ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #40 : บทที่ 40 ข้ารวยแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 40 ข้ารวยแล้ว

    เวลาล่วงเลยผ่านไปสองเดือน จากอำเภอที่ทุกคนคิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ คนนอกไม่เคยเหลียวมอง คนในก็ทยอยย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมด

    ทว่ากลับมีสตรีนางหนึ่งไม่ยอมแพ้ นางทำงานถวายชีวิต นำเงินทั้งหมดที่มีมากว้านซื้อทั้งที่ดิน และร้านค้าที่หลายคนอยากรีบขายเพื่อย้ายถิ่นฐานมาเก็บไว้เอง จากนั้นค่อยวางแผนพัฒนาต่อไปให้มันดีขึ้น

    ไม่น่าเชื่อว่าภายในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ ฟางเหนียงจะกลายเป็นคนสำคัญของคนในอำเภอนี้ไปเสียแล้ว

    ชาวบ้านหลายคนที่ตกงานก็ได้นางช่วยหางานให้ ช่วงเดือนแรกได้เงินเดือนน้อยกว่าที่เคยได้รับจากเจ้านายคนเก่า แต่พออำเภอลี่สุ่ยเป็นที่รู้จักมากขึ้น เงินเดือนของแต่ละคน ขั้นต่ำก็เป็นหนึ่งตำลึงเงินต่อเดือนแล้ว

    ค่าแรงแค่วันละยี่สิบอีแปะฟางเหนียงไม่จ่าย เพราะนางให้มากกว่านั้นหลายเท่า ใคร ๆ ต่างก็อยากทำงานให้นางทั้งนั้น

    ปัจจุบันนี้ราคาที่ดินในอำเภอลี่สุ่ยพุ่งขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ คนที่ขายบ้านย้ายไปอยู่อำเภออื่นต่างเสียดายกันถ้วนหน้า จะกลับมาก็ไม่มีเงินซื้อบ้านกลับคืน ได้แต่หลั่งน้ำตาอยู่เงียบ ๆ

    หลัง ๆ เริ่มมีนักเดินทางจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางล้นทะลักเข้ามาไม่ขาดสาย เพื่อมาชิมสุดยอดอาหารรสเลิศ หรือไม่ก็เดินทางมาเพื่อซื้อขนมรสเลิศกลับไปตุนเก็บไว้โดยเฉพาะ

    ทุกจุดของอำเภอไม่มีตรอกมืดให้คนไร้บ้านอยู่อาศัย ฟางเหนียงสั่งให้ลูกน้องไปขุดเอาต้นไม้ดอกไม้ในป่ามาปลูกแทน ทั้งยังพรมด้วยน้ำวิเศษให้มันเติบโตรวดเร็ว มองไปทางไหนก็สบายตาน่าเดินทุกจุด

    ฟางเหนียงเปิดร้านอาหารมากกว่าสิบร้าน แต่ละร้านจะวางขายอาหารไม่เหมือนกัน ทว่าล้วนเป็นอาหารที่นางหยิบจากอนาคตมาปรับสูตร เพื่อขายให้คนที่นี่ได้ลิ้มรสจนติดใจกลับไปทุกราย

    นอกจากนี้ยังมีขนมไทย และขนมอบจากเตาผิงด้วยไม้ผิงกั่ว เพื่อเพิ่มความหอมให้กับตัวขนม ซึ่งเป็นขนมที่ไม่มีขายที่ไหน นอกจากที่อำเภอลี่สุ่ยเท่านั้น  

    อาหารท้องถิ่นนางก็ขายเช่นเดียวกัน แค่ปรับสูตรให้แตกต่างจากที่อื่น นำสิ่งใหม่มาแล้วก็ควรอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ด้วย

    บรรดาสตรีต่างอำเภอมีจุดนัดเที่ยวเล่นใหม่แล้ว แต่ละวันจะมีลูกค้าหน้าใหม่แวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย

    ร้านที่ขายดีไม่แพ้กันคือร้านผลไม้และร้านตุ๊กตาทำมือ ที่มีเจ้าตุ๊กตาน่ารักทั้งขนาดกอดพออุ่น และขนาดใหญ่เท่าหมีป่า

    ราคาค่าตัวของพวกมันสร้างบ้านได้หนึ่งหลังเลยทีเดียว

    แม้ว่าจะตั้งราคาไว้สูง แต่ลูกค้ายังใจสู้สั่งซื้อกันไปคนละตัวสองตัวเพื่อนำไปประชันกัน ทำให้หลังเปิดร้านได้เพียงหนึ่งเดือน มียอดสั่งซื้อตุ๊กตามากกว่าหนึ่งพันตัวแล้ว

    ฟางเหนียงจึงเปิดโรงงานผลิตตุ๊กตาโดยเฉพาะ แล้วแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินก้อน คอยแจกจ่ายให้กับคนงานตอนสิ้นปี

    รวยไปพร้อมกันเลยทีเดียวงานนี้

    คนตระกูลซ่งแต่ละคนมีงานให้ทำล้นมือ ลูกหลานที่ย้ายไปอยู่ที่อื่น ก็ถูกฟางเหนียงเรียกตัวกลับมาให้ช่วยงานด้วย แม้แต่คนที่ตระกูลซ่งแต่งออกไปด้วย ก็ล้วนได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกัน

    ฟางเหนียงดึงตัวญาติพี่น้องสามีมาช่วยงานทั้งหมด โดยมอบรายได้เป็นรายเดือน ยังไม่รวมส่วนแบ่งกิจการร้านค้าที่พวกเขาดูแลอยู่อีก

    ฟางเหนียงไม่กลัวเรื่องคดโกง เป็นเพราะนางวางระบบไว้ดีแล้ว ของทุกชิ้นในแต่ละร้าน จำนวนอาหารที่ขายได้แต่ละวันนางรู้หมด อีกอย่างของทั้งหมดมีราคาตายตัวอยู่แล้ว ใครคิดจะหักหลังคดโกงกัน

    บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย...

    อีกทั้งยังมีผีบ้านผีเรือนคอยสอดส่องให้ในเงามืด กิจการก็เติบโตก้าวหน้ามีรายได้เข้ามาไม่หยุด เพราะได้ทุกคนรวมพลังช่วยกัน

     

    “ท่านแม่ ๆ พี่ใหญ่ไม่ยอมสอนวิชาดาบให้กับข้า”

    ซีซวนทำหน้ามุ่ยเดินมาที่ห้องทำงานมารดา เพื่อฟ้องเรื่องที่พี่ชายไม่ยอมสอนวิชาดาบลึกลับให้กับเขา

    ฟางเหนียงส่ายหน้าเหนื่อยใจกับเด็กดื้อ รู้ทั้งรู้ว่างานของแม่ล้นมือ ก็ยังพากันสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน สงสัยจะกลัวข้าเหงาละมั้ง

    “พี่ชายของเจ้าโตแล้ว เขาย่อมต้องการเวลาส่วนตัว เจ้าน่ะไปเล่นกับสหายวัยเดียวกันเถอะ เอ้อ แล้วนี่ช่วงนี้ทะเลาะกันหรือ แม่ไม่เห็นเจ้าไปเดินเที่ยวเล่นกับพวกเขาแล้ว”

    “ขอรับ ข้าไม่อยากคบกับพวกเขาแล้ว เจอหน้ากันก็ชอบให้ข้าพาไปกินของที่ร้านแล้วไม่จ่ายเงินให้ข้าเลี้ยงอยู่ได้ ไม่มีคนจริงใจกับข้าสักคน”

    ไม่แปลกที่ช่วงนี้จะมีคนเข้าหาบุตรชายของนาง เพราะทุกคนล้วนมาเพื่อหวังผลประโยชน์มากมาย

    ฟางเหนียงปวดหัวกับเรื่องนี้เหมือนกัน จึงเลือกปลีกตัวออกห่างจากผู้คนยอมอยู่แต่ในจวน ส่วนเรื่องงานก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนในครอบครัวช่วยจัดการ พวกเขาเก่งพอที่จะรับมือกันเองได้แล้ว

    เซี่ยเหิงยามนี้กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นเลือดร้อน เขามีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ตอนเช้าก็มักจะออกไปช่วยงานมารดา ตกบ่ายก็จะกลับมาซ้อมวิชาดาบอย่างเอาเป็นเอาตาย

    ส่วนตงซิ่วนั้นเอาแต่หมกตัวปรุงยาอยู่ในห้อง จะออกมาก็ต่อเมื่อมีสมุนไพรที่ต้องการซื้อเท่านั้น

    และเจ้าลูกคนเล็กกลายเป็นหมอผีไปแล้วตอนนี้ มีบรรดาป้า ๆ ผีช่วยเลี้ยงให้ เหลือแต่ซีซวนน้อยเท่านั้นที่ยังไม่มีอะไรให้เขาสนใจ จึงเอาแต่คอยวอแวคนนั้นคนนี้ที คนที่ต้องลำบากหางานให้เขาทำก็คือมารดาผู้นี้

    “ถ้าเจ้าไม่มีอะไรทำ ก็ไปช่วยงานลุงของเจ้าดูแลไร่เสียสิ แม่เอาเงินไปซื้อที่ดินภูเขารอบนอกกำแพงหมดแล้ว”

    “ตอนนี้ครอบครัวเรายากจนสุด ๆ เงินเก็บก็ร่อยหรอ หรือหากเจ้าไม่อยากช่วยงานที่บ้าน จะไปช่วยเหลือสัตว์บนภูเขาก็ได้แม่ไม่ห้าม”

    ในที่สุดซีซวนก็มีช่องทางทำงานทำเงินเสียที

    เขาฟังคำมารดาแล้วขึ้นเขาไปตามหาสัตว์ที่บาดเจ็บ และช่วยรักษาให้กับมัน หากเกินกำลังก็จะพามันกลับมาที่จวนด้วย จากนั้นก็จะส่งต่อให้พี่ชายดูแลอีกสักพักจนกว่าจะหายดี

    ฟางเหนียงอยากส่งลูกคนที่สาม ไปไว้กับลุงของเขาเสียเหลือเกิน เพราะเหนื่อยที่ต้องคอยหางานให้เขาทำในแต่ละวันแล้ว

    หลังจากบุตรชายออกไปแล้ว ฟางเหนียงก็หันไปมองที่หน้าต่าง นางเห็นเงาคนหลบซ่อนอยู่ เป็นเงาของคนที่ทำตัวงอแงเหมือนเด็ก ไม่รู้จะแข่งกับลูกไปทำไมทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว

    “ออกมาได้แล้วเจ้าค่ะ”

    เฟยหลงออกมาจากที่ซ่อนแต่โดยดี ช่วงนี้ภรรยาอนุญาตให้เข้าใกล้ได้แล้ว หลังจากต้องตามง้ออยู่นานนับเดือน

    ตั้งแต่นางเริ่มดูแลตัวเอง ก็มีบุรุษมากหน้าหลายตาเข้าหาทุกวัน จนสามีอย่างเขาต้องทำตัวติดกับนาง และคอยไล่คนพวกนั้นกลับไป

    ย้อนไปถึงเรื่องเข้าใจผิดในวันนั้น สตรีที่เฟยหลงพากลับมาด้วย ความจริงแล้วเขาเพียงบังเอิญไปเจอนางอยู่ในป่าลึก พร้อมกับศพของชายคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นสามีของนาง

    ทว่าความจริงแล้วคนผู้นั้นเป็นเพียงองครักษ์ ที่ช่วยพาคนที่ตนหลงรัก ซึ่งเป็นอนุภรรยาของเจ้านาย หนีจากเงื้อมือฮูหยินใหญ่ที่ต้องการฆ่าสองแม่ลูกให้ตาย

    ทั้งสองหนีหัวซุกหัวซุน จนมาเจอเข้ากับเฟยหลง ที่วิ่งไล่ตามหมีป่าที่บาดเจ็บอยู่พอดี แต่นั่นก็สายไปเสียแล้ว องครักษ์ที่หลงรักคนที่ตนไม่คู่ควรได้สิ้นใจไปเสียแล้ว

    เขายังไม่ทันได้สารภาพความในใจให้นางได้รับรู้ด้วยซ้ำ

    อนุภรรยาผู้นี้เป็นสตรีที่หยิ่งผยอง เพียงครั้งแรกที่เจอนางก็คิดไม่ซื่อกับเฟยหลงเสียแล้ว เคราะห์ยังดีที่เขาไม่เล่นด้วย

    หลังจากพานางออกจากป่าได้ เขาก็ให้นางพักอยู่ที่บ้านสองคืน ก่อนจะขอให้ผู้ใหญ่บ้านแบ่งที่ดินให้นางได้ตั้งตัว จบเรื่องแล้วเขาถึงได้ตามมาง้อภรรยานี่แหละ

    ทว่าฟางเหนียงนั้นใจแข็งมาก ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ตาม แต่นางก็หาได้สนใจไม่ เดือนแรกที่เขาตามมาง้อ นางก็มองเขาเป็นเพียงอากาศ ไม่รับรู้การมีตัวตนใด ๆ ทั้งสิ้น

    ผู้ใหญ่รอบตัวได้แต่ถอนหายใจ แล้วคอยมองดูสามีภรรยาคู่นี้ง้องอนกัน จนกลายเป็นภาพชินตาไปเสียแล้ว

    ตอนเช้าภรรยามองไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ทว่าตกกลางดึกเฟยหลงก็ทำหน้าหนาปีนหน้าต่างบุกเข้าห้องนอนของภรรยา แล้วหาผ้ามาปูนอนที่พื้นหน้าตาเฉย

    ฟางเหนียงเหนื่อยจะไล่เขาแล้วจึงปล่อยเลยตามเลย บางวันเขาก็นอนอยู่ที่พื้น บางวันก็อุ้มลูกคนเล็กที่นอนกับภรรยาไปไว้อีกห้อง แล้วให้เจ้าตัวน้อยนอนแทนที่ตนเอง ส่วนเขากลับมานอนสวมกอดภรรยา

    ทว่าภรรยาก็ใจแข็งดั่งหินผา นางไม่เล่นด้วยกับเขาสักวัน คอยแต่ถีบเขาตกเตียง ไม่ก็ไล่ให้ไปนอนที่เดิม

    นับว่าช่วงที่ผ่านมา ช่างเป็นการง้อที่ต้องสู้ชีวิตเหลือเกิน

    เมื่อถูกจับได้แล้ว เฟยหลงก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องซ่อนตัวอีกต่อไป

    เขาปีนหน้าต่างเข้าห้องภรรยาเหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เดินปรี่เข้ามาอุ้มนางขึ้น แล้วนั่งลงแทนที่ให้นางนั่งบนตักตัวเอง

    ฟางเหนียงนิ่งอึ้งไม่คิดว่าครั้งนี้สามีจะมาไม้นี้ ถึงได้นั่งตัวแข็งจ้องเขม็งใส่เขา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความหน้าหนาของเขา ที่สะสมมาตลอดสองเดือนพังทลายลงได้

    “ปล่อยเจ้าค่ะ ส่วนท่านก็ออกไปได้แล้ว ข้าต้องทำบัญชีให้เสร็จ”

    “ข้าไม่ได้ห้าม เจ้าก็ทำต่อไปสิ”

    หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หากถามว่าโกรธสามีหรือไม่

    ก็บอกได้เลยว่า...ไม่!

    ข้าใจอ่อนตั้งแต่คืนแรกที่เขาถอดเสื้อมานอนกอดแล้ว เจอกล้ามแน่น ๆ เข้าไป ใจข้าย่อมอ่อนยวบเป็นปุยนุ่น

    วินาทีนั้นนางเตรียมสินสอดไว้สู่ขอสามีเรียบร้อยแล้ว แต่จะแสดงออกว่าชอบก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นสตรีต้องรักนวลสงวนตัวเข้าไว้

    นับว่าข้าคิดถูกแล้วที่ลดน้ำหนักจนสำเร็จ ตอนนี้จึงไม่มีพุงสามชั้นให้เขาจับเล่น ไม่เช่นนั้นอายตายเลย

    และแม้สามีจะพูดเองก็เถอะว่า ชอบที่นางอ้วนตุ้ยนุ้ย จับตรงไหนก็นุ่มนิ่มไปหมด แต่ข้าก็ไม่มั่นใจนี่

    ดูสิพอผอมแล้วก็มีคนตามเกี้ยวตั้งเยอะ แสดงว่าผอมแล้วดูดีกว่า หรือที่เขาบอกว่าชอบที่ข้าอ้วนเป็นเพราะเขาหึงกันนะ ถึงไม่อยากให้ฝูงผึ้งมาบินวนเวียนอยู่รอบดอกไม้ของตัวเอง

    “ข้าอึดอัดเจ้าค่ะ ปล่อย”

    ฟางเหนียงใช้แรงเท่ามดตีแขนสามี ทำเล่นตัวไปอย่างนั้นแหละ ภายในใจน่ะมีผีเสื้อบินวนอยู่เป็นฝูงแล้ว

    เฟยหลงมันเขี้ยวภรรยามาก ก็ทั้งกอดทั้งหอมนางฟอดใหญ่อย่างเผลอตัว เขาฟัดแก้มนางอย่างมันเมาจนแดงเป็นปื้น

    ครั้งนี้ฟางเหนียงอึ้งหนักกว่าเดิม เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายหอมแก้ม

    “ข้าทำผิดไปแล้วอย่าโกรธข้าเลย ภรรยาข้ายอมเจ้าทุกอย่าง ชีวิตและหัวใจของข้ามอบให้เจ้าแต่เพียงผู้เดียว”

    “แล้วใครใช้ให้ท่านพางูพิษกลับมาด้วยเล่า!”

    “โธ่ ข้าก็ไล่นางไปแล้ว ส่วนบ้านของเราที่นางเคยอยู่ ข้าก็ทุบทิ้งทำเป็นสวนผักเรียบร้อยแล้ว ข้าไม่มีที่อยู่ ขอมาอยู่กับเจ้าได้หรือไม่เล่า”

    เฟยหลงเกยคางบนไหล่ภรรยา ใช้จมูกดันแก้มนางพลางเอ่ยพึมพำข้างหู ฟางเหนียงเริ่มใจไขว้เขวอดอมยิ้มไม่ได้ เพราะชอบที่ถูกอ้อน

    ใครจะไปคิดเล่าว่า บุรุษตัวเท่าหมีผู้นี้ ตอนนี้กำลังทำตัวเป็นลูกหมาแสนน่ารักออดอ้อนนางอยู่

    ตั้งสติก่อนสิ...อย่าไปยอมง่าย ๆ นะฟางเหนียง!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×