ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate Ragnarok : GOD VS Heroic Spirit

    ลำดับตอนที่ #10 : จุดจบของการเดินทาง(100%)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 64


    “เขตแดนมายาถูกเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก”ไฮม์ดัลประกาศอย่างประหลาดใจกับเหตุการณ์”โลกดาบอนันต์ได้เริ่มสร้างโชคชะตาสู่ชัยชนะของมนุษย์ชาติ หรืออาจจะได้ความพ่ายแพ้อันขมขื่นอีกครั้ง”

    ทั้งเทพและมนุษย์ทำได้เพียงจ้องไปที่คำพูดสุดท้ายของตัวแทนที่3ของมนุษย์ชาติที่ประกาศอย่างรุนแรง ขณะที่บางคนชื่นชมเนินเขาแห่งดาบที่เต็มไปด้วยอาวุธทุกชนิดตอกลงพื้น

    เหล่าทวยเทพเผชิญกับความสยดสยองเมื่อพวกเขาเห็นโนเบิลแฟนทาสม์ที่ทรงพลังที่สุด คนที่แย่ที่สุดคือไกอาที่เป็นลมจากความรังเกียจต่อความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ

    “มนุษย์ที่มี...”

    “เขตแดนมายา”

    “เป็นไปไม่ได้”

    กลุ่มเทพเจ้าบ่นพึมพำ

    “ชิโร่”

    “ฆ่าเทพเจ้า”

    ฝั่งมนุษย์ร้องเชียร์ตัวแทนที่3ของมนุษย์ชาติ ดังนั้น...นักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นคนเดียวที่สามารถเอาชนะเทพเจ้าสูงสุดของเมโสโปเตเมียได้ เขายกดาบพันธะสัญญาแห่งชัยชนะขึ้น

    คาลิเบิร์น


     

    ดาบที่เป็นจุดเริ่มต้นตำนานของกษัตริย์อาเธอร์ บีสต์ของอลายามองลงไปที่เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ สายตาจ้องมาอย่างรุนแรงด้วยตาเพียงข้างเดียว

    “มันเยี่ยมมาก เมื่อฉันโตขึ้นฉันจะเป็นเหมือนเขาและทำให้เทถเจ้าอัปยศ”

    “เธอจะไม่เหลืออะไรเลย”ริทสึกะพึมพำใต้ลมหายใจของเขาไม่ให้เด็กสาวผมส้มได้ยิน

    “หือ นายพูดอะไรรึเปล่า”

    “ไม่มีอะไร ดูสิ พวกเขาจะทุบตีเทพเจ้าให้เละ”ชายหนุ่มชี้เบี่ยงความสนใจหญิงสาวไป

    “เย้!!!”

    “ชายคนนี้มีเขตแดนมายา”อาโอโกะพูดอย่างครุ่นคิดก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง”เอมิยะ ชิโร่เหรอ ฉันคิดว่าเคยได้ยินชื่อมาก่อน”

    “เวทมนตร์ระดับสูงมากมีไม่กี่คนที่สามารถเข้าถึงได้”โซโลมอนแสดงความเห็น”และจอมเวทชั้น3ทำสำเร็จ ไม่เลวเลย”

    “อย่าดูแคลนความบันเทิงของฉัน”เซลเรซอุทานปล่อยจิตสังหาร”นายสามารถดูถูกฉัน ถุยน้ำลายใส่หน้าฉัน ทำให้ฉันอับอาย....แต่ ฉันจะไม่มีวันอภัยใครก็ตามที่ดูถูกแหล่งการันตีความสนุกอันดับ1ของฉัน”

    “ตกลง”เมอร์ลินพยักหน้าและเพิกเฉยต่อการระเบิดอย่างแปลกประหลาดของปรมาจารย์เวท”อย่าพูดเรื่องนั้นอีก เจ้าเห็นด้วยไหม”

    “คุณพูดถูก”ดาวินชี่มีใบหน้าเป็นกลาง

    ยัอนกลับไปที่UBWของบีสต์โฟร์ เขากำลังจ้องมองมาร์ดุกถือคาลิเบิร์ตในมือพร้อมจะรุกและโจมตีขณะที่เทพเจ้าจ้องมองดขาด้วยความโกรธต่อการกระทำและคำพูดของสัตว์ร้ายของอลายา

    เอมิยะยิ้มเยาะกับการแสดงออกของเทพสุริยะ 

    “ดูเหมือนนายจะรำคาญเพราะการต่อสู้นี้ยืดเยื้อมานาน ขอโทษที่ต้องพูด แต่นี่เป็นการต่อสู้ถึงตายที่ฝ่ายหนึ่งต้องล้มลง”มนุษย์ชี้ไปที่เทพเจ้าบาบิโลน”และมันจะไม่ใช่ฉัน ดังนั้นจงโจมตีด้วยทุกอย่างที่มี”

    “โอ้โห คำพูดแรงๆจากมนุษย์กระทบเทพเจ้าอย่างหนัก”ไฮม์ดัลอุทานยิ้มกว้าง”มาร์ดุกจะตอบอย่างไร”

    ใบหน้าของมาร์ดุกมืดลงและทันใดนั้นดาบเมลโรดาซก็ปรากฏบนมือของเขา เช่นเดียวกับดาบเลือกราชาและดาบแห่งดวงอาทิตย์ มันส่องสว่างกว่าคาลิเบิร์น เทพเจ้าเผยดวงตาเพียงข้างเดียวของเขาเต็มไปด้วยพลัง ขณะที่อีกข้างที่ได้รับบาดเจ็บเผยให้เห็นแอ่งเปล่าที่เต็มไปด้วยลูกไฟ 

    “เจ้าพูดมากไปแล้วมนุษย์”เป็นคำตอบสุดท้ายของเทพเจ้าสูงสุด

    เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เริ่มรุกอย่างรวดเร็วเพื่อต่อสู้กับชายที่ประกาศตนว่าเป็นนักฆ่าปริศนา

    เมื่อเทพเจ้าเริ่มก้าวแรกเพื่อทำลายล้างมนุษย์ที่น่าสมเพช มนุษย์ชาติก็ทำเช่นเดียวกัน…มาร์ดุกและชิโร่พุ่งเข้าหากันในเสี้ยววิ ทุกคนรวมทั้งเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียเบิกตากว้างกับความเร็ว บีสต์โฟร์ได้ลดระยะห่างระหว่างพวกเขา ไม่สิ มนุษย์ไม่ได้เร็วเลย จริงๆช่องว่างระหว่างเทพเจ้าบาบิโลนกับชายผมขาวถูก”ตัด”และคนหลังใช้ประโยชน์ทันทีและด้วยท่าทางคล้ายกับราชาแห่งอัศวิน เขาเริ่มโจมตีเทพเจ้าอย่างดุเดือด

    “น่าอัศจรรย์ สัตว์ร้ายแห่งอลายาใช้ความคิดริเริ่มไม่เหมือนเดิม และเขาโจมตีคู่ต่อสู้อย่างไร้ปราณี”ไฮม์ดัลตะโกนตื่นเต้นกับชายผมขาว

    “เอาเลยรุ่นพี่”ซากุระอุทาน

    “จัดการเลยชิโร่”เมดูซ่าตะโกนเขย่าหาง

    “ฆ่าเขาซะเอมิยะคุง”รินสั่งไขว้แขน

    “รับทราบครับ”บีสต์โฟร์คิดขบขันด้วยรอยยิ้มในใจขณะที่รักษาใบหน้าที่เฉยเมยก่อนโจมตีเทพเจ้าด้วยการแกว่งดาบในแนวนอนเพื่อสังหารเทพเจ้าสูงสุดของเมโสโปเตเมีย

    มาร์ดุกสกัดการโจมตีรุนแรงขณะขมวดคิ้วเมื่อเมลโรดาซและคาลิเบิร์นปะทะกัน คลื่นกระแทกและประกายแสงพุ่งจากดาบทั้งสอง

    “เป็นไปได้ยังไง”เขาตกตะลึงกับเหตุการณ์ประหลาด ถ้าไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณและความสามารถของเขา การโจมตีนั้นคงทำให้เขาหลุดการป้องกันและอาจถึงตายได้

    บีสต์ยิ้มให้กับคู่ต่อสู้ที่ไม่เคลื่อนไหว

    “นี่คือโลกของฉัน ฉันจึงมีฐานะเป็น…พระเจ้า”

    “อุ๊บ นี่แม้แต่ข้าก็อดไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ”ไฮม์ดัลม์พูดพร้อมหัวเราะขบขันกับคำพูดที่ท้าทายและน่ารำคาญที่มนุษย์พูดเถียงเทพเมโสโปเตเมีย

    “มนุษย์อ้างว่าเป็นเทพต่อหน้าเทพเจ้าตัวจริง แถมต่อหน้าเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”ความโกรธมาร์ดุกเพิ่มขึ้นสูงและเขาเริ่มเพิ่มพลังและความเร็วในการโจมตีของเขา

    “เขาเริ่มจริงจังแล้ว”คางุสึจิแสดงความเห็น ขมวดคิ้วขณะสังเกตพลังที่เพิ่มขึ้นของราชันแห่งเทพ

    “ปิดฉากซะ”ไกอาตะคอก เธอหงุดหงิดกับการมีอยู่ของมนุษย์ที่สร้างเขตแดนได้

    “อย่าโกรธไปสิไกอา”เซธพูดด้วยรอยยิ้มขบขันบนใบหน้าผิวดำของเขา”ไม่งั้นอาหารจะย่อยไม่ดีและรอยตีนกาจะขึ้น”

    “หึๆๆ”เทพเจ้าแห่งไฟร่วมกับลูกชายของเทพสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียหัวเราะพร้อมกันกับเรื่องตลกของเทพเจ้าแห่งทะเลทราย

    อลายาที่ได้ยินเรื่องตลกของเทพเจ้าอียิปต์ปิดปากเธอเลี่ยงหัวเราะออกมาดังๆ แต่ลึกๆเธอชอบคู่หู่น่ารำคาญของเธอถูกเหล่าเทพบุตรของเธอแกล้ง

    “แกตายซะเซธ”มารดาแห่งผืนดินโกรธแค้น ต้องการบีบคอเขา

    พระศิวะและเซฟานีที่ยืนห่างจากการสนทนาส่ายหัวด้วยความเอือมระอากับเรื่องไร้สาระของสหายเทพ พระศิวะหันความสนใจไปที่คาบุสึจิ เขารู้สึกจริงๆว่าเทพแห่งช่างตีเหล็กซ่อนสิ่งอื่นภายใต้การกระทำที่เย้ยหยันและระคายเคือง ในทางกลับกันเซฟานีมองแต่สามีที่บาดเจ็บและเสียเปรียบ

    “มาร์ดุก…”เธอกระซิบเพื่อให้เขาได้รับชัยชนะและกลับมาบ้านอย่างที่เขาทำมาตั้งแต่การต่อสู้กับเทียแมท

    กลับมาที่การต่อสู้ระหว่างราชาแห่งทวยเทพผู้ยิ่งใหญ่และความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติ เทพเจ้าพุ่งใส่มนุษย์หลายครั้ง อย่างไรก็ตามทักษะและเทคนิคที่ดูเหมือนไม่ใช่ของเขาเอง บีสต์โฟว์สามารถเบี่ยงเบนและป้องกันการโจมตีจากเทพสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียได้อย่างง่ายดาย ซึ่งตอนนี้มันไม่น้าขำและเขาเริ่มโกรธเคืองมาก พุ่งไปข้าบหน้า ใบมีดสีเงินเปลี่ยนเป็นสีทอง

    “ดาบสุริยะพัฒนาไปสู้อีกระดับ ไม่ใช่เผาไหม้…แต่ทำลาย”

    “มาร์ดุกดูดพลังแห่งดวงอาทิตย์ด้วยดาบของเขา แต่จะใช้กับคู่ต่อสู้เขาได้ไหม”ไฮม์ไดม์อุทาน

    เมื่อเมลโรดาซปะทะกับคาลิเบิร์นอีกครั้ง ดาบศิลาในหินต่อต้านราวกับความร้อนของดาบสุริยะไม่มีผล ยิ่งไปกว่านั้นคือความคมของใบมีด ชัยชนะของดาบทองคำของนักฝันเริ่มปรากฏขึ้น

    “แปลกใจ?”เอมิยะถามขบขันกับปฏิกิริยาของเทพเจ้า 

    “เขาจริงจังกับมันใช่ไหม”ซาซากิพึมพำ

    “ลุยเลยชิโร่”บาเซ็ตชูกำปั้นสนับสนุน

    เซตันตะหัวเราะอย่างสนุกสนาน”ถ้าเขาไม่ชนะ สาวๆของเขาต้องไม่พอใจ”

    “ฮ่าๆๆๆ”การ์เดี้ยนEMIYAหัวเราะกับความโชคร้ายที่เขาและคู่หู่มีกับผู้หญิงและปัญหาต่างๆ”ฉันแน่ใจว่าถ้าเขาตาย พวกเธอจะพาเขากลับมาเพื่อฆ่าอีกครั้ง”

    สุนัขเฝ้ายามของไอริชและอลายาต่างหัวเราะความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็หวังว่าสัตว์ร้ายของอลายาจะได้รับชัยชนะ

    การต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มาร์ดุกฟาดฟันไปที่ไหล่ของคู่ต่อสู้ซึ่งโดนสกัดไว้ ชิโร่ก็โต้กลับบ้างโดนถากๆที่ไหล่ของเทพเจ้า คราวนี้เทพเจ้าบาบิโลนกระแทกศีรษะของมนุษย์ แต่บีสต์โฟร์หันเหวิถีอาวุธและฟันแนวตั้งโดนเนื้อเทพเจ้าเล็กน้อย มาร์ดุกฟันแนวดิ่งโดยมีพลังมหาศาลเบื้องหลัง แรงระเบิดมากพอจะทำลายคาลิเบิร์น เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังของทวยเทพและความพยายามของพวกเขาที่จะก้าวข้ามเทพเจ้านั้นไร้ความหมาย

    อย่างไรก็ตามผลลัพย์สร้างความประหลาดใจให้ผู้ชมจำนวนมากที่รู้จักพลังของเมลโรดาซและมาร์ดุก มนุษย์ผมขาวป้องกันการโจมตีทรงพลังโดยไม่มีปัญหาใดๆ ขณะที่ดาบในหินสามารถต้านพลังของดาบเล่มแรกได้อย่างสมบูรณ์

    “คาลิเบิร์นสูสีกับเมลโรดาซ! พลังของเทพเจ้าเท่าเทียมกับมนุษย์ในยุคนี้”ไฮม์ดัลม์อุทาน

    “อะไร?”เทพเมโสโปเตเมียตะโกนก่อนนึกอะไรได้ เงาปรากฏเหนือตัวแทนที่3ของมนุษย์ชาติซึ่งเขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน

    “นั่นคือ…”มาชูตะโกนประหลาดใจ

    อาเธอร์เรียยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเงาที่ปกคลุมตัวแทนที่3ของมนุษย์ชาติ ในขณะเดียวกัน อัศวินโต๊ะกลมก็ประหลาดใจและงงงวยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขา ผู้ชมคนอื่นๆทั้งมนุษย์และเทพต่างมีสีหน้าตลกกว่าอัศวินแห่งคาเมล็อต

    “ฝ่าบาท”

    เบื้องหลังชิโร่ เงาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนได้เห็นความงดงามแทงทั้งหมด ภาพสะท้อนของราชาแห่งอัศวินที่ทำท่าทางเดียวกับบีสต์โฟร์

    ของเลียนแบบที่งดงาม

    กิลกาเมซหรี่ตาลงขณะเห็นเฟคเกอร์จำลองการเคลื่อนไหวและเทคนิคเดียวกับราชาแห่งคาเมล็อต ราชาแห่งอูรุกพ่นลมก่อนจิบไวน์อย่างสงบซึ่งทำให้เขาสบถออกมาโดยไม่มีใครรู้”ตอนนี้เจ้าเห็นแล้วใช่ไหมว่าทำไมเขาถูกเรียกว่าเฟคเกอร์”

    “ใช่ กิล เราเข้าใจ มันชัดเจนมาก”เอนคิดูตอบกลับราชาอย่างเป็นกลไก เหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาคุยกันเรื่องวีรบุรุษเหล็ก”เราคุยกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ขอเลื่อนอีกครั้งไม่ได้หรือ? นี่เป็นสถานการณ์ร้ายแรง”

    กึ่งเทพสุเมเรียนส่งเสียงขู่ด้วยความรำคาญก่อนมองไปที่เลขาของเขา ซินดูริจดบันทึกการประชุมของผู้ที่เกลียดเฟคเกอร์ในภายหลังว่ามีป๊อปคอร์น ไวน์ รูปถ่ายของเฟคเกอร์ , ปาเป้ารูปถ่าย และคอลเลกชั่นของชีบะ

    กิลกาเมซไม่เพียงเป็นราชาแห่งวีรชน แต่ยังเป็นราชาแห่งฮิคิโคโมริด้วย หากต้องการตำหนิใครเรื่องนี้ ให้โทษเมอร์ลิน จอมเวทบุปผาที่ติดอยู่บนหอคอยอวาลอนและจอมเวทมาริของเขา

    ต้องใช้กำลังทั้งหมดเพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่กษัตริย์และเทพเจ้าพูดอย่างจริงจัง แต่เขาต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม เธอจดบันทึกทุกสิ่งที่ราชาแห่งอูรุกกล่าวไว้บนอุปกรณ์ทันสมัยที่เรียกว่าแท็บเล็ตที่เทสล่าและเอดิสันแจก…หรือแข่งขันเพราะนักประดิษฐ์ทั้งสองได้สร้างแท็บเล็ตเวอร์ชั่นตัวเองและกำลังแข่งกันว่าของใครดีที่สุด แต่ไม่สำคัญสำหรับซินดูริ เธอทำตามที่กษัตริย์พูดเท่านั้น จากที่กล่าวมา เรามาบันทึกความตลกขบขันในภายหลังและลงเทปกันต่อ

    “ว้าว…ดูเหมือนอาเธอร์เรียจะสู้…แต่ในฐานะผู้ชาย ฮิๆ”กูดาโกะแสดงความเห็นด้วยความประหลาดใจต่อเหตุการณ์ตรงหน้าเธอ

    “เป็นการเคลื่อนไหวของราชาแห่งคาเมล็อตที่น่าประทับใจ”เฮอคิวลิสกล่าว การเคลื่อนไหวของเขา…สมบูรณ์แบบ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาไม่รู้ตัวตนอาเชอร์ชุดแดงในสงครามจอกครั้งที่5 ถ้าเขาสามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวของผู้ใช้มีดดั้งเดิมได้ 

    “เขาเลียนแบบหล่อน”เมเดียกล่าวด้วยความทะนงตน”ไม่แปลกใจเลยที่กิลกาเมซเรียกเขาเฟคเกอร์”

    “ราชาของข้า”กาเวนพูดด้วยสีหน้าขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นทักษะดาบอันงดงามของกษัตริย์อาเธอร์ในมือผู้อื่น”เทคนิคนั้น ทักษะเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นของท่าน แต่ ทำไมชายคนนั้นถึงใช้มันได้”

    อาเธอร์เรียยิ้มด้วยความรัก เป็นภาพแปลกใจไม่น้อยสำหรับอัศวินของเธอหลายคนที่เคยชินกับราชาที่ไร้อารมณ์และอดทนอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่คราวนี้ เธอไม่ซ่อนอารมณ์ความรู้สึกต่อชายคนนั้น

    “เป็นเรื่องธรรมดา…อาจเป็นช่วงสั้นๆ แต่ข้าเป็นอาจารย์สอนวิชาดาบเมื่อเราอยู่ด้วยกันในฐานะมาสเตอร์และเซอร์แวนท์”ราชินีผมบลอนด์พูดด้วยความรักและคิดถึง ก่อนเธอจะเสียชีวิตเพราะถูกเงากลืนกิน

    “เด็กคนนั้นต่อสู้เต็มที่เพื่อสิ่งที่เขาเชื่อ…“ทันใดนั้นใบหน้าอาเธอร์เรียก็ดูเศร้าสร้อย

    “แต่ราชาของข้า…”แลนเซล็อตแทรก”มันยังเป็นการเลียนแบบ นั่นเพียงพอจะเอาชนะเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียหรือไม่”

    EMIYAส่ายหัวอย่างตำหนิ จากที่เขาไดัยินบทสนานาของอาเธอร์เรียกับอัศวินของเธอ มันไม่ได้เลียนแบบกันง่ายๆ ประวัติของอาวุธเหล่านั้นถูกจารึกในส่วนลึกจิตวิญญาณเขา ดังนั้น…”

    มาร์ดุกกัดฟันด้วยความโกรธและโจมตีมนุษย์เบื้องหน้าเขา เทพองค์อื่นๆดูตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าเทพในหมู่เทพตกอยู่ในสถานการณ์นี้และน้อยกว่าเมื่อสู้กับมนุษย์ ทว่าด้วยความเชี่ยวชาญเอมิยะสามารถเบี่ยงเบน บล็อก และตอบโต้การโจมตีจากสวรรค์ของเขาได้อย่างง่ายดาย

    “เพราะอะไร? ทำไม? ทำไมดาบแกไม่หัก!?”เทพเจ้าบาบิโลนกล่าวด้วยความโกรธ คาลิเบิร์น ดาบเฟ้นหาผู้ที่จะเป็นกษัตริย์ควรจะถูกทำลายอย่างง่ายดายโดยดาบรุ่นก่อนอย่างกรามและโดยเฉพาะเมลโรดาซ

    “เป็นมากกว่านั้น”ชิโร่พึมพำใต้ลมหายใจ ดึงแสงจ้าของเทพเจ้ามาที่ตัวเขา"ฉันไม่เคยต่อสู้เพียงลำพังสักครั้งในชีวิตจนกระทั่งบัดนี้ มหาราชาผู้ยิ่งใหญ่"

    “นี่มัน…”ริทสึกะอ้าปากค้างไม่อยากเชื่อ ผู้ชมคนอื่นทั้งมนุษย์และเทพเจ้า แม้แต่ซุส ไกอาและมาร์ดุกก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

    อาเธอร์เรีย เพนดราก้อน...เอ็กซ์คาลิเบอร์

    แลนเซล็อต...อารอนไดซ์

    กาเวน...เอ็กซ์คาลิเบอร์กาแลนทีน

    ทริสตัน...เคอร์ทานา

    มอเดรด...คลาเรนต์

    กาลาฮัท...ดาบของเดวิดและดาบในศิลาแดง

    เพอร์ซิวัล...ดาบแห่งจอก

    เฟอร์กัส...คาลาสโบลก์

    ซีเกิร์ด...กลาม

    ซิกฟรีด...บัลมุงและนอทัวร์

    ชาเลอมาญ...โจเยส

    โรแลนด์...ดูแรนดัล

    นอร์ดา...คลาโอม โซเลส์

    มาร์ดุก...เมลโรดาซ

    ไม่ใช่แค่อาเธอร์เรีย เพนดราก้อน ชายหนุ่ม หญิงสาว และที่ระบุเพศไม่ได้ แต่มีนักรบหลายคนที่ติดตามดาบของชายผู้นี้โดยไม่ลังเล”ไฮม์ไดม์อุทานด้วยความตื่นเต้น

    เงาต่างๆบรรจบกันรอบบีสต์โฟร์แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เพียงใช้วิชาดาบของราชาแห่งอัศวินเท่านั้น แต่ยังใช้วิชาของอัศวินคนอื่นๆและผู้ใช้ดาบต่างๆที่เข้ากันได้กับคาลิเบิร์นเพื่อชดเชยข้อบกพร่องและจุดอ่อนในรูแแบบต่างๆของราชาอัศวิน มาร์ดุกและเทพเจ้าองค์อื่นๆถูกรบกวนเมื่อเห็นสำเนาที่น่ากลัวของสุริยะเทพมาพร้อมกับสัตว์ร้ายแห่งอลายาราวกับส่วนหนึ่งของเทพเจ้าบาบิโลนโปรดปรานมนุษย์ในฐานะผู้ปกครองมนุษย์ชาติ

    “ไปคาลิเบิร์น”จากนั้นชายบนเนินเขาโดดเดี่ยวเหวี่ยงดาบ ประกายแวววาวยิ่งกว่าดวงอาทิตย์และเหนือกว่าพลังของเมลโรดาซมาก กระทบดาบของมาร์ดุก

    “เพล้งงง!!!”

    “เป็นไปไม่ได้”

    “ไม่จริง”

    “เบล มาร์ดุก”

    ดาบสุริยะของมาร์ดุกแตกเป็นชิ้นๆและปลายใบมีดเฉือนและทิ้งรอยบากไว้ที่ไหล่ของเทพบาบิโลน

    “นี่แสดงให้เห็นพลังของมนุษย์ สัตว์ร้ายของอลายาผ่านบททดสอบของเทพเจ้าอีกครั้ง”ไฮม์ไดม์อุทาน

    “ไม่…ไม่น่าเป็นไปได้”เซฟานีเป็นห่วงสามี

    “โอ้ แต่มันเป็นไปแล้วเซฟานีที่รัก”คางุสึจิกล่าวเสียงล้อเลียน

    เฟรย่ามองเทพเจ้าแห่งไฟของญี่ปุ่นด้วยการขมวดคิ้วเช่นเดียวกับวิษณุ เทพธิดาแห่งนอร์สเริ่มตระหนักว่าเทพญี่ปุ่นที่แข็งแกร่งที่สุดดูเหมือนจะวางแผนแปลกๆในแร็กนาร็อคนี้ แล้วมันสร้างความแตกต่างอย่างไร? เทพธิดาแห่งความงามสนใจและจะเอาข้อมูลนี้ไปแม้ต้องใช้ความสามารถอันทรงพลังของเธอ

    คางุสึจิรู้สึกถึงความเกลียดชังที่มาจากเทพธิดาที่อยู่ข้างๆเขาและตัดสินใจย้ายออกไป2-3…ห่างไปพันเมตร น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีแมวดำตัดหน้า เทพช่างตีเหล็กทำได้เพียงสังเกตใบหน้ายิ้มแย้มของเทพธิดานอร์สต่อหน้าตัวแทนเธอเท่านั้น

    ชิโร่ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นปฎิกิริยาของเหล่าเทพ

    “ไม่เลวใช่มั้ย ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้เพียงคนเดียวของนาย มนุษย์ชาติทั้งหมดและแม้แต่ดินแดนแห่งทวยเทพก็เป็นศัตรูของนายในสนามประลองนี้”

    ดวงตาที่ดีเพียงข้างเดียวของเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีนจ้องมองด้วยความตกใจที่เศษดาบสุริยะของเขา

    “เขาเหนือกว่ามาร์ดุก”เซธพึมพำอย่างไม่เชื่อ

    วิษณุทำลายใบหน้าที่สงบนิ่งไปโดยสมบูรณ์”มนุษย์คนนั้น…”

    นาบูมองพ่อด้วยความสนใจ”ท่านจะใช้มันหรือยัง”

    เทอร์ร่ายิ้มกว้าง”ถ้าไม่ใช้ก็ตาย”

    “ทำได้ดีมากเอมิยะคุง”รินตะโกนชูกำปั้นขึ้น

    “สู้ต่อไปรุ่นพี่”ซากุระกล่าว

    “ลุยเลยชิโร่”อาเธอร์เรียร้องเชียร์ คนรู้จักของบีสต์โฟร์และมนุษย์ชาติต่างเชียร์ตัวแทนที่สามของพวกเขา

    “ไปเลย”

    “จัดการให้เสร็จ”

    “ฆ่ามัน”

    ทันใดนั้นขนของชิโร่ลุกซู่เตือนว่ามีบางอย่างเลวร้ายเกิดขึ้น และเขาถอยกลับไป2-3เมตรทันเวลารอดจากหอกสายฟ้าหลายอันที่ราชาสูงสุดแห่งทวยเทพขว้างใส่เขา เอมิยะเงยหน้าขึ้นเห็นหอกสายฟ้าจำนวนมากรออยู่ด้านหลังเทพเจ้าบาบิโลน คล้ายกับเกทออฟบาบิโลนของกิลกาเมซ

    หอกสายฟ้าพุ่งเข้าหาชายผมขาวด้วยความเร็วสูง ชิโร่พยายามหลบหรือบล็อกโดยใช้ทักษะและประสบการณ์ที่สะสมในครอส-คาลิเบิร์น แต่เขาก็แทบจะตามไม่ทันความเร็วของเทพเจ้าบาบิโลน

    ราชาผู้ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุดของทวยเทพจะทำให้มนุษย์ผู้นี้เสียใจต่อบาปที่กระทำต่อสวรรค์และตัวข้า

    “ความโกรธของมาร์ดุกถูกปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์ เขาเริ่มจู่โจมใส่เอมิยะ ชิโร่อย่างรุนแรง”ไฮม์ดัลม์อุทาน เขาไม่สนใจจริงๆว่าใครชนะ เขาสนใจเพียงความบันเทิง"สัตว์อสูรอันเป็นที่รักของอลายาจะเอาชนะความยากลำบากนี้เหมือนครั้งก่อนหรือไม่?"

    "หึๆๆๆ"เพื่อนของบีสต์โฟว์หัวเราะอย่างท้าทายและไว้วางใจเพื่อนคนแรกของเขาก่อนเขาจะพบกับชิลเดอร์อันเป็นที่รัก มาชู"

    "เอาเลย รุ่นพี่บีสต์!!!"มาชูตะโกนอย่างดุเดือดทำให้คนรอบข้างตกใจยกเว้นซาตาน เพราะ...อย่างที่รู้ว่าเป็นซาตาน แม้แต่ซุสก็กลัวซาตาน แต่ซาตานไม่กลัวอะไรเลย เขาไร้มนุษย์ธรรม

    "นายสามารถเอาชนะเขาได้! แสดงให้เห็นว่าใครใหญ่"กูดาโกะอุทานด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ

    "ทำให้ฉันตื่นเต้นกว่านี้"เซลเรซตะโกน ดวงตาสีแดงเปล่งประกายรุนแรงเท่ากับรุ่นน้องผู้น่ารักและมาสเตอร์คาลเดียผมส้ม

    ดาวินชี่เข้าหาโซโลมอนอย่างช้าๆและกระซิบเบาๆกับอดีตแพทย์และผู้อำนวยการคาลเดีย

    "ถ้ามีคนถามฉันไม่รู้เลย"

    ราชาจอมเวทเหงื่อตกเมื่อได้ยินคำพูดเพื่อนร่วมงาน

    "ที่นี่เหมือนกัน"อลายาพึมพำด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง และไม่ใช่พวกเขาเท่านั้น อาโอโกะ กอร์ดอล์ฟ และเมอร์ลิน

    ริทสึกะหัวเราะเกาคออย่างประหม่า

    "ฉันไม่คิดว่ามันแย่ขนาดนั้น"

    "ใช่ ฉันชอบพวกเขา"อาร์คไวท์พูดด้วยรอยยิ้มกว้าง จากนั้นให้กำลังใจตัวแทนที่3ของมนุษย์ชาติกับปู่เซลเรซ"ตีเขาด้วยเก้าอี้ๆ"

    "ไม่มีเก้าอี้!!"คนมีสติในห้องอุทาน

    ทันใดนั้นสายฟ้าเริ่มมารวมกันในมือของมาร์ดุกและก่อตัวเป็นหอกสีน้ำเงิน

    หอกพายุทะลวงฟ้า

    "นุนเกอร์"เทพเจ้าบาบิโลนกล่าวเสียงเรียบก่อนหอกสายฟ้าเริ่มโจมตีอย่างรุนแรงและพลังที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการโจมตีอันดุเดือดทำให้เขาไม่สามารถวิเคราะห์โครงสร้างได้แม้จะใช้ทักษะผสมผสานและเทคนิคต่างๆที่มีในครอสคาลิเบิร์น

    นักฆ่าปริศนาพยายามรักษาระยะห่างเพื่อออกจากระยะโจมตีของสุริยะเทพ ชิโร่สร้างดาบนิรนามหลายเล่มพุ่งตอบโต้หอกของมาร์ดุก

    “อสูรของอลายาถูกตรึงไว้แล้ว”

    “ทำอะไรสักอย่างสิ”คูฮูลินน์ตะโกน”อย่ายืนนิ่งเหมือนสาวน้อย”

    “เร็วเข้า เธอทำได้”บาเซ็ตตะโกนข้างบุตรแห่งแสงของไอร์แลนด์

    ซาซากิยิ้มบางๆ จิตใจเขาที่มีการวิเคราะห์และมีประสบการณ์สูงของเขาบอกว่าบางสิ่งที่น่าประหลาดใจกำลังจะเกิดขึ้น โอ้ เขาพร้อมที่จะได้เห็นและสนุกกับมันให้มากที่สุด

    EMIYAขมวดคิ้วกับสถานการณ์ที่เสียเปรียบของตัวเขาก่อนมองครอสคาลิเบิร์นด้วยรอยยิ้มเศร้าเล็กน้อยราวกับว่าเขาขอโทษต่อดาบแห่งการเลือกสรร ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ผู้ชมไม่รู้

    “ฉันขอโทษ แต่ฉันจะต้องเปลี่ยนอาวุธ ถึงอย่างงั้นเธอทำได้ดีมาก”เขาพูดก่อนจับดาบแทงบนพื้นหญ้าร่วมกับดาบอื่นในดินแดนดาบอนันต์

    “มนุษย์คนนั้นกำลังทำอะไรอยู่”

    “ทิ้งอาวุธตัวเอง? เขางี่เง่า”

    คางุสึจิหัวเราะ”ใช่ ไม่มีอาวุธ ช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี”

    ลู ราชาเซลติกรู้สึกถูกกระแทกเล็กน้อยหลังศีรษะราวกับว่าบางสิ่งที่เหลือเชื่อกำลังจะเกิดขึ้น เทพธิดาแห่งความตายมอกาน่าหรือมอริแกนตามแต่ใจที่คนชอบเรียก เธอยิ้มกว้างด้วยความกระหายเลือด

    “เอาเลยชิโร่…แสดงพลังที่แท้จริงของคุณให้พวกเขาดู”เมดูซ่าพูดด้วยน้ำเสียงเกือบจะอ้อนวอน ประสานมือที่ตกสะเก็ดของเธอ ดวงตาแสดงความกังวลที่มีต่อวีรชนแห่งเหล็ก พี่สาวเธอยังตกตะลึงที่เห็นน้องสาวกังวล/ชอบผู้ชายคนหนึ่งหลังสิ่งที่เกิดขึ้นในตำนานของเธอ

    เมื่อเห็นมนุษย์ไม่มีอาวุธ มาร์ดุกยกหอกซิกแซกของเขาและหอกสายฟ้าพุ่งใส่ชิโร่

    “นั่นจะไม่มีวันเกิดขึ้น”

    “มาเลย”ชิโร่ยกมือขวาขึ้น สายฟ้าสีแดงพุ่งข้ามท้องฟ้าจนถึงมือของบีสต์โฟร์ รังสีสีแดงกระจายไปทุ่งเนินดาบอนันต์ รวมถึงสนามประลองวัลฮาล่าก็สั่นสะเทือน

    บางคนเริ่มสงสัยว่าหอกนั้นพรากไปกี่ชีวิตแล้วถึงทำให้เทพเจ้าที่ดุร้ายที่สุดอย่างอาเรส ซูซาโนะโอ หรือ บิซามอนเทนตัวสั่น หอกนั่นคร่าชีวิตของเพื่อนสนิท เหมือนพี่น้อง และเป็นลูกศิษย์ของเจ้าของเดิม หอกนี้คงจะคร่าชีวิตแม่มดคนหนึ่งก่อนที่ความโชคร้ายเหล่านั้นจะเกิด

    บีสต์โฟร์ตั้งท่าสู้คล้ายกับหมาเฝ้ายาม

    “ไปเลย”ชายผมขาวตะโกน

    คูฮูลินน์ยิ้มเมื่อเห็นหอกคู่ใจในมือวีรชนแห่งเหล็กและเลียนแบบท่าทางการต่อสู้ของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    “ไอ้เด็กบ้านั่น เขาน่ารำคาญพอๆกับไอ้ชุดแดง”


     

    แม้เขาจะไม่ชอบเห็นสำเนาของเก โบลก์อยู่ในมือเฟคเกอร์ แต่การเห็นหอกต้องสาปที่อาจารย์ผู้เป็นที่รักของเขามอบให้เมื่อนานมาแล้วเผชิญหน้ากับเหล่าทวยเทพ เผชิญหน้ากับเทพเป็นสิ่งที่สุนัขล่าเนื้อไม่อยากพลาด

    เอมิยะหันเหหอกสายฟ้าของเทพเจ้าบาบิโลนได้อย่างง่ายดาย ต่อจากนั้นบีสต์โฟร์โจมตีอย่างดุเดือดด้วยพลังและความเร็วของสายฟ้าทิ้งร่องรอยสีแดงไว้ข้างหลัง

    “อัศจรรย์ เมื่อเขาตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบและสิ้นหวัง เขาสามารถเอาชนะการโจมตีดุจพายุของเบล มาร์ดุกได้”ไฮม์ดัลม์อุทาน

    “หึๆๆๆ ตลกอะไรอย่างนี้เฟคเกอร์”กิลกาเมซพูดด้วยความยินดีเมื่อชมการแสดง”ทำต่อไป ให้ความบันเทิงแก่ราชาของเจ้า”

    “ใช่ ทำให้มันตื่นเต้นขึ้นไปอีกเจ้าหนู”เซลเรซพูดเห็นด้วยกับราชาวีรชน

    “รุ่นพี่บีสต์”มาชูตะโกน

    “ใช้กำลัง เดอะฟอร์ซ”กูดาโกะคำรามเหมือนสัตว์ประหลาด

    “ไม่มีฟอร์ซ โนเบิลแฟนทาสม์แหกกฎของคุณ”ริทสึกะตะโกน

    “ยังไปต่อได้”เฮอร์คิวลิสพูดอย่างตื่นเต้น มหาวีรชนแห่งกรีกมีความปรารถนาจะเผชิญหน้ากับวีรชนแห่งเหล็กเมื่อแร็กนาร็อคสิ้นสุดลง

    “ฉันยอมรับว่าเขาไม่ได้แย่”เมเดียพูด

    “อย่ามาซึนนะเมเดีย”เขากล่าวกับเพื่อน

    “หุบปากไอ้โง่!!”

    มาร์ดุกต้องบิดร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแทงโดยหอกต้องสาป เขาพยายามโต้กลับ แต่ตอนนี้เขาเริ่มโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยการแทงหลายครั้งด้วยความเร็วสวรรค์ ต้องขอบคุณประสบการณ์และพลังมหาศาลที่เทพแห่งดวงอาทิตย์ครอบครอง ซึ่งทำให้เขาสามารถสกัดการโจมตีของมนุษย์ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ ทว่าเทพแห่งบาบิโลนก็ไม่สามารถลดการ์ดและพยายามโจมตี

    ดังนั้นในตอนนั้นเองที่เขาเห็นมัน เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับครอสคาลิเบิร์นที่เผชิญหน้ากับเมลโรดาซส่งผลให้เกิดการทำลายล้าง เงาปรากฏอยู่ด้านหนึ่งของวีรชนแห่งเหล็ก 

    แต่เขาไม่ใช่คนเดียวที่เผชิญความทุกข์ยากนี้

    คูฮูลินน์...เดล คลิส

    ลูห์...บริโดนักและฟลาการัส

    โอดิน...กุงนีล

    เฟรย์...ซัมเมอร์แบรนดอน

    เบวูล์ฟ...ฮันติ้งและเนลลิ้ง

    โลกิ...เลวาทีน

    เฮคเตอร์...ดูแรนดัล

    เดียร์มุด โอ เดน่า...เก โบลด์ และเก เดิร์ก

    อาเธอร์เรีย เพนดราก้อน...รองโกมีเนียส

    ลูเซียส...ลองกินุส

    เพอร์ซีอุส...ฮาร์ป

    อิซานางิ...อาเมะโนะซาคาโฮโกะ

    นักบุญจอร์จ...แอสคาลอน

    มาร์ดุก....นุนเนอร์

    สุดยอดหอกทั้งหมด

    เก โบลด์ อัลเทอร์เนทีฟ สไตรค์เกอร์ ปรากฏขึ้นเพื่อแบ่งท้องฟ้าด้วยอำนาจสูงสุด

    “โอ้ เช่นเดียวกับครั้งก่อน อาวุธที่อยู่ในมือของสัตว์เดรัจฉานแห่งอลายานั่นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากผสมผสานของอาวุธต่างๆ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาเพื่อกำจัดบีสต์โฟร์อย่างสมบูรณ์”ไฮม์ดัลประกาศอย่างตื่นเต้น

    ลูห์เห็นมนุษย์ผู้ใช้อาวุธของเขาและลูกชาย แต่ยังอาวุธของวีรชนเซลติกและวีรชนที่คล้ายคลึงกันหลายคน ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าทำไมคางุสึจิจึงสนใจบีสต์โฟร์

    “หอกของโอดินกับดาบของพี่ชายข้า”เฟรย่าพึมพำด้วยความขมวดคิ้ว ไม่ค่อยสบายใจกับคนอื่นที่ใช้พลังของพี่ชายผู้ล่วงลับของเธอในนอร์ส

    “ไม่ต้องกังวลไปเฟรย่าที่รัก”เทอร์ร่าพลางเอาแขนโอบไหล่เทพีแห่งความรัก”แค่เพลิดเพลินกับการแสดง”

    “ถ้าพูดอย่างนั้น”เทพธิดาแห่งนอร์สไม่มั่นใจ แต่ยังให้ความสนใจคนรัก(แน่นอนเขาเป็นคนรักเธอ และซิกเป็นชู้รักคนใหม่ของเธอ)

    “โอ้ วินาทีที่สองน่าตื่นเต้นกว่านี้”เบโอวูฟอุทาน วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกปลาบปลื้มใจเมื่อได้เห็นการสร้างดาบเวทมนตร์คู่ใจของเขาฮันติ้งเพื่อเอาชนะมังกรของมาร์ดุก แต่ตอนนี้อารมณ์เริ่มเกินขอบเขตแล้ว”เอาเลยไอ้หนู แสดงพลังของมนุษย์ชาติ”

    “หอกของเราเหรอ?”เซอร์เพอร์ซิวัลพึมพำ หนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมและหนึ่งใน3อัศวินผู้แสวงหาจอกศักดิ์สิทธิ์ เขามองดูกาลาฮัทเพื่อนสนิทของเขาที่อยู่ข้างๆ”เจ้าคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะใช้พลังของเราอีกครั้งไหมกาลาฮัท?“

    ลองกินุส บลีดดิ้งสเปีย และหอกศักดิ์สิทธิ์ เป็นหอกเดียวกัน แต่มีอาวุธต่างกันโดยเนื่อแท้ เช่นเดียวกับเมลโรดาซ กราม และคาลิเบิร์น อาวุธทั้งสองเป็นร่างจุติที่แตกต่างกันของอาวุธดั้งเดิมชนิดเดียวกัน นั่นคือลองกินุส หอกแรกซึ่งนายกองโรมันเคยเจาะด้านข้างของเมสไซอาเมื่อนานมาแล้ว และเซอร์เพอร์ซิวัลกังวลว่าความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติจะสามารถควบคุมพลังของอาวุธที่จู้จี้จุกจิกเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์เมื่อเผชิญหน้ากับราชาเทพแห่งบาลิโลเนีย

    กาลาฮัทมองดูเพื่อนของเขาครู่หนึ่งแล้วมองราชาแห่งคาเมล็อต อาเธอร์เรียขมวดคิ้วและกำหมัดแสดงว่าเขารู้สึกหมดหนทางเพราะไม่สามารถไปกับชายผมขาวได้

    “ชิโร่”ราชาแห่งอัศวินกระซิบด้วยความห่วงใยอย่างจริงใจซึ่งสะท้อนอยู่ในดวงตาสีเขียวมรกตของเธอ

    กาลาฮัทยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้คำตอบและข้อสรุปที่เหมาะสม”เราสามารถจำกัดตัวเองให้มองเห็นและสวดอ้อนวอนว่าเขามีค่าควรแก่การเผชิญหน้าเทพ”

    เพอร์ซิวัลมองเพื่อนของเขาครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่อาเธอร์เรียและเห็นสิ่งที่กาลาฮัทเห็น ยิ้มเห็นด้วยกับอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์

    “ถ้างั้นข้ามอบความไว้วางใจอย่างเต็มที่ให้กับชายที่เซอร์กาลาฮัทและกษัตริย์ของข้าเคารพมาก”

    “หะ…ของข้า…หอกของข้า!?”อิซานางิอุทานด้วยความสยดสยองเมื่อเห็น ลูกๆของเขาอามาเทราสึ ซูซาโนะโอ และทสึโยมิ ต่างตกตะลึงพอๆกับเทพแห่งการสรรสร้างและญี่ปุ่น”นี่คือการดูหมิ่น มันควรเป็นภาษาญี่ปุ่น”

    “หึๆๆ หุบปากไป”คางุสึจิยิ้มกว้างด้วยความยินดีกับสีหน้าพ่อที่ฆ่าเขาไปเมื่อนานมาแล้ว"แต่ขอบคุณทวยเทพที่ข้าไม่สน นอกจากนี้ยังใช้ดาบคุซานางิหรือดาบโทซึกะเช่นกัน ฮ่าๆๆ ตอนนี้สนุกกับการแสดงของนาย"

    อิซานางิรู้สึกไร้อำนาจอย่างสมบูรณ์จากลูกชายที่ทรงพลังที่สุดของเขา อิซานางิถูกบังคับให้เฝ้าดูการต่อสูระหว่างราชาแห่งทวยเทพและความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติต่อไป

    เพราะเขาเสียใจที่ทำมัน...

    อาวุธอันทรงพลัง จุดสุดยอดของหอกแห่งโลกอันไร้ขีดจำกัด เอมิยะ ชิโร่"ตัด"ระยะห่างระหว่างเขากับคู่ต่อสู้อีกครั้ง หอกถูกแทงไปนับไม่ถ้วนจนทำให้เกิดบาดแผลที่รักษาไม่หายบนร่างเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย แม้แต่เทพเจ้าบาบิโลนก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ราวกับหอกนับพันเล่มพุ่งมาพร้อมกัน 

    "บีสต์โฟร์รุกอีกครั้งทำให้เทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียเข้าตาจน แม้เขาจะเสียเปรียบ แต่ตอนนี้ความหวังส่องประกายเหมือนดวงอาทิตย์สำหรับมนุษย์"ไฮม์ดัลม์ยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้นกับการต่อสู้ อ้อ เพราะเรื่องบ้าๆนี่เองที่เขาปล่อยให้มนุษย์และเทพตกนรก...และทำไมเขาถึงส่งชิกิน้อยไปยุให้อลายาส่งผู้ที่น่าสนใจออกมา

    และคู่ต่อสู้ของเทพเจ้าสูงสุดก็น่าสนใจเหมือนกัน

    "ไปเลยเอมิยะคุง"รินพูดด้วยรอยยิ้ม

    "รุ่นพี่สู้ต่อไปนะค่ะ"ซากุระเชียร์พร้อมพี่สาว

    "หืม...ไม่เลว"EMIYAพูดยิ้มเล็กน้อยขณะมองตัวเขาเวอร์ชั่นอื่น

    "จัดการมันสัตว์ร้ายของข้า! จัดการมัน! ฆ่าเขา!"อลายาตะโกน ทุกคนในห้องได้รับแรงบันดาลใจ พวกเขาจะแพ้ไม่ได้ ดังนั้นได้โปรด

    ฆ่าทวยเทพ

    ด้วยสองมือบนเกโบลก์ อาชิลด์ นักฆ่าไม่หยุดโจมตีด้วยพลังและทักษะที่มาถึงขอบเขตของเทพเจ้า ซึ่งแสดงชะตากรรมที่แม้แต่เทพเจ้าหรือพระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถหลบหนีได้....นี่คือนิรันดร์ของเนินเขาแห่งดาบ

    บาดแผลปรากฏบนไหล่ของมาร์ดุก และอีกแห่งที่แขน จากนั้นลำตัวสามแห่ง เทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียไม่สามารถทำอะไรได้เลยในความพยายามที่จะโต้กลับ เขาปล่อยสายฟ้าออกไปซึ่งถูกหักเหอย่างง่ายดายด้วยพลังของหอก ทำให้เทพเจ้าบาบิโลนล่าถอย และโจมตีอีกครั้ง แต่บีสต์โฟร์ไม่ให้

    "ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่ความจริงอยู่ต่อหน้าท่านผู้ชมที่รักทั้งหลาย เทพเจ้าเมโสโปเตเมียที่ทรงอำนาจมากที่สุดในหมู่เทพเจ้า....เขากำลังย่ำแย่โดยน้ำมือมนุษย์"ไฮม์ดัลประกาศยิ้มกว้าง

    "จัดการเลยชิโร่!!"อาเธอร์เรียร้องเชียร์อดีตมาสเตอร์

    "มาร์ดุก"เซฟานีห่วงใยสามี

    เทอร์ร่าพ่นลมด้วยความรำคาญที่เห็นชัดบนใบหน้าของเขาก่อนยิ้มอย่างทะลึ่ง

    "เมื่อไหร่ตาแก่นั่นจะเอาจริงสักครั้ง? หลายล้านปีทำให้กระดูกเสื่อม ฮิๆๆๆ"เทพเจ้าแห่งกาลเวลาเยาะเย้ยด้วยความยินดี สบตาเหล่าเทพเจ้าผู้เป็นอริ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะพลังของราชาแห่งโยทันไฮม์และชื่อเสียงอันน่าเกรงขาม

    มีเพียงเฟรย่าที่อยู่ข้างเขาเท่านั้นที่ดูสบายใจเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของอดีตมนุษย์ เธอได้รับการปลอบโยนจากเทพเจ้าที่ถูกเกลียดชังที่สุดในประวัติศาสตร์ เธอไม่ใส่ใจกับสายตามองผู้ทรยศจากเหล่าเทพองค์อื่น นี่คือการดูถูกที่ พระพุทธเจ้า เทอร์ร่าและอลายาทนได้จากการเป็นเทพเจ้าที่ถูกเกลียดที่สุดบนสวรรค์ เธอเต็มใจจะตามคนรักไปยังเส้นทางที่เปล่าเปลี่ยวซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์ยากและเหยียดหยาม เพราะทั้งๆที่มีทุกอย่าง....พวกเขาเป็นเทพเจ้า3องค์ที่ทำสิ่งที่พวกเขาต้องทำโดยไม่ลังเล และเฟรย่าก็สามารถเคารพและชื่นชมได้โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ ในทางกลับกัน เทพธิดาแห่งความรักมองไปยังราชาแห่งโยทันไฮม์ด้วยสีหน้าถามบนใบหน้าที่งดงามของเธอ ไม่เข้าใจว่าเจ้าชายแห่งกรุงทรอยที่แข็งแกร่งที่สุดหมายถึงอะไร

    "เจ้ากำลังพูดถึงอะไรเทอร์ร่า?"เฟรย่าถามอย่างหน้าด้านโดยไม่สนใจการตอบโต้ที่เทอร์ร่าสามารถจัดการกับเธอได้อย่างเฮสเทีย แต่เทพเจ้าองค์อื่นอาจเครียดเมื่อได้ยินคำพูดอันชั่วร้ายของเทพธิดาแห่งความรัก

    "พลังที่แท้จริงของราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งทวยเทพ เหตุผลที่เขาแข็งแกร่งมาก เขายังไม่ได้แสดงให้เห็น"เทอร์ร่าตอบอย่างเคร่งขรึม ถ้าเขาดูหมิ่น เขาก็ไม่ได้แสดง แต่ดูเหมือนเขาพูดกับตัวเองมากกว่าเธอ ราวกับมีบางอย่างทำให้เขากังวลในตอนนี้ ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ผ่อนคลายและทะลึ่ง เช่นเดียวกับการเพลิดเพลินปฏิกิริยาของทวยเทพที่ได้เห็นเทพเจ้าเมโสโปเตเมียถูกตีตื้น สูสีหรือเหนือกว่า

    อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เฟรย่าจะถามคนรักเพิ่มเติมเกี่ยวกับพลังที่ซ่อนอยู่ของเทพสูงสุด บางสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในสนามรบ มาร์ดุกถึงขีดจำกัดต่อหน้าทุกคน

    "พอได้แล้ว"เสียงของเทพบาบิโลน และด้วยการระเบิดสายฟ้าในพื้นที่ ทำให้สัตว์ร้ายของอลายาถอยจากเทพบาบิโลนหลายเมตร

    "ฉันเดาว่าฉันต้องใช้มัน"ชายผมขาวกล่าวไม่เห็นวิธีแก้ไขอื่นเมื่อเขาตระหนักถึงสถานการณ์ที่ตายแล้วในตอนนี้ หอกเริ่มปกคลุมด้วยแสงสีแดงเข้มข้น ทันใดนั้นเอมิยะพุ่งเข้าหาศัตรูด้วยความเร็วสูง แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็หยุดและโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายเมตรในท่าทีเหมือนการขว้างหอกเก โบลด์ต่อต้านกองทัพของคูฮูลินน์

    พวกเขาทั้งหมดประหลาดใจเมื่อหอกต้องสาปสะสมพลังเวทจำนวนมาก

    นั่นคือแก่นแท้ของสัตว์ร้ายแห่งอลายา นักฆ่าปริศนา

    และแล้ว...มันถูกนำไปใช้...หอกที่เพิ่มขึ้นกับความตายที่เลี่ยงไม่ได้

    คมหอกที่จะแทงทะลุหัวใจอย่างแน่นอน

    "เก โบลก์ อัลเทอร์เนทีฟ"

    หอกพุ่งออกไป มันเป็นพลังทำลายล้างที่ วิธีเดียวที่มาร์ดุกมองเห็นว่าจะเลี่ยงหอกต้องสาปคือการยิงหอกของเขาเอง ดังนั้นสายฟ้าสองลูกจึงพุ่งปะทะกัน อันหนึ่งเป็นสีน้ำเงินพุ่งขึ้นสู่ฟ้า อีกอันเป็นสีแดงพุ่งลงมาที่พื้น

    ทุกคนเฝ้าดูขณะศาสตราเทพทั้งสองปะทะกัน

    เกิดคลื่นกระแทกขนาดใหญ่บนเนินเขาแห่งดาบ โชคดีที่การต่อสู้ของศาสตราไม่ได้นาน หอกเก โบลด์ อัลเทอเนทีฟเอาชนะหอกศักดิ์สิทธิ์ของสุริยะเทพ หอกต้องสาปลอยไปในอากาศก่อนนักฆ่าปริศนาจะโบกมือและเก โบลก์พุ่งกลับไปอยู่ในที่ของเขาในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ของโลกจำลอง จุดสุดยอดของหอกทั้งมวลได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว น่าอัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ

    "มันจบแล้ว สิ่งที่เขาเผชิญความทุกข์ยาก เพราะไม่มีคนที่ไม่เคยรู้จักความพ่ายแพ้และผู้ไม่เคยแพ้มีอะไรที่สามารถหยุดเขาได้ในตอนนี้"ไฮม์ดัลอุทาน มีปฏิกิริยาจากผู้ชม

    "ไปต่อเลย"

    "จัดการเลย"กูดาโกะเชียร์ตื่นเต้น

    "ทำได้แล้วรุ่นพี่บีสต์"มาชูร้องด้วยความชื่นชม

    "ไม่...มาร์ดุก"เซฟานีร้อง

    นาบุยิ้มอย่างมีเลศนัย"พ่อดูไม่ดีเลย"

    "นี่มันไม่ควรเกิดขึ้น"เออาอุทานห่วงลูกชาย

    "กลืนเทพนั่นซะ!!!"

    ทวยเทพหันไปโจมตีคนโง่ที่กล้าพูดกับพวกเขาอย่างกล้าหาญและลงโทษเขา แต่ต้องแปลกใจที่เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครนอกจากกษัตริย์แห่งอุรุกที่มองลงมาที่เหล่าทวยเทพด้วยดวงตาสีแดงคมกริบและท่าทางพึงพอใจ

    "จงดูพลังของมนุษย์ชาติ แม้จะน่าเสียดายที่เป็นฝีมือของเฟคเกอร์...แต่มองด้วยดวงตาเทพของพวกเจ้า หนึ่งในดาวที่สว่างไหวของมนุษย์ชาติ"
     

    สวรรค์ถูกตบหน้าอีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่ครึ่งเทพกิลกาเมซกล่าวถึง ไม่ว่ามีบททดสอบหรือความท้าทายมากน้อยเพียงใดหรือสถานการณ์จะเลวร้ายและเป็นไปไม่ได้แค่ไหน....มนุษย์ชาติจะดิ้นรนเพื่อเอาชนะไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

    แต่นั่นไม่สำคัญแม้แต่น้อยสำหรับเทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมีย ผู้ไม่ให้ความสำคัญกับคำวิจารย์ของผู้ชมในโคลอสเซียม พุ่งทะยานเข้าหามนุษย์ คทาสีดำและทองในมือพร้อมจะขยี้บีสต์โฟร์ นัยน์ตาเขาถูกแทนที่ด้วยสีดำแห่งความเสื่อมและความตาย

    ภัยพิบัติที่ทำให้เกิดความตาย

    "เมสลามเตอา"

    "น่าประทับใจ! ไม่สนอะไรอีกแล้ว สุริยะเทพใช้โนเบิลแฟนทาสม์กับบีสต์ของอลายา"

    "ชิโร่!!!"

    "เอมิยะคุง!!!"

    "รุ่นพี่ค่ะ!!!"

    "เอมิยะซัง!!!"

    "รุ่นพี่บีสต์!!!"

    "โฟว!!!"

    พวกเขาล้วนตะโกนด้วยความห่วงสวัสดิภาพของบีสต์โฟร์ แต่ดูเหมือนเขาสงบนิ่งต่อการโจมตีของเทพเจ้าบาบิโลนเพียงแค่รอให้เข้ามาหา จากนั้นเมื่อค้อนเหวี่ยงใส่มนุษย์ เอมิยะก็ตั้งท่าคล้ายกับเขา ไม่สิ มันเหมือนกันเปี๊ยบ และในมือเปล่าเขาปรากฏค้อนสีดำและทองของเทพเจ้าสูงสุกแห่งเมโสโปเตเมียซึ่งทำให้ทุกคนในโคลอสเซียมตกตะลึง

    สำเนาที่งดงาม...เขาขโมยอาวุธของเหล่าทวยเทพเพื่อใช้กับสวรรค์

    ภัยพิบัติที่ทำให้เกิดความตาย

    "เมสลามเตอา!!"

    ค้อนทั้งสองพุ่งชนปะทะพลังกัน ศาสตราทั้งสองเหมือนกัน ทำให้ผู้ใช้ต้องวัดกำลังกายเพื่อเอาชนะกันและกัน จนกระทั่ง....ผู้หนึ่งเป็นฝ่ายมีชัย

    มาร์ดุกมองด้วยความตกใจขณะกระบองคู่ใจของเขาซึ่งได้บดขยี้กะโหลกและกระดูกของเทียแมทในสมัยก่อนแตกเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่สำเนาอาวุธของเขาในมือคู่ต่อสู้ได้ทำลายมันโดยไม่มีรอยขีดข่วนระหว่างปะทะกัน

    "และเขาทำได้ สัตว์ร้ายแห่งอลายาไม่ท้อถอยเลย ไม่ว่าใครจะท้าทายเขา เขาได้รับชัยชนะเสมอ"ไฮม์ดัลอุทาน

    "ดีมากชิโร่"

    "สู้ต่อไปชิโร่คุง"

    "รุ่นพี่ค่ะ"

    "ชิโร่ นายทำได้"

    "เชโร่!!!"

    เสียงโหยหวนด้วยความตื่นเต้นและแรงเชียร์จากมนุษย์ชาติและเทพเจ้าบางองค์เริ่มดังก้องไปทั่วโคลอสเซียม ขณะที่เทพเจ้าส่วนใหญ่วิตกกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับมาร์ดุก เขาควรเป็นเทพเจ้าที่ทรงพลังที่สุดในหมู่เทพ....แต่ถึงกระนั้น....เขาด้อยกว่ามนุษย์

    อย่างไรก็ตาม เสียงร้องของผู้ชมไม่เป็นอุปสรรคสำหรับสุริยะเทพที่จะได้ยินสิ่งที่บีสต์โฟร์พูด

    "นายรู้ไหม? มันอาจเป็นสำเนา....แต่ไม่มีใครบอกว่าของเลียนแบบไม่สามารถเหนือกว่าของจริงได้"ชิโร่พูดพลางมองคู่ต่อสู้อย่างจริงจัง"นายใช้อำนาจสูงสุดของนายเพื่อใช้พลังของเทพเจ้าองค์อื่นๆ ฉันใช้UBWของฉันซึ่งเก็บสะสมอาวุธทั้งหมด ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีประวัติและประสบการณ์ของผู้ถืออาวุธเหล่านั้น พลังของฉันไม่ได้มาจากกำลังที่ท่วมท้น แต่มาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา กับมัน....ฉันจะลบนายออกจากโลกของฉัน"

    ทันใดนั้นเขากวางสีน้ำเงินที่มีเอฟเฟกเปลวไฟก็ปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของหัวของบีสต์โฟร์ มันคือมงกุฎของสัตว์ ซึ่งเป็นตัวแทนของเขา....สัตว์เดรัจฉาน

    อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของมนุษย์ชาติ ดวงตาแห่งจิต(จริง)เกิดเป็น

    ปัญญาของมนุษย์ชาติ : EX

    “โฟว”โฟร์ร้อง ดวงตาเขาสะท้อนถึงพลังเก่าของเขา สัตว์ร้ายของไกอา 

    “โอ้”มาชูกระซิบมองสัตว์ร้ายแห่งอลายาด้วยความสนใจราวกับมีบางอย่างเรียกหาเขา ริทสึกะ กูดาโกะ โซโลมอน ดาวินชี่ และกอร์ดอล์ฟมองไปที่มาชูสับสนกับการกระทำของหญิงสาว ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีทองแต่เพียงแค่เสี้ยววิเท่านั้น

    แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ถูกมองข้ามโดยอัลเคว, อาโอโกะ , เซลเรซ และอลายา

    “มันไม่ใช่ของเลียนแบบ”อาเธอร์เรียพูดด้วยรอยยิ้ม”เราถูกเผาด้วยจิตวิญญาณของเขาอย่างแท้จริง”

    คูฮูลินน์ยิ้มดุเดือด”การรวมตัวของนักรบต่างๆ”

    “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดินแดนแห่งดาบได้ก้าวข้ามอาณาจักรแห่งมนุษย์ชาติและก้าวไปไกลกว่า”เฮอร์คิวลิสแสดงความเห็นอย่างภูมิใจ

    “นั่นคือสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์สัตว์ร้ายของอลายาที่นักฆ่าปริศนา…นั่นคือแรงจริงที่อยู่เบื้องหลังเนินเขาดาบ มันเป็นแสงไร้ที่สิ้นสุดที่โชกช่วงนิรันดร”ไฮม์ดัลอุทานด้วยรอยยิ้มกว้าง หลังจากสังเกตเขามาตลอดจนถึงตอนนี้ เขาเข้าใจพลังของสัตว์ร้ายแล้ว พลังของมนุษย์ชาติ

    1ใน3พลังของมนุษย์ชาติ วิวัฒนาการณ์ ปรับตัวและประสบการณ์อ อีวานนำการวิวัฒนาการมาปรับให้เข้ากับการต่อสู้ โดยไม่สนใจประสบการณ์ก่อนหน้าเนื่องจากธรรมชาติของจักรพรรดิสายฟ้า ซิกใช้การปรับตัวเพื่อพัฒนาต่อเนื่องจากต้นกำเนิดของเขาและความขัดแย้งที่ที่เขาร่วมคือมหาสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ ทำให้มังกรที่โดดเดี่ยวไม่มีประสบการณ์เพียงพอจะชนะเทพเจ้าได้โดยไม่พึ่งพาจอกศักดิ์สิทธิ์ที่เขาปกป้อง ในทางกลับกัน…ในโลกดาบอนันต์ซึ่งวิญญาณ เรื่องราวของอาวุธแต่ละชนิดบรรจบกันเป็นเสียงเดียว

    “ไม่ว่าแกจะทำอะไร นายกำลังเผชิญกับ7ล้าน ไม่สิ ประสบการณ์สะสมกว่าพันล้านปีของมนุษย์ชาติ”

    “เบล มาร์ดุก”

    ขวานยิ่งใหญ่ของอำนาจสูงสุด

    ขวานมหึมาตกลงมาจากฟากฟ้าแบ่งสวรรค์และโลกเพื่อขยี้มนุษย์ชาติด้วยอำนาจสูงสุด เทพเจ้าบางองค์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเมโสโปเตเมียและบรรดาผู้สืบทอดอำนาจของมาร์ดุกก็สั่นเมื่อเห็นขวานสงครามอันยิ่งใหญ่ของเทพเจ้า โดยเฉพาะเควซซาโคลด์ที่ขมวดคิ้ว จำได้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะและใช้อาวุธนั้นในบาบิโลเนีย เทพธิดาเม็กซิกันเกรงว่าการโจมตีครั้งนี้สามารถแบ่งโลกจำลองของตัวแทนที่3ของมนุษย์ชาติออก

    แต่…

    “อัศจรรย์! แม้จะมีการโจมตีน่าตกใจจากราชันแห่งทวยเทพ แต่จอมเวทก็ไม่ได้สนใจ”ไฮม์ดัลม์ประกาศอย่างตื่นเต้น

    อย่างที่พิธีกรบอก เอมิยะ ชิโร่ไม่ได้สนใจและเผชิญหน้ากับภัยพิบัติโดยตรงโดยไม่ลังเล ในมือซ้ายปรากฏคันธนูสีดำ

    ธนูมีลูกธนูที่ส่องสว่างกว่าดวงอาทิตย์ แต่ยังบรรจุเรื่องราวของอาวุธบางอย่างเพื่อทำให้เป็น…จุดสุดยอดของธนูทั้งหมด

    ทักษะการยิงร้อยหัว

    ลูกศรสังหารผู้กล้าตามคำสัญญา

    ลูกศรทะลวงฟ้า

    เฮอร์คิวลิส , ปารีส  และโอริออน เบิกตากว้างเมื่อพวกเขาจำเงาที่อยู่ข้างหลังความชั่วร้ายของมนุษยชาติ เพื่อสร้างธนูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ มือธนูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งพื้นพิภพและสวรรค์ ความแข็งแกร่งของมือธนูที่เก่งที่สุดของมนุษย์ชาติ

    “ยิงเลย”นักธนูที่เก่งที่สุดทั้งสามของกรีกโบราณตะโกนพร้อมกัน

    “…เก้าชีวิต…เห็นดาวโอทริส”

    ลูกศรแห่งคำสัญญา

    “เบรคเวิร์ค”

    พันดาวแห่งโลนลี่ฮิลด์

    ลูกศรถูกยิงจากคันธนูของนักฆ่าปริศนา แล้วแยกออกเป็นศรนับพันทะยานผ่านท้องฟ้าโลกจำลอง มันทิ่มแทงขวานยักษ์เมโสโปเตเมียที่จุดอ่อนของมัน มันทำให้มันปริแตกและสลายไปในพริบตา

    “ไม่เลว”บีสต์โฟร์ยิ้มเล็กน้อย คันธนูเขาหักหลังจากยิงเนื่องจากทนรับแรงเสียกทานไม่ไหว แต่มันก็ทำหน้าที่ของมันแล้ว ในทางกลับกัน รอยร้าวก่อตัวขึ้นบนร่างกายของวีรชนแห่งเหล็กมากขึ้น

    ศักยภาพของมนุษย์ได้ทะลุอำนาจของเทพเจ้าอีกครั้ง

    “ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์! เทพเจ้าสูงสุดมาร์ดุกผู้ทรงอำนาจได้ตกเป็นรองในทุกด้าน”ไฮม์ดัลม์ประกาศด้วยรอยยิ้ม

    มาร์ดุกไม่ได้พูดอะไรมาก วิสัยทัศน์เขาถูกบดบัง แต่สังเกตว่าเขามีเลือดออกจากบาดแผลมากมายและการหายใจของเขาผิดปกติ ภาพของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ผู้ยิ่งใหญ่กล่าวเพียงยืนยันคำพูดของการดำรงอยู่สูงสุด

    “มาร์ดุก อย่า”เซฟานีร้องไห้เสียใจเมื่อสามีเธออยู่ในสภาพอนาถ

    “เขาล้อเล่นรึไง”เซธพึมพำ

    “เบล มาร์ดุกอยู่ในสภาพนี้”ไกอาพูดอย่างไม่สบายใจ

    “ด้วยฝีมือมนุษย์”วิษณุพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด

    เช่นเดียวกับการต่อสู้ครั้งก่อนๆ

    “เหลือเชื่อจริงๆ”

    “เรายังชนะได้ รุ่นพี่”มาชูพูดมีกำลังใจ

    ความหวังกลับสู่มนุษย์ชาติ

    “มาเลยๆ คราวนี้แหละ”กูดาโกะพูดราวกับมนตร์สะกด

    ครั้งนี้จะเป็นชัยชนะของมนุษย์ชาติหรือไม่

    “เอาเลยเอมิยะ ชิโร่”

    “เราหวังพึ่งนาย”

    “ชีวิตเราอยู่ในมือนาย”

    “ฆ่าเทพเจ้า”

    “อา…”มาร์ดุกถอนหายใจอย่างฉุนเฉียว ทำให้วีรชนแห่งเหล็กเฝ้าระวัง”ข้าคิดว่าหลายปีที่ผ่านมาข้าฝีมืออ่อนลงเพราะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ให้ข้าได้ และข้าไม่คิดว่าต้องเผชิญกับศัตรูที่ทัดเทียมกัน”ดวงตาข้างเดียวของเทพเจ้าเพ่งมองมนุษย์เบื้องหน้า ดวงตาที่บาดเจ็บมีเปลวไฟสีม่วง”แม้เจ้าจะเหมือนมนุษย์มากขึ้นแต่ก็ยังเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน…และข้าจะปฎิบัติต่อเจ้าเช่นสัตว์เดรัจฉาน”ราชาผู้ยิ่งใหญ่ยกมือขึ้นสู่สวรรค์และกล่าวนำหายนะลงมาสู่โลก”เทียแมท”

    ในวินาทีที่ความคิดนั้นแล่บเข้ามาในหัวของพวกเขา…ความหวังของมวลมนุษย์

    “ดาบแห่งเจเนซิส”

    ก็ได้ถูกดับลงอีกครั้ง ด้วยน้ำมือของทวยเทพ

    “อั๊ก!!!”เอมิยะกระอักเลือดจำนวนมากจากปากขณะที่แตกเริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าของโลกดาบอนันต์

    “ชิโร่!!”เสียงอุทานดังขึ้น คนคนนั้นเริ่มไออย่างรุนแรง ชาวผมขาวปิดปากมองอย่างตกตะลึงกับการโจมตีของเทพเจ้า

    “แค่กๆ”มาชูเริ่มอาเจียนเป็นเลือด ทำให้คนใกล้ชิดตกใจ ตอนแรกเธอดูสบายดี ตอนนี้…เธอเหมือนคนใกล้ตาย เลือดเริ่มไหลจากจมูกและหูของเธอ แม้แต่น้ำตาก็ไหลเป็นสายเลือด

    “มาชู”ชาวคาลเดียตกใจเมื่อเห็นสภาพเธอ

    ริทสึกะจับเธอไว้ในอ้อมแขนและพยายามคุยกับเธอ แต่หญิงสาวพูดพึมพำเท่านั้นพลางกระอักเลือด

    “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”กูดาโกะร้อง เธอเสียมาชูไปครั้งหนึ่ง ไม่อยากเสียเธอไปอีก

    โซโลมอน ดาวินชี่และเมอร์ลินวิเคราะห์และรู้คำตอบ

    “เธอ…เธอเกี่ยวพันกับบีสต์โฟร์ แคทพาสช่วยเธอไว้เช่นเดียวกับเอมิยะ ดังนั้นชีวิตพวกเขาจึงเชื่อมโยงกัน แต่การโจมตีนั้น มันส่งผลไปถึงวิญญาณ มันจึงส่งผลถึงมาชู”โซโลมอนอธิบาย

    “หมายความว่า…แคท พาลัส”เมอร์ลินพึมพำ

    กูดาโกะหันไปสนใจโฟร์….ซึ่งอยู่ในสภาพคล้ายกันพ่นเลือดออกจากปากและกลิ้งไปมาบนพื้นขณะครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ก่อนที่มาสเตอร์คาลเดียผมส้มจะทำอะไรได้

    "โอ้? เห็นชัดว่าเจ้าไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้"ซุสมองไปที่สัตว์อสูรแห่งความโกลาหลอย่างเยาะเย้ย จากนั้นพื้นดินใต้เท้าแตกทำให้เกิดเสียงร้องจากผู้ชม

    คางุสึจิยิ้มอย่างชั่วร้าย"นี่คือความท้าทายที่แท้จริงที่มนุษย์ชาติจะได้รับในการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่า"

    "อึก..."วีรบุรุษแห่งเหล็กคร้ำครวญคุกเข่ากับพื้นหญ้าเฝ้าดูเบล มาร์ดุกขึ้นสู่ท้องฟ้า เลือดไหลออกจากตาและจมูกเขาเหมือนมาชู

    จิตใจที่บิดเบี้ยว

    ตัวปลอม

    เจตจำนงแห่งเหล็ก

    เลือดแห่งไฟของเขา

    วิญญาณของเขาเปล่งประกายราวกับเหล็กขัดเงากับดาบ

    ดังนั้น...

    มนุษย์และเทพเจ้ารู้สึกได้ถึงบางอย่างตามสัญชาตญาณ บางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงในอากาศ

    ”มันมาแล้ว”มาร์ดุกกล่าว

    แม้เป็นเพียงสัญชาตญาณ แต่ทุกคนสัมผัสได้ว่าโลกกำลังเคลื่อนที่ยังไง ไม่ ดาวเคราะห์ทุกดวงเรียงแถวหลีกทางให้กับ

    อัลเควตัวสั่นด้วยความกลัว”อำนาจของเขา….ไปถึงอวกาศ”

    “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมา อมากาลู มาหาข้าสิ”มาร์ดุกกางแขนออก ดวงอาทิตย์เปิดเผยให้เห็น

    จากนั้น…เขาลงมายังโลก…เหมือนความทุกข์ยากบนสวรรค์

    ราวกับมันเป็นอุกกาบาต อันลูซู อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาลของเบล มาร์ดุกได้ปรากฏขึ้น อาวุธอันยิ่งใหญ่ที่ทำลายเทียแมท

    และเป็น…

    “แค่ด้ามจับ?”อาโอโกะพูด ไม่เชื่อว่านั้นคือรูปร่างที่แท้จริงของอาวุธ

    แท้ที่จริงแล้วอันซูลูเป็นอาวุธทื่อ มีด้ามเพียงด้านเดียว 

    “อ๊าก…”บีสต์โฟร์ร้อง ดวงตาของเขาเริ่มมีสีเลือดออกมากขึ้นหลังเห็นด้ามจับของอันซูลู”สิ่งนั้น…มันแย่ยิ่งกว่าเออา อย่างน้อยฉันก็วิเคราะห์เออาได้ครึ่งหนึ่ง…แต่สิ่งนั้น…โครงสร้างมัน…”

    “ทำลาย สร้าง ฟื้นฟู ทำลายใหม่และสร้างใหม่อีกครั้ง วัฏจักรอันไร้ที่สิ้นสุด อาวุธที่นำกฏแห่งจักรวาลโจมตีด้วยความโกลาหล”มาร์ดุกอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม”จงดีใจที่ได้ตายด้วยอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า”

    ลมสีม่วงก็เริ่มปกคลุมด้ามอันซูลู พลังทั้งหมดในจักรวาลกลายเป็นคมดาบ

    “สถานการณ์พลิกกลับแล้ว นี่แสดงถึงพลังที่แท้จริงของเทพเจ้าสูงสุดของเหล่าเทพ สุดยอดอาวุธแห่งการรังสรรค์”ไฮม์ดัลประกาศ

    “โฟร์”สัตว์น้อยร้องครางเบาๆ

    “ที่รัก ชนะ!”เซฟานีร้องเชียร์

    “ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่งมนุษย์”มาร์ดุกพูดอย่างเมตตา”ยอมแพ้และเจ้าจะมีชีวิต…”

    “ชิโร่”อาเธอร์เรียตะโกนเสียงอ้อนวอนให้เขาหยุดและกลับบ้าน

    แต่…

    เขาเหลือบมองเธอและยิ้มเศร้า…ฉันขอโทษ

    ร่างกายที่เสียหายของนักฆ่าปริศนาลุกขึ้นอีกครั้ง

    “ฉันขอโทษจริงๆ แต่…นี่เป็นเส้นทางเดียวของฉัน”ชิโร่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับหลับตาและยื่นมือไปยังดาบเล่มหนึ่ง

    “โอ้…”ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มผู้ชมกล่าว


    เทอร์ร่ามองประกายแสงเกือบจะโหยหา เฟรย่าที่อยู่ข้างๆสังเกตเห็นแต่ไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งกาลเวลาจะขัดแย้งกันในตอนนี้ และเธอไม่อยากให้เขาลำบากขึ้น

    ผู้ชมที่เหลือต่างเฝ้ามองด้วยความตกตะลึง ทุ่งหญ้ากว้างของโลกจำลอง ไม่สิ อนุภาคแสงสีทองเริ่มปรากฏขึ้นในดินแดนแห่งทวยเทพ เหมือนหิงห้อยในอากาศด้วยดาบในมือบีสต์โฟว์

    "มัน...สวย"อิสทาร์พึมพำหลงใหลในความงามและโหยหามัน

    "ใช่"เอเรซติกัลกล่าว เธอมีความคิดจะเปลี่ยนยมโลกให้มีสิ่งที่คล้ายกันเพื่อให้วิญญาณของผู้ตายมีความสุขมากขึ้น

    แสงทรงกลมเริ่มบรรจบเข้ากับดาบหมุนรอบใบมีด

    เฮอร์คิวลิสหลับตา เขาจำดาบในมือความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติได้ มันเป็นดาบที่นำความสงบมาสู่วีรบุรุษกรีกผู้ซึ่งได้กระทำบาปมามากมายในชีวิต

    เมเดียสังเกตเห็นท่าทางของสหายอาร์โกนอทช์ และเอื้อมมือไปจับแขนของเขา มหาวีรชนแห่งกรีกมองแม่มดแห่งการทรยศอย่างประหลาดใจกับการแสดงความเห็นใจของเธอ แต่ยิ้มเล็กน้อย แม่มดแห่งโคคิสเห็นใจสิ่งที่บุตรแห่งซุสกำลังเผชิญ....แสงจากดาบเตือนเธอถึงความทรงจำที่มีความสุข2-3อย่างในชีวิต

    ช่างเป็นดาบที่โหดร้าย...และมีเมตตาในเวลาเดียวกัน

    บนท้องฟ้า มาร์ดุกไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้น

    "หืม เจ้าเลือกเส้นทางแห่งความตายแล้ว..."มาร์ดุกถอนหายใจ"ถ้าเช่นนั้น..."

    เขากางมือออกและตัวดาบอัลซูลูของเขาก็หมุน

    "ตอนนี้จงพินาศไปพร้อมกับมนุษย์ชาติ บีสต์...ไม่สิ เอมิยะ ชิโร่!!!"การแสดงความเคารพเล็กน้อยต่อศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด...และเขาก็โจมตี

    คลื่นสีม่วงรุนแรงกระจายออกมาจากดาบสว่าน

    "เอนูม่า เอลิซ!!!"

    พลังแห่งความโกลาหลพุ่งลงมาเพื่อกวาดล้างทุกสรรพสิ่ง

    มนุษย์ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ

    "เอ็กซ์คาลิเบอร์!!!"

    ลำแสงสีทองพุ่งผ่านท้องฟ้าที่แตกสลายของโลกจำลองปะทะกับการโจมตีของมาร์ดุก

    ผลลัพย์นั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้

    มาร์ดุกชนะ

    "แม้จะมีพลังของเอ็กซ์คาลิเบอร์ พลังของอันซูลูนั้นเหนือกว่าดาบพันธะสัญญาแห่งชัยชนะ"ไฮม์ดัลม์ตะโกนด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น

    ลมหมุนแห่งการทำลายล้างเริ่มกลืนแสงสีทองอย่างช้าๆมาร์ดุกจ้องไปยังความพยายามไร้ประโยชน์ของคู่ต่อสู้ ซึ่งยิ้มให้กับตัวเองขณะร่างกายเริ่มแตกสลาย อีกไม่นานเขาจะตาย

    “ฉันมาไกลถึงขนาดนี้”เอมิยะ ชิโร่คิดขณะพลังของมาร์ดุกเข้ากลืนกืนแสงจากเอ็กซ์คาลิเบอร์”นี่คือจุดจบ…สุดท้าย…มันเป็นความฝันงี่เง่า”

    “ชิโร่”อาเธอร์เรียอุทานตกใจ

    “เอมิยะคุง”รินตะโกนมีเสียงสะอื้น

    “ไอ้หนู”คูฮูลินน์ตะโกนเดือดดาลโวยวาย

    “ชิโร่”เมดูซ่าเอาหางปิดตา

    “เฟคเกอร์”กิลกาเมซตะโกนอย่างโกรธจัดเมื่อความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติยอมแพ้อย่างง่ายดาย

    อย่างไรก็ตามไม่มีเสียงใดไปถึงสัตว์ร้ายของอลายา…ไม่มีคำพูดใดไปถึงขุมนรกที่ชิโร่อยู่

    มีแต่ต้องพึ่งปฎิหาริย์

    ขณะที่ชายหนุ่มตัดใจยอมแพ้ มองขึ้นไปเห็นหญิงสาวผมดำ ตาสีทองเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ ผิวสีซีดและชุดสีดำกับสีทองแดง ชิโร่ถอนหายใจเมื่อจำเธอได้”มิยุ”

    “พี่ชาย”มิยุตะโกนปลุกความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติจากการหลับไหล

    แต่ก่อนที่เขานะทันได้ตอบ มือหนึ่งเข้ามาคว้าแขนเขา เป็นหญิงสาวผมขาว ผิวซีดพอๆกับมิยุ ชุดก็คล้ายกัน แต่มีสีขาวประดับด้วยสีทอง

    “อิลิยา”

    “งี่เง่า”อิลิยาตะโกนทำลายแก้วหูชายหนุ่มที่น่าสงสาร

    ตอนนี้ชิโร่หงุดหงิดเล็กน้อย เขากำลังจะตาย แล้วพวกเธอก็โผล่มาฆ่าเขาด้วยเสียงกรีดร้อง วันนี้มันบ้าอะไรกัน

    แต่แขนที่โอบกอดเขาไว้จากด้านหลังดึงความสนใจเขา เมื่อมองข้ามไหล่ เขาต้องประหลาดใจที่เห็นซากุระสวมชุดสีขาวลายสีแดง

    “รุ่นพี่”

    ทุกคนอยากจะบอกเขาบางอย่าง

    “เราอยากพูดผ่านกะโหลกหนาๆของคุณ คุณต้อง…สู้ต่อไป”

    “ย๊ากกก!!!”เอมิยะ ตะโกนออกมาจากโลกแห่งความฝันทำให้ทุกคนประหลาดใจ โดยเฉพาะมาร์ดุกที่เชื่อไปชั่วขณะว่าความชั่วร้ายของมนุษย์ชาติตายแล้ว

    “ปิดทริกเกอร์”ข้อจำกัดของมันถูกลบออก นักฆ่ายกเอ็กซ์คาลิเบอร์ขึ้นสูงด้วยมือขวา ขณะมือซ้ายวางไว้ตรงกลางหน้าอก เขาต้องก้าวข้ามขอบเขตของมนุษย์

    สิ่งสำคัญคือ…เพื่อเอาสิ่งเดียวที่รอดชีวิตจากร่างเดิมของเขาออกไป วิญญาณที่น่าสมเพช…มันคือ…

    จินตภาพในภาพลวงตา

    “นั่นมันอะไรน่ะครับ”ฮัลไดม์ตะโกน

    ฝักดาบสีทองที่เคลือบด้วยสีน้ำเงิน ความงามของมันไม่ได้ด้อยกว่าเอ็กซ์คาลิเบอร์

    จากนั้นชิโร่หยุดการโจมตีของเขานำดาบกลับเข้าไปในฝักดาบหลังห่างกันมานับพันปี

    เนินเขาอวาลอน

    ยูโทเปียร์บนเนินเขาอันห่างไกล


    สายลมพุ่งลงมาที่ตัวแทนคนที่3ของมนุษย์ชาติ ทำให้เกิดคลื่นกระแทกครั้งใหญ่พร้อมกับแสงจ้าทำให้พวกเขาตาบอด

    เมื่อภาพชัดขึ้น มาร์ดุกอยู่บนท้องฟ้ามองลงมาด้วยสีหน้าไม่เชื่อ สิ่งที่เขาเห็นคือเอมิยะ ชิโร่คุกเข่าได้รับบาดเจ็บแต่ยังมีชีวิตอยู่ ที่สำคัญคือบนศีรษะเขา มงกุฎแห่งสัตว์เดรัจฉานแตกแล้ว แต่ที่แย่ที่สุดคือ

    “อวาลอน…แตกแล้ว”คางุสึจิพูดอย่างตกตะลึงเหมือนคนอื่นๆ โนเบิลแฟนทาสม์ที่มีพลังปกป้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก…ถูกทำลายแล้ว

    เนื่องจากคุณสมบัติอันซูลูและเอนูม่าเอลิชของเขาสามารถทำลายเทียแมทที่เป็นอมตะ มันทำเช่นเดียวกันกับอวาลอน แต่สิ่งที่เทพเจ้าสูงสุดแห่งเมโสโปเตเมียแปลกใจคือวีรชนแห่งเหล็กไม่เป็นอันตราย

    พูดได้ว่าไม่เป็นอันตราย แต่ก็ตายทั้งเป็น ดังนั้นเขาจะมอบความตายให้อย่างรวดเร็ว

    “ตาย”

    “นักฆ่าปริศนาสูญเสียพลังของเขาในฐานะสัตว์ร้ายเพื่อรอดชีวิตจากการโจมตีของเบล มาร์ดุก แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะเขาสู้ต่อไม่ได้”ฮัมไดม์ประกาศทำให้ผู้คนสิ้นหวังอีกครั้ง

    แต่ไม่มีใครรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในใจชายคนที่ไม่อยากให้ใครต้องเสียน้ำตา

    @@@@@@@@@@

    เส้นทางของฉันเริ่มด้วยความปรารถนา

    ร่างกายของเขาถูกไฟไหม้เหมือนโดนเผาทั้งเป็น แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ความรู้สึกเมื่อนานมาแล้ว

    อา ตอนนี้ฉันจำได้แล้ว…มันทำให้นึกถึงคืนนั้น

    เมื่อเขารอดชีวิตจากบางอย่างที่อธิบายได้ว่าเป็นนรกบนดิน

    เขาเดินผ่านถนนในเมืองที่ตกอยู่ในกองเพลิง มีเสียงอ้อนวอนให้ช่วยพวกเขา แต่เขาเดินผ่านโดยไม่สนใจใคร

    เขาช่วยใครไม่ได้

    เขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้

    เขาไม่คาดฝันว่าจะรอดชีวิตในคืนนั้น สิ่งที่เขาทำได้คือก้าวต่อไป เพียงเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหน่อยเพื่อจากไปพร้อมผู้ที่ตนล้มเหลวจะช่วย

    นั่นคือทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้

    ในขณะที่ความมีเหตุผลของเขารู้สึกว่าเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ เขาควรพยายามมีชีวิตต่อไปอีกหน่อย เมื่อเขาอยู่ต่อไม่ได้ เขาก็ตาย

    ในตอนแรกเขาไม่หวังจะมีชีวิตรอด

    และยัง

    ช่วยบางอย่าง

    ยกเว้นสาวผู้หลงทาง

    ด้วยข้อเท็จจริงนี่ เขาสามารถตายได้อย่างมีความสุข อย่างไรก็ตาม

    ฉันรอด

    จนถึงวันนี้เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเขายังมีชีวิตอยู่หลังผ่านทุกอย่าง

    มิยุช่วยเขาไว้ ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ?

    อิลิยาช่วยเขาไว้ ทำไมเขาถึงรอดเมื่อปล่อยให้คนมากมายต้องตาย? 

    คิริทซึงุช่วยเขาไว้ ทำไมคนบาปอย่างเอมิยะ ชิโร่ถึงมีชีวิตรอดจากกองเพลิงนั้น

    ฉันไม่รู้และอาจไม่มีวันรู้ แต่ยังไงนั้นไม่สำคัญ

    เพราะเขาเห็นบางอย่างในคืนนั้น ความทรงจำ ความทรงจำเดียวนอกจากทะเลเพลิง ใบหน้ายิ้มแย้มของชายที่ช่วยเขาไว้ แม้ชิโร่จะช่วยชีวิตเขาด้วยก็ตาม ตอนนั้นเขาอยากรู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร

    ได้ยินไหม

    รองเท้าบู๊ทสีดำปรากฏขึ้นในมุมมองของชายผมขาว ในตอนนั้นเองเขาตระหนักได้ว่ากำลังนอนอยู่บนพื้น แม้การขยับตัวจะเจ็บ เขาหันศีรษะพอจะเงยหน้ามองได้

    เขาดูแตกต่างไปจากเดิมมาก มีเพียงเสื้อเชิ้ตและกางเกงดำเท่านั้น เสื้อคลุมสีแดงของเขาไม่มีให้เห็น ดวงตาสีเหล็กเทาจ้องมาที่เขา

    “นายบอกจะตามฉันให้ทัน แต่รู้ไหมว่าเส้นทางนี่จะพานายไปสู่ขุมนรก?“

    เขาพูดถูก นี่คือนรก

    ร่างกายของเขาถูกไฟไหม้ คอของเขาเจ็บ ตาของเขาไหม้

    แต่ก็ยัง

    “ฉันรู้อาเชอร์”ดวงตาเอมิยะปิดลงครู่หนึ่ง มันเป็นความเจ็บปวดที่จินตนาการไม่ได้”ฉันรู้ดี”แผลไฟไหม้ของเขาเริ่มลุกไหม้ ร่างกายของเขาเกร๊งเพื่อต่อต้านเมื่อเขาเอามือแตะหน้าผากและเริ่มลุกขึ้นพูดกับเคาเตอร์การ์เดี้ยน”แต่มีบางอย่างที่ฉันต้องทำก่อน…ยังมีคนอยู่ในนรกนั้น…ขอให้ช่วย”

    ขาของเขาแทบจะรองรับไม่ได้ มันสั่นมากแทบจะล้มลงได้ทุกวินาทีแต่ยังยืนได้

    “แม้ไม่มีเหตุผลเป็นพิเศษว่าทำไมฉันถึงรอดในวันนั้น อย่างน้อยก็ทำให้ฉันแน่ใจว่าไม่มีใครต้องเจอกับนรกเหมือนที่เราเคยผ่านมา มิยุ คิริทซึงุ นายและฉันอีก”เขาเดินโซเซแต่มั่นคงไปข้างหน้า”ฉันตัดสินใจว่านั่นคือเหตุผลที่ฉัน…เหตุผลที่เอมิยะ ชิโร่รอดชีวิตมาได้ เพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น

    วีรชนแห่งเหล็ก ตัวแทนคนที่3ของมนุษย์ชาติก้าวไปข้างหน้า เกือบจะสะดุดขาตัวเอง

    “แม้ว่าจะใช้ชีวิตเหมือนเครื่องจักร”

    “นายเข้าใจผิด”เขาเดินต่อไปจดจ่ออยู่กับการไม่ให้ตัวเองล้ม”ฉันไม่เพียงจะช่วยพวกเขา ฉันสัญญาแล้วใช่ไหม ฉันจะหาหนทางที่ต่างออกไป ฉันจะรอดชีวิต ฉันจะทำให้แน่ใจว่าเราทุกคนออกจากนรกนี้ไปด้วยกัน”

    ฉันไม่ได้หันกลับไปหลังพูดคำเหล่านั้น

    บางครั้งฉันก็สงสัยว่า…เขามีสีหน้ายังไงเมื่อฉันพูดอย่างนั้น

    แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไร

    นี่เป็นวิธีเดียวของฉัน

    ดังนั้น…

    @@@@@@@@@

    “ฉันจะชนะ ฉันจะมีชีวิตรอด”

    เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความปรารถนา คนที่ควรตายอย่างนักฆ่าปริศนากลับมาสู้ต่อ

    มาร์ดุกเบิกตาประหลาดใจกับข้อเท็จจริงนั้น เทพองค์อื่นๆและมนุษย์ต่างตกตะลึง

    “เป็นไปไม่ได้”

    ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกน

    ในจิตใจมนุษย์ชาติที่สิ้นหวังก็เริ่มมีประกายแสงอีกครั้ง

    นี่ยังไม่ใช่จุดจบของวีรชนแห่งเหล็ก, เคาเตอร์การ์เดี้ยน, นักฆ่าลึกลับ

    เอมิยะ ชิโร่จะชนะ

    จะช่วยพวกเขาทั้งหมด

    ในตอนนี้ดาบของมนุษย์ชาติ

    เหนือกว่าเทพเจ้าทั้งหมด

    ผู้หญิงในกลุ่มผู้ชมยิ้ม”ในที่สุดคุณมีค่ามากกว่า…พระเจ้าผู้ใช้พลังของคนของตน ไม่มีใครบอกว่าข้าไม่สามารถให้พลังแก่วีรชนได้”ผู้หญิงตนนึงลุกขึ้นและยกแขน”อาณาจักรแห่งภูติขอมอบพลังให้เจ้า เอมิยะ ชิโร่”

    นี่คือคำสั่งของวิเวียนแห่งทะเลสาบต่อวีรบุรุษคนใหม่ที่จะปกป้องมนุษย์ชาติ

    จากนั้นปาฎิหาริย์ก็เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคน ชิ้นส่วนอวาลอนกลายเป็นอนุภาคแสงลอยไปที่บาดแผลของคนผมขาว เริ่มประสานกันด้วยเส้นใยโลหะเพื่อให้กลายเป็นเนื้อและผิวหนังมนุษย์

    “เป็นไปไม่ได้…เขากำลังรักษาตัวเอง”ฮัลไดม์ตะโกน

    ทันใดนั้นมาชูก็ลืมตาขึ้นทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่สิ่งที่ประหลาดใจจริงๆ คือดวงตาสีทองของเธอ เธอยืนขึ้นต่อต้านการประท้วงของทุกคน มุ่งความสนใจไปที่บีสต์โฟร์

    “ฆ่ามันสหายข้า”

    หลายคนกระพริบตาเมื่อได้ยินและตระหนักว่าร่างของโฟร์หายไปจากใต้เท้าอลายา หมายความว่า…

    โฟร์และมาชู

    ชิโร่ยิ้มเล็กน้อย”แน่นอน”

    “อวดดี”มาร์ดุกตะโกนโกรธเกรี้ยว”เจ้าควรจะอยู่บนพื้นและหายไปตลอดกาล”เทพแห่งบาบิโลนง้างอันซูลูพร้อมที่จะส่งพายุเฮอร์ริเคนเพื่อทำลายมนุษย์ชาติที่อยู่ข้างหน้าเขา

    แต่

    ร้อย…พัน…ล้าน

    หลายแสน

    หมื่นล้าน

    มากมายนับไม่ถ้วน

    มันเป็นเหล่าวีรชนและวีรทรชนทุกรูปแบบ ทั้งจากยุคโบราณและสมัยใหม่ ทั้งจากตะวันตกและตะวันออก ถูกสาปและศักดิ์สิทธิ์ ทั้งจากขุมนรกและสวรรค์…พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันที่เดียว

    “นี่คือทั้งหมดที่ข้ามี ราชันแห่งทวยเทพ”วีรชนแห่งเหล็กประกาศออกมา ก่อนจะเริ่มโจมตีเบล มาร์ดุกด้วยดาบขาวดำ

    ทั้งเหล่าทวยเทพและมาร์ดุกเองก็ทำได้เพียงพยายามสังเกตว่าดาบจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาเทพเจ้าสูงสุดอย่างไร

    ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มาร์ดุกเริ่มคลื่นลมปะทะกับใบมีด แต่เทียบไม่ได้กับอนูม่าอีลิซเพราะเขามีกำลังเหลือน้อย

    “นี่มันอะไรกัน? แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้านี้…นักฆ่าลึกลับยังสามารถต่อสู้และรับมือมาร์ดุกได้”

    “เจ้ามนุษย์นั่นมันอะไร”เซธอุทาน

    “เขาสู้ต่อได้ยังไง”ไกอาร้องอย่างตกใจ

    “เป็นไปไม่ได้”วิษณุตะโกน

    อย่างไรก็ตามลมแรงที่พัดทำให้เคาเตอร์ฮีโร่รุกได้ยาก แม้ดาบของเขาจะรับความเสียหายส่วนใหญ่ก็ตาม

    เขาคิดออกทางเดียว

    “เทรซออน…”ดาบของเขาขยายกลายเป็นปีก”อัลเดอร์เบลด”

    พวกมันระเบิดเปลี่ยนรูปร่างใหม่เป็นคาตานะ เล่มหนึ่งเป็นสีขาวมีลายคลื่นสีน้ำเงิน อีกเล่มเป็นสีดำมีลาย6เหลี่ยม

    ซากาสึกิ

    อาโอคิยิ

    ดาบพี่น้องแห่งขุนเขา

    ด้วยทักษะระดับตำนาน เขาเริ่มตัดผ่านลมอันรุนแรงสลายไปท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้ชม

    อีกด้านหนึ่งมาร์ดุกกำลังลำบากในการทำลายดาบและอาวุธแบบไม่หยุดหย่อน เขาไม่สามารถละสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว

    “กรอด…!”มาร์ดุกกัดฟันเมื่ออาวุธตัดเขน ทุกอย่างเลวร้ายลงเรื่อยๆในพายุฝนดาบนี้

    และมันเพิ่งจะเริ่มต้น

    รุ่งอรุณแห่งขอบฟ้าที่ชำระล้างผืนทะเล

    ซัล-ซากาน่า

    มาร์ดุกเบิกตากว้างเมื่อสิ่งก่อสร้างของชาวสุเมเรียนปรากฏแก่สายตาเขา เขาได้เตรียมอาวุธที่ทรงพลังกว่าอันก่อนเพื่อกำจัดภัยคุกคาม แต่…

    บรึ้มมมม!!!

    ดาบเพลิงยักษ์ระเบิดทำให้เทพเจ้าบาบิโลนกระเด็นไปหลายเมตร ควันและเถ้าถ่านบดบังสายตา เบลมาร์ดุกกำลังเอามันออก

    มันสายไปแล้ว

    “อิด อาลิมา”

    ทุ่งสีเขียวตัดผ่านภูเขาพันลูก

    อาวุธเทพเจ้าศาสตราเทพแยกฝุ่นและควันด้วยความเร็วสูง การปรากฏของอิก อลิมานั้นทำให้มาร์ดุกประหลาดใจ

    และเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของเขา

    พายุดาบได้ตัดแขนซ้ายของมาร์ดุก มันเร็วมากจนแม้แต่เทพสูงสุดก็ตกตะลึง เทพและมนุษย์ต่างก็ตกใจ

    “มาร์ดุก”เสียงร้องเซฟานีดังไปทั่วประเทศ

    เซธเหงื่อตก พระศิวะไม่เชื่อ ไกอาไม่สบายใจ เฟรย่าประหลาดใจ นาบุไม่อยู่เฉย แต่คางุสึจิยิ้มเหมือนเด็กในวันคริสมาสต์

    อลายาเบิกตาขึ้น เซลเรซและกิลกาเมซยิ้มอย่างบ้าคลั่ง อาโอโกะ เมอร์ลินและโซโลมอนมองอย่างคาดหวัง ดาวินชี่กำลังดูแลกอร์ดอล์ฟผู้ที่หมดสติไป อัลเคว, มาชู-โฟว์ ริทสึกะและกูดาโกะเชียร์นักฆ่าลึกลับ

    แต่ยังไม่จบที่นี่

    ขวานแห่งอำนาจสูงสุด

    มาร์ดุก

    ขวานยักษ์ของมาร์ดุกปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเพื่อผ่าเขาเป็นสองส่วน เทพแห่งดวงอาทิตย์ได้สติและพยายามขัดขวาง เกิดคลื่นกระแทกใหญ่เมื่อพลังทั้งสองปะทะกัน…แต่ในที่สุดผู้ชนะก็ออกมา 

    “อ๊ากกกก!!!”มาร์ดุกโดนแรงขวานส่งเขาลงไปบนผืนหญ้า

    “แล้วก็…”เสียงนั้นดึงดูดความสนใจเทพบาบิโลเนียทำให้เขาเงยหน้าขึ้น”ในที่สุดฉันก็มายืนอยู่ตรงหน้าแก”

    เอมิยะถือดาบหยินหยางพร้อมจะตัดหัวเบล มาร์ดุกผู้ยิ่งใหญ่

    “ลุยเลยชิโร่”

    “ฆ่ามันไอ้หนู”

    “จัดการมันเลย”

    มันเป็นเสียงร้องของอาเธอร์เรีย ริน ซากุระ บาร์เซ็ต เมดูซ่า อีกเสียงเป็นของEMIYA กิลกาเมศ คูฮูลินน์ เมเดียร์ เฮอร์คิวลิส ริทสึกะ มาชู กูดาโกะ

    เราจะแยกแม้กระทั่งสวรรค์

    อันนูนากิ

    แต่ก่อนวีรชนแห่งเหล็กจะจบการต่อสู้ โซ่สายฟ้าก็มัดมือเขา จากนั้นทั้งร่างก็ถูกตรึง

    "นี่มัน..."ชิโร่อุทานอย่างตกใจ

    "เจ้า...บังอาจ...กล้าดียังไง"มาร์ดุกโกรธจัด"ข้าจะกำจัดเจ้า"

    เขาพร้อมจะโจมตี

    "...."ชิโร่พึมพำบางอย่างดึงดูดความสนใจเทพเจ้าสูงสุด

    "อะไร? เจ้าพูดอะไรเจ้ามนุษย์สกปรก"มาร์ดุกถามอย่างโกรธเคือง เขาคิดว่าฟังผิด แต่มีบางอย่างที่เขาต้องยืนยัน

    "ฉันพูดว่า"นักฆ่าลึกลับจ้องเข้าไปในตาของเขา"มนุษย์เอ๋ย จงตัดขาดจากเทพ"

    "ว่าไงนะ"

    แต่มันสายไปแล้ว มันร่อนลงมาจากท้องฟ้าโลกUBW...โซ่ตรวนแห่งสวรรค์

    เอนคิดูยิ้ม ถ้าเพื่อมนุษย์ชาติแล้วมันก็ไม่เลว

    และโซ่ศักดิ์สิทธิ์ก็แทงและล่ามมาร์ดุกปิดผนึกการเคลื่อนไหวของเขาเหมือนที่เขาทำกับคู่ต่อสู้

    "หยุดนะ...บัดซบ"สุริยะเทพพยายามปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีเรี่ยวแรง

    "ย๊ากกกก!!!!"เอมิยะ ชิโร่ก็พยายามปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการเช่นกัน เมื่อทำไม่ได้เขาก็เคลื่อนไหว"หุบปากไอ้เจ้าบ้า!!"

    ชิโร่ยกเท้าซัดเต็มท้อง

    "อั๊ก!!"

    แต่การเตะไม่เพียงพอจะสังหารเทพ เอมิยะ ชิโร่รู้แต่ไม่มีอะไรที่เขาทำได้เพื่อปลดปล่อยตัวเองหรือเอาชนะเทพเจ้าตรงหน้า ผู้ซึ่งกำลังโกรธจัดจึงไม่รู้ว่าโซ่จะตรึงไว้ได้นานแค่ไหน

    หากคุณไม่สามารถชนะศัตรูด้วยอาวุธที่มี ให้ลองจินตนาการถึงสิ่งที่สามารถเอาชนะมันได้ ที่นี่ไม่มีแรงกดดันจากภายนอก ศัตรูเพียงคนเดียวที่เจ้าต้องชนะคือตัวเจ้าเอง

    เด็กชายผมขาวเบิกตากว้าง มองข้ามไหล่สบตากับชายที่ไม่รู้ว่าต้องการฆ่าหรือช่วยชีวิตเขากันแน่

    "ให้ตายเถอะ...เอมิยะ ชิโร่ แกเป็นคนหน้าซื่อใจคดระดับเทพเจ้า"นักฆ่าลึกลับคิดด้วยรอยยิ้มสงบ"แต่..."

    "ฉันได้คำตอบแล้ว"

    ขอบคุณ

    ร่างกายของข้าสร้างจากดาบ

    เลือดของข้าเป็นไฟและหัวใจข้าเป็นคริสตัล

    ข้าผ่านสนามรบนับไม่ถ้วน

    ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้และไม่มีวันลาจากงานนี้

    ชีวิตข้าไม่มีความหมายใดๆ

    แต่มีเสียงเส้นทางเดียวที่ข้ามุ่งหน้าไป

    วิญญาณของดาบอนันต์อยู่ที่นี่แล้ว

    ทันใดนั้นโลกก็เปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง

    ทุกคนมีปฎิกิริยาตอบสนอง เอมิยะ ชิโร่ปราศจากพันธะ มาร์ดุกก็ไม่ได้ถูกตรึงโดยโซ่แห่งสวรรค์แล้วเช่นกัน

    แต่ทว่า...

    ไม่มีอาวุธ

    ในโลกUBWไม่มีอาวุธ ผืนหญ้าและท้องฟ้ายังคงอยู่ แต่ไม่มีร่องรอยของศาสตราวุธ

    "อันซูลู....นี่มัน?"มาร์ดุกที่เหลือแขนเดียวเห็นว่าอาวุธเขาหายไป

    "ฉันขอโทษ...แต่นี่เป็นอาวุธเดียวที่มีอยู่ในโลกนี้"ชิโร่พูดยกมือขึ้น

    ด้านหนึ่งเป็นสีขาวบริสุทธิ์และอีกด้านดำมือเหมือนท้องฟ้ายามราตรี

    เขายกดาบขึ้น"ในโลกนี้มีเพียงดาบของ...เอมิยะ ชิโร่"

    มาร์ดุกจ้องดาบและชายคนนั้นด้วยสายตาไม่เชื่อ ด้วยตาเพียงข้างเดียว เขามองเห็นตัวตนที่แท้จริงของดาบ

    มันคือโวลลุนต์

    จริงๆทุกคนอาจจดจ่อกับการต่อสู้จนไม่ได้นึกว่าโวลลุนต์ของชิโร่เป็นวัลคีรี่ตนไหนและมีความสามารถอะไร

    ไม่มีใครรู้นอกจากเขา

    เพราะเขาสร้างโวลลุนต์นี่ขึ้นมา

    "แก...แกรู้ไหมว่าทำอะไรไป? ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้"เขาถามโดยไม่อาจเข้าใจมนุษย์

    เอมิยะ ชิโร่ทำสิ่งที่เหนือมนุษย์ แต่นั่นจะทำลายแก่นวิญญาณของเขา

    ทำไมถึงเต็มใจจะสละชีวิตของตัวเอง

    ชิโร่ยิ้มเยาะ"ฉันไม่ต้องการเหตุผลเพื่อช่วยชีวิตคนอื่น"

    "อา..."เทพเจ้ากล่าวด้วยความประหลาดใจก่อนสีหน้าเขาจะอ่อนลง"ข้าเข้าใจแล้ว...มันเป็นไปไม่ได้หรือที่จะฝากไว้กับผู้อื่น? ช่างน่าหัวเราะ...ในบรรดามนุษย์โง่ๆทั้งหมด เจ้าเป็นมนุษย์ที่โง่เขลาที่สุด และ...

    เป็นคนที่สังหารข้าได้เช่นกัน

    "สุดยอดดาบอนันต์!!!"

    ดาบฟาดลงมา ผลที่ตามมาคือแสงเจิดจ้าที่กลืนกินทุกอย่าง

    เมื่อแสงจางลง พวกเขาพบว่าUBWสลายไปแล้วกลับมายังดินแดนบาบิโลน แต่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันจากการต่อสู้

    มีเงาบางอย่างตกลงมาจากท้องฟ้าดึงดูดความสนใจพวกเขา

    "ทวยเทพ"

    เมฆฝุ่นเผยให้เห็นวัตถุ มันคืออันซูลูที่อยู่ในมือชายคนนั้น

    "ฉันชนะ"

    เสียงชายคนนั้นชัดเจนขึ้นทีละน้อย ร่างกายเขาถูกเปิดเผยว่าเป็นวีรบุรุษที่คุ้นเคย

    "ขอบคุณ...มิยุ, อิลิยา และ..."

    ในที่สุดภาพทุกอย่างชัดเจน และทุกคนตกใจกับรอยแยกที่แบ่งบาบิโลนออกเป็นสามส่วน

    "คิริทซึงุ"ชิโร่พูดด้วยรอยยิ้มกว้าง

    "ผะ...ผู้ชนะการต่อสู้รอบที่3...ของแร็กนาร็อคคือ...มนุษย์ชาติ เคาเตอร์ฮีโร่ เอมิยะ ชิโร่"ฮัลไดม์ประกาศ

    "เฮ้!!!!!"มนุษย์ชาติต่างพากันโห่ร้อง

    (การต่อสู้รอบที่3)

    มาร์ดุก VS เอมิยะ ชิโร่

    ระยะเวลา : 10นาที 22วินาที

    ท่าเผด็จศึก : UBW

    ผู้ชนะ : เอมิยะ ชิโร่

    ชัยชนะของมนุษย์ชาติ : 2

    ชัยชนะของเทพเจ้า : 1

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×