คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ไม่ใช่ท่านแม่คนเดิม..
บทที่ 4 ไม่ใช่ท่านแม่คนเดิม…
ผ่านไปไม่นานมรกตก็เริ่มยอมรับว่า ตัวเองคือฟางเหนียงได้แล้ว เธอพยายามสะกดจิตตัวเองอยู่นานให้ลืมตัวตนเก่า ๆ แต่ยังคงเป็นตัวเอง ไม่ใช่นางร้ายในคราบคนบ้าเหมือนเจ้าของร่างเดิม
แม้ว่าชื่อและร่างกายจะแปรเปลี่ยน แต่อย่างไรภายในก็คือสาวแซ่บจากยุค 2023 อยู่ดี ส่วนเรื่องคำพูดคำจาคงต้องเรียนรู้กันไปยาว ๆ จะให้ฝืนพูดได้ทันทีก็คงไม่ใช่ ก็คนมันไม่ชินนี่!
อีกอย่างความทรงจำเดิมของร่างนี้ก็ไม่มีเลย เธอจำต้องมาเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด จนใกล้จะถูกเจ้าเด็กฉลาดนั่นจับได้แล้วมั้ง
ฟางเหนียงตักน้ำใส่กะละมังใบใหญ่ เทผงซักฟอกลงไปตีให้เกิดฟอง แล้วหยิบเสื้อผ้าทีละตัวมาแช่ทิ้งไว้ แล้วอุ้มตะกร้าใส่เครื่องอาบน้ำมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ ที่พอบดบังสายตาจากคนภายนอกได้อยู่บ้าง
ด้านในเป็นพื้นที่โล่ง ครึ่งหนึ่งอยู่บนบก อีกครึ่งอยู่ในน้ำ หญิงสาวถอดเสื้อผ้าของสามี(?) โยนข้ามกำแพง คิดว่าอย่างไรก็ไม่มีทางใส่มันอีก เอาไปตัดทำเป็นผ้าขี้ริ้วดีกว่า
ส่วนเสื้อผ้าเก่า ๆ ต้องจำใจใส่ไปก่อน ถ้ามีเงินเยอะแล้วก็ค่อยคิดหาทางเดินเท้าเข้าเมืองไปหาซื้อชุดใหม่เอา
พอมายืนอยู่กลางแดด ก็ได้โอกาสก้มมองสภาพเปลือยเปล่าของตัวเองชัด ๆ นั่นยิ่งทำให้เธอรับไม่ได้เข้าไปใหญ่
หญิงสาวทำใจก้าวลงไปนั่งในน้ำ ใช้มือวักน้ำลูบผิวกายหยาบกร้าน จากนั้นค่อย ๆ ใช้ผ้าขัดถูคราบไคลออก ต่อให้แสบผิวจนแดงเถือกก็ต้องทนเพื่อความสะอาด ใช้เวลาอยู่นานมากจนมือเท้าเปื่อย คราบไคลบนตัวก็ยังออกไม่หมด
“ขัดจนเลือดซิบแล้วยังออกไม่หมดอีก คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ถามจริงคุณสามี สภาพนี้แต่ก็ยังมีลูกด้วยกันถึงสี่คนได้ อยากรู้จังว่าสามีของร่างนี้คิดอะไรอยู่”
“เขากัดฟันหลับหูหลับตาเอาเหรอ? กลิ่นปากนี่ยิ่งไม่ไหวเลยนะ แค่หายใจกลิ่นยังตีเข้าจมูกตัวเองเลยอะ”
พูดแล้วก็พะอืดพะอมต้องแปรงฟันจัดหนักถึงสามรอบ เธอถึงขั้นโยนแปรงอันแรกทิ้งแล้วเปลี่ยนแปรงใหม่ เพราะรู้สึกรังเกียจตัวเองตอนนี้มากจริง ๆ จนเผลอร้องไห้ออกมา
ผมเผ้าที่พันกันรุงรังต้องตัดบางส่วนออก ต่อให้ผมแหว่งก็ช่างมัน ไว้รอมันยาวค่อยตัดแต่งทรงหน่อยก็ได้แล้ว
เธอพอรู้มาบ้างว่าคนในยุคก่อน ๆ ห้ามปล่อยผมออกนอกบ้าน จึงคิดถือโอกาสมวยผมแหว่ง ๆ นี้ซ่อนไว้ก่อน แล้วตัดผมออกอย่างไม่ปรานีว่าร่างเดิมจะไว้ผมยาวมากี่ปี
ผมของฟางเหนียงยาวถึงบั้นท้าย แต่ยามนี้กลับถูกตัดออกมากถึงครึ่งหนึ่ง พวกผมแตกปลายแน่นอนว่าไม่ได้ไปต่อ ลอยไปตามน้ำแล้ว
หลังจากสระผมด้วยแชมพูถึงห้ารอบ ก็ได้เวลาหมักผมด้วยครีมนวดสมุนไพรสูตรเข้มข้นทิ้งไว้สักระยะ ระหว่างนี้ก็เอาเวลามานั่งกำจัดขนส่วนเกินต่อ วันนี้ใช้มีดโกนถางออกไปก่อน ไว้วันหลังค่อยแอบแว็กซ์ในห้อง
“จะว่าไปแล้ว พออาบน้ำผิวเดิมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่คล้ำเพราะโดนแดดแรงแล้วก็ไม่ได้บำรุงเลย ถ้าบำรุงหนัก ๆ สักเดือนสองเดือน ผิวอาจจะดีขึ้นมั้ง”
“แหวะ~ กลิ่นใต้วงแขนแสบจมูกมากเลยอะ ท้องที่หิว ๆ เจอกลิ่นนี้เข้าไปหายหิวเป็นปลิดทิ้งเลย กลิ่นนี้มันทำให้คนทั้งโลกตายได้เลยนะแม่คุณ! ถ้าอาบน้ำใหม่อีกรอบ ไม่ต้องใช้ผงซักฟอกถูเลยเหรอกลิ่นถึงจะหาย”
ฟางเหนียงจัดการกับร่างกายใหม่อย่างหนักหน่วงเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าการทำสวย ทำแค่ครั้งเดียวแล้วสวยเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ให้ดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างก็ยังดี
หญิงสาวใช้เวลาปรับสภาพตัวเองใหม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ตงซิ่วนึกเป็นห่วงมารดาจึงเดินมาดู แต่ก็ไม่เห็นตัวนางอยู่ตรงนี้ เห็นเพียงเสื้อผ้าที่แช่กะละมังไว้ แต่ที่แปลกคือพวกมันมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยโชยมาตามลม
“ท่านแม่เป็นอะไรหรือไม่ขอรับ! ท่านอยู่ที่นี่นานแล้วนะขอรับ”
“ฮะ เอ่อ ไม่ ๆ ฉันไม่เป็นไร ใกล้เสร็จแล้วเหลือแค่ซักผ้า เด็กน้อยเธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ กลับไปพักเถอะ!”
เด็กชายเดินมาหยุดอยู่ริมน้ำ ก็ปรากฏเป็นเส้นผมหลายเส้นหล่นอยู่ตามโขดหิน จึงเกิดความสงสัยขึ้นมา
ท่านแม่ตัดผมตัวเองหรือ? ไม่ใช่ว่านางหวงแหนเส้นผมที่ท่านยายให้มามากกว่าชีวิตอย่างนั้นหรือ ตอนที่น้องเล็กเผลอตัดผมนางเข้า นางถึงกับตีเด็กที่ไม่มีทางสู้ปางตาย แต่มาวันนี้นางยอมตัดผมตัวเอง...
ถ้ามรกตรู้ว่าอดีตร่างเดิมตีลูก เพราะเรื่องผมแบบไร้เหตุผล คงได้ถอดวิญญาณไปไล่ตามตบคิดบัญชี เหตุทำให้ตนต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ
ตงซิ่วนั่งยอง ๆ หยิบเสื้อผ้าของมารดามาขยี้ลงบนโขดหิน แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามีสิ่งขาว ๆ ฟูฟ่องขึ้นมา ทุกครั้งที่เขาขยี้ผ้ามันจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น พอดม ๆ ดูแล้วกลับมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
น่าประหลาดใจยิ่งนัก...แต่เมื่อเจ้าสีขาวกระเด็นเข้าตาแทนที่จะหลบ เขากลับเบิกตากว้างรอรับมันเสียงั้น เช่นนี้จะไม่ให้แสบอย่างไรไหวเล่า
ฟางเหนียงรีบอาบน้ำ เพราะได้ยินเสียงคนขยี้เสื้อผ้า จึงหยุดอาบน้ำล้างตัว แล้วเร่งเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ใช้ผ้าบาง ๆ พันหัวลวก ๆ แล้วเดินออกมา ก็เห็นเจ้าเด็กฉลาดกำลังวักน้ำลูบหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ข้าถูกปีศาจสีขาวลอยเข้าตาขอรับ”
ดวงตากลมโตมองฟองที่เกิดจากฝีมือบุตรชาย
“อ้อ...ไม่ต้องกลัวนะ เธอแค่ลืมตาในน้ำ ให้น้ำชำระล้างก็พอ”
ตงซิ่วทำตามคำแนะนำทันที เมื่ออาการแสบตาหายไปแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นจากน้ำใช้แขนเสื้อเช็ดหน้า ก่อนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“มันคืออะไรหรือขอรับ เหตุใดถึงได้แสบตาเช่นนี้”
“อ่า อธิบายอย่างไรดีล่ะ”
“...”
“อ้อ มันก็คือสบู่ที่แรงกว่าสบู่ถูตัวทั่วไปน่ะ จะใช้ทำความสะอาดผ้าที่มีคราบหนักและมีกลิ่นเหม็นโดยเฉพาะ ใช้ภายนอกเท่านั้นห้ามกินเข้าไป ที่สำคัญระวังอย่าให้เข้าตานะ”
“ถ้าเข้าตาอาการก็เป็นแบบที่เธอเจอนั่นแหละ ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ทำให้ตาบอดได้ถ้าโดนเยอะ ๆ”
เห็นท่าทางน่าเอ็นดูนั่นแล้ว คนเป็นแม่ตัวปลอมก็อดหัวเราะไม่ได้ มรกตในร่างฟางเหนียงเริ่มยอมรับตัวเองได้แล้ว หลังจากอาบน้ำอย่างหนักหน่วงแล้วพบว่า ร่างเดิมมีร่างกายที่ดีเยี่ยม เหลือแค่ขัดเกลาให้มันกลับมาเป็นอย่างที่ควรจะเป็น
เธอต้องเป็นสาวงามเพื่อมัดใจลูก ๆ ให้ได้ ส่วนสามีขอดูหน้าค่าตากันชัด ๆ ก่อน ค่อยตัดสินใจว่าควรมัดใจเขาด้วยอีกคนหรือไม่
“อยากช่วยข้าซักผ้าหรือ มาสิข้าจะช่วยสอนให้”
ฟางเหนียงแอบหัวเราะตัวเองในใจ เมื่อลองพูดภาษาของยุคนี้ดู ก่อนหน้านี้เธอหลุดพูดไทยบ้างจีนบ้างผสมปนกันไปหมด เพราะยังปรับตัวไม่ได้ ก็ไม่แปลกหากเด็ก ๆ จะคิดว่าเธอบ้า
จริงสิ! เพิ่งสังเกตว่าเราพูดภาษาจีนได้ด้วย เพราะในยามที่เป็นมรกตภาษาหลักที่พูดได้ คือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ภาษาจีนนี่คือไม่ได้เลยจ้า แต่พอมาอยู่ในร่างนี้ดันพูดได้เฉยเลย
พูดได้แต่จำอะไรไม่ได้ซะงั้นแปลกดีเนอะ...
แม้ตงซิ่วจะยังนึกสงสัยคำพูดแปลก ๆ ของมารดา ประเดี๋ยวก็แทนตัวว่าข้า ประเดี๋ยวก็แทนตัวว่าฉันจนงงไปหมด แต่ก็ยอมปล่อยผ่านไป เพราะคิดไปก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี
สองแม่ลูกจึงมาช่วยกันซักผ้าต่อ อีกคนเป็นคุณหนูที่ไม่เคยซักผ้าเอง พอได้ลองทำก็รู้สึกสนุกขึ้นมา ส่วนอีกคนซักผ้าบ่อยจนชิน แต่ตื่นเต้นกับฟองที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในกะละมัง
ทว่าครั้งนี้เขาระวังตัวดี ไม่ยอมให้มันโจมตีอีก ยิ่งเล่นยิ่งสนุกใช้มือวักฟอกขึ้นมาเป่าให้ลอยไปตามลม
เขาบอกตัวเองเสมอว่าโตแล้ว แต่วันนี้ขอเล่นเป็นเด็กสักครั้งเถอะ
เมื่อซักผ้าเสร็จฟางเหนียงคนใหม่ก็พบว่า งานหนักกว่าซักผ้าก็ตอนหาที่ตากนี่แหละ
ฟางเหนียงเมียงมองหาวิธีเอาตัวรอด ก็คิดว่าควรเอาผ้าไปพาด ๆ ไว้ตามกิ่งไม้ที่ร่างท้วม ๆ นี้พอจะเอื้อมมือถึง
เสื้อผ้ามีไม่กี่ตัวแต่หาที่ตากยากเย็นเหลือเกิน อีกอย่างก็กลัวว่าฝุ่นที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้จะทำให้เสื้อผ้าสกปรกซ้ำสอง จึงต้องหาน้ำมาลูบทำความสะอาดไปพลาง ๆ
ยุคนี้แน่นอนว่าไม่มีเครื่องอบผ้า และหากนำผ้ามาตากกลางพื้นที่โล่งอย่างไรก็ย่อมมีฝุ่นมาเกาะ ได้แต่ทำใจอย่างเดียว
จึงต้องกล่อมตัวเองใหม่ว่า ทน ๆ ไปก่อนสักวันคงชินไปเอง ฟางเหนียงบอกตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ ประเมินแล้วว่าโรครักความสะอาดต้องรักษาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ถึงจะใช้ชีวิตต่อในโลกนี้ได้อย่างสงบสุข!
ความคิดเห็น