ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่ครั้งนี้ขอให้ร่ำรวยเงินทอง (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #4 : ชีวิตใหม่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 66


    บทที่ 2 ชีวิตใหม่

    ตึก! ตึก! ตึก!

    เสียงคนซ่อมหลังคาบ้านดังขึ้น ปลุกให้สตรีนางหนึ่งที่นอนจนตะวันเลียก้นแล้วก็ยังไม่ยอมตื่นเสียที

    ลุกขึ้นมาทำงานทำการได้แล้ว จะนอนขี้เกียจไปถึงไหน มีพ่อรวยไม่คิดจะทำงานเลยหรือ? ...หากชาวบ้านผ่านมาเห็นเข้าคงถามเช่นนี้

     โชคดีที่เหลียนฮวาได้สามีเป็นคนขยัน ไม่เช่นนั้นคงเอาตัวไม่รอดด้วยนิสัยที่เอาแต่ใจ งานบ้านไม่เคยหยิบจับ เพราะถูกครอบครัวตามใจจนเคยตัว!

    เหลียนฮวาคนใหม่สะดุ้งตื่น นางนอนเหยียดแขนเหยียดขาบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งปรับสายตากับแสงแดดยามเที่ยง

    เอาละ! นางพร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว

     

    ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน

    ดวงวิญญาณของนับดาวหลุดลอยออกจากร่าง เธอถูกหลุมดำดูดมายังหมู่บ้านชนบทสมัยราชวงศ์ฉิน ทว่าวิญญาณสาวจากโลกอนาคตไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด เพราะยอมรับเรื่องที่ตัวเองตายได้แล้ว แต่กลับตื่นตาตื่นใจมากกว่าที่ได้มาท่องเที่ยวสถานที่โบราณแบบใกล้ชิด!

    นับดาวชอบไปเที่ยวเมืองจีนโบราณ โดยเฉพาะเมืองที่อนุรักษ์ให้โบราณสถานเหล่านั้นยังอยู่ในสภาพดี บางครั้งก็เกิดคำถามมากมายในหัวตลอดเวลาว่า คนสมัยก่อนใช้ชีวิตกันอย่างไร จะเหมือนที่ไกด์เล่าหรือไม่

    ความอยากรู้ที่ติดอยู่ในหัวมานาน ส่งผลให้คนที่เกิดแผ่นดินต่างเมืองได้มาท่องเที่ยวแบบนี้ทั้งทีต้องศึกษาให้คุ้ม!

    คงมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ไม่กลัวอะไรเลย ซ้ำยังมีใจอยากศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอีก ทั้งที่ตัวเองนั้นได้ตายไปแล้ว

    “โอ้โห! หมู่บ้านหนีหรู่ในตำนาน หมู่บ้านแห่งการเกษตรราคาผักแพงหูฉี่ขีดละหนึ่งพันหยวนแต่มีคนรอซื้อกันเยอะมาก แต่รสชาติมันก็ดีสมราคาจริง ๆ นั่นแหละ กินแล้วรู้สึกเหมือนได้รับพลังงานดีเข้าร่างกาย ไม่คิดเลยว่ามันจะแพงมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว”

    วิญญาณสาวเงยหน้ามองป้ายชื่อหมู่บ้าน เธอรู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่หน้าปากทางเข้าแล้ว ซ้ำยังเดินผ่านได้ง่าย ๆ ไม่เจอผีเลยแม้แต่ตนเดียวเห็นแต่ชาวบ้านที่ยังใช้ชีวิตกันตามปกติ

    นับดาวกำลังยืนอ่านราคาผักแต่ละชนิด ที่ผู้ใหญ่บ้านแปะป้ายประกาศไว้ตรงลานกว้างทางเข้าออกหมู่บ้าน หากใครมีผักที่ต้องการขายจะรู้ได้ว่าราคาตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่

    ระหว่างรอยมทูตมารับตัว นับดาวตั้งใจใช้ชีวิตเป็นผีเร่ร่อน ร่อนเร่ไปเรื่อยเปื่อยอยู่บนภูเขา มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวขจี จะว่าไปก็ไม่เคยเจอสหายผีเหมือนกัน อีกอย่างคนที่นี่ก็ไม่มีใครมองเห็นวิญญาณ จะพูดคุยกับใครก็ไม่ได้ เธอก็แอบเหงาไม่น้อย

    ผ่านมาหลายวันแล้วตั้งแต่ถูกหลุมดำสยองนั่นพามา นับดาววนเวียนรอบหมู่บ้านนี้ไม่รู้กี่ครั้ง ก็พบว่าวิญญาณของเธอไม่สามารถไปที่ไหนได้นอกจากอยู่ในหมู่บ้าน เข้าป่าก็ไม่ได้เหมือนกันเหมือนถูกขังไว้เลย

    เบื่อ…

    วิญญาณสาวล่องลอยดูวิถีชีวิตของชาวบ้านไปเรื่อยเปื่อย จนไปหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่มีเสียงของสตรีร้องตะโกนด่าทอสามีผู้แสนอ่อนโยน แต่เขากลับไม่ตอบโต้เลยสักนิด นั่งสานตะกร้าฟังภรรยาบ่นอย่างสงบนิ่ง

    บ้านหลังเล็กตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ไม่มีเพื่อนบ้านแม้แต่หลังคาเดียว

    เกิดอะไรขึ้น! แบบนี้ต้องเผือกหน่อยแล้ว นับดาวผู้เบื่อมาหลายวัน เมื่อเห็นคนตีกันก็เห็นเป็นเรื่องสนุก จึงลอยไปตามเสียง เกาะขอบรั้วแอบฟังคนเขาถูกด่า ลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นผี! ถึงจะเข้าไปนั่งไขว่ห้างแอบฟังอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่มีใครเห็นอยู่ดี

    “ไม่ได้เรื่อง! เจ้ามันไม่ได้เรื่อง! ครั้งนั้นเจ้ารับปากอย่างดีว่าจะไม่ทำให้ข้าต้องลำบาก ดูสิข้าแต่งงานกับเจ้ามาหลายวันแล้ว เจ้าเคยให้อะไรข้าได้บ้าง นอกจากสินสอดเป็นมันสองกระสอบนั่น! ข้ามีค่าน้อยยิ่งกว่าหมูของคนตระกูลจ้าวเสียอีก พวกมันยังขายเป็นเงินได้หลายตำลึงกว่าข้า!”

    ชายหนุ่มไม่ตอบโต้ ทำเพียงนั่งฟังภรรยาต่อว่าอย่างใจเย็น เขารักนางมาก รักมาตั้งแต่ครั้งแรกพบ พยายามทำงานเก็บเงินรอให้นางถึงวัยปักปิ่นแล้วพาแม่สื่อไปสู่ขอถึงบ้าน

    ทว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เขาดันโชคร้ายมาป่วยหนักเอาก่อนวันแต่งงานเพียงหนึ่งเดือน ต้องใช้เงินออมทั้งชีวิตจ่ายค่ายาไปจนหมดสิ้น

    วันแต่งงานของเขาไม่ได้จัดอย่างยิ่งใหญ่ตามที่เจ้าสาวต้องการ มีเพียงแค่พิธีกราบไหว้ฟ้าดินเท่านั้น เนื้อสัตว์ไม่มีให้เห็น มีเพียงผักผลไม้จากในป่าที่นำมาใช้ในพิธี อาหารเลี้ยงแขกยังไม่มี ยากจนข้นแค้นสุด ๆ

    “ภรรยาข้าขอโทษ...”

    “ขอโทษ! ขอโทษ! ขอโทษ! พูดเป็นแต่คำว่าขอโทษหรือ! หากเจ้าอยากรับผิดชอบ เช่นนั้นจงเขียนใบหย่าให้ข้า ส่วนท่านพ่อข้าจะไปอธิบายกับเขาเองว่า คู่ชีวิตของข้าจนปัญญาเลี้ยงดูข้าแล้ว!”

    บิดาของเหลียนฮวาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือสักนิด ทั้งที่เป็นคนมีเงินคนหนึ่งในหมู่บ้าน เขาปล่อยให้นางใช้ชีวิตกับสามีเพียงลำพัง เป็นเพราะอยากสอนให้บุตรสาวดูแลตัวเอง เขาไม่สามารถอยู่ให้นางพึ่งพิงไปได้ตลอด ฉะนั้นแล้วจากเดิมที่ไม่เต็มใจแต่งงานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อถูกหยามเกียรติในพิธีแต่งงานอีก หญิงสาวจึงยิ่งน้อยใจและพาลโกรธทุกคน

    เหลียนฮวาอับอายมาก หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแต่งงาน นางเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียวไม่สนใจสามีป้ายแดงสักนิด นับว่าตั้งแต่แต่งงานกันมานางไม่เคยช่วยงานบ้านสักนิด วัน ๆ เอาแต่ดุด่าสามีว่าไม่ได้เรื่อง!

    ยิ่งเห็นเขาเอาแต่เงียบไม่ตอบโต้ นางก็ยิ่งไม่เห็นว่าเขาเป็นสามี บุรุษอ่อนแอเช่นนี้จะปกป้องข้าได้อย่างไร...เหลียนฮวาคิดถึงขั้นอยากหนีออกไปให้ไกลจากสามีผู้ไม่ได้เรื่องคนนี้ แต่นางก็ไม่ไปด้วยกลัวจะลำบาก

    เรื่องเข้าหอไม่ต้องพูดถึง นางใจดำถึงขั้นไล่ให้สามีออกไปนอนตากยุงด้านนอก บ้านไม้หลังเล็กไม่มีห้องแยก มีเพียงพื้นที่โล่ง ๆ ให้คนสองคนอยู่ด้วยกันเท่านั้น ลมพัดทีหลังคาก็แทบปลิว มู่เฉินผู้เป็นสามีจำต้องแบกสังขารปีนไปซ่อมอยู่เป็นประจำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×