ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #9 : บ้านสามี

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 9 บ้านสามี

    แม้ว่าอากาศจะร้อนแค่ไหน ฟางเหนียงก็ยังคงนั่งซักเสื้อผ้าให้เสร็จภายในวันนี้ นางวางแผนไว้แล้วว่าจะทำอะไรต่อหลังจากนี้เป็นอันดับแรก

    หลัก ๆ ที่ต้องทำคือทวงที่ดินของสามีกลับคืนมาให้ได้ เรื่องหน้าหนาด่าคนข้าถนัดนัก พอดีเลยอยากหาที่ระบายอยู่พอดี บ้านสกุลเดิมเป็นสถานที่ปลดปล่อยที่ถูกข้าเลือกไว้แล้ว หึ ๆ

    ความทรงจำของร่างเดิมไม่มีหลงเหลืออยู่เลย ความเกรงใจหรือเคารพบ้านสกุลเดิมไม่มีอยู่ในจิตสำนึก ข้าจะตัดขาดจากพวกเขาให้จบสิ้น

    รวยเมื่อไหร่พวกปลิงจะได้ไม่วิ่งแจ้นเข้ามาเกาะให้รำคาญใจอีก

    ผ้ากองโตลดลงเรื่อย ๆ ผ้าห่มของลูก ๆ ที่ซักเสร็จแล้วก็เรียกให้เจ้ารองมาเอาไปตาก ตอนนี้เด็ก ๆ กำลังช่วยกันถางหญ้าข้างบ้านอยู่ ได้ยินเสียงพวกเขาหัวเราะเล่นกันสนุกสนาน คนเป็นแม่ก็พลอยยิ้มตาม

    มารดาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้ พวกเขาคงสบายใจมากขึ้น ก็นะข้ามันคนสวยที่จิตใจดี เด็กต้องอยากเข้าหาอยู่แล้ว

    […]

    ระบบที่กำลังหาโอกาสแทรกเข้ามาขายของ ถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

    ฟางเหนียงหลงตัวเองอย่างหนัก ไม่ใช่แค่สภาพจิตใจของเด็กดีขึ้น แม้แต่ตัวนางเองก็รู้สึกมีความหวังกับการใช้ชีวิตมากขึ้นเช่นเดียวกัน

    ชาติที่แล้วพยายามไขว่คว้าหาความสุขมาทั้งชีวิต สุดท้ายแล้วแม้แต่ก่อนตาย ยังถูกคนที่อยากคบหาด้วยผลักให้รถชนตาย พ่อแม่ที่รู้ข่าวก็ส่งคนมาจัดงานศพอย่างขอไปที

    อยู่ที่นั่นไปก็ไม่มีความสุขอยู่ดี สู้มาประมือกับเด็กที่น่ารักดีกว่า

    มาอยู่ที่นี่มีลูก ๆ ให้ต้องเลี้ยงดูสั่งสอน มีครอบครัวที่อบอุ่น ชีวิตที่ข้าต้องการมีเพียงเท่านี้ คือได้รับความรักจากใครสักคน มีเป้าหมายในชีวิตให้สู้ต่อ

    ดูสิขนาดเพิ่งได้เจอกันยังไม่ทันไร ต้องมานั่งซักเสื้อผ้าให้กันแล้ว เป็นแม่ที่ดีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ

    “ท่านแม่ขอรับ”

    “หืม ว่าไง ผ้าในตะกร้าเอาไปตากได้เลยลูก”

    ฟางเหนียงไม่ได้หันกลับไปมอง คิดว่าลูกคงมาเอาเสื้อผ้าไปตาก อีกอย่างยังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวันก็ทำเรื่อย ๆ ไปก่อน

    พอได้มานั่งซักเสื้อผ้าของทุกคน ก็เห็นบางอย่างที่น่าสนใจ เพราะแม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะไม่ได้ดูแลลูก ๆ เลย แต่ดูเหมือนสามีของนางจะรักลูกมาก ดูจากเสื้อผ้าชุดใหม่ ๆ ที่มีให้ใส่ไม่เคยขาดก็พอจะรู้ได้

    หากบิดาอยู่บ้านเด็ก ๆ คงไม่เคยต้องลำบาก เสื้อผ้าถึงได้มีให้ซักเยอะเช่นนี้

    เฮ้อ~ ข้าชักอยากเจอพ่อของลูกแล้วสิ ไม่ใช่ป่านนี้กำลังถูกหมีวิ่งไล่อยู่ในป่าหรอกนะ เห็นว่าเข้าป่าไปสองเดือนแล้วไม่กลับมาสักที

    แต่ว่าก็ว่าเถอะ คิดได้ไงพ่อคุณ ถึงปล่อยลูกทิ้งไว้ให้ภรรยานิสัยแปลก ๆ คอยดูแล ถ้าไม่หล่อจริงนะ กลับมาแล้วแม่จะบ่นให้หูชาเลย

    “ท่านแม่มีคนมาหาขอรับ”

    ตงซิ่วเห็นมารดาไม่หันกลับมาหาตามเสียงเรียก จึงเดินไปกระซิบข้างหูมารดาให้นางรู้ตัวว่า มีคนจากบ้านใหญ่มาหา

    ฟางเหนียงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปมองด้านหลังทันที ก็เห็นว่ามีสตรีสองคนยืนถือตะกร้ามองมาด้วยสีหน้าตกใจ

    ไม่แปลกหรอก ก็เจ้าของร่างเดิมขี้เกียจตัวเป็นขนนี่นา นางไม่มีทางนั่งซักผ้าของคนทั้งบ้านเช่นนี้หรอก

    “ท่านย่า ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ข้าขอไปตากผ้าก่อนนะขอรับ”

    ตงซิ่วจำได้ว่ามารดาไม่เหลือความทรงจำอยู่เลย นางคงจำผู้มาเยือนไม่ได้จึงช่วยเฉลยให้ทราบ ก่อนขอตัวไปทำงานต่อ

    พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ก็รีบลุกขึ้นก้มหัวทำความเคารพทันที

    “เอ่อ...ท่านแม่สามี ข้าขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่าท่านมาหาจึงเสียมารยาทไป น่าอายจริง ๆ”

    ฮูหยินผู้เฒ่าทำตาโต ไม่คิดว่าสะใภ้สามจะทำความเคารพตน เพราะตั้งแต่แต่งงานกับบุตรชายของตนมา สะใภ้ผู้นี้หยิ่งผยองนัก ไม่เคยสนหัวใครวัน ๆ สร้างแต่เรื่องชวนปวดหัว

    เจอหน้ากันทีไรไม่เคยมีคำทักทาย เดินผ่านไปเหมือนไม่เห็นหัว ที่เจ้าใหญ่บอกว่าสะใภ้ผู้นี้เปลี่ยนไปแล้ว มันคือเรื่องจริงหรือนี่!

    นางเก็บงำความสงสัยไว้ในใจตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จู่ ๆ หลานชายก็มาหาพร้อมอาหารจานเนื้อ บอกว่ามารดาให้นำมาให้ ทุกคนในบ้านใหญ่ต่างตกใจไม่กล้ากิน นึกกลัวว่าสะใภ้ใจยักษ์จะลอบวางยาพิษ

    “เจ้าสลบไปตั้งหลายวัน หายดีแล้วหรือ?”

    “ข้าไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหนเจ้าค่ะท่านแม่ แต่ดูเหมือนว่าหัวของข้าคงไปกระแทกกับโขดหินเข้า ตอนนี้จึงจำอะไรไม่ได้”

    “...”

    “แต่เมื่อวานเจ้ารองเล่าทุกอย่างให้ฟังแล้ว ข้าต้องขออภัยท่านแม่กับพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ ในอดีตข้าสร้างเรื่องไว้มาก ข้ารู้สึกผิดแล้ว”

    “ท่านแม่สามี... ต่อจากนี้ไปข้าสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวให้ดี จะเชื่อฟังคำแนะนำของพวกท่าน คอยดูแลลูก ดูแลสามีตามที่ควรจะเป็น ขออภัยจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าสำนึกผิดแล้ว”

    ร่างอวบอ้วนคุกเข่าขอโทษจากใจจริง สะใภ้ใหญ่รีบวิ่งเข้ามาประคองให้นางยืนขึ้น แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ายังเอ่ยปากให้ลุกขึ้นมาคุยกันดี ๆ

    สายตาและท่าทางของนางเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หรือครั้งนี้ที่บอกว่าสูญเสียความทรงจำไป...นางจะพูดความจริง

    เอาละ ๆ อย่าคุกเข่าเลยรีบลุกขึ้นมา หากเจ้าสำนึกผิดจริง ข้าก็พร้อมให้อภัยเจ้า ดูจากที่เจ้าส่งอาหารมาให้ ข้ารับรู้ถึงความจริงใจแล้ว”

    “ลืมอดีตไปเสีย แล้วดูแลลูกหลานของข้าให้ดี พวกเขาเจ็บปวดมามากพอแล้ว สะใภ้สามข้าให้อภัยเจ้า”

    “ขอบพระคุณท่านมากเจ้าค่ะท่านแม่สามี”

    “ข้าเองก็ไม่ถือสาหาความกับเจ้าหรอกนะน้องสะใภ้สาม ท่านแม่อยากมาเยี่ยมหลานข้าจึงขอตามมาด้วย ข้าเอาไข่มาฝากเจ้า ตอบแทนเรื่องอาหารที่เจ้าส่งมา”

    “ตัวข้านั้นเนรคุณนักปีนี้ผลผลิตไม่ดี ไม่มีโอกาสให้พ่อแม่สามีได้กินเนื้อบ่อย ๆ เนื้อที่เจ้าส่งมาทำให้ข้าโล่งใจขึ้นมาก แม้แต่สามีข้ายังเอ่ยปากชมรสมือทำอาหารของเจ้า”

    สะใภ้ใหญ่ย้อนนึกถึงเรื่องเมื่อวาน ทุกคนล้อมวงจับตะเกียบไม่มีใครกล้าคีบอาหารที่ฟางเหนียงส่งมา

    ทว่าสามีของนางทนกลิ่นหอมเย้ายวนไม่ไหว จึงเป็นผู้กล้าขอลองกินก่อนคนแรก เห็นเขาหยิบคีบเนื้อชิ้นแล้วชิ้นเล่าอย่างเอร็ดอร่อย ทุกคนก็พลันได้สติแย่งอาหารกันชุลมุนไปหมด

    ฟางเหนียงสบตากับสะใภ้ใหญ่ คล้ายกำลังดูว่านางเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ สรุปว่าคนผู้นี้คบหาได้ เพราะยามที่ร่างเดิมใจร้ายไม่สนลูก ก็ได้นางทำอาหารให้เด็ก ๆ กิน เช่นนั้นข้าต้องตอบแทนนางให้ดี

    “ท่านเอากลับไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอ เมื่อวานหลานชายของท่านไปซื้อของที่หมู่บ้านข้าง ๆ มา ข้าสั่งให้ซื้อไก่มาเลี้ยง แต่เขาดันซื้อไข่มาหลายสิบใบยังกินไม่หมดเลยเจ้าค่ะ กำลังคิดว่าจะแบ่งไปให้บ้านใหญ่อยู่พอดี”

    “ไม่เห็นต้องซื้อ ถ้าอยากเลี้ยงไก่ก็ไปเอาที่บ้านของข้า ข้าจะแบ่งให้สักสามสี่ตัว เย็นนี้ให้เซี่ยเหิงมาเอาเถอะ เก็บเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินดีกว่า เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว”

    “ขอบคุณท่านแม่สามีเจ้าค่ะ”

    “สะใภ้สามบ้านของเจ้าคึกคักนัก เห็นเช่นนี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว”

    “ท่านพูดอะไรเช่นนั้น ท่านต้องอยู่กับพวกเราไปนาน ๆ สิเจ้าคะ”

    “พี่สะใภ้ใหญ่พูดถูก ท่านแม่ยังสาวนัก ยังอยู่ได้นานจนบุตรชายข้าแต่งงานมีเหลนมากมายแน่นอนเจ้าค่ะ”

    ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นสะใภ้ทั้งสองเข้ากันได้ดี ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ ครอบครัวของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนคนที่สามกลับมาสงบสุขเสียที

    ฟางเหนียงออกมาส่งแขกถึงหน้าบ้าน ไข่ที่สะใภ้ใหญ่ถือมานางไม่ขอรับไว้ แต่กลับเพิ่มไข่ให้อีกห้าฟองกับเนื้อหมูอีกหนึ่งชิ้นโต ๆ บอกให้สะใภ้ใหญ่นำกลับไปทำอาหารให้พ่อแม่สามีกิน

    อีกฝ่ายทำท่าไม่รับ แต่ก็ถูกหลานชายยัดเยียดให้รับไปจนได้

    เมื่อเดินห่างจากบ้านบุตรชายคนที่สามออกมาไกลแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็แอบปาดน้ำตาไม่ได้

    “สะใภ้ใหญ่ข้าว่านางเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เจ้าอย่าอคติกับนางนักเลย จากนี้ไปนางต้องกลับมาตอบแทนเราอย่างแน่นอน ข้าเห็นสายตามุ่งมั่นของนางแล้ว”

    “ท่านแม่...”

    “บ้านเจ้าสามจะไม่เป็นบ้านที่ใคร ๆ เขารังเกียจอีกต่อไปแล้ว”

    “ข้าก็เชื่อเช่นนั้นเจ้าค่ะ แต่สะใภ้รองนางจะยอมจบหรือไม่ ที่ผ่านมาสะใภ้สามเล่นงานนางหนักน่าดู”

    “นางเป็นฝ่ายเริ่มก่อน จะให้โทษสะใภ้สามฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เช่นนั้นเราสองคนคงต้องคอยจับตาดูกันไป”

    “เจ้าค่ะท่านแม่”

    สะใภ้ใหญ่ผู้นี้ใจกว้างยิ่งนัก แต่ก่อนก็ไม่เคยสนใจใคร จะฟางเหนียงหรือสะใภ้รองก็ตาม นางแค่ใช้ชีวิตของนางไป ดูแลบ้าน ดูแลพ่อแม่สามี เป็นคนหัวอ่อนโกรธใครเขาไม่ค่อยเป็น

    ส่วนเรื่องทรัพย์สมบัติก็แบ่งจบกันไปนานแล้ว ต่างฝ่ายต่างอยู่ คอยช่วยเหลือกันยามเดือดร้อน น้องสามกลับออกจากป่าทีไรก็มักจะมีเนื้อชิ้นใหญ่มาให้เสมอ ที่บ้านใหญ่ได้กินเนื้อบ่อย ๆ ก็เพราะเขา

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×