๆโดยพุ่งมาหาเขา

    “ทึ่งเลยครับ คนแรกที่เปิดฉากก่อนคือสัตว์ร้ายของอลายา”

    “โอ้ ใช่ นี่คือจุดเริ่มต้นการต่อสู้”

    เทพและมนุษย์มองอย่างสงสัยในคำพูดแปลกๆของนักรบเซลติกที่เป็นที่เลื่องชื่อของชาวไอริช คูฮูลินน์ ผู้ซึ่งเหมือนกิลกาเมซแสดงความยินดีดูการเผชิญหน้าระหว่างสัตว์ร้ายของมนุษย์ชาติ

    “ดังเสมอ”ผู้หญิงข้างๆเขาบ่นพึมพำแม้เธอจะยิ้มเล็กน้อย

    ผู้หญิงคนนี้มีผมสีแดง สวมชุดสูทชายปกปิดรูปร่างหญิงของเธอ เธอยังสวมต่างหูสีเงินเข้ากับคู่หู่ของเธอ

    เธอคือบาเซ็ต ฟราก้า แม็กเรมิซ มือปราบหอนาฬิกาผู้ใช้ฟราก้าแร็กคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นดาบของพ่อของคูฮูลินน์ เทพลูด กษัตริย์องค์ใหม่ของเทพเจ้าเซลติก

    และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีความสุขในการได้พบสัตว์ร้ายของอลายา

    หญิงสาวไอริชยิ้มเล็กน้อย เธอเชื่อใจเขาในภารกิจนี้ เธอเชื่อมั่นเขามานานแล้ว เธอจะทำอีกครั้งในตอนนี้

    แม้ว่าตาทิพย์ของมาร์ดุกจะถูกจำกัด แต่เขาก็สามารถรู้การเคลื่อนไหวต่อไปของคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี แต่ความเป็นไปได้ที่ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของเขาสามารถมองเห็นได้ในอนาคตอันใกล้ เทพเจ้าสูงสุดของเมโสโปเตเมียไม่คิดว่าจะมีการเคลื่อนไหวแบบนี้

    ดังนั้นมาร์ดุกจะฆ่าเขา

    ดาบปรากฎในมือราชาแห่งทวยเทพ

    ดาบแห่งดวงอาทิตย์

    ดาบแห่งการคัดเลือกราชา

    ต้นแบบของดาบแกรนคาลิเบิร์นและดาบอื่นๆที่ควบคุมสิทธิอันศักดิ์สิทธิ์เมื่อเลือกราชา...เป็นดาบเดียวที่ใช้แทนเทพเจ้าสูงสุดของเมโสโปเตเมีย

    ชื่อของเขาเป็นข้อพิสูจน์ว่ามีเพียวผู้เดียวเท่านั้นที่คู่ควรจะแบกรับมัน

    บาปของราชาองค์เดิม

    เมโรดาซ

    เมโรดาซเป็นการแปลงชื่อของมาร์ดุก เทพเจ้าถือดาบที่แสดงถึงภาพลักษณ์และอำนาจเขาในมือ

    ดาบเริ่มส่องแสงด้วยความร้อนของดวงอาทิตย์ทำให้มนุษย์เข้าใกล้ไม่ได้และเผาเขาให้ตายในทีเดียว ราชาเทพเจ้าต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อสัตว์ร้ายขว้างดาบสองเล่ม

    “เขาขว้างดาบทิ้ง เขาบ้าหรือสิ้นหวัง”

    “เขาพยายามจะทำอะไร”ริทสึกะร้องอย่างกังวล

    ด้านริเนะไม่พูดอะไรเธอแค่บอกให้ดูไป

    “อย่าเพิ่งร้อนใจ นี่แค่เริ่มต้น”อลายาพูดมอบดาบดำขาวที่บินไปหาราชา ตอนนี้เธอมีความคิดว่าเขาเป็นใคร

    และเขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกับการเปิดเผยนั้น

    “เราไว้ใจเขาได้แน่นะ”กอดอล์ฟพูดอย่างจริงจัง แต่สีหน้ากังวล

    ราชาแห่งอัศวิน ผมสีบลอนด์และดวงตาสีเขียวมรกต สวมชุดสีฟัาและเกราะสีเงินอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น

    “เจ้ากำลังกวนประสาทชิโร่”เธอบ่นแต่ก็แฝงความรัก

    ดาบจีนสองเล่มหมุนวนไปมาลอยไปหามาร์ดุก

    “เขาเบี่ยงดาบไปได้อย่างง่ายดาย”อาโอโกะพูดหน้าบึ้ง

    “อย่างที่หวังไว้จากเทพเจ้านักรบองค์แรก ความสามารถของเขาไม่มีใครเทียบได้”โรมานี่พูดอย่างตึงเครียด

    “มนุษย์โง่นั้นยังโจมตี”

    “เป็นไปได้ไหมว่าเขาอยากตาย”เซธหัวเราะการกระทำของมนุษย์

    “ข้าไม่แน่ใจ”เฟรย่าพูด เธอเดินมาถึงและนั่งข้างๆคางุสึจิ เทพเจ้าแห่งไฟเงียบไป

    อีกฟากของสนาม โจน ออฟ อาร์ค แอสโทโฟรและซิกได้มานั่งชมการแข่งโดยหลายคนรีบถอยห่างจากนักบุญแห่งออเลอองค์ที่ทำท่าจะกลายเป็นร่างด้านมืดของเธอ

    ซิกพยายามขอโทษหญิงคนรักขณะที่เธอดิ้นไปมางอนในอ้อมแขน

    เทพธิดาชนอร์สขยิบตาให้ซิกขณะเฝ้าดูการต่อสู้ เทพเจ้าบางองค์สังเกตตาเฟรย่าเป็นสีแดง พวกเจาทั้งหมดตกลงจะไม่แสดงความเห็นเรื่องนี้ ไม่มีใครอยากสัมผัสความโกรธของเทพธิดาวาเนีย

    มีบางอย่างใน...”

    ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบบเดียสกับอลายา แต่มีผมสีขาวและผิวสีแทนยิ้มประชดประชัน

    “มันเป็นเรื่องของเวลาที่เจ้าจะเข้าถึงจุดสูงสุดของวิชานี้เอมิยะ”

    สัตว์ร้ายของอลายาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เทพเจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาตัดสินใจสู้มือเปล่า ขณะที่เขามีดาบที่ทรงพลังที่สุด มาร์ดุกจึงไม่เห็นอันตรายถ้าเขาเข้ามาใกล้ แต่สัญชาตญาณของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ถูกสร้างขึ้นด้วยการต่อสู้กับเทียแมท

    สัญชาตญาณของมาร์ดุกถูกต้อง เมื่อดาบฝาแฝดอีกคู่ปรากฎขึ้นอย่างเงียบๆในมือชายชุดคลุมสีขาว เทพเจ้าบาบิโลนคิดว่าดาบหักเหกลับมาบนมือของเขา

    “ในที่สุดตัวแทนมนุษย์ชาติก็โจมตี”

    สัตว์ร้ายโจมตีแนวตั้ง แต่เบลมาร์ดุกตอบสนองด้วยความเร็วระดับเทพ บล็อกการโจมตีด้วยดาบสุริยะ เขาไม่ชอบกลอุบายหลอกเด็กที่ชายคนนี้คิดขึ้นหลังจากเริ่มสู้ไม่กี่วินาที

    มาร์ดุกไม่มีทางพ่ายแพ้แบบนี้และเขารู้ดี

    แต่สัตว์ร้ายของอลายา

    “เร็ว”เทพเจ้าองค์หนึ่งอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความสามารถต่อสู้การต่อสู้ของมนุษย์

    เทพเจ้าเคยเป็นมนุษย์เมื่อนานมาแล้ว ครึ่งเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกรีก

    เฮอร์คิวลีส บุตรของซุส

    “แต่ไม่เร็วพอ”หญิงข้างๆเขาพูดอย่างรังเกียจ เธอมีหูเอลฟ์และผมสีม่วง สวมฮู้ดดำปกปิดรูปร่าง

    เมเดีย แม่มดจอมทรยศ

    เทพเจ้าผู้แข็งแกร่งยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดของแม่มดซึ่งเป็นเพื่อนที่ไม่ค่อยถูกกัน แต่เป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้แม้อดีตของเธอและประวัติจะทำให้ไม่น่าเชื่อถือ

    “ข้าไม่รู้ความขุนเคืองของเจ้า แต่ข้ามั่นใจในดาบของชายคนนั้น”

    “หุบปาก”

    เฮอร์คิวลิสไม่ได้พูดอะไร เขามั่นใจในความสามารถตัวแทนที่3ของมนุษย์ชาติ นับแต่เขาปะทะกับชายคนนั้นในไทม์ไลน์ เขาก็เฝ้ารอที่จะได้สู้กันอีกครั้ง

    แต่ก่อนอื่นราชาเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ต้องตาย 

    และงานนั้นไม่ง่ายเลย

    ดาบดวงอาทิตย์กระทบดาบคู่ทำให้ใบดาบเรืองแสงสีแดงจากนั้นด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ดาบของมนุษย์แตกเป็นเสี่ยงๆ

    “ดาบของสัตว์ร้ายอลายา...ถูกทำลายแล้ว!? นี่คือจุดจบของตัวแทนฝั่งมนุษย์หรือไม่”

    “เทพผู้หยิ่งผยอง”หญิงสาวผมยาวสีชมพู ผู้ที่สบตาเธอจะกลายเป็นหิน เธอสวมเสื้อคลุมแบบกรีกสีขาวที่สวยงาม แขนและขาของเธอปกคลุมด้วยเกล็ดสัตว์เลื่อยคลานและกรงเล็บแหลมคม

    ด้านข้างหญิงสาวสองคนที่คล้ายคลึงกับหญิงคนแรกมองน้องสาวด้วยความประหลาดใจ เธอชอบมนุษย์หรือเทพเจ้าน้อยครั้งนัก หลังจากเหตุการณ์กับอาเธน่า

    แต่นี่ดูเหมือนเธอจะเชียร์มนุษย์ที่ไม่รู้จัก

    นี่น่าสนใจ

    แต่สิ่งที่พี่สาวสองคนไม่รู้คือเธอรู้จักชายคนนั้นและความหัวของเขา

    เมื่อทำลายอาวุธได้แล้ว มาร์ดุกเตรียมจะปิดฉากยกดาบเมลโรดาซแทงไปที่หัวใจ

    ดาบคู่แฝดเล่มใหม่ปรากฎขึ้นในมือสัตว์ร้ายอลายาสร้างความประหลาดใจให้กับราชาเทพเจ้าเมโสโปเตเมีย

    มาร์ดุกตระหนักว่าชายตรงหน้าเขามีความสามารถพิเศษในการสร้างดาบ

    เมื่อดาบคู่ที่3ปรากฎ ผู้ชมอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับความแตกต่างจากดาบก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่ดาบสั้นจีนแล้วแต่เป็นดาบใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนปีกนกกระเรียนสีดำและขาว

    ดาบคู่ใหม่นี่แสดงถึงระดับใหม่ของความสง่างามและความงามที่อาจเปรียบเทียบกับคู่ก่อนที่มีความงามในตัวเองอยู่แล้ว แต่แทนที่จะเป็นคู่ก่อนหน้านี้ที่แสดงออร่าเศร้าและโดดเดี่ยว ตอนนี้พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และขณะเดียวกันก็เป็นความรู้สึก

    กิลกาเมซยิ้มเมื่อเห็นดาบเล่มใหม่แม้จะเป็นแค่ของปลอมในสายตาเขา แต่ก็มีความงามแบบของมันและที่น่าอับอายคือเขาไม่มีดาบดัดแปลงแบบนี้

    มาร์ดุกไม่ได้สนใจรูปร่างอาวุธคู่ต่อสู้แทงดาบไปที่หัวใจของศัตรู สัตว์ร้ายอลายายิ้มและปัดป้อง

    “สุดยอด! แม้จะได้รับการโจมตีรุนแรงจากเบล มาร์ดุก สัตว์ร้ายของอลายาก็สามารถผลักดันกลับไปได้อย่างสมบูรณ์ คุณมีพลังมองเห็นอนาคตรึเปล่า”

    “พวกคุณจะไม่เชื่อถ้าฉันบอกไป”ตัวแทนที่3ของมนุษย์ชาติอดคอดไม่ได้

    “นายทำได้เบล มาร์ดุก”

    “อย่ายอมแพ้เดรัจฉาน”

    “เจ้าหนูดีขึ้นตั้งแต่ส่งเขาบิน”

    บาเซ็ตอดไม่ได้ถอนหายใจกับคำพูดของไอดอลเธอ 

    “มันเป็นกลยุทธ์ที่ดี”

    “อย่าคุยกับข้าเรื่องกลอุบายน่ารำคาญและไร้เกียรติ แม้มันช่วยไม่ได้แต่มันรบกวนข้าอยู่ แต่ข้าไม่รังเกียจจะประดาบอีกครั้ง”ลูกชายของลู้ดยิ้มกระหายการต่อสู้

    เทพธิดาเซฟานีอดไม่ได้ที่จะกังวลการต่อสู้ของสามีเธอ เธอรู้สึกบางอย่างผิดปกติของคู่ต่อสู้ทำให้เธอกังวลใจ คางุสึจิก็รู้สึกเช่นกัน

    “ข้าไม่นึกเลยว่ามนุษย์นั่นจะเบี่ยงการโจมตีของมาร์ดุกด้วยความเร็วนั้น”

    “โชคช่วย”วิษณุกล่าว

    แต่เทพีแห่งความยุติธรรมที่ฟังคำพูดเขาก็ปฎิเสธคำพูดของเทพเจ้าแห่งอินเดีย

    แอสทรัลมองสัตว์ร้ายของอลายาด้วยความรู้สึกหลากหลาย เนื่องจากเธอเกลียดการเป็นเซอร์แวนท์ปลอมเธอจึงมีปัญหาเรื่องตัวตนของเธอ และเห็นได้ชัดว่าเทพธิดาอิชทาร์และเอเรซติกัลก็เหมือนเธอ แม้แต่ภรรยาของพระศิวะผู้ยิ่งใหญ่ เทพีแห่งความยุติธรรมสามารถเห็นความรู้สึกไม่สบายใจของเทพธิดาพวกนั้นเมื่อมองสัตว์ร้ายของอลายา

    “เชโร่”เทพธิดาพึมพำด้วยความห่วงใย

    ชายหนุ่มเหวี่ยงดาบขาวตัดคอที่เปิดโล่งของเทพเจ้าบาบิโลนผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถูกบล็อกด้วยดาบสุริยะ

    “เจ้าต้องมีดาบที่แข็งแกร่งกว่านี้เพื่อเอาชนะข้า”มาร์ดุกกล่าวและเมลโรดาซเปล่งแสงอีกครั้งและด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมันทำลายดาบคู่อีกครั้ง

    อัศวินชุดแดงกระโจนถอยหลังรักษาระยะห่าง

    “เอมิยะ ฉันว่านายเลิกเล่นได้แล้ว”

    “อืม ฉันว่าคุณพูดถูก”

    “มันจบแล้ว”มาร์ดุกประกาศพร้อมเงื้อดาบขึ้น

    “อย่าแพ้นะบีสต์ซัง”ริเนะร้อง

    รินและซากุระเกร็งเมื่อเทพเจ้าสูงสุดของเมโสโปเตเมียจะทำอะไร แต่...

    รอยยิ้มว่างเปล่าปรากฎขึ้นบนใบหน้าสัตว์ร้ายของอลายาและเขาพูดอย่างใจเย็นแม้ว่าใกล้จะตาย

    เราสองคนร่วมกันจะแยกแม้กระทั่งฟ้าสวรรค์

    สัญชาตญาณของมาร์ดุกตื่นตัวสัมผัสได้ถึงอันตราย เทพเจ้าแห่งบาบิโลนได้ยินเสียงละเอียดอ่อนและเบาหวิวจนไม่ได้ยินหากไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณของเขา

    บางสิ่งตัดผ่านอากาศ เทพเมโสโปเตเมียหันกลับไปเห็นดาบคู่หนึ่งหมุนวนเหมือนบูมเมอแรงมาทางเขาใกล้จะตัดศีรษะ

    “การจู่โจมที่คาดไม่ถึง เขาทำตั้งแต่เมื่อไหร่”ไฮม์ไดม์อุทานประหลาดใจเช่นเดียวกับผู้ชม ยกเว้นผู้ที่รู้ความสามารถพิเศษของดาบอยู่แล้ว

    “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วทำไมเขาชอบดาบเล่มนี้”เฮอร์คิวลิสกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย เมเดียข้างๆเขาขมวดคิ้วไม่ชอบดาบเล่มนั้น 

    มันคือดาบคันโชวและเบียคุยะเล่มแรกที่เขาขว้างออกไปตอนเริ่มต้นการต่อสู้

    ความสามารถอีกอย่างของดาบคู่แฝดคือการกลับมาหาผู้ใช้เสมอ

    แต่ปัญหาคือ...คู่ต่อสู้เขาคือเบล มาร์ดุก

    เทพเจ้าบาบิโลนหลบดาบหยินหยางได้อย่างราบรื่น 

    “เสร็จข้า”สัตว์ร้ายก้าวไปข้างหน้าคว้าดาบแฝดที่เทพเจ้าหลบ

    และฟันเป็นแนวนอน

    “แม้เขาจะหลบการโจมตีได้ แต่มาร์ดุกต้องเผชิญการโจมตีไม่คาดฝันอีกครั้ง”

    “ฆ่ามันเฟคเกอร์”

    อาเธอร์เรีย เพนดราก้อนมองไปข้างหน้าดูการเคลื่อนไหวที่คำนวณมาอย่างดี ปกติคู่ต่อสู้จะได้รับการโจมตีถึงตาย แต่จำไว้ว่าศัตรูของมนุษย์ชาติในคราวนี้ไม่ใช่แค่เทพเจ้า

    แต่เป็นเบล มาร์ดุก

    “ตายซะ”

    สายฟ้าพุ่งออกจากร่างเทพเจ้าสูงสุดของเมโสโปเตเมียไปรอบข้างเผาพื้นที่โดยรอบทั้งหมด

    บีสต์ยกดาบน้องสาวขึ้นปัดป้องการโจมตีจากสายฟ้า ความสามารถอย่างหนึ่งของดาบคือเพิ่มความต้านทานกายภาพและเวทมนตร์ ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน

    แต่ความจริงเขายังโดนผลักกระเด็นกระแทกพื้น2-3ครั้งก่อนพลิกตัวมายืนพื้นบนอีกครั้งแม้เสื้อคลุมสีขาวของเขาจะไหม้เล็กน้อย

    “ยอดเยี่ยมมาก แม้บีสต์จะโจมตีไม่ทันตั้งตัวแต่เทพเจ้าเมโสโปเตเมียผู้ยิ่งใหญ่ก็ควบคุมสถานการณ์ได้”

    “นี่คงเป็นเรื่องยาก”

    “อย่าสิ้นหวัง มันยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ”

    อัลเควงุงงงกับคำพูดของปู่ แต่ไม่ได้ถามอะไร

    สัตว์ร้ายแห่งอลายาถอนหายใจก่อนเห็นคู่ต่อสู้มองเขาด้วยสายตาเรียบเฉยและเบื่อหน่าย เทพเจ้าบาบิโลนสูญเสียความสนใจในตัวมนุษย์รวมทั้งความปรารถนาจะฆ่าเขา...อย่างน้อยด้วยมือตัวเอง

    มาร์ดุกไม่เสียเวลาฆ่าสวะ

    บีสต์หันไปจ้องมองดาบฝาแฝดของเขาซึ่งปริแตกเนื่องจากรับการโจมตีของเทพเจ้า

    “ขอบใจสาวๆ พวกเธอทำในสิ่งที่ฉันภูมิใจ พวกเธอไปพักได้แล้วโอเค?”

    บางคนสับสนการกระทำของมนุษย์ เขาพูดกับอาวุธตัวเองทำไม? มันก็แค่เหล็กธรรมดา แต่สำหรับมนุษย์ที่เข้าใจดีกว่าใคร ดาบเหล่าตี้เต็มไปด้วยความหมาย

    ในฐานะวิญญาณ

    แต่ตอนนี้ไม่สำคัญ

    “ข้าตัดสินใจแล้ว”มาร์ดุกพูดทำให้มนุษย์ออกจากความคิด ดินแดนบาบิโลนสั่นคลอนและสร้างความหวาดกลัวให้ผู้ชม”เจ้าไม่มีค่าพอให้ข้าฆ่าด้วยตัวเอง”

    คำพูดดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้ทุกคน

    กิลกาเมศสบถ เขาเป็นคนเดียวที่ดูถูกเฟคเกอร์แบบนั้นได้

    เอนคิดูเจ็บปวดด้วยเหตุผลบางอย่าง ชิดูริกอดเขาให้สงบลง

    “ข้าคาดหวังจากเจ้าไว้เยอะแต่ตอนนี้เจ้าไม่มีอะไรทำให้ข้าประหลาดใจ บางทีอาจเป็นเพียงโชคช่วยให้เจ้ารอดจากอำนาจสูงสุดของข้าได้ แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย บางทีหากเป็นแม่มดแห่งดันสไกฟ์ทุกอย่างจะต่างออกไป แต่พูดตามตรง...เจ้าไม่มีค่า”

    ความเงียบเข้าปกคลุมสนามและความสิ้นหวังถาโถมใส่มนุษย์ชาติ คำพูดโหดร้ายทำให้ดูเหมือนสัตว์ร้ายของอลายาไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าแมลงต่อหน้าเบล มาร์ดุก

    รินและซากุระอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านกับคำพูดของเทพเจ้าบาบิโลน พวกเธอกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ความรู้สึกร่วมกันจากกอร์กอนตัวหนึ่งซึ่งหางกระแทกพื้น

    เทพธิดาแห่งมนุษย์และเทพแห่งไฟมองผ่านกลยุทธ์ของเทพเจ้าบาบิโลนที่ต้องการบดขยี้เจตจำนงของมนุษย์ชาติจนหมดสิ้น

    น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของมาร์ดุกคือชายคนนี้

    “โอ้ แล้วฉันจะตายไดัไง?”บีสต์ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเอียงศีรษะด้วยความสนใจก่อนจะยิ้มประชดประชัน”ถ้านายไม่ฆ่าฉันด้วยมือตัวเองฉันจะตายได้ไง? นายจะปล่อยแรงกดดันเพิ่ม? หรือมีอะไรซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ?”

    ทุกคนพูดไม่ออกกับคำพูดของชายคนนี้ มาร์ดุกเองไม่รู้ว่าควรคิดยังไงกับท่าทีของศัตรู

    “ฮ่าๆๆ สนุกอะไรอย่างนี้”เสียงหัวเราะของชายชรา เขาสวมชุดซามูไรปกติมีดาบโนดาจิเหน็บหลังชายคนนั้น

    ชายคนนี้เข้าใจความคิดของสัตว์ร้ายของอลายา...พวกเขาเป็นชายสองคนที่ใช้ประโยชน์จากเรื่องไร้ประโยชน์จนกลายเป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ชาติ

    “นั่นคือทัศนคติเด็กเวร”คูฮูลินน์พูดอย่างชอบใจ

    “กล้าแค่ไหน”อิชทาร์อ้าปากค้าง เทพีแห่งสงครามและความรักอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมนุษย์ผู้หยิ่งยโส

    มาร์ดุกฮึดฮัดก่อนมองท้องฟ้าที่เมฆดำเข้าปกคลุม เทพเจ้าบาบิโลนยกมือชี้ไปที่เมฆ

    “เจ้าจะตายด้วยสิ่งนี้”

    “โฮกกกก!!!”

    บีสต์มองขึ้นไปและอ้าปากค้างเช่นเดียวกับมนุษย์ สิ่งที่ลงมาจากท้องฟ้าคือมังกรตัวใหญ่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา 

    แต่สิ่งที่เขาไม่อยากเชื่อเลยก็คือ เขารู้สึกคุ้นเคยมังกรตัวนี้

    อำนาจของสัตว์ร้าย

    ความสามารถของบีสต์ในการกำจัดมนุษย์ชาติ มังกรตัวนี้มีความสามารถแบบเดียวกับสัตว์ร้ายของอลายา แต่ฝ่ายหลังจำได้ว่าเป็นสัตว์ร้ายตัวอื่น จึงมีเพียงข้อสรุปเดียวเท่านั้น

    ต่อหน้าบุตรชายที่ทรงอำนาจที่สุดของเทียแมท บีสต์2

    มันคือมาชูซู ต้นกำเนิดของมังกรทั้งหมดและทรงพลังที่สุด

    บรรดาผู้สังหารมังกรอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเมื่อเห็นมังกรตัวนี้ แม้แต่ซิการ์ดและแลนเซล็อตก็แข็งทื่อต่อหน้าราชันมังกร

    บีสต์รุ่นที่4แสยะยิ้มกับความอับโชคของเขา

    “นี่มันลำบากแล้วสิ”

    “ทำลายมันซะ”มาร์ดุกประกาศ

    มังกรคำรามกระพือปีกเขย่าโลกและสวรรค์สะเทือน สายฟ้าและลมกรรโชกพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเข้าหาชายในชุดสีขาว

    มีสิ่งเดียวที่สัตว์ร้ายของอลายาคิดได้ในเวลานี้

    หลบหนีทางกลยุทธ์

    เขาหันหลังวิ่งหนี

    "ขี้ขลาด!!!"มาร์ดุกพูดอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นการกระทำของมนุษย์

    ทุกคนพูดไม่ออกกับการกระทำของตัวแทนที่3ของมนุษย์ชาติซึ่งเริ่มวิ่งหนีไปทางตรงข้ามกับมาร์ดุกและมาชูซุโดยไม่มีความละอายใดๆ

    อย่างไรก็ตามวีรชนเอมิยะเห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว เขาคงทำแบบเดียวกันแต่มีสไตล์มากขึ้น

    บุตรชายของเทียแมทคำรามอีกครั้งอย่างรำคาญ เขากระพือปีกอีกครั้งให้เกิดลมรุนแรงและสายฟ้าพิโรธตกลงมาจากท้องฟ้าเพื่อเผาสัตว์ร้ายของมนุษย์ชาติ

    แต่แล้ว...

    เหล็กคือร่างกายของฉันและไฟคือหัวใจของฉัน

    คำพูดของมนุษย์ดังกึกก้องทั่วบาบิโลนทำให้มาร์ดุกและมาชูซุตกตะลึง

    เมเดียและเมอร์ลิน จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ลืมตามอง พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงมันในตอนแรก แต่เมื่อพวกเขาได้ลิ้มรสพลังของบีสต์โฟว์เป็นครั้งที่สอง พวกเขาก็รู้ว่ามันทำอะไร

    บางทีอาจเป็นวิธีเดียวที่จะชนะเทพเจ้าสูงสุดได้

    คันธนูสีดำปรากฎในมือซ้าย เขายกมือขวาที่มีลูกกลมสีแดงขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น มันเริ่มยืดยาวจนแสงสีแดงที่ปกคลุมหายไป

    ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันเป็นดาบเนื่องจากด้ามจับ แต่มันไม่มีใบมีดและมีรูปกรวยยาวเหมือนสว่าน พวกเขารู้สึกงงงวงกับรูปลักษณ์ของอาวุธ


    ยกเว้นราชาแห่งวีรขน บุตรแห่งแสงของไอซ์แลนด์ ผู้ถือครองฟลาการัส และวีรชนเซลติกคนอื่นๆรับรู้ถึงอาวุธทำลายล้างในมือสัตว์ร้ายของอลายา

    โดยเฉพาะผู้เป็นเจ้าของเดิม ชายคนนั้นหัวเราะรวนกับการแสดงของบีสต์โฟว์

    “จะทำลายภูเขาสักกี่ลูกไอ้หนู”

    บีสต์เอาดาบแปลกง้างไว้บนคันธนู ดาบเปลี่ยนรูปลักษณ์ มันบางลงและยาวขึ้นจนมีรูปลักษณ์สง่างาม

    ในมือเขาเป็นต้นแบบของดาบวิเศษและดาบศักดิ์สิทธิ์มากมายรวมถึงดาบของเซอร์กาเวนและดาบในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์ แม้มันจะเป็นดาบเมโรดาซของมาร์ดุก แต่มันก็ไม่ได้มีพลังด้อยกว่าดาบสุริยะ

    “คาลาโบลก์!!”

    เขาปล่อยสายธนู

    ดาบในตำนานของเฟอร์กัส แม็ค โรส ก็พุ่งไปหามังกรเป็นแสงสีฟ้าจนถึงเป้าหมาย

    แรงระเบิดระดับอาวุธต่อต้านภูผา

    คลื่นกระแทกรุนแรงทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำและพายุ สถานที่ที่มาชูซุบินอยู่นั้นปกคลุมไปด้วยควันและเถ้าถ่าน

    "การโจมตีของสัตว์ร้ายของอลายาช่างรุนแรงเหลือเกิน ใครจะไปนึกว่าเขามีอาวุธแบบนี้ซ่อนอยู่!!"

    มนุษย์โห่ร้องด้วยความตื่นเต้นกับการแสดงพลังของตัวแทนคนที่สามของพวกเขา

    "สุดยอดเลย"

    "ดีมากไอ้หนู!!"

    "ลุยเลย"ริเนะระเบิดอารมณ์ส่งเสียงเชียร์ร่วมกับมนุษย์

    อย่างไรก็ตามสัตว์ร้ายของมนุษย์ชาติกลับไม่แสดงอาการดีใจเมื่อยิงเข้าเป้า มาร์ดุกดูเหมือนจะไม่ได้สนใจ

    เพราะไม่มีอะไรทำให้เขาตกใจได้

    ไม่มีหลังเขาฆ่าเทียแมทด้วยมือเปล่า

    @@@@@@@@@

    ในดินแดนเทพเจ้าของบาบิโลเนีย ทุกอย่างวุ่นวายและไร้ระเบียบ

    อุนากิหวาดกลัว อานุซึ่งเป็นราชาของเทพเจ้าก็สั่นสะท้าน

    ก่อนหน้าพวกเขาคือเออา ลูกชายที่ทรงอำนาจที่สุดของอานุ ตัวเขาได้เผชิญหน้ากับเทียแมทหลังจากเอลิล พี่ชายของเขาล้มเหลวในการเอาชนะมารดาของเหล่าเทพ

    เออาไม่ได้ต่อสู้ แต่ความกดดันจากการเผชิญหน้ามารดาแห่งชีวิตทำให้ความตั้งใจสู้ของเขาหมดไป

    นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเทพเจ้าล้มลง และความสิ้นหวังก็ปกคลุมดินแดนเทพเจ้าบาบิโลเนีย

    แต่...

    "ข้าจะเผชิญหน้ากับนาง"เทพหนุ่มประกาศ

    เทพเจ้าทั้งหมดหันมามองลูกชายคนโตของเออา มาร์ดุก บุตรชายของเทพแห่งดวงอาทิตย์

    หลายคนคัดค้านควาาคิดของเทพหนุ่ม อย่างไรก็ตามเขาไม่รับฟัง อานุจึงยอมรับส่งเขาไปเผชิญหน้ากับเทียแมท

    มันเป็นการต่อสู้ที่สั่นคลอนโลก

    ไฟ

    น้ำ

    ลม

    ดิน

    ม้า

    มังกร

    พิษ

    สัตว์อสูร

    ชีวิต

    ความตาย

    ทุกอย่างมีอยู่ในการต่อสู้ระหว่างมาร์ดุกกับเทียแมทและลูกๆของเธอ

    ซึ่งจบลงโดยเทพโบราณแห่งเมโสโปเตเมียถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

    และนั้นเป็นการถือกำเนิดของราชาเทพเจ้าองค์ใหม่ของบาบิโลเนีย แต่มาร์ดุกไม่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ครั้งนั้น

    พระเจ้าผู้ถือเป็นแสงสว่างของใครหลายๆคนได้กลายเป็นเปลวไฟเยือกแข็ง การต่อสู้กับเทียแมททำให้ทัศนคติและบุคลิกภาพเขาเปลี่ยนหมด

    มันไม่เหมือนเดิม

    แต่นั่นไม่สำคัญ มาร์ดุกถือว่ามันเป็นราคา เขาปกปิดทุกสิ่งที่ต้องทนทุกข์เพื่อฆ่าเทียแมท คิงกูและลูกๆมหึมาตัวอื่นของเธอและเอาชนะมาชูซุ

    นี่คือชีวิตที่จำเจของเบล มาร์ดุกผู้ยิ่งใหญ่

    @@@@@@@@@

    "หยุดเล่นมาชูซุ จัดการให้จบซะ"

    มังกรคำรามแล้วกระถือปีกพัดควันและเถ้าถ่านออกไป

    "สมกับที่หวังไว้ มังกรที่ทรงพลังที่สุดไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของมนุษย์!!"

    "เห็นหรือยังมนุษย์"

    "นั่นคือมังกรของท่านมาร์ดุก"

    "วีรชนของพวกแกจะตาย"วิษณุประกาศ

    เอเรซติกัลอดไม่ได้จะมองผู้พิทักษ์พื้นพิภพ แต่ก็กลืนความดกรธลงไป เธอเป็นเทพธิดาที่รับผิดชอบ เธอทำตามหน้าที่เสมอ

    มนุษย์หลายคนมองภาพนั้นด้วยความกังวลกับพลังของมังกรซึ่งเทียบเท่าหรือเหนือกว่าเทพเจ้า แม้จะมีคำสั่งและเห็นมังกร แต่ชายในชุดคลุมสีขาวดูไม่สะทกสะท้าน

    มังกรโฉบลงไปหามนุษย์เพื่อกินเขาด้วยขากรรไกรคมกริบ

    แต่ขณะความตายกำลังมาเยือน สัตว์ร้ายของมนุษย์เพียงยิ้มด้วยสีหน้าเหม่อลอย ราวกับมองไกลไปยังสิ่งที่มนุษย์หรือเทพเจ้าไม่สามารถเห็นได้

    เขาเห็นเนินเขาที่มีเหล็กท่อนหนึ่งที่มีความยาวท้าทายตรรกะและสามัญสำนึกทั้งหมด

    บีสต์เห็นมังกรของมาร์ดุกพุ่งเข้ามาหาเขา มาชูซุไม่มีความเมตตาต่อมนุษย์และไม่ค่อยมีต่อคนอย่างเขา

    มันเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาของมนุษย์เมื่อเห็นความดุร้ายของมังกร

    "มังกรก็เหมือนนกนางแอ่น เพียงแต่...ใหญ่ขึ้นอีกนิดหน่อย"ตัวแทนคนที่3ของมนุษย์ชาติพึมพำ

    ชายชราคนเดียวกับที่ถือโนดาจิยิ้มกว้างกับคำพูดของชายหนุ่มผมแดง

    สัตว์ร้ายของอลายาเบี่ยงตัวและหมุนตัวอย่างคล่องแคล่วขณะที่มือเขาไม่ได้จับด้ามดาบให้แน่น แต่ปรมาจารย์ดาบหลายคนจากดินแดนอาทิตย์อุทัยสังเกตการเคลื่อนไหวที่เหนือตรรกะและสามัญสำนึก

    และมันสวยงาม

    เพียงชั่วอึดใจก็ก็ปรากกฎเป็นรูปร่าง เกิดแสงสีฟ้าครามเหมือนแสงจันทร์ที่สวยงามสะท้อนความนิ่งของทะเลสาบ ดาบที่ยาวผิดปกติจนยากจะอธิบายว่ามาจากตำนานของมนุษย์

    ต่อหน้าอาณาจักรของเทพเจ้าและมนุษย์

    โมโมโฮชิ ซาโอะ


    และแตกต่างจากอาวุธที่ใช้ก่อนหน้านี้หรือกระทั่งรอบก่อนๆ มันไม่ใช่โนเบิลแฟนทาสม์

    แต่เขาสามารถทำให้ผู้ชมลืมหายใจได้

    คางุสึจิก็แสดงสีหน้าโหยหาเมื่อเห็นคมและความเรียวบางของดาบ

    สวยงาม

    ความคิดร่วมกันของทั้งมนุษย์และเทพเจ้าต่างเห็นพ้องกันความใบมีดที่เปล่งแสง

    แม้จะถูกมองว่าเป็นสมบัติวีรชน แต่มันก็ไม่ได้ตกผลึก ไม่มีวีรชนที่ตำนานผูกติดกับดาบ เป็นเพียงตำนานของชายที่ไม่มีตัวตน ตำนานที่เกิดจากจินตนาการที่บริสุทธิ์จึงขาดพลังดิบที่จะเทียบกับอาวุธของวิญญาณวีรชนตัวจริง

    ดังนั้นแม้มันจะงามมาก แต่มันก็แค่ดาบธรรมดา

    แต่สำหรับสัตว์ร้ายของอลายา ดาบเล่มนี้เป็นหนึ่งในดาบที่เชื่อถือได้ที่สุด ในบรรดาโนเบิลแฟนทาสม์นับไม่ถ้วน คุณค่าที่แท้จริงของดาบไม่ใช่เหล็ก 

    ฝีมือของนักดาบไร้นามที่ใช้ชื่อของซาซากิ โคจิโร่

    อาเธอร์เรียยิ้มรับรู้ถึงวิชาดาบที่เหนือกว่าของเธอเองหรือแม้แต่อัศวินคนอื่นของเธอ

    วิชาที่เกิดจากการกระทำที่โง่เขลา แต่ซื่อสัตย์

    ฉันไม่สนหรอกว่าสิ่งที่แกถืออยู่นั้นไร้ประโยชน์รึเปล่า หาวิธีใช้ประโยชน์จากมันและแสดงพลังที่ก้าวข้ามขีดจำกัด

    คำพูดเหล่านั้นดังเข้ามาในหัวของมนุษย์และรอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของเขา

    "เพลงดาบลับ...นางแอ่นหวนกลับ"

    บีสต์พูดและเข้าโจมตีมังกรที่เข้ามาในระยะ

    จังหวะนั้นดาบฟันออกไปพร้อมกัน3ครั้ง

    มาชูซุพุ่งผ่านบีสต์โฟว์หลังจากขย้ำพลาด แต่ทุกคนประหลาดใจที่มังกรร้องด้วยความเจ็บปวด แม้แต่มาร์ดุกก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นสหายของเขาได้รับบาดเจ็บ

    เลือดหยดจากเกล็ดของมัน

    มีบาดแผลสามแห่งและเลือดพุ่งเหมือนก๊อกน้ำแตก หนึ่งที่ดวงตา หนึ่งที่ด้านข้างคอและสุดท้ายที่หน้าอกของเขา

    การโจมตีสามครั้งเกิดขึ้นในความเร็วแสง

    อย่างไรก็ตาม

    เสียงโลหะแตกดังก้องไปทั่วสนาม

    โมโนโฮชิ ซาโอะ แตกสลายในมือของบีสต์โฟว์กลายเป็นอนุภาคสีฟ้า

    "ว้าว เกล็ดนั้นแข็งจริงๆ"สัตว์ร้ายของอลายาแสดงความเห็นมองมังกรของมาร์ดุกที่กำลังจ้องเขาด้วยความโกรธ

    "เป็นไปไม่ได้....เกล็ดของมาชูซุถูกดาบลวงโลกแทงทะลุ"

    "เป็นไปไม่ได้"เซธไม่อยากเชื่อ

    "เขาเป็นมนุษย์เหรอ"เสียงของไกอาดังขึ้น

    "โอ้ เขาเป็นมนุษย์"เสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนหันไปมองเทอร์ร่าที่เพิ่งเดินขึ้นระเบียงเทพเจ้าชั้นสูงมา"ฉันรับรองได้เลย"

    "นึกว่าจะนอนตายคาเตียง"โลกิเหน็บแหนม

    "โอ้ นั่นเป็นพวกสาวๆข้ามากกว่า"เทอร์ร่าพูด

    มีเสียงหัวเราะคิกคักจากอาร์เทมิส อะพอลโล่มองน้องสาวอย่างไม่พอใจที่เธอเป็นแม่ทูนหัวและเซ็กส์เฟรนกับครึ่งเทพตัวนี้

    "เขาเหมือนสัตว์ประหลาดที่มีผิวหนังของมนุษย์มากกว่า"เฟรย่ามองไปที่สัตว์ร้ายของอลายาอย่างแปลกประหลาด ความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอปรากฎขึ้นมา เธอเฝ้ามองเขาอย่างระวังมากขึ้น

    มีเสียงบ่นและความเห็นมากมายในโคลอสเซียมสำหรับความสำเร็จของมนุษย์ที่เป็นสัญลักษณ์ความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ

    "ยอดเลยบีสต์"ริเนะยกแขนขึ้น

    "นายทำได้"ริทสึกะตะโกน

    "มันก็แค่...จิ้งจกน่าเกลียด"มาชูพยายามดูถูก แต่เห็นชัดเธอไม่ค่อยเก่ง

    "ทำได้ดีมาก"ชายชราที่ถือโนดาจิกล่าวชมเชยวิธีที่เขาจำลองวิชาในตำนานของเขา

    นอกจากนั้นเขายังทำให้มุซาชิแก่ๆที่อยู่ข้างๆอ้าปากค้าง

    มาชูซุมองมนุษย์ที่ทำลายตาข้างหนึ่งและกระพือปีกอีกครั้งส่งลมกรรโชกและรังสีแห่งการทำลายล้างไปยังมนุษย์

    ธนูสีดำปรากฎขึ้นและมีกระสุนใหม่ปรากฎขึ้นอีกครั้ง

    มันเป็นอาวุธสีเข้มที่มีขอบเล็กๆพันรอบแกนบางๆหมุนวนและโค้งไปด้านนอก


    ชายคนหนึ่งที่มีแผลเป็นทั่วร่างกายของเขายิ้มอย่างหิวกระหายเมื่ออาวุธเขาอยู่ในมือชายอีกคน ส่วนหนึ่งเขาสงสัยว่าชายคนนี้มีความสามารถแค่ไหนกับดาบของเขา

    ที่ใดมีสัตว์ประหลาด นักล่าคนนั้นอยู่

    มองหาสิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์

    ล้มเหลวเพียงครั้งเดียวเมื่อเป้าหมายของเขาสร้างความเสียหายให้กัยตัวเอง ด้วยการทำให้มอนสเตอร์เป็นพิษด้วยเลือด

    นั่นเป็นเหตุผลที่คุณสามารถไว้ใจ...เรด เพน ฮาวด์

    สัตว์ป่าที่โหยหาหัวของเจ้า...ฮันติ้ง!!!

    ลูกศรถูกปล่อยออกมาด้วยความเร็ว มันเป็นกระสุนเวทมนตร์ที่มีพลังมหาศาลสามารถลดระยะ4กิโลเมตรกับเป้าหมายเป็นเสี้ยววินาที

    เส้นทางที่บินผ่านทิ้งรอยสีแดง เมื่อนักล่าแห่งทุ่งหญ้าถูกปลดปล่อยไม่มีสิ่งใดจะหยุด ซ่อนหรือหลีกเลี่ยงเขาได้ขณะมือปืนยังเล็งเป้าหมายของเขา

    การโจมตีเข้าเป้า

    มาชูซุร้องโหยหวนขณะกระพือปีกบินอย่างสเปะสปะและโกรธเกรี้ยว มันเริ่มคลุ่มคลั่งอาละวาด...เพราะถูกยิงดวงตาอีกข้าง

    มังกรที่ใหญ่ที่สุดเสียการมองเห็น

    แม้แต่มาร์ดุกก็พูดไม่ออกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

    มนุษย์ทำร้ายมังกร

    สิทธิพิเศษนี้มอบให้กับผู้ถือตำแหน่งดราก้อนสเลเยอร์เท่านั้น แต่บีสต์โฟว์ทำได้โดยไม่บาดเจ็บมากนัก

    และมนุษย์ชาติก็ยินดีกับมัน

    "ไม่เลวเฟคเกอร์"

    "ไอ้หนู แกใช้เก โบลก์ได้ดีขึ้น"

    "อย่างที่หวังไว้ ฉันสงสัยว่าเขาจะใช้การยิงร้อยหัวของข้าได้ไหม"

    "ทำได้ดีมากชิโร่"เมดูซ่าพูดเบาๆยิ้มสวยงามบนใบหน้าของเธอ

    "รุ่นพี่...อย่าฝืนตัวเอง"

    "ชิโร่คุงทำต่อไป ฆ่าจิ้งเหลนตัวนั้น!!"

    "ชิโร่คุง?"แม่ชีผมขาวโผล่มาด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    "ไม่ต้องมาแซวโฮเทนเซีย ยังไงซะเขาเป็นสามีของฉัน"รินประกาศ

    "ขะ...เขาเป็นสามีฉันเหมือนกันค่ะ"ซากุระไม่ยอมแพ้

    "อืม ยูกิพูดว่ามีไทม์ไลน์ที่เธอสองคนเป็นภรรยาเขาทั้งคู่ด้วยนะ"คาเรนพูดแกล้งและสองสาวแสดงท่าทางสนใจอยากรู้เหมือนเด็กๆ

    ตัดเข้าเรื่อง

    บีสต์กัดฟันมองการอาละวาดของมาชูซุ

    "ปีกนั้นเกะกะจริงๆ เทรซออน"เขาเตรียมธนูและมีดาบเล่มใหม่อยู่บนมือเตรียมยิงมันด้วยธนู


    ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการชำระล้าง

    ความจริงเปิดเผยต่อคนบาป...อัสคาลอน!

    ดาบที่อยู่ยงคงพระพันของผู้สังหารมังกร นักบุญจอร์จถูกนำไปใช้โค่นมังกรอีกตัว นักบุญเฝ้ามองการต่อสู้และเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าจำเป็นต้องทำให้มังกรบาบิโลนอ่อนแอลงด้วยดาบของเขา นอกจากนี้พลังอยู่ยงคงกระพันของอัสคาลอนถูกปลดปล่อยแล้ว

    ความอยู่ยงคงกระพันของอัสคาลอนไม่ได้เกิดจากการทำร้ายผู้อื่น แต่พลังป้องกันที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา อย่างไรก็ตามสำหรับบีสต์โฟว์ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนพลังป้องกันทำให้ดาบกลายเป็นอาวุธทรงพลังที่สามารถทะลวงการป้องกันได้

    และเกล็ดมังกรเป็นตัวอย่างที่เด่นชัด

    มาชูซุคำรามอย่างเจ็บปวดขณะล้มลงบนแผ่นดินบาบิโลน ปีกข้างหนึ่งถูกตัดขาดออกจากร่างทำให้มังกรสั่นเหมือนหนอนตัวใหญ่

    "มาชูซุล้มลงแล้ว....มังกรตัวใหญ่ที่สุดล้มลงแล้ว"

    "ลุยเลยบีสต์โฟว์!!!"เสียงตะโกนของมนุษย์ชาติ

    ดวงตาของมาร์ดุกเบิกตากว้าง เซฟานีภรรยาของเขาอดไม่ได้ที่จะกังวลต่อสีหน้าตกตะลึงของสามี และเทพเจ้าทั้งหมดก็เหมือนกัน สำหรับพวกเขานี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ การทำร้ายเทพเจ้าเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การโค่นมังกรของมาร์ดุกเป็นสิ่งที่หลุดโลกไปแล้ว

    มาชูซุคำรามและสยายปีก แม้จะบินไม่ได้แต่มันยังสามารถสร้างพายุได้  สายฟ้าและพายุเฮอร์ริเคนทำให้บีสต์โฟว์ถอยไปหลายเมตรทำให้มังกรมีเวลาฟื้นตัว อย่างไรก็ตามชายคนนี้ไม่ยอม

    "เทรซออน..."

    ดาบเล่มใหม่ปรากฎขึ้น

    มาร์ดุกสะดุ้งเมื่อมองดาบเล่มใหม่ของสัตว์ร้ายแห่งอลายา เมื่อรู้สึกได้ถึงเสียงกระหึ่มจากเมโรดาซในมือของเขา

    เป็นหนึ่งในดาบแห่งสุริยะ

    ดาบที่จำลองมาจากเมโรดาซ มันสืบทอดอำนาจของเบล มาร์ดุก


    ซีเกิร์ด วีรชนผู้ยิ่งใหญ่ของตำนานเทพนอร์ดิกเบิกตากว้างเมื่อจำดาบของเขาในมือชายคนนั้นได้ อย่างไรก็ตามเขายิ้มเมื่อเข้าใจการลงมือครั้งต่อไปของบีสต์ บรินฮิลด์ข้างๆเขาตัวสั่นเมื่อเห็นชายอีกคนใช้ดาบคู่ใจของเธอ แต่ไม่ได้แสดงความเห็นเมื่อคนรักของเธอไม่มีปัญหา

    อย่างไรก็ตามเมอร์ลินใช้ญาณทิพย์ไม่ใช่เพื่อมองดูอนาคต แต่มองเห็นความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติที่คอยช่วยเหลือ ตอนนี้เขาเข้าใจธรรมชาติพลังของเคาเตอร์ฮีโร่

    และเขาไม่รู้ว่าชอบมันรึเปล่า

    ในมือของชายในชุดคลุมสีขาวคือดาบปีศาจที่หักเมื่อเผชิญหน้ากับหอกกุงนีลของโอดิน ตอนนี้มันถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยพลังที่สังหารแม้กระทั่งมังกรร้าย ดาบต้องสาปที่มีรัศมีพลังทำลายเทียบได้กับดาบศักดิ์สิทธิ์เอ็กซ์คาลิเบอร์

    แต่บีสต์โฟว์ทำให้เขาแน่ใจได้เรื่องหนึ่ง

    พลังสังหารมังกรของมันไม่มีสิ่งใดเทียบได้

    มันเพรียวบางและเหมาะสำหรับยิงเหมือนกระสุนก่อนๆ มือธนูวางลูกธนูไว้บนธนูและง้างเตรียมยิง

    ลูกศรที่ทำลายท้องนภา

    ดวงอาทิตย์และรุ่งอรุณเป็นหนทางสู่การทำลายล้าง โบโวลก์ ซีค กราม!!!

    เขายิงมันเข้าไปหามังกร

    แทนที่ดาบจะปลดปล่อยพลังของดาบ บีสต์โฟว์ดึงพลังของมันออกมาและระเบิดพลังทั้งหมดด้วยการยิงคันศรทำให้มันกลายเป็นโบรเคน โนเบิลแฟนทาสม์

    "ตูมมมม!!!!"

    "ก๊าซซซซ!!!!"

    มังกรกรีดร้องเสียปีกที่เหลืออีกข้าง

    มาชูซุร้องด้วยความโกรธทำอะไรไม่ถูก มันตระหนักว่าไม่ได้เผชิญกับมนุษย์ธรรมดา มันกำลังเผชิญหน้ากับดราก้อนสเลเยอร์ และมาร์ดุกสังเกตเรื่องนั้นราวกับมีถังน้ำตกใส่หัว

    สิ่งที่เขาทำได้คือนิ่งไม่ไหวติง และซ่อนอาการตกใจไว้ข้างใน

    "ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เราได้เป็นสักขีพยานในการถือกำเนิดของ...ดราก้อนสเลเยอร์"

    เซนต์ มาร์ธา , เซนต์จอร์จ, ซีเกิร์ด , ซิกฟรีดและแลนเซล็อตยิ้มเมื่อประกาศตำแหน่ง

    น้องชายผู้ฆ่ามังกรคนใหม่กำลังเข้าร่วมกับพวกเขา

    "เยี่ยมไปเลยบีสต์ นายเก่งที่สุด"ริเนะร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งและคิดจะใช้ควอตส์เพื่อรับเซอร์แวนท์ที่ต่อสู้ให้พวกเขาในศึกที่สามนี้

    "อืม ทำได้ดีเฟคเกอร์ แกกลายเป็นนักล่าสัตว์ที่ดี...แต่ไม่มีอะไรเทียบข้าได้ ใช่ไหมเอนคิดู"ราชาวีรชนหันไปถามเพื่อนสนิท

    เอนคิดูเงียบและยิ้มให้อย่างจริงใจ เขาไม่มีความกล้าจะบอกเพื่อนของเขาว่าสิ่งเดียวที่เขาทำได้ดีคือขว้างปาสิ่งของจากประตูบาบิโลน

    แต่ชายหัวเขียวไม่ต้องกังวลกับการตอบคำถามเพราะเสียงของพิธีกรดึงดูดความสนใจของทุกคน

    "อ้อ แต่เดี๋ยวก่อน มาชูซุพยายามจะทำอะไรบางอย่างอยู่"

    หน้าอกของมังกรของมาร์ดุกบวมขึ้นมา...นั่นหมายความว่า

    เขากำลังจะปล่อยลมหายใจ...ลมหายใจของเขาที่เผาโลก

    ใส่สัตว์ร้ายของอลายา

    หลายคนจำได้ถึงการต่อสู้ครั้งก่อน ไฟของฟาฟเนียที่ปล่อยใส่เวเรทรัคนะและวัวของเขาเผาผลาญผืนปฐพี และมาชูซุเป็นมังกรที่ทรงพลังที่สุดหมายความว่าลมหายใจของเขาจะยิ่งใหญ่กว่านี้

    เปลวเพลิงสีแดงที่สีของมันเหมือนกับลาวาพุ่งเข้าหาบีสต์โฟว์

    โรไออัส!!!


    ดอกไม้แสงสีชมพูเจ็ดกลีบปรากฎขึ้น มันคือโล่ของวีรบุรุษของกรีก อาแจ็กต์ ผู้ซึ่งหยุดหอกของเฮคเตอร์ในสงครามกรุงทรอย

    อคิลลิส ไดโอนีซุส เฮคเตอร์และอาแจ็กต์ ต่างพูดไม่ออกเมื่อโล่ปรากฎขึ้นเนื่องจากรูปลักษ์เป็นดอกไม้สีชมพู

    อาแจ็กต์เหมือนโดนหยามเกียรติลูกผู้ชายไม่เหลือ

    บุตรแห่งแสงของไอร์แลนด์ขมวดคิ้ว โล่เจ็ดกลีบทรงพลังพอจะป้องกันเก โบลก์ได้แม้จะแตกหมดก็ตาม แต่มันจะหยุดการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของมังกรของมาร์ดุกได้ไหม

    บีสต์โฟว์ไม่รู้ว่าการโจมตีของมังกรนับเป็นการโจมตีโปรเจ็กไทป์ไหม แต่นี่เป็นการป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของเขา

    สัตว์ร้ายของอลายากัดฟันจับแขนขวาแน่นขณะเปลวไฟกระแทกม่านของโรไออัส เขาหวังจะยื้อนานพอจนกว่าการโจมตีจะหยุด

    แต่มาชูซุไม่ยอมหยุดจนกว่าจะทำลายคนที่ตัดปีกและขาข้างหนึ่งของมันไปได้

    ม่านพลังเริ่มแตกออก กลีบกุหลาบแตกสลายไปขณะที่การโจมตีของมังกรรุนแรงขึ้น

    จนเหลือเพียงแค่กลีบดอกสุดท้าย

    "บรึ้มมมมม!!!!"

    คลื่นสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วบาบิโลนและในโคลอสเซียม 

    เกิดฝุ่นควันขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมและสร้างความกังวลให้ฝั่งมนุษย์

    โดยเฉพาะคนที่รู้จักเขา รินกัดเล็บ ซากุระเป็นลม เมดูซ่ากระแทกหลังพี่สาวโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้พวกเธอสำลัก และอาเธอร์เรียสติหลุด

    "มันจบแล้ว"มาร์ดุกประกาศ

    แต่แล้วเงาดำในม่านควันก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน

    มีร่างหนึ่งโดดจากควัน เสื้อคลุมสีขาวถูกเผาจนหมดและเขาถอดมันออก ผ้าสีแดงบนศีรษะเขาไหม้เกรียมและขาดวิ่นหลุดไป

    ชายผมสีส้มโดดพุ่งลงไปหามังกรที่เงยหน้ามองศัตรูของมันกำลังพุ่งลงมา ดาบเล่มใหม่ปรากฎบนมือของบีสต์โฟว์

    ดาบน้องสาวของดาบศักดิ์สิทธิ์ คาลิเบอร์

    มอบให้กับอัศวินผู้สมบูรณ์แบบแห่งยุค

    ผู้ที่ถือครองเป็นอัศวินที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ในอัศวินแห่งคาเมล็อต

    มันตกต่ำลงจากอาชญากรรมที่ทำลายเกียรติของอัศวินและตัวเขาตกสู่ความบ้าคลั่งและความแค้นทำให้กลายเป็นดาบมารไป

    แต่แม้กลายเป็นดาบมาร เขาก็ยังมีความสามารถตามเดิม

    จิตวิญญาณไม่มีทางแปดเปื้อนเหมือนแสงสีรุ้ง

    แสงบริสุทธิ์ของทะเลสาบ

    "จงทำลายพันธนาการทั้งหมด อารอนไดซ์!!!"


    เขาตวัดดาบลงบนมังกรชวนให้นึกถึงภาพผู้ประหารชีวิตกำลังบั่นศีรษะอาชญากรบนเวทีสาธารณะให้ทุกคนได้ชม

    มังกรของมาร์ดุก สิ้นใจตายต่อหน้าทุกคน

    หัวมังกรร่วงหล่นลงพื้น ร่างกายของมันเลือนหายเป็นอนุภาคแสง 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×