คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : พักก่อน
ตอนที่ 41 พักก่อน
ฉินฉินเดินไปผลักทหารที่กำลังอุ้มเหมยหลินออก เจ้าเมืองซิงฟู่เข้ามาขวางเอาไว้กลัวว่าหญิงสาวที่ไม่ธรรมดาคนนี้จะรังแกบุตรสาวของตน
"แม่นางท่านจะทำอะไรหรือ"
"ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องห่วง ข้ามีวิชาแพทย์ติดตัว หากปล่อยคุณหนูใหญ่ไว้เช่นนี้ ไม่แน่ว่านางอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย"
เจ้าเมืองซิงฟู่ตกใจ เขาเห็นบุตรสาวหน้าซีดจนเขียวคล้ำราวกับคนใกล้ตาย เหงื่อก็ไหลเต็มหน้าเกรงว่านางจะเป็นอะไรไปจริง ๆ จึงยอมหลีกทางให้ฉินฉินตรวจอาการให้
"ถ้าเช่นนั้นฝากแม่นางช่วยดูอาการบุตรสาวของข้าด้วย"
"อืม..เชื่อใจข้าได้เลย"
เหยียนซือยกยิ้มมุมปาก เขารู้จักสตรีตัวเล็กที่กำลังทำหน้าเจ้าเล่ห์เตรียมกำลังแกล้งคนดี
อย่างนางหรือจะเคยเรียนวิชาแพทย์
ขนาดยามที่นางป่วยยังสวมวิญญาณกระรอกปีนต้นไม้หนี ไม่ยอมให้ท่านหมอตรวจอาการให้เลย
ว่าที่ฮูหยินของข้าช่างซุกซนเสียจริง
ฉินฉินสั่งให้สตรีที่อยู่แถวนั้นช่วยจัดท่าทางให้เหมยหลินนอนเหยียดขาราบกับพื้นดินสกปรก โดยไม่มีผ้าปูรองให้นาง
"ทุกท่านช่วยอยู่ให้ห่างจากคนป่วยสิบก้าว อย่ามามุงดูสิเจ้าคะ นางจะหายใจไม่ออกได้ ไม่แน่ว่าหน้าเขียวคล้ำเช่นนี้ นางอาจจะเป็นโรคติดต่อร้ายแรงก็เป็นได้ ชายใดเข้าใกล้นางจะซวยทั้งชีวิต หึ ข้าตั้งชื่อโรคนี้ว่า..โรคมารยาหญิง"
เจ้าเมืองซิงฟู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาอยู่มานานเกือบห้าสิบปียังไม่เคยได้ยินโรคที่ว่าผ่านหูเลยสักครั้ง
แม่นางน้อยผู้นี้เก่งจริง ๆ เขามองนางผิดไปแล้ว
นางเก่งนักที่ค้นพบโรคร้ายนี้ได้ทันก่อนจะลุกลามมากไปกว่านี้
"เอ้า..พวกเจ้าถอยออกไปสิ"
ทหารของท่านเจ้าเมืองเข้ามาล้อมเป็นวงกลม กันไม่ให้ชาวบ้านเข้ามามุงดู ฉินฉินนั่งยอง ๆ ข้างคนหมดสติแล้วใช้มือข้างซ้ายบีบจมูกนางเอาไว้
เจ้าเมืองซิงฟู่ตกใจจะเข้ามาห้าม แต่ฉินฉินรู้ทันเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขา
"ไม่ต้องกังวล ข้าแค่จะตรวจดูให้แน่ใจว่านางหายใจขัดข้องตรงไหนหรือไม่ ท่านดูที่ท้องนางสิยังขยับอยู่เลย"
เหมยหลินที่แกล้งเป็นลมพยายามอดทนไม่ให้ตนตื่นขึ้นมา กลัวจะถูกจับได้ว่าตนโกหก
ฉินฉินสัมผัสได้ว่าคนที่นอนอยู่ขยับตัวเล็กน้อย จึงยิ้มอย่างพอใจแล้วนำมือออก เหมยหลินรีบหายใจโกยอากาศเข้าปอดเงียบ ๆ
โอ้...นางดูชำนาญไม่เบา หากให้เดานางน่าจะมีชายที่พึงใจและแกล้งสลบเมื่ออยู่ใกล้เขาเพื่อเรียกร้องความสนใจบ่อย ๆ สินะ
ใครว่าสตรีโบราณเป็นคนเรียบร้อย บอกเลยจากที่ข้าประสบพบเจอมา..ร้ายเงียบทุกคน
ฉินฉินขยับตัวลุกขึ้นยืน แล้วใช้เท้าเหยียบไปที่มือของเหมยหลิน กดย้ำลงไปจนมือของนางแทบจะจมดินอยู่แล้ว
เจ้าเมืองซิงฟู่ไม่สงสัยอีก เขาปล่อยให้หญิงสาวตรวจอาการบุตรสาวจนกว่านางจะพอใจ ขอแค่บุตรสาวตนเองไม่เป็นอะไรมากก็พอ
ฉินฉินหัวเราะในลำคอ มองดูสีหน้าที่เริ่มเขียวอมม่วงแล้ว นางคงใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วสินะ
เหมยหลินกัดฟันกรอด นางเจ็บจนทนไม่ไหวลุกพรวดขึ้นนั่ง หันมองฉินฉินตาเขียวแล้วแหกปากโวยวายทันที
"โอ๊ยเจ็บ! นางบ้า! เจ้ากล้าเหยียบข้าหรือ หมอที่ไหนทำเช่นนี้กัน เจ้าเป็นบ้าอะไรถึงมาทำร้ายข้าอีกแล้ว"
ฉินฉินแสร้งทำเป็นตกใจวิ่งไปหลบด้านหลังเหยียนซือ แล้วตะโกนเสียงดังกว่าเหมยหลินหลายเท่าตัว
"ตายแล้ว! ทุกคนรีบหนีไป คุณหนูเหมยหลินเป็นโรคติดต่อร้ายแรง พวกเจ้าเห็นเต็มตากันใช่หรือไม่ เมื่อครู่นางสลบไปเมื่อฟื้นขึ้นมากลับมีกำลังวังชาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โรคติดต่อชนิดนี้เรียกว่าโรคมารยาหญิงจะแพร่ระบาดเฉพาะสตรีเท่านั้น”
“ใครติดโรคเข้าไปจะมีกำลังวังชามากกว่าบุรุษหลายเท่าตัว หากใครแต่งงานด้วยต้องรับให้ได้ว่าภรรยานั้นแข็งแรงกว่าตน นางมีแรงมากขนาดที่อุ้มวัวทั้งตัวได้ด้วยมือเดียวเชียว"
ฉินฉินแสร้งทำหน้าตาตื่นแล้วเล่าเรื่องเท็จใส่ไข่ไปสิบฟอง ทำเอาชาวบ้านหลงเชื่อพากันแตกฮือเป็นฝูงมดเจอน้ำฝน
เหมยหลินอับอายมาก ไม่คิดว่าจะถูกเล่นงานเช่นนี้ นางกวาดสายตาไปทั่วจนสบตาเข้ากับบุรุษที่นางแอบชอบ
เขาสบตากับนางก่อนจะหันหน้าหนี แล้วขี่ม้าจากไปไม่เข้ามาถามไถ่ว่านางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่แม้แต่ครึ่งคำ
เหมยหลินเห็นดังนั้นนางกลายเป็นคนเสียสติไปชั่วขณะ ลุกขึ้นวิ่งเข้าใส่ฉินฉินที่ยืนหลบอยู่หลังชายหนุ่ม
"เจ้ากล้าใส่ร้ายข้า! วันนี้เป็นวันตายของเจ้า"
เหยียนซือเองก็ป้องกันหญิงสาวที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังตนอย่างดี เขาใช้เท้าถีบที่ท้องเหมยหลินอย่างแรงก่อนที่นางจะเข้ามาใกล้
ร่างของเหมยหลินล้มหงายหลังก้นกระแทกพื้น นางยกมือกุมท้องรู้สึกจุกจนลุกไม่ขึ้น
เจ้าเมืองซิงฟู่เชื่อสนิทใจว่าสิ่งที่ฉินฉินพูดเป็นความจริง เขาเห็นเต็มสองตาว่าบุตรสาวมีอาการอย่างที่หญิงสาวพูดทุกอย่าง จะไม่เชื่อคงไม่ได้
"พวกเจ้ารีบจับคุณหนูใหญ่ไว้เร็วเข้า"
ทหารหลวงกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เหมยหลินเลยสักคน
ฉินฉินเห็นชายชาติทหารกลัวเรื่องไม่เป็นเรื่องจึงพูดเตือนสติอีกครั้ง
"ข้าบอกแล้วว่าโรคนี้ติดต่อกันเฉพาะในหมู่สตรีเท่านั้น บุรุษเช่นพวกท่านปลอดภัยหายห่วง รีบจับตัวนางไปสิ ก่อนที่โรคของนางจะกำเริบมากกว่านี้"
ได้ยินดังนั้นทหารก็พากันกรูเข้าไปจับเหมยหลิน นางพยายามดิ้นขัดขืนให้หลุดสุดแรงเกิด จนหลุดมือจากทหารนายหนึ่ง
อีกคนก็รีบเข้าไปตะครุบตัวนางไว้แล้วกดหน้านางให้แนบกับพื้นดินร้อน ๆ ก่อนจะกวักมือให้คนน้ำเชือกมามัดแขนเรียวเล็ก
ชาวบ้านที่เห็นบุตรสาวเจ้าเมืองของพวกตนคลั่งเช่นนี้ ต่างพากันยกมือปิดปากเอาไว้ เรื่องนี้ต้องนำกลับไปเล่าให้คนในหมู่บ้านตนฟัง จะได้ระวังตัวได้ทันไม่เช่นนั้นอาจติดโรคเอาได้
เจ้าเมืองซิงฟู่มองบุตรสาวที่ถูกมัดมือมัดเท้าถูกยัดเข้าไปขังในรถม้า เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามาหาฉินฉินเพื่อขอคำปรึกษา
"แม่นางมีวิธีรักษาโรคนี้หรือไม่"
ฉินฉินก้าวมายืนข้าง ๆ เหยียนซือแล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"มีสิ แต่ก่อนที่ข้าจะบอกวิธีรักษา ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ข้าก่อนเจ้าค่ะ ท่านคงเห็นแล้วว่าข้าถูกบุตรสาวและชาวบ้านหลายคนรุมใส่ร้ายว่าข้าเป็นคนผิด ท่านต้องให้พวกเขาชดใช้ให้ข้าคนละหนึ่งตำลึงทอง!”
“หากใครกล้าหนีข้าขอให้ติดโรคแบบคุณหนูท่านนั้นไปตลอดชีวิต หากเป็นบุรุษก็ขอให้ได้ภรรยาม้าพยศเช่นนาง ว่าอย่างไรเงินเล็กน้อยแค่นี้คนรวยเช่นพวกท่านคงมีปัญญาจ่ายใช่หรือไม่"
ไหน ๆ นางก็เสียเวลามามากแล้ว ขอค่าเสียเวลาเป็นเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ หน่อยแล้วกัน
เจ้าเมืองซิงฟู่ตอบตกลงทันที เขาสั่งให้ทหารเรี่ยไรเก็บเงินคนที่ใส่ร้ายแม่นางน้อยท่านนี้
มีชาวบ้านหลายคนไม่ยอมจ่ายแต่ถูกคนข้าง ๆ เปิดโปงชี้ความผิด เมื่อมีพยานก็ต้องจำใจหยิบก้อนทองในถุงเงินออกมาอย่างไม่เต็มใจ
รอไม่นานทหารหลายนายก็ถือถุงเงินหนัก ๆ ส่งให้หญิงสาว ฉินฉินไม่เสียเวลานับ นางเพียงหยิบมากะน้ำหนักด้วยมือก่อนจะยื่นให้เหยียนซือช่วยถือ
"ทุกคนกลับไปได้แล้ว ข้ายกโทษให้! แล้วอย่าทำผิดซ้ำสองอีกเล่า"
ชาวบ้านเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ดูแล้ว ก็แยกบ้านกันไปทำงานของตนต่อ มีแต่เหล่าสตรีที่ยังยืนรอฟังวิธีรักษาโรคประหลาด เผื่อคนที่จวนของตนติดโรคไปแล้วจะได้แก้ไขทัน
"มา ๆ ทุกคนฟังให้ดี วิธีรักษาไม่ยากเพียงแค่นำคนป่วยไปขังไว้ในห้องที่มีแสงอาทิตย์เข้า แต่ต้องมีรูไว้ให้ลมพัดเข้าไปในห้อง ระหว่างนี้คนป่วยต้องคัดบทธรรมะบริจาคให้อารามสามพันจบ!”
“จนกว่าผู้ป่วยเหล่านั้นจะคัดครบ ห้ามปล่อยออกมาเด็ดขาด บางครั้งหากคนป่วยได้ยินอะไรไม่เข้าหู นางอาจจะอาละวาดเอาได้ ฉะนั้นจะส่งอาหารต้องส่งผ่านช่องลม กักตัวครบสามสิบวันก็หายขาดแล้ว ง่าย ๆ ใช่หรือไม่เล่า"
ฉินฉินแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะ พูดด้วยท่าทางมั่นใจจนองครักษ์ของนางแอบปิดปากหัวเราะ ไม่คาดคิดว่าจะมีคนเชื่อเรื่องเช่นนี้ด้วย
เจ้าเมืองซิงฟู่ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เขาสั่งให้คนพาบุตรสาวกลับจวน โดยไม่ลืมกำชับสั่งให้พ่อบ้านทำตามวิธีที่ฉินฉินบอกทุกอย่างไม่ให้มีข้อบกพร่อง
"เจ้าพาคุณหนูใหญ่กลับไปได้ เตรียมหมึกและกระดาษให้พร้อม ข้าจะรักษาให้นางเริ่มต้นคัดบทธรรมะตั้งแต่วันนี้"
"ขอรับ"
รองเจ้าเมืองเป็นคนรับคำสั่ง เขาอาสานำตัวคุณหนูใหญ่ไปส่งที่จวนท่านเจ้าเมือง แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อที่ฉินฉินพูดและคิดว่านางต้องโกหกแน่
แต่เขามีบุตรสาวที่ชอบพอบุรุษคนเดียวกับคุณหนูใหญ่พอดี จึงปิดหูปิดตาแกล้งเชื่อเรื่องงมงายไปด้วยอีกคน
เพียงเท่านี้บุตรสาวของเขาก็ไม่มีศัตรูหัวใจมาขวางเส้นทางรักอีก
ฉินฉินเห็นเจ้าเมืองเฒ่าหัวงูเอาแต่ยืนถูมือจ้องหน้าอกของตนตาเป็นมัน ก็นึกไม่พอใจจนต้องชักสีหน้าใส่ แล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
"ท่านมีเรื่องอะไรจะถามอีกหรือไม่เจ้าคะ"
เจ้าเมืองซิงฟู่รู้สึกตัว เขารู้สึกเหมือนถูกสายตานับสิบจ้องมาที่ตนด้วยความไม่พอใจ จึงรีบเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเป็นกลุ่มคนของฉินฉินจ้องมองมาทางตน ด้วยท่าทางพร้อมตีคนเต็มที่ รอแค่เจ้านายตัวน้อยสั่งการเท่านั้น
"แม่นางข้าแค่อยากจะถามว่า ท่านต้องการพักที่จวนข้าก่อนหรือไม่"
เหยียนซือหันไปอุ้มฉินฉินขึ้นไปนั่งบนม้า แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเฒ่าหัวงูแทน
"ไม่ต้อง! อีกไม่นานจะมีกลุ่มของข้าเดินทางมา พวกท่านแค่ช่วยเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปในเมืองก็พอ ที่เหลือพวกข้าจะจัดการเอง ข้าอยู่ไม่นานก็จะไปแล้ว อีกอย่างข้าไม่ต้องการเห็นหน้าท่านอีก..ขอตัวขอรับ"
พูดจบเหยียนซือก็ค้อมหัวเล็กน้อยเป็นการบอกลา ก่อนจะกระโดดขึ้นม้าพุ่งทะยานเข้าตัวเมืองทันที
ฉินฉินกอดถุงเงินที่อัดแน่นไปด้วยก้อนทองเล็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มกว้าง
ดูเหมือนการเดินทางครั้งนี้จะคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก
ทำเอานางอยากแวะทุกเมืองที่เดินทางผ่าน เผื่อเจอเรื่องดี ๆ เช่นนี้อีก
ความคิดเห็น