ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #4 : ไม่ใช่ท่านแม่คนเดิม..

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 4 ไม่ใช่ท่านแม่คนเดิม…

    ผ่านไปไม่นานมรกตก็เริ่มยอมรับว่า ตัวเองคือฟางเหนียงได้แล้ว เธอพยายามสะกดจิตตัวเองอยู่นานให้ลืมตัวตนเก่า ๆ แต่ยังคงเป็นตัวเอง ไม่ใช่นางร้ายในคราบคนบ้าเหมือนเจ้าของร่างเดิม

    แม้ว่าชื่อและร่างกายจะแปรเปลี่ยน แต่อย่างไรภายในก็คือสาวแซ่บจากยุค 2023 อยู่ดี ส่วนเรื่องคำพูดคำจาคงต้องเรียนรู้กันไปยาว ๆ จะให้ฝืนพูดได้ทันทีก็คงไม่ใช่ ก็คนมันไม่ชินนี่!

    อีกอย่างความทรงจำเดิมของร่างนี้ก็ไม่มีเลย เธอจำต้องมาเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด จนใกล้จะถูกเจ้าเด็กฉลาดนั่นจับได้แล้วมั้ง

    ฟางเหนียงตักน้ำใส่กะละมังใบใหญ่ เทผงซักฟอกลงไปตีให้เกิดฟอง แล้วหยิบเสื้อผ้าทีละตัวมาแช่ทิ้งไว้ แล้วอุ้มตะกร้าใส่เครื่องอาบน้ำมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ ที่พอบดบังสายตาจากคนภายนอกได้อยู่บ้าง

    ด้านในเป็นพื้นที่โล่ง ครึ่งหนึ่งอยู่บนบก อีกครึ่งอยู่ในน้ำ หญิงสาวถอดเสื้อผ้าของสามี(?) โยนข้ามกำแพง คิดว่าอย่างไรก็ไม่มีทางใส่มันอีก เอาไปตัดทำเป็นผ้าขี้ริ้วดีกว่า

    ส่วนเสื้อผ้าเก่า ๆ ต้องจำใจใส่ไปก่อน ถ้ามีเงินเยอะแล้วก็ค่อยคิดหาทางเดินเท้าเข้าเมืองไปหาซื้อชุดใหม่เอา

    พอมายืนอยู่กลางแดด ก็ได้โอกาสก้มมองสภาพเปลือยเปล่าของตัวเองชัด ๆ นั่นยิ่งทำให้เธอรับไม่ได้เข้าไปใหญ่

    หญิงสาวทำใจก้าวลงไปนั่งในน้ำ ใช้มือวักน้ำลูบผิวกายหยาบกร้าน จากนั้นค่อย ๆ ใช้ผ้าขัดถูคราบไคลออก ต่อให้แสบผิวจนแดงเถือกก็ต้องทนเพื่อความสะอาด ใช้เวลาอยู่นานมากจนมือเท้าเปื่อย คราบไคลบนตัวก็ยังออกไม่หมด

    “ขัดจนเลือดซิบแล้วยังออกไม่หมดอีก คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ถามจริงคุณสามี สภาพนี้แต่ก็ยังมีลูกด้วยกันถึงสี่คนได้ อยากรู้จังว่าสามีของร่างนี้คิดอะไรอยู่”

    “เขากัดฟันหลับหูหลับตาเอาเหรอ? กลิ่นปากนี่ยิ่งไม่ไหวเลยนะ แค่หายใจกลิ่นยังตีเข้าจมูกตัวเองเลยอะ

    พูดแล้วก็พะอืดพะอมต้องแปรงฟันจัดหนักถึงสามรอบ เธอถึงขั้นโยนแปรงอันแรกทิ้งแล้วเปลี่ยนแปรงใหม่ เพราะรู้สึกรังเกียจตัวเองตอนนี้มากจริง ๆ จนเผลอร้องไห้ออกมา

    ผมเผ้าที่พันกันรุงรังต้องตัดบางส่วนออก ต่อให้ผมแหว่งก็ช่างมัน ไว้รอมันยาวค่อยตัดแต่งทรงหน่อยก็ได้แล้ว

    เธอพอรู้มาบ้างว่าคนในยุคก่อน ๆ ห้ามปล่อยผมออกนอกบ้าน จึงคิดถือโอกาสมวยผมแหว่ง ๆ นี้ซ่อนไว้ก่อน แล้วตัดผมออกอย่างไม่ปรานีว่าร่างเดิมจะไว้ผมยาวมากี่ปี

    ผมของฟางเหนียงยาวถึงบั้นท้าย แต่ยามนี้กลับถูกตัดออกมากถึงครึ่งหนึ่ง พวกผมแตกปลายแน่นอนว่าไม่ได้ไปต่อ ลอยไปตามน้ำแล้ว

    หลังจากสระผมด้วยแชมพูถึงห้ารอบ ก็ได้เวลาหมักผมด้วยครีมนวดสมุนไพรสูตรเข้มข้นทิ้งไว้สักระยะ ระหว่างนี้ก็เอาเวลามานั่งกำจัดขนส่วนเกินต่อ วันนี้ใช้มีดโกนถางออกไปก่อน ไว้วันหลังค่อยแอบแว็กซ์ในห้อง

    “จะว่าไปแล้ว พออาบน้ำผิวเดิมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่คล้ำเพราะโดนแดดแรงแล้วก็ไม่ได้บำรุงเลย ถ้าบำรุงหนัก ๆ สักเดือนสองเดือน ผิวอาจจะดีขึ้นมั้ง”

    “แหวะ~ กลิ่นใต้วงแขนแสบจมูกมากเลยอะ ท้องที่หิว ๆ เจอกลิ่นนี้เข้าไปหายหิวเป็นปลิดทิ้งเลย กลิ่นนี้มันทำให้คนทั้งโลกตายได้เลยนะแม่คุณ! ถ้าอาบน้ำใหม่อีกรอบ ไม่ต้องใช้ผงซักฟอกถูเลยเหรอกลิ่นถึงจะหาย”

    ฟางเหนียงจัดการกับร่างกายใหม่อย่างหนักหน่วงเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าการทำสวย ทำแค่ครั้งเดียวแล้วสวยเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ให้ดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างก็ยังดี

    หญิงสาวใช้เวลาปรับสภาพตัวเองใหม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ตงซิ่วนึกเป็นห่วงมารดาจึงเดินมาดู แต่ก็ไม่เห็นตัวนางอยู่ตรงนี้ เห็นเพียงเสื้อผ้าที่แช่กะละมังไว้ แต่ที่แปลกคือพวกมันมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยโชยมาตามลม

    “ท่านแม่เป็นอะไรหรือไม่ขอรับ! ท่านอยู่ที่นี่นานแล้วนะขอรับ”

    “ฮะ เอ่อ ไม่ ๆ ฉันไม่เป็นไร ใกล้เสร็จแล้วเหลือแค่ซักผ้า เด็กน้อยเธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ กลับไปพักเถอะ!”

    เด็กชายเดินมาหยุดอยู่ริมน้ำ ก็ปรากฏเป็นเส้นผมหลายเส้นหล่นอยู่ตามโขดหิน จึงเกิดความสงสัยขึ้นมา

    ท่านแม่ตัดผมตัวเองหรือ? ไม่ใช่ว่านางหวงแหนเส้นผมที่ท่านยายให้มามากกว่าชีวิตอย่างนั้นหรือ ตอนที่น้องเล็กเผลอตัดผมนางเข้า นางถึงกับตีเด็กที่ไม่มีทางสู้ปางตาย แต่มาวันนี้นางยอมตัดผมตัวเอง...

    ถ้ามรกตรู้ว่าอดีตร่างเดิมตีลูก เพราะเรื่องผมแบบไร้เหตุผล คงได้ถอดวิญญาณไปไล่ตามตบคิดบัญชี เหตุทำให้ตนต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ

    ตงซิ่วนั่งยอง ๆ หยิบเสื้อผ้าของมารดามาขยี้ลงบนโขดหิน แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามีสิ่งขาว ๆ ฟูฟ่องขึ้นมา ทุกครั้งที่เขาขยี้ผ้ามันจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น พอดม ๆ ดูแล้วกลับมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ

    น่าประหลาดใจยิ่งนัก...แต่เมื่อเจ้าสีขาวกระเด็นเข้าตาแทนที่จะหลบ เขากลับเบิกตากว้างรอรับมันเสียงั้น เช่นนี้จะไม่ให้แสบอย่างไรไหวเล่า

    ฟางเหนียงรีบอาบน้ำ เพราะได้ยินเสียงคนขยี้เสื้อผ้า จึงหยุดอาบน้ำล้างตัว แล้วเร่งเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ใช้ผ้าบาง ๆ พันหัวลวก ๆ แล้วเดินออกมา ก็เห็นเจ้าเด็กฉลาดกำลังวักน้ำลูบหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “เกิดอะไรขึ้น!”

    “ข้าถูกปีศาจสีขาวลอยเข้าตาขอรับ”

    ดวงตากลมโตมองฟองที่เกิดจากฝีมือบุตรชาย

    “อ้อ...ไม่ต้องกลัวนะ เธอแค่ลืมตาในน้ำ ให้น้ำชำระล้างก็พอ”

    ตงซิ่วทำตามคำแนะนำทันที เมื่ออาการแสบตาหายไปแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นจากน้ำใช้แขนเสื้อเช็ดหน้า ก่อนเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “มันคืออะไรหรือขอรับ เหตุใดถึงได้แสบตาเช่นนี้”

    “อ่า อธิบายอย่างไรดีล่ะ”

    “...”

    “อ้อ มันก็คือสบู่ที่แรงกว่าสบู่ถูตัวทั่วไปน่ะ จะใช้ทำความสะอาดผ้าที่มีคราบหนักและมีกลิ่นเหม็นโดยเฉพาะ ใช้ภายนอกเท่านั้นห้ามกินเข้าไป ที่สำคัญระวังอย่าให้เข้าตานะ”

    “ถ้าเข้าตาอาการก็เป็นแบบที่เธอเจอนั่นแหละ ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ทำให้ตาบอดได้ถ้าโดนเยอะ ๆ”

    เห็นท่าทางน่าเอ็นดูนั่นแล้ว คนเป็นแม่ตัวปลอมก็อดหัวเราะไม่ได้ มรกตในร่างฟางเหนียงเริ่มยอมรับตัวเองได้แล้ว หลังจากอาบน้ำอย่างหนักหน่วงแล้วพบว่า ร่างเดิมมีร่างกายที่ดีเยี่ยม เหลือแค่ขัดเกลาให้มันกลับมาเป็นอย่างที่ควรจะเป็น

    เธอต้องเป็นสาวงามเพื่อมัดใจลูก ๆ ให้ได้ ส่วนสามีขอดูหน้าค่าตากันชัด ๆ ก่อน ค่อยตัดสินใจว่าควรมัดใจเขาด้วยอีกคนหรือไม่

    “อยากช่วยข้าซักผ้าหรือ มาสิข้าจะช่วยสอนให้”

    ฟางเหนียงแอบหัวเราะตัวเองในใจ เมื่อลองพูดภาษาของยุคนี้ดู ก่อนหน้านี้เธอหลุดพูดไทยบ้างจีนบ้างผสมปนกันไปหมด เพราะยังปรับตัวไม่ได้ ก็ไม่แปลกหากเด็ก ๆ จะคิดว่าเธอบ้า

    จริงสิ! เพิ่งสังเกตว่าเราพูดภาษาจีนได้ด้วย เพราะในยามที่เป็นมรกตภาษาหลักที่พูดได้ คือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ภาษาจีนนี่คือไม่ได้เลยจ้า แต่พอมาอยู่ในร่างนี้ดันพูดได้เฉยเลย

    พูดได้แต่จำอะไรไม่ได้ซะงั้นแปลกดีเนอะ...

    แม้ตงซิ่วจะยังนึกสงสัยคำพูดแปลก ๆ ของมารดา ประเดี๋ยวก็แทนตัวว่าข้า ประเดี๋ยวก็แทนตัวว่าฉันจนงงไปหมด แต่ก็ยอมปล่อยผ่านไป เพราะคิดไปก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี

    สองแม่ลูกจึงมาช่วยกันซักผ้าต่อ อีกคนเป็นคุณหนูที่ไม่เคยซักผ้าเอง พอได้ลองทำก็รู้สึกสนุกขึ้นมา ส่วนอีกคนซักผ้าบ่อยจนชิน แต่ตื่นเต้นกับฟองที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในกะละมัง

    ทว่าครั้งนี้เขาระวังตัวดี ไม่ยอมให้มันโจมตีอีก ยิ่งเล่นยิ่งสนุกใช้มือวักฟอกขึ้นมาเป่าให้ลอยไปตามลม

    เขาบอกตัวเองเสมอว่าโตแล้ว แต่วันนี้ขอเล่นเป็นเด็กสักครั้งเถอะ

    เมื่อซักผ้าเสร็จฟางเหนียงคนใหม่ก็พบว่า งานหนักกว่าซักผ้าก็ตอนหาที่ตากนี่แหละ

    ฟางเหนียงเมียงมองหาวิธีเอาตัวรอด ก็คิดว่าควรเอาผ้าไปพาด ๆ ไว้ตามกิ่งไม้ที่ร่างท้วม ๆ นี้พอจะเอื้อมมือถึง

    เสื้อผ้ามีไม่กี่ตัวแต่หาที่ตากยากเย็นเหลือเกิน อีกอย่างก็กลัวว่าฝุ่นที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้จะทำให้เสื้อผ้าสกปรกซ้ำสอง จึงต้องหาน้ำมาลูบทำความสะอาดไปพลาง ๆ

    ยุคนี้แน่นอนว่าไม่มีเครื่องอบผ้า และหากนำผ้ามาตากกลางพื้นที่โล่งอย่างไรก็ย่อมมีฝุ่นมาเกาะ ได้แต่ทำใจอย่างเดียว

    จึงต้องกล่อมตัวเองใหม่ว่า ทน ๆ ไปก่อนสักวันคงชินไปเอง ฟางเหนียงบอกตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ ประเมินแล้วว่าโรครักความสะอาดต้องรักษาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ถึงจะใช้ชีวิตต่อในโลกนี้ได้อย่างสงบสุข!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×