คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เซอร์แวนท์ตนที่8
"ขอถาม ท่านเป็นมาสเตอร์ที่อัญเชิญข้ามาใช่หรือไม่"
“ใช่ ฉันมาโต้ คาริยะ เป็นมาสเตอร์ของนาย”คาริยะพูดแม้มีอาการกระตุกและความเจ็บปวด
“งั้นพันธสัญญาก็สมบูรณ์แล้ว”แลนเซอร์บอกคาริยะ”ข้าจะต่อสู้เพื่อนำจอกศักดิ์สิทธิ์มาให้ท่าน”
"ทำไมแกไม่ถูกอัญเชิญมาในคลาสเบอเซิร์กเกอร์"โซเคนถาม
"ในเมื่อใช้สื่ออัญเชิญข้ามา เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าไม่ใช่เซอร์แวนท์ปกติทั่วไป ผลของกำหนดคลาสมีผลกับข้าด้อยลง และข้าก็ปฎิเสธจะเสียสติกลายเป็นสัตว์ประหลาดด้วย"
"เจ้าโง่"โซเคนตะคอก"การเพิ่มพูนความบ้าคลั่งของคลาสเบอเซิร์กเกอร์จะทำให้เซอร์แวนท์แข็งแกร่งมากขึ้น"
"นั่นเป็นแผนของเจ้า"แลนเซอร์ยืนเผชิญหน้ากับโซเคน"แต่ข้าจำได้ว่าเบอเซิร์กเกอร์ใช้พลังเวทย์มากในการต่อสู้ ภาระนั้นจะทำให้ชีวิตมาสเตอร์ข้าสั้นลง ไม่ต้องสงสัยว่ามันเพื่อความสนุกของเจ้า"
คาริยะมองดูพ่อสีหน้าโกรธ นี่เป็นแผนเล่นสนุกของโซเคน ก่อนที่เขาจะเมินเซอร์แวนท์มองลูกชาย
เซอร์แวนท์หันไปมองที่ที่เขาถูกอัญเชิญมาลงไปยังหลุมรังหนอน ดวงตาสีแดงเขาหยุดที่สาวน้อยตัวเล็กๆที่ติดอยู่ในนั้น
เขาเคลื่อนไหวเร็วจนเป็นภาพเบลอ คาริยะกับโซเคนมองด้วยความประหลาดใจเมื่อเซอร์แวนท์ลงพื้นหลุมท่ามกลางหนอนที่หวาดกลัวและถอยหนี
มือที่หุ้มอยู่ในเกราะแขนเอื้อมมือไปหาเธอ แต่หยุดชะงักและดึงกลับ
บรรยากาศห้องเย็นลงมาก
จิตสังหารแผ่ออกมาจากเซอร์แวนท์ ชายผมเงินหันไปมองชายสองคน
"นี่มันหมายความว่ายังไง"เขาถาม สีหน้าแลนเซอร์เต็มไปด้วยความโกรธ
"นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เซอร์แวนท์"โซเคนพูดอย่างเกรี้ยวกราด แต่ก็สัมผัสถึงความกลัวได้ มีบางอย่างเกี่ยวกับเซอร์แวนท์ตนนี้....เขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาได้ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อสื่ออัญเชิญเรียกวีรชนคนนี้ แต่เขาเป็นเพียงแค่อสูรรับใช้
"เธอเป็นเหตุผลที่ฉันต่อสู้"คาริยะอธิบายอย่างรวดเร็วก่อนเซอร์แวนท์จะทำอะไร"ฉัน...เราต่อสู้เพื่ออิสรภาพของเธอ"
"เธอเป็นนักโทษ? ข้าแน่ใจว่าใช่นะ"เขายืนขึ้นและจ้องมองชายชรา"จุดประสงค์คืออะไร...การทรมาณ?"
หัวหน้าตระกูลมาโต้ร้อนใจ
"ฉันคิดว่าคนอย่างเจ้าน่าจะเข้าใจดี เธอเป็นผู้สืบทอดศาสตร์เวทย์ของฉัน"
"การฝึก?"เสียงเย็นชาเขาดังขึ้นอีกครั้งแต่เต็มไปด้วยความโกรธ โซเคนก้าวเท้าถอยหลังด้วยความกลัว"เจ้าเรียกการทรมาณสาวน้อยคนนี้ว่า....การฝึก!?"
ออร่าสีเงินแผ่ออกมาจนกดดันคนในห้อง จิตสังหารแผ่ออกมา ดวงตาสีแดงของเขาเปล่งประกายด้วยความโกรธ หนอนที่อยู่ใกล้เขาระเบิดตามแรงกดดันของพลังเวทย์ เขาหันไปมองสาวน้อยและจับมือ
"เดี๋ยว แกทำอะไรน่ะ!!?"ตาแก่ตื่นตระหนก คาริยะจ้องมองอย่างตกใจในสิ่งที่เซอร์แวนท์เขาพึ่งทำ
แสงขยายตัวและหนอนถูกเผา
"หยุดนะ!!!"ความต้องการของโซเคนถูกเมินเฉย
แสงดับลงและหลุมที่เต็มไปด้วยหนอนเมื่อกี้นี่ว่างเปล่า
"แกทำอะไรลงไป!?"โซเคนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ มรดกของเขา แผนการของเขา เซอร์แวนท์ของคาริยะทำลายมัน เขาตั้งใจจะชนะจอก...และเขาทำลายทุกอย่าง เขากลายร่างเป็นหนอนพยายามโจมตีเซอร์แวนท์ แต่พบว่าเขามายืนอยู่ด้านหลังในพริบตาและแทงหอกทะลุหน้าอก
แสงสีทองแบบเดียวกับที่ช่วยซากุระตอนนี้ทำลายโซเคน
โซเคนแทบไม่ทันกรีดร้องเมื่อถูกเผาด้วยเปลวไฟสีทอง
@@@@@@@
ปราสาทไอซ์เบิร์นส์, เยอรมนี
ในป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะ คิริทซึงุกำลังเดินเล่นกับลูกสาวเขาเพื่อเล่นเกมส์นับต้นวอลนัท และไอริสฟิลกับเซเบอร์แดงกำลังเฝ้าดูจากหน้าต่าง ส่วนเซเบอร์น้ำเงินไปฝึกดาบที่สวนของปราสาท
หลังจากเรื่องวุ่นวายในการอัญเชิญ ปู่อาสท์ยินดีมากเนื่องจากโอกาสชนะเพิ่มเป็นสองเท่า แต่ปัญหาคืออิลิยาเป็นมาสเตอร์ ซึ่งวิธีดีสุดคือโอนย้ายเรย์จูให้ผู้อื่น แต่นั่นต้องทำลายวงจรเวทเธอที่เป็นจอกน้อย เขาจึงต้องให้อิลิยาไปเมืองฟุยุคิด้วย ไอริสฟิลจึงทั้งดีใจและกังวล
คิริทซึงุอธิบายแผนให้เซอร์วอนท์ทราบ ซึ่งไอริสฟิลจะทำหน้าที่เป็นมาสเตอร์ของเซเบอร์น้ำเงิน และโยโกะจะคอยคุ้มครองอิลิยาที่ปราสาทไอซน์เบิร์นใช้เซเบอร์แดงช่วยต่อสู้อย่างลับๆ
พวกเขาสามารถให้เซเบอร์อีกตนโจมตีศัตรูด้านหลังขณะสู้ได้ รวมถึงให้คิริทซึงุสังหารมาสเตอร์ได้ง่ายขึ้น เซเบอร์น้ำเงินไม่พอใจมาสเตอร์เธอมาก ขณะที่เซเบอร์แดงก็ไม่พอใจแต่พร้อมจะทำตาม อย่างแรกเลยมาสเตอร์เธออ่อนแอและสงครามไม่มีเกียรติหรือศักดิ์ศรีมาเกี่ยวข้อง
หลังการประชุมเนโรเดินสำรวจปราสาท ชื่นชมสถาปัตยกรรมเยอรมนีซึ่งในสมัยของเธอ พวกเขาเป็นดินแดนเถื่อนที่โรมไม่เคยยึดครองได้ มีบางอย่างที่เธออยากถามแม่ของอิลิยา
”เซเบอร์แดง ถ้าไม่รังเกียจช่วยบอกความปรารถนาเธอมาหน่อยได้ไหม”ไอริสฟิลเรียกทำให้เธอหันกลับมามอง”อะไรที่ทำให้เธอดึงลูกสาวตัวน้อยของฉันเข้าไปในสงคราม”
เซเบอร์แดงเข้าใจความกังวลของเธอและตำหนิที่เธอถามไม่ได้
”ฉันไม่มีความปรารถนาและไม่ได้ต้องการจอก ข้ามาเพราะรู้สึกว่ามีคนต้องการข้าที่นี่จึงตอบรับเสียงเรียก”เซเบอร์แดงพูดก่อนถอนหายใจ”ข้าขอโทษ ข้าควรฉลาดกว่านี้ ข้าไม่รู้ว่ามาสเตอร์ข้าเป็นเด็กและไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย”
“ฉันเชื่อเธอ”ไอริสฟิลลูบหัวเซเบอร์แดงเหมือนเจ้าหญิงปฎิบัติต่ออัศวินรับใช้เธอ”คิริทซึงุบอกฉันว่าเซอร์วอนท์เป็นแค่เครื่องมือ แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับเขาเลย ฉันเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับมนุษย์และผู้คนก็ยังต้องการวีรบุรุษเพราะพวกเขาต้องการเชื่อในความยุติธรรมและการช่วยเหลือโลก เธอจะไม่อยู่ที่นี่ถ้ามันไม่จริง”
“ขอบคุณที่ไว้ใจข้าเลดี้ไอริสฟิล”
”อิลิยาชอบเธอและฉันเมินเฉยไม่ได้จริงไหม”เธอหัวเราะเบาๆแต่ก็จริงจังด้วย”แค่รักษาสัญญาของเธอก็พอ”
”แน่นอนค่ะ”
”มาเถอะ มาสเตอร์เธอรออยู่”
@@@@@@@@@@@
มันเป็นค่ำคืนที่เงียบกริบ เวเวอร์ เวลเว็ตซ่อนอยู่ตรงรูปปั้นหน้าหอสมุดประจำเมืองฟุยุคิและได้ยินเสียงประตูกรงเหล็กโดนทุบและไรเดอร์ที่รู้จักกันดีในชื่อราชาผู้พิชิตอิสกันดาห์ออกมาพร้อมหนังสือ
”บ้าจริง พังประตูออกมาแบบนี้คิดอะไรอยู่เนี่ย ทำไมไม่เปลี่ยนเป็นร่างวิญญาณเหมือนตอนที่เข้าไปเล่า”เวเวอร์เดินออกไปหา”
”ร่างวิญญาณแบบนั้นมันถือไอ้นี่เดินออกมาได้หรือไง เลิกแตกตื่นได้แล้ว ทำเป็นหัวขโมยยังไงอย่างงั้น”ไรเดอร์กล่าว
”ถ้าไม่ใช่หัวขโมยแล้วเป็นอะไรล่ะแกน่ะ”
”มันต่างกันเยอะนะ ถ้าเร้นกายหนีหายไปท่ามกลางความมืดนั้นคือขโมยยามราตรี แต่ถ้าเป็นผู้ที่จากไปพร้อมบทเพลงแห่งชัยชนะล่ะก็นั่นคือราชาผู้พิชิตยังไงล่ะ”ไรเดอร์กล่าว
เวเวอร์แย่งหนังสือมาจากเขา
”แค่นี้ก็พอใช่มั้ยเอาล่ะ เอาล่ะหายไปได้แล้ว รีบๆหายไปตอนนี้เลย รีบๆหายไปซะ”
”โอ้ งั้นฝากหน้าที่แบกห่ามด้วยล่ะ อย่าให้หล่นเชียวนะ”ไรเดอร์กลายเป็นร่างวิญญาณไป
"กริ๊งงงง!!!!"เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมา
”โธ่เว้ย ไหงมันกลายเป็นแบบนี้กันเนี่ย”
เวเวอร์วิ่งหนีไปถึงสวนสาาธารณะหอบหายใจหนัก
”อัญเชิญสำเร็จแล้วแท้ๆ แต่ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย”เวเวอร์ถอนหายใจมองหนังสือที่ไรเดอร์ขโมยมาเป็นแผนที่โลกและการผจญภัยของโอดิเซียสซึ่งเกี่ยวกับสงครามโทรจัน จากนั้นมือใหญ่ของไรเดอร์ก็มาคว้ามันไป
”บอกแล้วไงว่าเตรียมตัวสำหรับสงคราม แผนที่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับสงครามนะ เฮ้ย ไอ้หนู มาซิโดเนียกับเปอร์เซียอยู่ตรงไหน”
”นี่ ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกันเนี่ย ฉันเป็นมาสเตอร์ของ...”
สายตาวาวโรจน์จากไรเดอร์ทำให้เวเวอร์สะดุ้งถอยหลังล้มลงถัดจากแอสซาซินที่กินขนมที่เธอขโมยมา
”ข้าเข้าใจดีแล้วว่าแกเป็นมาสเตอร์ของข้า ก็ทำสัญญากันเรียบร้อยแล้วนี่นา"เขากล่าวและนั่งลงพื้น”แล้วข้าก็อยากรู้ว่าครั้งหนึ่งดินแดนของข้านั่นอยู่ตรงไหน”
”แถวนี้ละมั้ง”เวเวอร์ชี้ไปที่ที่มาซิโดเนียตั้งอยู่ และปฎิกิริยาของไรเดอร์ก็คือหัวเราะ
”ฮ่าๆๆๆ เล็กเหลือเกิน แผ่นดินที่ได้ไปมาทั่วขนาดนั้นมีเพียงเท่านี้เองเหรอ ดีๆ ใจข้ามันร่ำร้องไปหมดแล้ว ว่าแต่เจ้าหนู ที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้อยู่ตรงไหนของแผนที่กันล่ะ”
เวเวอร์ชี้ไปที่ญี่ปุ่น
”โอ้โห อยู่อีกซีกโลกหนึ่งเชียวรึ แต่ก็ดียิ่งนัก เท่านี้สิ่งชี้นำในสงครามก็ครบเรียบร้อยแล้ว”
“ชี้นำเหรอ”
”ก่อนอื่นแบ่งโลกเป็นครึ่งวงกลม ตะวันตก มุ่งสู่ตะวันตกอย่างเดียวและทำการพิชิตประเทศที่ผ่านไปให้หมด ทำเช่นนั้นจนกลับไปถึงมาซิโดเนีย ทุกคนที่ดินแดนบ้านเกิดจะได้เฉลิมฉลองการกลับมาของข้ายังไง”
เวเวอร์มองด้วยความหงุดหงิด
”นี่แกมาทำอะไรที่นี่กันแน่เนี่ย สงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ใช่มั้ย จอกศักดิ์สิทธิ์น่ะ”
”จริงสิ พูดถึงจอกศักดิ์สิทธิ์แล้วควรที่จะถามเอาไว้ตั้งแต่แรก ไอ้หนู เจ้าจะเอาจอกศักดิ์สิทธิ์ไปใช้ยังไงเหรอ”
”จะถามเรื่องนั้นไปทำไมกัน รู้เรื่องนั้นแล้วจะทำไมเหรอ”
”ถ้าเจ้าคิดจะครอบครองโลกล่ะก็แปลว่าต้องเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันไม่ใช่รึ ราชันน่ะไม่จำเป็นต้องมีสองคนหรอกนะ”
”ครองโลกอะไรกัน สิ่งที่ฉันปรารถนาน่ะคือการถูกมองอย่างเหมาะสมแค่นั้นแหละ พวกหอนาฬิกาที่ไม่ยอมรับพรสวรรค์ในตัวฉันจะได้เปลี่ยนความคิดซะใหม่ยังไงเล่า ฉันต้องการแค่นั้นเอง”
”กระจิ๊ดริด!!!!”ไรเดอร์ตบหน้าเวเวอร์ลอยตกพื้น”น้อยนิด โลกแคบ งี่เง่าเป็นบ้า ความหวังยิ่งใหญ่ที่เดิมพันชีวิตในการต่อสู้ เพื่อแสดงให้เห็นเกียรติยศของตัวเองแค่นั้นรึ แล้วยังเรียกตัวเองว่าเป็นมาสเตอร์ของข้าอีกเหรอ ให้ตายสิช่างน่าเศร้าจังซะจริงๆ”
เขาหยิบเวเวอร์ขึ้นมา
”ถ้าอยากให้ผู้อื่นเคารพยำเกรงขนาดนั้นล่ะก็ ก่อนอื่นเจ้าต้องใช้พลังของจอกศักดิ์สิทธิ์ขอให้ตัวเองสูงขึ้นอีก30เซนติเมตรก่อนเข้าใจรึเปล่า”
ไรเดอร์วางเวเวอร์ลงถัดจากแอสซาซินซึ่งเห็นแผลที่แก้มแล้วใช้ผ้าช่วยเช็ด มันไม่ได้ลดความโกรธเขาที่มีต่อไรเดอร์
”เจ้านี่ เป็นกะอีแค่เซอร์วอนท์ จะสอนให้หลาบจำเอง”เวเวอร์ยกมือขึ้นมา”ด้วยเรย์จูนี้ ด้วยอาญาสิทธิ์แห่งจอกศักดิ์สิทธิ์ เจ้า ราชาผู้พิชิตอิสกันดาห์.....ใจเย็นไว้เวเวอร์ เรย์จูที่มาสเตอร์ได้รับมาสามารถบัญชาเซอร์วอนท์ได้เพียงแค่3ครั้งเท่านั้น ถ้าเสียเรย์จูทั้งหมดไปล่ะก็ เราจะไม่สามารถควบคุมเจ้านี่ได้อีกเลย”
“ถ้าได้จอกศักดิ์สิทธิ์มาล่ะก็ฉันจะไม่บ่นอะไรสักคำเลย จากนั้นแกจะไปทำอะไรที่ไหนก็เชิญ...“
”โธ่เว้ย แค่จอกศักดิ์สิทธิ์น่ะเดี๋ยวจะไปเอามาให้“
”ดูเหมือนจะมีความมั่นใจจังเลยนะ แกมีแผนการอะไรอยู่อย่างงั้นเหรอ”เวเวอร์ถาม
”แปลว่าเจ้าอยากจะเห็นพลังของข้าอย่างงั้นรึ”ไรเดอร์ถาม
”แน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะเชื่อใจแกดีไหม นั่นน่ะขอพิสูจน์ให้เห็นกันหน่อยล่ะ”
ไรเดอร์ยิ้มเยาะและยืนขึ้นชักดาบออกมา
”ราชาผู้พิชิตอิสกันดาห์ผู้นี้ขอร่ำร้องต่อผู้ยิ่งใหญ่ด้วยดาบนี้”ไรเดอร์แกว่งดาบครั้งใหญ่
มันเหมือนไม่มีอะไร แต่เวเวอร์สังเกตแสงไฟวูบวาบและท้องฟ้าแยกออกส่งสายฟ้าฟาดลงมาใกล้ทำให้เวเวอร์กระเด็นแต่แอสซาซินจับเขาไว้ทำให้เวเวอร์หน้าแดง แต่สายตาพวกเขาถูกดึงดูดให้เฝ้ามองด้วยความเกรงกลัวเมื่อเห็นรถศึกที่มีวัวยักษ์สองตัวลากจูงมัน
”เครื่องบรรณาการณ์ที่ราชาคลอเดียสถวายแก่เทพซุสไง การที่ข้าถูกจัดอยู่ในคลาสไรเดอร์คงต้องเป็นเพราะชื่อเสียงของเจ้านี่แน่ๆ ถ้าอยากได้จอกศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็หาที่อยู่ของวิญญาณวีรชนให้ดูสักคนสองคนหน่อยเป็นไง จนกว่าจะถึงตอนนั้นขอประโลมใจด้วยการชมแผนที่นี้ก็แล้วกัน ก็คงไม่มีปัญหาอะไรสินะ”
เวเวอร์ได้แต่พยักหน้า
@@@@@@@@@@@
โรงแรมไฮแอท
เคย์เนธ อาร์ชิโบล เอลเมลอยไม่มีความสุข ในฐานะชายที่แต่งงานกับสาวสวยและเป็นมาสเตอร์ที่มีเซอร์แวนท์แข็งแกร่ง เขาควรจะพอใจ
น่าเสียดาย เป็นเซอร์แวนท์ที่ทำให้เขาไม่มีความสุข
“แกไม่มีหัวคิดเหรอ”เคย์เนธถามด้วยเสียงที่พยายามไม่กรีดร้องใส่เซอร์แวนท์”สิ่งที่แกทำที่สนามบิน…มันยอมรับไม่ได้”
เบอเซิร์กเกอร์แห่งสงครามจอกครั้งที่4 มองมาสเตอร์เธออย่างรำคาญและไม่สนใจ มาสเตอร์เธอไม่ทำอะไรนอกจากบ่นเกี่ยวกับพฤติกรรมของเธอตั้งแต่โดนอัญเชิญมา เที่ยวบินไปฟุยุคิเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน และอยากซื้อเครื่องบินไว้สักโหลเมื่อทำได้ หลังพวกเธอมาถึงฟุยุคิแล้ว เธอได้ประกาศว่าอิบารากิ ยักษ์แห่งเขากลับมาแล้ว
เหตุผลที่มาสเตอร์โกรธมากเกี่ยวกับประกาศของเธอที่สนามบิน
“ข้าไม่เห็นปัญหาการกระทำของข้า”เบอเซิร์กเกอร์พูดพลางซดเหล้า”ข้าคืนชีพแล้ว โลกต้องรู้การกลับมาของข้า และจำชื่อของผู้ที่จะพิชิต เป็นความยุติธรรมที่จะให้ศัตรูเตรียมตัวเพื่อเราจะเอาชนะพวกมันที่พร้อมรบ”
เคย์เนธขบฟันขณะเขาพยายามให้เซอร์แวนท์ที่ร่าเริงเข้าใจเหตุผล
“กฏเหล็กของสงครามครั้งนี้คือการปิดบังชื่อจริง”เคย์เนธเครียด”เราต้องจู่โจมอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดเมื่อศัตรูไม่ทันได้ตั้งตัว กลยุทธ์และการหลอกลวงจะเป็นเครื่องมือสู่ชัยชนะของเรา ไม่ใช่ประกาศตัวเราในที่ที่ทุกคนได้ยิน”
“กลยุทธ์และยุทธวิธีก็ดี และมันช่วยในการต่อสู้”เบอเซิร์กเกอร์พยักหน้าเห็นด้วยกับประเด็นนี้”อย่างไรก็ตาม เมื่อข้าต่อสู้ ข้าตั้งใจที่จะชนะ ข้าไม่หลอกลวงและข้าจะได้ชัยชนะที่แท้จริง ข้าปล่อยให้มาสเตอร์เช่นเจ้าวิเคราะห์คู่ต่อสู้ข้า เพราะเจ้าชอบทำเรื่องเล็กน้อยๆ”
“แก…”
เคย์เนธใกล้ถึงจุดเดือด ความเห็นเขาถูกมองข้ามโดยเซอร์แวนท์ที่ควรเชื่อฟังเขาเท่านั้น”
“ลอร์ดเอลเมลอย อย่าหัวเสียไปมากกว่านี้”
พวกเขาหันไปมองโซลาอุ โน โซเฟียริ คู่หมั้นของเคย์เนธนั่งสบายบนโซฟาตัวหนึ่งนั่งฟังการสนทนาพวกเขา เธอสางสายตาวาวโรจน์ใส่คู่หมั้นและชี้เซอร์แวนท์ของพวกเขา
“คุณเรียกเบอเซิร์กเกอร์มาเป็นเซอร์แวนท์ เธอทรงพลังและยังมีสติ นี่คือความจริงที่ไม่ควรมองข้าม”
“ฉันรู้ดีถึงพลังของเซอร์แวนท์ การไม่เชื่อฟังของหล่อนต่างหากที่เป็นปัญหา”เคย์เนธตะคอก
“ดูเธอสิ เห็นชัดว่าเบอเซิร์กเกอร์เป็นพวกชอบต่อสู้ซึ่งหน้ามากกว่าดักรอด้อมๆมองๆ”ผู้หญิงคนนั้นพูดเหมือนกำลังสอนเด็ก”ถ้าคุณอยากได้เล่ห์เหลี่ยม คุณน่าจะอัญเชิญแอสซาซินดีกว่า”
เคย์เนธชะงักจากเรื่องนั้น เขาเหลือบมองเบอเซิร์กเกอร์ ปฏิเสธที่เธอพูดไม่ได้
“ต่อไป”
“ทั้งหมดที่ฉันพูดได้คือคุณควรปรับแผนให้เหมาะสมกับความสามารถของเบอเซิร์กเกอร์ คุณไม่ควรบอกให้เธอเปลี่ยนตามความคิดของคุณ”โซลาอุพูดส่ายหัวอย่างอดไม่ได้
จอมเวททั้งคู่โดดเด้งเมื่อเบอเซิร์กเกอร์หัวเราะ
“ผู้หญิงคนนี้ฉลาด ดูเหมือนมาสเตอร์ข้ามีรสนิยมดีกว่าที่คิดไว้”เบอเซิร์กเกอร์หัวเราะขณะหมุนตัว”ฟังหล่อนนะมาสเตอร์ หญิงคนนี้ฉลาด ด้วยพฤติกรรมเจ้า ข้าเกือบอยากให้เธอเป็นมาสเตอร์ข้าแทนเจ้า”
โซลาอุประหลาดใจกับคำชมมากมาย ยิ้มให้เซอร์แวนท์ที่พยักหน้าและยิ้มกลับ
“อวดดี”
ถึงกระนั้น คู่หมั้นของเขาก็พูดถูก เขาต้องปรับแผนเพื่อชดเชยทัศนคติของเซอร์แวนท์ แต่ตราบใดที่เขาทำตามแผน
ดวงตาเคย์เนธเบิกกว้างเมื่อสาวน้อยเดินไปที่ประตู
“เธอคิดจะไปไหน”
“ข้าจะไปสำรวจเมืองและทักทายคู่ต่อสู้ที่เจอ”เบอเซิร์กเกอร์ยิ้ม
“เธอทำไม่ได้”เคย์เนธสั่งอย่างแข็งกร้าว”เราโชคดีที่ไม่มึมาสเตอร์หรือเซอร์แวนท์ใดอยู่แถวนั้นฟังเธอพูดที่สนามบินตอนที่เธอควรอยู่ในร่างวิญญาณ ฉันเป็นมาสเตอร์ของเธอ ฉันจะไม่ทนต่อการไม่เชื่อฟังของเธออีกต่อไป”
“ข้ารู้เจ้าเป็นมาสเตอร์ของข้า ทำพันธสัญญากันแล้วนี่”เบอเซิร์กเกอร์โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ”เจ้าสามารถวางแผน ถ้านั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าจะนำจอกศักดิ์สิทธิ์มาให้ เจ้าไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล็กน้อยโดยไม่จำเป็น ทำไมไม่เข้าร่วมการสำรวจกับข้าแทนล่ะ”
เพิกเฉยต่อคำสั่ง พูดอวดดีใส่ เซอร์แวนท์ต่ำต้อยคิดว่าหล่อนเป็นใครกัน
ในสถานการณ์นี้ มาสเตอร์ต้องทำให้เซอร์แวนท์รู้ว่าใครเป็นข้ารับใช้ ใครเป็นเจ้านาย
โซลาอุเบิกตากว้างเมื่อเคย์เนธยกมือขวาขึ้นถอดถุงมือให้เห็นอาคมบัญชาส่องแสง
“ด้วยตราบัญชา..."
ไม่สิ เขาคงไม่ใช้มันกับเรื่องนี้ใช่ไหม
เบอเซิร์กเกอร์เพียงจ้องมองมาสเตอร์ด้วยท่าทางตกใจ เคย์เนธเยาะเย้ย
“เบอเซิร์กเกอร์ จงเชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดของฉัน”
เมื่อเขาพูดเสร็จ รอยแดงก็หายไปเส้นหนึ่ง
“ตอนนี้ฉันสั่งให้เธออยู่นี่จนกว่าจะมีคำสั่งต่อไป ฉันไม่ยอมให้เธอออกไปเดินเพ่นพ่านให้คนอื่นเห็น”
เคย์เนธยิ้มให้กับตัวเอง พอใจที่ในที่สุดเซอร์แวนท์เจ้าปัญหาก็ถูกบังคับให้เชื่อฟัง
“เฮ้ เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ”
เคย์เนธชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุกคามจากเบอเซิร์กเกอร์
“เจ้าคิดว่าตัวเองเหนือข้าใช่ไหม”เบอเซิร์กเกอร์คำรามต่ำ”ข้าตกลงจะร่วมมือด้วยและต่อสู้เคียงข้างเพื่อนำจอกมาให้ และนี่คือการตอบแทน?”
เคย์เนธเบิกตากว้างด้วยความกลัวเมื่อเห็นสีหน้าโกรธของเซอร์แวนท์ เขาถอยห่างจากวิญญาณแต่ต้องผงะเมื่อเบอเซิร์กเกอร์คว้าคอเสื้อยกเขาลงเพื่อเผชิญหน้ากัน
“ข้าถูกดูหมิ่น”เบอเซิร์กเกอร์ตะโกนทำให้ห้องสั่นสะเทือน เคย์เนธสั่นระริกอย่างหวาดกลัวในเงื้อมมือของเซอร์แวนท์
สำหรับโซลาอุ เธอดูด้วยสายตาตกใจ
พวกเธอเรียกเซอร์แวนท์ที่ทรงพลังมากจนอาคมบัญชาใช้ไม่ได้ผลหรือไม่
“เป็นคำสั่งที่กว้างและตื้นเขิน และเจ้าคิดว่าข้าจะทำตามเหรอ”เบอเซิร์กเกอร์ถ่มน้ำลาย”ข้าไม่ใช่หมาของใคร หากข้าเป็นคนใจแคบ ข้าจะกินเจ้าสำหรับการดูหมิ่น แต่ข้าจะไม่ทำ เพราะจะยิ่งเพิ่มความละอาย ข้าจะยกโทษให้สำหรับครั้งนี้ การดูถูกเป็นเรื่องหนึ่ง แต่หากเจ้าเหยีบบย่ำความภาคภูมิใจของข้าอีกครั้ง พยายามทำให้ข้าเป็นทาสเหมือนครั้งนี้ ข้าจะไม่เมตตา”
เบอเซิร์กเกอร์ปล่อยเคย์เนธสะดุดหลังพิงเก้าอี้ ตาเบิกกว้างและอกสั่นขวัญแขวน เบอเซิร์กเกอร์มองเขาเหมือนแมลง
“ถึงอย่างงั้นเจ้ายังเป็นมาสเตอร์และข้าคือเซอร์แวนท์”เบอเซิร์กเกอร์ยอมรับอย่างไม่เต็มใจ”ข้าจะปฏิบัติตามพันธสัญญา แม้ว่าเจ้าจะไม่ทำตาม อย่างที่ข้าพูด เมื่อข้าต่อสู้ ข้าตั้งใจที่จะชนะ แม้ข้าแน่ใจว่ายังมีคนที่สมควรได้มากกว่าเจ้าอีกมาก ข้าจะนำจอกมาให้ ข้าจะออกรบในฐานะผู้นำเผ่ายักษ์ แม้เพียงลำพัง มันเป็นวิธีเดียวที่ข้าจะชนะศึกครั้งนี้ได้”
โซลาอุสะดุ้งเมื่อเซอร์แวนท์หันกลับมามองเธอ สีหน้าเธอรุนแรงน้อยกว่าตอนเคย์เนธ
“โซลาอุ ข้าจะไปสำรวจสนามรบและจะกลับมาเมื่อพอใจแล้ว”เบอเซิร์กเกอร์บอกขณะที่ร่างจางลง”ลองดูว่าเจ้าสามารถสอนไอ้โง่นี่ระหว่างนี้ได้ไหม หญิงที่ฉลาดแบบเจ้าเหมาะสมกว่าสำหรับข้า”
สาวน้อยยักษาจึงกลายเป็นร่างวิญญาณหายไป
จอมเวททั้งสองนิ่งเงียบอยู่พักนึง เคย์เนธพยายามตั้งสติ โซลาอุทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
โซลาอุยกมือปิดปากซ่อนรอยยิ้มและกลั้นเสียงหัวเราะในลำคอ
“คุณคำนวนพลาดแล้วลอร์ดเอลเมลอย ความผิดพลาดร้ายแรงในช่วงเริ่มสงครามทำให้คุณเสียมากกว่าแค่อาคมบัญชาเส้นเดียว”โซลาอุพูดจากหลังมือเธอ”คุณหวังจะชนะเซอร์แวนท์อื่นอย่างไร ถ้าคุณไม่สามารถชนะตัวเองได้ ฉันคิดว่านั่นคือสิ่งที่คุณได้รับจากการอัญเชิญเบอเซิร์กเกอร์มาเป็นเซอร์แวนท์”
เคย์เนธนิ่งเงียบเมื่อถูกตอกย้ำ เขาปล่อยให้ความโกรธครอบงำ เสียอาคมบัญชาเพราะพยายามควบคุมยักษ์ เขาทำผิดพลาดร้ายแรง และพวกเขายังไม่ได้เริ่มสู้เลย
ใช่ แม้มีคู่หมั้นแสนสวยและเซอร์แวนท์ทรงพลัง เคย์เนธ เอลเมลอย อาร์ชิโบล ก็ไม่ใช่คนมีความสุขแน่นอน
ด้านนอกห้องพักของโรงแรม เสียงเห่าหอนดังก้องกังวาล
@@@@@@@
ปราสาทไอนซ์เบิร์น
ในป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะ คิริทซึงุ เซเบอร์แดงและอิลิยากำลังเดินผ่านป่าเล่นเกมส์หาต้นวอลนัท เซเบอร์แดงต้องการมาเพราะสนิทสนมกับอิลิยาอย่างรวดเร็วหลังได้ทำความรู้จักกัน
”ดีล่ะ วันนี้ไม่มีทางแพ้แน่ คอยดูนะจักรพรรดิ เธอจะเห็นว่าฉันเก่งแค่ไหน”
พวกเขามองหาต้นวอลนัท เนโร่เจอหลายต้นแต่ไม่บอกเพราะมันจะไม่แฟร์
”อ้อ เจอแล้ว
”ห๊ะ โกหก ไหนๆ ทั้งที่ฉันไม่มีทางมองพลาดไปแท้ๆ”อิลิยาเข้ามาดู
”เซเบอร์แดง”
”นั่นหน่อฤดูหนาวหน่อแรกของวันนี้”เนโร่ชี้ แน่นอนเธอเป็นคนยุโรปแผ่นดินใหญ่และเป็นถึงจักรพรรดิ ความรู้พื้นๆแค่นี้ยังไงเธอต้องรู้
”หึๆๆ ได้แต้มนำล่ะนะ”
”ไม่ยอมแพ้หรอก”อิลิยาวิ่งไปและเจออันนึง”นี่ไง อิลิยาก็เจอหนึ่งหน่อแล้วนะ”
”พ่อเจอหน่อที่สองแล้วนะ”
”เอ๋”อิลิยาตกใจรีบวิ่งมาดูที่คิริทซึงุเจอ
”กิ่งนั่นไม่ใช่วอลนัทไม่ใช่เหรอ”
”ไม่หรอกอิลิยา กิ่งนั่นเรียกว่าเซาวะกุรุมิ เป็นตระกูลเดียวกับวอลนัทนั่นแหละ เพราะงั้นนั่นก็เป็นหน่อฤดูหนาวของวอลนัท
”ตอนนี้คิริทซึงุ2 อิลิยา1”เนโร่หัวเราะนับคะแนน
”ขี้โกงๆๆ คิริทซึงุขี้โกงตลอดเลย และมีจักรพรรดิบอกด้วยว่าอยู่ตรงไหนบ้าง”
”ข้าขอบอกไว้ก่อน ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลยเพราะนั่นจะไม่แฟร์”
”เซเบอร์แดงพูดถูก และถ้าหากไม่ทำแบบนี้พ่อก็ไม่ชนะน่ะสิ”
“ถ้ายังเล่นขี้โกงแบบนี้ล่ะก็ จะไม่เล่นกับคิริทซึงุแล้วนะ”
”แบบนั้นก็แย่สิ โทษทีๆ ขอโทษนะ”
”สัญญาไหมว่าจะไม่ขี้โกงอีก”
”สัญญาๆ”
”ดีมาก งั้นจะให้แข่งด้วยอีก แชมเปี้ยนพร้อมรับคำท้าเสมอ”
”ครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยองค์หญิง”
คิริทซึงุวางอิลิยาไว้บนบ่าเพื่อเธอจะได้มองต้นวอลนัทสูงๆ อิลิยาตั้งใจจะชนะเกมเด็กๆนี่จริงๆ เนโร่ถอยห่างให้พ่อลูกได้ใช้เวลาด้วยกัน
"ฟังนะอิลิยา"คิริทซึงุเริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้น"อิลิยาไม่ว่าอะไรถ้าพ่อจะยืมเซเบอร์ใช่ไหม?"
"อืม"สาวน้อยพยักหน้ากระตือรือร้น"แม่บอกหนูแล้ว แต่คิริทซึงุจะคืนเธอให้อิลิยาไหม?"
"แน่นอน"พ่อของเธอหัวเราะเบาๆ"เธอเป็นเซอร์วอนท์อิลิยานี่นา"
"และเธอแข็งแกร่งมาก"
"พูดจริงๆแล้ว....เธอทำอะไรได้บ้าง? ช่วยบอกพ่อหน่อยได้ไหม"
คิริทซึงุไม่รู้จริงๆว่าจักรพรรดิเนโร่มีความสามารถอะไรบ้าง เขาต้องถามข้อมูลจากอิลิยา มีเพียงมาสเตอร์ที่ทำพันธสัญญากับเซอร์วอนท์ตนนั้นจึงจะเห็นข้อมูลเซอร์แวนท์นั้นทั้งหมด
น่าแปลกใจที่เธอลังเล คิริทซึงุไม่เข้าใจเหตุผลที่เธอเงียบไป
"มีอะไรเหรออิลิยา?"
"คิริทซึงุเป็นมาสเตอร์ฉันบอกไม่ได้"อิลิยาบอกง่ายๆ เธอรู้ว่านี่ขัดกับกฎของสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์
"แต่เธอช่วยอะไรไม่ได้ถ้าฉันไม่รู้ความสามารถของเธอ"
"เซเบอร์ไม่ใช่เครื่องจักรไว้ใช้งาน เธอจะช่วยคุณ"สาวน้อยยิ้มกว้าง"อ้อ แล้วถ้าเธอไปสู้อย่าให้เธอตายนะ"
คิริทซึงุถอนหายใจออกมา
"อิลิยา มันไม่ง่ายแบบนั้น--"
"ได้สิ"เธอยืนกรานจนเอมิยะสงสัยบางอย่าง"เซเบอร์ใช้เพลิงได้และมีชีวิตถึง3ชีวิต แต่การจะคืนชีพต้องคอยเตือนให้เธอประกาศนามไม่งั้นถ้าโดนฆ่าก็จบเลย"
"ทำไม?"
"ฉันไม่รู้ แต่เธอไม่สามารถทำมันเองได้ อ๊ะ ฉันพบอีกอันแล้ว!!!"อิลิยาขยี้ผมคิริทซึงุเล่น
เอมิยะกำลังครุ่นคิด ที่เนโรใช้ไฟจากดาบได้คงไม่น่าแปลกใจเพราะตำนานการเผากรุงโรม ส่วนทักษะคืนชีพ เขารู้จักตำนานเรื่องทหารมาพบศพเนโร่หลังฆ่าตัวตาย3วันและมันฟื้นขึ้นมา
หากทักษะนี้เปิดใช้งานเองไม่ได้ก็หมายถึงปัญหาร้ายแรง ทั้งที่มันเป็นเหมือนพลังพิเศษมาชดเชยความเก่งของวีรชนให้สู้เซอร์วอนท์อื่นได้ บางทีอาสท์อาจพูดถูก การเรียกเซอร์วอนท์ตนนี้มาเป็นปัญหามากกว่าที่คิด
"คิริทซึงุ"อิลิยาเริ่มใช้มือเล็กๆทุบหัวเรียกคิริทซึงุที่ไม่ยอมเดิน
"ไปกันต่อเถอะ"คิริทซึงุเดินย้ำไปบนหิมะอีกครั้ง"แล้วโนเบิลแฟนทาสม์ของเธอคืออะไร?"
"โนเบิลแฟนทาสม์"เธอกัดเล็บพยายามคิด"อาวุธลับที่เธอใช้งานได้คนเดียว"
"ถูกต้อง"
"อืม....ดาบกับเสื้อของเธอ"
"เสื้อเธอด้วยเหรอ"นั่นเป็นเรื่องใหม่สำหรับคิริทซึงุ เขาพยายามนึกถึงตำนานของเนโร่ แต่ไม่ช่วยให้เขาหาสมบัติวีรชนเธอเจอและตัดสินใจจะหาข้อมูลเพิ่มภายหลัง
"อืม ควรจะมีโรงละครของเธอด้วย แต่มันถูกผนึกฉันไม่รู้ทำไม"เธอทำหน้าเศร้าทันที"เพราะฉันเป็นจอมเวทอ่อนแอเหรอ"
"ไม่อิลิยา หนูเป็นจอมเวทที่ทรงพลังกว่าพ่อ"
"แต่ปู่บอกว่าถ้าเราผ่าตัดอีกครั้ง..."
"ฉันไม่สนใจสิ่งที่ปู่พูด"คิริทซึงุพูดเสียงดังเกือบตะคอก"หนูแข็งแกร่งพอแล้วอิลิยา ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดอีก"
"เย้"เธอยิ้มโล่งอก"ฉันไม่ชอบผ่าตัด มันเจ็บ"
"หนูจะไม่เป็นไรไม่ต้องกังวล"คิริทซึงุที่โกรธไปชั่วครู่พยายามทำให้อารมณ์สงบ มันอาจเป็นการเดินเล่นครั้งสุดท้ายของพวกเขา เขาจึงอยากให้อิลิยาได้รับแต่ความทรงจำดีๆ
พวกเขาเดินผ่านป่าฤดูหนาวจนมองไม่เห็นปราสาท จากนั้นคิริทซึงุก็ไปทางแคบซึ่งจะพาพวกเขาไปทางด้านข้างของปราสาท
"เราจะกลับแล้วเหรอ?"อิลิยาไม่ได้แย้งอะไรเพราะอากาศเย็นลงและหิมะเริ่มตกลงมาอีกครั้งทำให้เล่นเกมต่อไม่ได้"คิริทซึงุนับวอลนัทได้เท่าไหร่"
"4"
"ฮะๆๆ อิลิยาชนะ"เธอปรบมืออย่างมีความสุข"ฉันนับได้6 ฉันชนะเกมวอลนัท"
"แน่นอนหนูเป็นแชมเปี้ยนอิลิยา"คิริทซึงุหัวเราะ เขาจับเธอยกขึ้นหมุนตัวในอากาศ แต่เขารู้สึกละอายใจอีกครั้งกับช่วงเวลาแห่งความสุขที่แสนสั้น
เขาวางสาวน้อยลงพื้น
"อิลิยา รักษาเรย์จูไว้ให้ดี โอเคนะ"
"ฉันรู้ ฉันจะไม่ทำมันหาย"
"ดี"เอมิยะพยักหน้าแม้เขารู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง เรย์จูของเธอจำเป็นสำหรับแผนการใหม่ของเขา และต้องเหลือเรย์จูอย่างน้อยหนึ่งเส้นเพื่อให้เซเบอร์แดงฆ่าตัวตาย
หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้และทีมพวกเขาเป็นคู่สุดท้ายในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ คิริทซึงุจะไม่ยอมเสี่ยงสูญเสียเซเบอร์น้ำเงินหรือทำให้เธอบาดเจ็บในช่วงท้ายการต่อสู้ที่สำคัญ
@@@@@@@@@
บ้านหลังนึงในฟุยุคิ
อุริว ริวโนสึเกะ ฆาตกรต่อเนื่องได้เข้ามาปล้นฆ่าทั้งครอบครัวเหลือเด็กไว้คนเดียว เขาใช้เลือดคนในครอบครัวเพื่อสร้างวงเวทพิธีกรรมเรียกปีศาจ จากนั้นเรย์จูก็ปรากฎบนมือขวาของเขาและวงเวทเริ่มเรืองแสงสีแดง
ผู้ที่ปรากฏออกมาเป็นเด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีฟ้าและนัยน์ตาสีเหลืองถือง้าว
“ข้าคือแคสเตอร์ เจ้าคือมาสเตอร์ที่อัญเชิญข้าใช่หรือไม่”
อุริวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบ
“อืม ใช่ ผมชื่อ อุริว ริวโนสึเกะ ตอนนี้ว่างงาน งานอดิเรกคือฆ่ายกครัว โดยเฉพาะเด็กนี่ชอบเป็นพิเศษ”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและมองห้องที่เธอถูกอัญเชิญมา มีศพไร้หัวและเด็กตัวน้อยโดนจับมัด สีหน้าเธอบึ้งขึ้นมา
“แล้วเจ้าเป็นคนทำแบบนี้เหรอ?”เขาพูดเสียงอันตราย
“อ้อ ก็ใช่แหละ ท่านปีศาจอยากกินอะไรไหม? ฉันมีเด็กอร่อยๆให้ด้วย”เขาผายมือไปทางเด็กแล้วเขาตกใจพยายามหนี
“ไอ้สวะ เจ้าทำแบบนี้กับครอบครัวผู้บริสุทธิ์!?“เขาโกรธมากเหวี่ยงหมัดเข้าที่หน้าส่งริวโนสึเกะไปกระแทกกำแพง เขามองฆาตกรต่อเนื่องด้วยความรังเกียจและหันไปมองเด็กผู้ชายอย่างอ่อนโยน
“เจ้าควรมองไปทางอื่นสักพัก”
เด็กพยักหน้าและหลับตา แล้วได้ยินเสียงบางอย่างฟันตัดอากาศ อุริวร้องออกมาแล้วโดนตีสลบ จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าเชือกคลายออก เขาลืมตาเห็นว่าแคสเตอร์จับเขาไว้
“มา ไปจากที่นี่กันเถอะ จะร้องไห้ก็ได้ถ้าเจ้าต้องการ”
เด็กน้อยเงียบเมื่อรู้ว่าตนปลอดภัยแล้วร้องไห้ซบไหล่แคสเตอร์
เขาหันไปมองของที่ใส่ไว้ในถุง
ตราบัญชาของอุริว
“ข้าจะหามาสเตอร์คนใหม่ที่เข้าใจข้ามากขึ้น”
เขารู้พยานทั้งหมดต้องถูกกำจัด แต่เขาขอตายก่อนทำแบบนั้นกับเด็ก
“ไปกันเถอะ”แคสเตอร์พาเด็กออกจากบ้านไปด้วยกัน
โชคดีที่แคสเตอร์รีบออกจากบ้านหลังนั้น หลังพวกเขาไปได้ไม่นานวงเวทได้ส่องแสงสีแดงขึ้นมาอีก เป็นร่างเซอร์แวนท์สวมชุดแจ็กเก็ตสีดำ แว่นกันแดดสีดำและหมวกดำปิดผมที่ปล่อยยาวระต้นคอ
"ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้แต่เจ้าอัญเชิญข้าในคลาสแปลกปลอมคงไม่พิธีพิถันนัก"
เขามองสภาพแวดล้อมรอบตัวเห็นเลือดและศพไร้หัวกับวงเวทที่ใช้อัญเชิญ เขาก็พอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มองอุริวที่นอนหมดสติมือถูกตัดออกไป
"ถ้างั้นเจ้าเป็นคนทำเรื่องนี้? ข้าไม่โทษเลยที่เซอร์แวนท์ของเจ้าทำแบบนั้นกับเจ้า แต่เขาลืมเรื่องสำคัญไปอย่างหนึ่ง"เขาโน้มตัวถอดแว่นกันแดดเผยดวงตาที่ไม่ใช่มนุษย์ กัดลำคอฆาตกรต่อเนื่อง
“เจ้าต้องแน่ใจว่าฆ่ามาสเตอร์ด้วย”เขาไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เขาทำ เขาไม่ต้องการมาสเตอร์เพราะเหล่าวิญญาณของเขาจะดูแลเรื่องนี้เอง
อุริวรู้สึกหน้ามืดและขาดอากาศหายใจ คิดได้อย่างเดียว
“นี่...มัน...คูล”
@@@@@@@@@@@
เวลาเดียวกันที่โบสถ์ฟุยุคิ
ริเซย์ได้รับรายงานจากผู้สังเกตการณ์
"น่าแปลก"ริเซย์พูด
"อะไรครับ"คิเรย์ถามพ่อ
"เซอร์วอนท์แคสเตอร์ถูกอัญเชิญแล้ว แต่น่าแปลกที่ไม่กี่นาทีต่อมาเซอร์แวนท์อีกตนถูกอัญเชิญและสังหารมาสเตอร์ของแคสเตอร์"
"เซอร์วอนท์ตนที่8? แคสเตอร์หายไปแล้วเหรอครับ?"
"ไม่ เขายังมีชีวิตอยู่"
เขาได้รับรายงานจากผู้สังเกตการณ์ว่าเด็กที่รอดชีวิตถูกเด็กหนุ่มคนนึงนำส่งโรงพยาบาลและศพอุริว ริวโนสึเกะถูกพบในสภาพเหี่ยวเฉา
"ยังไงก็ตาม สงครามจอกศักดิ์สิทธิ์เริ่มแล้ว ผมจะสั่งให้แอสซาซินเริ่มโจมตี"
"ระวังตัวด้วยคิเรย์"
คิเรย์หยุดหน้าประตูและพูดโดยไม่หันหลังไป
"ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะทำสิ่งที่ต้องทำ"เขาพูดและออกไป
"ฉันรู้และนั่นคือสิ่งที่ฉันกังวล"
ริเซย์ภูมิใจและเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าลูกชายคือผู้ศรัทธาแรงกล้าและเพื่อความประสงค์โบสถ์เขายินดีทำแม้ต้องกระโดดเข้ากองไฟ
ถ้าเพียงแต่เขารู้ว่า...
@@@@@@@@@@
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากฆ่าโซเคนแล้ว แลนเซอร์ได้รักษาร่างกายของคาริยะเช่นกันทำให้ผมของเขากลับมามีผมดำจางๆ และแนะนำคาริยะให้รู้จักกับคู่หู่ของเขา คาริยะตกใจมากที่เธอหน้าตาเหมือนรินเพียงแต่มีผมสีบลอนด์
มีเรื่องน่าโมโหนิดหน่อยคือเบียคุยะ พี่ชายของคาริยะ ซึ่งโวยวายหลังรู้ว่าเซอร์วอนท์ฆ่าพ่อ แลนเซอร์ทำการขู่ให้มันอพยพไปนอกเมือง ซึ่งมันรีบทำตามทันที
ด้านซากุระตอนนี้ติดเอเรซติกัลมาก เพราะเธอหน้าตาเหมือนริน เอเรซเล่นกับเธอจนหลับไป
"ข้าคือเทพีเอเรซติกัล แต่อย่างที่เห็น ข้าใช้ร่างจำลองของหญิงสาวคนนี้"
จากนั้นแลนเซอร์ก็ถามเรื่องสาวน้อยคนนี้
"ซากุระถูกทิ้งโดยครอบครัวของเธอ ไอ้สารเลวพ่อของเธอขายเขาให้โซเคนเพื่อให้เธอเป็นจอมเวทที่น่าภูมิใจ...หนอนโซเคนจะทำให้เธอแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป"
"ไอ้พ่อบ้านั้น"เอเรซติกัลตะโกนขึ้น คาริยะเลิกคิ้วสูง
"คุณใช้ร่างริน"คาริยะถาม ทำให้เอเรซติกัลขมวดคิ้ว
"ใช่ นี่เป็นร่างวัยผู้ใหญ่ของเธอ"เอเรซติกัลตอบ"เพราะการรวมวิญญาณเป็นหนึ่งเดียว ข้ารับบุคลิกภาพของเธอมาด้วย ถ้ามีอะไรกระตุ้นเจ้าของร่างนี้จะแสดงอาการออกมา"
"นี่เป็นตัวเธอในอนาคตใช่ไหม"คาริยะถาม
"ใช่ ถ้าให้ข้าพูด นางเคยนับถือพ่อเธอมากๆ แต่หลังจากเวลาผ่านไปเธอก็โกรธเขา...ซึ่งข้าก็พอจะเข้าใจ"
แลนเซอร์ไตร่ตรองเรื่องนี้ คาริยะเป็นคนดี แต่ถูกสาปด้วยชะตากรรมที่เกิดมาในครอบครัวแย่ๆ และดูเหมือนเขามีความเกลียดชังต่อพ่อซากุระ
"แล้วเอเรซติกัล รินว่ายังไงบ้าง"แลนเซอร์ถามทางโทรจิต
"ถ้าฉันไม่ตั้งสมาธิไว้ดีๆ เธอจะยึดร่างนี้และบุกไปบ้านโทซากะเดี๋ยวนี้"เอเรซติกัลบอก
ตอนนี้มีเรื่องที่ต้องกังวล
"มาสเตอร์ ท่านจะทำยังไงต่อไป"
"หา?"
"ท่านบอกว่าข้าทำตามความปรารถนาในการช่วยซากุระแล้ว ท่านจะเข้าร่วมสงครามจอกต่อไปไหม"
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเขาตามไม่ทัน โซเคนตาย ซากุระเป็นอิสระ เขาจะทำยังไงต่อไปดี ส่งซากุระกลับไปหาครอบครัว
และทันใดนั้นแลนเซอร์ก็พูด
"ถ้าให้ข้าแนะนำมาสเตอร์ ท่านไม่ควรส่งลูกสาวกลับไปบ้านของเธอ เพราะนั่นทำให้พ่อเธอส่งไปตระกูลอื่นแทน อาจเป็นอเดลเฟลท์ ท่านควรให้เธอมีชีวิตที่ดีห่างจากตระกูลโทซากะ"
คาริยะตกใจอีกครั้ง เซอร์วอนท์ตนนี้อ่านใจเขาได้รึไง ก่อนเขาจะเห็นทักษะของแลนเซอร์ผ่านตาของมาสเตอร์
"ตาทิพย์ระดับA ทำให้คาดเดาอนาคตและอ่านใจได้"คาริยะคิดในใจ
"แล้วนายอยากจะสู้ชิงจอกหรือแลนเซอร์?"
"ไม่"
"อ้าว?"คาริยะอ้าปากค้าง
"ข้ามีความสุขแล้วกับชีวิตเก่าของข้า ข้าไม่ได้ต้องการจอกศักดิ์สิทธิ์แต่มีเป้าหมายอื่น บอกตามตรงที่ข้าหวังก็แค่การต่อสู้กับเหล่าวีรชนจากยุคอื่น"
"วีรชนที่มีความสุขมากสินะ"คาริยะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย มีเทพธิดาติดสอยห้อยตาม เขาต้องมีชีวิตที่ดีแน่ ก่อนนึกเรื่องสำคัญได้
"ขอโทษนะ แต่ฉันยังไม่รู้จักชื่อจริงของนายเลย"
หน้าอกแลนเซอร์พองขึ้นอย่างภูมิใจ
"ข้าคือเทอร์ร่า บุตรแห่งอาเธน่า เจ้าชายแห่งกรุงทรอยและราชาแห่งโยทันไฮม์"
มาสเตอร์ของเขาจ้องมองสั้นๆด้วยความเงียบ
.....
.....
.....
เมื่อมาสเตอร์ของเขาทำสีหน้าแปลกๆมองไปรอบๆห้อง ทำให้แลนเซอร์รู้สึกบางอย่าง
"ท่านไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร"
"อะไรนะ? เอ่อ ไม่....คือ ใช่แหละ โทษทีนะ"
ราวกับโดนลูกศรแทงข้อความ"ไม่รู้จัก"เข้าหน้าอก
"เดี๋ยวก่อนนะ เทอร์ร่า? มาจากยุโรปสินะ?"คาริยะพยายามนึกแหล่งที่มา ซึ่งไม่ถูกนัก แม้เทอร์ร่ามีชื่อเสียงในตำนานกรีก แต่ตามหลักแล้วเป็นคนเอเชีย
"ฉันมีชื่อในบทกวีเอเลียต ท่านไม่รู้จักชื่อข้าได้ยังไง"แลนเซอร์คิดในใจ
@@@@@@@@@@
ความคิดเห็น