คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บุตรบุญธรรม
ตอนที่ 9 บุตรบุญธรรม
มนตราจ้องมองชายวัยกลางคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาดีหรือมาร้าย เธอไม่ใช่เด็กอายุสิบสามปีดังที่เห็นภายนอก
จิตวิญญาณของเธอหากรวมกับอายุของร่างนี้แล้ว คงจะอายุมากกว่าชายตรงหน้าเสียอีก
หญิงสาวอ่านแววตาของเขาออก ก็เห็นว่าแววตาของเขาฉายชัดถึงความมีจิตเมตตา ไม่ได้แอบแฝงไปด้วยความมาดร้าย เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก นึกว่าตนพลาดเข้ามาในถ้ำเสือเสียแล้ว
"ท่านลุง...ก่อนอื่นฉัน..ข้าอยากให้ท่านตัดสินใจใหม่อีกครั้ง หลังจากฟังเรื่องที่ข้าเล่าตั้งแต่ต้นจนจบ หากท่านเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาข้าก็ไม่ขัดเจ้าค่ะ"
หูอี้เทียนเปิดโอกาสให้เด็กสาวอธิบายเกี่ยวกับตัวตนของนาง โดยมีหูต้าลู่ผู้เป็นบุตรชายนั่งฟังด้วย
มนตรามองอาเยี่ยนน้อยที่นั่งซดน้ำซุปอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะเล่าความจริงทุกอย่างให้สองพ่อลูกตรงหน้าฟัง
"ฉัน...เอ่อ...ข้าชื่อจางฉินฉินเจ้าค่ะ ส่วนน้องชายข้าชื่อจางอ้ายเยี่ยน แต่คนส่วนใหญ่เรียกเขาว่าอาเยี่ยน หากท่านสังเกตเห็นแท้จริงแล้วน้องชายข้าอายุแปดปีแล้ว แต่เขาเคยถูกมารดาเลี้ยงนำไปขายให้พ่อค้าทาสตอนเขายังเด็ก สุดท้ายถูกส่งกลับมาด้วยสภาพเปื้อนเลือด กลายเป็นเด็กเติบโตช้าอย่างที่พวกท่านเห็น ที่ผ่านมาข้าสองพี่น้องไม่เคยได้กินอิ่มท้อง ถูกมารดาเลี้ยงทุบตีทรมานทุกวัน..ข้า..ข้าไม่อยากทนเป็นที่รองมือรองเท้าใครอีกแล้ว จึงลุกขึ้นสู้กับนางและชาวบ้านเพื่อเอาชีวิตรอดจากครอบครัวที่แสนเลวร้าย"
มนตราเอ่ยเล่าหน้าเศร้า ทั้งยังเล่าถึงเรื่องของบิดามารดาเจ้าของร่างเดิมนี้ว่าเสียชีวิตอย่างไร
"ข้าอาจจะเป็นเด็กอัปมงคล คอยกินดวงชะตาชีวิตผู้ให้กำเนิดก็ได้ พวกท่านรู้เช่นนี้แล้วไม่กลัวข้าหรือ"
เล่าจบหญิงสาวก็น้ำตาไหลพราก มันเป็นความเศร้าใจจากจิตใต้สำนึกที่เจ้าของร่างคนเดิมเผชิญมาตลอด เด็กคนนั้นได้แต่เก็บงำความทุกข์ไว้ในใจ เล่าออกไปให้ใครฟังไม่ได้ ทว่าวันนี้กลับมีคนนอกรับรู้เรื่องราวนั้นแล้วก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้จริง ๆ
หูอี้เทียนได้ฟังเรื่องราวแล้วก็สั่งให้บุตรชายปิดร้านทันที
"ต้าลู่ปิดร้าน! วันนี้เราจะฉลองต้อนรับสมาชิกครอบครัวใหม่กัน"
มนตราเงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนที่อุ้มอาเยี่ยนน้อยขึ้นมากอด เขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ หญิงสาวพลางยกมือลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู
"ข้าไม่รังเกียจเจ้า ที่ผ่านมาเจ้าคงจะเหนื่อยมากสินะ ต่อไปนี้เรียกข้าว่าท่านพ่อเถิด ข้าจะเลี้ยงดูพวกเจ้าสองพี่น้องเอง"
"ข้าก็ด้วย ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าสองพี่น้องโดนใครรังแกอีก หากพวกมันกล้าทำร้ายเจ้าข้าจะเอาคืนให้ร้อยเท่าพันเท่า"
มนตราในร่างฉินฉินยกมือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น อาเยี่ยนเห็นพี่สาวร้องไห้เขาก็ร้องตามไปด้วยอีกคน
"พี่ใหญ่ท่านร้องไห้ทำไม เจ็บแผลอีกแล้วหรือ อาเยี่ยนเป่าให้นะ ฟู่ ๆ หายเจ็บแล้ว"
เด็กชายยื่นหน้ามาเป่าให้พี่สาว อี้เทียนเห็นดังนั้นก็รู้สึกประทับใจไม่น้อย ที่บุตรสาวคนใหม่ของตนสอนน้องชายได้ดีเหลือเกิน ถึงนางจะลำบากแต่ไม่เคยทอดทิ้งน้องชายหรือเห็นเขาเป็นภาระแม้แต่น้อย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อี้เทียนและต้าลู่เจอสองพี่น้องคู่นี้ นานมาแล้วพวกเขาเคยออกไปจ่ายตลาดซื้อวัตถุดิบเข้าร้าน และบังเอิญเห็นสองพี่น้องเนื้อตัวมอมแมมนั่งอยู่บนพื้น ผู้เป็นพี่กำลังบิซาลาเปาที่ชาวบ้านให้ป้อนน้องชายทีละคำจนกว่าเขาจะอิ่ม ตนจึงค่อยกินเศษที่เหลือพอประทังชีวิตไปวัน ๆ
ตั้งแต่นั้นมาด้วยความบังเอิญหรือโชคชะตากำหนดก็ไม่อาจหยั่งรู้ ทุกวันอี้เทียนมักจะเห็นพี่น้องสองคนเดินหางานทำในเมือง แต่เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะกลัวคนแปลกหน้าเช่นตน จึงไม่เข้าไปทักและได้แต่ตามดูห่าง ๆ กลัวว่าจะถูกคนรังแก แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ชาวบ้านที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน ทุกครั้งที่เดินผ่านมาเห็นสองพี่น้องมักจะชี้หน้าหัวเราะพลางพ่นถ้อยคำดูถูก แม้จะไม่ทำร้ายร่างกายทว่ากับจิตใจนั้นต่างพากันทำร้ายจนไม่เหลือชิ้นดี แต่เด็กสาวก็ทำได้เพียงก้มหน้าอดทน
จากเด็กสาวอ่อนแอในวันวาน กลับกลายเป็นหญิงสาวที่มีความคิดลุกขึ้นสู้เพื่อตนเองและครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ถึงกายภายนอกจะเหมือนเดิม ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่คือแววตาของนาง
มนตราเอ่ยถามย้ำกับชายตรงหน้าอีกครั้ง
"ท่านอยากจะเป็นบิดาข้าจริง ๆ หรือเจ้าคะ..ข้าไม่มีเงินทองติดตัวมาเลยมีแต่จะเป็นภาระท่านเสียเปล่า ๆ”
อี้เทียนหัวเราะขยี้ผมเด็กสาว เขาจ้องตานางให้นางเห็นกับตาว่า เขานั้นไม่ได้ต้องการจะล้อเล่นกับความรู้สึกของเด็กสาวแม้แต่น้อย
"ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าไม่ให้ทำงานหนัก เรื่องแบบนั้นใช้ต้าลู่ทำคนเดียวก็พอแล้ว น้องชายเจ้าข้าก็ไม่รังเกียจ เขาน่ารักเช่นนี้ข้าจะผลักไสปล่อยเขาไปได้อย่างไรกัน"
ฟังคำเขาแล้วมนตราก็นึกสงสัยอยากถามเขาต่อ ทว่าร้านบะหมี่ของอี้เทียนกลับถูกชาวบ้านหลายคนพังประตูเข้ามาเสียก่อน
ปัง..
"นางเด็กบ้า! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ข้าพาแม่หมอมาไล่ผีร้ายแล้ว เจ้าหนีไปไหนไม่พ้นหรอก...ออกมาเดี๋ยวนี้!"
นางเฉียนตะโกนเสียงดังปรอทแตกจนชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดดู
มนตรายิ้มเย็นกำลังจะเดินออกไป แต่ถูกอี้เทียนห้ามเอาไว้ก่อน
"เจ้าอย่าออกไป ให้ข้าจัดการเอง"
เด็กสาวส่งยิ้มให้เขา พลางตบหลังมือของเขาเบา ๆ
"ฝากอาเยี่ยนด้วยเจ้าค่ะ ข้าอยากจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เรื่องทุกอย่างจะต้องจบลงในวันนี้ หากท่านรับข้าเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว จะได้ไม่เป็นที่ครหาให้ผู้อื่นเขาหัวเราะเยาะ"
นางเฉียนกวาดตามองภายในร้านเล็ก ๆ เห็นลูกเลี้ยงกำลังเดินออกมา ก็ยกยิ้มเหมือนได้ชัยชนะไปครองแล้ว
ร่างเล็ก ๆ ของฉินฉินที่มีจิตวิญญาณของมนตราเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านบะหมี่ ชาวบ้านล้อมปิดทางเอาไว้กันหญิงสาววิ่งหนี ตรงกลางมีหญิงชราใส่ชุดหลากสีถือกระดิ่งเต้นโยกไปโยกมา ปากพึมพำเหมือนกำลังทำพิธีบางอย่าง
"ข้าสัมผัสได้ถึงลางร้าย นางเด็กนั่นถูกผีเข้าสิง ต้องเอาเลือดหมาดำสาดใส่มัน"
“เหอะ”
หญิงสาวหัวเราะเสียงเย็นยะเยือกให้เข้ากับบรรยากาศที่กำลังมาคุ
เท้าเล็ก ๆ เดินไปหยิบเก้าอี้ออกมานั่งหน้าร้าน ด้านหลังมีชายสองคนกำลังอุ้มน้องชายเอาไว้และคอยยืนปกป้องอยู่ไม่ห่าง
"นางเฉียนเจ้าชักจะเอาใหญ่แล้วนะ..ที่ผ่านมาเจ้าทำร้ายร่างกายข้าทุกวันยังไม่สาแก่ใจเจ้าอีกรึ พอข้าไม่ยอมให้เจ้าทุบตีก็ลงทุนไปจ้างหมอผีปลอมมาขับไล่ข้าเสียอย่างนั้น ท่านรวยนักหรือ! เก็บเงินไปซื้อข้าวกินไม่ดีกว่าหรือ"
นางเฉียนไม่สะทกสะท้านอะไร นางถือถังไม้ที่ใส่เลือดหมาดำเอาไว้ นางมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าลูกเลี้ยงของตนถูกผีสิงแน่นอน
"แม่หมอดูสิ ผีร้ายมันกำเริบเสิบสานใหญ่แล้ว ให้ข้าสาดเลือดหมาดำเลยหรือไม่เจ้าคะ"
หมอผีชราหยุดเต้น นางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว ปากก็ขมุบขมิบบทสวดโดยไม่มีเสียงออกมา
ปากเล็ก ๆ ยิ้มเย็นพลางพูดเตือนเป็นครั้งสุดท้าย..
"ข้าเตือนพวกท่านไว้ก่อน ใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องรับโทษอย่างหนัก ฉัน...ข้าจะฟ้องร้องต่อทางการว่าพวกท่านทำให้ข้าเสียชื่อเสียงต่อหน้าคนมากมาย..เลือดหมาดำในมือท่านหากข้าเป็นผีจริง ๆ ต้องกลัวหรือ..เอาสิ..สาดเลยจะได้จบ ๆ หากข้าไม่ใช่วิญญาณร้ายอย่างที่กล่าวหา พวกท่านเตรียมตัวจ่ายค่าชดเชยมาเลยคนละสิบตำลึงเงิน"
เวลาเป็นเงินเป็นทอง คนอย่างมนตราหากได้เสียเวลาแล้วต้องได้ค่าตอบแทนกลับคืนมาอย่างสาสม
นางเฉียนโกรธที่เห็นลูกเลี้ยงยังคงนิ่งเฉย และไร้ท่าทีหวาดกลัวพวกตน
นางไม่รอให้หมอผีส่งสัญญาณ ก็สาดเลือดหมาดำใส่หญิงสาวทันที
ซ่า..
กลิ่นคาวเลือดเหม็นจนอยากอาเจียน ทุกคนที่รอดูผลลัพธ์อยากจะเห็นหญิงสาวดิ้นทุรนทุราย ต่างก็ต้องผิดหวังไปตาม ๆ กัน เมื่อนางไม่เป็นอะไรเลย กลับยกมือเช็ดคราบเลือดที่อยู่บนหน้าออกสบาย ๆ
ต้าลู่กลับเข้าไปหลังร้านพร้อมกับถังน้ำในมือ เขานำน้ำราดบนหัวน้องสาวบุญธรรมหวังจะให้กลิ่นเลือดเจือจางลงบ้าง
หมอผีปลอมเห็นว่าเลือดหมาดำใช้ไม่ได้ผลก็รีบกลับคำทันที
"นางไม่ใช่วิญญาณร้าย พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนเล่า"
ฝ่ายมนตราไม่ปล่อยให้หญิงชราหนีไปได้ เธอยกมือจับข้อมือเหี่ยว ๆ เอาไว้แล้วกำจนเส้นเลือดขึ้น
"จะหนีไปไหน! เมื่อครู่ท่านยังบอกว่าสัมผัสได้ถึงวิญญาณร้ายอยู่เลยนี่ ตอนนี้คิดจะกลับคำก็สายไปเสียแล้ว "
หญิงชราพยายามแกะมือหญิงสาวออก แต่เธอกลับกำมันแน่นมากกว่าเดิม แล้วหันหลังไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย
"ท่านพี่ต้าลู่ ท่านช่วยไปตามทหารมาจับคนเหล่านี้ไปที่ศาลตัดสิน ให้คนของทางการช่วยตัดสินให้ได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ท่านช่วยมอบความยุติธรรมให้แก่ข้าที ข้าให้โอกาสพวกท่านไปแล้วนะ ไม่รับเอาไว้เองจะมาอ้อนวอนขอให้ข้าไม่เอาเรื่องตอนนี้ก็สายไปแล้ว"
ต้าลู่รับคำน้องสาวแล้วรีบวิ่งฝ่าฝูงชนไปทันที ไม่นานก็มีทหารหลายสิบนายมาจับตัวผู้เกี่ยวข้องไปไว้ที่ศาลตัดสินกลางเมือง ชาวบ้านบางคนโวยวายพลางเอ่ยโกหกว่าตนเองไม่รู้เรื่อง เพียงแค่ถูกนางเฉียนหลอกมาเท่านั้น แต่นายทหารไม่ฟังเพราะพวกเขารับเงินมาแล้ว ต้องทำงานให้สมกับเงินที่ได้รับ
ร่างเล็กไม่รู้เรื่องนี้ว่าบิดาบุญธรรมแอบส่งถุงเงินของตนให้พี่ชายไปติดสินบนคนของทางการ หญิงสาวมารู้ทีหลัง ก็หลังจากเรื่องทุกอย่างจบไปแล้ว
ความคิดเห็น