ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate Stay Night / Legend of Terra(ยกเลิกแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #1 : PROLOGUE(1) - Prince of Troy

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 63



    ราชินีแห่งทรอยกำลังให้กำเนิดโอรสขณะที่กษัตริย์พริแอมและเจ้าชายเฮคเตอร์เฝ้ารอสมาชิกครอบครัวคนใหม่ เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาหลายชั่วโมง ในที่สุดก็ได้ยินเสียงร้องของเด็กทารก สาวใช้วิ่งออกมาบอกอย่างมีความสุขว่าเป็นเด็กผู้ชาย

    แต่แล้วภรรยาของเขาก็เริ่มกรีดร้องอีกครั้ง กษัตริย์เริ่มกังวลเดินไปที่ประตูห้องนอนก่อนสาวใช้จะห้ามไว้

    “ราชินีกำลังพยายามหนักอีกครั้ง ท่านยังเข้าไปไม่ได้เพค่ะ”

    หลายชั่วโมงของการรอคอยเสียงร้องของทารกดังอีกครั้งและกษัตริย์พริแอมเดินเข้าห้องไปเห็นภรรยานอนอยู่บนเตียงพร้อมลูกๆของเขา

    “ที่รัก ข้าดีใจที่ทวยเทพไม่ได้เอาเจ้าไป”

    “ดูสิ เด็กผู้ชายฝาแฝด เราได้รับพรจากทวยเทพ”

    กษัตริย์พริแอมมองเด็กฝาแฝดที่คนนึงมีผิวสีขาวเนียนและดวงตาสีน้ำตาล อีกคนผิวเข้มกว่าและมีดวงตาสีม่วงลาเวนเดอร์น่าหลงใหล

    “ชื่อของพวกเขาคือปารีสกับเทอร์ร่า”

    “เป็นชื่อที่ดี ข้าเชื่อว่าพวกเขาได้รับพรจากทวยเทพอย่างแท้จริง”

    เทอร์ร่าได้ถูกส่งไปเลี้ยงดูภายใต้ปราชญ์เซ็นทอร์ไครอนผู้โด่งดัง เรียนรู้และฝึกฝนเติบโตมาพร้อมกับอคิลลิส บุตรแห่งเธติส

    ตอนที่เทอร่าอายุได้10ขวบ เขาและอคิลลิสได้พุ่งเข้าปราบโจรสลัดหลายร้อยที่มาปล้นชายฝั่งไปได้ ในเหตุการณ์นั้นเขาได้พบหลอดแก้วที่ด้านในบรรจุดวงตาสีทองรูปนาฬิกา

    เทอร่าไปแตะมันและพลังของมันเข้ากลืนเขาแทบจะฆ่าเขาได้ เขารัดรูปได้ว่านี่มันดวงตาแห่งกาลเวลาของมหาเทพโครนอส ซึ่งตัวเทพในคุกทาทารัสกำลังพยายามนำวิญญาณออกมาสิงร่างคนในดินแดนมนุษย์ จิตของเขาได้ร่วงตกลงไปคุกนรกทาทารัสและพบกับเทพ

    "จิตใจเจ้าแกร่งกว่าที่คิดบุตรแห่งเธติส"โครนอสพูดชื่นชมครึ่งเทพ

    "ข้าขออภัยเทพโครนอส แต่ข้าคงยอมให้ท่านยึดร่างไม่ได้ ข้ายังมีความฝันต้องทำให้เป็นจริงและเพื่อการนั้นจึงมาเพื่อคุยกับท่าน"

    "โฮ่ อะไรล่ะ"

    "ได้โปรดให้พลังแห่งกาลเวลาของท่านกับข้าด้วย"

    เทอร่ารู้ว่าไอ้ดวงตาคำสาปนี่เป็นแค่ของปลอมๆ เขาไม่ได้ต้องการมัน แต่อยากให้โครนอสมอบของจริงให้เขา

    "สามหาวนัก ทำไมข้าต้องให้แกด้วย"โครนอสโกรธเคืองที่เด็กนี่กล้าล่วงเกินอยากได้พลังของเทพ แต่ดูท่าทางสนใจจึงไม่ได้ทำลายวิญญาณเขา

    "หากท่านไม่ให้ข้าจะทำลายดวงตานี้ทิ้งและท่านจะเสียพลังสำคัญของท่านไปตลอดกาล กลับกัน การที่ท่านให้ข้าก็เหมือนให้ยืมไปเล่นชั่วคราว สำหรับเทพอย่างท่านมันไม่ใช่เวลาที่ยาวนานแต่อย่างใด"

    "ชิ ข้ากะจะใช้ดวงตาต้องสาปสิงร่างคนแต่โชคชะตาดังให้ข้ามาเจอไอ้หนูอย่างเจ้า เดี๋ยวนะ หืม...."

    โครนอสนิ่งเงียบไปพักนึง เหมือนเทพเจ้าแห่งกาลเวลาจะเห็นบางอย่างในอนาคตก่อนจะหัวเราะ เขาใช้พลังดูอนาคตเด็กนี่ซะหน่อย ปรากฎว่าเทอร่าจะสร้างเรื่องใหญ่โตมากมายทีเดียว

    "ฮ่าๆๆๆ ก็ได้ ข้าจะให้พลังแห่งกาลเวลากับเจ้าบุตรแห่งเธติส จงสนุกกับพลังนี่ให้เต็มที่ ข้าจะเฝ้าดูอยู่ที่นี่ ดูอนาคตที่เจ้าจะเปลี่ยนแปลง"

    หลังจากนั้นเทอร่าฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองลืมตาตื่นขึ้นมาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งเทพไททั่นที่สถิตอยู่ในร่างเขา


    เมื่อเทอร่าอายุได้13ปี เขาได้ขอออกไปผจญภัยท่องโลกกว้าง พ่อพยายามห้ามปราม แต่เจ้าชายน้อยได้แอบหนีไปทิ้งจดหมายไว้

    เทอร่าได้แล่นเรือเดินทางไปแต่โชคร้ายเรือเจอพายุถล่มและตัวเขาอยู่ในสภาพกึ่งตาย วิญญาณตกลงไปสู่ยมโลกพบเทพีเอเรซติกัล


    เอเรชติกัลบอกว่าจะทำให้เทอร์ร่าฟื้นถ้าปราบปีศาจตัวนึงในนรกให้ได้ แต่ถึงอย่างงั้นเธอไม่ได้คาดหวังว่ามนุษย์จะทำได้พยายามไล่ให้เขาเข้าประตูนรกไปดีๆ

    แต่เทอร์ร่าดึงดันจะสู้ให้ได้ เธอได้แต่ถอนหายใจ

    เอเรชติกัลได้นำทางเทอร่าเข้าไปยังหุบเขาที่มันทำรังอยู่ มันเป็นแมงป่องสีเขียวเปล่งประกายเหมือนอัญมณีและมีน้ำแข็งห่อหุ้มร่าง


    เทอร่าและแมงป่องน้ำแข็งได้เข้าต่อสู้กัน3วัน3คืนและในที่สุดเอเรชติกัลก็เห็นผู้ที่ออกมาจากหุบเขาก็คือเทอร่าที่ลากร่างแมงป่องน้ำแข็งหมดสภาพมาพร้อมยมโลกที่กลับสู่สภาพเดิม

    เอเรชติกัลกระโดดเข้ากอดขอบคุณเทอร่าและได้นำวิญญาณแมงป่องไปหลอมเป็นหอกน้ำแข็งสีขาวเป็นอาวุธประจำกายของเทอร่า

    “ขอบคุณสำหรับหอกนะครับ ผมคงต้องไปแล้วล่ะ”

    “งั้นเหรอจะไปแล้วสินะ”เอเรชติกัลมีสีหน้าเศร้าลง

    “แล้วเอเรชติกัลไม่ออกไปเที่ยวบ้างเหรอครับ”

    “ข้ามีหน้าที่ในแดนยมโลก”

    “อืม....จริงสิ”เทอร่าหยิบอัญมณีอันนึงขึ้นมา

    “อะไรน่ะ?”

    “นี่เป็นของขวัญจากเฮเฟตัสน่ะครับ มันสามารถถอดจิตวิญญาณไปในนี้ได้ ถ้าเอเรชติกัลแบ่งพลังวิญญาณลงไปและสักวันผมสร้างเขตแดนพิธีกรรมด้วยผลึกอัญมณีชิ้นนี้ เอเรชติกัลจะมองดูโลกผ่านมันได้”

    “หืม...เจ้าคนไร้ความสามารถด้านเวทแบบเจ้าเนี่ยนะ”

    “มันก็มีค่าจะลองเสี่ยงดูนะครับ”

    “ในนามของเทพี ข้าขอถ่ายจิตของข้าลงไปยังมณีชิ้นนี้”

    จากนั้นผลึกสีขาวไร้สีก็แปรสภาพเป็นสีแดงอมทองคล้ายผมและชุดของเอเรชติกัล ด้านตัวเทพีสาวรู้สึกหอบเหนื่อยขึ้นมา

    “จะพยายามเต็มที่ครับ”

    “อืม แล้วเจอกันนะ”

    เอเรชติกัลได้ส่งเทอร่ากลับสู่โลกบนดินและทรุดลงพื้นหมดแรง พร้อมกับร่างเธอที่กำลังสลายหายไป ที่จริงแล้วนั่นไม่ใช่แค่การถ่ายจิต แต่เธอส่งพลังเวทและวิญญาณทั้งหมดไป เหลือพลังต้นร่างไว้พอส่งเขากลับเท่านั้น

    “เจ้ากำลังจะหายไปแล้วนะเอเรชติกัล”

    “นั่นสินะ หน้าที่ดูแลยมโลกต่อจากนี้คงเป็นของนายคนเดียวแล้ว ฮาเดส”เอเรชติกัลมองเขา

    “ช่างเป็นสาวไร้เดียงสาจริง ยอมให้ตัวเองไปปิดผนึกในผลึกของเด็กคนนั้น เชื่อได้หรือไง”

    “มากกว่าเทพโอลิมปัสอย่างนาย”

    ฮาเดสชักดาบสีดำและฟันเอเรสติกัลจนเธอตกใจ แต่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่รู้สึกมีบางอย่างถูกตัดออกไป

    “ข้าได้ทำการตัดพันธสัญญาเจ้ากับยมโลกแล้ว จงหลับไหลอยู่ในผนึกรอวันตื่นเถิด สำหรับเทพอย่างผองเราแล้วไม่ใช่เวลาที่ยาวนานแต่อย่างใด”

    จากนั้นตัวเอเรชติกัลก็ได้สลายหายไป

    เทอร่าได้กลับขึ้นมาบนพื้นพิภพ โดยหารู้ไม่ว่าเอเรชติกัลก็ตามมาด้วย

    @@@@@@@@

    เทอร์ร่าเป็นลูกเรือในเรืออาร์โก้ภายใต้เจสันที่ไปตามหาขนแกะทองคำ เขาเด็กที่สุดบนเรือและมีตำแหน่งเป็นเด็กรับใช้ ก่อนเขาจะพิสูจน์ตัวเองด้วยฝีมือหอกและฝีเท้าที่รวดเร็ว

    เทอร่าไม่ถูกกับเฮอร์คิวลิสซึ่งอวดดีที่ตนทรงพลังที่สุดในกลุ่ม ขณะที่อตาลันต้าแทบไม่คุยกับใครและมักจะเมินหัวหน้าคณะอย่างเจสันที่เธอเรียกว่า”ตัวไร้ประโยชน์”

    ซึ่งระหว่างทางที่ผ่านเกาะต่างๆ เฮอร์คิวลิสได้ลงจากเรือไปทำภารกิจอื่นจากเทพซุสต่อ ทำให้เทอร์ร่าสบายใจมาก เจสันซึ่งเสียคนแข็งแกร่งอย่างเฮอร์คิวลิสก็ต้องพึ่งพาเทอร่าซึ่งแข็งแกร่งรองลงไปแทน

    พวกเขาไปถึงโคคิสและเจสันได้ล่อลวงเจ้าหญิงเมเดียที่หลงเสน่ห์เขาช่วยขโมยขนแกะทองคำ พ่อเจ้าหญิงโกรธสั่งทหารไล่ล่าและพวกเขาก็หนีออกมาและเมเดียติดมาด้วย เทอร่ามองว่าเธอเป็นหญิงโง่เง่าและแม้จะสงสารเวทนา แต่เธอหลงเจสันและยังเป็นแม่มดที่ทรงพลังด้านเวทมนตร์มาก พวกเขาจึงพยายามไม่ยุ่งกับเธอ

    เมเดียที่หลงเจสันก็มีความสนใจตัวอันนาซึ่งเธอรู้ว่าดวงตาอันนาสาปคนให้เป็นหินได้และรู้ว่าตัวเธอคือเมดูซ่า ปีศาจกอร์กอนเกาะครีตที่หายไป เธอจึงสนใจว่าเทอร์มิสปราบพยศเธอยังไง อตาลันต้ารู้สึกหึงหวงจึงไม่พอใจเมเดียและชอบอยู่ใกล้เทอร่า ด้วยความชอบพอวันหนึ่งพวกเขาร่วมรักกัน


    หลังเสร็จสิ้นการเดินทาง เทอร์ร่าได้กลับทรอยมาพร้อมอตาลันต้า กษัตริย์พริแอมได้ต้อนรับทั้งสองผู้เป็นคณะเรืออาร์โก้อย่างยิ่งใหญ่ และได้รู้ว่าอตาลันต้าเป็นเจ้าหญิงอาร์คาเดีย

    ไม่นานนัก บิดาเธอส่งทูตมาก่อนจะเดินทางมาด้วยตนเอง เขาพยายามขอโทษลูกสาวซึ่งเพราะเทอร์ร่า อันนา แม้แต่เทพีอาร์เทมิสยังขอร้องเธอจึงยอมรับและกลับคืนตำแหน่งเจ้าหญิง

    มีการจัดงานแต่งงานระหว่างสองอาณาจักรขึ้น อตาลันต้าเป็นราชินีองค์ต่อไป ลาซัสได้ถอนตัวจากงานบริหารต่างๆเหมือนคนแก่เกษียนและให้พวกเขาปกครอง

    อคิลลิสมาเยี่ยมพวกเขาบ่อยๆเพราะอาณาจักรใกล้กัน เทอร่าได้ยกทัพไปพิชิตนครต่างๆโดยที่ตนและอคิลลิสเป็นตัวแทนประลอง พวกเขายึดนครสำคัญและปฎิรูปปัญหาดินแดนเหล่านั้น ชื่อเสียงเรื่องสติปัญญาและการรบทำให้เทอร่าได้รับการเคารพยำเกรงไปทั่วเอเชียไมเนอร์

    2ปีต่อมาหลังครองเมืองอาการพ่ออตาลันต้ากำเริบหนัก เขาได้เรียกอตาลันต้ามาสั่งเสีย

    ”ข้าไม่ชอบท่านแต่ก็คงไม่เกลียดไปมากกว่านี้แล้ว ข้ายังขอบคุณท่านที่ทำให้ข้าได้เจอชายหนุ่มที่ข้ารักยิ่ง”

    ลาซัสยิ้มและได้จากไปอย่างสงบ และแล้วเทอร์มิสได้ข้ึนเป็นกษัตริย์แห่งอาคาเดีย

    @@@@@@@@@@@@@@@

    กองทัพของอกาเมน่อนได้เข้าบุกกรีกพิชิตนครกรีกต่างๆให้มาอยู่ใต้อาญัติ และบัดนี้ได้นำทัพมายังเมืองทรีโอพาส

    รถศึกที่บรรทุกกษัตริย์ทั้งสองนครมายังพื้นที่กลางและลงมายืนเผชิญหน้ากัน คนหนึ่งมองไปยังอีกคนด้วยสายตาที่หยิ่งผยองและเหนือกว่า อีกคนมีสายตาเศร้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ในที่สุดกษัตริย์แห่งไมซีเน่มองขึ้นไปบนฟ้า

    “วันดีสำหรับกา”อกาเมน่อนแสดงความเห็นด้วยรอยยิ้ม

    “ข้าบอกเจ้าไปแล้วเมื่อวานและจะขอบอกเจ้าอีกครั้งวันนี้ ถอนกองทัพทหารออกไปจากดินแดนของข้า”

    “ข้าชอบดินแดนของท่าน เราจะอยู่ที่นี่ ข้าชอบทหารของท่านด้วย”อกาเมน่อนหยุดชั่วคราวมองทหารทรีโอพาส”พวกเขาสู้อย่างห้าวหาญเมื่อวานนี้ ไม่เก่งกาจนักแต่ห้าวหาญ โดยเฉพาะเด็กที่ชื่อทากา...เทอร์รัน เมื่อข้าให้ข้อเสนออย่างงามเขาจะต้องยอมรับแน่”

    “เทอร่าแห่งอาคาเดียและเขาจะไม่มีวันรบเพื่อท่าน”

    “ฮ่าๆๆ ตลกดีทริโอพาส ถ้าข้าเสนอผู้หญิงและชื่อเสียงเขาจะต่อสู้เพื่อข้าแน่นอน”

    “ข้ายังสงสัยอยู่”ทริโอพาสพูดด้วยรอยยิ้มมั่นใจ”ทหารข้าจะไม่รบเพื่อท่าน”

    “พวกเมซซีเนี่ยนก็พูดเช่นนี้ เหมือนพวกอาคาร์เดียนและอีเพเอียน ตอนนี้พวกนั้นก็รบเพื่อข้า”เขากล่าวอย่างภูมิใจ

    “ท่านครองทั้งโลกไม่ได้หรอกอกาเมน่อน มันใหญ่เกินไปแม้แต่สำหรับท่าน”

    “ข้าไม่อยากนั่งดูการฆ่าประหัตประหารชีวิตใครอีก มาตัดสินศึกครั้งนี้ตามธรรมเนียมโบราณกัน ให้ทหารเอกของท่านดวลกับทหารเอกของข้า”

    “แล้วถ้าคนของข้าชนะล่ะ”

    “เราจะไปจากเธสซาลีอย่างไม่หวนกลับ ข้าเป็นคนใจกว้าง ถ้าคนของข้าชนะท่านยังครองบัลลังก์ได้ แต่เธสซาลีต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของข้า เพื่อรบเคียงข้างข้าเมื่อข้าต้องการ”

    ทริโอพาสคิดครู่นึงแล้วหันไปตะโกนเรียกคนของตัวเองเป็นนักรบร่างยักษ์

    “อคิลลิส!!!!”อกาเมน่อนตะโกน เขาหันไปมองทัพตนรอให้เขาปรากฎตัวแต่ไม่มีใครโผล่มา

    “ฝ่าบาท อคิลลิสไม่อยู่ในกองทัพ”

    “แล้วมันอยู่ที่ไหน!!!!”

    ที่ค่ายอกาเมน่อน เด็กที่สปาต้าส่งมาตามอคิลลิสที่ยังนอนกอดหญิงสาวอยู่ เขาลุกอย่างเกียจคร้านสวมเกราะถือโล่กับหอกและขึ้นขี่ม้า

    “ที่เขาลือเรื่องท่านน่ะจริงมั้ย เขาว่ามารดาของท่านเป็นเทพผู้คงกระพัน เขาว่าท่านไม่มีวันตาย”เด็กน้อยถามอย่างไร้เดียงสา

    “งั้นข้าก็คงไม่ต้องใส่เสื้อเกราะสินะ”

    “นักรบทรอยด์ที่จะสู้กับท่านน่ะ...เป็นนักรบร่างเล็กที่ฆ่าทหารสปาตันไปหลายพันเมื่อวานนี้ เป็นข้าข้าก็ไม่สู้ด้วยหรอก”

    “เพราะอย่างนี้ถึงไม่มีใครจำชื่อเจ้าได้”

    อคิลลิสบอกเด็กและขี่ม้าไปยังสนามรบ

    อคิลลิสขี่ม้าเข้ามายังสนามรบท่ามกลางเสียงเชียร์ของนักรบสปาร์ตา

    “เอาไว้สู้กันพรุ่งนี้ดีมั้ย เจ้าจะได้นอนให้อิ่ม ข้าน่าจะสั่งเฆี่ยนเจ้าให้หายอวดดี”

    อคิลลิสจ้องอกาเมน่อน ถ้าสายตาฆ่าคนได้เขาคงตายแล้ว

    “งั้นท่านก็สู้เองละกัน”เขาหันหลังทำท่าจะกลับ

    “อคิลลิส อคิลลิส”เนสเตอร์เรียกเขาไว้เข้ามาคุย”ดูหน้าทหารพวกนี้สิ ท่านช่วยชีวิตนับพันของพวกเขาได้นะ ท่านยุติสงครามได้เพียงแค่ปลายดาบ คิดดูสิว่าพวกเขาจะร้องเพลงสรรเสริญท่านมากมายแค่ไหน ให้พวกเขาได้กลับบ้านไปพบลูกเมียเถอะ”

    “นึกภาพกษัตริย์ประลองเองดูบ้างสิ คงน่าชมพิลึก”อคิลลิสพูดขณะผ่านหน้าอกาเมน่อน

    “ในบรรดานักรบที่เทพพิทักษ์ ข้าเกลียดไอ้เวรนี่ที่สุด”

    “เราต้องการเขานะขอรับท่าน”

    “แค่ตอนนี้”อกาเมน่อนพูดสีหน้าบูดบึ้ง

    อคิลลิสวิ่งเข้าไปหาคู่ต่อสู้หลบหอกของเขาและโดดแทงคอฆ่าในพริบตา

    "ไม่มีใครแล้วใช่มั้ย"

    "เจ้าเป็นใครกันทหาร?"

    "อคิลลิส บุตรแห่งเพเลอุส"

    "อคิลลิสเหรอ ข้าจะจดจำชื่อเจ้าเอาไว้ คทาด้ามนี้เป็นของผู้ครองเธสซาลี"ผู้ครองนครยกคทาให้"นำไปมอบให้กษัตริย์ของเจ้า"

    "เขาไม่ใช่กษัตริย์ของข้า"

    @@@@@@@@@@@@

    กองทัพศัตรูพยายามบุกโดยมีแนวหน้าเป็นรถศึก แต่โดนพลหอกเรียงแถวจัดการแทงม้าให้ซัดคนขี่ตกรถและโดนรุมแทง พวกทหารราบด้านหลังที่โถมบุกโดนหอกหลายเล่มแทง

    “เฮ้ย หอกเหล็กพวกนั้นมันอะไรกัน”

    “เป็นไปไม่ได้”

    เบื้องหลังกองทัพเป็นเนินเขาที่มีรถศึกขี่โดยเด็กหนุ่มผมดำและตาสีม่วงกับหญิงผมบลอนด์ยาวและตาสีฟ้า

    “การสู้รบพลิกสถานการณ์แล้วคะ สมกับเป็นท่านพี่”

    “การจัดขบวนทัพรูปแบบฟาลังซ์...เอาล่ะ พวกศัตรูเกือบหมดสภาพแล้ว จัดการให้จบๆดีกว่า ทหารทุกนายบุกได้!!”

    กองทัพทรอยรุดหน้าเข้าไปจัดการผู้รุกรานและตีทำลายกระบวนทัพ

    ในตอนนั้นเองลูกธนูพุ่งมาเห็นห่าฝนใส่เขาหวังจัดการผู้บัญชาการ

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ”เฟลิเซียหยิบแส้เธอมาฟาดโบกเหมือนลมหมุนพัดลูกธนูกระจายไม่โดนรถศึก

    “โกหกน่า!!”ทหารศัตรูตกใจ

    “บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าค่ะ”

    “ทักษะการใช้เชือกยอดเยี่ยมเช่นเคยเลยนะ คงได้เป็นสุดยอดราชินีแน่”

    เฟลิเซียเขินอายขึ้นมา เพราะเธอมีความรักต้องห้ามต่อพี่ชายของเธอ แต่เทอร์ร่าไม่สังเกต

    หลังจากนั้นการรบจบลงโดยที่แนวหน้า กองทัพของพี่ชายพวกเขาเฮ็คเตอร์ก็เป็นฝ่ายชนะ

    เฮ็คเตอร์ขี่ม้ามากองทัพที่เทอร์ร่าบัญชาการตรวจดูสภาพน้อง

    "ขอบคุณทวยเทพ พวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่"

    "อย่าหวังกำจัดข้าได้ง่ายๆพี่ชาย"

    กษัตริย์ที่พยายามบุกทรอยยอมแพ้ พวกเขายกธงขาวหมายความว่าเราชนะสงคราม เจ้าชายเจ้าหญิงทั้งสามเดินไปเรือที่จอดใกล้ชายฝั่ง กองทหารล้อมรอบเราจับตาดูทุกคนที่กล้ายิง

    "เจ้าทำให้ข้าภูมิใจเสมอน้องชาย"

    "ข้าพยายาม"

    "สักวันหนึ่งเจ้าจะแทนตำแหน่งของข้าและจะไม่มีใครคัดค้าน"

    "ข้าเป็นเจ้าชายองค์ที่3 หากท่านลืมแล้ว และข้าอยากเป็นนักผจญภัยมากกว่า"

    "เจ้าไม่ใช่เด็กแล้วนะเทอร์ร่า"เขาตอบ เทอร์ร่าส่ายหัวและถอนหายใจ

    "มันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก ท่านเป็นผู้นำของทรอยเสมอ"

    @@@@@@@@

    เจ้าชายเจ้าหญิง3องค์ได้เดินทางไปผูกสัมพันธ์ไมตรีที่สปาร์ตา เฟลิเซียไม่เข้าใจว่าทำไมพ่ออยากส่งปารีสไปแทนเทอร์ร่าที่ไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับอาณาจักรอียิปต์

    เมื่อมาถึงสปาร์ตา พวกเขาได้รับการต้อนรับจากราชาแห่งสปาร์ตาเมเนเลาส์และราชินีเฮเลนในห้องจัดเลี้ยง

    "เจ้าชายเฮคเตอร์ เจ้าชายปารีส ยินดีต้อนรับสู่สปาร์ตา"เมเนเลาส์ยิ้มทักทายและมองเฟลิเซีย

    "เจ้าหญิงเฟลิเซีย? ยินดีที่พบท่าน ข้าไม่นึกว่าท่านจะมา"เขาพูดด้วยรอยยิ้มใหญ่และจูบหลังมือเจ้าหญิงทรอย เธออึดอัดและย้ายไปยืนข้างเฮคเตอร์

    "ยินดีที่พบท่านราชาเมเนเลาส์"เธอตอบกระอักกระอ่วน

    "โอ้ เจ้าหญิงเฟลิเซีย นี่ภรรยาข้าเฮเลน"เมเนเลาส์หันไปแนะนำภรรยา

    เจ้าชายเจ้าหญิงจูบหลังมือของเธอ แต่การจูบหลังมือของปารีสและสบตามองทำให้เฟลิเซียเลิกคิ้ว

    "ยินดีที่พบเฮเลน"ปารีสพูดด้วยรอยยิ้ม

    "เช่นกันเจ้าชายปารีส"เฮเลนยิ้ม

    เมเนเลาส์นำคณะทรอยไปที่ห้องจัดเลี้ยงและเริ่มงานเลี้ยง

    "ข้าอยากถามมานานแล้ว ทำไมท่านยังสวมชุดขาวอยู่"

    "ข้ายังไม่เจอชายในฝัน"เฟลิเซียยิ้มตอบ

    "งั้นมันจริงสินะที่ท่านยังไม่เคยผ่านมือชายใด?"เมเนเลาส์ถามเฟลิเซียที่ทานอาหารและเธอไอค่อกแค่ก เธอเห็นห้องโถงเงียบ

    "ขออภัย?"

    "ท่านยังบริสุทธิ์อยู่รึเปล่า?"

    ก่อนเฮคเตอร์จะทำอะไรโง่ๆเฟลิเซียคว้ามือเขาและมองเมเนเลาส์

    "เป็นเรื่องจริง ข้ายังบริสุทธิ์และข้าจะอยู่แบบนั้นจนกว่าจะแต่งงาน"เฟลิเซียตอบตรงๆ

    "น่าเสียดายจริงๆ"เมเนเลาส์พูดและมือเธอจับเฮคเตอร์แน่นขึ้นและมือซ้ายรีบจับปารีสที่กัดฟันแน่นไม่พุ่งไปชกกษัตริย์สปาร์ตา เธอคิดว่าชายคนนี้อยากฆ่าตัวตาย

    ทุกคนกลับไปสนทนาและกิน แต่ฝ่ายทรอยยังตึงเครียด ฉันเป็นเจ้าหญิงของพวกเขา คำถามเมื่อกี้เป็นการดูหมิ่น

    หลังอาหารเย็นเจ้าหญิงกลับไปที่กระโจมและเข้านอน

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่ต้องทำคือกินนอนพูดคุยกับสปาร์ตาแล้วหลับอีกครั้ง มันเป็นแบบนี้อยู่4วัน เธอสังเกตเห็นว่าหลังเฮเลนหายไป ปารีสก็หายไปเช่นกัน เธอรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้เลย

    ในวันสุดท้ายเฮคเตอร์ขอให้เราสวมเกราะของเรา เฟลิเซียสวมชุดเกราะเบางดงามเหมือนเครื่องประดับแต่ไม่ได้ใส่หมวก

    “เจ้าชายแห่งทรอย ที่คือคืนสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกัน ราชินีเฮเลนกับข้าขออวยพรให้ท่าน จริงอยู่ว่าเราเคยผิดใจกันมาก่อน สปาร์ต้ากับทรอยเคยห้ำหั่นกันอย่างห้าวหาญ แต่ข้าเคารพบิดาท่านเสมอ พริแอมเป็นกษัตริย์ที่ดี เป็นคนดี ข้าเคยนับถือเขาในฐานะศัตรู บัดนี้ข้านับถือเขาในฐานะพันธมิตร”

    “เฮคเตอร์ ปารีส เฟลิเซีย เจ้าชายเจ้าหญิงทั้งสาม โปรดยืนขึ้น ดื่มกับข้า เพื่อสันติภาพ”

    “เพื่อสันติภาพระหว่างทรอยกับสปาร์ตา”เฮคเตอร์ชูแก้วยกดื่ม เฟลิเซียจิบไวน์ในถ้วยดูปารีสกับเฮเลนสบตากัน

    "ขอทวยเทพจงปกป้องเราจากหมาป่าบนขุนเขาและให้หญิงสาวได้อยู่บนเตียงของเรา"

    นั่นเป็นอีกเหตุผลที่เฟลิเซียยังสวมชุดสีขาว เธอส่ายหัวและฝืนยิ้มให้เมเนเลาส์ที่มองเธอ ก่อนดนตรีเริ่มบรรเลงและนางรำเข้ามาเต้นระบำ

    "คืนนี้ข้าขอตัว"เฟลิเซียบอก

    "ราตรีสวัสดิ์น้องสาว"เขาจูบแก้มเธอ

    "จับตาดูปารีสไว้ให้ดี"

    "แน่นอน"

    เฮคเตอร์ไม่ได้คุยมากกว่านั้นเมื่อเมเนเลาส์เดินมาขณะที่เฟลิเซียรีบหายไปจากสายตาเขา

    @@@@@@@@@@

    เรือทรอยกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน ลมแรงจนไม่มีใครต้องพายเรือ เฮคเตอร์กำลังแกะสลักรูปสิงโตให้ลูกชายเขาและปารีสเดินไปรอบเรือด้วยความกังวล ก่อนจะเดินมาหาเรา

    “เช้านี้อากาศดีแท้ เทพโพไซดอนอวยพรให้เราเดินทาง”ปารีสพูดและเฟลิเซียกลอกตาเพราะรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น และเธอคิดว่าเฮคเตอร์ก็น่าจะรู้เหมือนกัน

    “บางครั้งเทพอวยพรตอนเช้าและสาปแช่งเราตอนบ่าย”เฮคเตอร์พูด

    “ปารีส เป็นไรไป เจ้าทำตัวแปลกๆตั้งแต่ขึ้นเรือมา”เฟลิเซียถามและเฮคเตอร์พยักหน้าเห็นด้วย

    “ท่านรักข้ามั้ยพี่ชาย พี่สาว”ปารีสถามด้วยความกังวล”พวกท่านจะปกป้องข้าจากศัตรูทั้งปวงหรือไม่”

    “ครั้งสุดท้ายที่เจ้าพูดคำนี้กับข้า เจ้าอายุสิบขวบและขโมยม้าท่านพ่อไปขี่ นี่เจ้าก่อเรื่องอะไรอีก”เฮคเตอร์ถาม

    “ข้ามีอะไรให้ท่านดู”เขาพูดและเปิดประตูลงบันไดไปใต้ดาดฟ้าเรือ

    เมื่อเฮคเตอร์กับเฟลิเซียลงบันไดมาเห็นราชินีเฮเลน พวกเค้าก็แข็งเป็นหิน

    "เฮเลนแห่งสปาร์ตาร์...ปารีส!!!”

    "ถ้าเจ้าไม่ใช่น้องข้า ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะตรงนี้"เฮคเตอร์ตะคอกหมุนตัวกลับ เฟลิเซียมองปารีสอย่างผิดหวังตามพี่ชายกลับไปดาดฟ้าเรือและเฮคเตอร์สั่งทันที

    “หันหัวเรือกลับไปสปาร์ตา”

    “เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว”ปารีสร้องห้าม

    “เจ้าโง่ รู้ตัวมั้ยทำอะไรลงไป”เฮคเตอร์ผลักปารีสให้เขาถอยเล็กน้อย

    “เจ้ารู้มั้ยว่าท่านพ่อพยายามสงบศึกมากี่ปีแล้ว มีพี่น้องและญาติกี่คนที่เขาเสียไปในสนามรบ”เฮคเตอร์หน้าแดงด้วยความโกรธ

    “ข้ารักนาง”ปารีสยืนกราน

    "เจ้าเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานใช่มั้ย เจ้าเที่ยวไปตามเมืองนั้นเมืองนี้นอนกับเมียพ่อค้ากับนางเฝ้าวิหาร แล้วเจ้าคิดว่ารู้จักความรักงั้นหรือ? นี่เป็นแค่ตัณหา! มันไม่ใช่ความรัก"

    "ท่านรู้อะไรเรื่องความรักพี่สาว?"ปารีสถาม

    เฟลิเซียจะพุ่งไปตบปารีสถ้าไม่เพราะเฮคเตอร์จับมือเธอไว้

    "ข้าไม่รู้อะไรเลยเรื่องความรัก แต่ข้ารู้จักความรักของพ่อ ต่อทรอยและผู้คน เจ้าพานางมาทำลายชื่อเสียงท่านป่นปี้"เฟลิเซียร้องไห้หนักขึ้น เฮคเตอร์กอดน้องสาวไว้ ปารีสเริ่มพูดปกป้องตัวเองแต่เฮคเตอร์ชักสีหน้าเตือน

    "ข้าจะไม่ให้เจ้าก่อสงครามเพราะนาง"

    "ให้ข้าพูดได้มั้ย"

    "ที่พี่พูดนั้นก็ถูก ข้าทำให้พี่ทำให้พ่อต้องเสื่อมเสีย ถ้าพี่อยากส่งเฮเลนคืนสปาตาก็เชิญเลย แต่ข้าจะไปกับนาง”

    ”กลับไปสปาร์ตาเจ้าตายแน่”เขาตะโกน

    ”ข้าจะขอสู้จนตัวตาย”

    ”พูดแบบนี้คงดูกล้าหาญมากสินะ สู้จนตัวตาย ไหนลองบอกข้าซิน้องข้า เจ้าเคยฆ่าใครรึยัง”

    ”ยัง”

    ”เคยเห็นใครถูกฆ่าตายรึยัง”

    ”ก็ยัง“

    ”ข้าเคยฆ่าคน เทอร์ร่า เฟลิเซียและข้ามือเปื้อนเลือด เราได้ยินเสียงคนใกล้ตายและทนดูพวกเขาตาย มันไม่มีอะไรน่าพิศมัยสักนิด ไม่สวยงามแม้แต่น้อย เจ้าว่าอยากตายเพราะความรัก แต่เจ้าไม่รู้อะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับความตายและเจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความรัก”

    ”พี่พูดยังไงข้าก็จะไปกับนาง ข้าจะไม่ขอให้พี่สู้เพื่อข้า”

    ”ไม่ขอก็เหมือนขอ ไปทรอย!!!!”

    “เจ้าทำอะไรเฮคเตอร์ พวกเขาจะมาตามล่านาง จะมีสงคราม”เฟลิเซียพูด

    “ข้ารู้ แต่ข้าปล่อยให้เขาตายไม่ได้ เจ้าก็เช่นกัน”

    เฟลิเซียเลิกเถียงและกลับไปที่ห้อง

    @@@@@@@@@@@@@

    นครไมซีเน่ปกครองโดยอกาเมน่อนที่ทะเยอทะยาน เขาเป็นคนให้เมเนลาออสแต่งกับเฮเลนเพื่อให้ได้ครองสปาตาห์ ทำให้พวกเขาครองนครที่สำคัญของกรีซสองแห่งและมีอำนาจมากในกรีก

    แต่ฝั่งตะวันออกของทะเลอีเจียนคือเมืองทรอยที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ทัดเทียมกันและอกาเมน่อนก็อยากบุกมานานแต่ไม่มีข้ออ้างดีๆ เขาไม่คาดฝันที่ว่าเจ้าชายปารีสได้ลักพาตัวเฮเลนไป เป็นโอกาสให้เขาเปิดศึกกับทรอย

    ”ข้าต้องการนางคืน”เมเนลาออสกล่าว

    ”แน่นอนเจ้าต้องอยากได้คืน ก็งามออกอย่างงั้น”

    ”ข้าจะเอาคืนมาเพื่อจะได้ฆ่าด้วยมือของข้าเอง ข้าจะไม่หยุดจนกว่าจะเผาทรอยให้ราบคาบ”

    ”ข้านึกว่าเจ้าอยากสงบศึกกับทรอยซะอีก”

    ”ข้าควรเชื่อพี่แต่แรก”

    ”สันติเป็นเรื่องของอิสตรีกับพวกเต่าหัวหด จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่สร้างขึ้นด้วยสงคราม”

    ”ตลอดชีวิตข้ายืนหยัดอยู่เคียงข้างท่าน สู้ทุกศึกเพื่อท่าน เพราะท่านเป็นพี่ท่านจึงได้รับเกียรติยศตามครรลองโลก ข้าเคยปริปากบ่นไหมพี่ข้า ข้าเคยเรียกร้องขออะไรจากท่านไหม”

    ”ไม่เคย เจ้าสมเป็นลูกผู้ชาย”

    ”ศึกนี้ท่านจะร่วมรบกับข้าไหม”

    อกาเมน่อนยื่นมือและทั้งสองยกแขนกอดไขว้กัน

    .....

    หลังจากนั้นอกาเมน่อนได้มาพูดคุยกับเนสเตอร์ที่ปรึกษาในห้องใต้ดิน

    “ข้าคิดอยู่เสมอว่าเมียของน้องข้าเป็นหญิงโง่เขลาเบาปัญญา แต่ท้ายที่สุดนางก็พิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์มาก”อกาเมน่อนพูดพร้อมหัวเราะขบขัน”ไม่มีอะไรหลอมรวมมนุษย์ได้เฉกเช่นปรปักษ์”

    “พวกทรอยไม่เคยแพ้สงคราม บางคนบอกว่าไม่มีใครพิชิตทรอยได้และเป็นเรื่องจริงเมื่อพวกเขามีนักรบเด็กนั่นอยู่เคียงข้าง”เนสเตอร์เตือนกษัตริย์อย่างจริงจัง

    “ตาเฒ่าพริแอมนึกว่าตัวเองปลอดภัยอยู่หลังกำแพงสูง มันนึกว่าเทพอะพอลโล่จะปกป้องมันได้ แต่ทวยเทพก็คุ้มครองก็แต่ผู้แข็งแกร่ง”อกาเมน่อนยกมือทุบโต๊ะ

    เนสเตอร์เงียบเพราะไม่ต้องการเถียงกับกษัตริย์ตน

    “ถ้าทรอยล่ม ข้าจะเป็นใหญ่เหนือทะเลอีเจี้ยน”อกาเมน่อนกวาดรอบแผนที่

    “เฮคเตอร์มีกองทัพที่แกร่งที่สุดทางฝั่งตะวันออกและทรอยถูกสร้างขึ้นมาให้ทนต่อการล้อมได้นานนับสิบปี”

    “จะไม่มีอะไรเช่นนั้นอีกเป็นอันขาด ข้าจะโจมตีมันด้วยกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกนี้เคยพานพบมาเลย ข้าต้องการระดมกษัตริย์กรีกและกองทัพจากทุกแคว้น ส่งม้าเร็วออกไปพรุ่งนี้เช้า”

    “ประการสำคัญ เราต้องการอคิลิสกับกองทัพเมอมิดอนของเขา”เนสเตอร์พูด

    ราชาแห่งไมซีเน่เงียบไป เขารู้ว่าพวกทรอยมีพวกครึ่งเทพอยู่เคียงข้าง และคนสำคัญสุดคือเทอร์ร่า และเขาต้องการความช่วยเหลือจากอคิลลิสถ้าเขาอยากจัดการเทอร์ร่าได้

    “แต่เราควบคุมมันไม่ได้ มันอาจแว้งกัดเราเหมือนพวกทรอย”

    “เราไม่จำเป็นต้องควบคุมเขา เราแค่ปล่อยให้เขาออกไปแผลงฤทธิแค่นั้น เจ้าหนุ่มนั่นเกิดมาเพื่อฆ่า”

    “ใช่ มันเป็นยอดฝีมือแต่มันทำลายทุกอย่างที่ข้าสร้างขึ้นมา ก่อนข้าเกิด กรีกไร้ซึ่งอำนาจ ข้าเป็นคนรวบรวมกรีกให้เป็นปึกแผ่น ข้าเป็นผู้สร้างชนชาติมนุษย์บูชาไฟและชนชาติมนุษย์กินงู ข้าสร้างอนาคต เนสเตอร์ ข้า!!! อคิลิสเป็นอดีตไปแล้ว ชายผู้ไม่รบให้ธงผืนใด ชายผู้ไม่ภักดีต่อประเทศไหน”

    “เราชนะสงครามด้วยคมดาบของเขามากี่ครั้งแล้วล่ะ นี่เป็นศึกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประจักต์แก่สายตาชาวโลก เราต้องการนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

    “มีเพียงคนเดียวที่มันจะยอมรับฟัง”

    “ข้าจะส่งเรือไปแต่เช้า”

    @@@@@@@@

    นครอิทากา

    ทหารกรีกขึ้นบนเขาพบชายอายุราว30-40กำลังเล่นกับสุนัขของเขา


    "สวัสดีสหาย มีคนบอกว่ากษัตริย์โอดิสซุสซ่อนตัวอยู่ในเขา

    "โอดิสซุสเหรอ ไอ้เฒ่านั่นดื่มไวน์ของข้าแล้วไม่เคยจ่าย"ชายหนุ่มพูด

    "เจ้าต้องเคารพกษัตริย์ของเจ้าสิสหาย"

    "เคารพเหรอ ข้าอยากชกมันให้หน้าหงาย มันชอบแทะโลมเมียข้าด้วยสายตา"

    ทหารกรีกจะเดินไปแต่ชายที่ดูถูกกษัตริย์อิทากาเรียกไว้

    "ข้าหวังว่าแม่ทัพของอกาเมน่อนจะฉลาดกว่าพวกม้าเร็วของเขานะ"

    "เจ้าว่ายังไงนะ"

    "เจ้าอยากให้ข้าช่วยรบกับพวกทรอย"

    "ท่าน..."

    "ใช่หรือไม่"

    กษัตริย์เห็นทหารรู้ตัวก็หัวเราะ

    "อภัยให้พวกเราด้วย กษัตริย์โอดิสซุส"

    "ข้าคงจะคิดถึงสุนัขของข้า"โอดิสซุสลูบหัวสุนัข

    "กษัตริย์อกาเมน่อนมีเรื่องขอร้องท่านขอรับ"

    "แหงอยู่แล้ว"เขาพลางจูบหน้าผากสุนัข

    @@@@@@@@

    นครไทอาของชาวเมอร์มิดอน อคิลลิสกำลังฝึกซ้อมต่อสู้ให้กับเพโตรคัสและมาชู

    ”ถือดาบให้แน่นกว่านี้ ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า”อคิลลิสพูดหลังปัดโล่จากเพโตรคัสกระเด็นและปัดดาบทิ้งไปทาบดาบซ้อมที่คอ

    ”เจ้าเอาแต่ป้องกันเกินไป ต้องตอบโต้กว่านี้”

    เพโตรคัสพยักหน้า

    เสียงควบม้าดังแว่วหู อคิลลิสหันไปคว้าหอกขว้างไปเสียบใกล้ต้นไม้เกือบโดนชายสวมชุดเกราะนายพล กษัตริย์แห่งอิทากา

    ”ความเอื้อเฟื้อที่เจ้ามีต่อผู้มาเยือนเลื่องระบือไปไกล”โอดิสซุสบอกอคิลลิสหัวเราะเต็มที่โยนหอกคืนให้เจ้าของ

    ”นี่เพโตรคัส ญาติผู้พี่ข้า”อคิลลิสแนะนำ

    ”เพโตรคัสช ข้ารู้จักพ่อแม่เจ้าดี ข้าคิดถึงพวกเขา”โอดิสซุสบอกแล้วมองอคิลลิส”ตอนนี้เขาดูแลเจ้าอยู่สินะ หากได้ฝึกวิชาจากอคิลลิส กษัตริย์ทั้งหลายล้วนยอมลดเกียรติตน”

    ”อกาเมน่อนขอให้ท่านมาใช่มั้ย?”อคิลลิสถาม

    ”เราต้องคุยกัน”

    โอดิสซุสเดินมาคุยกับอคิลลิส

    ”ข้าจะไม่รบเพื่อเขา”อคิลลิสกล่าว

    ”ข้าไม่ได้ขอให้เจ้ารบเพื่อเขา ข้ามาขอให้เจ้ารบเพื่อชาวกรีก”โอดิสซุสกล่าว

    “ชาวกรีกเบื่อจะรบกันเองแล้วเหรอ”เขาถามขบขัน

    ”ชั่วคราว”

    ”ชาวทรอยไม่เคยทำร้ายข้า”

    ”พวกเขาหยามศักดิ์ศรีกรีก”

    ”พวกเขาหยามชายเพียงคนเดียวที่รั้งเมียตนไว้ไม่ได้ นั่นมันกงการของข้าหรือ อกาเมน่อนโลภมากและไร้ซึ่งเกียรติ"

    ”ให้อคิลลิสต่อสู้เพื่อเกียรติยศ ให้อกาเมน่อนต่อสู้เพื่ออำนาจ แล้วให้เทพเจ้าตัดสินว่าใครน่าสรรเสริญ ลืมอกาเมน่อนซะ ช่วยข้ารบ ภรรยาข้าคงอุ่นใจมากถ้ารู้ว่าเจ้าอยู่เคียงข้างข้า ข้าเองก็จะอุ่นใจด้วยเช่นกัน เราจะส่งทัพเรือใหญ่สุดที่เคยมีมาไปด้วย เรือหนึ่งพันลำ”

    ”เจ้าชายเฮคเตอร์เก่งสมคำร่ำลือมั้ย"อคิลลิสถาม

    ”เยี่ยมยุทธ หนึ่งในกรุงทรอย บ้างก็ว่าเขาเก่งกว่านักรบกรีกทั้งหลายด้วย”

    "คงไม่เท่ากับเทอร์ร่าแน่"

    "ข้ารู้เจ้าไม่อยากสู้กับศิษย์น้องร่วมอาจารย์"โอดิสซุสพูดหันมามองเพโตรคัส”แม้ว่าเจ้าจะไม่ไป ข้าหวังว่าเจ้าจะไปด้วยนะ เราต้องการคนแข็งแกร่งเช่นเจ้า”

    ”ใช้ลูกไม้กับข้าได้แต่อย่าใช้กับเขา”อคิลลิสยกดาบขวางไม่ให้ยุ่งกับญาติเขา

    ”เจ้ามีดาบ ข้าก็มีลูกไม้ เราต่างใช้อาวุธที่เทพเจ้าประทานมาให้ เราจะเดินทางไปทรอยในอีก3สัปดาห์”โอดิสซุสจะจากไปแต่ทิ้งคำพูดไว้”ศึกครั้งนี้จะจารึกลงในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับวีรบุรุษและวีรสตรีที่เข้าร่วมศึกนี้”

    @@@@@@@@@

    ผู้หญิงอายุราว40มองหาหอยและไข่มุกที่ชายหาดมาทำสร้อยคอ

    "ผู้คนกล่าวกันว่าราชาแห่งอิทากามีลิ้นเงิน"เธติสแสดงความเห็นและเธอรู้ว่าลูกชายเธอเดินมายืนด้านหลัง"แม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องตามเจ้า แม่รู้ว่าพวกเขาจะมาก่อนเจ้าจะเกิดซะอีก"

    ในที่สุดเทพธิดาหันกลับมา

    "เขามาตามเจ้าไปรบที่ทรอย"เธอพูดแล้วอคิลลิสถอนหายใจมองท้องฟ้า

    "แม่ทำสร้อยเปลือกหอยให้อีกเส้น เหมือนที่แม่เคยทำให้พวกเจ้าตอนเด็กๆ ยังจำได้ไหม"

    "ท่านแม่ ข้าจะตัดสินใจคืนนี้"

    "ถ้าเจ้าอยู่ไทอา เจ้าจะพบสันติสุข เจ้าจะพบผู้หญิงที่แสนวิเศษ เจ้าจะได้มีลูกชายและหญิง พวกเขาจะมีหลานให้เจ้า ลูกหลานจะรักเจ้า เมื่อเจ้าลาโลกไปพวกเขาจะรำลึกถึง แต่เมื่อลูกของเจ้าตายไป หลานของเจ้าลาโลกไป ชื่อของเจ้าก็จะเลือนหาย แต่หากเจ้าไปทรอย ชื่อเจ้าจะเลื่องชื่อลือนาม ผู้คนจะโจษจันทร์ถึงชัยชนะของเจ้าไปอีกนานนับพันปี คนทั้งโลกจะจดจำนามของเจ้าได้ แต่หากเจ้าไปทรอย เจ้าจะไม่ได้กลับบ้าน เพราะความรุ่งโรจน์ของเจ้าต้องแลกมาด้วยความตาย  ข้าจะต้องเสียลูกไป"

    อคิลลิสมองท้องฟ้าคิดถึงคำพูดของแม่

    @@@@@@@@@@

    หลังจากการทำงานหนัก เทอร์ร่าเข้าไปในห้องโดยไม่ถอดรองเท้าแตะหรือเปลี่ยนชุด วางเครื่องประดับไว้ข้างเตียง

    บนเตียงนอนในห้องที่มืดมีแสงเทียนส่องเป็นหญิงสาวผมบลอนด์อกโตกับนายพรานสาวในชุดสีเขียวมองเขาด้วยสีหน้าเย้ายวนใจ


    “เจ้ามาช้าจัง”อตาลันต้ายิ้มหวาน

    “โทษทีที่รัก”

    เทอร์ร่าหันไปทางซ้ายเหมือนมองใครบางคน

    "ออกมาท่านเทพีอโฟรไดท์"

    มีแสงสีชมพูเปล่งแสงมาจากด้านหลังปรากฎเป็นหญิงสาวเรือนผมสีชมพูและดวงตาสีแดง

    “เจ้านี่สัมผัสถึงข้าได้ตลอดเลยนะเทอร์ร่า”


    เธอมองเด็กน้อยยิ้มอย่างเข้าโอบกอดเขาจับคางเจ้าชายทรอยให้หันมาจุมพิตเธอ

    เทอร์ร่าจูบตามมารยาทและผลักเธอก่อนนั่งบนเตียง อโฟรไดท์เข้ามาโอบรอบคอเขาจากด้านหลังอีกครั้ง

    "เจ้าโกรธเหรอ?"

    "แน่นอน พวกท่านเทพีเป็นคนก่อสงครามนี้เพราะไอ้การประกวดนางงาม"

    "ไม่ใช่ข้าซะหน่อยที่สร้างแอปเปิ้ลทองคำขึ้นมา และใครใช้ให้ปารีสเลือกข้า"

    "ท่านก็ใช้เสน่ห์ล่อลวงอยู่ดี"

    แม้เทอร่าจะโกรธพวกเทพีแค่ไหน แต่เขารู้ว่ามนุษย์ไม่อาจท้าทายเหล่าเทพได้จึงได้แต่ระบายออกมา

    "ถามหน่อยซิ ถ้าเจ้าได้เป็นผู้เลือกผู้ชนะแล้วจะเลือกใคร"อโฟรไดท์ถามอย่างสนใจ

    "ไม่เลือกใครทั้งนั้น ข้าไม่อยากเป็นของเล่นให้กับเหล่าเทพ แต่จะใช้งานเหล่าเทพแทน"

    คำพูดนี้ของเทอร่าสร้างความโกรธเคืองทำให้ซุสส่งสายฟ้าและสภาพอากาศเลวร้ายใส่เรือ

    "หึ!!"เทอร่าหยิบหอกของตนขึ้นมาและมันเปล่งแสงเปลี่ยนรูปร่างเป็นหอกอันใหญ่แผ่พลังศักดิ์สิทธิ์

    โดยไม่รู้ตัว ใต้เรือมีเหล่าสัตว์ประหลาดที่เขาสร้างขึ้นมาประคองเรือไม่ให้คว่ำและเดินทางต่อได้อย่างปลอดภัย

    อโฟรไดท์มองเด็กหนุ่มอย่างประทับใจ

    "มีชายเพียงคนเดียวที่ข้าอยากให้เขามาเป็นสามีและข้าจะพาเขาขึ้นไปอยู่ด้วยบนสวรรค์ แต่เขากลับไม่สนใจข้าเลย ท่านช่วยได้ไหม"อโฟรไดท์พูดเสียงทรงเสน่ห์ใส่หูเขา

    "งั้นเสียใจด้วยที่ข้าแต่งงานแล้ว"เทอร่าเมินเธอ

    "ข้าจะทำให้เจ้าเลือกข้า"อโฟรไดท์พูดเป็นนัยและถอดชุดเธอให้เห็นร่างเปลื่อยเปล่า

    มนุษย์คนใดที่เห็นอโฟรไดท์ต่างต้องหลงไหล แต่ไม่ใช่เทอร่า เขาได้ทำภารกิจลงไปสู่ยมโลกครั้งหนึ่ง เหมือนก้าวผ่านความตายมาครั้งนึงทำให้จิตใจกล้าแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไป

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เทพีอโฟรไดท์มาหาเขา เธอทั้งมอบงานให้ทำ ถ้านานๆทีก็จะมาร่วมหลับนอนด้วยเพื่อหวังให้เขาตกอยู่ใต้เสน่ห์เธอ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ

    เทพโอลิมปัสเหนื่อยใจกับเรื่องนี้และอาเธน่าชี้ว่าตัวอโฟรไดท์เองนั่นแหละที่ไปหลงเสน่ห์เทอร่า(ซึ่งเป็นลูกชายเธอ) อโฟรไดท์เมินเฉยกับคำกล่าวหานี่ แม้เธอจะยอมรับว่าจริง เธอหลงไหลชายที่เสน่ห์เธอทำอะไรไม่ได้

    "ท่านจะลองดูก็ได้ ครั้งนี้ท่านจะเป็นแค่ที่ระบายให้ข้า"

    "ข้าอยากเห็นเจ้าลองดู"อโฟรไดท์ยิ้มรับคำท้า

    เขาปิดม่านหน้าต่างก่อนนอนลงบนเตียงร่วมรักกับสองสาวงามไม่สนใจเสียงโห่ร้องของผู้คนด้านล่างเมืองเพราะรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

    หลังการเสร็จกิจพวกเธอคนละ3ครั้งแล้ว เขากอดคนรักของตัวเองและหลับไหลตามเธอไปด้วยความเหนื่อยล้า ขณะที่เทพียิ้มมองเขาและหายไปจากห้อง

    @@@@@@@

    เจ้าชายเฮคเตอร์และปารีสเดินทางกลับมาจากสปาร์ตา ผู้คนมากมายออกมาต้อนรับด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสงสัยว่าหญิงสาวที่อยู่ถัดจากปารีสเป็นใคร?


    รถม้าของพวกเขาผ่านเมืองหยุดที่บันไดพระราชวังที่กษัตริย์พริแอมและขุนนางรอพวกเขาอยู่ เฮคเตอร์เดินขึ้นบันไดตามด้วยปารีสกับเฮเลน และทหารยกร่มบังแดดให้เฮเลน

    "ลูกพ่อ"กษัตริย์พริแอมพูดกอดลูกชายคนโตและจูบหน้าผากเขา

    "ท่านพ่อ"เฮคเตอร์ก้าวออกไป เขามองลูกสาวที่ก้มหัวให้

    "ท่านพ่อ"

    "เฟลิเซีย"กษัตริย์พริแอมยิ้มจูบหน้าผากเธอก่อนย้ายออกไป

    "ปารีส"กษัตริย์มองลูกชายคนเล็กก้าวขึ้นมากอดจูบเขาเช่นกัน

    "ท่านพ่อ นี่คือเฮเลน"เจ้าชายปารีสแนะนำ

    "เฮเลน? เฮเลนแห่งสปาร์ตา?"กษัตรย์พริแอมถามช้าๆมองเฮเลนซึ่งตอนแรกก้มลงแต่ก็เงยหน้าสบตา

    "เฮเลนแห่งทรอย"ปารีสแก้ไข

    "ข้าได้ยินคนพูดถึงความงามของเจ้า และเจ้าก็งามสมคำร่ำลือ"พริแอมพูดพลางจูบแก้มเฮเลน

    กษัตริย์พริแอมต้อนรับเฮเลนในฐานะลูกสาวคนใหม่ทำให้เธอยิ้มได้

    "ยินดีต้อนรับ"

    "ขอบพระทัยเพคะ"

    "มาเถิด เจ้าคงจะเหนื่อย"

    เจ้าชายและเจ้าหญิงใหม่เข้ามาในพระราชวัง ทุกคนปรบมือเมื่อเห็นเจ้าชายกับเจ้าหญิงเข้ามา เฮคเตอร์สำรวจคนที่มาต้อนรับไม่พบเทอร์ร่า เขาเดาได้ว่าป่านนี้คงหลับนอนกำลังภรรยาทั้งสองไปแล้ว

    แอนโดรมาเช่ยิ้มให้สามีเธอ เจ้าชายเฮคเตอร์ กอดและจูบเขา

    "ดูสิ"เธอบอกพาไปดูลูกชายอายุ10เดือน

    "เขาโตขึ้นมากทีเดียว"

    "เขาแข็งแรงมาก เหมือนกับพ่อของเขา"แอนโดรมาเช่เสริม

    ตอนนั้นเองนักบวชหญิงชุดขาววิ่งมา เป็นสัญลักษณ์ผู้รับใช้เทพอพอลโล่

    "เฟลิเซีย"หญิงสาวสวมชุดนักบวชเทพอพอลโล่วิ่งมา

    "ไบรเอซิส"เฟลิเซียกอดญาติเธอไว้ ก่อนปารีสเดินเข้ามา

    "ญาติน้องที่รัก ยิ่งโตยิ่งงามขึ้นทุกวัน"เขาชมเชยเธอก่อนที่เฮคเตอร์จะมาทักทายญาติของเขาด้วยการกอดจูบเช่นกัน

    "เจ้าเป็นบริวารแห่งเทพอพอลโล่แล้วล่ะสิ"

    "บรรดาหนุ่มๆในเมืองทรอยต่างพากันเศร้าเมื่อไบรเอซิสเลือกทางสายพรหมจรรย์"กษัตริย์พริแอมพูดอย่างภูมิใจจูบหน้าผากหลานสาว

    "ข้าขอบคุณทวยเทพที่เจ้าทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัย"กษัตริย์พริแอมพูดพลางนำเครื่องดื่มมาให้

    "แด่ทวยเทพ"พวกเขาเทไวน์ลงพื้นเพื่อถวายเทพและดื่ม

    ปารีสแนะนำเฮเลนให้ไบรเอซิส แม่ของเขาและแอนโดรมาเช่ แต่เขาพึ่งสังเกตว่าไม่เห็นพี่ชายฝาแฝดของเขา

    "ท่านเห็นพี่ชายฝาแฝดข้าไหมท่านพ่อ?"ปารีสถามกษัตริย์พริแอมที่กำลังคุยกับเฮคเตอร์

    "ข้าไม่เห็นเทอร์ร่าเลยตั้งแต่เช้านี้ เขาไปอยู่ค่ายฝึกกับอตาลันต้า...ข้าส่งคนไปตามที่ห้องแต่...ก็นะ"

    "เข้าใจแล้วครับ"ปารีสถอนหายใจ

    "พี่ชายฝาแฝดท่านเป็นใคร"

    "พี่ชายฝาแฝดข้าคือเทอร์ร่าและภรรยาเขาคือเฟลิเซียกับอตาลันต้า"

    "อตาลันต้า เจ้าหญิงแห่งอาร์คาเดีย"เฮเลนเบิกตากว้าง ไม่นึกว่าจะได้มาเจอคณะเรืออาร์โก้ในตำนาน

    "ข้าอยากให้เจ้าพบเขา ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน"ปารีสกล่าวแล้วจูบเธอเบาๆทำให้เธอยิ้ม

    @@@@@@@@@@

    แม้บรรยากาศต้อนรับจะรื่นรม แต่หลังจากนั้นพริแอมกับเฮคเตอร์ได้มาคุยกันที่ระเบียงห้องบูชาเทพอะพอลโล่

    “ท่านพ่อ เราไม่อยากให้เป็นแบบนี้”เฮคเตอร์กล่าว

    “นี่เป็นพระประสงค์แห่งเทพ ทุกอย่างเบื้องบนเป็นผู้กำหนดมา"พริแอมกล่าว"แต่ข้าแปลกใจที่พวกเจ้าให้เขาพานางมา”

    “ถ้าข้าให้เขาสู้กับเมเนลาออส พ่อคงได้เผาศพลูกชายแทนที่จะได้ต้อนรับลูกสะใภ้”

    “เราจะส่งฑูตสัมพันธ์ไมตรีไปหาเมเนลาออส”

    “ท่านก็รู้จักเมเนลาออส เขาจะฆ่าฑูตเราเสียบประจาน”

    “เจ้าจะให้พ่อทำอย่างไร”

    “ให้นางขึ้นเรือแล้วส่งตัวกลับไปอย่ากลับมาอีก”เฮ็คเตอร์กล่าว

    “มีผู้หญิงมากมายที่เคยรักปารีสและเขาก็รักพวกนางเหล่านั้น แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เขามีบางอย่างเปลี่ยนไป ถ้าส่งนางกลับไปให้เมเนลาออสเขาจะติดตามนางไป”

    “นี่เป็นบ้านเมืองของข้า เป็นเพื่อนร่วมชาติของข้า ข้าไม่อยากให้พวกเขาต้องรับกรรมเพื่อให้น้องข้าได้สมหวังในความรัก ไม่ใช่แค่สปาร์ตาเท่านั้นที่จะมาชิงนางคืน ป่านนี้เมเนเลาส์คงแจ้นไปหาอกาเมน่อนและอกาเมน่อนก็อยากถล่มกรุงทรอยมานานแล้วด้วย”เฮคเตอร์กล่าว

    “เราถูกข้าศึกจู่โจมมานานหลายร้อยปีเราก็ยังต้านทานเอาไว้ได้”พริแอมพูดอย่างมั่นใจ

    “ท่านพ่อ เราไม่อาจชนะศึกนี้ได้หรอก”เฮคเตอร์แย้ง

    “เทพอะพอลโล่จะคุ้มครองเรา แม้แต่อกาเมน่อนก็ต่อกรเทพไม่ได้”

    ในตอนนั้นมีร่างหนึ่งกระโจนลงมาที่ระเบียงใกล้ๆทำให้พริแอมตกใจนิดหน่อย

    “แล้วสุริยะเทพมีทหารกี่กองพันในบัญชาการ?“

    “อย่าลบหลู่เบื้องสูงนะ”พริแอมบอกและเริ่มเล่าเรื่องตอนเฮคเตอร์ป่วยใกล้ตาย

    "บางครั้งปารีสก็ช่างโง่เขลา พ่อรู้ดี แต่พ่อจะขอสู้ศึกนับพันก่อนจะปล่อยให้เขาต้องมาตาย"

    "ขออภัยท่านพ่อ แต่ท่านคงไม่ได้เป็นผู้เข้าสู้รบ"

    @@@@@@@@@@@

    ขณะเดียวกันหลังงีบหลับ5ชั่วโมง เทอร์ร่าลืมตาตื่นขึ้นมาและการขยับตัวของเขาทำให้อตาลันต้าที่พิงหน้าอกเขาตื่นด้วย ส่วนเทพีแห่งความงามไม่อยู่แล้ว

    ทั้งสองอาบน้ำด้วยกันและแต่งตัวออกมาจากห้อง

    "ขออภัยเจ้าชาย แต่เรากำลังตามตัวท่าน"

    "มีอะไร"

    "พี่น้องท่านเจ้าชาย พวกเขากลับบ้านแล้ว"

    "งั้นหรือ?"เทอร์ร่ามีรอยยิ้มขึ้นมา"ขอบคุณทวยเทพ"

    เทอร์ร่าวิ่งจากห้องไปที่ห้องบัลลังก์ซึ่งเขาแน่ใจว่าจะเจอเฮ็คเตอร์ปารีสและเฟลิเซีย มันนานแล้วที่พวกเขาไม่ได้พบกัน เขาคิดถึงพี่น้อง เขาสามารถจินตนาการถึงความสุขที่แม่ พ่อ และน้องสะใภ้เมื่อพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย

    เมื่อเข้ามาเทอร์ร่าได้ยินเสียงคนคุยกันและหัวเราะ เขาก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

    "เทอร์ร่า"เฮคเตอร์หัวเราะขณะเข้ามาหาน้องชายของเขา

    "เฮคเตอร์"เทอร์ร่าร้องด้วยความยินดีและกอดพี่ชาย

    "เป็นไงบ้าง? สปาร์ตาเป็นไง? ปารีสอยู่ไหน?"

    "ข้าสบายดีขอบคุณทวยเทพ ปารีสรอเจ้าอยู่แล้ว"เฮคเตอร์พูดตรวจสอบน้องชาย"ทวยเทพอวยพร เจ้าสูงขึ้นอีกหลายนิ้ว"

    นี่จะทำให้เทอร์ร่าไม่ถามเรื่องสปาร์ตาร์ เพราะเขาไม่กล้าบอกเขาเกี่ยวกับปัญหาและความกังวลล่าสุด

    "เทอร์ร่า"

    "ปารีส"เขาหันไปกอดน้องชายไว้

    เมื่อพวกเขาอยู่ใกล้กัน ทุกคนสังเกตเห็นว่าทั้งสองคล้ายกันมาก ที่ต่างกันคือปารีสผิวขาวกว่า ผมยาวกว่าและมีดวงตาสีน้ำตาล ขณะที่เทอร์ร่านั้นผิวเข้ม ผมดำระต้นคอและดวงตาสีม่วง

    "ท่านสวยขึ้นมากพี่สะใภ้

    "อย่ามาประจบข้านะ"เฟลิเซียประกาศ

    "ข้าพูดความจริงนะท่านพี่ พี่ข้าได้พบหญิงงามถึงสองคน"ปารีสพูดทำให้เฮคเตอร์มองออกไปขณะที่ปารีสยิ้มให้เทอร์ร่า ปฎิกิริยานี้ทำให้เทอร์ร่าคิดว่าเฮคเตอร์โกรธปารีสด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามองดวงตาสีน้ำตาลของน้องชายเขา

    "แน่นอน"

    "เทอร์ร่า นี่เฮเลนแห่งทรอย ที่รัก นี่พี่ชายฝาแฝดของข้า เทอร์ร่า"

    "ยินดีที่พบค่ะเจ้าชายเทอร์ร่า"เฮเลนพูดเบาๆก้มหัว

    เทอร์ร่ารู้ว่านี่คือเฮเลนแห่งสปาร์ตาร์ แต่เขารู้ว่าต้องไม่หยาบคาบกับเธอ เขายิ้มทักทายหญิงงามผมบลอนด์

    "ถ้าเจ้าเป็นคนรักของน้องชายข้า ตอนนี้เราเป็นพี่น้องกัน เรียกข้าว่าเทอร์ร่า"

    เฮเลนยิ้มอย่างอบอุ่นเมื่อได้รับการต้อนรับจากเทอร์ร่า

    งานเลี้ยงดำเนินไปหลายชั่วโมงและเฟลิเซียนั่งกับเฮเลน แอนโดรมาเช่และไบรเอซิส แม้เฟลิเซียไม่สบายใจเรื่องเฮเลน แต่ไม่มีการหยาบคายหรือพูดเรื่องน่ารังเกียจต่อเธอ

    กษัตริย์พริแอมมองลูกสาวคนเดียวของเขา

    "กลาวคัส"

    "พ่ะย่ะค่ะ"ผู้บัญชาการก้มหัว เฮคเตอร์กับเทอร์ร่าละจากการสนทนามองพ่อเขา

    "เจ้าตระหนักดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าต้องการให้เจ้าคัดเลือกกลุ่มทหาร พวกเขามีภารกิจในการปกป้องเจ้าหญิงเฟลิเซียด้วยกำลังทั้งหมด ทุกอย่างต้องเป็นความลับ"เขากระซิบกับเขา

    กลาวคัสพยักหน้าและโค้งคำนับ

    @@@@@@@@@@@

    กองทัพกรีกมาถึงแล้ว ทหารลั่นระฆังเตือนภัย

    เฮคเตอร์ออกเดินทางทันทีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทิ้งลูกชายกับภรรยาไว้ในห้อง ปารีสเดินมาที่ระเบียง ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นกองเรือกรีกใหญ่โตกำลังใกล้เข้ามา เขาจำได้ว่าไบรเอซิสอยู่ใกล้ชายหาด

    “เฮคเตอร์”ปารีสตะโกนเรียกพี่ชายวิ่งออกจากห้อง

    เฮคเตอร์กับเทอร์ร่าสั่งให้ทุกคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเตรียมตัวให้พร้อม แต่ก่อนเขาจะออกจากวังไปที่คลังอาวุธ ปารีสวิ่งมาหาเขา

    “เฮคเตอร์”

    “มีอะไร”

    “เฟลิเซีย นางอยู่ที่วิหารอพอลโล่”

    เฮคเตอร์กับเทอร์ร่าหันมามองหน้ากัน

    “เทอร์ร่า เจ้าจงนำทัพไปลอบโจมตีที่ชายหาด”

    “ครับ”เทอร์ร่าวิ่งออกไป

    “ปารีส เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปพานางกลับมา”เฮ็คเตอร์พูดและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

    @@@@@@@@@@@

    กองกำลังทรอยที่ปกป้องชายหาดรับมือผู้บุกรุกไม่ไหว และพวกกรีซจะฆ่าเขาด้วยไฟมากชนะน้ำ แต่มีปัญหาอย่างหนึ่ง

    พวกเขาไม่ได้คาดคิดถึงเทอร์ร่าซึ่งตอนนี้ลอบเข้าจู่โจมด้านหลัง

    "เสร็จข้า"เทอร์ร่าโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำพร้อมทั้งใช้น้ำสร้างตรีศูลขึ้นและฟันคอฆ่าทหารกรีซไปทีเดียว3-4คน ก่อนพวกเขาจะตอบโต้เทอร์ร่ายกมีดแทงคอมือธนูอีกคนหักล้มลงสิ้นใจในน้ำ

    มือธนูอีกคนกำลังจะยิงเทอร์ร่าแต่เขาไวกว่าคว้าหอกจากร่างที่ตายแล้วและแทงมือธนูที่ท้อง เขาโยนธนูทิ้งพยายามดึงหอกออก แต่เทอร่าเข้ามาประชิดตวัดดาบฆ่าเขาก่อน ตอนนี้เขาตกเป็นเป้าหมายทหารกรีซนับร้อย

    "เตรียมตัวตายได้นักเวทแห่งทรอย"

    "จริงๆแล้วข้าไม่ใช่นักเวทย์"เทอร่าพูดและเปลี่ยนดาบน้ำเป็นตรีศูลอีกครั้ง"ถ้าข้าเป็นพวกเจ้าจะรีบถอยกลับขึ้นเรือแล่นกลับบ้าน"

    "แกมีแค่คนเดียว"

    "จริงเหรอ?"เทอร่าสังเกตลำแสงธนูสีฟ้าพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ทหารกรีซหลายคนมองตาม

    "ฉึกๆๆๆ"ธนูแสงนับพันพุ่งลงมาจากท้องฟ้าฆ่าทหารไปนับร้อยและบาดเจ็บอีกมาก พวกกรีซต่างหยุดชะงักและยกโล่มากัน แต่นั่นแทบไม่ได้ช่วยพวกเขาจากธนูของอตาลันต้า

    เทอร่าเป็นคนเดียวที่ยืนเฉยปล่อยให้ธนูทิ่มแทงร่างและไม่เป็นไรเลย

    "ทะ...ทำไมแกถึงไม่บาดเจ็บ..."ทหารที่ใกล้ตายถาม

    "ร่างอมตะ เป็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว"

    "แกคือ...เทอร์ร่า"เขาพูดได้แค่นั้นก็สิ้นใจตาย

    ด้านพวกทหารป้องกันชายฝั่งได้กำลังเสริมจากเฟลิเซียและทหารอเมซอนของเธอก็ผลักดันพวกกรีซถอยร่นไป แต่พวกกรีซหลายร้อยก็ยังพุ่งเข้ามา

    เทอร่าวิ่งไปข้างหน้าและทหารคนใดที่พยายามหยุดเขาก็ถูกตัดด้วยหอกน้ำ ดาบน้ำและบอลน้ำ ในที่สุดพวกเขาปิดล้อมทหารกรีซจำนวนหนึ่งได้

    "ทหารม้า!!!"

    พวกเขาเห็นกองทหารม้ากรีซนับพันพุ่งเข้ามา เทอร่าเห็นแล้วเดินไปข้างหน้าและชูหอกขึ้น


    กระแสน้ำแผ่ขึ้นมาจากทะเลกลายเป็นเหมือนสว่านน้ำจำนวนมากและพุ่งเข้าทิ่มแทงทหารม้าที่วิ่งตะลุยเข้ามาอย่างโง่ๆล้มตายมากมาย ทหารทรอยโห่ร้องและเข้าโจมตีฆ่าพวกทหารกรีซที่ตกลงมาจากม้า

    การรบยังดำเนินต่อไปและเทอร่าต้องพยายามไม่ให้กำลังของเขาโดนพวกกรีซล้อม เขารู้ว่าจำเป็นต้องถอย

    "ข้าต้องการคุยกับหัวหน้าของพวกเจ้า"

    ผู้นำสวมชุดเกราะเด่นคนนึงตะโกน แต่เมื่อเขาพูดแล้วนักรบร่างยักษ์คนนึงกำลังทุบค้อนหินของเขาใส่นักรบทรอยคนนึง เขาจะไปช่วยทางนั้น

    "หยุดซะอาแจ็กซ์!!!"โอดิสซุสตะโกนสั่ง

    อาแจ็กซ์รู้ชื่อเสียงโอดิเซียสจึงยอมหยุด เทอร่ามองขึ้นไปด้านบนดูว่าใครสั่งและเมื่อเขาเห็นโอดิสซุสก็ลดดาบลง

    "ยินดีที่พบกษัตริย์อิทากา เจ้ามาที่นี่เพื่อเจรจาหรือไม่"

    เขาพยักหน้า

    "ใช่ แล้วเจ้าคือผู้นำทัพเสริมเหรอเด็กน้อย?"โอดิเซียสถาม

    "ใช่ น่าเศร้าที่เราต้องพบกันอีกครั้งในสภาพนี้"เทอร่ากล่าว

    "เจ้ากล้าหาญดุจเทพเจ้า แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ข้าว่าท่านยกหาดให้เราดีกว่ามั้ง สงครามนี่ยังอีกยาวไกล"

    "กล่อมคนเก่งไม่เปลี่ยนเลยนะ"เทอร่าหัวเราะ

    "รู้จักนักรบผู้นี้ด้วยเหรอ"อาแจ็กซ์เข้ามาถามโอดิสซุสเขาพยักหน้า

    "เจ้าคืออาแจ็กซ์สินะ"เทอร่ามองนักรบร่างยักษ์

    "แล้วเจ้าคือ..."

    "เจ้าชายเทอร์ร่า"เขาแนะนำตัวแล้วอาแจ็กซ์เบิกตากว้าง

    หลังคุยกันพักนึงเทอร่าและโอดิสซุสจับมือกัน หลังจากนั้นเทอร์ร่าก็นำทหารทรอยที่เหลือรอดกลับไปที่เมือง ขณะที่โอดิสซุสนำทหารกรีซที่แตกพ่ายกลับไปที่เรือของพวกเขา กองทัพกรีซยกทัพมาตั้งค่ายที่ชายฝั่งได้สำเร็จ

    @@@@@@@@@@@@

    เจ้าชายเฮคเตอร์ไปถึงวิหารไม่พบอะไรเลยนอกจากรูปปั้นที่แตกหัก ศพเกลื่อนกลาดและเครื่องประดับคุ้นตา ความตกใจและความเศร้าเข้าครอบงำ ลูกพี่ลูกน้องอยู่ที่ไหน เขาก็มาช้าเกินไปแล้ว

    เขาเดินลึกเข้าไปในวิหารเรื่อยๆและได้ยินเสียงคนแปลกหน้า

    “เจ้ากล้าหาญมาก แต่โง่มากที่มาตามล่าข้าคนเดียว เจ้าคือเจ้าชายเฮคเตอร์สินะ รู้ไหมข้าเป็นใคร”

    “นักบวชเหล่านี้ไม่มีอาวุธ”เฮคเตอร์พูดด้วยความโกรธ ชายหนุ่มไม่พูดอะไรแต่โดดลงจากที่ที่เขาอยู่

    “สู้กับข้า”เฮคเตอร์เรียกร้อง ชายคนนั้นกลอกตาและยิ้มเยาะออกจากวิหาร

    อคิลลิสบุกวิหารเทพอะพอลโล่และหวังว่าจะได้สู้แก้มือกับเทอร์ร่าแต่กลับเป็นพี่ชายเขาที่มาตามล่าเขาแทน เขาออกมาที่ระเบียงวิหารเฝ้ามองเทอร์ร่าเข้าตีกองหน้าของกรีซเสียหายและถอยกลับ

    "เจ้ามาเพื่ออะไร"เฮคเตอร์ถามยังรักษาระยะห่าง

    "ผู้คนจะจดจำศึกนี้ไปอีกพันปี"

    "อีกพันปีเถ้ากระดูกเราก็สลายสิ้นไปแล้ว"

    "ก็ใช่ แต่ชื่อเสียงคงอยู่ไม่รู้หาย"

    เขาพูดก่อนทหารเมอร์มิดอนจะมาล้อมรอบพวกเขา

    "กลับบ้านไปซะ ไปดื่มสุราเริงรักกับเมียเจ้า พรุ่งนี้เราได้สู้กันแน่"

    "เจ้าพูดเหมือนสงครามเป็นเรื่องสนุก มีหญิงที่ประตูเมืองกี่คนที่เฝ้ารอสามีที่จะไม่ได้พบกันอีก"

    "ก็ให้น้องเจ้าปลอบพวกนางสิ ได้ยินว่าเก่งเรื่องตีท้ายครัวคนอื่นเขาอยู่แล้ว"

    เฮคเตอร์มองอคิลลิสก่อนจะตัดสินใจถอยทัพกลับ

    "ท่านจะปล่อยเขาไปเหรอ"เพโตรคัสถาม

    "ตอนนี้ยังเร็วเกินกว่าจะฆ่าเจ้าชาย"อคิลลิสกล่าว

    เหล่าทหารยกพลขึ้นฝั่งมาเรื่อยๆและตะโกนโห่ร้องเรียกชื่อของอคิลลิส

    @@@@@@@@@@

    เฮคเตอร์กับเทอร์ร่ากลับไปกรุงทรอย เมื่อพี่ชายบอกเรื่องน้องสาวถูกจับเป็นเชลย เทอร์ร่านึกกลัวสิ่งที่กรีกจะทำกับน้องสาว ทารุณ ข่มขืน ทรมาณ

    เจ้าชายทั้งสองเดินไปตามถนนขึ้นไปที่พระราชวัง พ่อของเขาอยู่ที่ระเบียงมองชายหาดทรอยที่ถูกชิงไป ความเจ็บปวดปรากฎให้เห็นในดวงตาของเขา

    “เรียกสมาชิกครอบครัวข้าในวังมาที่นี่ทันที”

    “พ่อ...”

    “ลูกพ่อ รอก่อน”กษัตริย์พริแอมให้เขารอจนทุกคนมาถึง

    “เรื่องนี้รอไม่ได้”

    ไม่นานปารีส เฮเลน แอนโดรมาเช่กับลูกชาย และทุกคนก็มาถึง

    “ไบรเอซิสล่ะ? เฟลิเซีย?”

    “ท่านพ่อ”เฮคเตอร์กล่าว

    คราวนี้พริแอมหันมามอง

    “ชาวกรีกบุกปล้นวิหารขณะที่ไบรเอซิสกับเฟลิเซียกำลังปฎิบัติหน้าที่”

    กษัตริย์พริแอมน้ำตาไหลออกมา

    “ทหารที่เสียชีวิตให้สิ่งนี้กับข้ายืนยันว่าทั้งเฟลิเซียและไบรเอซิสยังมีชีวิตอยู่ แต่ถูกพวกกรีกจับเป็นเชลย”

    “ไม่...”ปารีสก้าวถอยหลัง

    กษัตริย์พริแอมหันกลับไปมองชายหาด ลูกสาวคนเดียวของเขากลายเป็นถ้วยรางวัลของกรีก

    “ทวยเทพหากท่านได้ยิน...ปกป้องลูกๆของข้า”

    “แต่ท่านพ่อ เราสามารถเอาพวกนางคืนได้ พันธมิตรของเราจะได้รับการแจ้งเตือนและสู้เคียงข้างเรา เรายังทำให้พวกกรีกตกใจด้วยกำลังที่เหนือกว่า”

    “อำนาจอื่น”

    “อียิปต์”

    “เทอร์ร่าไม่ได้รักราชินีแห่งอียิปต์”อันโดรมาเช่เตือน

    “เขาไม่ได้รักนาง แต่ราชินีรักเขาแน่นอน และด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ หากนางพบว่าเทอร์ร่าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางไม่ลังเลจะส่งกองทัพมาที่นี่...แต่นางต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน”พริแอมพูด

    “นางอยากแต่งงานกับเจ้า ลูกชายเจ้าจะได้เป็นฟาโรห์อียิปต์และสร้างพันธมิตรที่ยาวนานระหว่างสองอาณาจักร”เฮคเตอร์กล่าว

    “งั้นข้าก็ยอมรับ”

    “ส่งสาส์นไปหาราชินีชิกุน”กษัตริย์พริแอมสั่ง

    @@@@@@@

    “ข้าเป็นเกียรติมากที่ท่านมาเป็นแขกเมเนเลาส์ เห็นว่าเราไม่ใช่เมืองที่จะยอมถูกกลั่นแกล้งเพื่อให้ยอมจำนน”

    “ภรรยาข้าอยู่ที่ไหน”เมเนเลาส์เอ่ยขึ้น เฟลิเซียมองไปรอบๆห้องไม่เห็นปารีสกับเฮเลน

    “ท่านน่าจะเริ่มต้น...”โอดิสซุสเริ่มพูดด้วยเชาว์ปัญญา แต่ทว่า...

    “ภรรยาข้าอยู่ที่ไหน!!”

    “ปลอดภัยดี”แอนโดรมาเช่พูดอย่างนุ่มนวล

    “ข้าอยากเจอนางตามลำพัง”

    “ท่านพบนางได้ แต่ไม่ใช่ตามลำพัง”

    “กล้าดียังไงมากำหนดข้า...”

    “ที่นี่หรือไม่เอาเลย”

    “พานางเข้ามา”อคิลลิสสั่ง

    พริแอมพยักหน้าให้แพนดารัส เขาออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

    ความตึงเครียดเข้าปกคลุมก่อนที่แพนดารัสจะกลับมาพร้อมราชินีแห่งสปาร์ตา

    เฟลิเซียขมวดคิ้วเมื่อเห็นเฮเลน เธอไม่ชอบราชินีที่น่าเบื่อหน่ายตั้งแต่ก่อนจะรู้เรื่องเธอกับปารีส เธอเกลียดเฮเลนมากที่นำอันตรายมาสู่บ้านของเธอ เธอปล่อยลมหาสใจเบาๆ อคิลลิสปลายตามองให้เธออยู่เฉยๆ

    “พูดกับข้าสิ”เมเนเลาส์บอก

    “ในฐานะอะไร”

    “สามีเจ้า...กษัตริย์”

    “ฝ่าบาท ท่านได้รับการปฎิบัติอย่างดีใช่ไหม”

    “ข้าได้รับการต้อนรับขับสู่ดีทุกอย่าง ถามเท่านั้นหรือ?”

    “เจ้าหนุ่มนั่นวางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนมาใช่ไหม? เขาบังคับเจ้าใช่ไหม?”

    “เปล่า”

    “เปล่าหรือ?”เมเนเลาส์ขมวดคิ้ว”ข้าทำอะไรไว้ถึงต้องได้รับการปฎิบัติเยี่ยงนี้”

    “เปล่าเลย เรารักกันเท่านั้นเอง สักวันหนึ่งท่านจะเข้าใจ”

    “ข้าไม่มีวันเข้าใจ”เขาหันให้ภรรยากลับไปนั่ง

    “ชัดเจนแล้วว่าราชินีเฮเลนปรารถนาจะอยู่เป็นแขกของเราที่นี่ ข้ามั่นใจว่ากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของกรีกไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือด”

    “เลือดได้หลั่งไปแล้ว”อกาเมน่อนตะโกน”ข้าสละธิดาของตัวเองเพื่อให้เหล่าเทพพอใจในการมาที่นี่”

    “ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจว่าเงื่อนไขในการสร้างสันติของเราไม่สามารถต่อรองได้”

    “แจ้งมา”

    “คืนราชินีเฮเลนให้สามีนางทันที”

    “นางไม่อยากกลับไป”

    “ด้วยความเคารพกษัตริย์พริแอม เราไม่ได้สนใจสิ่งที่นางต้องการแม้แต่น้อย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเราจะคืนเฟลิเซียลูกสาวของท่าน”

    พริแอมมองลูกสาวของตัวเอง เขาไม่รู้วาระซ่อนเร้นของการเจรจานี้ เฟลิเซียส่ายหัวพยายามเตือนพ่อแต่เขายอมรับ

    “นางเป็นของพวกท่านแลกกับธิดาของข้า”

    เฮเลนก้มศีรษะออกไปอย่างรวดเร็วไม่ต้องสงสัยว่าจะไปบอกปารีส

    “เรามีเงื่อนไขอื่น กษัตริย์เมเนเลาส์ต้องการการชดเชยสำหรับการดูหมิ่น”

    “เราจะส่งของกำนัลทั้งหมดคืนและจ่ายค่าชดเชยให้”

    อกาเมน่อนลุกขึ้นส่งกระดาษให้ข้ารับใช้ส่งให้กษัตริย์พริแอม

    “นี่คือเงื่อนไขของข้าหรือเผชิญกับสงคราม”

    กษัตริย์พริแอมอ่านแล้วเบิกตากว้าง

    “ช่องแคบดาร์ดาเนลส์ ท่านควบคุมมันอยู่ เก็บภาษีสินค้าและเรือทุกลำ”

    “นี่ล้อเล่นใช่ไหม”

    “ข้ารับรอบว่าไม่”

    “นี่จะทำลายเรา”

    “ลำบากแค่ไม่กี่ปี ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ได้เรียนรู้บทเรียน”

    “อ้อ เข้าใจแล้ว นี่คือสาเหตุที่ท่านมาที่นี่ใช่ไหม เพื่อทำลายเศรษฐกิจของเรา”กษัตริย์พริแอมกล่าว

    “เรามาที่นี่เพราะท่านหยามเกียรติเรา”

    “ไม่ต้องรีบ”โอดิสซุสกล่าว”คิดเสียว่าเป็นทางเลือกดีที่สุดของเมืองท่าน”

    ทั้งเฮ็คเตอร์และเทอร์ร่ามองข้อความและหันไปมองเฟลิเซีย เธอเข้าใจที่พี่ชายอยากจะบอก พวกเขาจะทวงเธอคืนมา

    “ข้าสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้คืนเฮเลน”

    “เฮ็คเตอร์เป็นคนฉลาด”โอดิสซุสกล่าว

    เฮ็คเตอร์โยนมันทิ้งลงพื้น

    “ออกไป และเอาเงื่อนไขพวกนี้ไปด้วย”

    เทอร์ร่ารู้ว่าสงครามเลี่ยงไม่ได้ อกาเมน่อนไม่ได้หวังให้ทรอยตกลง หรือถ้าตกลงเขาก็สามารถยึดทรอยที่อ่อนแอลงได้ภายหลัง

    ในตอนนั้นปารีสเข้ามาพร้อมชักมีด พวกทหารรีบห้ามขณะเขายืนกรานไม่คืนตัวเฮเลน

    “ปารีส วางอาวุธลง”กษัตริย์พริแอมสั่ง”ราชินีของเจ้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

    “เราจะนำโทสะของเทพเจ้ามาใส่หัวชาวเอเชียอย่างพวกเจ้า”เมเนเลาส์ลุกขึ้นก่อนออกจากท้องพระโรง

    อคิลลิสไม่ได้ดึงเชือกแต่ผลักหลังเธอเบาๆนำเธอออกจากห้อง เธอเหลือบมองครอบครัวของเธอ

    พวกเขาทุกคนร้องไห้

    @@@@@@@@

    เช้าวันรุ่งขึ้น กองทัพทั้งสองฝ่ายเริ่มเปิดศึกกันบนที่ราบ ขณะที่เหล่าเทพีทั้งสามต่างประทานพรให้แก่ยอดนักรบหรือลูกครึ่งเทพ บางคนก็เป็นลูกพวกเธอเอง

    “เอแจ็กซ์บุตรแห่งเทเลมอน ผู้ไม่เคยแพ้ในการวิวาท ข้าให้พรเจ้า”


    “เทอร์ร่า บุตรแห่งพริแอม ข้าให้พรเจ้า”

    “โอดิสซุส กษัตริย์แห่งอิทากา ข้าให้พรเจ้า”

    “ซาเพดอนและกลอคอสแห่งกระแสน้ำวนซานคอส ข้าให้พรเจ้า”

    “เนสเตอร์และแอนติโลคัสบุตรชาย ข้าให้พรเจ้า”

    “อตาลันต้าแห่งอาร์คาเดีย ข้าให้พรเจ้า”

    “เอเนียส ผู้นำแห่งดาร์ดาเนียน ข้าให้พรเจ้า”


    “ไดโอมีดีส บุตรแห่งทีเลียส ข้าให้พรเจ้า”


    “เฮคเตอร์ รัชทายาทแห่งทรอย ข้าให้พรเจ้า”


    “อคิลลิส นักรบอมตะ ข้าให้พรเจ้า”


    @@@@@@@@

    กษัตริย์พริแอมร้องขอความช่วยเหลือและส่งม้าเร็วกับนายทหารที่เชื่อถือได้ลักลอบออกจากทรอยขึ้นเรือและส่งสาส์นสำคัญให้ฟาโรห์

    ผู้ส่งสาส์นได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ราชินีชิกุนแห่งอียิปต์เป็นที่รู้จักเรื่องความเจ้าเล่ห์ แต่ทุกคนรู้ดีถึงความรักที่เธอมีต่อเจ้าชายทรอย


    "ยินดีต้อนรับสหายทรอยของข้า ข้าขอต้อนรับด้วยงานเลี้ยงเย็นนี้”

    "ขอบคุณราชินี ท่านใจดีมาก แต่ข้าเกรงว่านี่ไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะ"ซาเวียร์นำสาส์นจากกษัตริย์พริแอมให้ชิกุน

    “ข้าให้นายทหารที่เชื่อถือได้ซาเวียร์นำสาส์นไปให้ท่าน ทรอยถูกชาวกรีกโจมตีและยึดชายฝั่งของเราไป เมืองของเรายังคงแข็งแกร่ง 

    ข้าแน่ใจว่าท่านอยากได้ยินเกี่ยวกับลูกชายของข้าเทอร์ร่า เขาได้นำกองทัพตีตลบหลังทหารกรีกตายนับพันที่ชายหาด แต่ชาวกรีกได้จับเฟลิเซีย ลูกสาวข้าเป็นเชลยพร้อมกับไบรเอซิสหลานสาวข้า ดังนั้นข้าร้องขอให้ราชินีอียิปต์สู้เคียงข้างเราและท่านจะกลับไปอียิปต์ไม่เพียงชัยชนะอันรุ่งโรจน์ แต่ยังได้สวามีของท่านด้วย”

    ชิกุนไม่รอช้า เธอสั่งเรียกตัวนายพลที่เก่งที่สุดมาที่พระราชวังเตรียมกองทัพ เสบียงและอาวุธให้พร้อม กองเรืออียิปต์เตรียมไปช่วยทรอยและเจ้าชายของเธอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×