คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เลี้ยงดูมากับมือ
บทที่ 4 เลี้ยงดูมากับมือ
ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังหยอดความหวานอยู่กลางบ้านนั้น หยางเหลิน พี่ชายคนโตของเหลียนฮวาก็มาหาน้องสาว พร้อมกับไก่ป่าที่ล่ามาได้เมื่อเช้าพอดี
จู่ ๆ พี่ชายก็โผล่มากะทันหัน เหลียนฮวารีบกระเด้งตัวออกจากตักสามีแทบไม่ทัน ทว่าต่อให้พยายามปิดบังมากเพียงใด แต่ปากบวมเจ่อเช่นนี้พี่ชายจะมองไม่เห็นได้อย่างไร แต่ปากนี่ฉีกยิ้มสวนทางกับความคิด
เจ้าตัวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าน้องสาว ทำท่าทางมองหาคนทั้งที่นางก็ยืนอยู่ตรงหน้า แค่เตี้ยไป...เอ่อ นิดหนึ่งเท่านั้น
“มีใครอยู่หรือไม่?”
“ไม่มี” เหลียนฮวากำหมัดต่อยเข้าที่สีข้างพี่ชายหนึ่งที ทว่าเขาไวกว่ากลับหลบทัน แล้วคว้าข้อมือบางดึงขึ้นไม่ให้นางทำร้ายเขาได้อีก
“แล้วหมูที่ไหนตอบ ฮึ!” มือแกร่งที่ผ่านการล่าสัตว์มาอย่างโชกโชนหยิกแก้มน้องสาวจนแดงเป็นปื้น สักพักก็หายไม่เหลือร่องรอยให้เห็น
“พี่ใหญ่ท่านมาทำอะไร?”
“หึ ใครสั่งใครสอนให้พูดกับพี่ชายห้วนเช่นนี้ ไม่งามเลยรู้หรือไม่”
“ก็ท่านอย่างไรเล่า...เจ้าคะ” ท่าทีฝืนทนพยายามพูดเพราะนั้น ทำให้คนมองนึกหมั่นไส้ มือใหญ่ใช้มือยีหัวน้องสาวจนผมเผ้ายุ่งเหยิง
สองพี่น้องสนิทกันมาก มักจะหยอกล้อกันเล่นเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ เหลียนฮวาเป็นลูกหลงอายุห่างจากพี่ชายคนโตเกือบยี่สิบปี ที่ตลกร้ายคือบุตรชายของหยางเหลินอายุน้อยกว่าอาเล็กสามปีเท่านั้น ไม่แปลกที่เขาจะรักน้องสาวมาก
เหลียนฮวาเป็นบุตรคนที่เจ็ดของตระกูลหยาง เป็นที่รักใครของครอบครัว ทุกคนเลี้ยงดูนางอย่างดีชนิดที่ว่า ต่อให้ทั้งบ้านจะมีเนื้อเหลือแค่หนึ่งชิ้น ทุกคนก็จะพร้อมใจกันยกให้นาง
ทว่าตระกูลหยางนั้นคล้ายเป็นตระกูลต้องสาป สะใภ้ที่ตบแต่งเข้ามาในตระกูลมักจะป่วยตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือไม่ก็มีเหตุให้จากไป เหลียนฮวาเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่เหลือรอด บิดาและพี่ชายจึงรักดูแลนางอย่างดีมาโดยตลอด จนถึงวันที่มีปีศาจหน้าหล่อใช้ใบหน้าหลอกล่อผู้อาวุโสของบ้านให้หลงคารม จนยอมยกบุตรสาวให้
หากถามว่าครอบครัวรักนางมากเพียงใดน่ะหรือ? ก็มากขนาดที่ว่าแม้นางจะแต่งงานแล้ว พี่ชายคนโตยังตามมาดูแลน้องสาวเหมือนเคย อย่างวันนี้ที่ล่าสัตว์ได้เขาก็นำมาแบ่งให้นาง
เป็นเพราะอยากรู้ว่าน้องสาวยังอยู่ดีหรือไม่ สามีของนางก็ป่วยบ่อยผิดกับน้องสาวของเขาที่แข็งแรงเหมือนวัวคึก อีกอย่างสตรีเอาแต่ใจเช่นนางถูกบิดาจับแต่งงานกับบุรุษที่ไม่ได้รัก ซ้ำยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อนคงทุกข์ใจมาก
“กินดีอยู่ดีใช่หรือไม่ ข้าเข้าป่าสองเดือนได้สัตว์มาเยอะ หากเจ้าหิวก็ไปเอาได้ตลอด อย่าปล่อยให้ตัวเองซูบผอมเช่นนี้อีก”
ไม่เจอกันแค่สองเดือนหยางเหลินรู้สึกว่าน้องสาวซูบลงไปมาก จากที่ถามน้องชายดู ก็รู้ว่านางไม่ออกจากบ้านเลย นางเอาแต่หลบอยู่ในบ้านหลังน้อยไม่ออกมาหาอาหารกิน
เหลียนฮวาทำแก้มพองใส่พี่ชาย ที่เขาแอบด่าว่านางเป็นหมูก่อนหน้านี้ นางปัดมือเขาออกเป็นเชิงว่าจะลูบแก้มอีกนานหรือไม่ แก้มนางช้ำไปหมดแล้ว แล้วท่าทางเจ็บปวดนี่มันอะไรอีก คนที่ท่านควรสงสารควรเป็นสามีข้าไม่ใช่หรือ เขาถูกข้าในคราบนางมารเล่นงานหนักไม่น้อยทีเดียว!
“ข้าไม่รักพี่ใหญ่แล้ว”
“ไม่รักก็ไม่ต้องกิน เนื้อนี่ก็ให้สามีเจ้ากินคนเดียวพอ” หยางเหลินพูดหยอกน้องสาว สีหน้าของนางดูดีขึ้นมากไม่อมทุกข์เหมือนวันแต่งงาน
“เจ้าถูกสามีกินไปแล้วหรือ สีหน้าถึงดูสดใสนัก อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ ยังมาแง่งอนกันเป็นเด็กอีก อีกไม่นานเจ้าก็ต้องเป็นแม่คน โตได้แล้ว”
เมื่อเห็นน้องสาวปากบวมเจ่อ ใบหน้าขึ้นสี ไม่ต้องถามให้มากความ บุรุษที่ผ่านการแต่งงานมีลูกมาแล้วย่อมรู้ได้ทันที เขาถึงขั้นคิดไปไกลว่า ในท้องของน้องสาวกำลังมีเจ้าถั่วเขียวน้อยนอนหลับอยู่ด้วยซ้ำ
“เป็นสตรีก็ควรปรนนิบัติสามีให้ดี จำคำข้าไว้อยู่ ๆ ไปเดี๋ยวก็รักกันเอง ข้าผิดที่เคยสอนเจ้าเหมือนสอนน้องชาย แต่เรื่องนี้ยังเรียนรู้กันได้”
คนเป็นพี่ชายอดสอนน้องสาวไม่ได้ ตั้งแต่นางคลอดมาได้เพียงสี่เดือนมารดาก็ป่วยหนักจนจากไป บิดาต้องทำงานหนักเลี้ยงดูครอบครัวคนเดียว เขาในตอนนั้นต้องช่วยเลี้ยงดูน้องสาว เพื่อแบ่งเบาภาระบิดาและยังไม่ยอมให้ภรรยาตนเองช่วยเลี้ยงอีกด้วย
หยางเหลินเลี้ยงน้องสาวมาเองกับมือ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรสองพี่น้องย่อมเปิดอกคุยกันอย่างตรงไปตรงมา แม้ใครจะว่านางเอาแต่ใจก็ตาม
ขาสั้น ๆ เขย่งเท้าขึ้นไปตบไหล่กว้างที่แข็งแกร่งดั่งหินผา เพื่อบอกพี่ชายคนโตว่าไม่ต้องเป็นห่วง
“ข้ายังไม่ถูกกินเจ้าค่ะ แต่คืนนี้ไม่แน่ ขอบคุณพี่ใหญ่มากที่เอาไก่มาให้ ข้าจะต้มน้ำแกงบำรุงร่างกายสามีสักหน่อย ท่านน่ะรีบ ๆ กลับไปได้แล้วเจ้าค่ะ รู้หรือไม่ว่ากำลังขัดจังหวะพวกข้าอยู่ ไว้ว่างแล้วข้าจะไปหาเอง”
เหลียนฮวานั้นในบางมุมก็มีนิสัยคล้ายบุรุษมากกว่าสตรี ก็ใครใช้ให้พี่ชายมัดนางติดตัวพาเข้าป่าไปล่าสัตว์ด้วยเล่า งานบ้านก็ไม่ต้องทำ พี่ชายอีกห้าคนที่เหลือล้วนทำให้นางเอง เสื้อผ้าก็ไม่ต้องซักเพราะมีพี่ชายคอยทำให้ งานของสตรีนางไม่เคยได้ทำเองสักครั้งตั้งแต่เกิดมา ทว่าหากเป็นงานล่าสัตว์ค่อยว่าไปอย่าง
เรื่องนี้ไม่มีใครห้าม ทุกคนลงความเห็นชอบปล่อยให้น้องสาวเข้าป่าไปหาเนื้อมาเลี้ยงคนในครอบครัว เพราะถือเป็นความชอบของนาง อีกอย่างมีพี่ชายคอยจับตาดูอยู่ จึงไม่ค่อยห่วงว่านางจะเจออันตราย
ป่าเป็นสถานที่ที่นางรัก เพราะรู้สึกว่ายามนั้นตนมีอิสระที่สุดแล้ว ไม่ต้องปั้นหน้าคุยกับใคร หรือฝืนทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ
“ฮ่า ๆ ๆ น้องเขยลำบากเจ้าแล้ว”
หยางเหลินนิ่งอึ้งกับคำตอบตรงไปตรงมาของน้องสาว คืนนี้เจ้าหนุ่มอ่อนแอนั่นคงถูกสูบน้ำจนหมดตัวแน่! สมแล้วที่เป็นน้องสาวของข้า
หยางเหลินตบบ่าน้องเขยหนัก ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ พลางหัวเราะเสียงดังก่อนจะขอตัวกลับก่อน ไม่วายยังบอกอีกว่าจะไม่ให้ใครมาขัดจังหวะอีก ขอให้น้องสาวและน้องเขยเชิญ...กันตามสบาย
มู่เฉินยืนหน้าซีดเผือดท่าทางหงอยเหมือนลูกสุนัข เขายืนฟังบทสนทนาของสองพี่น้องด้วยใบหน้าแดงเหมือนผลผิงกั้ว
คนตระกูลหยางไม่อายที่จะพูดคุยเรื่องบนเตียงกัน เพราะถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ทว่าสำหรับครอบครัวของมู่เฉินไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาไม่ได้สนิทกันมาจนถึงขั้นพูดคุยเรื่องใต้สะดือเช่นนี้ได้
จึงได้แต่ยืนฟังเงียบ ๆ จินตนาการว่า ภรรยาตัวน้อยจะกลายร่างเป็นแม่เสือสาวยามใด?
ความคิดเห็น